ท่องพุทธาลัย (2)
ตอนที่ 6
ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม
ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน
มหาราชเราจะสนองบุญวาระ จะอรรถาธิบายไตรรัตน์ :
- ยานระดับสุดยอด ซั่งซั่งเฉิงฝ่า ธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ ผู้มีพื้นฐานบุญสูงส่งยิ่ง ระดับนี้มีน้อยมากดั่ง "ขนหงส์ฟ้า เขากิเลน เฟิ่งเหมาหลินเจี่ยว" หากในขณะพิธีถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรม ผู้มีพื้นฐานสูงมาก ได้มองเห็นการเปิดจุดญาณทวาร ได้ยินรหัสคาถา ได้เห็นการอุ้มลัญจกร (แต่ตนเองมิได้รับถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์โดยตรง) แล้วเกิดรู้แจ้งทันที รู้เห็นภาวะพระแม่องค์ธรรมในจิตตนทันใด เขาผู้นั้นมิพึง
ต้องขยับตัว ภาวะจิตก็แผ่ขยายขึ้นไปถึงเบื้องบนได้ จากนั้นเขาจะดำเนินชีวิตด้วยกรุณาธรรมและปัญญาธรรม จะกล่อมเกลาสาธุชนด้วยเมตตาจิตเป็นที่ยิ่งจะเจริญปณิธานฉุดช่วยชาวโลกทุกชาติไป ซึ่งจะเป็นผู้ร่วมเวียนธรรมจักร เท่านั้น
- วิถียานระดับสูง ซั่งเฉิงฝ่า (วิถีธรรมที่เหมาะแก่การบำเพ็ญของผู้มีพื้นฐานระดับสูง)
@ ญาณทวาร (เห็นจันทร์เพ็ญจากชี้นิ้ว เจี้ยจื่อเจี้ยนเอวี้ย) พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมสี่สิบเก้าปี ล้วนเป็นมหาเมตตากรุณาที่ชอบด้วยอุบาย ดั่งให้โอสถที่ตรงต่อโรคทั้งสิ้น มิได้แสดงวิถีแห่งจิตอันเป็นยานระดับสูง จึงมีการชูดอกไม้ให้ปริศนาธรรมในงานชุมนุมสงฆ์ ณ เชิงเขาคิชกูฏ พระมหากัสสปะยิ้มรับเป็นวิถีแห่งจิตของญาณระดับสูงที่มิให้กล่าวขานและจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่เรียกว่า "มิให้ถ่ายทอดนอกเหนือไปจากนี้" บัดนี้ วิถีธรรมอันวิเศษที่พระวิสุทธิอาจารย์ถ่ายทอดให้ @ ก็มิให้กล่าวขานและจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเช่นเดียวกัน เป็นหนึ่งนิ้วชี้นำธรรมวิเศษ อี้จื่อเมี่ยวเต้า @ เช่น เดียวกับชูดอกไม้ ยิ้มรับในกาลก่อน พระวิสุทธิอาจารย์สนองรับพระโองการฟ้าตามกาลกำหนด คือ นำเอาวิถีแห่งจิตเช่นชูดอกไม้ยิ้มรับมาปรกโปรดชาวโลกให้แผ่ไพศาลใหม่ในยุคนี้นั่นเอง ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ลองถามเจ้า รับธรรมะแล้วเป็นกายได้รับหรือ ? กายนั้น แท้คือธาตุทั้งสี่ชุมนุมกัน หากธาตุทั้งสี่แยกกันไป ธรรมะจะอยู่ที่ใด เป็นใจได้รับธรรมะหรือ ? ใจนั้น เกิดดับเรื่อยไป ใจอดีต ปัจจุบัน อนาคตล้วนเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าเช่นนั้น ผู้ใดเล่าที่ได้รับธรรมะ หากกล่าวว่า จิตญาณได้รับธรรมะ แท้จริงแล้วจิตญาณคือต้นกำเนิดของชีวิต ไม่รับ ไม่แปดเปื้อนใด ๆได้ เป็นสูญตาจะรับได้หรือ ? เอาพุทธะรับพุทธะ เอาธรรมะรับธรรมะ เช่นนั้นหรือ ? ในคัมภีร์วิสุทธิวิมุิตติสูตร ชิงจิ้งจิง กล่าวไว้ว่า "แท้จริงมิได้รับสิ่งใดเลย ซึอู๋สั่วเต๋อ" ฉะนั้น จึงพึงรู้ว่า มิใช่กายได้รับธรรมะ มิใช่ใจได้รับธรรมะ มิใช่จิตญาณได้รับธรรมะกล่าวคือ มิได้รับสิ่งใดและมิอาจรับสิ่งใดได้ ผู้บำเพ็ญพึงเข้าใจให้ชัดเจนว่า หนึ่งจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์นั้นก็เพื่อให้เจ้าทั้งหลายได้เห็น "จันทร์เพ็ญของจิตญาณตน จื้อซิ่งหมิงเอวี้ย" เห็นจันทร์เพ็ญจากหนึ่งนิ้วจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์ ผู้บำเพ็ญอย่าคิดถึงแต่หนึ่งนิ้ว อย่าได้หยุดอยู่ตรงหนึ่งนิ้วนั้น แล้วลืม "จิตภาวะวิสุทธิ์พุทธะแห่งตน จื้อซิ่งเทียนเจินฝอ" อย่าได้ยึดมั่นเพียงหนึ่งจุดตรงญาณทวารนี้ (พึงบังเกิดจิตอันมิได้ยึดหมาย อิ้งอู๋สั่วจู้เอ๋อเซิงฉีซิน) จากอนุตตรภาวะ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ! จงเข้าถึงรู้ซึ้งต่อความตั้งใตเหนื่อยยากแสนเข็ญของพระวิสุทธิอาจารย์ นั่นคือ จะให้เจ้าทั้งหลายอาศัยหนึ่งนิ้วจุดเบิกจากเตี่ยวฉวนซือ ได้รู้ว่าตนเองและทุก ๆ คนล้วนมี "ตนจริง" จากอนุตตรภาวะทั้งนั้น ในพระสูตร ลิ่วจู่ถันจิง กล่าวไว้ว่า "มิรู้ชัดจิตเดิมแท้แห่งตน ศึกษาพระธรรมไปก็ไร้ประโบชน์ ปู้ซึจื้อเปิ่นซิน เสวียฝ่าอู๋อี้" เจ้าทั้งหลายพึงรู้ว่า จิตแห่งตนคือพุทธะ มิควรแสวงหาพุทธะภายนอก บั่นทอนจิตใจ จนลืมพุทธะแท้แห่งจิตตน พึงรู้ว่า พุทธะแท้แห่งจิตตนนั้น ศักดิ์สิทธิ์สว่าง ว่างสงบ เป็นสิ่งจริงอันไร้รูป มีอยู่อย่างวิเศษในสูญตา มิต้องอิงอาศัยโวหารชาญฉลาดทางโลก มิต้องอิงอาศัยธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้่ มิต้องอิงอาศัยที่ได้ยินได้ยลได้สัมผัส มิต้องอิงอาศัยฝึกกายธาตุนั่งฌาน มิต้องอิงอาศัยวิเวกทำจิตว่าง มิต้องอิงอาศัยอภิญญาญานทุกอย่าง มิต้องอิงอาศัยให้ทานสร้างบุญ มิต้องอิงอาศัยพูดธรรมนำพาใคร มิต้องอิงอาศัยปฏิบัติบำเพ็ญสร้างคุณงามความดี มิต้องอิงอาศัยพุทธภูมิสรวงสวรรค์ มิต้องอิงอาศัยพุทธธรรมหรือโลกธรรม และมิต้องอิงอาศัยกำหนดจิตปล่อยว่างจากการยึดหมาย การอิงอาศัยทั้งหมดคือ เมื่อดำริตริตรึกก็ผิดเมื่อถกถามก็มิใช่ พุทธะแท้แห่งจิตตนนั้นงามกลมสมบูรณ์ด้วยกุศลธรรมทั้งปวงอันเป็นอยู่อย่างนั้นเอง สมบูรณ์ด้วยญาณภาวะวิเศษทุกประการ สมบูรณ์ด้วยปัญญารอบรู้บริบูรณ์ พุทธะทั้งหลายได้โปรดแสดงธรรม แต่กลับกล่าวว่า "เรามิได้แสดงธรรมอย่างใดเลย มิอาจกล่าวได้ มิอาจกล่าวได้" (ธรรมะมิใช่กล่าวขานได้ด้วยวาจา) ร้อยพันหมื่นคุณวิเศษล้วนเกิดแต่รัตนะล้ำค่าที่มีอยู่แล้วในตนทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่า "เหนือฟ้าใต้ฟ้า" ธรรมะหนึ่งเดียวเท่านั้น ล้ำเลิศประเสริฐสุด เทียนซั่งเทียนเซี่ยเอว๋ยเต้าตู๋จุน" ผู้บำเพ็ญหากไม่รู้ชัดต่อพุทธะแท้แห่งจิตตน จื้อซิ่งเจินฝอ การกระทำทุกข์กรำบำเพ็ญทุกอย่างไม่ต่างกับฝนอิฐให้เป็นกระจกเงา เหนื่อยตายก็ไร้ผล แต่หากรู้ชัดต่อพุทธะแท้แห่งจิตตน การบำเพ็ญทุกอย่างเปรียบดั่งฝนหยกให้เป็นกระจกเงา ยิ่งขัดยิ่งสว่างใส รัตนะที่หนึ่งคือจุดนี้ O วงนี้กับจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มี แต่เพื่อชี้นำความเข้าใจแก่ผู้คนจำต้องแสดงรูปลักษณ์ของพุทธะแท้แห่งจิตตน ผุ้บำเพ็ญจะได้ไม่หลงในนามสมมุติ หากหลงในนามสมมุติ ก็จะกลายเป็นเศษธุลีธรรม ฝ่าเฉิน จะตรงเข้าสู่ภาวะพุทธะแท้ได้อย่างไร หากกล่าวด้วยหมายว่า O นี่คือ ทวารวิเศษ หุบเขาแห่งจิตญาณอมตะ วิสุทธิคาม จักษุครรโภทร เหล่านี้ล้วนเป็นการชี้นำอันชอบด้วยกลอุบาย คนทั่วไปมักติดขัดอยู่กับอักษร ภาษา จึงยากที่จะประสานสอดคล้องเข้ากับจิตพุทธะแท้ได้ บัดนี้ พระวิสุทธิอาจารย์ได้โปรดแสดงสัญญักษณ์สุญตา O องค์ (ถี่) ญาณ (ซิ่ง) เพื่อโน้มนำให้เห็นความมีอยู่อันวิเศษ ความมีอยู่อันวิเศษคือ คุณ (อย้ง) ชีวะ(มิ้ง) ภาวะสูญตาไม่พ้นความมีอยู่อย่างวิเศษ = ชีวะเป็นคุณ ความมีอยู่อย่างวิเศษไม่พ้นภาวะสูญตา = สงบว่างล้ำเกิน องค์กับคุณ สมานกัน ญาณกับชีวะสมานกัน ก็คือ พุทธะแท้แห่งจิตตน O เป็นตถตาชีวะที่เป็นคุณสงบว่างล้ำเกินอันเป็นอยู่อย่างนั้นเอง รัตนนี้มีจักษุอินทรีย์เป็นตัวประสานให้รู้จักจุดสถิต