เที่ยวเมืองสวรรค์
ครั้งที่ 8
ไปชมอนุตตรวิสุทธิปราสาท
ฟังธรรมจากพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ อีกครั้ง
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2522
อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า
ทิวทัศน์แดนสวรรค์ สวรรค์สร้างงดงามล้ำเลิศ
แจ่มจำรัสแพรวพราย ประกายทองสว่างนิจนิรันดร์
ประตูบัญชรหอ บ่มีขโมยต้องปิดกั้น
เหล่าเทพเทวานั้น ใฝ่ธรรมมั่นแสวงหา
สูตร จิตพิศดารเพ่งมั่น
อันว่าจะบำเพ็ญธรรม ต้องสามารถละจากภารกิจ
อธิบาย : เมื่อจะเจริญภาวนา ได้ชื่อว่า บำเพ็ญธรรม ต้องไม่เกี่วข้องกับทุกอย่าง จึงได้ชื่อว่า ละจากภารกิจ
เรื่องภายนอกตัดให้มากอย่าขวางอยู่ในใจ
อธิบาย : อายตนะภายนอก เรื่องภายนอก ต้องหลีกให้ห่างไกล อายตนะภายนอกได้แก่ รูป กลิ่น เสียง รส โผฏฐัพพะ (สัมผัส) ธรรมารมณ์ (มโนภาพ) หากไม่ได้สัมผัส จึงได้ชื่อว่า ตัดให้มาก จิตและภาพละว่างได้ก็จะปราศจากความกังวล จึงได้ชื่อว่า อย่าขวางในใจ
ภายหลังนั่งสมาธิ จิตเริ่มเพ่งภายใน
อธิบาย : เมื่อความกังวลละได้แล้ว ให้นั่งตัวตรง หากมี (ความคิด) อะไรแวบเข้ามาให้รีบปัดออกไปเสีย จงทำให้สงบเงียบ จิตเริ่มมีปัณหาให้เพ่งภายในเรียกว่า เพ่งภายใน หากยังขจัดความคิดไม่หมด เรียกว่า จิตฟุ้ง กล่าวคือ ความคิดอันแรกมีขึ้นฉับพลัน ความคิดอันหลังจึงตามมา หากจิตหลับลง ความรู้สึกผ่องใสก็ดับไปด้วย จึงต้องขจัดออกไป เมื่อจิตไม่ฟุ้ง คือจิตสงบลงแล้ว รู้สึกดวงจิตไม่กระสับกระส่าย กล่าวคือ สงบ หมายถึง สงบราบเรียบ
ถัดมา เรื่องความโลภ ล่องลอยเที่ยวแตร่ คิดสับสน ต้องขจัดให้หมด
อธิบาย : ความคิดต่าง ๆ ไม่ผุดขึ้น ความคิดสับสนลืมสิ้น เมื่อความคิดสับสนไม่ผุดขึ้น จะมีความโลภได้อย่างไร จึงเรียกว่าขจัดให้หมดสิ้น
เพียรตลอดวัน ไม่ผ่อนคลาย
อธิบาย : กลางวันเรียกว่าสะอาด กลางคืนเรียกว่าสกปรก ให้ลืมทั้งสะอาดและสกปรกเสีย ให้เพียรทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีเวลาผ่อนคลาย จึงเรียกว่า ไม่ผ่อนคลาย
คอยระมัดจิตฟุ้ง ไม่ต้องระวังจิตเพ่ง
อธิบาย : แยกความคิดกังวล ได้ชื่อว่า จิตฟุ้ง เอาจิตเพ่งไปกำหนดเรียกว่า ขจัด ปัญญาผ่องใสตลอดเวลาไม่ขาดตอน ได้ชื่อว่า ไม่ต้องระวังเพ่งจิต
ผนึกจิตว่าง ไม่ผนึกจิตที่คงอยู่
อธิบาย : การมุ่งมั่น เรียกว่า ผนึกจิต จิตทั้งหลายไม่ฟุ้งซ่าน ได้ชื่อว่า จิตว่างไม่ยึดติดใด ๆ ได้ชื่อว่า ไม่ผนึกจิตที่คงอยู่
ไม่ทำตามวิธีเดียว แล้วจิตจะอยู่ประจำ
อธิบาย : หากใช้วิธีอันเดียว ได้ชื่อว่าติดรูป จิตไม่เลือกวิธี ได้ชื่อว่า ไม่ทำตามวิธี ปัจจุบันก็จะสงบ ได้ชื่อว่า จิตประจำ
สามัญจิตจะคึกคักเร่งร้อน ผู้ฝึกใหม่ทำจิตให้สงบยาก หรือสงบลงไม่ได้ พักชั่วครู่ก็กลับสูญ
อธิบาย : กล่าวกันว่า นิสัยที่กังวลสามารถจะปราบลงได้ ผู้ฝึกใหม่พลังสติไม่สมบูรณ์ จึงปราบลงได้ยาก หากยังพักชั่วครู่ (พักความเพียร) ก็จะสูญเปล่า
ไปกับอยู่ต่อสู้กัน ร้อยร่างไหลวน
อธิบาย : จิตฟุ้งสัมผัสภาพ ภาพก็จะดึงจิตไป จิตและภาพจะสัมผัสกัน ความอยากกับธรรมะแยกกันยาก ได้ชื่อว่า ต่อสู้กัน ความคิดที่สับสนไม่ดับสูญลง ความไม่ถูกต้องทั้งหลายจะเกิดขึ้น ได้ชื่อว่า ร้อยร่างไหลวน
เพ่งพิจารณานานาน จึงจะคล่องแคล่ว อย่าคิดว่ายังไม่บรรลุ เลยทิ้งภารกิจพันชาติ
อธิบาย : จิตมีสติไม่ฟุ้งซ่าน ก็จะรับรู้ตามความเป็นจริง ความคิดชั่วแล่นไม่ละธรรมกิจ ที่ได้ทำมาเป็นพัน ๆ ชาติ ก็จะละลายสูญไป การบำเพ็ญเพียรก็เหมือนการปรุงอาหาร เมื่อความร้อนยังไม่เพียงพอ และยังไม่ใส่เครื่องชูรส รสชาติก็ยังไม่ดี จำต้องรอให้สุกงอมเสียก่อน จึงจะได้รสชาติที่อร่อย มิฉะนั้นแล้ว จะเป็นการทอดนิ้วตัวเอง ธรรมกิจที่ทำมาตั้งพันชาติก็จะสูญสลาย
มักน้อย จะได้ความสงบ
อธิบาย : เริ่มแรกฝึกหัด จะได้รับความสงบสบายสะอาด ปัญญายังไม่เกิด อันนี้เรียกว่า ได้รับผลน้อย ก็แต่เพียงความสงบ
ปฏิบัติในอริยาบถทั้งสี่
อธิบาย : ให้ปฏิบัติ ในท่า เดิน ยืน นั่ง และนอน ให้มีความสง่างามทั้งสี่อริยาบถ
ที่ที่ทำงาน และที่ที่อึกทึก
อธิบาย : พบเห็นรูปต่าง ๆ ในแหล่งธุรกิจ ที่ที่ทำงาน จิตทุกชนิดที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบ ได้ชื่อว่า ที่ที่อึกทึก
ล้วนทำให้ความคิดสับสน
อธิบาย : ความวุ่นวายสงบลง กลับคืนสู่ความสงบเงียบ ได้ชื่อว่านำความคิดอยู่ที่ ๆ สงบ ได้ชื่อว่า สงบ