collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ 彌勒救苦真經(หมีเล่อเจินจิง)  (อ่าน 9585 ครั้ง)

ออฟไลน์ CSC บริการมิตรธรรม

  • มิตรนักธรรม

คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ (หมีเล่อเจินจิง)

佛          說          彌          勒          救          苦         
ฝอซัวหมีเล่อจิ้วขู่จิง
หมีเล่อเซี่ยซื่อปู้เฟยชิง

(10 กราบ)

หมายเหตุ คนที่จะสวดคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ จะต้องถือศีลกินเจตลอดชีวิตจึงจะมีพุทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่ หรือถ้าใครที่ยังไม่กินเจ หรือกินบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนที่จะสวดก็ขอให้ท่านกินเจก่อน อย่างเช่นถ้าวันนี้จะสวดคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะก็ขอให้กินเจในวันนี้แล้วจึงจะสวด

____________________________________________________________________
ขอขอบคุณ : เว็บ The Great Element of Anuttara Dharma อนุตตรธรรม แห่งธรรมกาลยุคขาว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/11/2013, 17:04 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ tik

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
   ฝอซัวหมีเล่อจิ้วขู่จิง :                                      พระพุทธองค์ได้โปรดแสดงธรรม ว่าด้วยคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะอันสามารถเปลื้องทุกข์ได้กล่าวคือ   
   หมีเล่อเซี่ยซื่อปู้เฟยชิง :         อันว่าพระเมตเตยยะ โปรดแบ่งพระภาคอุบัติมาในกาลครั้งนี้ เพื่อเจริญปณิธานโปรดสามโลกในชั้นเทพเทวา มนุษย์ และผี เพื่อการแปรเปลี่ยนโลกวุ่นวายให้เป็นเอกภาพ สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน การอุบัติมาของพระองค์ในครั้งนี้จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อยธรรมดา   
   หลิ่งเป่าฉีหลู่หลิงซันตี้ :          พระองค์สนองรับพระโองการล้ำค่าหาใดเสมอเหมือน ดุจดั่งรัตนะวิเศษสุดจาก อนุตตรพระแม่องค์ธรรมฯ พระเมตเตยยะแบ่งพระภาคอุบัติมา ณ เมืองฉีหลู่ มณฑลซันตง ดินแดนวิเศษแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์   
   เหนี่ยนฮวาอิ้นเจิ้งเข่าซันเฉิง :          เป็นเรื่องเดียวกันกับที่ “พระผู้มีพระภาค” เคยประจงจับดอกไม้ชูขึ้นตรงพระพักตร์ แสดงปริศนาธรรมให้ประจักษ์จุดตรัสรู้ ขั้นสูงสุดระดับยานที่สามแด่สงฆ์สาวกหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป ณ เชิงเขาคิชกูฏ   
   ลั่วไจ้จงเอวี๋ยนซันซิงตี้ :          ใจกลาง ต้นกำเนิดแห่งอารยประเทศของโลก คือ ประเทศจีน ใจกลางต้นกำเนิดแห่งกายสังขาร คือ จุดสถิตพุทธจิตธรรมญาณ เป็นดินแดนวิเศษที่อยู่เหนือดินแดนสามดาว หมายถึง หัวใจที่ก่อเกิดอารมณ์โลภ โกรธ หลง   
   ต้าเจิ้งซื่อชวนอวั๋งเถาซิน :          ประจักษ์หลักฐานครั้งยิ่งใหญ่ ปรากฏในมณฑลเสฉวน ณ สวนดอกไม้อวั๋งเถาซิน   
   เทียนเจินโซวเอวี๋ยนกว้าเซิ่งเฮ่า :          พระวิสุทธิอาจารย์แห่งธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายทั้งสองพระองค์คือ พระธรรมาจารย์เทียนหยานและพระธรรมจาริณีซู่เจิน (พระธรรมจาริณีจื่อซี่ หรือ อริยมาตาจงฮว๋า) สมัยที่ 18 สุดท้ายยุคหลัง ทั้งสองพระองค์สนองรับพระธรรมโอกงการถ่ายทอดสัจธรรม จากฟ้าสู่สาธุชน เก็บงานสมบูรณ์ผล คือ เก็บจิตญาณกลมใสบริสุทธิ์ของผู้บำเพ็ญดี จารึกในทะเบียนอริยะ   
   เติ่งไต้สือจื้อเตี่ยนเสินปิง :          เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็จะเป็นวาระคัดเลือกรวมพลญาณวิเศษและเทพเทวา   
   อวิ๋นเหลยเจิ้นไคอู้จี๋ถู่ :          พระธรรมจาริณีซึ่งมีพระธรรมธาตุเช่นเมฆ เช่น น้ำ หรือเช่นดวงจันทร์ พระธรรมาจารย์ซึ่งมีพระธรรมธาตุเช่น อัสนี เช่นไฟ หรือเช่นดวงอาทิตย์ จะแสดงพระบุญญาธิการเปิดวาระธรรมกาลยุคขาวในใจกลางแผ่นดินจีน ด้วยการถ่ายทอดเปิดจุดสถิตจิตญาณ ณ ใจกลางร่างกายคน เป็นมหาวาระแห่งมหาธรรมปฏิบัติ อันเสะเทือนฟ้าสะเทือนดินซึ่งมิะเคยปรกโปรดแต่ก่อนใดมา   
   เทียนเซี่ยเสินกุ่ยปู้อันหนิง :          ใต้หล้าฟ้านี้ เทพเทวาผีสางต่างตื่นตระหนกกระวนกระวายไม่สงบสุข เพราะถึงยุคสุดท้าย มหันตภัยจะกวาดล้างทั้งสามโลกแต่เบื้องบนปรกโปรดประทานหนทางรอดแก่ชีวิตจิตญาณที่จะเก็บไว้เป็นกุศลพันธุ์ ต่อไปในกาลข้างหน้าได้ ทุกชีวิตจิตญาณจึงต่างวุ่นวายใฝ่หาพระวิสุทธิอาจารย์ผู้นำทาง   
   ชินไจ้เหยินเทียนจงฮว๋าหมู่ :          ทุกชีวิตจิตญาณจึงต่างปรารถนาจะสนิทชิดใกล้ฟ้าอันการุณกลับคืนไปยังอนุตตรธรรมมารดาจึงต่างใคร่รู้ธรรมญาณอันเจิดจรัสในศูนย์กลางกายแห่งตน อีกนัยหนึ่งคือ ต่างปรารถนาชิดใกล้พระอริยมาตาจงฮว๋า พระผู้ทรงรับพระภาระเก็บจิตวิญญาณอันเจิดจรัสของผู้บำเพ็ญดีทุกคน เรียกว่าเก็บงานสมบูรณ์ผล ช่วงสุดท้ายในการปรกโปรดครั้งนี้   
   จิ่วเหลียนเซิ่งเจี้ยวกุยซั่งเฉิง :          ทุกชีวิตจิตญาณต่างปรารถนาจะปฏิบัติบำเพ็ญในศาสนาอันอาจบรรลุมรรคผลแห่งอริยะ กลับไปยังยานระดับสูงประทับบนบัลลังก์บัวเก้าระดับได้    
   เทียนฮวาเหลาหมู่ฉุยอวี้เซี่ยน :          ทุกชีวิตจิตญาณและสาธุชนจะมีโอกาสสนิทชิดใกล้อุบลสวรรค์บัลลังก์บัวด้วย “พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรม” โปรดหย่อนสายบุญบริสุทธิ์สูงส่งเป็น มงคลดั่งหยกดั่งทองลงมานำพาพุทธบุตรดั้งเดิมอันเป็น กุศลพันธุ์   
   โซวเอวี๋ยนเสี่ยนฮว่าไจ้กู่ตง :          เพื่อการเก็บงานสมบูรณ์ผล นำพาชีวิตจิตญาณพุทธบุตร สาธุชนกลับคืนเบื้องบน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป การนี้จะปรากฏพุทธานุภาพให้ประจักษ์จริงในโลกมนุษย์ ณ ดินแดนประเทศเก่าก่อนโบราณ (ประเทศจีน) เพื่อการเก็บงานสมบูรณ์ผล ชีวิตจิตญาณที่ตกต่ำเสียหาย จะได้รับการฟื้นฟูชูชุบ ณ จุดญาณทวารผู้ที่ผ่านการจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว จะผันเปลี่ยนจิตใจและบำเพ็ญให้บรรลุได้ในที่สุด   
   หนันเป่ยเหลี่ยงจี๋เหลียนจงซวี่ :          ธรรมปฏิบัติที่แตกต่างห่างไกลกัน ดังฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือสองขั้ว เช่น พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง (เว่ยหล่าง) ที่บำเพ็ญแนวทาง “นิรรูป” ฉับพลัน แต่ศิษย์ผู้พี่คือ พระอาจารย์ “เสินซิ่ว” บำเพ็ญแนวทาง “รู้รูป” ค่อยปลงรูป หรือการปฏิบัติบำเพ็ญในแนวทางอื่น ๆ แต่ละศาสนาลัทธินิกาย ในธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายนี้ ทุกแนวทางปฏิบัติบำเพ็ญ จะประสานกันคืนกลับต้นสายตระกูลเดิม    
   ฮุ่นเอวี๋ยนกู่เช่อไจ้จงอยัง :          ตั้งแต่บรรพกาลมา รูปแบบของมนุษย์ที่องค์ธรรมมารดาซึ่งเป็นพระผู้สร้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนเก่านั้นคือ จุดสถิตพุทธจิตธรรมญาณของกายสังขาร อยู่ที่ศูนย์กลางกาย (ศีรษะ)    
   เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยทงเทียนเชี่ยว :          ศูนย์กลางกายที่ศีรษะจุดนี้ องค์ธรรมมารดาพระผู้สร้างได้โปรดประทานให้เป็นประตูทางผ่านให้ชีวิตจิตญาณกลับคืนไปยังฟ้า กลับสู่สุญญตา หรือ วิมุติภาวะแต่เดิมทีของตน   
   อู๋อิ่งซันเฉียนตุ้ยเหอถง :          หลังจากพระวิสุทธิอาจารย์เบิกจุดญาณทวารตรงศูนย์กลางกาย อันเป็นประตูทางผ่านไปยังฟ้าซึ่งอยู่ใกล้กับเบื้องหน้าภูเขาไร้รูปเงานั้นแล้ว การกลับคืนเบื้องบนไปของผู้ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมแล้วยังจะต้องแสดง “ลัญจกร” ตราประทับของพระพุทธะ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์สูงส่งของจิตใจที่ไม่ผิดเพี้ยนเอนเอียง ไม่แบ่งเขา แบ่งเรา ซึ่งเป็นสภาวะธรรมอันสมานฉันท์ในจิตของตนอีกด้วย   
   อิงเอ๋อเหย้าเสี่ยงกุยเจียชวี่ :          พุทธบุตรผู้มีจิตบริสุทธิ์โปร่งใส ดั่งทารกน้อยหากคิดที่จะกลับคืนสู่บ้านเดิม (บรรลุธรรม)    
   ฉือเนี่ยนตังไหลหมีเล่อจิง :          พึงประคองท่องจำคัมภีร์เมตเตยยะ อันได้มาแต่เดิมทีไว้ให้ดี คัมภีร์เมตเตยยะอันได้มาแต่เดิมทีจึงแฝงปริศนาไว้ หมายถึง ดวงธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่งใส อันเป็นสุญญตาภาวะ แผ่ไพศาลจนประมาณขอบเขตมิได้ อีกทั้งเมื่อรวมศูนย์ไว้จะ “สงบหาย” จนเหมือนไม่มีสิ่งเล็กละเอียดใด ๆ แทรกอยู่ภายในได้เลย “ประคองท่องจำ” คือรำลึกกำหนดรู้สภาวะธรรมความเป็นอยู่ของธรรมญาณตน นั่นคือ บำเพ็ญจิตทุกขณะเวลาให้ตรงต่อความหมายของคำว่า พระคัมภีร์เมตเตยยะ อันได้มาแต่เดิมที   
   ย่งซินฉือเนี่ยนฝอไหลจิ้ว :          หากประคองท่องจำกำหนดรู้ในความเป็นอยู่ของธรรมญาณอันบริสุทธิ์โปร่งใสด้วยจิตใจละเอียดประณีตลึกซึ้งสุขุมดีแล้ว เมื่อนั้นพระพุทธะจะมาโปรด เมื่อพุทธภาวะแห่งตน “มุ่งหมาย” “ใกล้เคียง” “ตรงต่อ” หรือ “เข้าสู่” กระแสธรรมของพระพุทธะพระโพธิสัตว์พระองค์ใดในหมื่นโลกธาตุได้ พุทธภาวะแห่งตนก็ยังอาจบังเกิดพุทธานุภาพเป็นที่พึ่งแห่งตนได้   
   ตั๋วตั่วจินเหลียนชวี่เชาเซิง :         ที่สุดบัวทองทุก ๆ ดอก คือผู้บำเพ็ญจริงทุกคนในธรรมกาลยุคขาว จะสามารถล่วงพ้นจากวัฏสงสาร   
   ซึเต๋อซีไหลไป๋หยังจื่อ :          เพราะเราได้เข้าใจ ได้รู้จักดวงธรรมญาณในตนแต่เดิมทีที่มาจากฟากฟ้าตะวันตกอันเป็นดินแดน พุทธเกษตร อีกทั้งยังได้เข้าใจได้รู้ว่าเราก็คือพุทธบุตร แห่งพระอนุตตรธรรมมารดา เราก็คือผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายนี้   
   เซี่ยงเอ๋อเตี๋ยนเถี่ยฮว่าเฉิงจิน :          พุทธบุตรที่มาจากฟากฟ้า มาจากพุทธเกษตรอันเป็น บ้านต้นกำเนิดก่อนเกิดกายเมื่อได้รับวิถีธรรมก็จะสะดุดใจได้ฉุกคิด บังเกิดจิตสำนึก เมื่อพระวิสุทธิอาจารย์ได้โปรดจรดนิ้วลงบนจุดสถิตจิตญาณ ซึ่งแม้จิตดวงนั้นในบัดนี้จะพอกพูนด้วยโลกีย์วิสัยมาหลายชาติจนแข็งกระด้างดั่งเหล็กหนาก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นทอง เป็นดวงจิตขาวบริสุทธิ์ดังเดิมได้   
   เหม่ยยื่อจื้อซินฉังฉือเนี่ยน :          ต่อจากนั้น ประกอบกับตนเองมุ่งใจหมายมั่นประคองท่องจำกำหนดรู้สัจธรรมในพระคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ ประคองท่องจำกำหนดรู้สัจธรรมในพุทธภาวะของดวงจิตชีวิตธรรมญาณตน   
   ซันไจปานั่นปู้ไหลซิน :          เมื่อกำหนดรู้อยู่เสมอ ภัยจากโลภ โกรธ หลง ในตนและภยันตรายจากน้ำ ไฟ ลมภายนอกจะไม่อาจให้ร้าย ความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จาก พราก อยากใคร่ ผิดหวัง คั่งแค้นและขันธ์ห้าจะไม่อาจให้ทุกข์อีกทั้งวินาศภัยจากน้ำท่วม ไฟไหม้ หอกดาบ มีดพร้า ศาสตราภัย สงครามย่ำยี แห้งแล้งอดอยาก จมน้ำตาย ไร่นาเสียหาย พืชผลล้มเหลว.....ความวิบัติเหล่านี้ก็จะไม่ก่อทุกข์ให้   
   เหย้าเสี่ยงเฉิงฝอฉินหลี่ไป้ :          หากคิดจะบรรลุพุทธะ จงหมั่นน้อมกราบพุทธะผู้ไปดีแล้วจากการบำเพ็ญเพียรของพระองค์เอง และจริญรอยตามแบบอย่างของพระองค์ให้จงได้ หากคิดจะบรรลุพุทธะจงหมั่นน้อมกราบพุทธะภาวะแห่งตน ซึ่งตนจะรู้ดีกว่าใครอื่นว่าตนนั้นสูงส่งดีงามสมควรได้รับการกราบไหว้จากตนเองและผู้อื่นเพียงไร   
   ฉังฉือชงหมิงจื้อฮุ่ยซิน :          หากหมั่นประคองรักษาพุทธภาวะอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ในตนไว้เสมอ หูตาจะสว่างแจ่มชัดกว้างไกลปัญญาญาณอันล้ำเลิศจะเกิดแก่จิต หมั่นประคองท่องจำคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะไว้เสมอ พุทธานุภาพในพระคัมภีร์จะช่วยให้หูตาสว่างแจ่มชัด กว้างไกล ปัญญาญาณอันล้ำเลิศจะเกิดตามมา   
   ซิวทิงเสียเหยินหูซัวฮว่า :          จงหยุด อย่าได้เชื่อฟังคำยุแหย่ ยกยอ หยามหยาบ หรือคำชักนำ อันเป็นมิจฉาวาจาจากมิจฉาบุคคล “ภายนอก” ทั่วไป จงหยุด อย่าได้ฟังคำยุแหย่ ยกยอ หยามหยาบ หรือคำชักนำจากมิจฉาบุคคล “ภายใน” คือกายของตนเอง ที่พูดจาเหลวไหลไม่ตรงต่อหลักสัจธรรมความเป็นจริง   
   เหลาซวนอี้หม่าเนี่ยนอู๋เซิง :          จงล้อมคอกความคิดจิตกระเจิงไว้ เหมือนคล้องคอม้าพยศให้สงบหยุดนิ่งลงได้ จงมุ่งหมายท่องจำกำหนดรู้อยู่ที่องค์ธรรมมารดา พุทธบุตรจากองค์ธรรมมารดาคือธรรมญาณตน จงคล้องใจพุทธบุตรไว้ มิให้ความคิดเกิดดับ เกิดดับ....สับสนเรื่อยไป   
   เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยเจินเทียนโจ้ว :          องค์ธรรมมารดาปรกโปรดประทานสัจจคาถาจากฟ้า นั่นคือ “ดวงธรรมญาณ” ไว้ในรูปกายสังขาร ดวงธรรมญาณหรือสัจจคาถาจากฟ้าจึงมีความศักดิ์สิทธิ์พร้อมแล้วอยู่ในตัว   
   ย่งซินฉือเนี่ยนโหย่วเสินทง :          พึงตั้งใจประคองท่องจำสำนึกรู้ในสัจจคาถาจากฟ้า คือดวงธรรมญาณของตนไว้เรื่อยไป จนกว่าจะเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ เกิดปัญญาระลึกรอบรู้ได้   
   หมั่นเทียนซิงโต่วโตวเซี่ยซื่อ :          บัดนี้เทพสถิตประจำดวงดาวทุกหมู่เหล่าต่างมุ่งลงมาสู่โลก บ้างเกิดกาย บ้างแฝงกายเพื่อเสริมส่งธรรมปฏิบัติในยุคสุดท้ายนี้   
   อู่ฟังเลี่ยเซียนเซี่ยเทียนกง :          เซียนทุกระดับจากทิศตะวันออก ตะวันตกทิศเหนือ ทิศใต้และศูนย์กลาง ต่างลงมาจากปราสาททิพยวิมานในชั้นฟ้า   
   เก้อฟังเฉิงหวงไหลตุ้ยเฮ่า :          พระกาฬประจำเมืองแต่ละด้านต่างรีบเร่งทำการตรวจสอบเลขที่บัญชีรายชื่อของผู้อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของท่านว่า ใครได้รับการถอนชื่อเพื่อ ถวายขึ้นไปในบัญชีอริยะ (รับธรรมะ) พ้นจากหน้าที่ปกครองของท่านแล้วบ้าง   
   เป้าซื่อหลิงถงฉาเตอชิง :          การนี้ยังมีทิพย์กุมารสื่อสารอีกมากมายร่ามทำนหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายชื่อให้ตรงกับบุคคลนั้น ๆ อย่างแน่ชัดเพื่อถวายรายงานต่อ....   
   ซันกวนต้าตี้ฉือเปยจู้ :          ....มหาราชเจ้าทั้งสามพระองค์ที่ทรงโปรดทำหน้าที่จารึกรายชื่อที่ถวายขึ้นไปในบัญชีอริยะเบื้องบน   
   เซ่อจุ้ยซันเฉาจิ้วจ้งเซิง :          เป็นบุญวาระสุดท้ายที่เบื้องบนทรงโปรดฉุดช่วยมวลชีวิตจิตญาณ เทพเทวา มนุษย์ ผี ที่ได้รับการฉุดช่วยทั้งสามโลกในครั้งนี้จะได้รับการอภัยโทษผ่อนผันเป็นการเฉพาะจากองค์ธรรมมารดา   
   จิ้วขู่เทียนจุนไหลจิ้วซื่อ :          เมื่อพระเมตเตยยะ จะเจริญมหาปณิธานมาปรกโปรด เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ให้ชาวโลกในครั้งนี้   
   ชินเตี่ยนเหวินปู้เจียตี้เสิน :          พระองค์ทรงคัดเลือกกำหนดหมายด้วยพระองค์เอง ให้พระอริยะพระโพธิสัตว์ฝ่ายบุญฤทธิ์ซึ่งเข้าถึงจิตของสาธุชนดั่งดวงตะวันจันทราสว่างฟ้าทั่วหล้า ทั่วสกล คือพระพุทธจี้กงและพระโพธิสัตว์จันทรปัญญา ให้ทรงทำหน้าที่วิสุทธิอาจารย์ เบิกจุดสถิตจิตพุทธะให้แก่ผู้ขอรับวิถีธรรม   
   ปาต้าจินกังไหลฮู่ฝ่า :          พระองค์ทรงคัดเลือกกำหนดหมายวัชรเทพผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกแปดฝ่าย อีกทั้งท้าวจตุมหาโลกบาลทั้งสี่ อันประกอบด้วย พระวัชรอัสนี พระวัชรวายุ พระวัชรพยัคฆา และพระวัชรนาคา พร้อมกันมาพิทักษ์ธรรม    
   ซื่อเว่ยผูซ่าจิ้วจ้งเซิง :          อีกทั้งยังมีมหาโพธิสัตว์ทั้งสี่คือ พระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา พระโพธิสัตว์มัญชุศรี พระโพธิสัตว์สมันตภัทร ทรงค้ำชูงานถ่ายทอดเบิกธรรม ทรงฉุดช่วยคุ้มครองรักษาเหล่าเวไนยฯ   
   จิ๋นหลิ่งซันซึลิ่วเอวี๋ยนเจี้ยง :          เมื่ออาราธนาหรือสวดท่องพระคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ พระองค์จะนำพาจอมทัพฟ้า และเทวาอารักษ์น้อยใหญ่ อีกสามสิบหกพระองค์ลงมายังโลกมนุษย์อย่างเร่งรีบประชิดตัว   
   อู๋ไป่หลิงกวนจิ่นสุยเกิน :          อีกทั้งนำพาทิพยมนตรีอีกห้าร้อยพระองค์ตามติดประชิดมา เพื่อทรงร่วมคุ้มครองรักษาสาธุชนและสอดส่องความเป็นไปในสามโลก   
   ฝูจู้หมีเล่อเฉิงต้าเต้า :          ทุกพระองค์ทรงร่วมทำหน้าที่ประคองรองรับการอุบัติมาของพระเมตเตยยะเพื่อบรรลุมหาอริยมรรคเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป อีกนัยหนึ่งคือ ประคองรองรับเมตเตยยะองค์น้อย ๆ คือ พุทธบุตรผู้ปฏิบัติบำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวนี้ให้ได้บรรลุธรรมในภายภาคหน้า   
   เป่าอิ้วเซียงเอ๋อเต๋ออันหนิง :          คุ้มครองพุทธบุตรจากบ้านเดิมคือ ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญทั้งหลาย ให้ได้รับความสงบสุข เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาเจริญธรรมกันให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป   
   เป่ยฟังเจินอู่เหวยเจี้ยงไซว่ :          งานคุ้มครองป้องภัยนี้มี “เป่ยฟังเจินอู่” เทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์แห่งทิศอุดร เป็นนายทัพนำกอง    
   ชิงเหลี่ยนหงฝ่าเสี่ยนเสินทง :          “เป่ยฟังเจินอู่” ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์มีพระพักตร์สีเขียว พระเกศาสีแดง มีฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ก็เช่นกันท่านอุปมาให้เป็นเช่นทหารกล้า สำแดงฤทธานุภาพฝ่าฟันอุปสรรค ในการฉุดช่วยผู้คน ใช้ปัญญาฟาดฟันกิเลสมารในจิตตนให้แพ้พ่ายมลายสูญดุจเดียวกับพระองค์ “เป่ยฟังเจินอู่” ผู้ทรงฤทธิ์   
   เฉอฉี่เจ้าฉีเจอยื่อเอวี้ย :          ความห้าวหาญของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ยิ่งใหญ่ถึงขนาดคว้าเอาธงดำมาบดบังตะวันเดือนได้   
   โถวติ่งเซินหลัวชีเป่าซิง :          บุญญาธิการในพระองค์ส่องแสงสว่างกระจ่างฟ้า ดั่งมีดวงดาวรัตนะทั้งเจ็ดประดับไว้รายรอบพระเศียรเป็นอุปมาให้ผู้บำเพ็ญเสริมสร้างบารมีเปล่งรัศมีธรรมกำจัดภัยมืดเพื่อตนและเพื่อทุกชีวิต   
   เวยเจิ้นเป่ยฟังเหวยโซว่โส่ว :          อิทธิฤทธิ์ความน่าเกรงขามของพระองค์สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทิศอุดร พระองค์เป็นใหญ่ เป็นผู้นำทางทิศอุดร   
   ซู่ฉิ่งจูเอ้อกว้าเจี่ยปิง :          พระองค์เร่งรัดขอให้หมู่มารร้ายแขวนเกราะพลรบ หยุดการก่อกวนราวีผู้ปฏิบัติบำเพ็ญดีในวิถีอนุตตรธรรม ซึ่งอาจบรรลุมรรคผลได้ในภายหน้า หยุดก่อกวนราวี ผู้ที่ตั้งใจสวดท่องคัมภีร์สัจจาคาถาเมตเตยยะนี้   
   ตาจิ้วเอวี๋ยนเหยินเซียงเอ๋อหนวี่ :          พระองค์ยังทรงเป็นสื่อทอดสะพานบุญ ฉุดช่วยคนเดิมที่มาจากเบื้องบน คือสาธุชนหญิงชายผู้ที่ได้รับวิถีธรรมที่ปฏิบัติบำเพ็ญจริง   
   หั่วกวงลั่วตี้ฮว่าเหวยเฉิน :          แม้แสงไฟเพลิงจะตกลงมาสู่พื้นแผ่นดินก็มิให้เป็นอันตรายแก่สาธุชน คนดีผู้ที่ได้รับวิถีธรรม แต่ให้กลับกลายแปรเป็นเถ้าธุลีดิน   
   ซื่อไห่หลงอวั๋งไหลจู้เต้า :          พญานาคาทั้งสี่คาบสมุทรใหญ่ก็ให้มาร่วมช่วยเสริมสร้างงานถ่ายทอดวิถีธรรมให้มาร่วมช่วยคุ้มครองป้องกันภัยแก่ผู้ได้รับวิถีธรรมและสาธุชนคนดี   
   เก้อเจี้ยเสียงอวิ๋นชวี่เถิงคง :          เพื่อให้ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญเจริญธรรมเรื่อยไปได้อย่างราบรื่น ดุจได้ประทับนั่งอยู่เหนือเมฆมงคล เพื่อทะยานตนให้พ้นโลกีย์ สูงส่งขึ้นไปบนสุญญตานภากาศ   
   สือฟังเทียนปิงฮู่ฝอเจี้ย :          เทวาอารักษ์ทั้งสิบทิศก็ให้มาร่วมคุ้มครองพุทธบาทพระเมตเตยยะ ให้บรรลุมหาปณิธานในอันที่จะตระเตียมกุศลพันธุ์ไว้ในพุทธกาลหน้าต่อไป   
   เป่าอิ้วหมีเล่อชวี่เฉิงกง :          ปกป้องรักษาพระเมตเตยยะเพื่อให้ได้บรรลุผลในมหาปณิธานที่จะแปรเปลี่ยนโลกวุ่นวายให้กลายเป็น วิสุทธิแดนดินอันใสสด งดงามดังดอกบัวบานอีกทั้งปกป้องรักษาเมตเตยยะองค์น้อย ๆ คือผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวนี้ให้ได้สำเร็จมรรคผล   
   หงหยังเหลี่ยวเต้ากุยเจียชวี่ :         เมื่อยุคกาลของธรรมกาลยุคแดงล่วงเลยไปผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคแดงต่างก็บรรลุธรรมกลับคืนบ้านเดิมเบื้องบนไปแล้ว   
   จ่วนเต้าซันหยังหมีเล่อจุน :          บัดนี้ย่างเข้าสู่ธรรมกาลยุคที่สาม พระศรีอารยเมตไตรยจะปกครองธรรมกาลต่อไปหนึ่งหมื่นแปดร้อยปี   
   อู๋ฮวั๋งชื่อลิ่งจี้เซี่ยเซิง :          ธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรมจึงโปรดบัญชาประกาศิตให้พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ เทพพรหม องค์อินทร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันสนองธรรมโองการรับหน้าที่ฉุดช่วยเหล่าพุทธบุตรที่จุติฝากเกิดกายไว้ในโลกต่ำ   
   โซวฝูหนันเอี๋ยนกุยเจิ้งจง :          ให้ทุกพระองค์ร่วมกันทำหน้าที่ตามหาพุทธบุตรที่หลงเวียนว่ายอยู่ในโลกมนุษย์ เก็บรวบรวมมาไว้กำราบด้วยพุทธานุภาพ ให้คืนกลับสู่ต้นตระกูล คือ กลับสู่อนุตตรพระแม่องค์ธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันทุกชาติภาษา ทุกศาสนา ทุกคน   
   ไหลอวั่งเจ้าเซี่ยเจินเอี๋ยนโจ้ว :          การจุติเกิดกายในโลกคือ “มา” ถึงกาลเก็บงานสมบูรณ์ผลบัดนี้คือ “กลับ” พุทธบุตรจะต้องกลับคืนบ้านเดิมเบื้องบนในครั้งนี้ด้วยดวงธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่งใส พระอนุตตร พระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทานสัจจคาถาทั้งเที่ยวมา (เกิดกาย) และเที่ยวกลับ (หลุดพ้น)   
   ฉวนเซี่ยตังไหลต้าจั้งจิง :          พระอนุตตรพระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทานพุทธจิตธรรมญาณอันได้มีมาจากเบื้องบนแต่เดิมที พุทธจิตธรรมญาณอันได้มีมาจากเบื้องบนแต่เดิมทีนั้น เปรียบได้ดั่งมหาธรรมปิฏกที่สมบูรณ์พร้อมด้วยแก่นแท้แห่ง ธรรมสาระ   
   อิงเอ๋อช่าหนวี่ฉังฉือเนี่ยน :          หากแม้นประคองท่องจำ “คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ” อยู่เสมอ หากแม้นประคองท่องจำรำลึกในความเป็นพุทธจิตธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ดั่งทารกน้อย กำหนดจิตไม่สอดส่ายไปจากฐานเดิม ดั่งกุลสตรีที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สำรวมระวังตนอยู่เสมอ   
   เสียเสินปู้กั่นไหลจิ้นเซิน :          เทพอัปมงคล สิ่งเลวร้ายภายนอก และมิจฉาทิฐิในตน จะไม่กล้าสำแดงความชั่วร้าย ไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ตัว   
   ฉือเนี่ยนอี๋เปี้ยนเสินทงต้า :          ประคองท่องจำรำลึกคัมถีร์สัจจคาถาเมตเตยยะหนี่งรอบ ประคองท่องจำรำลึกในความเป็นพุทธจิตธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ไว้ได้รอบหนึ่ง ปัญญาญาณในตนจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่   
   ฉือเนี่ยนเหลี่ยงเปี้ยนเต๋อเชาเซิง :          ประคองท่องจำรำลึกคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะด้วยจิตบริสุทธิ์ โปร่ง ใส สองรอบ จิตจะสงบนิ่งไม่สอดส่ายวุ่นวาย จิตจะไม่เกิดตายไปตามความคิดดำริ หรืออารมณ์ เท่ากับจิตล่วงพ้นการเวียนเกิดเวียนตาย   
   ฉือเนี่ยนซันเปี้ยนเสินกุ่ยพ่า :          ประคองท่องจำรำลึกสามรอบ พุทธานุภาพของ คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ จะปรกแผ่คุ้มครองรักษาจนเทพเทวาผีสางต่างเกรงกลัว ประคองท่องจำรำลึกสามรอบด้วยจิตมั่นคงเที่ยงตรงมีพลัง เทพเทวาผีสางต่างเกรงกลัวในผู้นั้น   
   อวั่งเหลี่ยงเสียหมอฮว่าเหวยเฉิน :          เมื่อพุทธจิตธรรมญาณในตนสำแดงคุณศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ ขณะสวดท่องคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะพุทธานุภาพจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ อีกทั้งพุทธานุภาพในตนจะปกป้องภัยจากผีป่าผีน้ำทุกแห่งหน มารอัปมงคลทั้งหลายเข้าใกล้มาเมื่อไรพุทธานุภาพก็จะดลบันดาลให้กลับกลายแปรไปเป็นผงธุลีดิน   
   ซิวฉือเจี๋ยเน่ยสวินลู่จิ้ง :          ท่ามกลางภัยพิบัติทุกข์เข็ญ จงบำเพ็ญจิตมั่นคงไว้มิให้ไหวหวั่น ขณะเดียวกันคือกำหนดหา แนวทางที่จิตญาณจะผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวง   
   เนี่ยนฉี่เจินเอี๋ยนกุยฝอลิ่ง :          เมื่อกำหนดแนวทางของจิตได้แล้วท่องสัจจคาถากำหนดจิตเดิมแท้ไว้ที่จุดญาณทวาร โน้มนำจิตเดิมแท้ให้เข้าถึงพุทธคุณแห่งพระนาม พระพุทธะที่สวดท่องนั้น   
   หนันอู๋เทียนเอวี๋ยนไท่เป่าอาหมีถัวฝอ :          สวดท่องพระคัมภีร์สัจจคาถาพระเมตเตยยะจบลงแล้ว ให้ตั้งจิตระลึกถึงพระนามของพระพุทธองค์ซึ่งจะอุบัติมากอบกู้กุศลพันธุ์ในกาลต่อไปคือ “พระเมตเตยยะ พระศรีอารยเมตไตรยเทียนเอวี๋ยนไท่เป่าอาหมีถัวฝอ” พระองค์ทรงเป็นอมิตาพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งพิทักษ์ธรรมจักรวาลเบื้องต้นตั้งแต่ปฐมกาลแห่งฟ้าเบื้องบน   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
หมายเหตุ  :  คนที่จะสวดคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ จะต้องถือศีลกินเจตลอดชีวิตจึงจะมีพุทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่

หรือถ้าใครที่ยังไม่กินเจ หรือกินบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนที่จะสวดก็ขอให้ท่านบ้วนปากแปลงฟันให้สะอาด หรือ กินเจก่อน

 EX  :  ถ้าวันนี้จะสวดคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะก็ขอให้กินเจในวันนี้แล้วจึงจะสวด

           สวดท่องเสร็จแล้ว กราบ 10 กราบ

ออฟไลน์ Mano10med

  • มิตรนักธรรม
เป็นคัมภีร์ที่น่าสนใจมากเลยครับ

Tags: