collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 30992 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

พระอาจารย์  :  "ธรรมะไม่เอ่ยขาน ใช้วาจาให้ธรรมะปรากฏ พุทธะปราศจากนาม  ใช้ธรรมะปฏิบัติให้พุทธะปรากฏ  การเกิดดับของหมื่นธรรมขันธ์ล้วนเกิดแต่การนำของเมตตากรุณาคุณอันชอบด้วยอุบายทั้งสิ้น หลักธรรมของไตรรัตน์ในธรรมกาลยุคขาวก็เช่นกัน ยังอยู่แต่ว่าจิตใจของสาธุชนจะเข้าถึงได้อย่างไร ตามบุญสัมพันธ์อันเหมาะสมเท่านั้น"

มหาราช  :  ฐานบุญของเวไนยฯยุคสุดท้ายนี้ เนื่องด้วยผลกรรมในอดีตติดพัน จึงมีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงลึกซึ้งต่อไตรรัตน์วิถีแห่งจิตของยานระดับสูง บัดนี้ มหาราชจะอธิบายความแยบยลของไตรรัตน์ที่บำเพ็ญร่วมกันในยานสามระดับให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
       
        @ ญาณทวาร  เสวียนกวน (การโน้มนำให้เห็นจริงในเอกะสัจทัศน์ อี้เจินกวนเสี่ยงอิ๋นเต่าฝ่า)  ผู้บำเพ็ญปลงเห็นธาตุทั้งสี่ร่วมกายเป็นสิ่งสมมุติ มีแต่หนึ่งจุดญาณทวารเท่านั้นที่เป็นจริง ณ จุดนี้เรียกว่า "ประตูทางตรง"  นัยน์ตา หู  จมูก  ลิ้น  ร่างกายล้วนเป็นทางเกิดดับ มีแต่ญาณทวารนี้ ประตูของหนึ่งจุดญาณ ณ  จุดนี้ที่ไม่เกิดไม่ดับ  คนหมดอายุขัยในโลกแล้ว หากจิตญาณไม่ออกจากประตูทางตรงก็ยากจะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ทั้งตัวตนมีเพียงจิตญาณที่เป็นจริงทุกอย่างนอกกายไม่ใช่แก่นสาร เหตุนี้จึงควรพิจารณาระลึกถึง "หนึ่งจริง" เสมอ เพื่อมิให้หกโจรภัยพาไปสู่ประตูข้างทางแปรปรวนไปตามสภาพ  การกำหนดจิต ณ ญาณทวารจะแยบยลเมื่อพ้นการระลึกมีญาณทวาร ยิ่งนานวันยิ่งปราณีตสุขุม จนปราศจากการรู้หมายในความคิด ทุกอย่างดำเนินได้ดั่งใจโดยไม่พลาดผิด สมานบุญสัมพันธ์ได้เป็นปกติ อายตนะหกสงบเสมอ รับสภาพเสมอ  รับสภาพเสมอ สงบเสมอ อีกทั้งล่วงพ้นการเวียนว่ายในชีววิถีหก ทุกอย่างดำเนินไปในกำมือของตนเอง  ผู้กำหนดจิต ณ จุดญาณทวารเริ่มแรกให้เก็บความรู้สึกนึกคิดทุกอย่าง  ไว้ในความสำนึกคิดเดียว  เก็บความคิดหนึ่งเดียวแล้วคุมจิต  สุดท้ายจะบังเกิดจิตอันมิได้ยึดหมาย เช่นนี้  ก็จะสำเร็จการ เห็นจริงในเอกสัจทัศน์ (อี้เจินกวน) ได้ หากยึดหมายอยู่บนจุดนั้นไม่ปล่อยวาง หรืออาศัยการปฏิบัตินี้ไปดูแคลนธรรมปฏิบัติวิถีจิตที่ผู้อื่นถ่ายทอดชี้แนะกันเช่นนี้  ก็จะห่างญาณทวารประตูแท้แห่งตนไป ระวังให้จงดี  ความหมายแท้จริงของการกำหนดจิต ณ จุดญาณทวาร ก็คือ "ให้คุมจิต" 

        @  สัจคาถา  เจินจิง  (คิดอย่างเมตตากรุณามโนทัศน์ ฉือเปยกวนเสียงฝ่า)  มหาคุณธรรมล้ำเลิศแห่งพระมหาเมตเตยยะผุ้เก็บงานมบูรณ์ผลในยุคปลายจะได้รู้จากพระนามของพระองค์ พระนามของพระองค์เป็นภาษาสันสกฤต แปลเป็นจีนว่า "เมตตา ฉือ"  พระมหาปณิธานเบื้องบนของพระเมตตเตยยะเกิดจากจิตเมตตา ในทัศนของคนทั่วไปความเมตตากรุณาดูจะเหมือนกัน แท้จริงแล้ว  กรุณาคือ จิตที่เวทนาสงสาร ใคร่จะฉุดช่วยให้เขาพ้นทุกข์   เมตตาคือ ให้ความสุข เวไนย์ฯ ไม่มีความสุขสบาย จะต้องหาทางให้ แน่นอน จิตพุทธะนั้น บริบูรณ์พร้อมด้วยเมตตากรุณา การบำเพ็ญควรสร้างกุศลกรรมคุณความดีให้มาก หมั่นปลุกฝังรากฐานทานทั้งสามไว้  คุณธรรมล้ำเลิศของพระเมตเตยยะ เน้นหนักที่บำเพ็ญเมตตาจิต ในพระสูตรจารึกว่า พระมหาปณิธานเบื้องต้นของพระองค์คือ "ไม่ทำร้ายให้โทษต่อชีวิต ไม่เบียดเบียนเลือดเนื้อเขา" จากนั้นเรื่อยมา จึงใช้เมตเตยยะเป็นสกุล เราต่างรู้ดีว่า พระศากยพุทธเจ้าเจริญมหาปณิธานจะบรรลุพุทธะท่ามกล่างโลกแห่งความเสื่อมห้าประการอันเลวร้าย อู่จั๋วเอ้อซื่อ  เพื่อโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ นั่นหมายถึง น้ำพระทัยเมตตาอันเป็นที่สุด  เมื่อพระเมตเตยยะจะทรงอุบัติมาบำเพ็ญโพธิสัตว์บารมี ยุคกาลของโลกขณะนั้นคือ วิสุทธิแดนดิน (โลกมหาเอกภาพ) พระองค์บังเกิดมหาปณิธานจะสำเร็จพุทธบารมีบนวิสุทธิแดนดิน ให้ทุกคนสุขสบาย ก็แสดงถึงมหาเมตตาอันยิ่งใหญ่ไพศาล  ยุคนี้ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวสวดท่องสัจจคาถาเมตเตยยะกัน ก็จะบังเกิดจิตปณิธานเช่นเดียวกับพระเมตเตยยะช่วยเหลือผู้อื่นเต็มกำลังทุกโอกาส เพื่อให้เขาได้รับสุขสบาย  การกินเจไม่เบียดเบียนชีวิตเขา จึงเป็นเรื่องที่ธรรมปฏิบัติในธรรมกาลยุคขาวให้ความสำคัญ เพราะนั่นคือ "วิถีเจริญเมตตาจิต" ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวเคารพเทิดทูนพระเมตเตยยะสรรเสริญพระนาม เอาเมตตาเป็นธรรมปฏิบัติ ซึ่งจะสะท้อนรับสนองตอบกับมหาเมตตาจิตของพระเมตเตยยะ ดังนั้นแล้วจึงไม่เป็นการยากเลยที่จะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เจ็ด (พุทธาลัย) เราผู้บำเพ็ญจึงต้องประคองอุ้มชูสัจคาถา พิจารณาไว้เสมอ ระลึกถึงพระพักตร์เมตตาของพระองค์ที่กอบกู้ชาวโลกปรกโปรดด้วยความยินดีทั่วหน้า เราจึงต้องหมั่นแจกจ่ายให้ทานคำนึงถึงเพื่อใคร ๆ ให้มาก ไม่เจาะจงยึดหมายในเจตนา มีแต่จิตเมตตาให้ความอบอุ่นต่อผู้อื่นโดยไม่ถือบุญถือคุณ  หากทำเช่นนี้ได้ แน่นอนนักกับการผูกมหาบุญสัมพันธ์กับพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งจะได้เฝ้าพระพุทธะ สดับธรรมประจักษ์มรรคผลการเวียนว่ายตายเกิด

       @  ลัญจกร  เหอถง  (คิดอย่างจิตทารกบริสุทธิ์ทัศน์   ซื่อจื่อกวนเสียงฝ่า)  จุดตำแหน่งชวดกับกุน ประกอบกันในลัญจกร แฝงความหมายสัญญลักษณ์อินหยางสมานกัน อีกทั้งประกอบกันเป็นตัวอักษรคำว่า "ทารก  ไห" การอุ้มลัญจกรจึงอุปมาว่าอุ้มทารกน้อย (อุ้มจิตบริสุทธิ์)  จิตใจทารกบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งพุทธจิตเป็นจิตปกติปราศจากการแบ่งแยก ชิงชังรักใคร่ ปราศจากรู้ อยาก เสแสร้ง ทิฐิ มีแต่ความบริสุทธิ์ไร้เรียงสา หิว - กิน  ง่วง - นอน  ไม่จงใจต่อการใด ไม่มีการใดในใจเจาะจง แสดงออกเป็นไปทุกอย่างตามธรรมชาติ ผู้บำเพ็ญทางเป็นไปตามนัยนี้ ประคองจิตไร้เดียงสาได้ทุกขณะเวลาเช่นเดียวกับทารกไร้เดียงสา เป็นไปตามเหตุปัจจัยฟื้นฟูเมตตาจิต แพร่ธรรม  ประกอบกรรมดีทุกอย่าง ละเว้นความชั่วทุกประการดังนี้ มิพึงห่วงว่าจะไม่เกิดมรรคผล
        มหาราชเราหวังให้ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวเข้าใจให้ลึกซึ้งในความหมายแห่งธรรมของคำว่า "ตถาคตเทียนหยาน  เทียนหยานหยูไหล" (พระนามพระธรรมาจารย์ หมายถึงความเป็นธรรมชาติโดยธรรมชาติ)

อู้เอวี๋ยน  :  ถ้าเช่นนั้น คุณวิเศษของไตรรัตน์นับว่าใช้ได้อย่างกว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่น่าเสียดาย ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวน้อยนักที่จะเวียนธรรมจักรอันวิเศษแยบยลนี้ รู้จักยึดถือแต่นามรูปแล้วถือดี หรือดูถูกลัทธินิกายอื่น สร้างกรรม ถูกสอบ นี่คือ... ไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของไตรรัตน์หัวใจพุทธะ ทำให้ผู้อื่นหลงผิด ทำร้ายตนเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

มหาราช  :  ใช่ บัดนี้ศิษ์ธรรมกาลยุคขาวส่วนใหญ่ เป็นผู้มีใจฝึกฝนบำเพ็ญจริง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจเข้าถึงรู้แท้ต่อความ้หนื่อยากที่พระวิสุทธิอาจารย์จัดไตรรัตน์ ถ่ายทอดไตรรัตน์ให้ จึงทำความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นแก่ตนเองและผู้อื่นมากมาย เชื่อว่าผู้บำเพ็ญเหล่านี้ หากทำความเข้าใจหนังสือเล่มนี้ให้ดี คสวามศรัทธามุ่งมั่นต่อธรรมะของพวกเขา จะพวยพุ่งรัศมีหมื่นสายเพื่อธรรมจักรวาลได้

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณมหาราชโปรดไขกุญแจใหญ่ที่ลั่นติดธรรมนาวายุคขาวไว้ ยังหวังว่ามหาราชจะไขความผิดที่่มักเิกดขึ้นของชาวโลกผู้ปฏิบัติบำเพ็ญในไตรรัตน์ เพื่อจะได้เคลื่อนธรรมนาวาให้สะดวก และมั่นคงยิ่งขึ้นอีก ทั้งบรรทุกฉุดช่วยคนเดิมให้พ้นทะเลทุกข์ ขึ้นู่ฝั่งธรรมได้มากยิ่งขึ้น

มหาราช  :  บรรพพุทธาท่านทุ่มเทเหนื่อยใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความศรัทธาจริงจังอย่างยิ่ง ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะพูดมากอีกหน่อย หวังว่าผู้บำเพ็ญ จะรักคุณค่า ไม่ว่าจุกจิก   การบำเพ็ญธรรมด้วยการกำหนดจิตตรงจุดวิเศษทวารเป็นธรรมปฏิบัติที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวใช้กันมากที่สุด ดังนั้น  ในสิบสองชั่วยาม ไม่ว่าจะนั่น นอน เดิน ยืน  จงหยุดความคิดโยงใย ยกใจขึ้นเบา ๆ กำหนดตรงจุดญาณทวาร นานเข้าจิตจะปราณีตละเอียด กำหนดโดมิได้กำหนด เข้าถึงสูญตาภาวะได้แต่หากระหว่างการกำหนดจิต เกิดมีมายาภาพ อย่าได้สำคัญหมายว่าเป็นจริง (คิดว่าเป็นญาณวิเศษอภิญญา) สมมุติว่าเห็นทัศนียภาพบนสรวงสวรรค์ หรือเห็นพระโพธิสัตว์เสด็จไปมา หรือเห็นกายธรรมของตนเข้าออก เหล่านี้มิต้องใส่ใจ  หากกระหยิ่มยินดี อวดโอ้ มารก็จะเข้าแทรกแซง ทำให้ฟั่นเฝือ  การกำหนดจิต ณ จุดญาณทวารเป็นธรมปฏิบัติเพื่อการคุมจิตหยุดคิดฟุ้งซ่าน แต่จะต้องมีผู้รู้จริงหรือพระวิสุทธิอาจารย์ ชี้นำเพื่อป้องกันวิญญาณขันธ์นำพาให้หลงผิดเผลอใจ อย่าคลำทางเอง จะให้โทษมากกว่าให้คุณ  อีกประการหนึ่ง ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวทั่วไปมักใช้สัจคาถาไปในทางเคราะห์ร้าย หลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ฉะนั้น ศิษย์ผู้บำเพ็ญไม่น้อยที่มักจะเข้าใจว่า เมื่อเกิดเหตุร้ายที่ความสามารถของคนไม่อาจแก้ไขได้ จึงกำหนดจิต ณ จุดญาณทวาร แต่ไม่รู้ว่าภัยพิบัตินั้น ไม่เพียงหมายถึงกายเนื้อที่ต้องรับเคราะห์ภัยอันตรายบาดเจ็บเท่านั้น ภัยพิบัติที่แท้จริงคือ การเวียนว่ายเกิดตายมาทุกชาติต่างหาก ยิ่งกว่านั้น การเวียนว่ายเกิดตายก็ด้วยสาเหตุที่จิตฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง เกี่ยวโยงไม่หยุดยั้ง การเวียนว่ายไม่อาจสิ้นสุดได้ จึงควรสยบความฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง ให้จิตสำนึกตื่นขึ้นเสมอ นี่เป็นกลไก การเกิดตายที่แท้จริงของศิษย์ผู้บำเพ็ญ 
        สัจคาถาที่พระวิสุทธิอาจารย์ธรรมกาลยุคขาวถ่ายทอดให้ในบัดนี้นั้น เป็นพระคาถาสว่างเจิดจร้ายิ่งใหญ่ที่สยบมาร  เป็นพระคาถาหมดจดสดใสที่พ้นไปจากเคราะห์ภัยทั้งปวง ผู้บำเพ็ญหากเข้าใจความแยบยลนั้น ได้ในขณะที่ทะเลใจปั่นป่วน  บ้าคลั่ง  ฟุ้งซ่าน  ปรุงแต่งจนไม่อาจกำราบได้นั้น เพียงใช้จิตศรัทธาแท้จริงท่องพระคาถาในใจสองสามจบ อารมณ์ฟุ้งซ่านปรุงแต่งก็อันตรธานไป ดุจดั่งแสงอาทิตย์สาดส่อง เมฆหมอกย่อมจางหายไปฉันนั้น ผู้บำเพ็ญหากหมั่นรักษาพระคาถานี้เสมอ จะไม่เพียงผูกอริยสัมพันธ์ไปสู่ชุมนุมอริยหลงฮว๋ากับพระศรีอารยเมตตรัยได้ นานวันเข้าจนภาวะนั้นประณีตลื่นเรียบ สวดท่องเหมือนมิได้สวดท่อง จิตสงบนิ่ง การเวียนว่าย (ของจิต) ยุติลง จึงจะรอดพ้นเหตุร้ายภัยพิบัติได้จริง  อีกประการหนึ่ง ที่ผู้บำเพ็ญอุ้มลัญจกรกราบพระกันทุกวันนั้น หากจิตบริสุทธิ์ไร้เดียงสา จะห้าร้อยกราบ หนึ่งพัน สองพัน สามพันกราบ... ขณะนั้นจิตสงบนิ่ง ไม่มีความคิดใด ๆ เลย สมาธิอยู่กับการกราบ หากทำความปราณีตได้เสมอไม่ขาด ไม่เพียงขณะถวายธูปเท่านั้น ในชีวิตประจำวัน จิตก็บริสุทธิ์สงบนิ่ง กราบจนมิรู้หมายว่ากำลังกราบ... เมื่อถึงภาวะนี้ได้ ก็จบสิ้นความทุกข์ของการเวียนว่ายเกิดตายได้เอง ที่น่าเสียดายคือ ปัจจุบันศิษย์ธรรมกาลยุคขาว น้อยคนนักจะลึกซึ้งในรัตนะวิถีแห่งจิตนี้  เห็นการถวายธูปกราบพระเป็นเพียงรูปแบบพิธีการ ไม่รู้ว่าขณะนั้นคือ การค้นหาสัทพุทธาในตน  น่าเสียดายแท้ !  สุดท้ายที่ใคร่จะเน้นสักหน่อยคือ ไตรรัตน์สัจธรรม แม้จะโปรดลงตามเกณฑ์กำหนด เป็นรัตนะวิเศษล้ำเลิศแฝงเร้น แต่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจะต้องจำไว้ว่า  วิถีธรรมเสมอภาคกันไม่มีสูงต่ำ  ธรรมะไม่มีสูงต่ำ อยู่ที่สำนึกรู้ช้าเร็วกว่ากัน ซึ่งเป็นไปตามบุญวาระและพื้นที่ของแต่ละคน  ผู้บำเพ็ญบ้างอาศัยชี้นิ้วเห็นจันทร์เพ็ญ บ้างสำนึกรู้ได้ฉับพลัน  บ้างด้วยทัศนะพิจารณา  บ้างด้วยกำหนดจิต ณ ทวารวิเศษ  บ้างอาศัยเมตตาจิต  บ้างด้วยจิตทารกบริสุทธิ์   บ้างกำหนดหมายด้วยพระคาถา   หรืออาศัยการน้อมกราบบูชาพระเป็นเครื่องนำทาง  ขอเพียงปฏิบัติบำเพ็ญตามหลักธรรมไม่หน่ายหนี วิริยะ  ดำเนินเรื่อยไปอย่างมั่นคง ไม่แปรเปลี่ยนตลอดชีวิต ตั้งปณิธาน เจริญปณิธาน  ดำรงจิตเสมอภาค  ฉุดช่วยตนฉุดช่วยท่าน  สุดท้ายล้วนได้กราบพระฯ สดับธรรมได้รับพยากรณ์กำหนดจากพระเมตเตยยะ ณ งานชุมนุมพระอริยะนาคะภัทระหลงฮว๋า ประจักษ์มรรคผลตนได้อย่างแน่นอน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

พระอาจารย์  :  คืนนี้  พระมหาราชได้เหน็ดเหนือยอรรถาธรรมอันสูงส่งเลิศล้ำด้วยหลักธรรมลึกซึ้งแก่ศิษย์ ธรรมกาลยุคขาวของข้าพเจ้า ช่างวิเศษยิ่งนักแล้วหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บำเพ็ญในโลก จะไม่ยึดหมายในความเห็นตน จะไม่ถูกอักษรข้อความ นามรูปสกัดกั้นไว้ ธรรมปฏิบัติทุกประตูสนองรับบุญสัมพันธ์นั้น ๆ จุดหมายปลายทางล้วนเพื่อนำญาณเดิมให้จิตใส ใจสว่าง  พ้นการเวียนเกิดตาย  ฉะนั้น จึงกล่าวว่า หากใครเห็นเราด้วยรูป วอนเราด้วยเสียง ผู้นั้นดำเนินมิจฉาธรรมะ ไม่อาจเห็นตถาคต ศิษย์เมธีทั้งหลายจะไม่รู้ตื่นตามนี้ได้หรือ

อู้เอวี๋ยน  :  วันนี้ศิษย์โชคดีมาก ได้น้อมสดับมหาราชเจ้าโปรดเวียนมหาธรรมจักรไตรรัตน์ธรรมกาลยุคขาว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก ขอน้อมกราบขอบพระคุณ ณ ที่นี้  หวังว่าพี่น้องผู้ร่วมบำเพ็ญในโลกและอาวุโสทั้งหลายจะได้รับรู้ด้วยตนเป็นอย่างดี ธรรมวิถีแห่งจิตของมหาราชเจ้าที่ได้โปรดแสดง คือ "การฉุดช่วยตยฉุดช่วยท่าน" นั่นเอง

พระอาจารย์  :  คืนนี้เวลาดึกแล้ว เราศิษย์อาจารย์พากันกราบลามหาราชเจ้ากันเถอะ

มหาราช  :  ระฆังกังวาน พร้อมกันจัดระเบียบแถว ส่งพระบาท

พระอาจารย์  :  มิกล้ารับ  มิกล้ารับ  อู้เอวี๋ยน ตามอาจารย์ขึ้นอาสน์บัวมา หลับตาลอยขึ้นได้  ถึงตำหนักพระแล้ว จิตญาณของอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

ธรรมกาลฟ้า        ครรลองพา        มหาโลก
ธรรมชาติปรก       มิหกหัน           ทุกกาลเกิด
บรรพธรรม          งานฟื้นฟู           "หยู" ชูเชิด        (หมายเหตุ หยู ศาสนาปราชญ์)
พุทธะเกิด          เพื่อเทิดจัด        ปราชญ์อริยา

เทียนหลี่หลิวสิงเปี้ยนต้าเซียน        หยานก้วนกู่จินอู๋เต่าเตียน
กู่เฟิงฉงเจิ้นหยูตังอวิ้น                  ฝอจู้เฉินซื่อเถียวเซิ่งเสียน
                                                                                                                                         เราคือ
        พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน (ธรรมชาติจากฟ้า)
        พระอาจารย์ของเจ้า        วันนี้สนองรับ
พระแม่องค์ธรรมทรงบัญชา        เหินเมฆล่องลอยมา
                                       น้อมสู่ตำหนักฟ้า กราบ
พระแม่ฯทรงเมตตาแล้ว
        ยกพู่กัน        จำนรรจ์จด        หนังสือบท        กระบะทราย
ด้วยหน้าที่             สัมพันธ์หมาย    เพื่อเวไนย        ได้ชุบชู
เทพฯคนร่วม          ทำงานฟ้า         ผู้ศึกษา            จะต้องรู้
อย่าดื้นติด             ผิดทางลู่          ศักดิ์สิทธิ์รู้         ลิขิตธรรม
มีธรรมเป็น             เช่นพุทธะ        ธรรมเลิกละ        ศักดิ์สิทธิ์หาย
ศึกษาธรรม            บำเพ็ญหลัก      จงรู้รักษ์            จิตกว้างไกล
ท่องสวรรค์            ดุสิตไป            ให้จิตกว้าง         ดั่งว่าไว้
หลักธรรมทัศ -          นาไป            ไม่สอบใจ          ให้ยากเย็น

ถีปี่เอี๋ยนเซวียน                           ซาผันจู้ซู
เปิ่นสู่อิ้งเอวี๋ยน                           เอว้ยจิ้วจ้งเซิง
เสินเหยินเหอปั้น                         ชันเอี๋ยนจือจื่อ
เซี่ยม่อจื๋อเพียน                          ซิ่นจีซิ่นหลี่
หลี่ไจ้ฝอเซียน                           ซือหลี่เสินไหม
เสวียเต้าชิวจื่อ                            จุนหลี่ซินควน
เทียนฝอเอวี้ยนจิ่ง                        อิ๋วจี้อี้หยาน
ปิ่งหลี่เอวี้ยกวน                           จื้ออู๋เข่าหนัน
                                                                                                                                          ไฮ   พัก 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

ปลื้มปิติ             ที่ประพันธ์             งานบททอง
กระบะรอง          ให้โอวาท             ปราชญ์ทั้งหลาย
ผู้บำเพ็ญ            เป็นชนชั้น            ปัญญาไกล
ทิฐิหมาย            รู้วางลง               ปลงเท็จจริง

สี่เอวี้ยจู้ซุจี้จินเอี๋ยน             ซาผันหลิวซวิ่นอิ่นเหลียงเสียน
ซิวเต้าจือเจ่อจื้อฮุ่ยกว่าง        เยิ่นซื่อเจินเจี่ยอู๋จื๋อเพียน

สำแดงฤทธิ์         ศักดิ์สิทธิ์บ้า           ฟ้าเมินถาม
สัจธรรม              ความเรียบง่าย        หมายเหมาะกว่า
คนสื่อสาน           เป็นสะพาน            งานของฟ้า
เซียนพุทธา         หาใช่ไม่               เขากายคน

ไกว้ลี่ล่วนเสินเทียนจื้อฮุ้ย          ผิงอี้เจินหลี่จุ้ยซื่อหยาน
เทียนไฉซุยซื่อเทียนเฉียวตัง      อี้ซื่อฝันเซินเฟยฝอเซียน

อักขระ               กระบะทราย             หมายนำพา
เห็นมิจฉา            สัมมาทัศน์              ทางสัจยิ่ง
โองการฟ้า           ทุกวาจา                 ถ้อยคำจริง
มิให้อิง               สิ่งมิจฉา                 วาจาตน

หลวนจีจือเหวินสู่ฟังเปี้ยน            เจิ้งเสียจื่อผิงเจินหลี่กวน
จวี้จวี้เจินเอี๋ยนเจินเทียนมิ่ง          ยั่วเซ่อซื่อเสินโหย่วเสียเอี๋ยน

ผู้เรียนรู้               ดูจำแนก                แยกเอาไว้
ส่องกลางใจ         ธรรมอยู่ใน              จักษุปัญญา
ให้โดยชอบ          นอบน้อมนำ            ทำงานฟ้า
ไม่ท้วงว่า             จะถูกผิด                ปิดปากปรุง

ชันอู้จือจื่อเฟินฉวี่เส่อ                  เต้าไจ้ฮุ่ยเอี่ยนเจ้าซินเถียน
เทียนเต้าเปี้ยนหลี่เชียนหยั่งเซียน        ปู้เจิงซื่อเฟยม่อโข่วเจียน

กล่อมเกลานำ         ตามบุญมี               มิดึงดัน
เท็จจริงนั่น             ฟ้าท่านใส              รู้ไปสิ้น
ยุคขาวธรรม            นำคนเดิม              เสริมชีวิน
ศิษย์เดินดิน            ทูตสวรรค์              ชั้นเซียนมา

สุยเอวี๋ยนตู้ฮว่าม่อเฮ่าเปี้ยน           ซื่อเจินซื่อเจี่ยเทียนหมิงหยาน
ไป่หยางต้าเต้าจิ้วเอวี๋ยนจื่อ            จูถูเจียซื่อเทียนสื่อเซียน

ถือศีลสัตย์             ปฏิบัติ                  เป็นแบบอย่าง
ตรงแนวทาง           ข้างหน้าเขา           เสาธงแน่     
หมื่นเคี่ยวกรำ         ทดสอบใจ             ไม่ถอยแพ้
มั่นมิแปร               ธรรมะแกร่ง            แรงหยัดยืน

อี่เซินจั้วเจ๋อจุนฝอเจี้ย                 เปียวกันเจิ้งจื๋อลี่เหยินเฉียน
อวั้นปันเข่าหมออู๋ทุ่ยจื้อ               เต้าซินฉือเหิงอี้ลี่เจียน

จำแนกอย่าง           "ทางไกลรู้              กำลังม้า"
"กาลเวลา              ยิ่งยาวไกล              รู้ใจคน"
โลกอริยะ               จะโลกใด               ใจส่งผล
ทุกสิ่งดล               บันดาลพา               มหาโลก

ลู้เหยาหม่าลี่จื้อเฟินเปี้ยน             ซื่อจิ่วหยินซินตังหญุเจี้ยน
หลี่เทียนเชิ่งอวี้อี้ซินเจ้า               ผิงฉังจือซื่อจี๋ต้าเซียน

ธรรมจริงนัก            หลักธรรมตรง              โองการฟ้า
จริงวาจา                ปฏิบัติ                       สัทธะล้วน
บำเพ็ญมรรค           รัตนตรัย                     ไม่เรรวน
ควบม้าด่วน             แทนอาจารย์                งานแพร่ธรรม

เต้าเจินหลี่เจินเทียนมิ่งเจิน            เอี๋ยนเจินสิงเจินต้าเต้าเฉวียน
ซึตี้ซิวฉี่ซันเป่าลู่                        ที่ซือโจว๋หม่าป่าเต้าฉวน
                                                                                                                                       ฮา   ฮา   พัก                             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

จงรู้เกณฑ์กำหนดวาระหนา             ขอเพียงศรัทธาเพียรธรรม (ซีสืออวิ้นซี ซิวเต้าเอว๋ยเฉิง)      จงพ้นจากทุกข์ห้วงเหวโลกีย์กัน       
ผู้ไร้บุญสัมพันธ์จะเข้าใจไหม ?.        ผู้มีบุญสัมพันธ์ย่อมพบการถ่ายทอดวิถีธรรมจริงได้            อย่าสูญค่าเวลาชีวิตกาย พลังญาณสูงส่งให้คงไว้
บำเพ็ญสามสิ่งวิเศษในกายตนให้จงดี   (จิง ชี่ เสิน กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ)                 บริสุทธิ์หมดจดด้วยความมุ่งมั่นงามสง่าน่าคร้าม
ประกาศสัจธรรมโน้มนำชาวโลกแทนฟ้า      อรรถาธิบายความในจากเบื้องบน                         เบิกวิถีธรรมนำคนหลับหลงให้ตื่นใจ
สนองรับเกณฑ์กำหนดวาระหนา               ธรรมพงศสจริงแท้ปรกแผ่โปรดลง   (อิ้งสืออวิ้นซี เจินจงผู่เซี่ย)
แจกแจงวิถีที่ครั้งโบราณมามิให้รั่วไหล       ทวารวิเศษ   รหัสคาถา   ลัญจกร    ฉุดช่วยญาณเดิมทั้งชายหญิง    ยุคสามปลายกัปหนอ ธรรมะกับภัยพิบัติพร้อมกันลงมา     พายุ  วาตะ  อัคคี  มาถึงพร้อมกัน      หากมิใช่เบื้องบนทรงจัดการแล้วจะเป็นใคร       นั่นคือ บาปร้ายที่คนในโลกทำให้เป็นไป             
มิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเหนื่อยยากมากความ              ห่วงใยเวไนยฯต่างได้รับเคราะห์กรรม             บาปหนา โรคหนักมิอาจรักษา โอถวิเศษมิอาจเยียวยา      หลงทางลืมตนเหมือนไม่สนใจใยดี                    ควบม้ามาฉุดก็ไม่สะเทือน                         คนดีก็ดีได้ คนร้ายยังคงร้าย แต่น่าเศร้ามากกว่าน่ายินดี     
ยิ่งถลำยิ่งดิ่งลึก       อนิจจา !  จะให้ถึงก้นเหวหรือไฉน       ที่สุดของคนเอ๋ย... วิญญาณผ่านสถานตรวจสอบตรงทางสามแพร่ง  จำแนกบาปบุญรับผลต่างกัน
ที่ด่านจิ่วหยางกวน แบ่งแยกหยกกับหิน          ณ พุทธาลัย บุญได้เลื่อนขึ้นไป                      บาปต้องตกต่ำคร่ำทุกข์ในนรกภูมิ
ดังนั้น รวมทั้งผู้ทำลายต่อต้านหรือผิดต่อทางธรรม              คุณหรือโทษเล็กน้อยก็ชัดเจน        เห็นสภาพชาวโลกในปัจจุบัน
เซียนพุทธาต่างมิอาจอดใจ  มิอาจปล่อยให้แหลกเหลว       สิ่งศักดิ์สิทธิ์กับคนจึงช่วยกันจารึกเหตุการณ์ท่องพุทธาลัย   
กู่ก้องร้องเรียกให้มาบุญแต่จะมีสักหนึ่งสองในร้อยคนก็ทั้งยากที่จักเห็นทางอริยะสำคัญกว่าทางโลก     ต่างปฏิเสธเบี่ยงบ่าย บรรลุได้นั้นยากนัก 
สิบหล่นเสียเก้าคิดดูเถิด...  เหนื่อยยากเพื่อเวไนยฯ เจ็บป่วยเพื่อเวไนยฯ   แต่เดิมทีเวไนยฯหรือคือพุทธบุตร  จมดิ่งนานมา หลงลึกนานมา     บัดนี้
        พระแม่องค์ธรรมทรงโปรดฯ อู้เอวี๋ยนได้ท่องทั่วนรกสวรรค์ด้วยใจปิติกระตือรือร้น ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เที่ยวชมแดนอริยะ แปลกตา จารึกเหตุการณ์สถานที่ตามความเป็นจริง เพื่อแปรโลกสู่เอกภาพ กลับสู่ความดี อีกทั้งให้ได้แสวงหาอาจารย์ขอรับวิถีธรรมบำเพ็ญจริง ได้หนทางสว่าง ฉุดช่วยหมื่นล้านดวงญาณต่อไป อันเป็นงานเร่งด่วน เมื่อหนังสือนี้ได้เสร็จสิ้น ยังจะเอื้อคุณประโยชน์ต่อแดนไกล แปรสหาโลกให้เป็นสระบัวบาน เป็นสิ่งงามแท้วิเศษยิ่งหรือมิใช่อันหนังสือนี้มิกล่าวเกินการ เรื่องของวิสุทธิสถานเป็นจริงอยู่ตรงหน้า พึงค้นหาที่มา... เราถ่ายทอดข้อความกันทั้งคืน ทำงานกันทั้งวัน วันก่อนที่ท่องเที่ยวสถานตรวจสอบวิญญาณผู้ตายปากทางสามแพร่ง เรื่อยต่อไปยังชุ่ยเอวี๋ยซันบรรพต รัตนะตำหนัก "ตรีเทพพิทักษ์มหาราช" แต่ยังมิได้เห็นวิญญาณผู้ตายถูกสอบสวนลงโทษด้วยประการใด  คืนนี้ได้รับพระโองการฯ กำหนดให้ชมเก้าเก้าด่านจื่อหยาง ดูการแบ่งแยกบาปบุญ ให้คุณให้โทษ  บัดนี้ได้เวลา อู้เอวี๋ยนสงบใจ ท่านจอมเทพพิทักษ์ธรรมได้โปรดคุ้มครองตำหนักพระ เราจะออกเิดินทาง 

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์เรียบร้อยแล้วขอรับ น้อมรอเวลาออกเดินทาง

พระอาจารย์  :  คืนนี้ จะนำเจ้าไปยังเก้าเก้าด่านจื่อหยาง ท่องเหตุการณ์จริง บันทึกงานจำแนกบาปบุญคุณโทษของผู้บำเพ็ญ ดูเหมือนอู้เอวี๋ยนเจ้าจะมีความในใจ

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์มิได้มีความในใจ แต่รู้สึกแปลกใจ จำได้ว่าหนังสือท่อง จิ่วหยางกวน  พิมพ์ออกมาแล้ว เหตุใดพระอาจารย์ยังจะนำศิษย์ไปเยี่ยมชมอีก  อย่างนี้จะมิเป็นการซ้ำซ้อนหรือขอรับ         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระอาจารย์  :  เจ้าถามได้ดี ครั้งนี้เรารับพระโองการบัญชาให้ท่องพุทธาลัย จุดหมายอยู่ที่จะเอาเหตุการณ์ขั้นตอนของผู้บำเพ็ญที่ได้รับธรรมะแล้ว ผ่านการตรวจสอบจากเทพกรทุกฝ่ายในฟ้าดินอันเที่ยงธรรมจนไปถึงพุทธาลัยได้อย่างไร อีกทั้งยังจะขอให้เทพกรทุกฝ่ายได้โปรดแสดงธรรมเพื่อเผยแผ่ลงในหนังสือให้ชาวโลกได้ศึกษาบำเพ็ญ  เนื่องจากผู้บำเพ็ญได้รับธรรมะแล้วจะต้องผ่านการตรวจสอบจากด่านเก้าเก้าจื่อหยังกวน เพื่อจำแนกฐานะสูงต่ำ เราจึงต้องรับพระโองการบัญชาไปเยี่ยมชมที่นั่น

อู้เอวี๋ยน  :  เป็นเช่นนี้เอง ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ

พระอาจารย์  :  คืนนี้เราจะเรียกนกกระเรียนเซียน ให้เป็นพาหนะทุ่นแรงในการท่องเที่ยว นโม... นกกระเรียนเซียนได้รับพระบัญชาบินมาหน้าตำหนักพระ เธอช่างงดงาม ปีกขนสะอาดสะอ้าน ไม่มีจุดด่างแม้แต่น้อย ขาวบริสุทธิ์ประกายวาว ความสูงประมาณได้สามฟุต  พระอาจารย์ ศิษย์ ขึ้นนั่งบนหลังกระเรียนเซียนทะยานฟ้าสีครามสู่ห้วงเวหาสุดสายตา เมื่อมองลงมายังโลกธุลีดิน แสงไฟระยับดั่งดาวหกหัว ท้องฟ้าเวิ้งว้างมิรู้ที่สิ้นสุด

อู้เอวี๋ยน  :  กระเรียนเซียนทะยานพุ่งไป มั่นคงดั่งสายฟ้า พระอาจารย์ได้โปรดอธิบายหน่อยขอรับ

พระอาจารย์  :  จะบอกเจ้า เขาคือกระเรียน มีอายุกว่าหนึ่งพันปี จำศีลอยู่ที่ยอดเขาคุนหลุน ไม่กินชีวิตเลือดเนื้อ และธัญพืช กินน้ำค้างกับลม ไม่เพียงจำศีลทำสมาธิบำรุงเลี้ยงกายธาตุ พลังธาตุเท่านั้น ยังออกหากจากชาวโลก อยู่กับธรรมชาติอิสระ บำเพ็ญเช่นนี้ต่อไปอีกร้อยปีจะถอดร่างทะยานฟ้า บรรลุมรรคผลแห่งเซียน

อู้เอวี๋ยน  :  จริงหรือขอรับ... จะเห็นได้ว่าการบรรลุมรรคผลเกิดจากการบำเพ็ญเพียร ใจแกร่งสำเร็จหมาย ได้สุขไม่สิ้น กระเรียนยังเป็นเช่นนี้ได้ คนจะไม่ได้หรือไร

พระอาจารย์  :  ผู้มีความมุ่งมั่นยั่งยืนก็จะไม่ยาก คนเป็นสัตว์ประเสริฐล้ำค่า ครบอาการสามสิบสอง หากใจแกร่งบำเพ็ญธรรม ย่อมสำเร็จได้ บัดนี้เป็นบุญวาระฟ้าปรกโปรดถ่ายทอดวิถีธรรมจริง มีบุญรับไปถนอมรักษาไว้  มุ่งใจบำเพ็ญจนถึงที่สุด จะกลัวไปไยว่า จะไม่พ้นจากทะเลทุกข์  จะกลัวไปไยว่าจะไม่บรรลุผล  ระหว่างศิษย์อาจารย์สนทนาธรรมไป พลันก็ผ่านสถานตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย ล่วงข้ามชุ่ยเอว๋ยซันบรรพต (ตำหนักทำการของตรีเทพพิทักษ์มหาราชเจ้า) มองไปไกลข้างหน้าเห็นกำแพงใหญ่ แสงไฟระยับ นอกกำแพง หญ้าสูงหนาทึบ มองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ มีทางใหญ่สามสายผ่านไปถึงหน้าประตูใหญ่ของกำแพงที่ล้อมรอบนั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ที่นี่คงเป็นด่านเก้าเก้าจื่อหยางกวน เป็นแน่ขอรับ

พระอาจารย์  :  ใช่แล้ว ภายในด่านมีสถานตรวจสอบลงโทษบาปบุญของผู้ได้รับธรรมะแล้ว เราลงจากกระเรียนเซียนได้แล้ว ชมการทำงานของแต่ละฝ่ายในด่าน เพื่อจารึกหนังสือ พูดจบ พระอาจารย์บอกให้กระเรียนเซียนร่อนลงข้างทางพักรออยู่ในหมู่ไม้ ทั้งสองเดินสู่ประตูใหญ่ ไม่ทันกี่ก้าวก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เทพกรหลายท่านพร้อมด้วยเทวมาตย์เดินออกมาคารวะพระอาจารย์

เทวมาตย์  :  ผู้น้อยรับบัญชาจากองค์เจ้าตำหนักออกมาต้อนรับ ห้องรับรองไม่ไกลจากที่นี่นัก พระบรรพจารย์ เจ้าตำหนักรออยู่ในห้องโถงนานแล้ว กราบทูลเชิญพระอาจารย์  เชิญอู้เอวี๋ยน

พระอาจารย์  :  มิต้องมากจริยา น้ำใจไมตรีจากพระบรรพจารย์เราจะกล้ารับอย่างไรได้ อู้เอวี๋ยน รีบคารวะท่านเทวมาตย์ อย่าเสียจริยา

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อยกราบคารวะท่านเทวมาตย์   ทุกคนเดินเข้าประตูด่านไป กำแพงสูงมากอย่างกับกำแพงเมืองโบราณ ภายในด่านมีที่ว่างกว้างใหญ่ ซ้ายขวาหน้าหลังมีพระวัชระพิทักษ์ธรรม องค์สูงใหญ่ ยืนทะมืนรักษาการณ์อยู่สิบกว่าองค์ ทุกองค์หุ้มเกราะสะพายดาบปฏิบัติหน้าที่น่าเกรงขาม เงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นป้ายคำว่า "เก้าเก้าจื่อหยางกวน" แขวนไว้เหนือประตูด่านฉาบทองวาววับ อุ้เอวี๋ยนเดินตามพระอาจารย์พลางชมดู  พอเข้าประตู เหล่าวัชระพิทักษ์ธรรมกับพระอาจารย์ต่างก็โค้งคารวะซึ่งกัน จากนั้นเทวมาตย์ดำเนินนำหน้า พากันไปตามทางใหญ่ในด่าน ชั่วขณะก็มาถึงหน้าตำหนัก แหงนคอตั้งบ่าเห็นอาคาร ตำหนักโอ่อ่ามีป้ายใหญ่เหนือประตูว่า "เสินหยางเตี้ยน" แสงทองวาววับ กลอนคู่สองข้างประตูความว่า " คุณโทษแจ่มแจ้งฤาแสร้งปิดได้  หลักฟ้าเมี่ยงไซร์ไม่ช่วยบิดเบือน  กงกั้วชิงหมิงฉี่เหนิงชีหมัน  เทียนหลี่จื้อกงหาวอู๋ซือฉิง "  ผนังหินด้านข้างยังมีอักษรโบราณจารึกอยู่อีกไม่น้อย อู้เอวี๋ยนตั้งใจอ่าน แต่ต้องหยุด เมื่อเห็นพระบรรพจารย์เจ้าตำหนักเสด็จดำเนินมาต้อนรับ  พระองค์ช่างเรียบง่ายเป็นกันเองยิ่งนัก

พระอาจารย์  :  รบกวนพระองค์ขณะทรงงาน เสียมารยาทแท้ ขอเจ้าตำหนักท่านโปรดอภัย

พระบรรพจารย์  :  บรรพจารย์ท่านเหนื่อยยาก กรำลมกรำฝน

องค์เจ้าตำหนัก  :  เพื่อฉุดช่วยมวลเวไนยฯ... เชิญเข้าพักในตำหนักสักครู่

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ผู้น้อยกราบพระบาทองค์เจ้าตำหนัก (พระบรรพจารย์) ขอจงทรงอริยสำราญ
       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
              
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์  :  มิต้องจริยา  (กล่าวพร้อมกับนำดำเนินเข้าตำหนัก) อู้เอวี๋ยนเดินตามหลังพระอาจารย์ เห็นภายในตำหนักสงบสดใสสง่าน่าเกรงขาม เหนือผนังห้องโถงมีป้ายอักษรทองข้อความว่า "หวงเอินเห่าตั้ง" (พระมหากรุณาธิคุณ พระอนุตตรธรรมเจ้า) อักษรบนป้ายมีชีวิตชีวา สดุดตาเหลือเกิน ทางซ้ายมือขอบผนังมีคติพจน์ว่า  หนึ่งถามหนึ่งตอบ        สอบถี่ถ้วนความ        อริยธรรมสูงล้ำ        มิกล้าสุ่มให้        คุณโทษเส้นใย        ส่องใสเที่ยงธรรม
อี๋เวิ้นอี้ต้า        เวิ่นชิงเสิ่นเสียง        เซิ้งเต้าเอว๋ยจุน        ปู้กั่นล่วนผิง        เซียนเห่ากงกั้ว        กงเจิ้งหมิงเติง

หนึ่งสอบ "กงฉัง"         สองโองการฟ้า        สามตามบุกเบิก
สี่ชื่อตำหนัก               ห้านำพารับรอง        หกชื่อสกุล
เจ็ดแจ้งปีเดือนวัน        สอบแต่ละอย่าง        เก้่าเก้าปากด่าน
ช่างไร้วาสนา             เมธาน้อยคน            เริ่มต้นไตรรัตน์
เพียงชื่อถือธรรม         ไม่เพียรบำเพ็ญ        ไม่เรียนยังรวน
สำเร็จยากแท้             ปลุกตื่นญาณเดิม
อีเข่ากงฉัง             เอ้อตุ้ยเทียนมิ่ง           ซันเจียไคฮวง
ซื่อฉาถันหมิง         อู่ตุ้ยอิ๋นเป่า                 ลิ่วสวินหมิงจื้อ
ชีถียื่อเกิง             อีอีเข่าเจิ้ง                   จิ๋วจิ่งกวนโข่ว    
จื่อจงเฟยฝู           เส่าเหยินเสียนซี            ชูโซ่วซันเป่า
เอว๋ยกว้าต้าหมิง     ปู้ซิวปู๋อู้                      อี้ไป่อี้หมิง
เต้าหนันเฉิงอี่        ถี่สิ่งเอวี๋ยนหลิง

        อู้เอวี๋ยนอ่านจบหันมาทางผนังขวา  ยังมีคำเตือนอีกผืนหนึ่งว่า    

รู้จบสิ้นเวรกรรมในวันนี้                ด้วยทุกข์มีติคตามกรรมก่อนเก่า
อย่ากล่าวโทษชาตินี้ทุกข์หนอเรา   แต่รู้เจ้าเหตุต้นตนทำมา
อย่าถอนใจไยธรรมบำเพ็ญยาก      อดีตชาติเจ้าเป็นเช่นไรเล่า
หากชาตินี้บำเพ็ญง่ายสบายเบา      ตัวของเจ้าคงใสไม่ติดคาว
หากไร้กรรมทำผิดติดตัวมา           มิห่วงว่าทุกข์กรรมติดตามจ้อง
บำเพ็ญนี้มีทางต่างกันสอง            บุญสนองสูงส่งแท้แม้ศรัทธา
จินยื่อจือเหลี่ยวเนี่ย              ซู่สีขู่เซียงสวิน
ม่อเอวี้ยนจินเซิงขู่                เชวี่ยจือเฉียนซื่ออิน
ม่อทั่นชิวเต้าหนัน                ตังหมิงเฉียนซื่อเหยิน
ยั่วจิวซิวเต้าอี้                     ปี้ติ้งชิงอี้เชิน
เฉียนซื่ออู๋เอวียนเฉิง             เหอฮ่วนขู่เอวี้ยนสวิน
ซิวเต้าเอ้อลู่เปี๋ย                  เฉิงเจ๋อกุ้ยเจินเจิน

        ในตำหนักฯ มีเทพกรผู้ทำการมากมายต่างวุ่นอยู่กับหน้าที่ เมื่อเห็นพระอาจารย์ดำเนินมา ต่างรีบหันมากราบคารวะ พระอาจารย์ก็ตอบรับ พระบรรพจารย์องคืเจ้าตำหนักเชิญพระอาจารย์ประทับนั่ง เทพกรถวายน้ำชา ผลไม้ทิพย์

พระอาจารย์  :  ได้รับไมตรีจากพระบรรพจารย์เช่นนี้ รู้สึกไม่สบายใจ คืนนี้ ได้รับพระโองการฯ มาเยือนรบกวนบรรพจารย์ท่าน ขออภัย หวังว่าจะได้รับการชี้นำเที่ยวชมสถานที่ทำการต่าง ๆ เพื่อบันทึกหนังสือสำหรับสงเคราะห์ชาวโลกในยุคปลาย  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/09/2011, 17:55 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์  :  สาธุ ข้าพเจ้าจะตั้งใจเต็มที่ บัดนี้โลกทรามลง  ขาดกรุณามโนธรรมสำนึก ใบหน้าคน แต่ใจเดรัจฉาน แรงอำมหิตโหดร้ายท่วมฟ้า น่าละอาย ! ด่านจื่อหยางที่พำนักอยู่นี้ ภาระหนัก งานมาก ไม่มีโอกาส ได้ฉุดยั้งชาวโลก ยินดีที่มีโอกาสวันนี้ ท่านได้รับพระโองการบัญชา ให้สร้างหนังสือท่องพุทธาลัย ข้าพเจ้าก็จะทุ่มเทใจได้บ้าง

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ได้ยินมาว่า ผู้ได้รับธรรมะ ตายแล้วจะต้องมาด่านนี้ เพื่อตรวจสอบบาปบุญ ไม่ทราบว่าในด่านนี้ ได้จัดตั้งแผนกอะไรไว้ขอรับ ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดชี้แนะ

พระบรรพจารย์  :  สาธุ สาธุ  เรากำลังจะบอกกล่าว เจ้าถามก็ดีแล้ว เราจะว่าไป คนที่ได้รับธรรมะ ได้สร้างบุญในโลกครั้งนี้ เมื่อหมดอายุขัย กลับสู่วิสุทธิแดนดินจะต้องผ่านด่าเก้าเก้าจื่อหยังกวน ตรวจสอบไตรรัตน์ และเหตุต้นผลกรรมสามชาติ ที่เรียกว่า เก้าเก้าจื่อหยาง จิ่วจิ่วจื่อหยางกวนนั้น เป็นชื่อรวมของสามด่านคือ จื่อหยางกวน  เป็นด่านเอก ประกอบด้วยสามตำหนัก คือ เสินหยางเตี้ยนโข่ว ชิงหยางเตี้ยนโข่ว และปี้หยางเตี้ยนโข่ว
เสินหยางเตี้ยนโข่ว  ตำหนักนี้คือเรา พระบรรพจารย์เทียนเฝิง ปกครอง ทำการตรวจสอบชื่อแซ่ สกุล
ชิงหยางเตี้ยนโข่ว   คือพระบรรพจารย์เทียนยุ่ย   ปกครอง ทำการตรวจสอบถามพระนามซือจุน
ปี้หยางเตี้ยนโข่ว    คือพระบรรพจารย์เทียนเอว้ย ปกครอง ทำการตรวจสอบการรับวิถีธรรม
        ห่างจากจื่อหยางกวน นี้ครึ่งลี้ ก็คือด่านเหอหยาง เหอหยางกวน ภายในด่านจัดหน้าที่ทำการสาม ตำหนัก มีชื่อว่า ตันหยางเตี้ยนโข่ว จิ่งหยางเตี้ยนโข่วและอ๋วงหยางเตี้ยนโข่ว
ตันหยางเตี้ยนโข่ว  พระอริยเทียนฝู่    มาโปรดสอบถามการบวชการรับวิถีธรรม
จิ่งหยางเตี้ยนโข่ว  พระอริยเทียนหลี   มาโปรดสอบถามการสร้างบุญทานภายนอก
อ๋วงหยางเตี้ยนโข่ว พระอริยเทียนซิน  มาโปรดสอบถามการสร้างกุศลภายใน
        ห่างจากเหอหยางกวน ไปประมาณครึ่งลี้ มีอีกหนึ่งด่านคือ จิ่วหยางกวน ภายในด่านจิ่วหยางกวนมีสามตำหนักทำการ ชื่อว่า เจิ้นหยางเตี้ยนโข่ว  จื่อหยางเตี้ยนโข่ว  จิ่วหยางเตี้ยนโข่ว
เจิ้นหยางเตี้ยนโข่ว  มีพระบรรพจารย์เทียนจู้     มาโปรดพิจารณาสอบสวนกุศลกรรม
จื่อหยางเตี้ยนโข่ว   มีพระบรรพจารย์เทียนอิง   มาโปรดสอบสอบพิจารณาคุณธรรมแปด
จิ่วหยางเตี้ยนโข่ว   มีพระบรรพจารย์เทียนเยิ่น  มาโปรดพิจารณาแก้ไขการจารึกลงบัญชีเซียน
        ทั้งสามด่านดังกล่าวรวมกันมีเก้าตำหนัก  แต่ละตำหนักยังจัดตั้งที่ทำการเก้าห้อง  เก้าสถาน  เก้าคุก  เก้าศาลา  เก้าฝ่าย  เก้าเคหะ  ทำการต่างกันตามงานของแต่ละตำหนัก  ภายในสามด่านจึงรวมเป็นเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดด่านเล็ก มีพระอริยบรรพจารย์สามสิบสองพระองค์  มีทิพยมาตย์ห้าร้อยองค์  เทวนาคราชแปดฝ่าย  สองร้อยหกสิบห้าเทวมาตย์  ทำการพิสูจน์  สอบสวน  ตรวจสอบ  ตักเตือน  ลงโทษ  ให้คะแนนบุญ  ให้วาสนา  ให้บำเพ็ญ  ฝึกฝน  ให้ขอขมาสำนึกแก้ไข  บำบัดรักษา  ชำระกาย  บำเพ็ญจิต  ประคองญาณใส  เหล่านี้เป็นต้น   คนที่ถือบวชบำเพ็ญตามวัดวา ตามธรรมสถานต่างๆ หรือได้รับธรรมะ หมด
อายุขัยมาถึงที่ทำการ "ตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย"  ก่อนแล้วจึงไปยัง "รัตนะตำหนักตรีเทพพิทักษ์" พิสูจน์ไตรรัตน์ หรือความวิเศษแยบยลของวิถีธรรม  สุดท้ายจึงไปสู่ตำหนักเสินหยาง ในด่านจื่อหยาง  บรรพจารย์เราเองจะเป็นผู้สอบถามชื่อแซ่สกกุล ตรวจสอบเหตุต้นผลกรรมสามชาติ  จากนั้น จึงส่งต่อไปยังด่านต่าง ๆ แปดสิบเอ็ดแห่ง แล้วจึงไปถึง "โป๊ยก่วยบุญญาลัย  ปากว้ากงกั่วเอวี๋ยน"  กำหนดผลตามบุญที่สร้างมา รักษาจิตญาณให้สงบอยู่ที่นั้น         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

อู้เอวี๋ยน  :  น้อมคารวะ พระคุณพระบรรพจารย์ ได้โปรดชี้ให้เห็นความนัยวิเศษยิ่งของเก้าเก้าด่านจื่อหยัง เมื่อมีชีวิตชอบทำบุญสุนทาน ใชีชีวิตอยู่ในพุทธสถานวัดวาอาราม เช้าค่ำสวดมนต์ไหว้พระ บุญกุศลเป็นที่น่าอนุโมทนาชื่นชม เมื่อหมดอายุขัยจะคืนสู่วิสุทธิแดนดิน ก็จะต้องผ่านไปแปดสิบเอ็ดด่านนี้ด้วยหรือไม่ขอรับ

พระบรรพจารย์  :  ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ผู้ได้รับธรรมบำเพ็ญไม่ว่าศาสนาลัทธินิกายใด บุญวาสนามากน้อยเพียงใด ธรรมปฏิบัติรู้แจ้งฉับพลันหรือค่อยบำเพ็ญไป เมื่อหมดอายุขัยล้วนจะต้องผ่านการพิสูจน์จากแปดสิบเอ็ดด่าน ที่ว่าแปดสิบเอ็ดด่านนั้นเป็นตัวเลขของฟ้าดิน ผู้ที่จะล่วงพ้นหนทางใหญ่ของสามโลกจะต้องผ่านแปดสิบเอ็ดด่านนี้ จึงจะบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริงได้ ผู้ผ่านด่านต้น ๆ แล้วมาถึงที่นี่ ตำหนักนี้จะพิสูจน์ความถูกต้องในการบวชหรือความถูกต้องของ "ใขคำขอ เปี่ยวเหวิน"  ที่เผาถวายขึ้นมาชื่อผู้รับธรรมะ เวลาชั่วยามให้ตรงต่อสามโลก ตรงต่อฟ้า  ดิน  คน  พุทธระเบียบไม่ผิดเพี้ยน เทียนมิ่ง ไม่ใช่เท็จ  พอผ่านตำหนักนี้ ก็ไปสู่ตำหนักชิงหยางเตี้ยน พิสูจน์วิถีธรรมแห่งพระธรรมาจารย์ ฉะนั้น ตำหนักนี้จึงได้จัดเป็นตำหนักเอก (ตำหนักต้น) ของด่านจื่อหยาง อีกทั้งจัดด่านเล็กเคี่ยวกรำเก้าสถาน บาปบุญที่ทำมาในโลกอย่างไรก็เข้าไปในห้องในด่านนั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์รับรู้ได้แล้ว ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดอธิบายความแตกต่างของแต่ละห้องในด่านด้วยขอรับ

พระบรรพจารย์  :  ญาณเดิมจะคืนสู่วิสุทธิแดนดินถ้ำฟ้าได้ จะต้องมีคุณสมบัติสามประการคือ 1. เหตุต้นผลกรรมสามาชาติจะต้องบริสุทธิ์ชัดเจน
2. ความประพฤติอยู่ในกรอบดีงาม    3.  สงเคราะห์ชาวโลกฉุดช่วยผู้คนสร้างกุศลบุญคุณธรรม   หากครบถ้วนทั้งสามประการก็ไปสู่วิสุทธิแดนดินนั้น ๆ ได้ตาม
ปรารถนา หากไม่ครบถ้วนก็จะไม่ได้ จะต้องซ่อมบำเพ็ญเติมเต็มในสถานต่าง ๆ ของสามด่าน จนกุศลผลบุญไม่มีที่ตำหนิ จนจิตญาณกลมใส จึงจะให้ผ่านด่านแปดสิบเอ็ดด่านไปสู่วิสุทธิแดนดิน อีกพวกหนึ่งคือ ผู้ได้รับธรรมะในโลก แต่ความประพฤติไม่อยู่ในกรอบดีงาม ผิดต่อทางธรรม คุณธรรมเสื่อมเสีย หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ จากด่านทั้งสามได้ ฉะนั้น ตำหนักเสินหยางที่นี่จึงได้จัดให้มี "ด่านเล็กเคี่ยวกรำจิตจริงแท้  หมอเจินเสี่ยวกวนโข่ว" และอีกเก้าห้องของด่าน ห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้  หย่างเจินกวนซื่อ" จัดการชำระความของเหตุต้นผลกรรมสามาชาติ ผู้ได้รับธรรมะหรือบำเพ็ญอยู่ในวัดวาอารามสถานธรรมต่าง ๆ หากบาปเวรชาติก่อน ยังหนักหนา ชาตินี้ยังทำดีจอมปลอมมักทำสิ่งที่ผิดต่อหลักธรรมเสมอ บรรพจารย์เราเที่ยงธรรมไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ตรวจสอบ  ละเอียดถี่ถ้วนไม่ผ่อนผัน ส่งไปยัง "สถานเคี่ยวกรำจิตจริงแท้ด่านเล็กที่เก้า" ลงโทษสามสิบวัน จากนั้น ให้ยมทูตมาคุมตัวไปลงนรก รับการตัดสินโทษทัณฑ์จากพยายมขุมที่สิบในรายที่ชำระเหตุผลต้นกรรมสามชาติแล้ว แต่เป็นนักบวชที่ไม่ศรัทธาบูชาพระ ไม่รักษาสัจธรรมให้เข้าถึง ก็จัดส่งไปห้องด่านที่เจ็ด รับการศึกษาและชำระนิสัยความเคยชินที่ไม่ดี หรือผู้ได้รับธรรมะ เริ่มต้นหมั่นบำเพ็ญ ศรัทธาดำเนินธรรม ภายหลังเกียจคร้าน เบื่อหน่ายอวดดี โอหังวางเขื่อง... เช่นนี้ จะส่งไปสถานเคี่ยวกรำด่านที่สี่ ซ่อมบำเพ็ญในสถาน "ขอขมากรรมสำนึกแก้ไข  ชั่นหุ่ยสั่ว"  หากระหว่างนั้นได้จริงใจแก้ไข ขอขมากรรม ก็จะได้ผ่านไปถึง "ตำหนักชิงหยาง" แต่หากมิได้สำนึกแก้ไข และอีกยังคับแค้นโกรธเคือง จะถูกคาดโทษใหญ่หนึ่งครั้ง ผู้ถูกคาดโทษใหญ่สามครั้ง จะถูกส่งไปรับทุกข์ทรมานในนรกต่อไป บางคนเหตุต้นผลกรรมสามชาติชำระแล้ว หลังจากรับธรรมะแม้จะศรัทธาจริงใจใฝ่ธรรม แต่ไม่หมั่นให้ทานทั้งสาม ไม่สงเคราะห์ฉุดช่วยชาวโลก บุญกุศลจึงน้อยมาก ก็จะต้องส่งเข้าไปยังห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้ในห้องซ่อมที่สาม  หย่างเจินตี้ซันปู่ซิวซื่อ"  ซ่อมบำเพ็ญบุญกุศลแล้ว จึงจะผ่านออกไปยังตำหนักชิงหยาง ที่น่าชื่นชมคือ ผู้รับธรรมะที่ศรัทธาจริงใจแน่แท้ สร้างกุศลคุณธรรมความดี หากเมื่ออยู่ในโลกทำบุญให้ทานประจำ มั่นคงในธรรมเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติธรรมด้วยจิต เสมอภาค เมตตากรุณาเป็นหนึ่งเดียว เช่นนี้ เมื่อสิ้นอายุขัย เทวมาตย์จะต้อนรับเข้าสู่ห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้ห้องที่หนึ่ง" หรือห้องที่สอง ชำระกายเปลี่ยนอาภรณ์เซียนสีม่วง (ม่วงฟ้า) ได้รับโปรดให้สวมมาลาทอง เทพกรจะเชื้อเชิญให้เข้าสู่ "ตำหนักชิงหยาง" ดูแลต้อนรับในระดับสูง  ฉะนั้น ผู้บำเพ็ญจะต้องศรัทธาจริงใจเป็นหนึ่งเดียว อย่าเกียจคร้านถดถอย บาปบุญคุณโทษในโลก  เบื้องบนเห็นชัด ไม่พลาดแม้แต่น้อย  บัดนี้ สบโอกาสเกณฑ์กำหนดฟ้า เปิดทางสว่างกว้างใหญ่ ผู้ได้รับธรรมะจะต้องใส่ใจให้ความสำคัญ คืนสู่จิตญาณแท้ด้วยหลักสัจธรรม การกระทำกับความจริงใจ เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าให้ปัญญาหลงทางไป อย่าให้ผู้อื่นพลาดผิดด้วยจิตของตนเป็นเท็จ หรือยอมตนตกต่ำ ถอยจากทางธรรมนำทุกข์สู่ตน       

Tags: