collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 30988 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

เทพกร  :  เมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ เข้าตำหนักบุญบ่อย ๆ ไม่พูดธรรมะ ไม่ทำความดี ชอบวิจารณ์นินทาใคร ๆ อาจารย์และเจ้าตำหนักตักเตือนบ่อย ๆ เจ้าแกล้งทำหูทวนลม ซ้ำขึ้งโกรธ เจ้าเกลียดชังอาจารย์  ว่าร้ายธรรมะด้วยเหตุอันใด  เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าโทษของการว่าร้ยอาจารย์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่กลับกล้าผิดกฏสวรรค์ ทำการทำลายชื่อเสียง ลบล้างอาจารย์และธรรมะ จงใจผิดทั้งที่รู้อย่างนี้โทษควรสถานใด

วิญญาณหญิง  :  ...ขอเทพการท่านโปรดยกโทษ

เทพกร  :  มา ! บัญชาทิพยมาตย์นำหญิงนางนี้ไปลงโทษที่ "ทัณฑสถานเฉิงเจี้ยสั่ว"

อู้เอวี๋ยน  :  เข้มงวดแท้ น่าเกรงขามอย่างกับผู้พิพากษา ดีร้ายให้ตายตกไปตามกรมจริง ๆ  ชาวโลกแม้จะถือบวชบำเพ็ญ หรือได้รับธรรมะ เข้าสู่อาณาจักณธรรมบำเพ็ญ ถวายชื่อลงบัญชีเบื้องบน แต่เมื่อหมดอายุยังคงต้องผ่านด่านการตรวจสอบ "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" หากเป็นผู้ฝึกฝนบำเพ็ญก็จะสดวกสบายอย่างผู้รับเชิญพิเศษ ในทางตรงข้าม หากจอมปลอมดีแต่ชื่อ ก็จะต้องรับโทษไปเอง เซียนพุทธะในอาณาจักรธรรม จะปกป้องคุ้มครองไม่ได้เลย กฏของฟ้าเบื้องบนแน่นหนาเคร่งครัด ผู้บำเพ็ญมิได้มีอภิสิทธิ์สูงกว่าใคร ผู้บำเญจากศาสนา นิกายใด ๆ เมื่อมาถึง "จื่อหยางกวน" อยู่เบื้องหน้ากฏสวรรค์ ทุกคนเสมอภาคกัน ไม่มีสัมพันธภาพส่วนตัวแม้แต่น้อย "ฟ้าเบื้องบนไม่มีคนสนิท ชูชิดแต่ผู้มีคุณธธรรม  ชั่งเทียนอู๋ซิน เอว๋ยเต๋อซี่ฝู่"  เช่นนี้จึงจะเป็นจุดสำคัญของผู้บำเพ็ญ

ธรรมราช  :  อู้เอวี๋ยน เห็นเหตุการณ์ชัดเจนหรือยัง

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์เห็นชัดเจนแล้วขอรับ

ธรรมราช  :    เมื่อชัดเจนแล้ว จะนำเจ้าไปทัศนา "สถานกลับตัวกลับใจ  จื้อซินสั่ว"  (กล่าวจบ ทั้งสองพากันมุ่งหน้าไปทางบ้านหลังใหญ่ขวามือของตำหนัก ไม่กี่ก้าวก็ถึงลานข้างหน้า)  มองดูสถานที่โดยรอบ กว้างหลายสิบวา แบ่งเป็นห้าหกห้อง มีคนเข้าออกพลุกพล่าน แต่เงียบเสียงสำรวม  เหนือคานใหญ่มีป้ายเขียนอักษรตัวโตไว้ว่า "ชิงหยางสถานกลับตัวของญาณเดิม  ชิงหยางเอวี้ยนหลิงจื้อซินสั่ว"  สองข้างมีกลอนคู่ว่า

น้อยลงแน่แม้ลงโทษแก้ไขให้ได้สำนึกความผิดลดลง
มั่นคงได้ ตั้งใจเริ่มต้นใหม่ กลับใจขอขมา ผลพาชุพชีวิต
ปี้ติ้งเส่าเฉิงไก่จื้ออู้เอว๋ยกั้วจื้อเจี่ยน
ตังหยานเจียนจื้อฉงซินหุ่ยชั่นกั้วซินเชิง

        ทั้งสองก้าวสู่ภายใน มองดูห้องต่าง ๆ กว้างขวางจุได้ร้อยพันคน บรรยายกาศสงบเงียบ บนโต๊ะหินมีหนังสือพระธรรมคัมภีร์ช้อนอยู่กองโต  ญาณเดิมทั้งหมดเป็นระเบียบเคร่งครัด นั่งตัวตรงบนม้าหิน บ้างสวดมนต์ บ้างอ่านหนังสือ บ้างฝึกพุทธระเบียบอยู่ในส่วนต่าง ๆ ในห้องต่าง ๆ  ในห้องจะมีเทพกรอบรมดูแล พร่ำสอนญาณเดิมทั่วกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

ธรรมราช  :  ภายในห้องมีญานเดิมไม่น้อย ประมาณหลายร้อยคน บาปบุญสูงต่ำต่างกัน บางคนบำเพ็ญบาปมากกว่าบุญ  บ้างบุญมากกว่าบาป บาปมากกว่าจะจัดไว้ในห้องที่สอง ให้อ่านหนังสือให้เข้าใจหลักธรรม ฝึกจริยระเบียบเป็นเวลาสามสิบวัน จากนั้นให้ยมทูตพาไปยังยมโลก ขึ้นแท่นเวียนว่ายไปเกิดเป็นคน กลับไปบำเพ็ญใหม่ในโลก เพื่อว่าเมื่อเกิดใหม่แล้ว จะไม่ล่วงผิดจริยธรรมอีก  หากเมื่ออยู่ในโลก บุญมากกว่าบาป จัดไว้ในห้องที่หนึ่งเพื่อบำเพ็ญสิ่งบกพร่องที่ทำมา  ครบกำหนดแล้ว จำแนกผลการบำเพ็ญ  ผู้บำเพ็ญดี ได้ไปที่ตำหนัก"ปี้หยางเตี้ยน" บำเพ็ญได้ไม่ดี ส่งไปเพิ่มเติมบำเพ็ญที่ "สถานบำเพ็ญบุญในนรก  ตี้ฝู่ซิวชั่นสั่ว"  ดังนั้น ที่อู้เอวี๋ยนได้เห็นคนจำนวนมากในห้องนี้นั้น ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญบุญกุศลไว้ไม่พอ ศีลวินัยไม่กลมสมบูรณ์ หรือผู้กระทำผิดเล็กน้อย  ส่วนผู้กระทำผิดบาปมากนั้น มิใช่จะให้กลับตัวกลับใจในห้องนี้ แต่เป็นที่  "สถานลงโทษ  เฉิงฝาสั่ว" กระท่อมข้างหน้าโน้น ลงโทษถึงยี่สิบสามสิบวันแล้ว จะให้ยมทูตนำไปลงโทษในนรกต่อไป นี่คือ สภาพคร่าว ๆ ของสถานที่แห่งนี้ เราจะนำเจ้าไปชม "สถานพักผ่อน ซิวซี่สั่ว" ต่อไป  กล่าวจบพากันเดินออกจาก "สถานกลับตัวกลับใจ" ไปทางขวา มองไปไม่ไกลเห็นหอสูงสีแดงตระหง่าน เห็นป้ายหนังสือสีทองส่องรัศมีเข้าตาแสดงชื่อหอว่า "หอชิงหยางสถานพักผ่อนญาณเดิม  ชิงหยางเอวี๋ยนหลิงซิวซี่สั่ว" มีกลอนอยู่ซ้ายขวาว่า   "บำเพ็ญสำเร็จลบผิดบาปใหญ่ได้ระดับสูง   คุณธรรมถึง สิ้นเวรสั่งสม ญาณกลมบริสุทธิ์   ซิวเฉิงกงเต้ากั้วเซียนจินซั่งผิ่น  ลี้จิ้วเต๋อเกาเนี่ยจิ้นอิ้งฉุนหลิง"  ทั้งสองมาถึงระเบียงหอ มองเข้าไปในห้อง เห็นหน้าต่างสว่างใส โต๊ะสะอาดหมดจด กลิ่นหอมกรุ่นห้อง ปลอดฝุ่นธุลี ประดับห้องด้วยเตาโบราณและหนังสือคัมภีร์

อู้เอวี๋ยน  :  สาธุ ใครอยู่ที่นี่ไม่มีความสุขได้หรือ (ญาณเดิมมากมายที่พักในห้องนี้ แต่งตัวกันสะอาดเรียบร้อย เข้าออกยิ้มแย้ม คารวะต่อกัน)

ธรรมราช  :  ญาณเดิมในห้องนี้ ล้วนเคยตั้งตนดำเนินธรรม ช่วยงานศาลเจ้า ศรัทธาจริงใจ  ญาณเดิมเข้าพักอย่างสบายในสถานที่นี้ ล้วนมีบุญไม่มีบาป  พักได้สบายอิสระ รอเวลาทิพยมาตย์นำไปตำหนักปี้หยาง เอาละ จะนำเจ้าไปชม "สถานลงโทษบ้าง" (กล่าวจบ ก็พากันเดินออกจาก "สถานพักผ่อน" มุ่งสู่ทางเดินใหญ่ข้างหน้า ไม่ไกลนักก็เห็นกระท่อมมุงหญ้าคาหลายหลัง ได้ยินเสียงโอดโอยเป็นระลอก กลิ่นคาวโชยมาตามลม  ทำให้สะท้านขยะแขยง)

อู้เอวี๋ยน  :  กราบเรียนถามยมราชเจ้า "เก้าเก้าจื่อหยางกวน" เป็นด่านสอบหลักฐานคนเดิม เหตุใดจึงมีเสียงถูกลงโทษ อย่างนี้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

ธรรมราช  :  แม้ด่าน  "เก้าเก้าจื่อหยางกวน"  นี้จะมิใช่แดนนรก แต่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการลงทะเบียน การถวายคำขอ การชำระบาปของผู้บำเพ็ญ หากเป็นผู้ได้รับธรรมะ ได้บวชเรียนในวัดวาอาราม ตำหนักบุญ หรืออาณาจักรธรรมต่าง ๆ เมื่อถูกส่งจาก "ทางสามแพร่ง  ซันซาลู่โข่ว"  มารับการสอบหลักฐานที่นี่ จะต่างจากวิญญาณทั่วไป ที่จะต้องตรงไปรายงานตัวยัง "สถานรวมวิญญาณ  จวีุ้หุนสั่ว"  ฉะนั้น ใครก็ตามที่มารับการสอบหลักฐานที่ด่าน "เ้ก้าเก้าจื่อหยังกวน" นี้ ล้วนเป็นผู้ผ่านการอบรมชี้นำหลักสัจธรรมมาแล้ว เข้าใขชัดเจนต่อเหตุผลบาปบุญคุณโทษ  แต่หากรู้กฏผิดกฏอีก พูดกับทำไม่ตรงกัน หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์สวนทางต่อหลักเกณฑ์ระเบียบวินัย  หรือยึดเหตุผลดูแคลนผู้อื่น อาศัยอิทธิพลมั่งคั่งรังแกเขา เช่นนี้ ก่อนจะส่งไปรับโทษในนรก จะต้องส่งมารับโทษในสถานลงโทษที่นี่ก่อน ด้วยความยุติธรรมเที่ยงตรง แต่ "สถานลงโทษ"  นี้ ใช้เวลาสั้นอย่างมากประมาณสามสิบวัน เพื่อเป็นการเตือน ไม่เหมือนการลงโทษในแดนนรกต่าง ๆ ซึ่งจะยาวนานและทุกข์ทรมานมาก (ทั้งสองพูดพลางเดินพลางจนมาถึง "สถานลงโทษ" เห็นหน้ากระท่อมมีแผ่นไม้ยืนป้ายอักษรว่า " สถานลงโทษชิงหยาง  ชิงหยางเฉิงฝาสั่ว"  (พอเข้าไปใกล้ มองเข้าไปข้างในก็เห็นพื้นที่กว้างหลายสิบวา มีเครื่องมือทรมานเช่น มีด เข็ม ฆ้อน หอกและอื่น ๆ )   (น่าสงสารพวกนักโทษแต่ละคนผมเผ้ารุงรัง เปลือยเท้าชายหญิงแก่อ่อน รวมประมาณห้าหกสิบคน ผู้ทำการหน้าตาน่ากลัว มือถือเครื่องทรมานจัดการลงโทษ ผู้รับโทษกรีดร้องสะเทือนสะท้านลั่นบ้านจนทนดูไม่ได้ วิญญาณบาปบางคนทนเจ็บปวดไม่ได้ สลบไปแต่ก็ถูกลงโทษไม่ลดละ) 

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์เห็นการลงโทษหนักอย่างนี้แล้ว อกสั่นขวัญหาย ไม่อาจทนดูต่อไป ขอท่านธรรมราช โปรดนำกลับจะได้ไหมขอรับ

ธรรมราช  :  พวกเขาเหล่านี้เมื่ออยู่ในโลก ได้รับการอบรมกล่อมเกลาให้เข้าใจหลักสัจธรรมแล้วยังสะกดอารมณ์ไม่อยู่ ผิดต่อธรรมะ รับโทษเพียงเท่านี้ไม่หนักหนา แต่อีกไม่นานจะส่งพวกเขาลงนรกรับโทษ ตัดสินรับอาญาหฤโหดในนรก เมื่อถึงเวลานั้นจะหนักหนากว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า ที่เจ้าเห็นอยู่นี้ เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยแต่ในเมื่อไม่อยากดูอีก ก็ตามใจเถิด  (กล่าวจบทั้งสองก็หันหลังกลับ เดินพลางสนทนาธรรมพลาง ชั่วขณะเดียวก็กลับมาถึงตำหนักใน)

พระบรรพจารย์  :  เป็นอย่างไร อู้เอวี๋ยน คืนนี้ทัศนาได้ละเอียดไหม ?.

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ทัศนาความเป็นไปในสถานที่ต่าง ๆ สะท้านใจยิ่งนัก บาปบุญต่างกันอย่างกับฟ้าดิน  ผู้บำเพ็ญไม่เคารพทำตามศีลวินัย จะผืดต่ออาจารย์ ผิดต่อหลักธรรมได้อย่างไร เมื่อศิษย์เข้าร่างเดิมแล้ว จะหมั่นสร้างบุญกุศลคุณความดี จะประกาศเผยแผ่แก่มวลชน ให้ทุกคนทำดี เคารพอาจารย์ เทิดทูนธรรมะให้ได้อย่างแน่นอน

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์โปรดประทานโอกาสดีเช่นนี้ อีกทั้งยังได้ช่วยเพิ่มเติมสาระอันมีค่ายิ่งปลุกใจชาวโลกไว้ในหนังสือ คืนนี้ ข้าพเจ้าใคร่ขออาศัยโอกาสนี้ ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดแสดงธรรมเรื่องรักษาระเบียบวินัยการเทิดทูนธรรมะแก่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวของข้าพเจ้าด้วย ไม่ทราบว่าพระองค์จะคิดเห็นเป็นอย่างไร

 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

พระบรรพจารย์  :  ธรรมนาวายุคขาวก่อเกิดตามเกณฑ์กำหนด บัดนี้ภายใต้รัศมีธรรมแห่งปัญญา  ด้วยมหาเมตตากรุณาของพระบรรพจารย์ (เทียนหยาน) ปรากฏเป็นมหาธรรมนาวา ในทะเลทุกข์เวิ้งว้างในยุคนี้ รับบทบาทและภาระสำคัญในการประกาศกล่อมเกลาชาวโลกแทนฟ้า  ที่น่าชื่นชมคือ วิถีธรรมแห่งธรรมกาลยุคขาวได้เปิดวงจำกัดของธรรมกิจออกจากที่เคยมีเฉพาะในวัดวาอาราม ศาลเจ้า ตำหนักบุญเข้าสู่ครัวเรือน แพร่ธรรมคำสอนของปราชญ์ให้เหมาะแก่ใจคน ไม่เพียงขยายวิสุทธิแดนดินของพระเมตเตยยะ ในการปรกโปรดคนที่มีรากฐานบุญทั้งสามระดับด้วยพระมหาเมตตากรุณาธิคุณ ด้วยวิถีอันชอบด้วยอุบายจากมหาปณิธานสูงยิ่งเท่านั้น  ยังเท่ากับวางหลักศิลา อันมิขยับเขยื้อนได้ของโลกดอกบัวบานในสหาโลกธาตุอีกด้วย  คืนนี้ พระประสงค์ของบรรพพุทธาท่าน (เทียนหยาน) ข้าพเจ้าเข้าใจได้ ยิ่งกว่านั้น ตำหนักนี้มีหน้าที่สอบหลักฐานการรักษาทำตามพุทธระเบียบวินัย เทิดทูนธรรมะของญาณเดิมอยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็ยินดีแสดงธรรมตามบุญวาระด้วยเช่นกัน พุทธบุตรคนเดิมในธรรมกาลยุคขาวที่เข้าสู่ประตูธรรม ก่อนอื่นจะต้องศรัทธาจริงใจ คุกเข่า ณ เบื้องพระแท่นฯ ถวายปณิธานจริงใจ จากนั้นจึงจะได้รับการจุดเบิกทางสว่างจากพระวิสุทธิอาจารย์ ฉะนั้น สำหรับศิษย์ธรรมกาลยุคขาวแล้ว มหาปณิธานสิบ จึงเป็นจุดที่สำคัญตำหนักนี้จะต้องทำการตรวจสอบหลักฐาน ข้าพเจ้าก็จะแสดงความหมายแจกแจงเป็นข้อ ๆ พอสังเขป เพื่อศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจะศึกษาให้กระจ่าง

        1.  มั่นคงในศรัทธา     บำเพ็ญธรรมสำคัญที่ศรัทธาจริงใจ บุคคลระดับสูงสดับธรรม  ประคองรักษามั่นมิห่างแม้ชั่วขณะ  ความหมายคร่าว ๆ ของมั่นคงในศรัทธา คือ คนรากฐานบุญระดับสูง พบวิถีธรรมจริง จะมุ่งดำเนินไปทันที ไม่มีทิฐิยึดหมาย วิริยะไม่หน่าย เสมอต้นเสมอปลาย สภาพราบรื่นไม่จมลง ถูกสอบขัดข้องไม่เปลี่ยนแปลง    คนรากฐานบุญระดับกลาง   น้อมใจเนื่องนำศรัทธา เทิดทูนทำความดีทุกอย่าง ไม่ทำบาปร้ายทุกประการ มั่นคงเรียบง่าย    คนรากฐานบุญระดับล่าง  ไม่จอมปลอม ไม่ขอไปที ไม่ลวก ๆ หลอกลวง ศรัทธาจริงใจ เกรงการหลอกเขาหลอกตน เช่นนี้จึงจะสอดคล้องกับปณิธานในข้อ"มั่นคงในศรัทธา"

        2.  สำนึกด้วยใจจริง     มีจิตสำนึกอยู่เป็นประจำ ส่องเห็นอวิชชาชัดเจน มิให้ครอบคลุมจิตเดิมแท้ รู้ผิด กล้าหาญที่จะแก้ไข กล้าปฏิเสธในสิ่งผิด  ความหมายคร่าว ๆ ของสำนึกด้วยใจจริง ก็คือ  คนรากฐานบุญระดับสูง   ไม่จงใจ ไม่ดำริ ไม่เกิดจิตแบ่งแยก ไม่ฟุ้งซ่าน  ไม่คิดร้าย เป็นจิตใจสำนึกขอขมา จะทำความดี   คนรากฐานบุญระดับกลาง   ไม่แอบแฝงปิดบังความผิดตน ย้อนคิดพิจารณาตนทุกเวลา เปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับตัวใหม่ เรียกว่าสำนึกด้วยใจจริง    คนรากฐานบุญระดับล่าง   เมื่อมีคนชี้ให้ เห็นความผิดจะจริงใจแก้ไข ไม่สวมหน้ากากทำภาคภูมิ ถือการยอมรับแก้ไขเป็นความกล้าหาญ

        3.  เคลือบแฝงเสแสร้ง     ทุกอย่างที่ลุ่มหลงมัวเมาโง่งม ไม่เห็นจิตพุทะะแห่งตน ไม่อาจบังเกิดปัญญาเสมอ ๆ ล้วนเป็นเคลือบแฝงเสแสร้ง  ฉะนั้น ผู้มีรากฐานบุญระดับสูง  จึงคงไว้ซึ่งปัญญา จะเวียนธรรมจักร สยบใจที่คิดเห็นผิดได้   คนรากฐานบุญระดับกลาง  จะตัดวาจาการกระทำที่ไม่ตรงกัน ไม่ทำปากว่าตาขยิบ ปากกับการกระทำไม่ตรงกัน   คนรากฐานบุญระดับล่าง  ไม่ยอมเป็นกาฝาก อาศัยงานธรรมอยู่กินไปวัน ๆ ไม่ใส่หน้ากากแต่งหน้าท่าทีดี แต่ไม่มีแก่นสาร

        4.  ถดถอยไม่ก้าวหน้า     คนรากบุญระดับสูง   จะถือว่าหากไม่วิริยะหมั่นเพียร ไม่อาจอดทน  ไม่อาจวางอุเบกขา  ไม่อาจรักษาศีล  ไม่อาจสร้างทานบารมี  ไม่อาจเจริฐปัญญาธรรมได้ จะเท่ากับถดถอยไม่ก้าวไป     คนรากฐาฯบุญระดับกลาง จะถือว่าหากไม่ผ่านการทดสอบเคี่ยวกรำต่าง ๆ ไม่อาจเจริญปณิธานให้บรรลุได้ หมายถึงถดถอยไม่ก้าวไป    คนรากฐานบุญระดับล่าง จะถือว่าเริ่มแรกขยันบั้นปลายหน่ายคร้าน ก้าวหน้าถอยหลัง ความมุ่งมั่นเหมือนมีเหมือนไม่มี คือการถดถอยไม่ก้าวไป

        5.  หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์     คนรากฐานบุญระดับสูง ถือวาการไม่อาจประสานใจกับพระบรรพจารย์ ไม่อาจเข้าถึงความหมายแท้จริงของอนุตตรธรรม ไม่อาจถ่ายทอดหลักสัจธรรมแทนฟ้า เท่ากับหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์     คนรากฐานบุญระดับกลาง  ถือว่าการออกห่างจากชีพจรธรรมในพระวิสุทธิอาจารย์ เปลี่ยนจากธรรมนาวานี้ไปสู่ผู้อื่น  เป็นการหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์     คนรากฐานบุญระดับล่าง จะถือว่าการไม่เคารพเตี่ยนฉวนซือ  เจี่งซือ  อิ๋นเป่าซือ หรือฝ่าฝืนอกตัญญูต่อเทียนมิ่ง เป้นการหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

        6.  ลบหลู่นักธรรมอาวุโส     คนรากฐานบุญระดับสูง    ถือว่าการไม่อาจสืบต่อก่อใหม่ ไม่อาจสืบเนื่องเชื้อไฟสัจธรรม ไม่อาจแบกรับงานแทนพระอริยะเมธีที่ผ่านมา เท่ากับลบหลู่นักธรรมอาวุโส     คนรากฐานบุญระดับกลาง   ถือว่าการที่ไม่สามารถแผ่ขยายความมุ่งมั่นตั้งใจของท่านธรรมอธิการ ไม่สามารถรับมอบหมายงานอบรม ไม่ประกาศกิตติคุณแพร่ธรรมที่ท่านเฉียนเหยินมอบหมายให้ได้ เป็นการลบหลู่นักธรรมอาวุโส     คนรากฐานบุญระดับล่าง ถือว่าการอวดดียโสโอหัง ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ในสายตา ไม่เคารพท่านเฉียนเหยิน ไม่ทำตามท่านเฉียนเหยิน เป็นการลบหลู่นักธรรมอาวุโส

       7.  ไม่รักษาพุทธวินัย     คนรากฐานบุญระดับสูง   ถือว่าการเกิดความคิดจิตดำริ กิริยาอาการใด ๆ ไม่สอดคล้องกับความเป็นกลางสมาน ถือเป็นการไม่รักษาพุทะวินัย   คนรากฐานบุญระดับกลาง   ถือว่าการไม่รักษาเบญจธรรม เบญจศีล  ไม่สร้างบุญปัจจัยสิบ ไม่ดำรงคุณธรรมแปด เป็นการไม่รักษาพุทธวินัย   คนรากฐานบุญระดับล่าง   ถือว่าการส่งเสียงเอะอะในสถานธรรม แต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อย ไม่รู้จริยระเบียบสำรวมบุคลิกการวางตัว เป็นการไม่รักษาพุทธวินัย

        8.  แพร่งพรายความลับสวรรค์     คนรากฐานบุญระดับสูง   จะถือว่าแม้ไม่พูดก็เหมือนได้พูด หรือพูดกับคนที่ไม่สมควรพูดด้วย พูดสิ่งที่ยังไม่สมควรพูด  ไม่เหมาะแก่กาลเวลา แสดงความแยบยลของฟ้าเป็นการแพร่งพรายความลับสวรรค์    คนรากฐานบุญระดับกลาง  ถือการเปิดเผยตรัยรัตนวิถีแห่งจิตไม่ถูกกาละเทศะเป็นแพร่งพรายความลับสวรรค์     คนรากฐานบุญระดับล่าง  ถือว่าการใช้อักษรวาจาเปิดเผยรูปธรรมของตรัยรัตน์โดยยังมิได้จุดพุทธประทีป เป็นแพร่งพรายความลับสวรรค์   

        9.  ปิดบังธรรมะไว้มิให้ปรากฏ     คนรากฐานบุญระดับสูง   ถือเอาการไม่อาจเป็นไปตามบุญปัจจัยโดยไม่เปลี่ยนแปลง  ไม่เปลี่ยนแปลงรับบุญเหตุปัจจัย  ไม่อาจให้มหากรุณาร่วมตัวตน   ไม่อาจให้มหาเมตตาทั่วหน้า (โดยมิต้องอาศัยบุญสัมพันธ์ต่อกันเป็นเหตุจูงใจ) ดังนี้เป็นปิดบังธรรมะไว้มิให้ปรากฏ     คนรากฐานบุญระดับกลาง    ถือว่าการไม่บุกเบิกแพร่ธรรมโน้มนำใคร ๆ ให้มารับวิถีธรรมเป็นการปิดบังธรรมะมิให้ปรากฏ     คนรากฐานบุญระดับล่าง   ถือการเกียจคร้านที่จะพูดจา ไม่สนใจไยดีที่จะนำพาใคร ๆ มารับวิถีธรรม เป็นการปิดบังธรรมะไว้มิให้ปรากฏ

        10.  ไม่ปฏิบัติธรรมตามควรแก่กำลัง     คนรากฐานบุญระดับสูง  ถือว่าการไม่อาจลบล้างอารมณ์ ความเคยชินบาปเวร ไม่อาจตัดกิเลสอวิชชา  ไม่อาจตัดทิฐิยึดหมายในอัตตา ในธรรมา  ไม่อาจประจักษ์ในรูปแท้ (ไร้รูป)  ได้เป็นไม่ปฏิบัติธรรมตามควรแก่กำลัง     คนรากฐานระดับกลาง  ถือว่าปลงผูกพันรักใคร่ไม่ตก วางลาภสักการะไม่ลง เข้าไม่ถึงสัจธรรมที่ว่า "ฤกษ์งามยามดี นาทีเวลาน่าพิสมัย ไหลไปตามน้ำ" (ไม่เหลือแก่นสาร) ขอเก็บตัวอยู่สบายไปวัน ๆ เกียจคร้านแหนงหน่ายพลาดโอกาสไป (ไม่ได้สร้างชีวิตอมตะของตน) เป็นการไม่ปฏิบัติธรรมตามควรแก่กำลัง     คนรากฐานบุญระดับล่าง  ถือว่าการอ้างเหตุผลต่าง ๆ เช่น ไม่ว่าง ทำยาก ไม่อาจฟังธรรม ไม่อาจปฏิบัติบำเพ็ญ ไม่อาจเข้าใกล้อาณาจักรธรรม  ไม่ใกล้ชิดญาติธรรม ห่างการถวายธูปกราบพระเป็นการไม่ปฏิบัติธรรมตามควรแก่กำลัง

        มหาปณิธานสิบดังกล่าว เป็นปณิธานที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจะต้องศรัทธาถวายในขณะขอรับวิถีธรรม พึงรู้ว่าการถวายปณิธานจะต้องเจริญปณิธาน บรรลุปณิธาน จึงจะพาให้เจ้าบำเพ็ญจริงได้  บรรลุปณิธานจึงจะบรรลุมรรคผลจริง  แต่รากฐานบุญของศิษย์ธรรมกาลยุคขาวแตกต่างกันไป ฉะนั้น การกระทำ การประจักษ์ธรรมก็ต่างกันไป  ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในโลก ลองศึกษา ลองย้อนมองส่องตน จากหนังสือเล่มนี้ให้ดีบ้างปะไร เพื่อเบิกนัยน์ตาใจต่อมหาปณิธาน เพื่อเจริญความหมายจริงของมหาปณิธาน

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณบรรพจารย์ท่านโปรดเปิดทางสว่างใหญ่ให้แก่ธรรมนาวายุคขาว  หวังว่าศิษย์เมธีจะรู้ตื่นได้ จึงจะไม่ผิดต่อพระทัยฟ้าที่โปรดเตรียมการทุกอย่างให้  ในที่นี้อยากจะเน้นว่า  "เทียนมิ่งบนคุณธรรมเหนือกว่าเทียนมิ่งบนกระบะทราย   เทียนมิ่งของการบำเพ็ญจริง เหนือกว่าเทียนมิ่งที่มีรูปแบบพิธีการเทียนมิ่งที่ปราศจากรูปลักษณ์ เหนือกว่าเทียนมิ่งที่มีรูปลักษณ์   เทียนมิ่งมีจริงมีเท็จ หลักสัจธรรมจริง เทียนมิ่งจึงจะจริง  นั่นก็คือ เทียนมิ่งจะก่อเกิดอยู่บนหลักสัจธรรมทุกเมื่อกาล ผู้บำเพ็ญจึงควรพิจารณาให้ละเอียด

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยน คืนนี้เวลาค่ำแล้ว รีบกราบลาพระบรรพจารย์ เราเตรียมตัวกลับตำหนักกัน

พระบรรพจารย์  :  ระฆังกังวาล น้อมส่งพระบรรพพุทธา (เทียนหยานกู่ฝอ)

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยน รีบขึ้นกระเรียนเซียน ขึ้นได้   เทียนหยานกู่ฝอ ตำหนักพระถึงแล้ว ญาณของอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม  ธรรมราชพิทักษ์ธรรม ตามเรากลับคืนเบื้องบนไป 

                                           - จบบทที่  8 -

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2) 

                                                   บทที่ 9 

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง" 

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

สงเคราะห์อุ้มชู             กู้คนเซซัง             ไม่หวังสนอง             วุ่นวายใจตรง             ผู้คนล้อเล่น             เห็นเป็นคนบ้า
อารมณ์เยือกเย็น          ตนเองรู้ได้              มิใช่ใดหนา              ชอบไร้เดียงสา          จิตข้าเป็นใหญ่          ในตนของตน
จี้คุ่นฝูเอว๋ยปู้จื๋อกง        เตี่ยนเซี่ยงเจิ้งซินเหยินเซี่ยวขวง        เหอชี่จื้อขือเสยหมิงเสี่ยว        ชั่งไอ้เทียนเจินอู๋จู่อง
                                                                                                                                                     เราคือ
        สงฆ์วิปลาส  บรรพจารย์แห่งหนันผิง    รับสนอง
พระแม่บัญชา สู่แดนบูรพา   น้อมสู่พุทธตำหนัก   กราบคารวะ พระแม่ฯ เมตตาแล้ว

ยกพู่กัน   จำนรรจา             ถึงเวลามะเมียแม
ธรรมกาลเลือกปราชญ์แท้      ช่วยงานแพร่  พร้อมแบกธรรม
จื๋อปี่ถู่เอี๋ยน        สือเฝิงอู่เอว้ย        เทียนผันเสวี่ยนเสียน        จู้เต้าถงเจียน

กระบะทราย             ได้เขียนข่าวเพื่อโน้มน้าว             ปัจจัยนำ
ผู้รู้ได้                     เข้าใจตาม     ผู้หลงลาม             ย่ำโจมตี   
ชาผันเฟยหลวน        ฟังเปี้ยนอิ้งเอวี๋ยน        ซีเจ่อชันหลี่        หมีเจ่อกงผิง

คนสว่าง  ชั่งใจดู             คนไม่รู้  มีทิฐิ             พุทธาลัย  บันทึกนี่             หลักธรรมมี  เช่นเดียวกัน
อิงอักษร  คอนแบกธรรม    สัจจะล้ำ  นำแพร่ขาน    ปลุกชาวโลก  ตื่นทั่วกัน       เพื่อเทิดขวัญ  ทุกพระองค์
หมิงเจ่อจื้อกวน        ฮว่อเจ่อจื๋อเซี่ยง        เทียนฝอเอวี้ยนจี้        ฉีหลี่ฉวนเชวียน        เจวี๋ยซื่อโหย่วหมิน        อี่เอว้ยจูเทียน
                                                                                                                                                           ฮา  ฮา  พัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

ถึงยุคสาม        ธรรมกาลขาว        เข้าเวลา        ฟ้ากำหนด        พงศาธรรม        นำปรกโปรด        นิโรธทุกข์        ฉุดโง่หลง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์     ทุกทิศา              ช่วยธรรมา       พากันลง         เซียนพุทธา       ต่างมุ่งตรง          สามโลกลง       แปรเภทภัย
ไม่แย่งชิง        ลู่ทางใคร            มุ่งถึงไซร์        คือหลักธรรม    ไม่ถกเถียง        เกี่ยงถ้อยคำ        รู้ความนัย         เข้าใจตรง
ศักดิ์สิทธิ์ผี       อภิญญา             รู้ดินฟ้า           พระประสงค์     แต่จนใจ           ไร้กายองค์          อยากสรรค์ส่ง    กุศลบุญ
เที่ยวเสาะหา    บุญสัมพันธ์          มีต่อกัน          ให้นำหนุน       ผู้บำเพ็ญ           ที่การุณย์           เมตตาจูง          ให้รับธรรม
แม้มากที่         มีสัมพันธ์            บุญต่อกัน        อันดีงาม         แต่หากเขา         ไม่เพียรธรรม      ก็ยากหวัง          ดังใจปอง
ซันฉีไป๋หยางอิ้งเทียนสือ        เจินจงผู่เจี้ยวจิ้วหมีซือ        อู่ฟังเสินเซิ่งเจียจู้เต้า        ซันเจี้ยเซียนฝอฮว่าเจี๋ยฉี
ปู้เจิงเหมินฮู่เอว๋ยจุนหลี่          ฝูลุ่นซื่อเฟยอู้เจินจี           กุ่ยเสินลิ่วทงอู๋ปู้เสี่ยว               จื่อเอว้ยอู๋เซินเจี้ยนกงจี
เต้าซู่เจ่าสวินโหย่วเอวี๋ยนเจ๋อ   อวั้งอวี้โหย่วซิวเต้าฉือเปย   โหย่วเอวี๋ยนซุยหยานซื่อปู้เส่า     เข่อซื่ออู๋ซิวเอี๋ยหนันฉี

ชาวโลกล้วน        รู้ทุกอย่าง        แต่ใจวาง        ไม่ตื่นตน        ครึ่งหลับเผลอ        ครึ่งโง่หลง        ทำอย่างคน        จนปัญญา
ในบัดนี้             เป็นฤกษ์ดี        มีจริงแท้          แน่นอนหนา    ธรรมกาล             ยุคขาวฟ้า         เปิดนาคา           งานประชุม
ซื่อเหยินอู่ทงปู้จือจี๋        ปั้นหมีปั้นสิ่งเสวียอวี๋ซือ        เจินเจิ้งเจียฉีเหลียงเฉินยื่อ        เทียนไคหลงฮว๋าไป่หยางฉี

หมื่นแสนปี        วิถีธรรม        โปรดปรกนำ        ออกเผยแผ่        ผู้หลงลาภ        สักการแล        ไม่แยแส        เห็นแต่ได้
พงศาปราชญ์      ถูกจัดนำ      มนุษยธรรม         ค้ำชูใจ              แปรเลวทราม    ปรามชั่วร้าย      แปรเสียหาย    ให้กลายดี
อวั้นเหนียนเป่าเต้ากงไคชั่ง        หมีเจ่อเอวี๋ยนเอวี๋ยนหมิงลี่ซือ        หยูจงตังอวิ้นจ้งเหยินเต้า        เหนิงป่าเอ้อกว่อฮว่าซั่นสือ

สุดท้ายธรรม        นำผู้คน        ที่เวียนวน        มาช้านาน         คนขาดบุญ        เป็นรากฐาน        ทุกยุคกาล        มีบาปบุญ
บุญมีมาก            บาปน้อยกว่า  ยังพอว่า         โชคมาหนุน      จึงได้พบ           วาระบุญ            ยุคเก็บงาน        อันกลมกลืน
ม่อฝ่าเหยินเกินหลุนหุยลี่        ไต้ไต้ซั่นเอ้อเจียโหย่วเอว๋ย        ซั่นตัวเอ้อเส่าไหน่โหย่วซิ่ง        ฟังอวี้เซี่ยนจินโชวเอวี๋ยนฉี

ต้องเกิดกาย        ในแดนกลาง        เป็นกายร่าง        อย่างคนครบ        ธรรมจริงแท้        ลงปรกโปรด        พบวิสุทธิ์        พระอาจารย์
บาปล้นหลาย       บุญไม่มาก          ก็จะยาก            ได้พบพาน          หมื่นปีสั่ง           สมเวรนั้น            ยากลบล้าง      หนี้ตามทวง
เหยินเซินเอี่ยเต๋อจงฮว๋าถู่        เจินเต้าผู่เจี้ยงสุยหมิงซือ        เอ้อตัวซั่นเส่าเจ๋อปู๋ซิ่ง        อวั้นไจ่เอวี๋ยนเอี้ยหนันเซียวฉู

เหตุผลกรรม        ทำไว้มาก        ผูกอาฆาต        เป็นเกลียวสาย        ตอบสนอง        ทุกชาติไป        เกิดเพื่อตาย        เกิดว่ายวน
หวังสำนึก           ตรึกจิตคิด       เว้นอมิตร         ติดพันตน               สร้างความดี      มีกุศล             เวรท่วมท้น          ละลายไป
อินกว่อจี้ตัวเอวี้ยนเฮิ่นเจี๋ย        สื่อสื่อเซิงเซิงปี้เป้าจือ        อวั้งอู้เจี่ยเจี๋ยอี๋เนี่ยนไจ้        จีเต๋อเจี้ยนกงเซียวเอี้ยจี

ในชาตินี้        หนี้แต่ไร        จ่ายหมดไป        ไม่ติดตัว        สิ้นโยงเกี่ยว        สิ้นพันพัว        จิตพ้นตัว        กลับเบื้องบน
แม้ใจยัง        หวังยึดหมาย    รักชังใคร่           หนีไม่พ้น      เข้าวัฏฏะ           ต้องเวียนวน      กงเกวียนกรรม  ย่ำรอยเดิม
อี้เซินไจ้อู้ฉื่อซื่อเหลี่ยว        อู๋เซียนอู๋กว้าฟู่เอี๋ยวฉือ        ยั่วไหจื๋อจั๋วเอินเอวี้ยนจง        อย่งจุ้ยหลุนหุยปู้เหนิงอี๋

แม้วิถี        ธรรมยิ่งใหญ่        กระจายไป        ในโลกหล้า        เสียดายคน        ด้อยบุญญา        ไม่อาจพา        ธรรมเทิดทูน
มุ่งเพียรธรรม   ดำเนินแท้        จิตแน่วแน่         ธรรมร่วมหนุน     หนึ่งคนพ้น        ตนยังจูง            ขึ้นที่สูง           บรรพบุรุษตน
ซุยซื่อต้าเต้าปู้หวนอวี่        เข่อสีอู๋เอวี้ยนอี้หนันจี         เจินซิวเจินสิงเหอเต้าจื้อ        อี้เหยินเชาเซิงจิ่วจู่อี
                                                                                                                                  ฮา  ฮา  พัก                   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

        คนในโลกนี้ล้วนกระหวยที่จะมีชีวิตอย่างผาสุก ผู้บำเพ็ญก็หวังว่าจะก้าวขึ้นสู่หนทางสว่างโอฬารอันสุขี  วาสนาผาสุกที่แท้จริง มิใช่อยู่กับการได้ครอบครองสิ่งของ วัตถุนามรูป แต่อยู่ที่จิตสัมผัส (รู้ตื่น) อันไร้รูป ซึ่งแม้สัมผัสได้ชั่วขณะยังถือเป็นอมตะนิรันดร น่าเสียดายแท้ ชาวโลกล้วนไม่สร้างเนื้อนาบุญ แต่กลับวังวอนสาสนาผาสุก ผู้บำเพ็ญมุ่งหมายให้ได้พบวิถีธรรม แต่กลับหาเรื่องวิตกทุกข์ใจให้แก่ตนเอง ดังนั้น โลกมนุษย์จึงกลายเป็นทะเลทุกข์ ดินแดนแห่งความผาสุกใครเล่าจะได้รับ  เซียนพุทธะทรงพระเมตตา เพื่อฉุดชาวโลกจากกองทุกข์ให้ได้สุข ให้ได้วาสนา ให้ห่างเคราะห์ภัย ไม่มีที่จะไม่สร้างสรรค์วิสุทธิแดนดินในโลกมนุษย์ เป็นปณิธานของพระองค์ที่จะทำให้ชาวโลกมีชีวิตวาสนา  ในระยะนี้ ชาวโลกเจริญธรรมกันมาก ศึกษาพุทธธรรมบำเพ็ญกันมาก กลายเป็นสมันนิยม เป็นบรรยากาศแผ่กว้าง  แต่เมื่อ "ธรรมะรุ่ง โทษผิดปรุง"   "คนมากเหมือนหลากน้ำ"  จึงมีลัทธินิกายไม่ลงรอยกัน ถ่ายทอดสัจธรรมกันผิด ๆ ทำให้ผู้บำเพ็ญหลงติดอยู่ในม่านหมอก มีผู้หลับหูหลับตาฝึกฝนจนหลงทางไป มีผู้หันหลังให้ทางธรรมอันเที่ยงตรงจนเกิดความเสียหาย  บ้างครอบครัวแตกแยก มนุษยธรรมบกพร่องบ้างยโสยกตนข่มท่าน บ้างก่อกำแพงซ่อนบ้านไม่สื่อธรรมถึงกัน ไม่สำนึกรู้จริงต่อสัจธรรม เที่ยวใฝ่หารูปลักษณ์  บ้างยกตนเป็นอาจารย์ยิ่งใหญ่ ความคิดผิดเพี้ยนเอนเอียงมากมายยกตัวอย่างให้เห็นไม่หมด มีผลให้ธรรมะ วิถีแห่งจิตของมหายานดั่งสายป่านเจียนจะขาด วิถีอนุตตรธรรมอันวิเศษแยบยลถูกคนวิจารณ์ เป็นบาปกั้นขวางทางธรรม  หนังสือ "ท่องพุทธาลัย" สนองรับกำหนดกาลฟ้าจารึกประพันธ์ไว้ แม้ภาษาอักษรจะตื้นง่าย ภายในแฝงสัจธรรม เป็นรัตนะคัมภีร์ที่กล่อมเกลาชาวโลก ให้ผู้บำเพ็ญสำนึกรู้ธรรมได้โดยแท้  หนังสือเล่มนี้สร้างขึ้นตามพระโองการฟ้า ให้แบ่งงานกันร่วมกันทำ โดยเทวโลก มนุษย์โลก  ยมโลก  หน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ของพุทธาลัย  เก้าเก้าด่านจื่อหยาง เทพ - คน ต่างเหนื่อยากกันถึงที่สุด  ข้อความทั้งเล่มแพร่งพรายความนัยแยบยลของการปรกโปรด เก็บงานสมบูรณ์ผลของสรรพสิ่งถึงที่สุด แรกอ่านดูธรรมดา พิจารณานานไปกลายเป็นสิ่งวิเศษลึกล้ำ แปรไปหลากหลาย สะเทือนฟ้า สะเทือนดิน สะเทือนทั้งผีสางเทวดา  หนังสือนี้อรรถาธิบายให้เห็น "จิตญาณ"  กับ  "อนุตตรธรรม"  ในคัมภีร์ทุกศาสนา ค้นพบปริศนาธรรมคำแฝงของอริยะ ที่ผ่านมาที่ยังมิได้ขานไข เรียกพุทธะคนหลงให้ตื่นใจ สำนึกรู้ฉับพลันว่า "วันนี้มิใช่เช่นวันวาน  จั๋วเฟยจินซื่อ"  ยุคนี้ เป็นยุค "ปฏิรูปธรรมจักรวาลใหม่  ฉงเจิ่งเต้าผัน"  "ธำรงพงศาธรรมสายตรงไว้มิให้ตกเอว๋ยชีเจิ้งจงอวี๋ปู๋จุ้ย"  หนังสือนี้มีข้อธรรมชี้นำตรงใจให้เข้าถึงความประณีต มีข้อความพุ่งตามเข้าปราบหมู่มาร  มีข้อความกำราบ  โน้มนำให้ดำรงสัทธรรมด้วยจิตห่วงใยหลั่งไหลพรั่งพรูจนหมดสิ้น  หวังว่าผู้ศึกษาธรรมบำเพ็ญทั้งหลายในโลก จะพิจารณาศึกษาอย่างตั้งใจให้ละเอียด เอาวิถีธรรมทางตรงเป็นสรณะ บำเพ็ญตามหลักการในหนังสือท่องพุทธาลัยนี้ มีบันไดให้ไต่สู่ฟ้า บรรลุธรรมย่อมหวังได้แน่นอน
                                                                                                            ฮา  ฮา  พัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยน ชำระใจ ได้เวลาญาณท่องไป ขุนพลพิทักษ์ธรรมช่วยคุ้มครองตำหนักธรรมเข้มงวด เราจะออกเดินทาง

อู้เอวี๋ยน  :  น้อมกราบราตรีสวัสดิ์พระอาจารย์ คืนนี้เหตุใดไม่เห็นกระเรียนเซียนมาขอรับ

พระอาจารย์  :  เรากำลังจะไปเยือนตำหนักปี้หยางของด่านจื่อหยางกวน กระเรียนเซียนมีภาระอื่น คืนนี้ช่วยแรงท่องเที่ยวเราไม่ได้ รีบขึ้นฐานบัว เราจะออกเดินทางแล้ว.....(ฐานบัวทะยานฟ้าไปทางทิศตะวันตก แฝงอยู่ท่านกลางเมฆหมอกด้วยความเร็วสูง บัดดลเท่านั้นก็ผ่านทางพันลี้)  (นั่งอยู่บนฐานบัว มองลงไปยังพื้นโลก เห็นเขาเขียว น้ำสีคราม  หมอกคลุมป่าทึบ  ผืนน้ำจรดขอบฟ้าไหลเอื่อยซอกซอนผ่านเทือกเขาฮว๋าซวี  ทิวทัศน์ป่าเขาลำน้ำงดงามเป็นเยี่ยม จนยากจะหาใดเทียบงามแท้  ดั่งหุบเขาดอกท้อในเมืองลับแลนอกโลกโลกีย์ พระอาจารย์อดมิได้ จึงพรรณาออกมาเป็นเพลงว่า

           เพลงหนอ เพลงหนอ  เพลง เพลง เพลง  เรื่องฟ้าเรื่องคน  มากเรื่องอลเวง 
        มิใช่พุทธะเราจะบ่น  เพราะคนสร้างเวร  คลุมตาข่ายเองทำ ให้เบื้องบนต้องส่งโรคาลง 
        ทำเองรับเองกรำทุกข์ภัย  เซียนพุทธมิอดใจ ประพันธ์หนังสือแปรโลก หวังให้โจรร้ายเป็นใจดี 
        เทพคนร่วมงานพู่กันคม โอวาทชาวโลกบุญร่วมสม หลงทางชี้ชัดกลับทางตรง จากนี้หันห่างทางทุกข์ตรม บำเพ็ญญาณชีพสมบูรณ์กลม ฐานบัวสุขาวดีมีมากมายได้นั่งกัน
        พระอาจารย์ร้องจบ พอดีล่วงข้ามจื่อหยางกวน เลยข้าม ตำหนักเสินหยาง  ชิงหยาง  ก้มลงมองทางตะวันตกเฉียงใต้ ท่ามกลางความเวิ้งว้าง มีปราสาทตระหง่านอยู่ในเมืองหมอก  หลังคาปราสาทมุงด้วยแก้วผลึก แสงสะท้อนส่องนัยน์ตา หอสูงข้างตำหนักใหญ่ มีเรือนสูงสีขาวเรียงรายหลายสิบหลัง ผู้คนเดินเข้าออกขวักไขว่ อู้เอวี๋ยนไม่เข้าใจจึงกราบเรียนถามพระอาจารย์ .....

พระอาจารย์  :  สถานที่นี้อยู่ในความปกครองของตำหนักปี้หยาง เป็นสถานสอบหลักฐานคนเดิม เป็นที่ซึ่งเราได้รับพระบัญชาให้มาเยือน..... (กล่าวจบ พระอาจารย์ค่อย ๆ ลดฐานบัวลง ทันใดเสียงกลองระฆังดังขึ้นพร้อมกัน ภายในตำหนักเบื้องหน้ามีเทวมาตย์เดินออกมาเรียงแถวต้อนรับ) 

เทวมาตย์  :  บรรพพุทธาโปรดมาเยือน ผิดมารยาทมิได้ต้อนรับแต่ไกล ข้าฯ ผู้น้อยรับบัญชาจากพระบรรพจารย์ ให้ออกมาเชื้อเชิญ

พระอาจารย์  :  ทุกท่านช่างเกรงใจ คืนนี้ เราอาจารย์ศิษย์รับพระโองการฟ้ามารบกวน ยังจะต้องเหนื่อยยากแก่ท่านช่วยชี้แนะ อู้เอวี๋ยน รีบกราบคารวะเทวมาตย์ทุกท่าน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

อู้เอวี๋ยน  :   ผู้น้อยอู้เอวี๋ยนกราบคารวะเทวมาตย์ทุกท่าน  (จากนั้น  ก็พร้อมกันดำเนินไปทางตำหนักปี้หยาง เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าพระตำหนักอันงามสง่าน่าเกรงขามเหมือนพระอารามใหญ่ในโลก)  เหนือประตูมีป้ายทองจารึกอักษรคำว่า "ตำหนักปี้หยาง  ปี้หยางเตี้ยน"  ซุ้มประตูตำหนักสูงตระหง่าน มีเสาหินใหญ่สองต้นตั้งทะมึนอยู่สองข้าง มีกลอนคู่จารึกไว้ว่า

 พลังเที่ยงธรรม "ด่านปี้หยาง"         ยืนยงเป็นกลาง สมานประจักษ์จริง        อ่อนแอกระด้างแกร่งฉกาจ        มุทะลุร้อนรนนักถูกดัด ขัดฝนใหม่
ปี้หยางตันชิงเจิ้งชี่ฉังฉุนจื่อไจ้จงเหอเจิ้ง        กังปี้อิวโหยวจินเจ้าเพียนจี๋เจียหมอฟู่ซิ่งชู

        หน้าตำหนักสวยงามเย็นตาน่าอภิรมย์  กำแพงหินสองด้านมีภาพระบายสีสดใส มีโคลงกลอนเติมแต้มประดับไว้ น่าอ่านไปเสียหมด  พลันเห็นเทวมาตย์ท่านหนึ่ง สวมเพ้ายาวไท่เก๊กเดินออกจากตำหนัก ยิ้มแย้มใจดี เราต่างคารวะต่อกัน

เทวมาตย์  :  พระบรรพจารย์อยู่สถานในขอเชื้อเชิญ   ขอต้อนรับ บรรพพุทธากับอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญ พักผ่อนยังสถานในสักครู่..... ดังนั้นแล้ว เทวมาตย์นำหน้า อู้เอวี๋ยวตามหลังพระอาจารย์เข้าสู่ตำหนัก ห้องโถงของตำหนักกว้างขวางงามเด่นโอ่อ่า สวยสง่าเลิศหรู  เมื่อเทวมาตย์ผู้ปฏิบัติงานเห็นพระอาจารย์ดำเนินเข้ามาต่างก็รีบยืนขึ้นคารวะ  ป้ายแผ่นใหญ่แสดงศักยภาพของสถานที่เป็นสีทองแขวนอยู่บนคาน แสงส่องรอบด้าน คำว่า  "พลังสว่างผ่านสายรุ้ง ชี่ก้วนฉังหง"   ผนังตำหนักด้านซ้ายขวายังมีป้ายโคลงกลอนแขวนอยู่หลายแผ่น อู้เอวี๋ยนไม่มีเวลาอ่าน ติดตามพระอาจารย์เดินผ่านประตูกลมชั้นที่สามสถานใน เมื่อใกล้เข้าไปก็เห็นพระบรรพจารย์ออกมาต้อนรับ 

พระอาจารย์  :  ไม่ได้พบพระบรรพจารย์นานแล้ว คืนนี้รับพระโองการให้มาขอคำแนะนำที่ตำหนักของพระองค์ หวังจะได้รับความสะดวกช่วยเหลือ

พระบรรพจารย์  :  บรรพพุทธา (จี้กง) ท่านเกรงใจไปแล้ว เชิญขึ้นประทับนั่งด้วยกัน (บัญชาให้ฝ่ายพิธีการจัดผลไม้ทิพย์และอื่น ๆ มาปฏิการะ) 

พระอาจารย์  :  ไมตรีของพระบรรพจารย์ขอขอบพระคุณยิ่ง อู้เอวี๋ยน รีบมากราบคารวะพระบรรพจารย์

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อยเบื้องล่าง ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาว กราบคารวะพระบรรพจารย์ ทรงอริยะสำราญ

พระบรรพจารย์  :  ฮา  ฮา  อู้เอวี๋ยน มิต้องมากจริยา  เจ้าจงนั่งด้านข้างนั่น

พระอาจารย์  :  คืนนี้ ข้าพเจ้ากับอู้เอวี๋ยน มาท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนตำหนักแห่งพระองค์  หวังวอนพระบรรพจารย์ โปรดประทานพระโอวาทอธิบายสภาพการทำงานในตำหนักนี้  เพื่อเป็นข้อมูลบันทึกบททองสงเคราะห์ชาวโลก

Tags: