collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: 桃園明聖經 คัมภีร์อริยะตะวันเดือน ศุภนิมิตแปลและเรียบเรียง  (อ่าน 65722 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                  ภาคผนวก

                                     ๕ 

                                 ขุนพลโจว

                               (โจวเจียงจวิน)

        โจวซัง  ขุนพลเอกในสมัยสามก๊ก เป็นทหารเอกของ " กวน "  อริยมหาราชเจ้า  รูปปั้นที่แสดงพระลักษณ์ไว้คือ หนวดแข็งปานเหล็ก  ฟันขาวดั่งเงิน  หน้าดำปากแดง  ทำหน้าที่ตรวจสอบบาปบุญ  สอดส่องชาวโลก  เบื้องบนประทานพระทิพยฐานะเป็น "มหาราชฟ้าแกร่งตรงจงรักหาญกล้า   กังจื๋อ
จงอย่งต้าเทียนจุน"  ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า ขุนพลโจวซัง เป็นชาวเมืองผิงหลู่ เดิมทีคือแม่ทัพนามว่า  "จางเป่าเจี้ยง"  ภายหลังได้พบกับกวนกง ที่ภูเขาอั้วหนิวซัน  จึงติดตามอารักขาเรื่อยมา  ครั้งหนึ่ง ในการสู้รบที่เมืองฝันเฉิง  ได้สร้างเกียรติประวัติจับตัวแม่ทัพได้โดยละม่อม ต่อมากวนกงมอบหมายให้รักษาการอยู่ที่เมืองไม่เฉิง  กวนกงเองออกทัพปราบศึก แต่ต้องประสบภัย ขุนพลเอกโจวซัง ได้สดับข่าวร้ายของเจ้านาย ด้วยความจงรักภักดี  จึงพลีชีพตายตาม ค.ศ. 1102  พระเจ้าซ่งฉงหนิงฮ่องเต้ ถวายราชสักการะนามเทิดทูนตามไปว่า  "แม่ทัพเดชาสงบศึก"   เอวยหนิงเจียงจวิน   ค.ศ. 1356  ถวายเพิ่มชึ้นเป็น "เจ้าปู่เดชาระบือจงรักภักดีหาญกล้า"  เอวยเซวียนจงอย่งกง                 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                  ภาคผนวก

                                     ๖

                   ราชบุตรกวนอริยราชเจ้า

                       (กวนเซิ่งไท่จื่อ)

        ราชบุตรกวนอริยเจ้า คือ บุตรชายคนโตของพระองค์กวนอริยมหาราชเจ้า นามเดิม เผิง  นามรองถั่นจือ  ถือกำเนิดในวันสิบสามค่ำเดือนห้่  ค.ศ. 178 ราชบุตรกวน ติดตามบิดาบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่บ้านเมืองตลอดมา ตั้งแต่เริ่มรุ่นจนถึงอายุสี่สิบสองปี จึงพลีชีพในการสู้รบปราบอริราชศัตรู กอบกู้บ้านเมืองพร้อมกับบิดา  ราชบุตรเป็นลูกกตัญญู เคียงคู่บิดาอยู่ซ้ายขวา เอาชีวิตเข้าแลก ปกป้องบิดามานับครั้งไม่ถ้วน ในปีค.ศ. 1102 รัชสมัยซ่งฉงหนิง ปีที่หนึ่ง ได้รับการสถาปนาถวายสักการะนามพร้อมกับขุนพลโจวซัง  ว่า "เจ้าเมืองยทธาศักดิ์สิทธิ์  อู่หลิงโหว"  ในปีค.ศ. 1123  เพิ่มเติมคำว่า "เดชาเกริกก้อง เอวยเสี่ยน"  เป็น  "เดชาเกริกก้องยุทธาศักดิ์สิทธิ์"  ปีค.ศ. 1569 ได้รับสถาปนาถวายราชสักการะนามเทิดทูนตามไปอีกว่า "เจ้าเมืองสุดกำลังจงรักภักดี เจี๋ยจงอ๋วง"  ฝ่ายเทวสถานเทิดทูนบูชาว่า "มหาราชฟ้าระดับเก้าเดชาเกริกก้องบุญญาปรากฏ  จิ่วเทียนเอวยหลิงเสี่ยนฮว่าต้าเทียนจุน" อีกทั้งเนื่องด้วย "กวนอริยมหาราชเจ้า " ผู้บิดา  ทรงดำรงพระอริยฐานะ เป็น ท้าวสักกะเทวราชเจ้า (เง็กเซียนฮ่องเต้ หรือ พระอินทร์ตามที่เรียกกันคุ้นเคยมา)  ดังนั้น บุตรในพระองค์จึงได้รับการเทิดทูนตามไปด้วยว่า "ราชบุตร ไท่จื่อ" ปัจจุบัน  "ราชบุตรกวนอริยเจ้า" ทรงรับผิดชอบช่วยงานเบื้องทักษิณาลัย หนันเทียน ในพระอริยฐานะ "อริยเจ้าวิชญะพิจารณา  เอวิ๋นเหิงเซิ่งตี้" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                  ภาคผนวก

                                     ๗ 

                                 เฉาเชา

                                 ( โจโฉ ) 

        เฉาเชา  หรือโจโฉ   เกิด  ปีค.ศ. 155  ถึงแก่กรรม  ปี ค.ศ. 220  รวมอายุหกสิบห้าปี  เฉาเชานามเมิ่งเต๋อ  แซ่สกุลจริง  เซี่ยโหว แต่กลับใช้แซ่สกุลของขุนนางเฉาเถิง  ที่เป็นบิดาบุญธรรมของบิดาตน เฉาเชามีนิสัยหวาดผวาระแวงภัย ระวังตัวกลัวศัตรูอยู่ทุกขณะ ตั้งแต่เยาว์วัย เป็นผู้มีเชาวน์ปัญญารู้จักหาโอกาสสร้างอำนาจแก่ตน จนได้ชื่อว่าเป็น "ขุนนางปกครองยอดประสิทธิภาพ กังฉินทรราชผู้ก่อการวุ่นวายไปทุกแห่ง"  จื้อซื่อจือเหนิงเฉิน  ล่วนซื่อจือเจียนสยง   เฉาเชา เป็นดาบสองคมของแผ่นดิน   ความฮึกเหิมลืมตัว ใคร่เป็นใหญ่ จึงก่อทุกข์แก่ภัยบ้านเมืองและผู้คนไว้ใหญ่หลวง ภายหลังต่อมาบุตรของเฉาเชาชิงบัลลังก์ฮั่นขึ้นครองราชย์ ได้ยกย่องบิดาขึ้นเป็น "ยุทธราช  อู่ตี้"  สร้างศาลบูชาชื่อว่า "ศาลปิตุลา  ไท่จู่เมี่ยว"   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                   ภาคผนวก

                                       ๘ 

                               ข่งหมิงจูเก่ออู่โหว

                                   (ขงเบ้ง)

        เจ้าเมืองยุทธาจูเก่อ      จูเก่ออู่โหว   นาม  เลี่ยง   นามรอง  ข่งหมิง    คนทั่วไป มักรู้จักท่านในนามขงเบ้ง  หรือ  ทหารนักปกครองยอดยิ่งในประวัติศาสตร์  บทประพันธ์  "หัวใจในสนามรบ    ชูซือเปี่ยว"   ที่ท่านเขียนไว้ เป็นคำพูดที่เรียบง่ายจริงใจ เที่ยงแท้  แสดงออกถึงความจงรักภักดีสุดชีวิติจิตใจ  ด้วยพลานุภาพที่ตรงต่อฟ้าดิน ทุกถ้อยคำทำให้ผู้อ่านชะงักงัน ตื้นตันร่วมอยู่กับความรู้สึกของจิตสำนึกอันสูงส่งของท่าน  ความตอนหนึ่งที่ท่านกล่าวแก่เจ้านายองค์น้อย (ราชบุตรของเล่าปี่)  อันแสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดีตลอดมาและตลอดไปว่า "...วันที่ข้าพเจ้าตาย ภายในบ้านจะไม่ให้ทรัพย์สิ่งใดเกินมี  ภายนอกบ้านก็จะมิให้มีสินทรัพย์นับได้เลย ข้าพเจ้าจะมิผิดต่อเจ้าเหนือหัวแม้แต่น้อย..."  ข่งหมิงสิ้นอายุขัยในค่ายทหาร เนื่องจากตรากตรำสังขารจนเกินกำลังด้วยอายุเพียงห้าสิบสี่ปี  ท่านไม่ได้เอาอะไรของแผ่นดินไว้ให้แก่ลูกหลานและตัวของท่านเองเลย   บุตรและหลานของท่านนามว่า  จัน  กับ  ซั่ง   ก็พลีชีพเพื่อชาติบ้านเมืองเช่นเดียวกัน  รูปและศาลบูชาของท่าน มีผู้สร้างไว้มากมายหลายแห่งและทุกสมัย สำหรับผู้ซาบซึ้งเทิดทูนคุณธรรม สักการะนามที่ท่านได้รับแต่ละรัชสมัย  อาทิ  "เจ้าเมืองยุทธาจูเก่อ      จูเก่ออู่โหว"   "เจ้าเมืองยุทธาศักดิ์สิทธิ์       อู่หลิงอ๋วง"   "เจ้าเมืองเดชาเกรียงไกรจงรักภักดียุทธาปรากฏศักดิ์สิทธิ์การุณย์กอบกู้       เอวยเลี่ยจงอู่เสี่ยนหลิงเหยินจี้อ๋วง"    "พระบูรพาจารย์เจ้าเมืองยุทธา    อู่โหวเซียนซือ"   ภายหลัง    ท้าวสักกะเทวราชโปรดประทานพระอริยฐานะให้ว่า  "มุขมนตรีหลักชั้นฟ้า "จูเก่อ" ทิพยกัลยาณเจ้า     เทียนซูซั่งเซี่ยงจูเก่อเจินจวิน "

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                    ภาคผนวก

                                       ๙ 

                                  วัดธารหยก

                                (อวี้เฉวียนซื่อ) 

        วัดธารหยก ตั้งอยู่บนเทือกเขาธารหยก มณฑลหูเป่ย    ลักษณะภูเขาเหมือนเรือคว่ำ จึงเรียกอีกว่า  "ภูเขาเรือคว่ำ    ฟู่ฉวนซัน"  วัดธารหยกสร้างตั้งแต่ราชวงศ์สุย  พระมหาเถระยิ่งใหญ่มากมาย มีทั้งแต่งตั้งราชวงศ์สุย  ถัง  ซ่ง  ราชวงศ์เอวียน  หมิง   ชิง    หกรัชสมัย   ต่างจาริกมาเจริญธรรม แสดงธรรม บรรลุธรรมกันที่วัดนี้ไม่ขาดสาย  ภูเขาธารหยก มีสายธารน้ำรินไหลออกจากถ้ำชั่วนาตาปี น้ำใสเหมือนแก้ว รสหวานชุ่มคอ จึงได้ชื่อว่า "ธารหยก"  รัชสมัยเทียนซี  ราชวงศ์ซ่ง  พระแม่เจ้า "เซียวฮองเฮา   โปรดพระราชทานบูรณะ เพิ่มเติมการก่อสร้างและเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ว่า "พระอารามทัศนภาพบารมี       จิ่งเต๋อฉันซื่อ"  บริเวณวัดโดยรอบ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ถึงหนึ่งร้อยลี้ มีอาคารปฏิบัติธรรมเก้าชั้น  มีมหาวิหารแปดสิบหลัง มีกุฏิสงฆ์สามพันเจ็ดร้อยหลัง  ในรัชสมัยชิงกวางสู   ปีที่ห้า  และปีที่เก้า  ล้วนมีการบูรณะก่อสร้างเพิ่มเติมอีก  ภายในวัดมีปฏิมากรรมเก่าแก่มีค่ายิ่งประดับและประดิษฐานอยู่ทั่ว  รูปพระโพธิสัตว์กวนอิมเนื้อหินสลักด้วยฝีมือปราณ๊ตวิจิตรงดงามมีชีวิตชีวา เป็นที่น่าอัศจรรย์ รูปบูชาพระองค์กวนอริยเจ้า สง่างามอยู่ในพระวิหาร ในพระนาม "กาลามะโพธิสัตว์           เฉียหลันผูซ่า"  ในรัชสมัยซ่งฉงหนิง      เนื่องจากฮ่องเต้ได้โปรดถวายสักการะนาม "กวนอริยเจ้า" เพิ่มเติมอีกว่า "ทิพยกัลยาณราชเจ้าปกป้องอุ้มชูบ้านเมือง   ฮู่กั๋วเจินจวิน"  จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดตามไปว่า  "วัดปกป้องบ้านเมือง    ฮู่กั๋วซื่อ"   คนภายหลังต่อมาพากันเรียกว่า  "วัดธารหยกปกป้องบ้านเมือง       อวี้เฉวียนฮู่กั๋วซื่อ"               

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                    ภาคผนวก

                                      ๑๐

                            พรหมราชเจ้าดาวทอง

                                ( ไท่ไป๋จินซิง)     

        ดาวไท่แป๊ะกิมแช  ดาวกาลพรึก  หรือดาวประกายพรึก  มีชื่อเรียกมากมายทั้งไทย - จีน  ทั่วไปมักเรียกว่า ดาวพระศุกร์  ดาวประจำเมือง  ดาวทอง  ดาวทองไท่แป๊ะ รุ่งเช้าจะปรากฏทางทิศตะวันออก  จึงเรียกว่ากาลพรึก ตอนค่ำปรากฏทางทิศตะวันตก จึงเรียกว่าดาวประจำเมือง  (รุ่งเช้าไทยเรียกว่า ดาวประจำเมือง )  ในคัมภีร์เต้าเต๋อจิง     จารึกว่า สิบเจ็ดค่ำเดือนแปด (หลังคืนวันไหว้พระจันทร์สองคืน) เป็นคืนวันอุบัติมาของเทพเจ้าประจำดวงดาวกาลพรึก ในตำนาน "เทวราชฟ้าพยากรณ์  เทียนกวนจั้น"  จารึกว่า  "ทองเป็นธาตุแท้ เป็นฐานหลักของทิศตะวันตก  ไท่แป๊ะ คือ บุตรของพระผู้เป็นเจ้าแห่งธาตุแท้ฐานหลักประจำทิศตะวันตก"  การกล่าวอ้าง  จึงหมายถึง  พระผู้ซึ่งมีความสูงส่งเที่ยงตรง ยั้งยืนสว่างใส

                                      ๑๑

                                   จื่อเอว๋ยกง 

        "ปราสาทวิจิตรฉัพพรรณรังสี      จื่อเอว๋ยกง"  ของพระผู้เป็นใหญ่ในชั้นฟ้า  ที่ประทับของท้าวสักกะเทวราช

                                      ๑๒

                                    อู่จื่อซวี   

        อู่จื่อซวี    (พระภาคก่อนของกวนอริยมหาราชเจ้า)  นามเดิม  เอวี๋ยน  เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เป็นนักรบผู้แกร่งกล้า เป็นเสนาธิการทหารที่ฉลาดปราดเปรื่องเห็นการณ์ไกล  เป็นผู้มีจิตสำนึกคุณสูงยิ่ง   แม้แต่กับการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยที่ได้รับ มีความเที่ยงตรงยุติธรรมที่ไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใด  อู่จื่อซวี มีความรอบรู้ เฉียบขาดในการตัดสินใจ รู้เหตุการณ๋ล่วงหน้า  แต่ต้องบั่นคอตัวเองตาย เพราะทนเห็นความหายนะจากความอยุติธรรมของบ้านเมืองไม่ได้  เนื่องจากฮ่องเต้หลงเชื่อคำสอพลอล่อลวงของขุนนางกังฉิน ผู้มีแผนจะล่มบ้านจมเมือง  อู่จื่อซวี พยายามทักท้วงจนถึงที่สุดอยู่ทุกครั้ง แต่ฮ่องเต้ไม่เคยฟัง  ก่อนบั่นคอต่อหน้าพระที่นั่ง อู่จื่อซวี สั่งแก่บริวารว่า "เมื่อข้าพเจ้าตายลง จงปลูกต้นจื่อ  (ไม้เนื้อแข็ง)  ไว้เหนือบริเวณหลุมฝังศพ จะได้เอาไม้ไปใช้ประโยชน์  อีกทั้งจงควักลูกตาของข้าพเจ้าไปห้อยไว้บนประตูเมืองด้านตะวันออก เพื่อสอดส่องโจรเมืองเอวี้ย  ที่จะบุกเข้าทำลายเมืองอู๋  ของเรา"  อู่จื่อซวี ห่วงใยบ้านเมืองถึงที่สุดเช่นนี้  ในที่สุดภายหลังต่อมา ฮ่องเต้ต้องพ่ายแพ้ยับเยินแก่โจรเมืองเอวี้ย จริง ๆ  และสุดท้าย ฮ่องเต้ก็จบชีวิตของพระองค์ด้วยความอัปยศอดสูอย่างสุดละอาย สุดเสียใจ  ก่อนฆ่าตัวตาย  พระองค์ได้กล่าวคำสะท้อนใจว่า "ข้าละอายแก่ใจนัก  ที่จักต้องไปพบกับอู่จื่อซวี (ที่ตายไป)  ขันทีท่าน จงใช้ผ้าแพรสามผืนซ้อนทับกันปิดหน้าของข้าหลังจากที่ตายให้ข้าด้วย" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                  ภาคผนวก

                    แนะนำพระองค์ บุคคล สถานที่

                   ที่กล่าวอ้างในคัมภีร์โดยสังเขป

                                    13

                                 จางเฟย

                               (เตียวหุย)

        จางเฟย      นามรอง อี้เต๋อ    ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับหลิวเป้ย  (เล่าปี่)  กวนอวี่  (กวนอู) สามพี่น้องรักห่วงใยกันดั่งพี่น้องคลานตามกันมา  จางเฟยเป็นนักรบกล้าหาญชาญชัย จนมีคำกล่าวว่า "จางเฟยตัดหัวแม่ทัพข้าศึก ง่ายดายเหมือนล้วงมือหยิบของออกจากย่าม"  เมื่อเล่าปี่ครอบครองดินแดนทางใต้ของลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงแล้ว ได้แต่งตั้งจางเฟยให้เป็นผู้ว่าการเมืองอวี๋จวิ้น เป็นแม่ทัพใหญ่เจ้าเมืองชินถิง เจ้าเมืองซีเซียง  จางเฟยลักษณะรูปร่างสูงใหญ่ ห้าญหาญ  เกรียงไกร  น่าคร้ามเช่นเดียวกับกวนกง  (กวนอริยมหาราชเจ้า) แต่กวนกงนั้นกรุณาปราณีต่อผู้น้อย ไว้ตัวต่อผู้ใหญ่  ตรงกันข้ามกับจางเฟยที่ให้เกียรติผุ้ใหญ่  แต่ไม่เห็นใจผู้น้อย มีพระเดชแต่ไม่มีพระคุณ สุดท้ายต้องถูกทำร้ายด้วยบริวาร  จางเฟยได้รับการยกย่องในภายหลังอีกว่า "เจ้าเมืองหวน  หวนโหว"  เมื่อกวนกงได้รับราชสักการะนามว่า "มหาราชสยบมารสามโลก  ซันเจี้ยฝูหมอต้าตี้"   จางเฟย เจ้าเมืองหวน  ก็ได้รับการยกย่องตามไปด้วยว่า "รองแม่ทัพสยบมาร  ฝูหมอฟู่เจี้ยง" เทวสถานเทิดทูนพระองค์ว่า "เจ้าเมืองหวนมหาราช หวนโหวต้าตี้"           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             คัมภีร์อริยะตะวันเดือน 

                                  ภาคผนวก

                    แนะนำพระองค์ บุคคล สถานที่

                   ที่กล่าวอ้างในคัมภีร์โดยสังเขป

                                   ๑๔

                                 ต่งจั๋ว

                               (ตั้งโต๊ะ)

        ต่งจั๋ว   นามรอง จ้งอิ่ง  จิตใจหยาบช้าสามานย์ พละกำลังดังช้างสาร มือแม่นฉมังธนู เป็นแม่ทับหน้าของพระเจ้าหลิงตี้  ทรยศต่อบ้านเมือง ตั้งตัวเป็นใหญ่ ทำร้ายราชวงศ์ สุดท้ายถูกฆ่าล้างโคตร 

                                   ๑๕

                               หล - วี่ปู้

                              (ลิโป้)

        หล-วี่ปู้   หรือลิโป้  นามรอง เฟิ่งเซียน      เดิมเป็นขุนนางดูแลเมืองปิ้งโจว  เหี้ยมหาญทยานศึก ฝีมือขี่ม้ายิงธนู และพละกำลังยากจะหาใครเสมอได้ ลิโป้ นิสัยจิตใจโลเล  ไม่มีสัจจะ  คิดดค  เนรคุณ  มักใหญ่ใฝ่สูง ฆ่าติงเอวี๋ยน  พ่อบุญธรรมที่อุ้มชูมา เพื่อเข้าหาต่งจั๋ว ยกต่งจั๋วเป็นพ่อบุญธรรมคนใหม่ภายหลังเพื่อผลประโยชน์ ก้จะฆ่าพ่อบุญธรรมคนที่สองอีก เมื่อถูกโจโฉจับกุมตัวได้ เขากล่าวแก่โจโฉว่า "ศตรูตัวสำคัญของท่านคือข้าพเจ้า แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าก็สยบต่อท่านแล้ว เรามาร่วมมือทำการใหญ่กันเถิด"  โจโฉเกือบจะหลงเชื่อรับไว้ แต่มีคนเตือนว่า "ไม่เห็นตัวอย่างพ่อบุญธรรมเขาหรือ"  ลิโป้จึงจบชีวิตลงด้วยมือโจโฉ 

                                        ยุคสมัยผ่านไปไม่หยุดยั้ง

                                      คนเก่งกล้าเด่นดังต่างชิงชัย
 
                                     กาลเวลาพาทุกอย่างผ่านหาย 

                                      เหลืออะไรหากมิใช่คุณธรรม
 

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”