collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: บทสำรวจตนเอง  (อ่าน 16132 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: 2/03/2011, 08:03 »

                                                            ๕๐.

        มนุษย์  ฟ้าทรงก่อกำเนิด   จิตญาณ  ฟ้าทรงประทานให้   ยามที่คนเราปฏิบัติกิจธุระโดยถือจิตฟ้าเป็นประธาน มีความยุติธรรมไร้ลำเอียง ฉะนี้จึงจะถือว่าสอดคล้องต่อธรรมะได้ และเมื่อไปยังที่แห่งหนใด ก็จักมีแต่ความสว่างไสวอำไพในทุกสถาน แต่หากใช้นิสัยอารมณ์ ใช้จิตมนุษย์เป็นประธานต่อการปฏิบัติกิจธุระทั้งปวง มีแต่ความเห็นแก่ตัวมิรู้พอ กิเลสตัณหาถั่งเกิดมิรู้ยั้ง  โลภมากไขว่คว้ามิรู้หน่าย ฉะนี้มิใช่มหาธรรม  และทุกที่ทุกทางก็จักมืดมน อนธการเสมอไป

                                                             ๕๑.

        พระโพธิธรรมตั๊กม๊อได้เดินทางจาริกถ่ายทอดธรรม ณ ประเทศจีน จนได้กลายเป็นพระปฐมบรรพจารย์ในประเทศจีน  ส่วนพระสัทธรรมที่พระองค์ทรงถ่ายทอดนั้น ก็หาได้มีบัญญัติเป็นอักขรภาษาไม่ หากชี้ตรงลงสู่กลางพื็นนากมล  แจ้งยลธรรมญาณสำเร็จเป็นพระพุทธา หนึ่งจุดพาหลุดพ้น  และได้กลายเป็นการถ่ายทอดโดยอำพรางแห่งสำนักฌาน (เมื่อสำนักฌานแพร่หลายไปในญี่ปุ่น คำว่าฌานก็ออกเสียงแปร่งเป็นเซ็นตามที่เรารู้จักกันได้ในปัจจุบัน) ในกาลต่อมา มีวาทะหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "มีคำหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ มีคำหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้นภูวดลทั้งสี่ทวีปก็ยังมิอาจรองรับได้ ผู้ใดได้รับหนึ่งคำนี้ ก็จักร่วมวิถีโอภาบนเขาคิชกูฏ"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: 3/03/2011, 12:15 »

                                                           ๕๒.

        ดัชนีชี้จันทร์ นั่นมิหมายว่านิ้วคือจันทร์ มิใช่ม้าพรรณนาม้า (เนื่องจากมิเคยรู้จักม้ามาก่อน จึงได้อาศัยสิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่ม้ามาอุปมาให้เข้าใจ แต่สิ่ง ๆ นั้น อย่างไรเสียก็ยังมิใช่ม้าอยู่ดี แต่หากยังมิถึงฝั่ง ยังมิได้รับธรรมะ อักขรภาษานี้ ที่สุดแล้วก็มิควรที่จะไม่ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เพราะนี่คือสัตบถ (ทางที่ถูก) ที่นำพาคนเราสู่ธรรมะนั่นเอง ทุกพระพุทธะล้วนประทับด้วยใจ หากมิได้ประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว ก็เสมือนหนึ่งคนบอดได้ม้าบอด แม้นได้ประชันอยู่เพียงหน้าก็ยังมิอาจรู้จักได้
                                                            ๕๓.

        หยวี่หลิน (เหล่าเฉียนเหยิน แซ่หัน นามกรว่าหยวี่หลิน) กล่าวว่า "พวกเราได้ประสพบพยุคสามปลายกัป ได้ประจักษ์พบพระวิสุทธิอาจารย์และได้ออกประกาศพระสัทธรรม ดังนั้น เราจึงจำต้องยึดมั่นในพระโองการและบำเพ็ญธรรมจริง หากได้มีจิตละโมบเพ้อฝัน ไม่เคารพพระโองการสวรรค์ ไม่สร้างกุศลบุญญาบารมี มาตรว่าจะได้รับธรรมะก็เท่านั้น"  พระบรรพจารย์รุ่นที่สิบห้ากล่าวไว้ว่า "ธีรชนเจริญมิจฉาธรรม มิจฉาธรรมล้วนสัมมา ทุรชนเจริญสัมมาธรรม สัมมาธรรมล้วนมิจฉา" จงรู้ไว้ว่า พระวิสุทธิอาจารย์ลงอุบัติ เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้ว ดังนั้น ผู้มีความมุ่งมั่นพึงรีบถนอมโอกาส ปัญญาชนจะปฏิบัติเมื่อสบโอกาส หากคนโฉดเขลาจะมีแต่พร่ำเสียใจเมื่อพลาดโอกาส"

                                                             ๕๔.

        สิ่งสำคัญที่สุดแห่งการบำเพ็ญธรรมนั้นคือกุศลปฏิปทา กุศลปฏิปทาก็คือการแสดงออกปห่งการบำเพ็ญธรรม และการรู้ขมาสำนึกจากการทำชั่ว ก็คือจุดเริ่มต้นแห่งกุศลปฏิปทา ดังนั้นเมื่อละบาปบำเพ็ญบุญ ก็คืออริยเมธีเจ้า หากได้ละวางศัสตราที่ประหัต ก็จะสำเร็จเป็นพระพุทธะในทันใด   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: 4/03/2011, 04:34 »

                                                           ๕๕.

        พวกเราบำเพ็ญธรรม พึงให้ปัญญาจิตสามารถควบคุมสังขารได้  ให้พลังใจสามารถควบคุมกิเลสได้  ผู้ที่นิยมในจริง ยินดีในการกุศล ชมชอบในความงาม สละตนเพื่อปวงชน ฉะนี้จึงคู่ควรการเป็นมนุษย์ที่แท้จริงได้ แต่อันจุดบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมนุษย์นั้นก็คือ ธรรมชาติเดิม นั้นมีจำกัด หากกิเลสขจรจัดไร้ขอบเขต ดังนั้น หากมิอาจควบคุมกิเลสแห่งสังขาร แล้วการบำเพ็ญธรรมจะมีประโยชน์อันใดเล่า ?

                                                             ๕๖.

        คนเราเมื่อเกิดกายบนโลก ก็ต้องผจญต่อภยันตรายแห่งคลื่นลมมหันต์ที่ซัดสาด จนเป็นที่รู้สึกว่าชีวิตเรานั้นช่างเล็กเพียงนิด ส่วนลาภยศสรรเสริญนั้นเล่า เพียงพริบตาก็สูญมลาย ซูตงพอจึงกล่าวไว้ว่า
                  ฝากร่างจ้อย ๆ ไว้ใต้ดินฟ้า
                  เห็นกายาเพียงเม็ดข้าวในมหาธารา
                  สุดเศร้าชีวาแสนสั้นเพียงพริบตา
                  ช่างน่าอิจฉาความสุดคณาแห่งฉางเจียง
                  ลาภสักการะบนโลกาดุจเพียงนิศาชลบนพฤกษา
                  ยศฐาศักดาก็ประหนึ่งฟองน้ำบนผิวธารา
                  เพียงแค่อนิจจังเยือน
                  จึงพึ่งเตือนว่าเป็นฝัน
                  ทุกสิ่งมิอาจครองกัน
                  เพียงกรรมนั้นที่ตามติดตัว

ผองเราพึงตระหนักให้จงดีว่า ชีวิตในหนึ่งชาติ ก็คือความฝันแค่หนึ่งฉาก ได้ประจักษ์พบธรรมะ ก็พึงมานะเร่งตื่นพลัน

แม่น้ำฉางเจียง เป็นแม่น้ำอันดับหนึ่งของเมืองจีน มีความยาว  6,300  กิโลเมตร พื้นที่แม่น้ำกินอาณาบริเวณ  180.71ตารางกิโลเมตร ค่าเฉลี่ยอัตราน้ำไหล ณ ปากแม่น้ำเท่ากับ 32,4000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

                                                                 ๕๗.

        ธรรมะนั้นแสนวิเศษแยบยลจนสุกพรรณา มิเพียงตนนำพาจิตรู้แจ้งจึงสำราญในธรรมชาติ ไร้กิเลสจิตสะอาดจึงนิจศานติ (ความสงบ) ขจัดผิดถูกอคติ ธรรมญาณก็จักกลมใสเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: 4/03/2011, 05:03 »

                                                          ๕๘.

        อริยเมธา คุณขจรทั่วหล้า วิเศษสุดพรรณา โชลมทั่วเหล่ากล้าชาวประชา แปรโลกาเป็นสันติหล้า สนับสนุนกุศลปฏิปทา ประสิทธิ์ชาวเมธาให้เจริญมุ่งมานะ ใฝ่วิถีแห่งธรรมา อันใจนี้นั้นหนา สุขเกษมเริงร่า ต่อประการนี้ทั้งปวงเอย

                                                           ๕๙.

        เพียงครึ่งถ้อยน้อยคำก็ประจักษ์ในความวิเศษแยบคายได้ ไฉนต้องใช้ถึงหมื่นพันปกรณ์เสียมากมาย ? หากชาวเรามิถูกพันธนาการจากลักษณ์วัตถุรูปกาย เพียงเบื้องหน้าตาเห็นก็จักปรากฏเทพวิมานพรรณราย

                                                             ๖๐.

        บาปมหันต์ยิ่งเทียมฟ้า หายากยิ่งที่จะมีคำว่า สำนึกได้ ธรรมวิเศษสุดคณนา หายากนักที่จักมีคำว่า เชื่อมั่นได้ เชื่อมั่น สามารถซุบตายให้ฟื้นคืน สำนึก คือโอสถช่วยชีวา

                                                               ๖๑.

        ยอมรับความผิดของตน คือโอสถชำระจิต คำนึงคิดความดีของผู้อื่น คือเภสัชรื่นลมปราณ หากตรงกันข้าม ก็คือทะเลทุกข์
                                                                 ๖๒.

        หวังให้สิ้นเรื่องกลุ้มอก ก็จงปลงตกลืมสิ้นซึ่งอัตตา ต่างคนต่างมีปัจจัยที่ทำมา อย่าอิจฉารื่นชื่นชม

                                                                  ๖๓.

        ประสงค์ทราบเหตุเมื่อปางก่อน ผลปางนี้นั่นแหละใช่ ประสงค์รู้ผลเมื่อปางหน้า เหตุชาตินี้นั่นแหละใช่ มีเหตุต้องมีผล มีผลต้องมีเหตุ ปลูกเหตุทุกข์ได้ผลทุกข์  ปลูกเหตุสุขก็จักได้รับผลสุข

                                                                   ๖๔.

        อ่านทั่วทุกศาสน์คัมภีร์ เมื่อกล่าวถึงประเด็นสำคัญแห่งการประจักษ์ธรรมทั้งหมดนั่นแล้ว ก็ล้วนกล่าวว่าต้องได้รับการถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์ก่อนทั้งสิ้น สุภาษิตโบราณกล่าวว่า "มาตรว่าคุณจะมีปฏิภาณไหวพริบที่ภิญโญเลิศล้ำยิ่งกว่าเหยียนฮุยอย่างไร หากไม่ประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์ก็จงอย่าฝืนคิดทายทำนาย" อีกยังกล่าวว่า "เจนจบพันหมื่นศาสตร์ ยังมิอาจทัดเทียมพระวิสุทธิอาจารย์ประทานหนึ่งจุด" จึงรู้ได้ว่า เราจำต้องได้รับหนึ่งจุดประทานและถ่ายทอดสัจคาถาจากพระวิสุทธิอาจารย์ด้วยพระองค์เองเท่านั้นจึงจะเรียกได้ว่า เป็นการประจักษ์แจ้งในธรรมะได้ ฉะนัน ผู้บำเพ็ญแต่จิรกาลเป็นต้นมา จึงต้องพันลี้แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ หมืนลี้แสวงหาสัจคาถา จึงดั่งคำที่ว่า พระวิสุทธิอาจารย์ยากพานพบ ธรรมะแท้ยากได้ประสบ นั่นเองแล

                                                                จบเล่ม 

Tags: