collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวเมืองสวรรค์  (อ่าน 36514 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คำอนุโมทนาของพระอวโลกิเตศวร
(เจ้าแม่กวนอิม)

                  พระอวโลกิเตศวรเสด็จลง   ตรัสเป็นกลอนว่า

                   ตถาคตเสด็จมา             พาสัทธรรมอมตะ
อัศจรรย์แห่งพุทธะ                            สมถโสตสดับฟัง
พู่กันทรงศักดิ์สิทธิ์                            นิพนธ์คัมภีร์ดัง
หยางเซิงผู้ทรงพลัง                          เสียงร่ำลือระบือพลิ้ว
                  น้ำมนต์จากกิ่งหลิว         ปลิวร่อนต้องหยางเซิง
หมดเวรกรรมกายเปล่งปลั่ง                 ดุจดั่งขึ้นทิพย์พิมาน
ทิวทัศน์ล้ำเลิศนาน                          เป็นสวรรค์จิตสำราญ
สุขาวดีแดนนิพพาน                          คือถิ่นอยู่ของจิตเดิม

        พระตถาคตพุทธเจ้าทรงเมตตาตั้งพระศาสนา เผยแพร่สัทธรรมไปทั่วโลก ส่วนสำนักทรงมีความรักความกรุณาเป็นที่ตั้ง ช่วยกอบกู้สรรพสัตว์ทั่วหล้า 
ซึ่งก็มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน แม้จะอุบัติขึ้นคนละถิ่นฐานก็ตาม เพื่อสะดวกในการโปรดเวไนยสัตว์ สำหรับข้าฯ แล้ว หากไม่สามารถโปรดสัตว์ให้หมดโลกแล้ว ก็จะไม่เสด็จปรินิพพานเป็นพระพุทะเจ้า เพราะต้องการโปรดสัตว์ให้หมดโลก จึงต้องใช้พลังอิทธิฤทธิ์อันมหาศาล โดยมิใช่เพียงอาศัยแต่ พระสูตรโบราณเท่านั้น  ยังต้องอาศัยความรู้ใหม่ ๆ ให้ตรงต่อเหตุการณ์สมัยใหม่ จึงสั่งยาลงเข็ม จึงจะสามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ กลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง

        ตั้งแต่โบราณกาลมา เมื่อพูดถึงนรก - สวรรค์  ย่อมฝังใจทุกคนตลอดมา ที่น่าเสียดายก็คือ บทบันทึกและตำนานชาวบ้าน ขาดการปะติตปะต่อเป็นชิ้นเป็นอันไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น หนังสือที่มีคุณค่าในการป้องปราม และปลอบเตือนชาวบ้านจึงไม่มี  ทำให้ชาวโลกไม่รู้จะปฏิบัติตนอย่างไร ท่องไปสู่ทางสามแพร่งหกทิศทาง  ในที่สุดก็ตกอยู่ในวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักจบจักสิ้น ดังนั้น ทั้ง ตถาคตเจ้า  เทวดา  อินทร์  พรหม  ซึ่งตระหนักดีจึงได้ประชุมกันทั้งสามภพ มีความเห็นพร้อมเพรียงกันว่า ควรให้ชาวโลกได้รู้ถึงสภาพของสวรรค์ เพื่อกระตุ้นเตือนชาวโลกให้หันสู่ทางธรรม ปฏิบัติตามหลักสัทธรรม เพื่อที่จะได้อุบัติขึ้นบนสรวงสวรรค์อีกวาระหนึ่ง ปราศจากทุกข์โศก เสวยสุขในแดนวิสุทธิ์

        มีคำกล่าว ๆ ว่า  "ของที่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ต้องผลิตจากเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ" การที่จะเลือกเฟ้นวิญญาณปุถุชนที่จะสามารถท่องเที่ยวไปได้ทั้งสามภพนั้น หาได้ไม่ง่ายนัก นอกเสียจากต้องเป็นบุคคล ที่มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ว่าจะช่วยเหลือชาวโลก แล้วต้องมีกุศลจิต  ปัญญา  และจิตที่ผุดผ่องจึงสามารถแบกภาระอันหนักหน่วงนี้ได้ หลังจากได้ทำการคัดเลือกแล้ว ปรากฏว่านักทรงเอกหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง มีความเหมาะสมยิ่ง ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 5 เดือน 5 ปีมะแม  (30  พ.ค.  พ.ศ. 2522)  มีคำสั่งขอให้ท่านอรหันต์จี้กงนำพาวิญญาณนายหยางเซิง ไปท่องเที่ยวทั้งสามภพประดุจเหมือนครั้งเมื่อ พระถังซำจั๋งออกเดินทางไปรับ พระไตรปิฏก (จากอินเดีย)  เสาะหาสัทธรรม เพื่อสั่งสอนชาวโลก ผ่านความลำบากมากมาย จนแต่งหนังสือสำเร็จลงในวันนี้ ใต้หล้านี้ก็มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อีกเล่มหนึ่ง ซึ่งสวรรค์ได้แซ่ซ้องสรรเสริญ หกช่องทางเกิดต่างแจ้ง ข่าวอันมงคลนี้ แก่กันและกัน บนช่องทางเวียนว่ายตายเกิด ได้ถูกปิดอีกครั้งหนึ่ง เหมือนความมืดของท้องทะเลทุกข์ ได้มี กระโจมไฟส่องสว่างขึ้น สรรพสัตว์ที่ผ่านความทุกข์มานานแล้วได้มีโอกาสทอง ในวันนี้  ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เหมือนได้ท่องแดนวิเศษสามแห่ง  ผู้นับถือขงจื้อก็จะได้เป็นนักปราชญ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์  ผู้นับถือเต๋าก็จะได้เป็นพระวิสุทธิเทพ  ส่วนผู้นับถือพุทธก็จะได้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวสวรรค์ต่างปรีดาปราโมทย์ เป็นอย่างยิ่ง

        หนังสือแต่งสำเร็จลง ทั้งสามภพต่างฉายรัศมีแวววาว ทั่วพิภพมีเหล่าวิญญาณบนบัวทองลอยละล่อง จิตข้าฯ  ยินดียิ่งนักที่ท้องทะเลทิศใต้จะมีมหายานเมตตาเพิ่มขึ้นอีกลำหนึ่งเพื่อกอบกู้สรรพสัตว์ให้หมดโลก จึงได้ฝากคำอนุโมทนา เพื่อสรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์

                                      ณ  วันที่ 16  เดือน 12 ปีวอก (ของจีน)

                                  ตรงกับวันศุกร์ที่  20  กุมภาพันธ์  พ.ศ.  2524 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/04/2557, 17:59 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

อรหันต์จี้กง   :  ฮา ฮ้า !.  ท่องเที่ยวเมืองนรก  ทุก ๆ ขุม  บรรยายกาศมืดทึม อึมครึม  ทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง เชื่อแน่ว่า ไม่มีใครอยากไปในสถานที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นแน่  นอกจากคนป่วยที่เป็นโรคใกล้ตาย หรือที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาตมาได้พานายหยางเซิง เที่ยวทั่วเมืองนรกหมดแล้ว ได้โปรดพวกวิญยาณผี ขึ้นมาไม่น้อย ผู้คนก็ได้ละบาปก่อกุศล เป็นการลดเม็ดพันธ์ในขุมนรกไม่ใช่น้อย เมื่อนรกไม่ต้อนรับแล้ว ผู้คนไม่ย่างเท้าลงไป จึงพากันไปชะเง้อชะแง้อยู่หน้าประตูแดนสวรรค์ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริง  อาตมาเที่ยวโปรดผู้คน ที่มีวาสนาตามตรอกตามซอย พบว่าปัจจุบันนี้ ผู้คนกลับตัวกลับใจใฝ่หาธรรม เพื่อที่จะได้ขึ้นสวรรค์บ้าง ทำให้อาตมาสุขใจขึ้นอย่างมาก วันนี้ ได้โอกาสอันดีงาม อาตมาจะได้ถือโอกาสถอดสลักประตู เปิดประตูแดนสวรรค์ไว้ต้อนรับ ผู้มีกุศลจิตได้เข้ามา..... ฮา ฮ้า !. ประตูกล ถูกอาตมาใช้ลูกกุญแจอภินิหารไขออกแล้ว ไม่มีใครจะขัดขวางทางเรา เจ้าหยางเซิงเอ๋ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะเข้า - ออก  แดนสวรรค์ได้อย่างสบาย เที่ยวชมให้ชุ่มใจไปเลย เป็นบุญตาจริง ๆ ตั้งแต่หนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ได้ออกสู่สายตาชาวโลกแล้ว กอบกู้ผู้คนไม่น้อย ผู้ที่อ่านแล้ว ล้วนตั้งจิตอธิษฐานจะประกอบแต่กรรมดี รัศมีธรรมพุ่งทะยานสู่เบื้องบน  ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้บัญชาให้เปิดประตูแดนสวรรค์ออกมาดู เราก็สามารถใช้โอกาสอันหายากนี้ เข้าไปเยี่ยมชมสักครา เพราะภาระอันหนักหน่วงนี้ ข้าจึงอยากให้เจ้าทำสมาธิ เพื่อสะสมพลัง จะได้ตามข้าขึ้นไปเที่ยวเมืองสวรรค์ เธอจงดูดอกบัวช่อนี้ซิ มันขยายใหญ่ขึ้นอีกแล้ว รัศมีระยิบระยับ แสบตายิ่งนัก การที่ได้ตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่และมีจิตกุศล จึงได้รับเกียรติให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์"  อีกวาระหนึ่ง ข้าได้รับเทวโองการให้พาเจ้าไปเที่ยวสวรรค์ จงรีบขึ้นดอกบัวเถิด!.

หยางเซิง   :  นานมากแล้วไม่ได้พบปะท่านอาจารย์ รู้สึกคิดถึง วันนี้รับคำสั่งให้ไปเที่ยวเมืองสวรรค์ เพื่อแต่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ กระผมรู้สึกหนักใจมาก เกรงว่าจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ ต้องขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ศิษย์อาจารย์ดุจดั่งพ่อลูก  เจ้ามีศรัทธานับถือข้า ข้าก็ได้แผ่บารมีคุ้มครองเจ้าอยู่เสมอ ๆ ครั้งนี้เราได้รับภาระร่วมกัน ขอเพียงแต่เจ้าแน่วแน่เชื่อแน่ว่าต้องประสบความสำเร็จแน่นอน เจ้าไม่ต้องอิดเอื้อนไปเลย ข้าได้เตรียมน้ำมนต์มาเต็มขวด ขอให้เจ้าดื่มกิน สามารถชำระความสกปรกโสมมของตับไตใส้พุงได้ จึงจะสามารถขึ้นแดนสวรรค์ได้

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่ประทานน้ำมนต์ให้..... พอดื่มถึงท้องเท่านั้น จิต - กาย ก็เบาสบาย กระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น กายลอยดุจเทวดา

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ามีบุญวาสนาแล้ว หากไม่ได้ดื่มน้ำมนต์นี้ เกรงว่ากายหยาบจะเพิ่มน้ำหนักให้ดอกบัว จะไม่สามารถลอยขึ้นได้ รีบขึ้นดอกบัวเร็ว ๆ จะได้ออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าจะต้องหลับตาหรือเปล่า   

อรหันต์จี้กง   :  ไม่จำเป็น  แดนสวรรค์ไม่เหมือนแดนนรก เจ้าสามารถทัศนาทิวทัศน์ข้างทางได้ หากถ้าลมแรงไปหน่อย เจ้าก็หลับตาพักสักหน่อย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

หยางเซิง  :   ขอรับกระผม !  กระผมนั่งนิ่งแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้ ล่องลอยในอากาศมองเห็นเมฆเบื้องใต้ แสงไฟหลายดวงเปล่งแสงระยิบระยับ ภาพยามราตีกาลของชาวโลก ช่างทำให้คนหลงใหลเสียจริง ๆ  รัศมีเหลืองอร่ามนับหมื่น ๆ ลำแสงจากสำนึกเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง พุ่งสู่นภากาศ สว่างไสวดุจแสงไฟตรวจท้องฟ้า ฉายกราดอย่างไรอย่างนั้น เบื้องหน้ามีกลุ่มเมฆ สีฟ้า ๆ มีเหล่าเทพ เทวดา ไป ๆ มา ๆ ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

อรหันต์จี้กง  :   ที่นี่ใกล้เข้าสู่แดนสวรรค์ด่านทักษิณแล้ว ทิศทางของสวรรค์นั้น ได้กำหนดไว้ห้าทิศทาง  ทิศทางใต้ ด่านทักษิณเป็นด่านไฟ เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายจะเข้าออกทางด่านนี้ ถ้าหากว่า ถ้าไม่ได้มรรคผล ก็ไม่สามารถผ่านเข้าได้ (แดนสวรรค์ แบ่งเป็นทิศ ตะวันออก ตก เหนือ ใต้และตรงกลาง) ด่านทั้งสี่นี้จะปิดแน่น เปิดเพียงด่านเดียวเท่านั้น ถ้าหากความสามารถแห่งฤทธิ์เดชยังไม่ถึงขั้น ก็ยังไม่สามารถจะเข้าด่านเพลิงทางทักษิณนี้ได้  เพราะเจ้าได้ดื่นน้ำมนต์แล้ว จะสามารถต้านทานความร้อนนี้ได้ไม่ต้องกลัวไฟ เราเปลี่ยนเป็นขี่เมฆเข้าด่านไปดีกว่า

หยางเซิง  :   ขอรับ กระผม!  ผู้เฝ้าประตูด่าน ดูเหมือนจะเป็นท่านเห้งเจีย (ซุนหงอคง) ในเรื่องไซอิ๋ว ในมือถือไม้พลองทองคำ กระโดดโลดเต้นไม่หยุดดูเหมือนคอยพิทักษ์ประตูอยู่

อรหันต์จี้กง  :   ไม่ใช่หรอก เขากำลังฝึกวิทยายุทธอยู่เท่านั้น

หยางเซิง  :   เขาใช่ ท่านเห้งเจีย  (ซุนหงอคง) หรือเปล่า ?.

อรหันต์จี้กง  :   ใช่

หยางเซิง  :   เท่าที่ได้ฟังมา เขาว่า ซุนหงอคง เป็นเพียงตัวละครในนิทาน ทำไมจึงพบอยู่ในที่นี้  ในวันนี้

อรหันต์จี้กง  :   ความจริงชาวโลกเข้าใจผิด พระถังซำจั๋ง มีลูกศิษย์ที่ติดตามเรียกซุนหงอคงนั้น  ความจริงก็เป็นเพียง "ลิงค่าง"  ในภูเขา ผู้บำเพ็ญธรรมผู้หนึ่งจะเดินทางไปทิศตะวันตก (เพื่อนำพระไตรปิฏก) ผู้ที่มีพุทธจิตย่อมต้องมี จิตฟุ้งซ่านของลิง (สามัญจิต) ติดตามอยู่ด้วย เพราะต้องผ่านการฝึกอบรมจิตนานัปการ ต้องผจญมารต่าง ๆ เช่น เงินทอง  อิสตรี  เป็นต้น หากสามารถที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์ จิตของลิงเป็นจิตที่ฝึกฝนยากที่สุด ตราบเมื่อเข้าใจคำว่า "ตัณหาคือ ความว่าง  ความว่างคือตัณหา"  นั่นก็หมายความว่า สวรรค์เบื้องตะวันตกที่อยู่ไกลถึง สิบหมื่นแปดพันลี้  ฉับพลัน ก็จะอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว ดังนั้น ซุนหงอคง ที่ติดตาม พระถังซำจั๋งนั้น ก็คือ เป็นคำกล่าวที่มีตัวตน หากแต่ไม่มีรูป ชาวโลกจึงไม่ควรดูแคลนเป็นอันขาด

หยางเซิง  :   ความจริงเป็นเช่นนี้เอง เขากำลังหัวเราะ พลางเดินทางใกล้เข้ามาทางเราแล้ว

มหาปราชญ์  :   ยินดีต้อนรับ ท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิงนักทรงเอก ได้มาถึง ท่านทั้งสองได้รับเทวโองการให้มาเที่ยวชมแดนสวรรค์ เพื่อแต่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ทางด่านทักษิณ ได้รับเทวโองการตั้งแต่วันที่ 5 เดือน 5  แล้ว  ได้เตรียมต้อนรับท่านทั้งสองไว้แล้ว วันนี้มาต้้อนรับล่าช้าไปหน่อย กรุณาให้อภัยด้วย

อรหันต์จี้กง  :   ท่านมหาปราชญ์ ไม่ต้องคารวะ วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้รับบัญชาให้มาท่องเที่ยวสวรรค์ มาเยี่ยมคำนับ บรรดานักปราชญ์ เทพ เทวดาและพระพุทธเจ้าทั้งหลายในไตรภพ เพื่อฟังคำบรรยายธรรม วิธีการบำเพ็ญเพียร เพื่อนำไปอบรมชาวโลก จะได้ขึ้นสวรรค์ในเร็ววันนี้ ครั้งต่อไป หากต้องผ่านประตูด่านทักษิณของท่านไปยังสวรรค์แดนต่าง ๆ ก็ต้องขอรบกวนให้ความสะดวกด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

มหานักปราชญ์  :   ที่จริงสวรรค์ไม่มีประตู มีเพียงกลุ่มเปลวไฟด้านหน้าเท่านั้น หากยังไม่สามารถบรรลุ  ความว่าง  พอมาถึงที่นี่ สิ่งที่นำพามากับตัวก็จะถูกไฟเผาพลาญ แต่ร่างกายก็ต้้องร้อนเจ็บปวดทุรนทุราย ตกลงสู่นรกเบื้องล่างแน่นอน

หยางเซิง  :   เรียนถามท่านมหาปราชญ์ ท่านรักษาด่านทักษิณอยู่นี้ รู้สึกว่าอย่างไรบ้าง ?.

มหาปราชญ์  :   แต่ละวันมีผู้ศักดิ์สิทธิ์ แห่งสามภพเข้า ๆ ออก ๆ ที่ประตูนี้มากมาย หากเป็นผู้สำเร็จมรรคผลแล้ว การเข้า ๆ ออก ๆ มีอิสร ไม่ถูกบังคับ ส่วนผู้ศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง - ล่าง เนื่องจากยังไม่บรรลุมรรคผล การเข้าออกต้องมีหนังสือกำกับตัว ห้ามเข้าออกโดยพลการ กระบองทองของข้าพเจ้าร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ว่าเทวดาองค์ไหนมาเจอข้า ต้องร่นถอยไปทุกราย ดังนั้น จึงมีชื่ออีกว่า "กระบองเพชร (วัชรปรมิต) (กิมกังห้ง) คือมีความหมายดั่งวัชรปรมิตสูตร  ที่มีคุณค่ายิ่ง ข้าพเจ้ารักษาด่านนี้ เป็นหน้าที่แดนสวรรค์ เมื่อส่องดูมนุษย์ในโลกสร้างแต่บาปกรรมมากขึ้น ดังนั้น ผู้สำเร็จมรรคผลใหม่ ๆ จึงมีน้อย ดูอย่างข้าพเจ้าซิ "หงอคงรูปเก่า" ไม่มีรูปใหม่ ๆ ให้เห็นเลย

หยางเซิง  :   วันนี้ กระผมกับอาจารย์ได้รับคำสั่งให้มาแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์"  ครั้งแรกก็ได้มาด่านทักษิณก่อน ขอความกรุณาจากท่านมหาปราชญ์ ให้อนุเคราะห์ด้วย กรุณาเล่าถึงวิธีการปฏิบัติให้ได้สำเร็จมรรคผลด้วยเถิด

มหาปราชญ์  :   หากหนังสือเที่ยวเมืองสวรรค์ แต่งสำเร็จลง ข้าพเจ้าหงอคง คงจะวุ่นวายไม่น้อยทีเดียว เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากอยากขึ้นสวรรค์ จึงได้ปฏิบัติบำเพ็ญเพียร แต่ละวันตั้งแต่เ้ช้าจรดค่ำ จะต้องมีผู้สำเร็จมรรคผลขึ้นสวรรค์เป็นแน่แท้

หยางเซิง  :   นั่นก็เป็นเรื่องน่ายินดี แดนสวรรค์ก็จะมีกัลยาณมิตรเพิ่มขึ้นมากมาย ทำไมจะต้องวุ่นวายด้วยเล่า ?.

มหาปราชญ์  :   พูดเล่นหรอกน่า อย่าถือสาเลย เธอเห็นข้าพเจ้าเหมือนอะไร เห็นเป็น  "สิ่งประหลาด"  ไหม ?.

หยางเซิง  :   มิได้  เห็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

มหาปราชญ์  :   ฮา  ฮ้า !  พูดถึง "บำเพ็ญเพียร"  พูดให้จบสั้น ๆ ยาก  อย่างเช่น ข้าฯ สามารถแปลงร่างได้ถึง 72 อย่าง ก็ยังไม่สามารถก้าวพ้น นิ้วทั้งห้าของตถาคตเจ้า  ผู้คนฝึกฝนวิปัสนาถึงแม้นสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าหากฐานไม่มั่นคง ไม่รักษาศีลห้าประการของสังคมแล้ว อันได้แก่  ความมีพรหมวิหารสี่ (ยิ้ง)  ความยึดหลักในคุณธรรมในการรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น  (หงี) ความมีคารวะต่อผู้อื่น อ่อนน้อมตามควรแก่ฐานะของแต่ละบุคคล (โหล้ย) ความมีปัญญาที่เราเห็นปัญญา  (ตี่) และความมีสัจจะ  (สิ่ง) ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากกรรมลิขิตได้  ก็ไม่สามารถบรรลุมรรค - ผล  มนุษย์เพาะเลี้ยงใจลิง (จิตฟุ้งซ่าน)  ไว้ตัวหนึ่ง กระโดดโลดเต้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่ยอมเชื่อง คิดจะดู คิดจะกิน คิดนั่นคิดนี่ คิดฟุ้งซ่าน ไม่เคยสงบลงสักชั่วยาม เอาแต่แกว่งไกวอยู่บนต้นไม้ ยากที่จะขึ้นสู่ประตูแดนสวรรค์ได้ ดังนั้น ชื้อข้าฯ หงอคง (ว่างเปล่า) ก็เพื่อที่จะให้คน "ปล่อยวาง"  ไม่ให้ไปติดยึด จะได้มีจิตสงบไม่ต้องไปก่อเวร พอตายบาปเวรจะได้ไม่ติดตัว มิฉะนั้นหากมีบาปติดตัวพอไปถึงด่านทักษิณ จะถูกไฟเผาผลาญจนร่างหล่นไปสู่ภูมิต่ำเบื้องล่างมิใช่ได้รับการทุบตีจากกระบองของข้าฯ ก็หาไม่ ดังนั้น หากจะเข้าประตูด่านทักษิณละก็ ต้องกายที่สะอาดบริสุทธิ์ จึงสามารถผ่านด่านไปได้ สู่แดนสววรค์ผู้ทรงธรรมะสูง มีกายที่วิสุทธิ์ เป็นธรรมกายในความว่างเปล่า ดังนั้น จึงจะสำเร็จธรรมะ ของคำว่าหงอคง (ว่างเปล่า)  ข้าฯ ไม่มีอำนาจควบคุมใครได้ แตะต้องก็ไม่ได้ ดังนั้น จึงปล่อยให้เข้าออกโดยเสรี วิญญาณในภูมิขั้นกลางและล่าง ยังมีร่างที่เพ้อฝันเลื่อนลอย ไม่บรรลุถึงขั้น "ว่างเปล่า"  จึงต้องมีใบอนุญา๖เข้า - ออก ด่านได้ การบำเพ็ญธรรมของมนุษย์ ไม่น่าจะมีอุปสรรค หรือยากลำบากอะไรเลย เพียงแต่ขจัด กามตัณหา  และมิจฉาทิฐิ (ความเห็นผิด) ก็จะสามารถผ่านด่านนี้ได้

หยางเซิง  :   ท่านนักปราชญ์พูดถูกต้อง !  ดูบนศรีษะซิ มีห่วงทองคำที่ตถาคตเจ้าสวมให้ หากจิตใจไม่สงบอย่างใจลิง เมื่อมาถึงด่านทักษิณนี่ ก็ต้องร่วงหล่นจะตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้ ทำวิปัสนาก็เหมือนขึ้นบันไดสวรรค์  ไม่วอกแวก ทีละก้าว ๆ ไปข้างหน้า ไม่นานก็จะถึงสวรรค์ ใจลิง (จิตฟุ้งซ่าน) ยากที่จะขจัดได้ ใครจะกล้าขึ้นบันได ที่ผูกม้าที่โลดเล่นติดกับบันได ขอชาวโลกจงเข้าใจ หากต้องการเดินทางขึ้นสวรรค์ ก็ต้องล้างเท้าให้สะอาด มีสติมั่นคง  มีปัญญาเห็นธรรม ก็เหมือนน้ำมนต์ปะพรมเต็มร่างซุนหงอคงที่ด่านทักษิณ ก็ไม่สามารถทำอะไรใครได้  ใช่ไหม ?.

มหาปราชญ์  :   ถูกต้องแล้ว ผู้ที่มีธรรมะสูงเช่นนี้ ข้าฯ จะต้อนรับ ด้วยความเคารพ อย่างเช่นวันนี้ ที่ได้ต้อนรับท่านทั้งสอง ดุจเดียวกัน

อรหันต์จี้กง  :   ฮา  ฮ้า!  วันนี้เที่ยวเมืองสวรรค์ครั้งแรก ได้พบหน้ามหาปราชญ์ สนทนาธรรมที่ดียิ่ง คิดว่าเมื่อกลับไปแล้ว เห็นทีต้องเข้าห้อง ทำวิปัสนาสักที หยางเซิง !  รีบคารวะลาท่านมหาปราชญ์เอกเสีย

หยางเซิง  :   หน้าประตูด้านทักษิณ มีเทพเจ้าแต่งเสื้อเกราะทอง ตั้งแถวทั้งสี่ทิศ หน้าตาขึงขังปราศจากรอยยิ้ม ดูน่าเกรงขามยิ่ง

มหาปราชญ์  :   เทพเหล่านี้ ทหารแดนสวรรค์ ท่านมิต้องหวั่นวิตก

อรหันต์จี้กง  :   ขอขอบคุณท่านมหาปราชญ์เอก ที่ได้บรรยายธรรมะอันมีค่ายิ่ง ขอลาก่อนละ

มหาปราชญ์  :   มีคำสั่ง !  ให้ทหารตั้งแถวสั่งแขก

อรหันต์จี้กง  :   หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง  :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว  ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง  :   พอเริ่มเบิกตาปัญญา ก็ได้ชมความงามของสวรรค์ ซึ่งไม่เหมือนที่ใดในโลกมนุษย์ แต่การรับภาระอันยาวนี้ ขอให้หยางเซิงอย่าเกียจคร้านจงลงแส้ม้า มุ่งสู่แดนสวรรค์อย่างกล้าหาญ และรอคอยผู้มีบุญวาสนา พากันมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

อรหันต์จี้กง   :   วิธีฝึกจิตมีมากมายแต่ที่สำคัญที่สุด จิตต้องบริสุทธิ์แน่วแน่ ให้ละใจทั้งสามทิ้ง คือ สิ่งที่ผ่านไปใจไม่คิด  ปัจจุบันใจไม่ติดอยู่  อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ใจไม่ฟุ้งซ่าน  ถ้าทำได้ ก็จะบรรลุมรรค - ผล  หลุดพ้นทั้งสามภพ  การที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในหกช่องทาง ก็ต้องฝึกตัด หกมหาโจร (ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ) ทิ้ง  เมื่ออายตนะทั้งหกตัดขาด หกช่องทางเกิดก็หมดเส้นใยผูกมัด  ชาวโลกที่ฝึกฝนธรรมมักมีสองจิตสามใจ  ไม่มีสติมั่นคง  ทำให้พวกมารคอยขวางทาง ฉุดดึงลงทะเลจมอยู่ในหกช่องทางเกิด ไม่สามารถก้าวพ้น ควรคิดให้ตก !  หากอยากขึ้นสวรรค์เหมือนกายเบาไม่มีหนี้ จึงจะสามารถลอยขึ้นสู่เบื้องบน  สำหรับวันนี้ได้เวลาไปเที่ยวสวรรค์  หยางเซิง เจ้ารีบขึ้นดอกบัว เตรียมออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  ดอกบัวทิพย์ลอยขึ้นสู่เบื้องบน เราศิษย์อาจารย์หลุดพ้นจากโคลนตม ฝุ่นไอ (กิเลส)  เมฆขาว ขุนเขาเขียว รัศมีเจิดจ้าอยู่เบื้องหน้า แค่พริบตาเดียว ก็ถึงประตูด่านทักษิณ

หยางเซิง   :  เหตุไฉน ถึงมีทหารอยู่ที่ประตูนับพัน ๆ เหมือนกับจะเตรียมพร้อมรบ ท่านมหาปราชญ์กำลังยิ้มระรื่นมาทางนั้น

อรหันต์จี้กง   :  บนสวรรค์ เหล่าทหารเพิ่งจะเสร็จจากการฝึกซ้อม กำลังพักผ่อน จึงเห็นมีทหารอยู่มากมาย เจ้าอย่าตกใจ อย่าให้ภาพข้างหน้า ทำให้หวั่นไหวเหมือนจิตลิงจิตม้า

หยางเซิง   :  ครับ - อาจารย์  เกิดใจลิงขึ้น แต่จิตม้าไม่หวั่นไหว จะจัดการอย่างไรดี ?. (หมายถึงใจฟุ้งซ่าน)

อรหันต์จี้กง   :  ช่างมัน  "ไปเถิด"

หยางเซิง   :  ครับ .....ผม  ม้าอยู่ลิงไป

อรหันต์จี้กง   :  ช่างมันปะไร

มหาปราชญ์   :  ขอต้อนรับ ท่านอรหันต์จี้กง และคุณหยางเซิง เชิญเข้าประตูด่านทักษิณ เพื่อเยี่ยมชมภายใน         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณท่านมหาปราชญ์ วันนี้ พวกเราจะเข้าไปพระที่นั่งหยก แห่งสวรรค์ทักษิณ เพื่อนมัสการท่านประมุขแห่งสวรรค์ทักษิณ พระบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ขอให้ท่านมหาปราชญ์ ช่วยนำเข้าไปด้วยเถิด

มหาปราชญ์   :  อ๋อ ต้องการเช่นนี้ ขอเชิญตามข้าฯ มา

หยางเซิง   :  มหาปราชญ์เพียงแต่กลับตัว ก็มีก้อนเมฆเกิดขึ้น รีบขึ้นไปทันที แดนสวรรค์ช่างสะดวกจริง ที่เท้าก็มีเมฆไปมาอิสระ น่าจะได้เรียนไว้ ไม่ทราบ ท่านอาจารย์จะยอมสอนอิทธิฤทธิ์นี้ให้ได้หรือไม่ ?.

อรหันต์จี้กง   :  สิ่งนี้เป็นการดี จะสอนให้บ้าง อยากจะเรียนอย่างหงอคง ก็ให้ฟ้งข้าฯ พูดให้ดีนะบนศรีษะหงอคงมีห่วงทองสวมอยู่ เรียกว่า "ศรีษะอรหันต์"มือถือกระบองทองคำ แต่ถ้าวางลงจะคลุมทั่วภิภพ พอเก็บขึ้นก็จะหดเล็ก เก็บไว้ในที่ลับ (มองไม่เห็น)  นี่คือ สัทธรรม (เต๋า) อันยิ่งใหญ่อยู่ในอุ้งมือ จะยืดหรือหดได้ตามใจ  พระไท้เสียงเล่ากุงได้หล่อหลอม "อัคนีย์เนตร" (หวยงั่งกิมเจ็ง) ไว้ให้ เพื่อรักษาด่านเพลิงของสวรรค์?ักษิณ ไม่มีอะไรทำให้เขาเสียหาย  เมื่อตีลังกา พลิกกายได้ตามชอบใจ ซ้ำที่เท้ายังเสกกลุ่มเมฆได้ด้วย นี่ก็คือ สัญญลักษณ์แห่งสิ่งวิเศษสามประการได้แก่ พรหมจรรย์  เอกธาตุ  และสติ  (เจ็ง  ขี่  ซิ้ง)  เปรียบเหมือนน้ำในกระติกยิ่งร้อนเท่าไร ไอร้อนก็ยิ่งพุ่งแรงเท่านั้น ใต้อุ้งเท้าก็มีพลังของธาตุพุ่งออก เหมือนจรวดพุ่งออกด้วยแรงส่งจากการเผาไหม้ บนศรีษะมีกำลังแห่งสติพุ่งออก มือเท้าร่างกายพลิกกลับได้รวดเร็ว ดังนั้น เพียงแค่พลิกกายเท่านั้นก็ไปถึงถึงสามพันลี้ มนุษย์หากต้องการความสามารถนี้ ต้องรักษาพรหมจรรย์และเอกธาตุ ตัดความทะยานออก มีสติมั่นคง เหมือนน้ำในกระติกเพิ่มถ่านไฟ เพียงขยับก็สามารถพุ่งขึ้นฟ้าหรือแทรกลงดิน มิฉะนั้นแล้ว ทุก ๆ วันจะจมปลักอยู่ในสุรานารี และทรัพย์สมบัติ ในที่สุดจะต้องตกลงสู่ปฐพีเหมือนลูกโปร่งแตก ตกลงมาผลแห่งบุญกุศลเสื่อมสลาย  แล้วจะเหาะเหินขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างไร?. วิชาอันนี้ ควรจดจำให้ดี ฝึกฝนกายให้ได้รับธรรมกายแล้ว จะสามารถซ่อนธาตุไว้ในสามโลก ห่อหุ้มฟ้าดินไว้

หยางเซิง   :  ที่แท้ยังต้องมีวิชานี้ จึงจะสามารถกระพือปลีกบินได้

อรหันต์จี้กง   :  ถึงพระที่นั่งหยก ของ พระบุ้งฮ้วงแล้ว หยางเซิงโปรดเงียบ เตรียมตัวเข้าพบพระบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ขอบคุณมหาปราชญ์ที่นำทาง

มหาปราชญ์   :  ไม่ต้องเกรงใจ  ต้องขอลาไปก่อน

หยางเซิง   :  ขอคารวะ ท่านบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ข้าน้อยหยางเซิง มากับท่านอาจารย์ ขอให้ท่านโปรดชี้แนะด้วยเถิด

ราชาแห่งปราชญ์   :  มิต้องคารวะ เชิญท่านทั้งสองนั่งเถิด ขอให้เทพบริการน้ำชาเร็ว !

เทพ   :  รับคำสั่ง..... ได้บริการแล้วขอรับ

ราชาแห่งปราชญ์   :   ท่านทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงไม่ต้องเกรงใจ ราชาท่านประทานน้ำชาให้ดื่มแล้วจะมีประโยชน์

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านราชาที่ทรงเมตตาประทานชาให้ ชานี้ดูใสสะอาด ดื่มแล้วทั้งเย็นและชุ่มคอ วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้รับคำสั่งให้มาแต่งหนังสือ จึงได้ตรงมาเยี่ยมคำนับท่าน ขอให้ท่านโปรดประทานพระวรพจน์ด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

ราชาแห่งปราชญ์   :  ท่านทั้งสองลำบากมามากแล้ว พวกท่านแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เสร็จแล้ว ได้ช่วยเหลือผู้คนไม่น้อย ดังนั้น เสด็จแม่แดนสุขาวดีและท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ จึงโปรดให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์" ขณะนี้เป็นเทศกาลโปรดสัตว์ทั้งสามโลก เทพเจ้าและอรหันต์ทั้งสามโลกจึงมีงานมากเป็นพิเศษ เสด็จแม่และเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องการโปรดสรรพสัตว์จึงมีบัญชาการให้เทพเจ้าและอรหันต์ลงจากสวรรค์มาโปรดชาวโลกและได้จัดให้มีการรับพระทับทรง เปิดความสะดวก เปลี่ยนกกฏเกณฑ์โปรดสัตว์ใหม่ เผยแพร่สัทธรรม กอบกู้วิญญาณให้กลับถิ่นเดิม ดังนั้น สวรรค์ทักษิณของข้านี้จึงควบคุมการทรงของสำนักทั่วพิภพ ผู้ที่เปิดสำนักประทับทรงนั้น ๆ  ล้วนได้มีการบันทึกไว้ในสมุดของสำนักอย่างชัดแจ้ง หวังว่า มนุษย์ที่บำเพ็ญธรรมในสำนักทรง ควรที่จะอุทิศตนอย่างจริงจัง ผู้ที่ได้ปฏฺญญาณเข้าบำเพ็ญธรรมในสำนักทรง จะมีชื่ออยู่ใน สวรรค์ทักษิณ หากได้อุทิศตนเสมอต้นเสมอปลายโดยตลอด เมื่อหมดอายุขัยแล้ว ก็จะมีเทพยดานำไปสู่สวรรค์ทักษิณ แจ้งชื่อสำรวจกุศลบุญที่บำเพ็ญมา เพื่อไปเสวยสุขตามกุศลในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ หากเข้าสำนักทรงแล้ว ยังประพฤติผิดศีลทำผิดต่อปณิธานที่ให้ไว้ ก็ต้องถูกตีให้ตกลงสู่นรก สรุปความว่า มีศีลมีธรรมขึ้นสวรรค์ ผิดศีลผิดธรรมตกนรก อันนี้เป็นกฏตายตัว ชาวโลกหากไม่รักษา คุณธรรม 5 ประการ จะไม่สามารถขึ้นสวรรค์ ทำให้ข้าสังเวชใจนัก !  หวังว่า เมื่อสภาพสวรรค์ได้ถูดเปิดเผยแล้ว ผู้คนจะหลั่งไหลพากันมาที่นี่ อพยบมาอยู่ที่นี่ อย่างสุดความสามารถ ข้าฯจึงจะมีความดีใจ

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมาก ที่ประทานวรพจน์ วันนี้คงต้องขอลากลับก่อน

หยางเซิง  :  ขอบพระคุณมาก ที่ท่านราชาแห่งปราชญ์ ทรงประทานพระวรพจน์ เนื่องจากหมดเวลาลงแล้ว ต้องขอกราบบังคมลาก่อน

ราชาแห่งปราชญ์   :  มีคำสั่ง !  ให้เทพยดาตั้งแถวสั่งแขก

เทพดา   :  รับด้วยเกล้า  ขอส่งท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิงกลับสำนัก

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอรับ  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว  เชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ทิวทัศน์แดนสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด การจัดเตรียมการเดินทางแสนจะเหนื่อยยากลำบากใจ แต่มันก็ค่อย ๆ เข้าสู่วิถีทางโคจรแล้ว ทุก ๆ แห่งดูอัศจรรย์ วิญญาณได้เที่ยวสวรรค์ก็มีความสุขเพลิดเพลินมิใช่น้อย ไฉนหนอมนุษย์จึงไม่ย่างเข้ามาเล่า..... ถึงสำนักแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”