collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 39584 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

        มหาราชเราจะสนองบุญวาระ  จะอรรถาธิบายไตรรัตน์  : 
- ยานระดับสุดยอด ซั่งซั่งเฉิงฝ่า  ธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ ผู้มีพื้นฐานบุญสูงส่งยิ่ง ระดับนี้มีน้อยมากดั่ง "ขนหงส์ฟ้า เขากิเลน เฟิ่งเหมาหลินเจี่ยว"  หากในขณะพิธีถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรม ผู้มีพื้นฐานสูงมาก ได้มองเห็นการเปิดจุดญาณทวาร  ได้ยินรหัสคาถา  ได้เห็นการอุ้มลัญจกร  (แต่ตนเองมิได้รับถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์โดยตรง) แล้วเกิดรู้แจ้งทันที รู้เห็นภาวะพระแม่องค์ธรรมในจิตตนทันใด เขาผู้นั้นมิพึง
ต้องขยับตัว ภาวะจิตก็แผ่ขยายขึ้นไปถึงเบื้องบนได้  จากนั้นเขาจะดำเนินชีวิตด้วยกรุณาธรรมและปัญญาธรรม จะกล่อมเกลาสาธุชนด้วยเมตตาจิตเป็นที่ยิ่งจะเจริญปณิธานฉุดช่วยชาวโลกทุกชาติไป ซึ่งจะเป็นผู้ร่วมเวียนธรรมจักร เท่านั้น

- วิถียานระดับสูง ซั่งเฉิงฝ่า  (วิถีธรรมที่เหมาะแก่การบำเพ็ญของผู้มีพื้นฐานระดับสูง)
        @ ญาณทวาร  (เห็นจันทร์เพ็ญจากชี้นิ้ว เจี้ยจื่อเจี้ยนเอวี้ย)  พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมสี่สิบเก้าปี  ล้วนเป็นมหาเมตตากรุณาที่ชอบด้วยอุบาย ดั่งให้โอสถที่ตรงต่อโรคทั้งสิ้น มิได้แสดงวิถีแห่งจิตอันเป็นยานระดับสูง จึงมีการชูดอกไม้ให้ปริศนาธรรมในงานชุมนุมสงฆ์ ณ เชิงเขาคิชกูฏ  พระมหากัสสปะยิ้มรับเป็นวิถีแห่งจิตของญาณระดับสูงที่มิให้กล่าวขานและจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่เรียกว่า "มิให้ถ่ายทอดนอกเหนือไปจากนี้"  บัดนี้  วิถีธรรมอันวิเศษที่พระวิสุทธิอาจารย์ถ่ายทอดให้ @ ก็มิให้กล่าวขานและจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเช่นเดียวกัน  เป็นหนึ่งนิ้วชี้นำธรรมวิเศษ อี้จื่อเมี่ยวเต้า @ เช่น เดียวกับชูดอกไม้ ยิ้มรับในกาลก่อน  พระวิสุทธิอาจารย์สนองรับพระโองการฟ้าตามกาลกำหนด คือ นำเอาวิถีแห่งจิตเช่นชูดอกไม้ยิ้มรับมาปรกโปรดชาวโลกให้แผ่ไพศาลใหม่ในยุคนี้นั่นเอง ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ลองถามเจ้า รับธรรมะแล้วเป็นกายได้รับหรือ ?  กายนั้น แท้คือธาตุทั้งสี่ชุมนุมกัน หากธาตุทั้งสี่แยกกันไป ธรรมะจะอยู่ที่ใด  เป็นใจได้รับธรรมะหรือ ?  ใจนั้น เกิดดับเรื่อยไป  ใจอดีต  ปัจจุบัน  อนาคตล้วนเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าเช่นนั้น ผู้ใดเล่าที่ได้รับธรรมะ  หากกล่าวว่า จิตญาณได้รับธรรมะ  แท้จริงแล้วจิตญาณคือต้นกำเนิดของชีวิต  ไม่รับ  ไม่แปดเปื้อนใด ๆได้ เป็นสูญตาจะรับได้หรือ ?  เอาพุทธะรับพุทธะ  เอาธรรมะรับธรรมะ  เช่นนั้นหรือ ?  ในคัมภีร์วิสุทธิวิมุิตติสูตร ชิงจิ้งจิง กล่าวไว้ว่า "แท้จริงมิได้รับสิ่งใดเลย ซึอู๋สั่วเต๋อ"  ฉะนั้น จึงพึงรู้ว่า  มิใช่กายได้รับธรรมะ  มิใช่ใจได้รับธรรมะ  มิใช่จิตญาณได้รับธรรมะกล่าวคือ มิได้รับสิ่งใดและมิอาจรับสิ่งใดได้  ผู้บำเพ็ญพึงเข้าใจให้ชัดเจนว่า หนึ่งจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์นั้นก็เพื่อให้เจ้าทั้งหลายได้เห็น "จันทร์เพ็ญของจิตญาณตน  จื้อซิ่งหมิงเอวี้ย"  เห็นจันทร์เพ็ญจากหนึ่งนิ้วจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์  ผู้บำเพ็ญอย่าคิดถึงแต่หนึ่งนิ้ว  อย่าได้หยุดอยู่ตรงหนึ่งนิ้วนั้น แล้วลืม "จิตภาวะวิสุทธิ์พุทธะแห่งตน  จื้อซิ่งเทียนเจินฝอ"  อย่าได้ยึดมั่นเพียงหนึ่งจุดตรงญาณทวารนี้ (พึงบังเกิดจิตอันมิได้ยึดหมาย อิ้งอู๋สั่วจู้เอ๋อเซิงฉีซิน) จากอนุตตรภาวะ  ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว !  จงเข้าถึงรู้ซึ้งต่อความตั้งใตเหนื่อยยากแสนเข็ญของพระวิสุทธิอาจารย์ นั่นคือ จะให้เจ้าทั้งหลายอาศัยหนึ่งนิ้วจุดเบิกจากเตี่ยวฉวนซือ ได้รู้ว่าตนเองและทุก ๆ คนล้วนมี "ตนจริง" จากอนุตตรภาวะทั้งนั้น  ในพระสูตร ลิ่วจู่ถันจิง กล่าวไว้ว่า "มิรู้ชัดจิตเดิมแท้แห่งตน ศึกษาพระธรรมไปก็ไร้ประโบชน์   ปู้ซึจื้อเปิ่นซิน     เสวียฝ่าอู๋อี้"   เจ้าทั้งหลายพึงรู้ว่า จิตแห่งตนคือพุทธะ มิควรแสวงหาพุทธะภายนอก บั่นทอนจิตใจ  จนลืมพุทธะแท้แห่งจิตตน  พึงรู้ว่า  พุทธะแท้แห่งจิตตนนั้น ศักดิ์สิทธิ์สว่าง  ว่างสงบ  เป็นสิ่งจริงอันไร้รูป  มีอยู่อย่างวิเศษในสูญตา  มิต้องอิงอาศัยโวหารชาญฉลาดทางโลก   มิต้องอิงอาศัยธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้่   มิต้องอิงอาศัยที่ได้ยินได้ยลได้สัมผัส   มิต้องอิงอาศัยฝึกกายธาตุนั่งฌาน   มิต้องอิงอาศัยวิเวกทำจิตว่าง   มิต้องอิงอาศัยอภิญญาญานทุกอย่าง   มิต้องอิงอาศัยให้ทานสร้างบุญ   มิต้องอิงอาศัยพูดธรรมนำพาใคร   มิต้องอิงอาศัยปฏิบัติบำเพ็ญสร้างคุณงามความดี   มิต้องอิงอาศัยพุทธภูมิสรวงสวรรค์   มิต้องอิงอาศัยพุทธธรรมหรือโลกธรรม   และมิต้องอิงอาศัยกำหนดจิตปล่อยว่างจากการยึดหมาย   การอิงอาศัยทั้งหมดคือ เมื่อดำริตริตรึกก็ผิดเมื่อถกถามก็มิใช่   พุทธะแท้แห่งจิตตนนั้นงามกลมสมบูรณ์ด้วยกุศลธรรมทั้งปวงอันเป็นอยู่อย่างนั้นเอง   สมบูรณ์ด้วยญาณภาวะวิเศษทุกประการ   สมบูรณ์ด้วยปัญญารอบรู้บริบูรณ์   พุทธะทั้งหลายได้โปรดแสดงธรรม  แต่กลับกล่าวว่า "เรามิได้แสดงธรรมอย่างใดเลย มิอาจกล่าวได้  มิอาจกล่าวได้" (ธรรมะมิใช่กล่าวขานได้ด้วยวาจา)  ร้อยพันหมื่นคุณวิเศษล้วนเกิดแต่รัตนะล้ำค่าที่มีอยู่แล้วในตนทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่า "เหนือฟ้าใต้ฟ้า" ธรรมะหนึ่งเดียวเท่านั้น ล้ำเลิศประเสริฐสุด  เทียนซั่งเทียนเซี่ยเอว๋ยเต้าตู๋จุน"  ผู้บำเพ็ญหากไม่รู้ชัดต่อพุทธะแท้แห่งจิตตน  จื้อซิ่งเจินฝอ  การกระทำทุกข์กรำบำเพ็ญทุกอย่างไม่ต่างกับฝนอิฐให้เป็นกระจกเงา เหนื่อยตายก็ไร้ผล   แต่หากรู้ชัดต่อพุทธะแท้แห่งจิตตน การบำเพ็ญทุกอย่างเปรียบดั่งฝนหยกให้เป็นกระจกเงา ยิ่งขัดยิ่งสว่างใส  รัตนะที่หนึ่งคือจุดนี้ O วงนี้กับจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มี แต่เพื่อชี้นำความเข้าใจแก่ผู้คนจำต้องแสดงรูปลักษณ์ของพุทธะแท้แห่งจิตตน ผุ้บำเพ็ญจะได้ไม่หลงในนามสมมุติ หากหลงในนามสมมุติ ก็จะกลายเป็นเศษธุลีธรรม ฝ่าเฉิน  จะตรงเข้าสู่ภาวะพุทธะแท้ได้อย่างไร หากกล่าวด้วยหมายว่า O นี่คือ ทวารวิเศษ หุบเขาแห่งจิตญาณอมตะ วิสุทธิคาม  จักษุครรโภทร เหล่านี้ล้วนเป็นการชี้นำอันชอบด้วยกลอุบาย คนทั่วไปมักติดขัดอยู่กับอักษร ภาษา จึงยากที่จะประสานสอดคล้องเข้ากับจิตพุทธะแท้ได้ บัดนี้ พระวิสุทธิอาจารย์ได้โปรดแสดงสัญญักษณ์สุญตา O องค์ (ถี่)  ญาณ (ซิ่ง)  เพื่อโน้มนำให้เห็นความมีอยู่อันวิเศษ ความมีอยู่อันวิเศษคือ คุณ (อย้ง)  ชีวะ(มิ้ง) ภาวะสูญตาไม่พ้นความมีอยู่อย่างวิเศษ = ชีวะเป็นคุณ  ความมีอยู่อย่างวิเศษไม่พ้นภาวะสูญตา = สงบว่างล้ำเกิน  องค์กับคุณ สมานกัน   ญาณกับชีวะสมานกัน  ก็คือ พุทธะแท้แห่งจิตตน O เป็นตถตาชีวะที่เป็นคุณสงบว่างล้ำเกินอันเป็นอยู่อย่างนั้นเอง รัตนนี้มีจักษุอินทรีย์เป็นตัวประสานให้รู้จักจุดสถิต

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

        @ สัจคาถา  เจินจิง  (บำเพ็ญสมาธิปัญญาคู่กัน)

สัจคาถานี้  อันที่จริงเป้นผลรวมจากหลักธรรมสุดยอดของห้าศาสนา ตั้งแต่คำต้นจนสุดท้าย ทุกอักษรหมายถึง อนุตตรสัทธรรม ความแยบยล  มหาราชเราจะอธิบายง่าย ๆ พอเป็นสังเขปดังนี้ 
-  ตัวอักษรตัวที่หนึ่ง หมายถึง นิพพาน  อนุตตรภาวะของธรรมะ ศาสนาปราชญ์เรียกภาวะนี้ว่า "วิสุทธิ (จื้อซั่น)  ศาสนาพุทธ เรียกว่า พุทธจิตธรรมญาณ (ฝอซิ่ง)  (อ้างอิง) "พระโพธิธรรม จากตะวันตกมา หามีอักษรไม่ ล้วนแต่อาศัย ความปราณีต เป็นจิตปรารถนา"  ในคัมภีร์วัชรญาณสูตร จารึกไว้ว่า "พึงบังเกิดจิตดดยมิได้ยึดหมาย อิ้งอู๋สั่วจู้เอ๋อเซิงฉีซิน" จิตมิได้ยึดหมายคือ ไม่มีนามรูปเรา  ไม่มีนามรูปเขา  ไม่มีนามรผุปทั้งหลาย  ไม่มีนามรูปกาลเวลา  ไม่มีนามรูปธรรมา และไม่มีนามรูปมิใช่ธรรมา  จิตนั้นก็คือไม่มีเราเขา  ไม่มีเกิดดับ  ไม่มียึดหมาย  ไม่มีตรงข้าม  ไม่มีโลภโกรธ หลง เป็นองค์ญาณตถตาที่เป็นอยู่อย่างนั้นเอง
-  อักษรตัวที่สอง  หมายถึง เทวภาวะของธรรมะ ที่ศาสนาปราชญืเรียกว่า "ซินหมิน" สนิทใจในอุทรธรรมเดียวกัน ก่อเกิดสร้างสรรค์ร่วมกันกับฟ้าดิน  พุทธะเรียกว่า "ฝ่าหลุนอ๋วง ธรรมจักรราชา  ธรรมจักรราชา เป็นครรลองธรรม เสมือนกลไกสร้างสรรค์ สิ่งวิเศษสุดสมบูรณ์พร้อมอันหาที่เปรียบมิได้
-  อักษรข้างท้าย  หมายถึง  "องค์กับคุณ" ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน บำเพ็ญสมาธิปัญญาควบคู่กันไป ถี่อย้งเหออี  องค์สงบนิ่ง ปัญญาแผ่บารมี  ญาณกับชีวิตร่วมกาย เมื่อใช้ให้เกิดคุณ จะประมาณค่ามิได้ เมื่อแผ่กว้างไปจะประจุเต็มทุกทิศ เมื่อพบบุญสัมพันธ์จะให้   เมื่อบุญสัมพันธ์ผ่านไปจะพัก    เมื่อถอยกลับจะแฝงเร้น   เมื่อมาจะรับเมื่อกลับจะนิ่ง   ปลอดโปร่งสว่างใสทุกขณะ   สงบนิ่งเป็นนิจ   มีอริยภาพภายใน    ศักดานุภาพภายนอก   สมบูรณ์ด้วยสภาวะธรรมวิเศษอันแยบยลโดยมิพ้นธาตุธรรมที่เป็นอยู่อย่างนั้นเอง  สัจคาถานี้มีโสตอินทรีย์เป็นตัวประสาน รับรู้เข้าสู่ปัญญาญาณเช่นกุญแจไขไปสู่จิต  พึงรู้ว่า  มีธรรมะแต่มิได้ก่อเกิดคุณาประโยชน์  ธรรมะจะหยุดอยู่ที่ว่างเปล่า   ก่อให้เกิดคุณาประโยชน์โดยไม่มีธรรมะ   การที่เป็นไปจะยึดหมายในนามรูป  ธรรมะคือคุณาประโยชน์  คุณาประโยชน์คือธรรมะ หาก  "องค์กับคุณ"  ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันดังนี้ได้มิใช่พุทธะแล้วจะเป้นอื่นใด

        @ ลัญจกร  เหอถง  (สมถะสัมรวม)

ลัญจกรประกอบมืออุ้มมหาจักรวาลไว้เป็นเอกะธรรม นักปรัชญาได้สัมผัสรับรู้ว่า "มหาจักรวาลคือฉัน  ฉันคือมหาจักรวาล"  นี่คือ สมานกับความเป็น "ฉันสภาวะใหญ่ ต้าหว่อ"  ภาวะนั้นคือ กลับคืนสู่จิตพุทธะมหาเอกภาพของโลก  คัมภีร์อี้จิงจารึกว่า "หนึ่งอิน -หนึ่งหยาง เรียกว่าธรรมะ"  ยิ่งแสดงให้เห็นชัดถึงหลักสัจธรรมของสภาวะ "รูป - ว่าง"  สมานกัน  ภายในลัญจกร จุดเริ่มต้นก็คือจุดสิ้นสุด  ชวดกับกุนประสานกัน  อปมาทารกน้อย อุ้มทารกน้อย  ก็คืออุ้มภาวะสูงสุดคือรูปที่เป็นความว่างไว้  ฉะนั้น รัตนะนี้จึงอาศัยรูปอินทรีย์สัมผัส เป็นตัวประสานให้เข้าถึงสภาวะธรรมแท้

อู้เอวี๋ยน  :  ที่แท้ในนามรูปของไตรรัตน์ แฝงความหมายวิเศษของตถตาไว้ เพียงแต่จิตปุถุชนยากจะหยั่งถึงจิตพุทธะ ความนัยของฟ้าก็จะกลายเป็นจิตใจของฟ้าได้

มหาราช  :  ฮา  ฮา  เวไนย ฯ ไม่ต่างจากพุทธะ  พุมธะไม่ต่างจากเวไนย ฯ อยู่ที่รู้ตื่นหรือหลับหลงเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

พระอาจารย์  :  "ธรรมะไม่เอ่ยขาน ใช้วาจาให้ธรรมะปรากฏ พุทธะปราศจากนาม  ใช้ธรรมะปฏิบัติให้พุทธะปรากฏ  การเกิดดับของหมื่นธรรมขันธ์ล้วนเกิดแต่การนำของเมตตากรุณาคุณอันชอบด้วยอุบายทั้งสิ้น หลักธรรมของไตรรัตน์ในธรรมกาลยุคขาวก็เช่นกัน ยังอยู่แต่ว่าจิตใจของสาธุชนจะเข้าถึงได้อย่างไร ตามบุญสัมพันธ์อันเหมาะสมเท่านั้น"

มหาราช  :  ฐานบุญของเวไนยฯยุคสุดท้ายนี้ เนื่องด้วยผลกรรมในอดีตติดพัน จึงมีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงลึกซึ้งต่อไตรรัตน์วิถีแห่งจิตของยานระดับสูง บัดนี้ มหาราชจะอธิบายความแยบยลของไตรรัตน์ที่บำเพ็ญร่วมกันในยานสามระดับให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
       
        @ ญาณทวาร  เสวียนกวน (การโน้มนำให้เห็นจริงในเอกะสัจทัศน์ อี้เจินกวนเสี่ยงอิ๋นเต่าฝ่า)  ผู้บำเพ็ญปลงเห็นธาตุทั้งสี่ร่วมกายเป็นสิ่งสมมุติ มีแต่หนึ่งจุดญาณทวารเท่านั้นที่เป็นจริง ณ จุดนี้เรียกว่า "ประตูทางตรง"  นัยน์ตา หู  จมูก  ลิ้น  ร่างกายล้วนเป็นทางเกิดดับ มีแต่ญาณทวารนี้ ประตูของหนึ่งจุดญาณ ณ  จุดนี้ที่ไม่เกิดไม่ดับ  คนหมดอายุขัยในโลกแล้ว หากจิตญาณไม่ออกจากประตูทางตรงก็ยากจะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ทั้งตัวตนมีเพียงจิตญาณที่เป็นจริงทุกอย่างนอกกายไม่ใช่แก่นสาร เหตุนี้จึงควรพิจารณาระลึกถึง "หนึ่งจริง" เสมอ เพื่อมิให้หกโจรภัยพาไปสู่ประตูข้างทางแปรปรวนไปตามสภาพ  การกำหนดจิต ณ ญาณทวารจะแยบยลเมื่อพ้นการระลึกมีญาณทวาร ยิ่งนานวันยิ่งปราณีตสุขุม จนปราศจากการรู้หมายในความคิด ทุกอย่างดำเนินได้ดั่งใจโดยไม่พลาดผิด สมานบุญสัมพันธ์ได้เป็นปกติ อายตนะหกสงบเสมอ รับสภาพเสมอ  รับสภาพเสมอ สงบเสมอ อีกทั้งล่วงพ้นการเวียนว่ายในชีววิถีหก ทุกอย่างดำเนินไปในกำมือของตนเอง  ผู้กำหนดจิต ณ จุดญาณทวารเริ่มแรกให้เก็บความรู้สึกนึกคิดทุกอย่าง  ไว้ในความสำนึกคิดเดียว  เก็บความคิดหนึ่งเดียวแล้วคุมจิต  สุดท้ายจะบังเกิดจิตอันมิได้ยึดหมาย เช่นนี้  ก็จะสำเร็จการ เห็นจริงในเอกสัจทัศน์ (อี้เจินกวน) ได้ หากยึดหมายอยู่บนจุดนั้นไม่ปล่อยวาง หรืออาศัยการปฏิบัตินี้ไปดูแคลนธรรมปฏิบัติวิถีจิตที่ผู้อื่นถ่ายทอดชี้แนะกันเช่นนี้  ก็จะห่างญาณทวารประตูแท้แห่งตนไป ระวังให้จงดี  ความหมายแท้จริงของการกำหนดจิต ณ จุดญาณทวาร ก็คือ "ให้คุมจิต" 

        @  สัจคาถา  เจินจิง  (คิดอย่างเมตตากรุณามโนทัศน์ ฉือเปยกวนเสียงฝ่า)  มหาคุณธรรมล้ำเลิศแห่งพระมหาเมตเตยยะผุ้เก็บงานมบูรณ์ผลในยุคปลายจะได้รู้จากพระนามของพระองค์ พระนามของพระองค์เป็นภาษาสันสกฤต แปลเป็นจีนว่า "เมตตา ฉือ"  พระมหาปณิธานเบื้องบนของพระเมตตเตยยะเกิดจากจิตเมตตา ในทัศนของคนทั่วไปความเมตตากรุณาดูจะเหมือนกัน แท้จริงแล้ว  กรุณาคือ จิตที่เวทนาสงสาร ใคร่จะฉุดช่วยให้เขาพ้นทุกข์   เมตตาคือ ให้ความสุข เวไนย์ฯ ไม่มีความสุขสบาย จะต้องหาทางให้ แน่นอน จิตพุทธะนั้น บริบูรณ์พร้อมด้วยเมตตากรุณา การบำเพ็ญควรสร้างกุศลกรรมคุณความดีให้มาก หมั่นปลุกฝังรากฐานทานทั้งสามไว้  คุณธรรมล้ำเลิศของพระเมตเตยยะ เน้นหนักที่บำเพ็ญเมตตาจิต ในพระสูตรจารึกว่า พระมหาปณิธานเบื้องต้นของพระองค์คือ "ไม่ทำร้ายให้โทษต่อชีวิต ไม่เบียดเบียนเลือดเนื้อเขา" จากนั้นเรื่อยมา จึงใช้เมตเตยยะเป็นสกุล เราต่างรู้ดีว่า พระศากยพุทธเจ้าเจริญมหาปณิธานจะบรรลุพุทธะท่ามกล่างโลกแห่งความเสื่อมห้าประการอันเลวร้าย อู่จั๋วเอ้อซื่อ  เพื่อโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ นั่นหมายถึง น้ำพระทัยเมตตาอันเป็นที่สุด  เมื่อพระเมตเตยยะจะทรงอุบัติมาบำเพ็ญโพธิสัตว์บารมี ยุคกาลของโลกขณะนั้นคือ วิสุทธิแดนดิน (โลกมหาเอกภาพ) พระองค์บังเกิดมหาปณิธานจะสำเร็จพุทธบารมีบนวิสุทธิแดนดิน ให้ทุกคนสุขสบาย ก็แสดงถึงมหาเมตตาอันยิ่งใหญ่ไพศาล  ยุคนี้ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวสวดท่องสัจจคาถาเมตเตยยะกัน ก็จะบังเกิดจิตปณิธานเช่นเดียวกับพระเมตเตยยะช่วยเหลือผู้อื่นเต็มกำลังทุกโอกาส เพื่อให้เขาได้รับสุขสบาย  การกินเจไม่เบียดเบียนชีวิตเขา จึงเป็นเรื่องที่ธรรมปฏิบัติในธรรมกาลยุคขาวให้ความสำคัญ เพราะนั่นคือ "วิถีเจริญเมตตาจิต" ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวเคารพเทิดทูนพระเมตเตยยะสรรเสริญพระนาม เอาเมตตาเป็นธรรมปฏิบัติ ซึ่งจะสะท้อนรับสนองตอบกับมหาเมตตาจิตของพระเมตเตยยะ ดังนั้นแล้วจึงไม่เป็นการยากเลยที่จะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เจ็ด (พุทธาลัย) เราผู้บำเพ็ญจึงต้องประคองอุ้มชูสัจคาถา พิจารณาไว้เสมอ ระลึกถึงพระพักตร์เมตตาของพระองค์ที่กอบกู้ชาวโลกปรกโปรดด้วยความยินดีทั่วหน้า เราจึงต้องหมั่นแจกจ่ายให้ทานคำนึงถึงเพื่อใคร ๆ ให้มาก ไม่เจาะจงยึดหมายในเจตนา มีแต่จิตเมตตาให้ความอบอุ่นต่อผู้อื่นโดยไม่ถือบุญถือคุณ  หากทำเช่นนี้ได้ แน่นอนนักกับการผูกมหาบุญสัมพันธ์กับพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งจะได้เฝ้าพระพุทธะ สดับธรรมประจักษ์มรรคผลการเวียนว่ายตายเกิด

       @  ลัญจกร  เหอถง  (คิดอย่างจิตทารกบริสุทธิ์ทัศน์   ซื่อจื่อกวนเสียงฝ่า)  จุดตำแหน่งชวดกับกุน ประกอบกันในลัญจกร แฝงความหมายสัญญลักษณ์อินหยางสมานกัน อีกทั้งประกอบกันเป็นตัวอักษรคำว่า "ทารก  ไห" การอุ้มลัญจกรจึงอุปมาว่าอุ้มทารกน้อย (อุ้มจิตบริสุทธิ์)  จิตใจทารกบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งพุทธจิตเป็นจิตปกติปราศจากการแบ่งแยก ชิงชังรักใคร่ ปราศจากรู้ อยาก เสแสร้ง ทิฐิ มีแต่ความบริสุทธิ์ไร้เรียงสา หิว - กิน  ง่วง - นอน  ไม่จงใจต่อการใด ไม่มีการใดในใจเจาะจง แสดงออกเป็นไปทุกอย่างตามธรรมชาติ ผู้บำเพ็ญทางเป็นไปตามนัยนี้ ประคองจิตไร้เดียงสาได้ทุกขณะเวลาเช่นเดียวกับทารกไร้เดียงสา เป็นไปตามเหตุปัจจัยฟื้นฟูเมตตาจิต แพร่ธรรม  ประกอบกรรมดีทุกอย่าง ละเว้นความชั่วทุกประการดังนี้ มิพึงห่วงว่าจะไม่เกิดมรรคผล
        มหาราชเราหวังให้ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวเข้าใจให้ลึกซึ้งในความหมายแห่งธรรมของคำว่า "ตถาคตเทียนหยาน  เทียนหยานหยูไหล" (พระนามพระธรรมาจารย์ หมายถึงความเป็นธรรมชาติโดยธรรมชาติ)

อู้เอวี๋ยน  :  ถ้าเช่นนั้น คุณวิเศษของไตรรัตน์นับว่าใช้ได้อย่างกว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่น่าเสียดาย ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวน้อยนักที่จะเวียนธรรมจักรอันวิเศษแยบยลนี้ รู้จักยึดถือแต่นามรูปแล้วถือดี หรือดูถูกลัทธินิกายอื่น สร้างกรรม ถูกสอบ นี่คือ... ไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของไตรรัตน์หัวใจพุทธะ ทำให้ผู้อื่นหลงผิด ทำร้ายตนเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

มหาราช  :  ใช่ บัดนี้ศิษ์ธรรมกาลยุคขาวส่วนใหญ่ เป็นผู้มีใจฝึกฝนบำเพ็ญจริง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจเข้าถึงรู้แท้ต่อความ้หนื่อยากที่พระวิสุทธิอาจารย์จัดไตรรัตน์ ถ่ายทอดไตรรัตน์ให้ จึงทำความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นแก่ตนเองและผู้อื่นมากมาย เชื่อว่าผู้บำเพ็ญเหล่านี้ หากทำความเข้าใจหนังสือเล่มนี้ให้ดี คสวามศรัทธามุ่งมั่นต่อธรรมะของพวกเขา จะพวยพุ่งรัศมีหมื่นสายเพื่อธรรมจักรวาลได้

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณมหาราชโปรดไขกุญแจใหญ่ที่ลั่นติดธรรมนาวายุคขาวไว้ ยังหวังว่ามหาราชจะไขความผิดที่่มักเิกดขึ้นของชาวโลกผู้ปฏิบัติบำเพ็ญในไตรรัตน์ เพื่อจะได้เคลื่อนธรรมนาวาให้สะดวก และมั่นคงยิ่งขึ้นอีก ทั้งบรรทุกฉุดช่วยคนเดิมให้พ้นทะเลทุกข์ ขึ้นู่ฝั่งธรรมได้มากยิ่งขึ้น

มหาราช  :  บรรพพุทธาท่านทุ่มเทเหนื่อยใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความศรัทธาจริงจังอย่างยิ่ง ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะพูดมากอีกหน่อย หวังว่าผู้บำเพ็ญ จะรักคุณค่า ไม่ว่าจุกจิก   การบำเพ็ญธรรมด้วยการกำหนดจิตตรงจุดวิเศษทวารเป็นธรรมปฏิบัติที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวใช้กันมากที่สุด ดังนั้น  ในสิบสองชั่วยาม ไม่ว่าจะนั่น นอน เดิน ยืน  จงหยุดความคิดโยงใย ยกใจขึ้นเบา ๆ กำหนดตรงจุดญาณทวาร นานเข้าจิตจะปราณีตละเอียด กำหนดโดมิได้กำหนด เข้าถึงสูญตาภาวะได้แต่หากระหว่างการกำหนดจิต เกิดมีมายาภาพ อย่าได้สำคัญหมายว่าเป็นจริง (คิดว่าเป็นญาณวิเศษอภิญญา) สมมุติว่าเห็นทัศนียภาพบนสรวงสวรรค์ หรือเห็นพระโพธิสัตว์เสด็จไปมา หรือเห็นกายธรรมของตนเข้าออก เหล่านี้มิต้องใส่ใจ  หากกระหยิ่มยินดี อวดโอ้ มารก็จะเข้าแทรกแซง ทำให้ฟั่นเฝือ  การกำหนดจิต ณ จุดญาณทวารเป็นธรมปฏิบัติเพื่อการคุมจิตหยุดคิดฟุ้งซ่าน แต่จะต้องมีผู้รู้จริงหรือพระวิสุทธิอาจารย์ ชี้นำเพื่อป้องกันวิญญาณขันธ์นำพาให้หลงผิดเผลอใจ อย่าคลำทางเอง จะให้โทษมากกว่าให้คุณ  อีกประการหนึ่ง ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวทั่วไปมักใช้สัจคาถาไปในทางเคราะห์ร้าย หลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ฉะนั้น ศิษย์ผู้บำเพ็ญไม่น้อยที่มักจะเข้าใจว่า เมื่อเกิดเหตุร้ายที่ความสามารถของคนไม่อาจแก้ไขได้ จึงกำหนดจิต ณ จุดญาณทวาร แต่ไม่รู้ว่าภัยพิบัตินั้น ไม่เพียงหมายถึงกายเนื้อที่ต้องรับเคราะห์ภัยอันตรายบาดเจ็บเท่านั้น ภัยพิบัติที่แท้จริงคือ การเวียนว่ายเกิดตายมาทุกชาติต่างหาก ยิ่งกว่านั้น การเวียนว่ายเกิดตายก็ด้วยสาเหตุที่จิตฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง เกี่ยวโยงไม่หยุดยั้ง การเวียนว่ายไม่อาจสิ้นสุดได้ จึงควรสยบความฟุ้งซ่าน ปรุงแต่ง ให้จิตสำนึกตื่นขึ้นเสมอ นี่เป็นกลไก การเกิดตายที่แท้จริงของศิษย์ผู้บำเพ็ญ 
        สัจคาถาที่พระวิสุทธิอาจารย์ธรรมกาลยุคขาวถ่ายทอดให้ในบัดนี้นั้น เป็นพระคาถาสว่างเจิดจร้ายิ่งใหญ่ที่สยบมาร  เป็นพระคาถาหมดจดสดใสที่พ้นไปจากเคราะห์ภัยทั้งปวง ผู้บำเพ็ญหากเข้าใจความแยบยลนั้น ได้ในขณะที่ทะเลใจปั่นป่วน  บ้าคลั่ง  ฟุ้งซ่าน  ปรุงแต่งจนไม่อาจกำราบได้นั้น เพียงใช้จิตศรัทธาแท้จริงท่องพระคาถาในใจสองสามจบ อารมณ์ฟุ้งซ่านปรุงแต่งก็อันตรธานไป ดุจดั่งแสงอาทิตย์สาดส่อง เมฆหมอกย่อมจางหายไปฉันนั้น ผู้บำเพ็ญหากหมั่นรักษาพระคาถานี้เสมอ จะไม่เพียงผูกอริยสัมพันธ์ไปสู่ชุมนุมอริยหลงฮว๋ากับพระศรีอารยเมตตรัยได้ นานวันเข้าจนภาวะนั้นประณีตลื่นเรียบ สวดท่องเหมือนมิได้สวดท่อง จิตสงบนิ่ง การเวียนว่าย (ของจิต) ยุติลง จึงจะรอดพ้นเหตุร้ายภัยพิบัติได้จริง  อีกประการหนึ่ง ที่ผู้บำเพ็ญอุ้มลัญจกรกราบพระกันทุกวันนั้น หากจิตบริสุทธิ์ไร้เดียงสา จะห้าร้อยกราบ หนึ่งพัน สองพัน สามพันกราบ... ขณะนั้นจิตสงบนิ่ง ไม่มีความคิดใด ๆ เลย สมาธิอยู่กับการกราบ หากทำความปราณีตได้เสมอไม่ขาด ไม่เพียงขณะถวายธูปเท่านั้น ในชีวิตประจำวัน จิตก็บริสุทธิ์สงบนิ่ง กราบจนมิรู้หมายว่ากำลังกราบ... เมื่อถึงภาวะนี้ได้ ก็จบสิ้นความทุกข์ของการเวียนว่ายเกิดตายได้เอง ที่น่าเสียดายคือ ปัจจุบันศิษย์ธรรมกาลยุคขาว น้อยคนนักจะลึกซึ้งในรัตนะวิถีแห่งจิตนี้  เห็นการถวายธูปกราบพระเป็นเพียงรูปแบบพิธีการ ไม่รู้ว่าขณะนั้นคือ การค้นหาสัทพุทธาในตน  น่าเสียดายแท้ !  สุดท้ายที่ใคร่จะเน้นสักหน่อยคือ ไตรรัตน์สัจธรรม แม้จะโปรดลงตามเกณฑ์กำหนด เป็นรัตนะวิเศษล้ำเลิศแฝงเร้น แต่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจะต้องจำไว้ว่า  วิถีธรรมเสมอภาคกันไม่มีสูงต่ำ  ธรรมะไม่มีสูงต่ำ อยู่ที่สำนึกรู้ช้าเร็วกว่ากัน ซึ่งเป็นไปตามบุญวาระและพื้นที่ของแต่ละคน  ผู้บำเพ็ญบ้างอาศัยชี้นิ้วเห็นจันทร์เพ็ญ บ้างสำนึกรู้ได้ฉับพลัน  บ้างด้วยทัศนะพิจารณา  บ้างด้วยกำหนดจิต ณ ทวารวิเศษ  บ้างอาศัยเมตตาจิต  บ้างด้วยจิตทารกบริสุทธิ์   บ้างกำหนดหมายด้วยพระคาถา   หรืออาศัยการน้อมกราบบูชาพระเป็นเครื่องนำทาง  ขอเพียงปฏิบัติบำเพ็ญตามหลักธรรมไม่หน่ายหนี วิริยะ  ดำเนินเรื่อยไปอย่างมั่นคง ไม่แปรเปลี่ยนตลอดชีวิต ตั้งปณิธาน เจริญปณิธาน  ดำรงจิตเสมอภาค  ฉุดช่วยตนฉุดช่วยท่าน  สุดท้ายล้วนได้กราบพระฯ สดับธรรมได้รับพยากรณ์กำหนดจากพระเมตเตยยะ ณ งานชุมนุมพระอริยะนาคะภัทระหลงฮว๋า ประจักษ์มรรคผลตนได้อย่างแน่นอน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 6

                           ตรีเทพพิทักษ์มหาราชจัดเวียนธรรมจักร
                            วิถีจิตประทับญาณทวารสืบสานสัจธรรม

                                     ซันกวนต้าตี้จ่วนฝ่าหลุน
                                  ซินฝ่าเจินฉวนอิ้นเสวียนกวน

พระอาจารย์  :  คืนนี้  พระมหาราชได้เหน็ดเหนือยอรรถาธรรมอันสูงส่งเลิศล้ำด้วยหลักธรรมลึกซึ้งแก่ศิษย์ ธรรมกาลยุคขาวของข้าพเจ้า ช่างวิเศษยิ่งนักแล้วหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บำเพ็ญในโลก จะไม่ยึดหมายในความเห็นตน จะไม่ถูกอักษรข้อความ นามรูปสกัดกั้นไว้ ธรรมปฏิบัติทุกประตูสนองรับบุญสัมพันธ์นั้น ๆ จุดหมายปลายทางล้วนเพื่อนำญาณเดิมให้จิตใส ใจสว่าง  พ้นการเวียนเกิดตาย  ฉะนั้น จึงกล่าวว่า หากใครเห็นเราด้วยรูป วอนเราด้วยเสียง ผู้นั้นดำเนินมิจฉาธรรมะ ไม่อาจเห็นตถาคต ศิษย์เมธีทั้งหลายจะไม่รู้ตื่นตามนี้ได้หรือ

อู้เอวี๋ยน  :  วันนี้ศิษย์โชคดีมาก ได้น้อมสดับมหาราชเจ้าโปรดเวียนมหาธรรมจักรไตรรัตน์ธรรมกาลยุคขาว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก ขอน้อมกราบขอบพระคุณ ณ ที่นี้  หวังว่าพี่น้องผู้ร่วมบำเพ็ญในโลกและอาวุโสทั้งหลายจะได้รับรู้ด้วยตนเป็นอย่างดี ธรรมวิถีแห่งจิตของมหาราชเจ้าที่ได้โปรดแสดง คือ "การฉุดช่วยตยฉุดช่วยท่าน" นั่นเอง

พระอาจารย์  :  คืนนี้เวลาดึกแล้ว เราศิษย์อาจารย์พากันกราบลามหาราชเจ้ากันเถอะ

มหาราช  :  ระฆังกังวาน พร้อมกันจัดระเบียบแถว ส่งพระบาท

พระอาจารย์  :  มิกล้ารับ  มิกล้ารับ  อู้เอวี๋ยน ตามอาจารย์ขึ้นอาสน์บัวมา หลับตาลอยขึ้นได้  ถึงตำหนักพระแล้ว จิตญาณของอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

ธรรมกาลฟ้า        ครรลองพา        มหาโลก
ธรรมชาติปรก       มิหกหัน           ทุกกาลเกิด
บรรพธรรม          งานฟื้นฟู           "หยู" ชูเชิด        (หมายเหตุ หยู ศาสนาปราชญ์)
พุทธะเกิด          เพื่อเทิดจัด        ปราชญ์อริยา

เทียนหลี่หลิวสิงเปี้ยนต้าเซียน        หยานก้วนกู่จินอู๋เต่าเตียน
กู่เฟิงฉงเจิ้นหยูตังอวิ้น                  ฝอจู้เฉินซื่อเถียวเซิ่งเสียน
                                                                                                                                         เราคือ
        พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน (ธรรมชาติจากฟ้า)
        พระอาจารย์ของเจ้า        วันนี้สนองรับ
พระแม่องค์ธรรมทรงบัญชา        เหินเมฆล่องลอยมา
                                       น้อมสู่ตำหนักฟ้า กราบ
พระแม่ฯทรงเมตตาแล้ว
        ยกพู่กัน        จำนรรจ์จด        หนังสือบท        กระบะทราย
ด้วยหน้าที่             สัมพันธ์หมาย    เพื่อเวไนย        ได้ชุบชู
เทพฯคนร่วม          ทำงานฟ้า         ผู้ศึกษา            จะต้องรู้
อย่าดื้นติด             ผิดทางลู่          ศักดิ์สิทธิ์รู้         ลิขิตธรรม
มีธรรมเป็น             เช่นพุทธะ        ธรรมเลิกละ        ศักดิ์สิทธิ์หาย
ศึกษาธรรม            บำเพ็ญหลัก      จงรู้รักษ์            จิตกว้างไกล
ท่องสวรรค์            ดุสิตไป            ให้จิตกว้าง         ดั่งว่าไว้
หลักธรรมทัศ -          นาไป            ไม่สอบใจ          ให้ยากเย็น

ถีปี่เอี๋ยนเซวียน                           ซาผันจู้ซู
เปิ่นสู่อิ้งเอวี๋ยน                           เอว้ยจิ้วจ้งเซิง
เสินเหยินเหอปั้น                         ชันเอี๋ยนจือจื่อ
เซี่ยม่อจื๋อเพียน                          ซิ่นจีซิ่นหลี่
หลี่ไจ้ฝอเซียน                           ซือหลี่เสินไหม
เสวียเต้าชิวจื่อ                            จุนหลี่ซินควน
เทียนฝอเอวี้ยนจิ่ง                        อิ๋วจี้อี้หยาน
ปิ่งหลี่เอวี้ยกวน                           จื้ออู๋เข่าหนัน
                                                                                                                                          ไฮ   พัก 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

ปลื้มปิติ             ที่ประพันธ์             งานบททอง
กระบะรอง          ให้โอวาท             ปราชญ์ทั้งหลาย
ผู้บำเพ็ญ            เป็นชนชั้น            ปัญญาไกล
ทิฐิหมาย            รู้วางลง               ปลงเท็จจริง

สี่เอวี้ยจู้ซุจี้จินเอี๋ยน             ซาผันหลิวซวิ่นอิ่นเหลียงเสียน
ซิวเต้าจือเจ่อจื้อฮุ่ยกว่าง        เยิ่นซื่อเจินเจี่ยอู๋จื๋อเพียน

สำแดงฤทธิ์         ศักดิ์สิทธิ์บ้า           ฟ้าเมินถาม
สัจธรรม              ความเรียบง่าย        หมายเหมาะกว่า
คนสื่อสาน           เป็นสะพาน            งานของฟ้า
เซียนพุทธา         หาใช่ไม่               เขากายคน

ไกว้ลี่ล่วนเสินเทียนจื้อฮุ้ย          ผิงอี้เจินหลี่จุ้ยซื่อหยาน
เทียนไฉซุยซื่อเทียนเฉียวตัง      อี้ซื่อฝันเซินเฟยฝอเซียน

อักขระ               กระบะทราย             หมายนำพา
เห็นมิจฉา            สัมมาทัศน์              ทางสัจยิ่ง
โองการฟ้า           ทุกวาจา                 ถ้อยคำจริง
มิให้อิง               สิ่งมิจฉา                 วาจาตน

หลวนจีจือเหวินสู่ฟังเปี้ยน            เจิ้งเสียจื่อผิงเจินหลี่กวน
จวี้จวี้เจินเอี๋ยนเจินเทียนมิ่ง          ยั่วเซ่อซื่อเสินโหย่วเสียเอี๋ยน

ผู้เรียนรู้               ดูจำแนก                แยกเอาไว้
ส่องกลางใจ         ธรรมอยู่ใน              จักษุปัญญา
ให้โดยชอบ          นอบน้อมนำ            ทำงานฟ้า
ไม่ท้วงว่า             จะถูกผิด                ปิดปากปรุง

ชันอู้จือจื่อเฟินฉวี่เส่อ                  เต้าไจ้ฮุ่ยเอี่ยนเจ้าซินเถียน
เทียนเต้าเปี้ยนหลี่เชียนหยั่งเซียน        ปู้เจิงซื่อเฟยม่อโข่วเจียน

กล่อมเกลานำ         ตามบุญมี               มิดึงดัน
เท็จจริงนั่น             ฟ้าท่านใส              รู้ไปสิ้น
ยุคขาวธรรม            นำคนเดิม              เสริมชีวิน
ศิษย์เดินดิน            ทูตสวรรค์              ชั้นเซียนมา

สุยเอวี๋ยนตู้ฮว่าม่อเฮ่าเปี้ยน           ซื่อเจินซื่อเจี่ยเทียนหมิงหยาน
ไป่หยางต้าเต้าจิ้วเอวี๋ยนจื่อ            จูถูเจียซื่อเทียนสื่อเซียน

ถือศีลสัตย์             ปฏิบัติ                  เป็นแบบอย่าง
ตรงแนวทาง           ข้างหน้าเขา           เสาธงแน่     
หมื่นเคี่ยวกรำ         ทดสอบใจ             ไม่ถอยแพ้
มั่นมิแปร               ธรรมะแกร่ง            แรงหยัดยืน

อี่เซินจั้วเจ๋อจุนฝอเจี้ย                 เปียวกันเจิ้งจื๋อลี่เหยินเฉียน
อวั้นปันเข่าหมออู๋ทุ่ยจื้อ               เต้าซินฉือเหิงอี้ลี่เจียน

จำแนกอย่าง           "ทางไกลรู้              กำลังม้า"
"กาลเวลา              ยิ่งยาวไกล              รู้ใจคน"
โลกอริยะ               จะโลกใด               ใจส่งผล
ทุกสิ่งดล               บันดาลพา               มหาโลก

ลู้เหยาหม่าลี่จื้อเฟินเปี้ยน             ซื่อจิ่วหยินซินตังหญุเจี้ยน
หลี่เทียนเชิ่งอวี้อี้ซินเจ้า               ผิงฉังจือซื่อจี๋ต้าเซียน

ธรรมจริงนัก            หลักธรรมตรง              โองการฟ้า
จริงวาจา                ปฏิบัติ                       สัทธะล้วน
บำเพ็ญมรรค           รัตนตรัย                     ไม่เรรวน
ควบม้าด่วน             แทนอาจารย์                งานแพร่ธรรม

เต้าเจินหลี่เจินเทียนมิ่งเจิน            เอี๋ยนเจินสิงเจินต้าเต้าเฉวียน
ซึตี้ซิวฉี่ซันเป่าลู่                        ที่ซือโจว๋หม่าป่าเต้าฉวน
                                                                                                                                       ฮา   ฮา   พัก                             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

จงรู้เกณฑ์กำหนดวาระหนา             ขอเพียงศรัทธาเพียรธรรม (ซีสืออวิ้นซี ซิวเต้าเอว๋ยเฉิง)      จงพ้นจากทุกข์ห้วงเหวโลกีย์กัน       
ผู้ไร้บุญสัมพันธ์จะเข้าใจไหม ?.        ผู้มีบุญสัมพันธ์ย่อมพบการถ่ายทอดวิถีธรรมจริงได้            อย่าสูญค่าเวลาชีวิตกาย พลังญาณสูงส่งให้คงไว้
บำเพ็ญสามสิ่งวิเศษในกายตนให้จงดี   (จิง ชี่ เสิน กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ)                 บริสุทธิ์หมดจดด้วยความมุ่งมั่นงามสง่าน่าคร้าม
ประกาศสัจธรรมโน้มนำชาวโลกแทนฟ้า      อรรถาธิบายความในจากเบื้องบน                         เบิกวิถีธรรมนำคนหลับหลงให้ตื่นใจ
สนองรับเกณฑ์กำหนดวาระหนา               ธรรมพงศสจริงแท้ปรกแผ่โปรดลง   (อิ้งสืออวิ้นซี เจินจงผู่เซี่ย)
แจกแจงวิถีที่ครั้งโบราณมามิให้รั่วไหล       ทวารวิเศษ   รหัสคาถา   ลัญจกร    ฉุดช่วยญาณเดิมทั้งชายหญิง    ยุคสามปลายกัปหนอ ธรรมะกับภัยพิบัติพร้อมกันลงมา     พายุ  วาตะ  อัคคี  มาถึงพร้อมกัน      หากมิใช่เบื้องบนทรงจัดการแล้วจะเป็นใคร       นั่นคือ บาปร้ายที่คนในโลกทำให้เป็นไป             
มิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเหนื่อยยากมากความ              ห่วงใยเวไนยฯต่างได้รับเคราะห์กรรม             บาปหนา โรคหนักมิอาจรักษา โอถวิเศษมิอาจเยียวยา      หลงทางลืมตนเหมือนไม่สนใจใยดี                    ควบม้ามาฉุดก็ไม่สะเทือน                         คนดีก็ดีได้ คนร้ายยังคงร้าย แต่น่าเศร้ามากกว่าน่ายินดี     
ยิ่งถลำยิ่งดิ่งลึก       อนิจจา !  จะให้ถึงก้นเหวหรือไฉน       ที่สุดของคนเอ๋ย... วิญญาณผ่านสถานตรวจสอบตรงทางสามแพร่ง  จำแนกบาปบุญรับผลต่างกัน
ที่ด่านจิ่วหยางกวน แบ่งแยกหยกกับหิน          ณ พุทธาลัย บุญได้เลื่อนขึ้นไป                      บาปต้องตกต่ำคร่ำทุกข์ในนรกภูมิ
ดังนั้น รวมทั้งผู้ทำลายต่อต้านหรือผิดต่อทางธรรม              คุณหรือโทษเล็กน้อยก็ชัดเจน        เห็นสภาพชาวโลกในปัจจุบัน
เซียนพุทธาต่างมิอาจอดใจ  มิอาจปล่อยให้แหลกเหลว       สิ่งศักดิ์สิทธิ์กับคนจึงช่วยกันจารึกเหตุการณ์ท่องพุทธาลัย   
กู่ก้องร้องเรียกให้มาบุญแต่จะมีสักหนึ่งสองในร้อยคนก็ทั้งยากที่จักเห็นทางอริยะสำคัญกว่าทางโลก     ต่างปฏิเสธเบี่ยงบ่าย บรรลุได้นั้นยากนัก 
สิบหล่นเสียเก้าคิดดูเถิด...  เหนื่อยยากเพื่อเวไนยฯ เจ็บป่วยเพื่อเวไนยฯ   แต่เดิมทีเวไนยฯหรือคือพุทธบุตร  จมดิ่งนานมา หลงลึกนานมา     บัดนี้
        พระแม่องค์ธรรมทรงโปรดฯ อู้เอวี๋ยนได้ท่องทั่วนรกสวรรค์ด้วยใจปิติกระตือรือร้น ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เที่ยวชมแดนอริยะ แปลกตา จารึกเหตุการณ์สถานที่ตามความเป็นจริง เพื่อแปรโลกสู่เอกภาพ กลับสู่ความดี อีกทั้งให้ได้แสวงหาอาจารย์ขอรับวิถีธรรมบำเพ็ญจริง ได้หนทางสว่าง ฉุดช่วยหมื่นล้านดวงญาณต่อไป อันเป็นงานเร่งด่วน เมื่อหนังสือนี้ได้เสร็จสิ้น ยังจะเอื้อคุณประโยชน์ต่อแดนไกล แปรสหาโลกให้เป็นสระบัวบาน เป็นสิ่งงามแท้วิเศษยิ่งหรือมิใช่อันหนังสือนี้มิกล่าวเกินการ เรื่องของวิสุทธิสถานเป็นจริงอยู่ตรงหน้า พึงค้นหาที่มา... เราถ่ายทอดข้อความกันทั้งคืน ทำงานกันทั้งวัน วันก่อนที่ท่องเที่ยวสถานตรวจสอบวิญญาณผู้ตายปากทางสามแพร่ง เรื่อยต่อไปยังชุ่ยเอวี๋ยซันบรรพต รัตนะตำหนัก "ตรีเทพพิทักษ์มหาราช" แต่ยังมิได้เห็นวิญญาณผู้ตายถูกสอบสวนลงโทษด้วยประการใด  คืนนี้ได้รับพระโองการฯ กำหนดให้ชมเก้าเก้าด่านจื่อหยาง ดูการแบ่งแยกบาปบุญ ให้คุณให้โทษ  บัดนี้ได้เวลา อู้เอวี๋ยนสงบใจ ท่านจอมเทพพิทักษ์ธรรมได้โปรดคุ้มครองตำหนักพระ เราจะออกเิดินทาง 

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์เรียบร้อยแล้วขอรับ น้อมรอเวลาออกเดินทาง

พระอาจารย์  :  คืนนี้ จะนำเจ้าไปยังเก้าเก้าด่านจื่อหยาง ท่องเหตุการณ์จริง บันทึกงานจำแนกบาปบุญคุณโทษของผู้บำเพ็ญ ดูเหมือนอู้เอวี๋ยนเจ้าจะมีความในใจ

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์มิได้มีความในใจ แต่รู้สึกแปลกใจ จำได้ว่าหนังสือท่อง จิ่วหยางกวน  พิมพ์ออกมาแล้ว เหตุใดพระอาจารย์ยังจะนำศิษย์ไปเยี่ยมชมอีก  อย่างนี้จะมิเป็นการซ้ำซ้อนหรือขอรับ         

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”