พระบารมีธรรมนักธรรมอาวุโส
พระโพธิสัตว์เต๋อฮุ่ย (เต๋อฮุ่ยผูซ่า)
พระโพธิสัตว์เต๋อฮุ่ย
พระโพธิสัตว์เต๋อฮุ่ย ยามมีชีวิตอยู่ได้ติดตามท่านผู้เฒ่าน้ำใสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ในขณะนั้นท่านก็คือ รองธรรมาธิการของพวกเรา
ท่านเป็นผู้ที่ไม่รู้หนังสือ แต่ท่านมีจิตใจที่เปี่ยมำแด้วยความเมตตากรุณาที่เหนือกว่าคนทั้งหลาย แม้ท่านจะเป็นเพียงปุถุชน แต่ท่านก็มีจิตใจอันบริสุทธิ์ดั่งพระโพธิสัตว์
ท่านมีฝ่าเท้ายาวแค่สามนิ้ว การก้าวย่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ละก้าวได้เดินเข้าหาเวไนยสัตว์ และได้บุกเบิกออกไปจนมีอาณาจักรธรรมอันกว้างใหญ่ไพศาล
ในชั่วชีวิตของท่านไม่เคยที่จะเสพสุขในกองบุญ แต่ได้สะสมพระบารมีธรรม และพระกรุณาธิคุณให้แก่เหล่าเวไนย ชั่วชีวิตของท่านมีแต่ความสันโดษสมถะ แต่ก็ได้มีรัศมีแห่งญาณจิต ที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนทุกคน นับได้ว่าท่านเป็นกุลสตรีตัวอย่างแห่งศตวรรษที่ 20 และก็เป็นสตรีที่เปี่ยมพระบารมีธรรมของโลก ก่อนที่ท่านจะกลับคืนสู่เบื้องบน พระอาจารย์เคยประทับญาณกล่าวว่า
การปฏิบัติบำเพ็ญในเกาะไต้หวันเป็นเวลา 40 กว่าปี บัดนี้ได้บังเกิดพระโพธิสัตว์เดินดินแล้ว
พระบารมีธรรมยามมีชีวิต
1. ชาติกำเนิด
แซ่จาง นามอวี้ไถ เป็นคนมณฑลเหอเป่ย อำเภอจิ่ง เกิดก่อนปีหมินกั๋วที่ 2 (ค.ศ. 1910) เดือน 9 วันที่ 11 บรรพบุรุษเป็นชาวกสิกร สภาพครอบครัวเรียบง่าย เคร่งครัดในการอบรมสั่งสอน กระจ่างในจารีตประเพณี และเคร่งครัดในคล้อยตาม 3 จริยธรรมสตรี 4 (ซันฉงซื่อเต๋อ) มีจิตใจมตตาดีงาม มีใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น
สมรสเข้าสู่ตระกูลฉาว มีอยู่ที่มืองเทียนจิน ทำกิจการโรงงานย้อมผ้าหย่งจวี้เฉิง เป็นตระกูลที่มีความภักดีรู้คุณ ชอบสร้างสมคุณงามความดี
2. การรับวิถีธรรม
คุณฉาวผู้เป็นสามี เมื่อได้ผู้แนะนำรับรองชักนำมารับวิถีธรรมแล้ว แต่เนื่องจากธุรกิจการค้ารัดตัว จนไม่มีเวลาที่จะศึกษาพระธรรม
ครั้งหนึ่งบิดาของคุณฉาวเคยถูกโจรเข้าปล้นสะดมและหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ตัวคุณฉาวเองก็เคยเดินทางออกไปทำธุรกิจได้ประสบเคราะห์ภัย มีนักธุรกิจมากมายที่ถูกจับกุมตัวและถูกทำร้าย จะมีเพียงคุณฉาวเท่านั้นที่ควบคุมสติอารมณ์ไว้ในจุดญาณทวาร แล้วท่องไตรรัตน์อยู่ในใจ โจรเหล่านั้นจึงไม่ได้ทำร้ายและปล่อยตัวออกมา หลังจากคุณฉาวกลับมาจึงโปรดท่านรับวิถีธรรมด้วย
หลังจากที่ท่านแต่งเข้าสู่ตระกูลฉาวแล้ว บิดาได้ลากจากโลกไป พอได้ยินมาว่า การรับวิถีธรรมสามารถฉุดช่วยบิดามารดา การทานเจสามารถทำให้บิดามารดได้รับรัศมีบุญ เพื่อที่จะทดแทนบุญคุณ ในปีหมินกั๋วที่ 32 (ค.ศ.1941)โดยอาศัยคุณฉาวอิงจวิ้นผู้เป็นสามีชักนำในการรับวิถีธรรม อีกทั้งบังเกิดจิตศรัทธาถือศีลกินเจ
3. การบำเพ็ญปฏิบัติ
หลังจากที่รับวิถีธรรมเดือนกว่าก็ทำการฉุดช่วยดวงวิญญาณของบิดา จากนั้นยังได้ชักนำคุณย่าและมารดามารับวิถีธรรม แล้วยังได้ฉุดช่วยดวงวิญญาณของคุณปู่ตามลำดับ ซึ่งจิตใจของท่านเต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู
จากนั้นเป็นต้นมา ทุกๆวันก็ได้มาพุทธสถานทำความสะอาด จุดธูปกราบไหว้พระ ต้อนรับญาติธรรม ส่งเสริมอย่างเต็มกำลังความสามารถ
อีกทั้งในโรงงานกได้ตั้งพุทธสถาน พระอาจารย์ประทับญาณประทานนามว่า พุทธสถานอี้ซิง
คุณฉาวมีความประสงค์ที่จะออกไปบุกเบิกเผยแพร่ธรรม แต่ก็เนื่องจากการงานธุรกิจผูกมัด เหตุนี้จึงได้สละทรัพย์ และให้ภรรยาออกไปปฏิบัติงานธรรมแทนตนเองเป็นเวลา 3 ปี
แต่เดิมทีคุณพ่อสามีไม่ยอม เนื่องจากภายในครอบครัวไม่มีคนดูแล แต่ก็ได้คุณฉาวคุกเข้าอ้อนวอนขอร้อง จึงยอมตกลงให้จากบ้านไป 3 ปี จากนั้นต้องกลับมา
ปีหมินกั๋วที่ 36 (ค.ศ. 1947) จันทรคติเดือน 8 วันที่ 7 ออกบุกเบิกแทนสามีได้รับคำบัญชาจากท่านผู้เฒ่าน้ำใส เดินทางพร้อมกับห่าวจินอิ๋ง จ้าวฮุ่ยเซียง เฉินหงเจิน หลี่อวี้หมิงรวมทั้งบุตรคนเล็กนามฉาวไห่อิ๋ง เป็นต้น ลงเรือไปไต้หวัน
ปีหมินกั๋วที่ 38 (ค.ศ. 1949) บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง จากนั้นข่าวคราวก็ถูกตัดขาด ท่นมีความคิดถึงบ้านเกิดอย่างสุดซึ้ง ระยะแรกที่มาถึงไต้หวัน ทั้งผู้คนและสถานที่ก้ไม่คุ้นเคย ภาษาก็สื่อกันไม่รู้เรื่อง ธรรมกิจต่างๆ ปฏิบัติกันอย่างยากลำบากยิ่ง อีกทั้งยังต้องประทังชิวิตด้วยความทุกข์ยากแสนเข็ญ
ช่วงแรกท่านได้นำเงินทองติดตัวมามากมาย แต่เป็นเพราะเศรษกิจไต้หวันซบเซา อัตราเงินตกต่ำ เงินจีนสี่หมื่นหยวนแลกกับเงินไต้หวันได้เพียงแค่หนึ่งหยวนเท่านั้นเอง
ได้แต่ถอนใจกล่าวว่า..หากรู้ว่าที่แผ่นดินใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นนี้ จะนำมามากกว่านี้ แม้จะหนักแค่ไหนก็ยังคงต้องแบกมาให้ได้
จากนั้นจึงได้นวดแป้งทำเส้นบะหมี่ ทำหมั่นโถว ปลูกผัก ทำเครื่องใช้สตรี รองเท้า ส่งไปในตลาดฝากขาย อีกทั้งยังต้องคอยปรนนิบัติผู้เฒ่าน้ำใส ซักเสื้อผ้า หุงหาอาหาร ปักชุนรองเท้าถุงเท้า ทำความสะอาดทั้งนอกและใน ในแต่ละวันต้องนวดแป้งกันหลายถุง สตรีที่มีฝ่าเท้าเล็กเพียงสามนิ้ว จำต้องกัดฟันทนความยากลำบาก ความเจ็บปวดในการยืน ด้วยเหตุนี้แผ่นหลังจึงเกิดก้อนเนื้อที่หนาและแข็งขึ้น ต้องใช้ความอดทนเหน็ดเหนื่อยอย่างมากในการอุทิศตนอย่างเงียบๆ
ด้านหนึ่งก็ต้องดูแลนักธรรมอาวุโสที่ร่วมนาวาเดียวกัน เป็นเสมือนกับพี่ใหญ่ที่มีความมานะอุตสาหะ พร้อมทั้งให้กำลังใจ คุ้มครองและประคับประคอง
เป็นเพราะชีวิตความเป็นอยู่อัตคัดขัดสน จึงมักจะต้องไปเก็บเศษผักในตลาดสดแม้กระทั่งน้ำมันขวดเล็กๆ ก็จำเป็นต้องคำนวณในการใช้ให้ได้หนึ่งเดือน ข้าวสารในถังก็ไม่อาจะรู้ว่า สามารถประทังได้นานแค่ไหน ในบางครั้งทุกคนก็ต้องกอดคอร่ำไห้ด้วยความทุกข์ใจ
ไหนเลยจะคาดคิดในปีหมินกั๋วที่ 40 (ค.ศ. 1951) ก็ต้องพบกับการทดสอบจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีก ได้ถูกจับขังในคุกเป็นเวลา 3 เดือน พร้อมกับนักธรรมอาวุโส 5 ท่านอย่างไร้ความผิด สุดท้ายเป็นเพราะตรวจสอบหาหลักฐานไม่ได้จึงได้ปล่อยตัวออกมา ในระหว่างนั้นได้รับการเคี่ยวกรำอย่างแสนสาหัส มิอาจใช้คำพูดใดๆ ที่จะสาธยายออกมาได้