collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวเมืองสวรรค์  (อ่าน 36501 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

                              ตัวอย่าง  72 กฏ ธรณีพิฆาต

1. ยืนลม     ปัจจุบันได้แก่ เครื่องปรับอากาศ พัดลม

2. ทำหมอก      ปัจจุบันได้แก่ ทำน้ำแข็งแห้ง

3. ขอฝน     ปัจจุบันได้แก่ ทำฝนเทียม

4. ดำน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ ประดาน้ำ

5. เดินบนน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ สกีน้ำ  สกีน้ำแข็ง

6. เชิญเทพเจ้า     ปัจจุบันได้แก่ การทรงเจ้า

7. เก็บจันทรา     ปัจจุบันได้แก่ ถ่ายเป็นภาพยนต์ แล้วเอามาฉายใหม่

8. ขนส่ง     ปัจจุบันได้แก่ลิฟท์ ส่งสินค้า ไปรษณีย์

9. กักน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ เขื่อนกั้นน้ำ

10. ปลอมรูป     ปัจจุบันได้แก่ตกแต่ง เสริมสวย

11. เคลื่อนภาพ     ปัจจุบันได้แก่ภาพยนต์ โทรทัศน์ 

12. เรียกให้มา     ปัจจุบันได้แก่ ควบคุมทางไกล

13. พลังมหาศาล     ปัจจุบันได้แก่ มือกล มนุษย์หุ่นยนต์

14. ทะลุหิน     ปัจจุบันได้แก่ เครื่องเจาะหิน ระเบิดหิน

15. เกิดแสง        ปัจจุบันได้แก่ แบตเตอร์รี่ หลอดไฟฟ้า

16. รักษาทางยา     ปัจจุบันได้แก่ การแพทย์แผนปัจจุบัน

17. รู้เวลา     ปัจจุบันได้แก่ นาฬิกา

18. รู้ภูมิศาสตร์     ปัจจุบันได้แก่แผนที่ เข็มทิศ

        ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างสำหรับ 72 กฏ ธรณีพิฆาต ที่ปัจจุบันเรียนรู้ได้  ทั้ง 36 ฟ้าบันดาล และ 72 ธรณีพิฆาต ล้วนเกิดจากธาตุที่ดีและเลวของฟ้า - ดิน อย่างเช่น การให้มาเกิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ หากเอาสิ่งค้นพบไปใช้ในทางที่ดีก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าใช้ในทางที่เลว ก็จะทำลายมนุษยชาติเช่น ระเบิด  ใช้ระเบิดเขาได้  สร้างถนน มนุษย์ก็ได้ประโยชน์มหาศาล ถ้านำมาทำสงคราม ก็จะเป็นผลร้ายต่อมนุษย์ เช่น ปัจจุบันมีปืนใหญ่ จรวด อีกไม่นานดาวพิฆาตจะมาเกิด ควรจะรู้เอาไว้ว่า ใจคนน่ะไม่โบราณ ใจคนจะดลให้ฟ้าดินบันดาล ให้ดาวพิฆาตมาเกิดในแดนมนุษย์ ถึงแม้ว่า มนุษยชาติจะสามารถหาความสุขความสำราญอย่างไม่มีขอบเขต ก็ตาม ชีวิตของมนุษย์ก็มีอันตรายอยู่ทุกขณะจิต อันนี้ หาใช่เป็นความไม่ปรานีของสวรรค์ก็หาไม่ สาเหตุแท้จริงเกิดจากอกุศลจิตของมนุษย์นี่เอง ดังนั้น หวังว่ามนุษย์จะฟังคำของข้าฯ รีบปล่อยวางใจเพชฌฆาต เพื่อไม่ให้ไอพิฆาตระเบิดขึ้น อันเป็นสาเหตุให้มนุษย์ทำลายตนเอง จนทำให้สถานการณ์ของโลกเกิดการปั่นป่วนปรวนแปร  ถ้าหากมนุษย์มีจิตใจสร้างกุศล ปลูกฝังวิญญาณแห่งสันติภาพ ก็เหมือนวิทยาการของโลกได้เจริญรุดหน้า ก็ดุจดั่งสวรรค์ได้สร้างความสุขเสมอหน้ากันทั่วพิภพ วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า โลกมนุษย์ก็เหมือนแดนสวรรค์ ผู้คนก็สามารถไป ๆ มา ๆ ได้โดยอิสระ  การกินอยู่อาศัยพร้อมพรั่ง ก็เหมือนชีวิตของอรหันต์  เทพดา  สิ่งเหล่านี้เป็นการ  "โปรดสัตว์"  ของสวรรค์  นั่นแล

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ ที่เปิดเผยความจริง  รู้สึกเป็นบุญคุณมหาศาลดีกว่าอ่านหนังสือถึงสิบปี  ความจริงแล้วเหตุการณ์ของโลกปัจจุบันนี้ ก็เป็นไปตามการจัดวางของท่านอย่างแยบคาย ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  อัศจรรย์ ! อัศจรรย์ !   เราเห็นจะต้องลาก่อนแล้ว

หยางเซิง   :  กราบนมัสการลา ท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  มีคำสั่งให้เทพเต๋าจัดแถวส่งแขก

เทพเต๋า   :  ขอส่งท่านทั้งสอง กลับสำนัก 

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ และเหล่าเทพเต๋า ... กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง   :  เซี่ยเฮี้ยงตึ้ง  ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/12/2011, 23:46 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

อรหันต์จี้กง   :  ไตรวิสุทธิ์ นั้นคือ วรสูญญตวิสุทธิ์  อนุตตรวิสุทธิ์  ธรณีวิสุทธิ์  และมนุษย์วิสุทธิ์  พระคัมภีร์เต๋ากล่าวว่า สวรรค์เป็นหนึ่งจะสดใส  ธรณีเป็นหนึ่งจะสงบ  มนุษย์เป็นหนึ่งจะศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นจึงรู้ได้ว่า  ไตรวิสุทธิ์ เป็นหลักธรรมของมหาสัทธรรม  วันนี้ ข้าฯจะพาศิษย์ไปเที่ยวชมไตรวิสุทธิ์  ฟังศาสดาคัมภีร์ ไตรวิสุทธิ์บรรยายธรรม อันว่าไตรวิสุทธิ์เป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยดึกดำบรรพ์ ผู้มีวิทยาคมจะเขียนยันต์จะต้องอันเชิญไตรวิสุทธิเทพเสียก่อน คือ ต้องเขียนเครื่องหมายสามหยักบนตัวยันต์ก่อน  อันว่า สี่ตรง ก็คือ  กายตรง  ใจตรง  วาจาตรง  การประพฤติตรง คนเราควรต้องมีสี่ตรง จึงจะสามารถบรรลุธรรม  ดังนั้น  สี่ตรง  จึงเป็นบันไดขึ้นสู่สวรรค์ คนที่จะเรียนวิทยาคมข้างใต้ของยันต์จึงต้องเขียน  สี่ตรง  เพื่อเน้นถึง สี่ตรง (กาย ใจ วาจา ความประพฤติ)  เมื่อทุกส่วนตรง เทพที่ตรงจึงจะลงประทับ เพื่อเขียนยันต์ อานุภาพรุนแรงไม่มีเทียบ จุดใหญ่ ๆ ที่สำคัญเช่นนี้ผู้คนมักไม่รู้ การใช้ยันต์นั้น ข้าฯจะไม่พูดมาก รอสักพักจะเชิญให้ท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพเป็นผู้บรรยายละเอียด หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัว เตรียมไปท่องสวรรค์เพื่อแต่งหนังสือเถอะ

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม !  ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้ ...

อรหันต์จี้กง   :  นั่งนิ่งบนบัวอาสน์ บุปผาจิตเบิกบาน หลงกิเลสในทะเลทุกข์ เมื่อความสุขหมดลง ภัยพิบัติก็จะผุดขึ้น ความหรูหราครื้นเครงในโลกมายานี้ เมื่อไรจึงจะรู้สึกสำนึกหนอ ?.  บนเกาะสวรรค์เทวภูมินี้จัดตั้งสำนักทรง เทพ พุทธ ต่างลงประทับทรงสอนสัทธรรมเพื่อโปรดมนุษยโลก

หยางเซิง   :  คำกล่าวไม่กี่ประโยคนี้  ช่างมีความหมายยิ่งนัก !

อรหันต์จี้กง   :  คำง่าย ๆ แต่ความหมายลึก จับปลาในน้ำตื้น สิ้นเปลืองแรงน้อย  ไม่สบายกว่ารึ ?.

หยางเซิง   :  ที่ตื้น ๆ มีแต่ปลาตัวเล็ก ๆ  มันจะไม่มักน้อยไปหน่อยหรือ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ฮาฮ้า !  คันเบ็ดเล็ก ๆ จะตกปลาตัวใหญ่ ๆ เกรงว่าจะไม่ได้ปลา คนกลับจะถูกปลาฉุดลงทะเล  เพราะฉะนั้นเมื่อน้ำลึกมาก ปลาจึงอยู่ลึกมาก คิดแล้วมันไม่คุ้มกันหรอก

หยางเซิง   :  พูดมีคติ !  เอ้อ !  ฉับพลันข้างหน้า ทำไมมีแม่คงคากว้างใหญ่อยู่สายหนึ่ง ?. น้ำใสจนไม่มีที่ติ ดูเหมือนแบ่งแยกเป็นสามสาย ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือ  "ไตรวิสุทธิคงคา"  อยู่เหนือสวรรค์  33 ชั้น  หรือเรียกอีกชื่อว่า  "คงคาสวรรค์"  ที่เห็นนี้เป็นตอนต้น ดังนั้น น้ำจึงใสแลดูระยิบระยับ วันก่อนเราเหินผ่านไป ดังนั้นเจ้าจึงไม่เห็นทิวทัศน์แถบนี้ วันนี้ได้มาที่นี่ก็จะเห็นได้เต็มตา !

หยางเซิง   :  แม่น้ำสายนี้ ขวางกั้นทางไปของเรา เราจะข้ามไปได้อย่างใด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

อรหันต์จี้กง   :  อันดอกบัวเกิดจากตม แต่ไม่เปื้อนตม บัวอาสน์ช่อนี้ จะลอยข้ามคงคานี้ คงไม่ง่ายนักเนื่องจากดอกบัวชอบน้ำที่มีตม ดังนั้น จึงเกรงว่าจะไม่มีวิทยาคมพอที่จะข้ามแม่คงคานี้

หยางเซิง   :  เพราะอะไรหรือขอรับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากอาหารที่หล่อเลี้ยงไม่พอ ดอกบัวมีตมหล่อเลี้ยง เพื่อความขาวของดอก แต่ว่าแม่คงคาสวรรค์นี้ น้ำสะอาดจนถึงก้น ไม่มีตมเลนเลย ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับอุปนิสัยของดอกบัว

หยางเซิง   :  เหตุผลอันนี้ กระผมคิดไม่ออก ดอกบัวเป็นสิ่งของขาวบริสุทธิ์ ตามเหตุผลแล้ว มันน่าจะเหมาะกับน้ำที่ใสสะอาด

อรหันต์จี้กง   :  เธอไม่รู้อะไร ดอกบัวเหมือนตัวแทนพระพุทธเจ้า  การสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ก็เพื่อโปรดสรรพสัตว์ แต่สรรพสัตว์จมอยู่ในตมเลนของสังคม ทรัพย์สมบัติ สุรา นารี ยศ ลาภ สรรเสริญ  ผูกมัดยุ่งเหยิงไปหมด  พระพุทธเจ้าจึงต้องส่งยานเมตตาเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้น ดอกบัวจึงเกิดจากตมเลน  ความหมายก็คือ พระพุทธองค์ก็ดำรงชีพอยู่ท่ามกลางสรรพสัตว์ หากไม่มีสรรพสัตว์ ก็ไม่อาจถูกยกย่องว่า เป็นพุทธองค์ ดังนั้น ตอนที่ไม่มีสรรพสัตว์  เหล่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็เรียกว่าสรรพสัตว์ได้  ดังนั้น  เมื่อดอกบัวอยู่ท่ามกลางตมเลน  ก็ต้องรักษาตนเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง มิฉะนั้นแล้ว ดอกบัวก็จะถูกกลบเกลื่อนจมหายไป มิอาจจะผลิตใบที่เขียวขจีและดอกที่ขาวได้  ก็เหมือนจิตของสรรพสัตว์ อาจมีความใสสะอาดเหมือน้ำในคงคาสวรรค์แล้ว ดอกบัวก็จะร่วงโรยไป เพราะฉะนั้น ชาวโลกต้องมีจิตบริสุทธิ์  เมื่อเหยียบลงบนพื้นน้ำคงคาสวรรค์ ก็จะเหมือนเหยียบลงบนแผ่นดิน ก็จะสามารถข้ามไปได้อย่างสบาย ๆ ตนเองก็เหมือนอวตารของดอกบัว  เหมือนมนุษย์รวมกายเป็นไตรวิสุทธิ์ รวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

หยาางเซิง   :  อาจารย์กล่าวอย่างสมเหตุผล

อรหันต์จี้กง   :  สวรรค์เป็นหนึ่ง จะเกิดนที  เป็นนทีแห่งไตรวิสุทธิ์ ไปหลลงสู่คุงลุ้งเบื้องล่าง แล้วไหลไปยังโลกมนุษย์ เลยกลายเป็นน้ำขุ่น เป็นแม่น้ำเหลือง  ดังนั้นจึงมีคำกล่าว ๆ ว่า  "เมื่อใดแม่น้ำเหลืองใสสะอาดขึ้น ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิิทธิ์ลงมาเกิด"  ทั้งนี้หมายถึงแม่น้ำคงคาสวรรค์ หากไหลไปสู่โลกมนุษย์แล้ว ก็จะมีเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ล่องลงตามน้ำไปปฏิสนธิ

หยางเซิง   :  ฉับพลัน ข้างหน้าก็มีผู้เฒ่าผู้หนึ่ง เดินบนผิวน้ำมา ไม่ทราบว่าเป็นใคร

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

อรหันต์จี้กง   :  เขาเป็นหลวงปู่คงคา หยางเซิงเจ้ารีบไปคารวะ ! 

หยางเซิง    :  คารวะท่านหลวงปู่คงคา !

หลวงปู่   :  เออ เอ่อ!  มิต้อง! มนุษย์มาถึงที่นี่เชียวรึ คงจะแอบข้ามคงคาสวรรค์ซินะ ?.

หยางเซิง   :  มิกล้า ! มิกล้า! กระผมติดตามท่านอาจารย์มาเที่ยวสวรรค์ เพื่อแต่งหนังสือ วันนี้มาถึงที่นี่ กำลังฟังท่านอาจารย์พูดถึงอยู่ ทำไมจะกล้าแอบข้ามละ !

หลวงปู่   :  ที่จริงเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะข้ามหรอกหรือ ?.  อันที่จริงก็ไม่กลัวว่าเจ้าจะแอบข้ามหรอก หากเท้าของเจ้าสกปรก เมื่อย่างก้าวเท่านั้น ก็จะจมดิ่งสู่ข้างล่าง ข้าจะพาเจ้าข้ามไป ไม่รู้ว่าเจ้าจะว่ากระไร ?.

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณ หลวงปู่  โอกาสอย่างนี้จะหาได้ที่ไหน ขอให้หลวงปู่ ช่วยเสกแพให้กระผมข้ามเถอะ

หลวงปู่   :  ก็ได้ ! นึกถึงครั้งอดีตกาล ในสมัยกษัตริย์ฮั่นบุ้ง ปกครองประชาราษฏร์ด้วยความเมตตา และกตัญญู เพียรพยายามฝึกฝนธรรม เเช้า - เย็น ก็อ่านพระคัมภีร์  "เต้าเต๊กเก็ง"  หากแต่ไม่เข้าใจได้หมด  ข้านี้ต้องแปลงกายมาอยู่ในกระต๊อบริมฝั่งคงคา เรียกตนเองว่า  "หลวงปู่คงคา"  ข้ามีความต้องการจะโปรดกษัตริย์ ฮั่นบุ้งให้บรรลุสัทธรรม  กษัตริย์ฮั่นบุ้งทรงทราบกิติศักดิ์ จึงแต่งทูตให้มาหา เพื่อให้อธิบายปัญญาธรรมที่ยาก ข้าจึงพูดว่า  "สัทธรรมมีค่าล้ำไม่สามารถฝากคนถามได้"  ท่านทูตกลับไปรายงานตามความเป็นจริง ให้กษัตริย์ทรงทราบ กษัตริย์จึงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ทรงคุกเข่าเข้ามาถาม ข้าก็ได้แต่หลับตาทำเฉย ดูซิว่ากษัตริย์ฮั่นบุ้งจะปฏิบัติอย่างไร ?.  กษัตริย์ฮั่นบุ้งทรงกริ้วอยู่ในพระทัยว่า  "แม้ตนจะมีธรรม แต่ก็เป็นข้าทาส - ข้าแผ่นดิน  ทำไมจึงเย่อหยิ่งนัก"  ข้านี้ก็รู้ว่ากษัตริย์ฮั่นบุ้งคิดว่าอย่างไร ฉับพลันข้าก็ทะยานทะลุหลังคากระต๊อบขึ้นสู่เบื้องบนสูงร้อยฟุต แล้วพูดลงมาว่า  "ข้าอยู่เหนือสวรรค์ เบื้องล่างก็ไม่อยู่ที่แผ่นดิน  ไฉนเลยจะมีข้าทาส - ข้าแผ่นดิน"  เสียงนั้นก้องกัมปนาท แผ่นดินสั่นสะเทือน กษัตริย์ฮั่นบุ้งได้ยินได้รู้สึกสำนึกผิด ก้มเศียรขอขมาลาโทษ  ข้านั้นรู้สึกถึงความศณัทธา จึงกลับลงมาอีกครั้งและได้สอนธรรมให้แก่เขา  ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะใฝ่หาธรรม จะต้องทำจิตให้ว่างเพื่อรับการสั่งสอน  มิฉะนั้นก็มิอาจจะได้พบสิ่งศักดิ์ศิทธิ์  วันนี้เจ้าหยางเซิงมาถึงที่นี่ ข้าก็จะช่วยเหลือเจ้า ตอนนี้ให้เจ้าลูบคลำที่ฝ่าเท้าว่ามีฝุ่นละอองหรือไม่

หยางเซิง   :  อายเหลือเกิน ที่ยังมีอยู่ !

หลวงปู่   :  ถ้าอย่างนั้น  วันหลังค่อยมาใหม่ น้ำในคงคาสวรรค์นี้ ไม่อนุญาตให้เจ้าล้างเท้า เจ้าต้องไปล้างที่แม่น้ำเหลืองโน้น

หยางเซิง   :  ไปที่แม่น้ำเหลือง นั่นมิใช่ว่ายิ่งล้างก็ยิ่งเปื้อนหรอกหรือ ?.

หลวงปู่   :  ไม่ไปที่แม่น้ำเหลือง ใจไม่ตาย เมื่อถึงแม่น้ำเหลืองแล้ว ตายแล้วต้องเกิดใหม่ ! 

อรหันต์จี้กง   :  ศิษย์รัก !  ข้าฯจะสอนวิธีให้เจ้าหน่อย! ฝ่าเท้าทาน้ำมัน ลื่นแล้วก็ยิ่งดี

หลวงปู่   :  น้ำมันทำให้ตัวเบาและลอยได้ ลื่นไปตามผิวน้ำก็ข้ามได้ เป็นวิธีที่แยบยล แต่ต้องขัดให้มันเสียก่อน แล้วอย่าเอาน้ำมันสกปรกทา มิฉะนั้นเจ้าจะล้างไม่ออก จะทำให้เท้าเน่าเสียอีกด้วย

หยางเซิง   :  ทาน้ำมันแล้วไปข้างหน้าก้แล้วกัน

อรหันต์จี้กง   :  ขอเชิญท่านหลวงปู่ เล่าถึงสรรพคุณของน้ำคงคาสวรรค์หน่อย !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

หลวงปู่   :   ก็ได้ !  สรรพคุณของน้ำคงคาสวรรค์ ชาวโลกยังไม่รู้จักกันเลย !   ย้อนไปถึงสมัยดึกดำบรรพ์ จากเอกธาตุแปรเปลี่ยนเป็นไตรวิสุทธิ์ คงคานี้ก็เป็นแหล่งกำเนิดของน้ำเชื้อ ของเหล่าวิญยาณเดิม เลือดและน้ำอสุจิมันเหมือนน้ำ การถือกำเนิดของมนุษย์ จากน้ำอสุจิของบิดา และเลือดของมารดามีสัมพันธ์แล้วเกิดตั้งครรภ์  แล้วก้กำเนิดมนุษย์ ก็เหมือนคงคาสวรรค์ที่ไหลสู่มนุษยภูมิ พุ้งสู่เขาคุงลุ้งตอนกลาง เป็นแม่น้ำเหลือง ดินนี่เองจึงเป็นจุดกำเนิดของชีวิต การก่อตัวของน้ำ คล้ายลูกอ๊อดเป็นเพศผู้ รวมกับเพศเมียในน้ำ พอนานวันเข้าก้กลายเป็นลูกกบ การกำเนิดของมนุษย์ก้เช่นเดียวกัน มนุษย์เกิดจากการผสมของธาตุ  อิม - เอี้ยง  (เป็นกฏของลัทธิคู่ เช่น ดวงอาทิตย์เป็นเอี้ยง   ดวงจันทร์เป็นอิม    ความสว่างเป็นเอี้ยง  ความมืดเป็นอิม    ผู้ชายเป็นเอี้ยง ผู้หญิงเป็นอิม   สีขาวเป็นเอี้ยงสีดำเป็นอิม ฯลฯ )   หากมีเอี้ยงมากเป็นเพศชาย หากเป็นอิมมากกว่าก็เป็นเพศหญิง  ดังเช่นตัวดักแด้จึงกลายเป็นผีเสื้อ ลูกอ๊อดจึงกลายเป็นกบ  เมล็ดจะกลายเป็นผักหรือต้นไม้  การเกิดของสรรพสิ่ง ย่อมไม่หลีกพ้น ธาตุทั้งห้า  เพราะฉะนั้น ห้าอาวุโสจึงเป็นบุญคุณของสรรพสิ่ง  อาจไม่เชื่อถือก็สามารถพิสูจน์พิสูจน์ได้  จากการค้นคว้าของวิทยาศาสตร์ ข้า ฯ เชื่อว่าที่พูดนั้นไม่เหลวไหล ฉะนั้น ผู้คนปฏิบัติธรรม ควรจะทิ้งไอแห่งธาตุทั้งห้า  ก็เหมือนดับเชื้อพันธุ์ในวัฏสงสาร  เกิดเกิด  ดับดับ  เหมือนเมล็ดที่ต้องงอกต้องเกิด เป็นต้น  ต้นก็ให้เมล็ด  เมล็ดก็ให้ต้นอีก   จากหนึ่งกลายเป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ - ห้า  เป็นหมื่น ๆ เชื้อพันธุ์ตัณหาของมนุษย์ก็เป็นเชื้อพันธุ์ในวัฏสงสาร  จึงมีคำพูด ๆ ว่า  "ความทะยานอยาก จะสืบทอดการเกิดการตาย"  พืชพันธุ์สามารถปลูกได้ในประเทศจีน  อเมริกา  อินเดีย  แอฟริกา  นานาประเทศ  หากจะต่างกันออกไป  ดังนั้น  มนุษย์ในโลกนี้จึงมีผิวพรรณและลักษณะออกไป  ดังนั้น   มนุษย์ในโลกนี้จึงมีผิวพรรณและลักษระแตกต่างกัน

        บัดนี้  เมื่อชาวโลกปฏิบัติธรรม ก็ควรจะสลัดทิ้ง ความแตกต่างภายนอกเสีย แล้วเสาะแสวงหา  "แก่น" อันเป็นพื้นฐานเดิม พึงรำลึกเสมอว่า  สรรพสัตว์ในโลกล้วนมีจุดกำเนิดจากแหล่งเดียวกัน เหมือนพระจอมราชัน ผู้ประทานเมล็ดเผ่าพันธุ์เมล็ดหนึ่ง แล้วแตกกระจายออกไป ดังนี้แล้ว การปฏิบัติธรรมควรน้อมระลึกไว้เสมอว่าจากธาตุทั้งห้า เมื่อรวมกันแล้ว จะเป็น  ไตรวิสุทธิ์  และจากไตรวิสุทธิ์นี้  เมื่อรวมกันอีกครั้ง ก็จะเป็นเอกธาตุ ไหลย้อนไตรวิสุทธิคงคา กลับเข้าสู่สวรรค์ถิ่งดั้งเดิม เมื่อสำเร็จมรรค - ผล  ก็เสวยสุขนิรันดร์ หลุดพ้นจากสามภพ ไม่ถูกควบคุมโดยธาตุทั้งห้า ชีวิตก็จะมีแต่ความอิสระ  สุขสำราญ  ความพิสดารนี้ พระจอมราชันเจ้าผู้ก่อกำเนิดสรรพสัตว์มีพระคุณเหลือล้น  อันเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่มนุษย์ควรจะกราบนมัสการมิใช่หรือ ?. 

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณ หลวงปู่คงคา ที่เผยความลับสวรรค์

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีเทพบุตรหนึ่ง หน้าตาดูวัยรุ่นอยู่ ลอยข้ามแม่น้ำคงคาสวรรค์มาโดยไม่ต้องใช้เรือ กระผมใคร่จะสนทนาด้วยจะได้ไหม ?.

หลวงปู่   :  เขาคือ เทพฟ้าเมฆินทร์ เจ้าสามารถถามไถ่เขาได้

หยางเซิง   :  ขอเรียนถามท่านเทพ ไม่ทราบว่าท่านมาจากไหน ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

ฟ้าเมฆินทร์   :  ผมมาจากอนุตตรวิสุทธิปราสาท เป็นศิษย์ของท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ วันนี้มีกระแสจิตดลใจทราบว่า อรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิงมาท่องสวรรค์ เพื่อแสวงหาธรรมะ ดังนั้นจึงมายังคงคาสวรรค์เพื่อสนทนาด้วย เมื่อครู่นี้ท่านหลวงปูคงคา ก็ได้เล่าถึงความเป็นมาของคงคาสวรรค์แล้ว เพื่อที่จะโปรดสัตว์โลก จึงมาเพื่อขยายความอีกนิด เมื่อมนุษย์ปฏิบัติธรรม จิตใจไม่แน่วแน่ ไม่เคร่งครัดต่อศีล  แต่ละครั้ง ๆ ก็มัวแต่อโหสิให้ตนเองอยู่ตลอดเวลา อันเป็นสาเหตุที่ไม่เจริญรุดหน้า เนื่องจากพระจอมราชัน ต้องการกอบกู้วิญญาณกลับถิ่นเดิม จึงได้แพร่งพรายความลับสวรรค์อีก วันนี้ ผมจะชี้แจงถึงการปฏิบัติธรรม  3  ขั้นตอน ถ้าหากทุกคนทำได้ขอรับรองว่าก็จะสามารถลอยข้าม คงคาสวรรค์ได้

1.  ฟ้าสดใส  ศรีษะของคนถือว่าเป็น  "ฟ้า"  เป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณ จำต้องมีปัญญาไหวพริบดี ต้องละความคิดที่อกุศลทิ้ง   ละตัณหา  ดังนั้น  สติปัญญาจึงสดใส จิตวิญญาณจึงเชื่อมโยงถึงสวรรค์ในขณะที่สิ้นลมปราณ วิญญาณบริสุทธิ์จึงจะลอยขึ้นสู่สวรรค์ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า  "ฟ้าสดใส"

2.  ธรณีวิสุทธิ์  ส่วนท้องของมนุษย์เปรียบเหมือน  "ธรณี"  กระเพาะและม้ามเป็นธาตุดิน ดำรงชีพด้วยธัญธาตุทั้งห้า ห้ามรับประทานสิ่งมีชีวิต ท้องไส้ก็บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเน่าบูดของปลา  เนื้อสัตว์  เมื่อสิ้นลมปราณ ธาตุบริสุทธิ์ก็กลับแหล่งเดิม จิตวิญญาณก็จะกลับคืนสู่ดินแดนบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นจึงเรียก    "ธรณีสงบ" 

3.  มนุษย์วิสุทธิ์  ส่วนล่างของมนุษย์เปรียบเป็น  "มนุษย์"  ชายและหญิงมีความกำหนัดยินดี  ก็จะหลั่งเลือดอสุจิ หากความสัมพันธ์นอกเหนือจากสามี - ภรรยา เรียกว่า  "กามอุบาทว์"  เมื่อเกิดกามอุบาทว์ความสว่าง - มืด  (อิม - เอี้ยง)  จะสับสนกลับกันผิดศีลธรรม เลือดอสุจิเป็นรากเหง้าเผ่าพันธุ์ ดังนั้น ถ้าปล่อยให้เคลื่อนออกโดยไม่มีการควบคุม มีเพศสัมพันธุ์ไม่หยุดยั้ง ผิดผัวผิดเมีย  เป็นการทำลายเผ่าพันธุ์แห่งวิญญาณ เป็นการทำร้ายต่อวิญญาณ  เลือดอสุจิปนเปกันก็เหมือนน้ำในแม่น้ำขุ่นคลั่ก ผู้ที่มักมากในกามมารมณ์ มีคำกล่าว ๆ ว่า  "นิยมชมชอบสมสู่กันมากกว่าอยากเป็นเทวดา" เพราะฉะนั้น จึงมีความคิดว่าจะเลิกธรรมะตกลงสู่ความกำหนัดยินดีในความใคร่อันยาวนาน จิตวิญญาณเสื่อมสลายลง ไฟราคะเพิ่มสูงเด่น ความกำหนัดยินดีในกามตัณหา ก่อกำเนิดจากเบื้องใต้ทะเลลึกของมนุษย์ ซึ่งเป็นเหล่งที่ชุมนุมและการระบาย แห่งความสกปรก (ตมเลน) ทั้งหลาย ดังนั้น ผู้มักมากในทางนี้ เมื่อสิ้นลมปราณลง ย่อมตกลงสู่มหาสมุทรในยมโลก ตรงกันข้าม ความสะอาดจากกามมารมณ์ แปรเป็นบุญกุศลผุดผาดบริสุทธิ์ในทะเลทุกข์ กลายสภาพเป็นทะเลธรรม  เมื่อกิเลสของคนหมดลงตามหลักแห่งสวรรค์ เมื่อสิ้นลมปราณ จากมนุษย์ที่บริสุทธิ์ เชื่อมต่อธรณีวิสุทธิ์ ต่อโยงถึงฟ้าวิสุทธิ์อย่างอัตโนมัติ เหมือนกับนักพรตในโลกนี้  หากมีความตั้งมั่นบำเพ็ญเพียร แต่ใจไม่ยอมห่างจากกามมารมณ์ และได้ตกลงสู่ห้วงเหวแห่งนี้นับไม่ถ้วน ดังนั้นเมื่อตายลงแล้วต้องล่องลอยไปกับกระแสน้ำที่ขุ่นหมอง จมดิ่งอยู่ในทะเลรักหรือจำอยู่ในนรก หรือเกิดเป็นคนอีก หมุนเวียนไม่จบ บัดนี้ได้มีการโปรดสัตว์ชาวโลกปฏิบัติธรรม หากสามารถละกามราคะ รักษาพรหมจรรย์ ก็เหมือนสามส่วนของร่างมนุษย์  "บน  กลาง  ล่าง"  ไตรวิสุทธิ์ไม่ติดขัด ซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อผ่านคงคาสวรรค์ไปได้ สามารถขึ้นฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต มิฉะนั้นแล้ว แม้จะสร้างคุณงามความดีไว้มากมายเพียงไร เมื่อตายลงแล้ววิญญาณยังต้องได้รับความช่วยเหลือจาก อรหันต์  หรือวิสุทธิเทพในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ทำการฝึกฝนอบรมอีก จนกว่าจิตจะบริสุทธิ์ จึงจะค่อย ๆ สขึ้นสู่สวรรค์ตามลำดับขั้น หวังว่าชาวโลกจะเข้าใจ

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณ ท่านเทพฟ้าเมฆินทร์ ที่ประทานวรพจน์ วรพจน์แต่ละคำมีค่ายิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ไพเราะเสนาะหูและใช้การได้อย่างแท้จริง

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว อาตมาต้องพาศิษย์กลับสำนัก กล่าวนมัสการลาท่านทั้งสองเถอะ

หลวงปู่   :  ไม่ต้องเกรงใจ  ลาก่อน !

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  เซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเเข้าร่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองสวรรค์

                               ครั้งที่ 8

                    ไปชมอนุตตรวิสุทธิปราสาท

           ฟังธรรมจากพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  อีกครั้ง

                    วันที่  7  กันยายน  พ.ศ.  2522

         อรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ทิวทัศน์แดนสวรรค์             สวรรค์สร้างงดงามล้ำเลิศ
แจ่มจำรัสแพรวพราย                   ประกายทองสว่างนิจนิรันดร์
ประตูบัญชรหอ                         บ่มีขโมยต้องปิดกั้น
เหล่าเทพเทวานั้น                     ใฝ่ธรรมมั่นแสวงหา 

อรหันต์จี้กง   :  คุณภาพชีวิตของมนุษย์ได้ยกระดับขึ้นมามากแล้ว บ้างก็อาศัยอยู่ในตึกระฟ้า แต่ก็ไม่พ้นกำแพงหนาลูกกรงเหล็ก กักขังตนเองอยู่ในนั้น ถึงแม้จะปิดกั้นกันขโมยได้ แต่ใน  "ห้องจิต"  ไม่อาจจะปิดกั้นได้จากเหล่ากามราคะ โจรผู้ร้ายจากความกังวลบุกเข้ามาเสมอ ๆ  เจ้าดูประตูหอห้องของปราสาทวิมานในแดนสวรรค์ซิ ไม่เคยปิดเลย ขโมยก็ไม่เข้า เสียงรบกวนก็ไม่มี เพราะฉะนั้น จึงวางใจไป ๆ มา ๆ มีอิสระ ความสุขเช่นนี้ เจ้าไม่คิดอยากได้หรือ ?.  มาซิ !  ไม่ต้องเกรงใจหรอก !  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัว  วันนี้เราจะไปยังอนุตตรวิสุทธิปราสาท ไปเฝ้าท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ

หยางเซิง   : ดีครับ !  กระผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  ........ถึงปราสาทแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัวได้

หยางเซิง   :  ชั่วประเดี๋ยวเดียว อนุตตรวิสุทธิปราสาท ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า รัศมีจาก  36  ฟ้าบันดาล และ 72  ธรณีพิฆาต ยังคงสาดส่องแวววาวไม่หยุดกระผมรู้สึกแสบตานิดหน่อย

อรหันต์จี้กง   :  ต้องมีสติมั่นคง  จิตอย่าสับส่าย

หยางเซิง   :  ขอรับ !  ตอนนี้จิตค่อยสงบลงแล้ว ขอนมัสการเข้าพบท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  มิต้องคารวะ !  ท่านทั้งสองได้มาที่ปราสาทนี้อีก ยินดีต้อนรับ ครั้งก่อนที่มาเนื่องจากเวลาจำกัด เพียงแนะนำให้รู้จัก  36  ฟ้าบันดาล และ  72  ธรณีพิฆาตเท่านั้น ยังไม่ได้สนทนาธรรมกันเลย วันนี้ก็ใคร่จะอธิบายเกี่ยวกับมหาสัทธรรมจิตพิศดารเพื่อโปรดชาวโลก ข้า ฯ จะพาเจ้าเข้าไปดูใกล้ ๆ พระที่นั่ง

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณ ! เดินมาข้าง ๆ พระที่นั่ง มองเห็นเหนือพระที่นั่งมีอักษรว่า  "จิตพิศดารคืนถิ่น"  รอบ ๆ อักษรมีรัศมีทองเปล่งประกายวาววับ แต่ไม่เข้าใจความหมายของอักษร ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองสวรรค์

                               ครั้งที่ 8

                    ไปชมอนุตตรวิสุทธิปราสาท

           ฟังธรรมจากพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  อีกครั้ง

                    วันที่  7  กันยายน  พ.ศ.  2522

         อรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ทิวทัศน์แดนสวรรค์             สวรรค์สร้างงดงามล้ำเลิศ
แจ่มจำรัสแพรวพราย                   ประกายทองสว่างนิจนิรันดร์
ประตูบัญชรหอ                         บ่มีขโมยต้องปิดกั้น
เหล่าเทพเทวานั้น                     ใฝ่ธรรมมั่นแสวงหา 

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  เจ้าคอยสักประเดี๋ยวก็จะรู้เอง

หยางเซิง   :  พอเข้าไปข้างในพระที่นั่ง เวิ้งว้างว่างเปล่า โปร่งใส ราวกับกระจกแก้วไร้ขอบเขตไม่เห็นมีอะไรเลย

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ดวงตาเจ้ายังไม่แกร่งพอ ข้าฯ จะทำการปัดเป่าให้นิดหนึ่ง เจ้าก็จะได้เห็นชัดเจนทุกอย่าง

หยางเซิง   :  ท่านเทพใช้แส้ปัดผ่านหน้ากระผมไป ภาพที่อยู่ข้างหน้าพลันก็เปลี่ยนแปลงไป พบแต่สิ่งสีขาวดวงหนึ่งลอยอยู่เบื้องบน แสงดวงข้างหน้าแวววาว คล้ายกับกำลังหมุนอยู่อย่างเร็ว มิทราบว่าเป็นอะไร ?.

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ฮ้า ฮ้า !  ดวงนี้เป็นดวงวิญญาณของเจ้าเอง  ฟ้าสดใส  ธรณีสงบ มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์  สามส่วนนี้หากขาดธาตุนี้แล้ว ฟ้าจะถล่มดินจะทลายผู้คนจะดับสูญ วิญญาณบริสุทธิ์นั้นสุดค่าสุดหวงแหน จึงเรียกว่า  "วิญญาณพิสดาร"  บนฟ้ามีสุริยัน  จันทรา  และดวงดารา  ธรณีก็มีน้ำ ลม ไฟ  มนุษย์ก็มีพรหมจรรย์  ธาตุ  สติ  นี้แหละคือ สามส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์มีค่ายิ่ง เพราะเหตุนี้ ข้าฯจึงควบคุมพิธีกรรมของสวรรค์ปางก่อนโดยท่านพระเสียงเล่ากุงเป็นผู้ทำพิธี ชาวโลกผู้เข้าพิธีจะต้องกราบเชิญองค์พระไตรวิสุทธิ์ก่อน จึงจะทำพิธีได้ หากต้องการความศักดิ์สิทธิ์ ต้องรวบรวมพลังสติ ตั้งจิตมั่น ลองมาดูตอนที่มีแผ่นดินไหว มนุษย์จะสงบได้อย่างไร ?. เพราะฉะนั้น การดำเนินการทำพิธี ข้อสำคัญอยู่ที่จิตต้องมีศรัทธามั่นคง มีไตรวิสุทธิ์และสี่ซื่อตรง ดังนั้น ฟ้า - ดินก็สามารถเชื่อมโยง  การทำยันต์นั้น พิสดารอยู่ที่  "จิต"  หากว่า จิตกล้า พิธีก็ขลัง หากจิตอ่อนแอ พิธีก็ไม่ขลัง ถ้าไม่มีพลังจิต ก็จะสูญเปล่า

หยางเซิง   :  การทำยันต์ด้วยใจ จะสามารถถ่ายทอดให้บ้างได้ไหม ?.

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ    :  ฮา ฮา !  มิต้องหรอก ใช้ใจที่ดีตั้งใจให้กล้า ยันต์นี้ก็คือ ยันต์ที่มีใจที่ถือเอาความสัจจะและความซื่อสัตย์

หยางเซิง   :  อ๋อ เป็นเช่นนี้เอง !  ความพิสดารที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ขึ้นอยู่กับจิตที่มั่นคง   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองสวรรค์

                               ครั้งที่ 8

                    ไปชมอนุตตรวิสุทธิปราสาท

           ฟังธรรมจากพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  อีกครั้ง

                    วันที่  7  กันยายน  พ.ศ.  2522

         อรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ทิวทัศน์แดนสวรรค์             สวรรค์สร้างงดงามล้ำเลิศ
แจ่มจำรัสแพรวพราย                   ประกายทองสว่างนิจนิรันดร์
ประตูบัญชรหอ                         บ่มีขโมยต้องปิดกั้น
เหล่าเทพเทวานั้น                     ใฝ่ธรรมมั่นแสวงหา 

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ชาวโลกมักไม่บำรุงเลี้ยงพื้นจิตให้ดี ผู้ที่เรียนวิทยาคม มักจะเย่อหยิ่งจองหอง สำคัญผิดคิดว่า ตนเองนั้นล้ำเลิศ บ้างก็อิจฉากัน กล่าวหากัน หรือไม่ก็ละโมฐทรัพย์ บ้างก็มัวเมาในกามราคะ ไร้ศีลธรรม ใช้คาถาอาคมไปในทางมิชอบ ทำร้ายคนด้วยอาคมอุบาทว์ ตัดต่อคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ คนจำพวกนี้เมื่อตายลงต้องตกนรกดังคำปฏิญาณที่ให้ไว้ รับโทษทรมาน จากเครื่องพันธนาการของฟ้า - ดิน หรือไม่ก็ไปกำเนิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากรก หรือไข่ หรือน้ำ หรือจากการแยกตัวต่าง ๆ เพื่อรับอกุศลกรรมที่ตนก่อไว้ ถ้าหากว่าจะใช้วิทยาคมตามกฏระเบียบเพื่อช่วยเหลือมนุษย์แล้ว ควรรักษาศีล 10 ข้อดังนี้

1. ไม่ฆ่าสัตว์........อย่าเห็นแก่การกิน

2. ไม่ผิดเพศ........ผิดลูกเมียเขา

3. ไม่ลักขโมย.......ทรัพย์อันมีเจ้าของ

4. ไม่กล่าวเท็จ........กล่าววาจาที่ไม่จริง

5. ไม่มัวเมา........สำนึกในความประพฤติ บริสุทธิ์เสมอ ๆ

6. สนิทสนมกลมเกลียวในหมู่ญาติพี่น้อง

7. เห็นเขาทำบุญสร้างกุศล เราก็อนุโมทนาด้วย

8. เห็นเขาทุกข์ร้อน เราก็ช่วยเหลือ

9. เขามุ่งร้ายต่อเราแต่เราไม่โต้ตอบ

10. ใฝ่ใจในมวลมนุษย์ที่บรรลุธรรม แล้วเราก็จะไปนิพพาน

        ถ้าหากได้ยึดถือปฏิบัติตามศีล 10 ข้อ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ไม่ว่าจะเรียนธรรมะ หรือเรียนวิทยาคม ก็จะได้รับผลสำเร็จแน่นอน  ขณะนี้เป็นระยะเวลาโปรดสัตว์ ชาวโลกควรสดับรับฟังธรรม ปฏิบัติธรรม มิฉะนั้นหากพลาดโอกาสแล้วก็จะสายไป ข้าฯจะกล่าวคติธรรมให้ฟัง  ดังนี้

        ยมโลกตรวจสอบไม่เว้นวัน
ทุกค่ำคืนยันรุ่งร้องทุกข์ทรมาน
เพราะปางก่อนไม่คิดทำบุญทำทาน
เมื่อตายลงวิญญาณจึงถูกฉุดเข้าคุก
ยมทูตหัวควายไม่เคยปราณี
ผู้คุมมีเมตตามีได้อย่างไรกัน
กินลูกอมเหล็กร้อนแดงจนปากคับ
นกทองเหลืองขยับบินฉกลูกกะตา
เจ้าหนี้คู่แค้นมีนับไม่ถ้วน
ต้องใช้คืนล้วนทุกรายเคลียร์บัญชี
ตอนมีชีวิตไม่รู้จักรัตนตรัยดี
เมื่อตายลงมีที่ไหนจะแคล้วคลาด
ครั้งดิ่งลงนรกอันมืดมิดตลอดกาล
แม้เนิ่นนานพันปีมิรู้เหตุเกิด - ตาย
เตียงเหล็กยามราตรีร้อนรุ่มกาย
ต้นไม้เหล็กกิ่งก้านตายบ่รู้ฤดูกาล
ชาวโลกแลผีเปรตร้องระงม
แค้นระบมพวกผู้คุมหัวควาย
หมู่มีดเย็นยะเยือกตำทั่วกาย
เตาถ่านรายลุกโชติช่วงลวกผู้คน
หมื่นแปดพันเคราะห์ไม่มีวันกลับ
อาจจะสับไปเกิดเป็นหมูหมาเอา
ตอนเป็นคนไม่ให้ความสะดวกเขา
เมื่อเป็นผีเอากุศลได้อย่างไร
ที่นี่นี้ทุกข์ยากทั้งร้อยแปด
ร้อนแดดแบกทุกข์ไปบอกใคร
ควรใคร่ดูกายสลายบ่เหลือใด
ธาตุทั้งสี่อวัยวะห้าใช้ของจริง
ข้อกระดูกมีถึงสามร้อยหกสิบ
เนื้อหนังขลิบเข้าเลือดใส่รวมเป็นร่าง
คิดก็คิดว่ามันอยู่ไม่ตลอดทาง
แต่ก็ยังคิดพลางวุ่นวายพลางตลอดคืน
พ่อแม่ลูกเมียฝากเพียงชั่วคราวก่อน
พี่น้องมีโอกาสตอนอยู่ไม่ถึงเฒ่า
เมื่อลมปราณขาดกลับบ้านเก่า
ทุกส่วนเน่าเปื่อยกลายเป็นดิน
แม้ลูกชายหญิงร่ำไห้เคียงข้าง
ก็ไม่มีทางจะช่วยให้หลุดพ้น
ขอให้เพียรสร้างกุศลให้มากล้น
ระวังอย่าสนใจทิ้งทรัพย์ไว้ให้ลูกหลาน

อรหันต์จี้กง   :  ท่านเทพกล่าวอย่างซาบซึ้ง ทำให้เจ้าหยางเซิงเศร้าสลดใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด ชาวโลกได้ฟังคติพจน์เตือนสติ เชื่อว่าผู้ที่มีเลือดเนื้อคงรู้สึกสะเทือนใจบ้าง เห็นอย่างนี้แล้ว ท่านจะไม่รีบ ๆ บำเพ็ญเพียรหรือ ?. จะได้ลอยขึ้นสู่สวรรค์ไงเล่า

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ข้าฯจะนำดวงวิญญาณกลับคืนสู่ร่างเจ้าหยางเซิง

หยางเซิง   :  ดวงแสงที่อยู่ข้างหน้าได้หายไปจริง ๆ ด้วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองสวรรค์

                               ครั้งที่ 8

                    ไปชมอนุตตรวิสุทธิปราสาท

           ฟังธรรมจากพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  อีกครั้ง

                    วันที่  7  กันยายน  พ.ศ.  2522

         อรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ทิวทัศน์แดนสวรรค์             สวรรค์สร้างงดงามล้ำเลิศ
แจ่มจำรัสแพรวพราย                   ประกายทองสว่างนิจนิรันดร์
ประตูบัญชรหอ                         บ่มีขโมยต้องปิดกั้น
เหล่าเทพเทวานั้น                     ใฝ่ธรรมมั่นแสวงหา 

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ภายในใจของเจ้าก็มี  "องค์จิตพิศดาร"  อันเป็น "จิตดั้งเดิม"  ก็คือ  "องค์วิสุทธิเทพ"  จึงกล่าวได้ว่า "คาถาอาคมต่าง ๆ ล้วนเกิดจากใจ"  เมื่อคนผจญกับความยากลำบากเพื่อที่จะผ่านเคราะห์กรรม ควรจะหาวิธีแก้ไขเสียก่อน หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า "วิทยาคมเกิดจากใจ" หากใจตรงอาคมก็ขลัง (ศักดิ์สิทธิ์)  สามารถที่จะป้องกันตนเองเพื่อเจริญธรรม ในทางตรงกันข้าม หากใจคด  อาคมก็อุบาทว์ สามารถทำลายผู้คน ทำให้บุญบารมีเสื่อมถอย ชวโลกอยากได้อาคม แต่ไม่อาจจะได้รับ อยากได้ธรรมะ แต่ก็ไม่อาจจะได้ธรรมะ มีคนกล่าวว่า  "บารมีสูง เสือมังกรสยบ  มีศีลสูงผีเทพเกรง"  อันนี้เป็นการสำเร็จทางวิทยาคม ดูอย่างมหาบุรุษ แม้ตัวท่านเองจะไม่มีคาถาอาคม แต่ข้างตัวท่าน ต้องมีผู้ติดตามให้ความคุ้มครองเสมอ อันนี้คือ คาถาป้องกันตัว การเรียนธรรมะก็เช่นเดียวกัน ต้องตั้งมั่นปฏิบัติธรรม อดทนต่อมารผจญ เมื่อบุญบารมีเพิ่มพูนขึ้นแล้ว ความร้อนจากกำลังไฟสมบูรณ์เพียงพอแล้ว ยังสามารถนำไฟกลับที่เดิม

หยางเซิง   :  อะไรคือ  "การนำไฟกลับที่เดิม" ?. 

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  การบำเพ็ญเพียรก็เหมือนกับการสะสมพลังไฟ เมื่อเกิดไอขึ้นก็จะลอยขึ้นสู่เบื้องบน เบาบริสุทธิ์กลับที่เดิม หากว่าจิตไม่มั่นคงแล้ว พลังไฟกลับเย็นลง เมื่อไอเย็นลงก็จะตก (จม) ลงไป เพื่อเป็นการโปรดชาวโลก วันนี้ ข้าฯจะถ่ายทอดสูตร "จิตพิศดารเพ่งมั่น" 

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณท่านเทพที่ช่วยเหลือชาวโลก เจ้าหยางเซิงจงเงียบฟัง

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  เงียบสงบฟังท่านเทพ กล่าว

Tags: