collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง  (อ่าน 22134 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                          คำแถลง

        ความจริงแล้วธรรมะในศาสนาต่าง ๆ ล้วนเป็นธรรมที่มีรากเหง้ามาจากอนุตตรธรรมเดียวกันทั้งสิ้น เพียงแต่การแบ่งแยกออกเป็นศาสนาต่าง ๆ นั้นเป็นไปตามความเหมาะสมของวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชนชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งคำสอนของศาสนาต่าง ๆ จำต้องเอื้อต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ในแต่ละส่วนของโลกนี้ การถ่ายทอดวิถีธรรมของอนุตตรธรรมไม่มีบัญญัติเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะถือว่าเป็นการถ่ายทอดจากจิตสู่จิต เมื่อจิตบรรลุก็ย่อมกระจ่างแจ้งในหลักสัจธรรมนั้นเอง  แต่การจะบรรลุธรรมเป็นเรื่องยากยิ่ง ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาและบำเพ็ญเพื่อให้จิตถึงพร้อมด้วยกุศลและผลบุญนั้น ๆ  การศึกษาจากท่านผู้อาวุโสที่บำเพ็ญมาดีแล้ว อย่างเช่น ท่านธรรมอธิการ จึงเป็นการศึกษาที่จะนำเอาเยี่ยงอย่างที่ดีมาพิจารณา เพื่อหาหนทางในการบำเพ็ญตนเองให้บรรลุสู่เป้าหมาย เพราะเหตุนี้ โอวาทของท่านจึงเป็นเสมือนหนึ่งอัญมณีที่เหล่าผู้บำเพ็ญทั้งปวงควรจะได้น้อมใจนำมาศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน  เพื่อความเจริญธรรมในจิตแห่งตน  สำนักพิมพ์จึงมีความยินดีที่ได้พิมพ์โอวาทของท่านธรรมอธิการที่ได้เมตตาต่อผู้บำเพ็ญในประเทศไทย จึงหวังว่าโอกาสนี้จักเป็นเสมือนหนึ่งน้ำอมฤตเพื่อญาติธรรมทั้งปวงจักได้รับรสอันจะเป็นกำลังใจให้การบำเพ็ญอนุตตรธรรมเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

                                  สำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต

                                                                                                                                                                               

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำนำ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 13/09/2011, 18:24 »
                                 โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            คำนำ

        อนุตตรธรรม เป็นธรรมที่ถ่ายทอดจากจิตสู่จิต บำเพ็ญจิตรู้ญาณ ซึ่งตั้งแต่กาลก่อนมายังไม่เคยได้รับการโปรดให้ถ่ายทอดสู่ปุถุชนทั่วไป เช่นในกาลบัดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุตตรธรรม ถ่ายทอดมาจากประเทศจีน ซึ่งมีพงศาธรรมต่อเนื่องมาจากพระพุทธเจ้าด้วยการใช้ภาษาจีนเป็นหลักในการเผยแพร่ เพราะฉะนั้น จึงเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจภาษาจีน คำเฉพาะต่าง ๆ ในอนุตตรธรรมมีความหมายละเอียดลึกซึ้งและแยบยลยิ่งนัก ประกอบกับคำหนึ่ง ๆ ของภาษาจีนมีคุณสมบัติพิเศษครอบคลุมความหมายได้อย่างกว้างไกล จึงเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในอันที่จะแปลความหมายให้ได้ใจความครบล้วนสมบูรณ์  โอวาทนี้ ท่านธรรมอธิการได้บรรยายในประเทศไทยเนื่องในการประชุมนักธรรมผู้รับผิดชอบปฏิบัติงานธรรมขึ้นไป และในการเปิดชั้นเรียนขอขมาสำนึกบาป ณ พุทธสถานเมตตาธรรม จังหวัดสุราษฏร์ธานี โอวาทของท่านจึงเป็นการสนทนาธรรมที่ฟังดูเรียบง่าย เป็นที่เข้าใจสำหรับผู้ที่รับธรรมและปฏิบัติงานธรรมมานานพอสมควร แต่อาจจะเข้าใจยากสำหรับผู้ที่เพิ่งรับวิถีธรรม  ผู้เรียบเรียงก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถือว่าเพิ่งจะได้ศึกษาอนุตตรธรรม แต่ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าที่ใคร่จะเผยแพร่คุณแห่งอนุตตรธรรมสู่สาธุชนด้วยกัน จึงมิได้คำนึงถึงปัญญาความรู้อันมีจำกัดของตนเองในด้านนี้  ฉะนั้น จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ด้อยคุณค่าลง ผู้เรียบเรียงต้องกราบขอประทานอภัยต่อเบื้องบน กราบขอประทานอภัยท่านธรรมอธิการและท่านผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วย

                                          ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง

                                                ศุภนิมิต

                                               เรียบเรียง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                    ที่มาของฉายา "ผู้เฒ่าน้ำใส"

        "ใส" คือปราศจากสิ่งเจือปน    "น้ำ"  ท่านจอมปราชญ์เหลาจื้อ เขียนคำนิยามเกี่ยวกับ "น้ำ" ไว้ว่า  กุศลสูงเยี่ยงน้ำ ด้วยน้ำให้คุณต่อสรรพสิ่งโดยไม่เบียดบัง ศาสดาจารย์ขงจื้อ ก็ให้คำนิยามไว้ว่า  น้ำกอปรด้วยคุณธรรมห้าประการ  น้ำ เป็นกระแสไหลไม่หยุดยั้งนำความชุ่มฉ่ำไปสู่ชีวิตทั้งหลายเหมือนมีเมตตาธรรม  น้ำ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ไม่ขัดขืนฝืนทวนเข้ากับลักษณะที่รองรับ เหลี่ยมยาวอย่างไรก็เป็นไปตามสถานภาพอันควร เหมือนมีทำนองคลองธรรม น้ำ  ยิ่งใหญ่ไพศาล มิอาจประมาณขอบเขตความลุ่มลึกกว้างไกลเหมือนมีสภาวะ "ธรรม" อันคุณากร  น้ำ  โกกจากหน้าผานับร้อยวาสู่หุบเขาใหญ่โดยไม่หวั่น เหมือนมีพลังความกล้าหาญ น้ำ เมื่อตั้งวางก็ราบเรียบไม่เอาเปรียบสูงต่ำเหมือนรักษาวินัย ปริมาณที่เห็นเป็นเท่าใดก็เท่านั้น ไม่ต้องตัดหั่นบั่นทอนเหมือนมีความเที่ยงตรง  น้ำ  ซึมซาบซอกซอนถึงที่สุด เหมือนรู้พิเคราะห์ละเอียดลึกซึ้ง ต้นน้ำจะเริ่มจากทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งเหมือนมีความมุ่งมั่นที่แน่นอน  น้ำจะตักขึ้นใช้สอยถ่ายเทอย่างไรไม่ขัดข้องเช่นนี้จึงชำระล้างสรรพสิ่งให้สะอาดหมดจดได้ อีกทั้งเหมือนรู้จักปรับสภาพให้เหมาะควร  น้ำ ชอบด้วยคุณธรรมความดีมากมายดังกล่าว ฉะนั้น กัลยาณชนพบน้ำที่ใด จึงควรพินิจพิจารณา มองน้ำจึงให้พิจารณาถึงต้นกำเนิดของน้ำ  อักษรจีน คำว่าใส กับน้ำ รวมกันคือ หมายถึงแหล่งน้ำ แหล่งน้ำก็คือต้นน้ำ ลำธารกำเนิดจากต้น้ำบนภูเขา จะไหลอยู่ทั้งวันทั้งคืนไม่ขาดสาย เรื่อยลงไปบรรจบทะเล แม่น้ำ ลำคลอง นับร้อยโดยดุษณี  ผู้มีจิตงดงามดังน้ำ จึงมีสภาวะธรรมเช่นต้นน้ำที่รินไหลไม่ขาดสายและไม่เปลี่ยนแปลง ต้นน้ำไหลรินจึงเหมือนจิตที่ปิติท่วมท้นด้วยคุณธรรม ผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายจึงพึงพิจารณา บำเพ็ญตนให้เหมือนน้ำใสที่ให้คุณนับร้อยต่อสรรพสิ่งทั้งหลายโดยไม่ว่างเว้น  ข้าพเจ้าดื่มน้ำใส (น้ำเปล่า) มาสามสิบกว่าปี จึงได้ฉายาว่า "ผู้เฒ่าน้ำใส"  อีกทั้งกำลังเจริญเเรียนอย่างน้ำใสให้ได้ดังกล่าว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                               ประวัติย่อ "ท่านธรรมอธิการ"

        ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน  นามเดิม "เอินหยง"  นามเสริมว่า "อวี่หลิน"  ฉายา "ผู้เฒ่าน้ำใส"  ท่านเป็นผู้ปกครองใหญ่ในวงการอนุตตรธรรม  ขณะนี้ (ค.ศ.1990) ท่านมีอายุได้ 90 ปีแล้ว นักธรรมหนุ่มสาวมักจะเรียกท่านด้วยความเคารพรักและซาบซึ้งว่า "ท่านปู่" ท่านธรรมอธิการเป็นผู้มีสติปัญญาเหนือกว่าคนทั่วไปมาตั้งแต่เด็ก ท่านศึกษาคัมภีร์ปรัชญาทุกแขนงได้อย่างลึกซึ้ง ภายใต้การอบรมกล่อมเกลาของครอบครัวที่ดี ทำให้ท่านเกิดความมุ่งมั่นด้วยปณิธานกว้างไกลในอันที่จะอุทิศตนสร้างคุณประโยชน์เพื่อชาติและสังคม ท่านธรรมอธิการสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบ่อชีวิต ตั้งแต่อายุเพิ่งได้สิบกว่าปี  ด้วยความเป็นคนซื่อสัตย์ขยันขันแข็งในการทำงาน ภายในเวลาไม่กี่ปี ท่านก็เป็นที่ชื่นชมของผู้บังคับบัญชาจนได้ เลื่อนตำแหน่งงานขึ้นไปเรื่อย ๆ อายุเพียงสามสิบเศษก็ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานทอผ้า ย้อมผ้า ต้าเต๋อหลง แห่งนครเทียนจิน ด้วยคุณธรรมและความปรีชาสามารถของท่าน กิจการของบริษัทจึงก้าวหน้าไปไม่หยุดยั้ง การงานก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ในขณะที่อนาคตของท่านกำลังรุ่งโรจน์สดใสอยู่นั้น เนื่องจากท่านมุมานะกับงานมากเกินไป ตรากตรำจนร่างกายทรุดโทรมจึงล้มป่วยลงด้วยวัณโรคปอดระยะที่สาม ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีหมอและยาอะไรที่จะรักษาให้หายได้เลย  ขณะที่ชีวิตตกอยู่ใกล้ความตายเพียงแค่เอื้อมมือนั้นเอง  ท่านโชคดีที่ได้พบแพทย์แผนโบราณท่านหนึ่ง แซ่ซุน  หมอซุน ได้ชวนให้ท่านธรรมอธิการไปขอรับวิถีธรรมที่พุทธสถาน ซึ่งเวลานั้นก็พอดีเป็นขณะที่พระพุทธะจี้กงประทับทรงประทานพระโอวาททรงพระอักษรให้ปรากฏบนกระบะทราย  พระพุทธะจี้กงประทานข้อความตอนหนึ่งว่า "โรคภัยไข้เจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ ไม่มีอะไรน่าวิตก หากเจ้าศรัทธาปฏิบัติงานธรรมแทนฟ้าเบื้องบน ต่อให้เจ็บหนักกว่านี้อีก เบื้องบนก็สามารถเรียกชีวิตเจ้ากลับคืนมาจากความตายได้"  ข้อความนี้ดูเหมือนพระองค์จะเจาะจงพูดกับท่านธรรมอธิการโดยตรง ดังนั้น ท่านจึงอธิษฐานอยู่เบื้องหน้าพระองค์เงียบ ๆ ว่า "พระพุทธะจี้กงได้โปรดเมตตา หากพระองค์โปรดให้กระผมหายขาดจากวัณโรค และการอาเจียนเป็นโลหิตได้ กระผมจะวางมือจากกิจการทางโลก ติดตามบำเพ็ญธรรม ปฏิบัติงานธรรมกับพระธรรมาจารย์ เพื่อช่วยเวไนยสัตว์ทั้งหลาย" ทันทีที่ท่านธรรมอธิการตั้งจิตอธิษฐานจบลง พระอาจารย์จี้กงก็โปรดประทานอาหารที่ถวายอยู่บนโต๊ะหนึ่งคำให้ท่านธรรมอธิการรับประทาน ขณะที่กลืนอาหารคำนั้นลงสู่ลำคอ ความรู้สึกของท่านตื่นเต้นหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะอาหารคำนั้นเย็นเฉียบ คนที่เป็นโรคปอดระยะที่สามแล้วสิ่งที่แสลงโรคที่สุดคืออาหารเย็น ๆ เหตุนี้ ท่านธรรมอธิการจึงหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้อาการป่วยทรุดหนักลง แต่ในที่สุดผลกลับเป็นตรงกันข้ามอย่างน่าประหลาด ต่อมาอีกไม่นาน ท่านธรรมอธิการก็มีโอกาสได้เข้าประชุมอบรมธรรมในฐานะญาติธรรมใหม่ ท่านเข้าไปนั่งเงียบ ๆ อยู่มุมห้องใหญ่ท้ายสุด ไม่เป็นที่สังเกตุของใคร ๆ  และแล้ว พระอาจารย์จี้กงก็ประทับทรงในร่างทรงพรหมจารี พระองค์โปรดเรียกชื่อท่านธรรมอธิการจากหน้าห้องทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นตัวแล้วถามว่า "ใครอยากจะช่วยพระอาจารย์สร้างโรงพยาบาลบ้าง"  ท่านธรรมอธิการตอบรับทันที พระอาจารย์ก็โปรดว่า "ไม่ใช่โรงพยาบาลรักษาโรคทางกายนะ แต่เป็นโรงพยาบาลรักษาจิตใจของคน"  ท่านธรรมอธิการก็รับปากอย่างแข็งขัน จากวันนั้นแล้ว ไม่นานต่อมา โรคปอดระยะที่สามของท่านธรรมอธิการ ก็หายขาดโดยไม่ต้องเยียวยาอะไรเลย ท่านรู้ดีว่าที่เป็นไปได้เช่นนี้ ล้วนเกิดแต่บุญญาภินิหาริย์ของพระอาจารย์จี้กง เพราะเหนือความสามารถที่จะชุบชีวิตใหม่ให้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่อธิษฐาน และก็เพื่อตอบแทนพระคุณของพระอาจารย์จี้กงที่ช่วยชีวิตไว้ ท่านจึงตัดสินใจเด็ดขาด ยอมสละชีวิตครอบครัวและกิจการงาน ทุ่มเทกายใจติดตามพระธรรมาจารย์ไปทั่วทุกหนทุกแห่งเพื่อปรกโปรดฉุดช่วยเวไนยสัตว์ทั้งหลาย จวบจนกระทั่งพระธรรมาจารย์คืนสู่เบื้องบนไปนับเป็นเวลาได้แปดปี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                          ประวัติย่อ "ท่านธรรมอธิการ"

        ปีหมินกั๋วที่ 36  (พ.ศ. 2490) หลังจากพระธรรมาจารย์คืนสู่นิพพานแล้ว ท่านธรรมอธิการก็รับพระบัญชาจากพระธรรมจาริณีโดยตรงทันที ท่านติดตามพระธรรมจาริณีอย่างใกล้ชิด ช่วยแบ่งเบาภาระงานธรรมถวายแด่พระธรรมจาริณีอยู่ตลอดเวลา พระธรรมาจาริณีสูงส่งด้วยคุณธรรมปัญญา พระองค์มองเห็นการณ์ไกล รู้แจ้งก่อนหน้าว่าที่ไต้หวัน (ครั้งนั้นยังเป็นเกาะโฤโมซวร์อันรกร้าง เพิ่งพ้นจากการยึดครองของญี่ปุ่น) มีสาธุชนหยญิงชาย ที่เคยบำเพ็ญดีสั่งสมบุญไว้แต่ชาติบางก่อนมากมายอนุตรธรรมควรจะเฟื่องฟูที่นั่น ดังนั้น ในปีหมินกั๋วที่สามสิบเจ็ด จึงได้โปรดบัญชาท่านธรรมอธิการพร้อมด้วยนักธรรมผู้น้อยอีกหลายท่านในครั้งนั้น อาทิ ท่านรองธรรมอธิการ จางเฉียนเหยิน หลี่เฉียนเหยิน  ฉีเฉียนเหยิน และเฉินเฉียนเหยินต้ากู เป็นต้น พร้อมกันเดินทางมบุกเบิกแพร่ธรรมที่ไต้หวัน  แต่ถึงอย่างไรคนก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ชั่วขณะที่ท่านธรรมอธิการจะก้าวเท้าพ้นจากบ้านเกิดเมืองนอน ภรรยาของท่านโศกเศร้าอาลัยเป็นยิ่งนัก เพราะการจากกันครั้งนั้นจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเล เป็นการเดินทางไกลที่ลำบากยากเข็ญไปสู่ดินแดนต่างถิ่น ไม่รู้อนาคตว่าเมื่อไรจะได้กลับมาพบหน้ากันอีก ยิ่งกว่านั้นลูก ๆก็ยังเล็กอยู่ยังจะต้องให้การเลี้ยงดูฟูมฟัก ภาระหนักของครอบครัวเห็นทีจะต้องตกอยูบนบ่าทั้งสองของฮูหยินภรรยาของท่านแต่เพียงผู้เดียวเป็นแน่ เมื่อคิดถึงตรงนี้ฮูหยินก็นึกอยากจะทัดทานไม่ให้ท่านธรรมอธิการเดินทางจากไป แต่ท่านฮูหยินเป็นเบญจกัลยาณีที่มีวิจรรญาณสูง ท่านรู้ดีว่าการไปครั้งนี้ของท่านธรรมอธิการมีความหมายสูงส่งยิ่งนัก เพราะเพื่อฉุดช่วยผู้คนทั้งหลายซึ่งเป็นงานศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่จะยับยั้งท่านไว้ได้อย่างไร แม้จะสุดแสนอาลัยแต่ภายใต้หนทางเลือกทั้งสองคือความเห็นแก่ตัว หรือยอมสละผู้เป็นที่รักเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นด้วยมโนธรรม ในที่สุดท่านก็ได้เสริมส่งให้ท่านธรรมอธิการได้บรรลุความมุ่งมั่นอันสูงส่งนั้นท่านธรรมอธิการจึงได้สพายสัมภาระขึ้นบ่า ก้าวสู่เส้นทางสายใหญ่แห่งชีวิตทันทีด้วยความเด็ดเดี่ยวหนักแน่น เป็นเส้นทางยาวไกลที่มุ่งไปสู่เกาะไต้หวันเพื่องานบุกเบิกแพร่ธรรมอันยิ่งใหญ่ ระยะแรกที่มาอยู่ไต้หวัน ชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนจะแร้นแค้นทุลักทุเลนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือ ปีหมินกั๋วที่สามสิบแปดหลังจากที่จากบ้านมาหนึ่งปี จีนแผ่นดินใหญ่ก็ตกอยู่ภายใต้ความยึดครองของคอมมิวนิสต์ จากนั้น ข่าวคราวทุกอย่างทางบ้านเกิดเมืองนอนก็ขาดสะบั้นลงเงินทองที่ต้องอาศัยให้ทางบ้านส่งมาให้ดำรงชีวิจก็ถูกตัดขาด ความเป็นอยู่ของนักธรรมทั้งหลายในไต้หวันตกอยู่ในความลำบากทันที เพื่อความอยู่รอดของทุกคนและเพื่องานแพร่ธรรมที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ท่านธรรมอธิการจึงจำเป็นต้องนำนักธรรมในความดูแลของท่านทั้งหมดโยกย้ายจากทางเหนือลงไปสู่ภาคกลางของเกาะไต้หวันซึ่งเป็นที่ด้อยความเจริญยิ่งไปกว่าอีก เพราะค่าครองชีพต่ำมาก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                          ประวัติย่อ "ท่านธรรมอธิการ"

        ท่านเริ่มต้นหาทางยังชีพด้วยการทำเส้นหมี่และเต้าเจี๊ยวพริกออกขาย กลางวันก็ทำเส้นหมี่ กลางคืนก็ออกไปแพร่ธรรม ความลำบากยากแค้นในช่วงนั้นเกินกว่าคนนอกที่จะเข้าใจได้ วันแล้ววันเล่าที่ท่านธรรมอธิการต้องตรากตรำทำงานหนักเลี้ยงดูนักธรรมผู้น้อยที่อยู่ในความรับผิดชอบ ในที่สุดก็ล้มป่วยลงด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบอย่างแรง และอาการก็อยู่ในขั้นอันตราย เมื่อท่านธรรมอธิการมีอาการน่าวิตกยิ่งขึ้นทุกวันเช่นนั้น นักธรรมในความปกครองของท่านทุกคนก็มองเห็นสภาพของวันวิปโยคข้างหน้าที่ทุกคนจะต้องเผชิญกับลมกรรโชกและน้ำตาของสายฝน เมื่อถึงวันที่ท่านธรรมอธิการได้อุทิศตนมุ่งมั่นในงานธรรมแต่ยังมิทันได้บรรลุปณิธานก็ต้องมาเป็นเสียเช่นนี้ อีกทั้งคิดว่า หากสิ้นท่านเสียแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกตนก็เหมือนเสียศูนย์ วันข้างหน้าจะมีใครให้พึ่งพา  ความเศร้าโศกโทมนัสประดังกันขึ้นมา นักธรรมทั้งหมด่างพร้อมกันคุกเข่าลงหน้าเตียงท่านธรรมอธิการแล้วร้องไห้โฮใหญ่ ชะรอยจะเป็นความโศกเศร้าที่เกิดจากแรงศรัทธาจริงใจของท่านนักธรรมทั้งหลาย (ซึ่งบัดนี้ท่านเหล่านั้นคือ ท่านรองธรรมอธิการเฉียนเหยินทั้งหลาย) ส่งผลไปถึงเบื้องบน และอาจเป็นด้วยเบื้องบนทรงโปรดเมตตาต่อชีวิตทั้งหลายในไต้หวัน จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น อาการเจ็บป่วยของท่านธรรมอธิการค่อย ๆ ทุเลาลงท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของนักธรรมทั้งหลายนั่นเอง นับเป็นบุญวาสนาของสาธุชนชาวไต้หวันและชาวโลกโดยแท้  ท่านธรรมอธิการยังคงทำการค้าต่อไปอีก ทั้ง ๆ ที่เพิ่งหายป่วย จนกระทั่งอายุมากแล้ว ญาติธรรมทั้งหลายก็เฝ้าขอร้องให้ท่านเลิกตรากตรำสังขารเสียที  ในที่สุด ท่านจึงยอมรับปากว่าจะเลิกทำงานหนักอย่างเสียมิได้ และทำหน้าที่เป็นผู้นำการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมแต่เพียงอย่างเดียว  หลายสิบปีที่ผ่านมา ท่านนำนักธรรมรุ่นหลังทั้งหลายฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ นานัปการ ค่อย ๆ ดำเนินไปทีละขั้นค่อย ๆ บุกเบิกเผยแพร่งานธรรมออกไป  ท่านเป็นป้อมปราการประจำใจของทุกคนเสมอมาและชั่วชีวิต  จริยวัตรของท่านงามสง่าดังขุนเขา  ความอดทน  ความขยันหมั่นเพียร ความใจกว้าง  รู้ปล่อยวาง รู้อภัย  สิ่งเหล่านี้ จะเป็นที่เคารพเทิดทูนของชาวโลกชั่วกาลนาน ด้วยวัยสูงอายุของท่านจนบัดนี้ ท่านยังอุตส่าห์เดินทางไปทั่วเกาะไต้หวันเพื่อเสริมส่งให้ญาติธรรมทั้งหลาย ให้ได้บรรลุธรรม อีกทั้งเดินทางไปดูแลงานที่ญี่ปุ่น ที่ประเทศต่าง ๆ แถบเอเซียอาคเนย์  ครั้งหนึ่งท่านได้ไปเผยแพร่ธรรมที่สหรัฐอเมริกาถึงสี่สิบวัน โดยไม่ยอมให้มีการต้อนรับให้สมฐานะ  สำหรับประเทศไทยท่านได้มาโปรดแล้วสามครั้ง ครั้งล่าสุดนี้ก็ด้วยการกราบเรียนเชิญของนักธรรมผู้ใหญ่ในประเทศไทย  สภาสังคมสงเคราะห์พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ฯลฯ โดยสังขารของผู้สูงอายุวัยเก้าสิบ ฝีเท้าของท่านแต่ละก้าวที่ได้โปรดเหยียบย่างไปสู่พุทธสถานทุกแห่ง ในที่นั้น จะมีผู้ปฏิบัติธรรมนับร้อยนับพันรอเฝ้ารับพระโองการอยู่แน่นขนัด ท่านได้โปรดแสดงธรรมทุกแห่ง ทุกขณะที่โอกาสอำนวยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย ย้ำเตือน  บางวันแต่เช้าจรดค่ำ น้ำเสียงของท่านก็ยังคงกังวาลสดใส ไม่มีวี่แววของความเหนื่อยหน่ายเลย ขอเพียงให้นักธรรมทั้งหลายได้เกิดความเข้าใจ ได้เกิดศรัทธาปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริงเท่านั้น ท่านได้นำเอาความชุ่มฉ่ำ ไปสู่ต้นธรรมอ่อน ๆ ทุกแห่งในโลก จนเกิดความเจริญเติบโตกันไปทั่ว ปกติเวลาว่างจากงานธรรม ท่านยังคงศึกษาคัมภีร์ต่าง ๆ เป็นนิจ ท่านทุ่มเทกำลังเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับการแนะนำและแสดงธรรมแก่นักธรรมรุ่นหลังเช่นเดียวกับคำกล่าวที่สดุดีปรมาจารย์ขงจื้อว่า "ศึกษาไม่รู้หน่าย อบรมไม่รู้เบื่อ มิรู้ความชราที่มาถึง"  ญาติธรรมที่เคยสดับโอวาทสนทนาธรรมจากท่านธรรมอธิการจะมีความรู้สึกเหมือนได้ชโลมด้วยน้ำทิพย์เหมือนอบอุ่นระรื่นเย็น อยู่ท่ามกลางลมเรื่อย ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ แม้ว่าท่านจะชอบชี้ข้อบกพร่องของญาติธรรมให้เห็นตรง ๆ พร้อมกับแนะนำหนทางแก้ไขนักธรรมรุ่นหลังทั้งหลาย ก็พร้อมเสมอที่จะเปิดใจไว้รอรับคำสอนของท่าน ถือเสมือนคำบัญญัติล้ำค่่าอันพึงปฏิบัติและประกาศต่อไปให้รู้ทั่วกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                          ประวัติย่อ "ท่านธรรมอธิการ"

        ในชีวิตประจำวันของท่านทุกอริยาบถ จะเป็นวาจา ท่าที นั่งเดิน ทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฏให้เห็นอริยภาพอันแฝงไว้ด้วยเมตตากรุณาธรรม มีสัมมาสติอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทาทุกขณะจิต ท่านสนใจและห่วงใยนักธรรมรุ่นหลังอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง เด็ก คนชรา คนที่ฉลาดน้อย ฉลาดมาก ยากจนหรือร่ำรวย ในสายตาของท่านทุกคนเท่าเทียมกัน ท่านจะให้การดูแลด้วยความตั้งใจ ด้วยดวงจิตของพระโพธิสัตว์ ด้วยจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร จริยวัตรสูงด้วยคุณธรรมที่ท่านปรกแผ่ไปทั่วมากมาย จนมิอาจกล่าวได้ครบถ้วน เช่น ความเมตตากรุณาที่ท่านได้โปรดช่วยเด็กเร่ร่อนที่ไร้ญาติขาดที่พึ่งพิง วันที่ ๑๘ ธันวาคม ปีหมินกั๋วที่หกสิบแปด ท่านได้จัดตั้งสถานสงเคราะห์เด็กขึ้นที่อำเภออวิ๋นหลิน ตำบลซีหลัว  เพื่อเลี้ยงดูให้การศึกษาอย่างสมบูรณ์แบบแก่เยาวชน มีเด็กในความดูแลมากมาย ซึ่งความรักความเมตตาที่มีต่อเด็กกำพร้าผู้ยากไร้ประการนี้ เป็นที่ชื่นชอบและสนับสนุนของวงการทั่วไป ท่านธรรมอธิการยังคำนึงต่อไปถึงคนชราที่ยากไร้ไม่มีผู้ดูแล อยากให้คนชราเหล่านั้นได้รับความอบอุ่นของครอบครัวอีกครั้งหนึ่งอันเสมือนยาอายุวัฒนะ จึงได้จัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ และคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อดำเนินงาน "บ้านทางสว่างแห่งความรักและเมตตา" (กวงหมิงเหยินไอ้จือเจีย)  ญาติธรมทั้งหมดได้กราบเรียนเชิญท่านธรรมอธิการโปรดดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการและท่านรองธรรมอธิการทั้งหลายเป็นกรรมการอำนวยการ  โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากญาติธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวาง ช่วยทั้งทุนทรัพย์ และแรงงาน เงินกองทุน ที่รวบรวมได้ในขั้นต้นเป็นจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าล้านเหรียญ หลังจากได้สำรวจที่ทางพิจารณาจนเป็นที่เห็นชอบแล้ว จึงตกลงซื้อที่บริเวณไหล่เขาเหนือทะเลสาบ หลี่อวี๋ถัน ในอำเภอหนันโถว ตำบลผูหลี่ เป็นเนื้อที่กว้างนับพันไร่  ในเดือนพฤษจิกายน ปีหมินกั๋วที่เจ็ดสิบสองก็ได้เริ่มเบิกชัยเปิดหน้าดินแล้วลงมือสร้างตามโครงการซึ่งก็ได้แล้วเสร็จในปลายปีหมินกั๋วที่เจ็ดสิบห้า (พ.ศ. ๒๕๒๙)  โครงการนี้เป็นงานใหญ่ยิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ซึ่งจะเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของวงการอนุตตรธรรมสืบไป  ด้วยวัยเก้าสิบปีที่ยังมีสติปัญญา จิตใจแข้มแข็ง ฝีเท้าก้าวเดินอย่างมั่นคงคล่องแคล่วดังเหินเมฆ ท่านได้รับสมญานามจากนักธรรมรุ่นหลังว่า "พระพุทธาเดินดิน"  นี่คือคำยืนยันที่มิอาจลบล้างได้ สำหรับปฏิปทาอันสูงส่ง งดงามบริสุทธิ์ในการบำเพ็ญของท่าน และกล่อมเกลาผู้อื่นมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษในชีวิตของท่าน  ท่านธรรมอธิการคือสัญลักษณ์ของแสงประทีปแห่งชีวิต แม่พิมพ์ของวงการธรรม เราซึ่งเป็นนักธรรมรุ่นหลังทั้งนั้นจะพร้อมกันสำนึกในธรรมคติที่ว่า "พึงเป็นประหนึ่งคุณความดีนับร้อยประการของน้ำใสที่ยังประโยชน์แก่สรรพสิ่งทั้งหลาย" ขอให้เราได้แพร่ธรรมเพื่อชูช่วยมนุษย์โลก ด้วยศรัทธาเต็มกำลัง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                            เมื่อโปรดเยือนประเทศไทยครั้งที่ 2

        ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งเบื้องบน และคุณธรรมบารมีแห่งพระอาจารย์ วันนี้เราทั้งหลายจึงได้มาร่วมชุมนุมกัน เมื่อปีก่อนมาครั้งหนึ่ง ได้อาศัยสถานบูชาบรรพชนของตระกูลหวังชุมนุมพบปะกันทุกคน วันนี้ก็ได้ขอใช้สถานที่ของสมาคมจงหัวเป็นที่ชุมนุมพบปะกับพวกเราอีก จงอย่าดูแคลนวิถีอนุตตรธรรมที่เบื้องบนโปรดสามโลกในครั้งนี้ ซึ่งแต่โบราณกาลมายังไม่เคยมี ช่วงเวลานี้จึงสูงค่ายิ่งนัก ทุกคนมาพบกันจึงให้เข้าใจความหมายของธรรมะ ให้ศึกษาธรรมะ เราได้รับวิถีธรรมกันแล้วทุกคน รู้หรือไม่ว่าอะไรเรียกว่าได้รับวิถีธรรม เราได้รับรู้ ได้เปิดจุดนี้แหละเรียกว่าได้รับวิถีธรรม  ในที่นี้ทุกคนล้วนได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริกร เป็นอาจารย์บรรยายธรรม เป็นผู้รับผิดชอบพุทธสถาน บ้างก็เป็นอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ที่เรียกกันนี้ล้วนเป็นนามธรรม พระอาจารย์เคยกล่าวว่า "ธรรมอธิการหรืออาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมก็ตกนรกได้เช่นกัน"  พระอาจารย์ของเราก็เคยมีธรรมอธิการ แต่ทำไมธรรมอธิการของพระอาจารย์จึงไม่บรรลุธรรม  จะต้องสร้างกุศลแล้วจึงจะมีธรรมสถานภาพเราเกิดมาทันโอกาส  ที่เบื้องบนทรงโปรดสามโลกและได้รับรู้จุดนี้เป็นเบื้องต้น แต่โบราณมาคนบำเพ็ญธรรมมีมาก แต่บรรลุธรรมมีน้อย ดังคำกล่าวที่ว่า "เจนจบพระไตรปิฏกหมื่นพันคัมภีร์สาส์น มิเทียบได้กับพบพระวิสุทธิอาจารย์ประทานเปิดจุด แต่โบราณมาก็มีผู้บำเพ็ญ แต่หาจุดนี้ไม่พบ ฉะนั้นเราจึงต้องศึกษา จุดนี้เรียกว่า "อนุตตรธรรม เรียกว่า ธรรมญาณ เรียกว่า ธาตุแท้"  ฉะนั้น การบำเพ็ญธรรมจึงต้องนำเอาจิต ซึ่งเป็นธาตุแท้ที่ได้จากฟ้าเบื้องบนออกมาบำเพ็ญ เมื่อก่อนเราหาไม่พบว่าตรงไหนเป็นจุดนึกคิด นักวิทยาศาสตร์ว่าสมองทั้งหมดเป็นตัวนึกคิด ความคิดนั้นออกมาจากจุดนี้ คัมภีร์ในแต่ละศาสนาก็ยืนยันจุดนี้ พระวจนะของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ครั้งอดีตกาลเป็นคำเทษนา เป็นคำสอน สุดท้ายก็จะถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรมให้ท่านผู้หนึ่งเป็นผู้รับช่วงสืบสาย  พระศากยพุทธเจ้าถ่ายทอดสู่พระอัครสาวกคือพระมหากัสสปะ ถือเป็นธรรมบูรพาจารย์องค์ที่หนึ่งแห่งชมพูทวีปและได้ถ่ายทอดต่อมาแต่ละสมัยจนถึงพระโพธิธรรมเป็นพระธรรมาจารย์องค์ที่ยี่สิบแปด ซึ่งภายหลังได้โปรดจาริกสู้ประเทศจีน และได้ถ่ายทอดวิถีธรรม "ชี้ตรงให้เห็นจิตแท้ บรรลุรู้แจ้งพุทธภาวะแห่งตน"  วันนี้ที่เราได้รับจุดนี้ก็คือ "ชี้ตรงให้เห็นจิตแท้ รู้แจ้งในพุทธภาวะแห่งตน เราได้ค้นพบธาตุแท้ของเราแล้ว"  ศาสดาจารย์ขงจื้อเดินทางไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ โปรดอบรมศืษย์ได้สามพันคน ถ่ายทอดวิถีธรรมแด่ศิษย์เอกที่ชื่อว่า "เอี๋ยนหุย" แต่เอี๋ยนหุย อายุสั้น  สุดท้ายจึงถ่ายทอดแก่ศิษย์คนทั่วไปคือ เจิงจื่อ  เจิงจื่อเป็นผู้สืบทอดต่อไปและต่อไปแต่ละสมัยเป็นประวัติพงศาธรรมอันสืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบันนับได้เวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                            เมื่อโปรดเยือนประเทศไทยครั้งที่ 2

        สมัยนี้ แม่ชี และพระสงฆ์ มีมากมายทั่วไป คนเรียนหนังสือก็มีมาก แต่ไม่มีใครบรรลุเป็นปราชญ์เป็นอริยะสักคน  จีนมีคำกล่าวแต่ครั้งโบราณคำหนึ่งว่า "สามพันปีจะตกผลครั้งหนึ่ง" บัดนี้ก้ได้เวลาสามพันปีแล้วตามกำหนดกาล เบื้องบนจึงได้เปิดการสอบคัดเลือกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คือ พระอริยเจ้าสามพันหกร้อยตำแหน่ง และ ปราชญ์ อีกสี่หมื่นแปดพันตำแหน่ง เป็นจำนวนตำแหน่งที่เบื้องบนทรงกำหนดคัดเลือกจากทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย พวกเราได้รับวิถีธรรมแล้วและได้ตั้งปณิธานแล้ว ได้รับเปิดจุดนี้ ได้ถวายชื่อลงทะเบียน ณ อาณาจักรเบื้องบนแล้ว ในการร่วมประชุมอบรมธรรม เราก็ได้ตั้งศรัทธาปณิธานแล้ว เราทำหน้าที่รับผิดชอบแล้ว ทุกคนทำงานให้กับเบื้องบนได้ กษัตริย์ผู้ปกครองประเทศนั้น ๆ พระองค์ปกครองได้เฉพาะประชาราษฏร์ของพระองค์เอง ไม่อาจปกครองประชาชนชาติอื่น ๆ ได้ แต่งานที่เราทำกันเป็นงานใหญ่ที่เบื้องบนทรงโปรดสามโลก เราจึงทำหน้าที่โปรดสัตว์แทนเบื้องบนได้ทั่วโลก ภารกิจนี้จึงเหนือกว่าปกครองประเทศอีกหลายเท่านัก เราแพร่ธรรมแทนเบื้องบน โปรดสัตว์แทนเบื้องบนทั่วไป ไม่ว่าใครที่ได้รับวิถีธรรมแล้วล้วนพูดเช่นนี้ได้ นี่คืองานของพุทธะ พระอาจารย์กล่าวว่า "งานที่เราทำคืองานของพุทธะ" เราลองคิดดูซิว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงปฏิบัติกิจใด พระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์กวนอิมปฏิบัติกิจใด และศาสตราจารย์ขงจื้อก็เช่นกันท่านปฏิบัติกิจใด พระองค์ท่านเหล่านั้นล้วนทำหน้าที่โปรดสัตว์ ฉะนั้น เมื่อดับขันธ์คืนสู่ปรินิพพานเป็นอมตะแล้ว จึงมีผู้สร้างวัดไว้เป็นที่บูชา เคารพเทิดทูนพระองค์ว่าเป็นพระอริยเจ้า  แต่ชีและสงฆ์ส่วนใหญ่ในสมัยนี้ ดำรงอยู่ด้วยปัจจัยที่ผู้อื่นถวายสวดมนต์ภาวนาทำสมาธิปฏิบัติเฉพาะตนเราลองมองย้อนไปในอดีตดูประวัติของพระอริยเจ้าทั้งนั้นซิ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสวดมนต์ ภาวนาอยู่นานเท่าไรหรือเปล่าเลย  พระองค์ไม่มีบทสวดคัมภีร์ใด ๆ เลยและไม่มีวัดวาอารามให้ไปกราบไหว้บูชาพระ  พระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์กวนอิมก็มิเคยได้บวชเป็นชี พระองค์ล้วนเป็นคนอย่างเราท่าน เพียงแต่พระองค์มองการณ์ไกล มองไปถึงหลังจากสิ้นอายุขัยและเดินทางไปที่ไหน เรามีธาตุแท้ตัวจริงคือธรรมญาณ กายสังขารเป็นเพียงสิ่งสมมุติ พระองค์ทั้งนั้นไม่หวังลาภสักการะ เพราะทรงเห็นแล้วว่าสัตว์โลกทั้งหลายมีความทุกข์กันเลยเกิน วิ่งเต้นตรากตรำคร่ำเครียดก็เพื่อลาภสักการะ เพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ เพื่อปากเพื่อท้อง  เมื่อลูกโตแล้วก็แยกจากไป ตนเองก็แก่ลงแล้วก็ตายไปพร้อมกับเวรกรรมทั้งหลายไปสู่ยมโลก ภรรยาที่สุดแสนจะรักเราก้ไม่ตามเราไปด้วย ลูกก็ไม่มีใครตามเราไปด้วย เงินทองก็เอาติดตัวไปไม่ได้ ธาตุแท้ของตนก็มืดมัว หลงลืมเสียสิ้น จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่เช่นนี้มาหกหมื่นปีแล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                            เมื่อโปรดเยือนประเทศไทยครั้งที่ 2

        ด้วยบรรยากาศของเวรกรรมแห่งมนุษย์โลกและชะตากรรมกำหนด สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกย่อมประสบเภทภัย วิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้าโลกมนุษย์ก็ยิ่งวุ่นวายระเบิดนิวเคลียร์พร้อมที่จะระเบิดในไม่ช้านี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทรงเตือนไว้นานแล้ว และบัดนี้นักวิทยาศาสร์ก็ยอมรับแล้ว หนังสือพิมพ์ก็ยอมเปิดเผยข่าวนี้ ทั่วโลกจะไม่มีใครรอดพ้นจาก กัมมันตภาพรังสีของระเบิดนิวเคลียร์ไปได้เลยซึ่งสอดคล้องกับพระดำรัสของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทรงเตือนไว้ "วาระสุดท้ายแห่งกัลป์นี้สรรพสิ่งทั้งหลายจะประสบภัยพิบัติ"  เบื้องบนไม่อาจดูดายได้ พระองค์อยากช่วยคนดีให้พ้นทะเลทุกข์คืนสู่เบื้องบน ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงได้แบ่งพระภาคลงมาเกิดกายเพื่อค้นหาพุทธบุตรเดิมกลับคืนไป  พระธรรมาจารย์และพระธรรมจาริณีของเรา เป็นคนธรรมดาเหมือนอย่างเราท่าน ปีหมินกั๋วที่ 19 (พ.ศ.2473) ทั้งสองพระองค์น้อมรับพระธรรมโองการพร้อมกัน  ตอนนั้น คนไม่เชื่อเพราะในประวัติพงศาธรรมทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยมีรับพระธรรมโองการพร้อมกันสององค์  ปีหมินกั๋วที่ยี่สิบเอ็ด คือห้าปีก่อนที่ข้าพเจ้าจะขอรับวิถีธรรม สมัยนั้น ที่นครเทียนจิน มีพุทธสถานอยู่สิบกว่าแห่ง ที่นครปักกิ่ง มีหกแห่ง ที่อื่น ๆ ที่ยังไม่มี ผู้หญิงก็รับวิถีธรรมกันน้อย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรัสไว้ก่อนแล้วว่าต่อไปอนุตตรธรรมจะแพร่หลายไปทั่วโลก พระอนุตตรธรรมเจ้าทรงบัญชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ถ่ายทอดวิถีธรรมลงสู่ชาวบ้าน  ล้วนแต่คนสามัญธรรมดาทั้งนั้นที่ได้รับวิถีธรรม เพราะคนระดับนี้รู้ดีว่าชีวิตเป็นทุกข์ ฉะนั้น จึงพร้อมที่จะบำเพ็ญ เมื่อจัดตั้งพุทธสถานผู้คนก็ไปกันโดยง่าย แต่ถ้าเป็นผู้ว่าการมณฑลจัดตั้งพุทธสถาน ชาวบ้านใครจะกล้าไป ยิ่งกว่านั้นผู้ว่าการมณฑล มณฑ,หนึ่งก็มีเพียงคนเดียว เช่นนี้วิถีธรรมจะแพร่หลายได้อย่างไร ฉะนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแบ่งพระภาคลงมาเกิดกายในโลกมนุษย์ครั้งนี้ล้วนเกิดเป็นชาวบ้านธรรมดา  เบื้องบนไม่เหลือพระอรหันต์ไว้เลย  ฟากฟ้าตะวันตกก็ไม่เหลือพระโพธิสัตว์ไว้ ทั้งยังลงมาเกิดเป็นเพศหญิงเสียส่วนใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า "เพศหญิงสร้างบาปน้อยกว่า" ในโลกนี้อาชญากรรมใหญ่ ๆ ความชั่วร้ายขั้นอุกฤษฏ์ ปล้น ฆ่า แย่ง ชิง ข่มขืน ฉุดคร่า ส่วนมากเกิดจากน้ำมือของผู้ชาย  ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าพระธรรมของโองการเบื้องบนไม่ใช่เรื่องเท็จ หากพระธรรมโองการไม่สัมฤทธิ์จริงใครเลยจะยอมรับยอมเชื่อ  ธรรมอธิการและผู้อาวุโสทางธรรมที่อยู่ไต้หวันทุกคนเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอิทธิพล  ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีความรู้ แต่วิถีธรรมก็เผยแพร่ไปได้ทั่วโลก  วันนี้ทุกคนเกิดมาทันโอกาสนี้  ได้รับจุดนี้เป็นเบื้องต้น จุดที่เรียกว่า "รัตนที่ประมาณค่ามิได้" ประมาณค่ามิได้ก็คือ ไม่อาจตีราคาเป็นตัวเงิน รัตนที่ทำให้พ้นจากเวียนว่ายตายเกิด ซื้อได้ด้วยเงินหรือไม่ ชีวิตของเราซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ประธานาธิบดีมีเงินทอง มีอำนาจอิทธิพล คิดจะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่อาจซื้อชีวิตของตัวเองไว้ได้  ไม่อาจซื้อเลือดเนื้อร่างกายตัวเองไว้ได้ พรุ่งนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตัวเองยังกำหนดไม่ได้เลย ทำไมจุดนี้จึงเรียกว่าธาตุแท้สัจธรรม เพราะสัจธรรมคือชีวิตของเรา จิตวิญญาณของเรา ผู้ควบคุมชีวิตกายสังขารของเราคือธรรมญาณ

Tags: