collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: กลัวไม่จริง  (อ่าน 1652 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
กลัวไม่จริง
« เมื่อ: 11/07/2012, 08:46 »
        ฤๅษีตนหนึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าริมแม่น้ำ  ได้เห็นเด็กเพศชายลอยน้ำมาในกระเช้า  เกิดความสงสารจึงเก็บมาเลี้ยงไว้ตามมีตามเกิด  จนกระทั่งเด็กโตขึ้นจึงให้บวชเป็นฤๅษีน้อยและฝึกสอนวิชาบำเพ็ญพรตให้  พร้อมทั้งสอนให้กลัวสัตว์ป่าที่ดุร้ายชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเสือ  ฤๅษีน้อยก็จดจำชื่อของสัตว์ได้ทุกชนิด  พอเข้าป่าไปหาผลไม้ได้พบสิงโตบ้าง  งูบ้าง  หมีบ้าง  ก็หลบหลีกไม่เผชิญหน้า  แต่ยังไม่เคยเห็นเสือตัวจริงสักครั้งเดียว
          จวบจนฤๅษีน้อยย่างเข้าสู่วัยรุ่น  พ่อฤๅษีได้พาเข้าเมืองเพื่อลิ้มรสเปรี้ยวรสหวานบ้าง  เพราะตั้งแต่เลี้ยงมายังไม่เคยพาเข้าเมืองเลย  ฤๅษีน้อยได้เห็นผู้คนในเมืองเดินกันขวักไขว่  แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลากสีสวยงามไม่เคยเห็น  สินค้าที่นำมาวางขายหรือที่อยู่ในร้านก็มีมากมาย  แต่ไม่รู้จักไม่เคยใช้เลยสักอย่างเดียว  ตื่นตาตื่นใจจนตบะกระเจิงไปเหมือนกัน  มีช่วงหนึ่งได้พบสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม  ดวงตากลมโต  ปากแดงระเรื่อ   แก้มเป็นพวง  ผมยาวสลวยเป็นมันงาม  ทรวดทรงอ้อนแอ้น  เสื้อผ้าที่ใส่ก็รัดรูปจนเห็นองค์เอวได้ถนัด  ฤๅษีน้อยพอได้สบตา  กับแม่นางน้อยที่คอยจ้องดูตนอยู่เข้าก็ถึงกับเสียวซ่านไปถึงหัวใจ  จ้องตาแทบไม่กระพริบ  พ่อฤๅษีเห็นอาการอย่างนั้นของฤๅษีน้อยก็รีบดึงแขนออกไปจากที่นั้นแล้วสอนว่า
          "ลูกเอ๋ย  นั่นแหละคือเสือละ  ให้กลัวเข้าไว้เถอะเพราะมีอันตรายมาก  เผลอเมื่อไรก็จะกัดเอาถึงตายทีเดียว"
          ฤๅษีน้อยได้ยินเข้าก็นึกว่าเป็นจริง  เพราะตั้งแต่โตมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย  ก็นึกว่าเป็นเสือจริง ๆ จึงไม่กล้ามองผู้หญิงคนใดอีก
          หลังจากกลับจากเมืองแล้ว  ฤๅษีน้อยมีอาการและท่าทางผิดไป  ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเดิม  ชอบนั่งเหม่อลอยอยู่ริมน้ำ  ไม่อยากทำงานเหมือนปกติ  ถึงเวลานั่งสมาธิก็นั่งแบบเสียไม่ได้  ดูซึมเซื่องเงื่องหงอยไป  เป็นอยู่อย่างนี้หลายวันเข้า  ฤๅษีพ่อจึงเรียกมาถาม
          "เป็นไงไปหรือลูก  หมู่นี้ดูเจ้าไม่สบายเลย  ใจลอยชอบกล  มีอะไรอยู่ในใจหรือ"
          ฤๅษีน้อยไม่กล้าตอบความในใจ  ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่  แต่เมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้าจึงอ้อมแอ้มตอบว่า
          "ผมคิดถึงเสือครับ"
          เรื่องที่ได้สดับมาจบเพียงแค่นี้

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า

          มนุษย์ทุกคนมีความกลัวเป็นพื้นฐาน  เช่น กลัวคนบ้าง  กลัวสัตว์บ้าง  กลัวความมืดบ้าง  กลัวตายบ้าง  แต่ทั้ง ๆ ที่กลัว  นี่แหละมนุษย์เรากลับกลัวไม่จริง  คือกลัว ๆ กล้า  ไม่หลบเลี่ยง  ไม่ทิ้งสิ่งที่กลัว  กลับเสี่ยงทำเสี่ยงประพฤติสิ่งที่กลัวนั้น  เช่น กลัวยากจน  กลับทำสิ่งที่ทำให้เกิดความยากจน  เช่น เล่นการพนันบ้าง  กินเหล้าบ้าง  สูบบุหรี่บ้าง  เกียจคร้านบ้าง  หรือกลัวโรค  แต่กลับทำสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดโรค  เช่น กินไม่เลือกบ้าง  ไม่รักษาสุขภาพบ้าง  หรือกลัวตกนรก  แต่กลับทำแต่บาปกรรม  ทำแต่สิ่งที่ทำให้ตกนรก  โดยไม่เชื่อเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ว่าจะมีจริง  ดังนี้เป็นต้น  เรียกว่ากลัวไม่จริง  คนที่กลัวไม่จริงนี่แหละที่ประสบกับความทุกข์เดือดร้อน  ประสบกับสิ่งที่ตนเองกลัว  และไม่พ้นจากสิ่งที่กลัวไปได้  เหมือนฤๅษีน้อยที่กลัวเสือแต่กลับคิดถึงเสือจนจิตใจฟุ้งซ่านเศร้าหมอง  แสดงว่ากลัวเสือไม่จริง

จาก : เรื่องเล่า  เพื่อการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม  ชุด "กิร  ดังได้สดับมา"
ของ : พระธรรมกิตติวงศ์  (ทองดี  สุรเตโช  ป.ธ.๙  ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม  เขตจอมทอง  กรุงเทพฯ  ๑๐๑๕๐

กราบนมัสการขอบพระคุณค่ะ

Tags: