๖
เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า การที่ชาตินี้สามารถรับธรรมะได้นั้น ช่างเป็นเหตุปัจจัยอันแสนวิเศษที่หาพบได้ยากยิ่ง เพราะในช่วงเวลา 129,600 ปี จึงจะมีสักครั้งหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เจ้าจึงควรเร่งสร้างกุศลชำระปณิธาน เร่งทำความเข้าใจและเชื่อมั่นต่อวิถีธรรม มิฉะนั้น หากได้พลาดจากเหตุปัจจัยอันแสนวิเศษที่จักหาพบได้ยากในครั้งนี้ไป เจ้าก็จักต้องรอคอยไปอีก 129,600 ปีี ในกาลคราวหน้า แต่หากเจ้าต้องตกสู่ห้วงแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอันแสนเนิ่นนาน ได้เปลี่ยนหน้าผลัดโฉมเป็นจำนวนนับครั้งมิถ้วนแล้ว ในอนาคต ใครจักกล้ารับรองได้ว่าเจ้ายังจักได้เกิดเป็นคนที่เมืองจีนและประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์ในการปรกโปรดคราวหน้าได้อีกหละ ?
๗
คนเรามักอยู่ในกองบุญโดยไม่รู้ค่าของบุญ ดูอย่างการบำเพ็ญในอดีตนั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญจนสุดจะพรรณาได้ เพราะไหนจะต้องลาบุพการี ห่างจากบ้านเกิดไปอาศัยอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร ไหนจะต้องทำการเพาะปลูกหาเลี้ยงชีพ หรือจักต้องออกบิณฑบาตเพื่อประทังชีวิต กิจการน้อยใหญ่ล้วนต้องทำด้วยตัวเองทั้งสิ้น โดยเฉพาะในเรื่องการได้ประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์และมหาธรรมก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคอยกลัดกลุ้มกังวลอยู่เสมอ แต่ผู้บำเพ็ญในกาลปัจจุบันช่างสุขสบายเสียเหลือเกิน เพราะทุกคนล้วนมั่งมีในปัจจัยสี่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสะดวกสบายไร้กังวล อีกไม่ต้องออกบวชเพื่อเข้าป่าอาศัย ทั้งยังสามารถสร้างบุญกุศลได้ทุกที่ ชำระปณิธานได้ทุกคราว โดยเฉพาะยังได้ประสบวาระมหาธรรมออกโปรด พระวิสุทธิอาจารย์ออกช่วยได้อีก จึงกล่าวได้ว่า หากได้รับธรรมะในชาตินี้แล้วยังมิรู้เจริญธรรม ก็ช่างเป็นคนเขลาหมายเลขหนึ่งแห่งโลกนี้จริง ๆ
๘
โลกนี้คือด่านมอมญาณสถานใหญ่ เวียนว่ายแล้วรู้กลับจักมีสักกี่คน ? เมื่อคราวเข้าวนคือคนเป็น เห็จเหเร่ออกมากลายเป็นกองกระดูกขาว โลกนี้คือเวิ้งสมุทรมอมญาณสถานใหญ่ ก้นสมุทรดิ่งลึกเคว้งคว้างว่างเปล่าสุดลูกตา ผู้ดิ่งธารายากหวนทวนคืนฝั่ง รังแต่ลอยล่องวนเวียนไร้วันคืน แต่บัดนี้ คือกาลเวลาแห่งยุคขาว ทุก ๆ ถิ่นแขวงล้วนมีมหาธรรมพรั่งพราว ครารับธรรมจงลุธรรมกุศลสร้าง มิต่างต้องผจญทุกข์สมุทรเหว แต่หากมิใฝ่ขึ้นธรรมนาวาอย่างรี่เร็ว ก็จักเหลวทุกขเวทนาในอเวจี