collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: โอวาท 4 ท่านเหลี่ยวฝาน : วิธีสร้างความดี : เกริ่นนำ  (อ่าน 18295 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

       โอวาทข้อที่สองนั้น ท่านเหลี่ยวฝานได้สอนวิธีแก้ไขความผิดในชีวิตปัจจุบัน แต่การที่ไม่ทำผิดในชาตินี้ ยังไม่สามารถที่จะทำให้ชีวิตเสวยผลดีมีสุขได้ตลอดไป เพราะเหตุว่าแม้ชาตินี้จะมิได้ก่อกรรมทำเข็ญเพิ่มขึ้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชาติก่อน ๆ นั้นเราทำความไม่ดีอะไรไว้บ้างซึ่งจะต้องมีแน่ ๆ เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้นที่เราไม่อาจจะทราบได้ ซึ่่งก็จะต้องได้รับวิบากแห่งกรรมในชาตินี้ต่อไป ฉะนั้น ไม่เพียงแต่เราจะต้องละการทำชั่วแล้ว เรายังต้องสร้างกรรมดีให้เพิ่มพูนยิ่ง ๆ ขึ้น โอวาทข้อที่สามนี้ ท่านเหลี่ยวฝาน จึงสอนให้ลูกท่านรู้จัก " วิธีสร้างความดี "
       ลูกจะต้องอ่านคัมภีร์เอ้งเก็งให้เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะเป็นคัมภีร์ที่ดีมากเล่มหนึ่ง เพียงหน้าแรกก็ให้กำลังใจแก่ผู้อ่านอย่างมหาศาล โดยกล่าวไว้ว่าครอบครัวที่สั่งสมแต่ความดี ไม่เพียงแต่หัวหน้าครอบครัวจะได้รับผลดีเท่านั้น แม้ลูกหลานเหลนโหลก็พลอยได้เสวยผลแห่งความดีนั้นด้วย เพราะเหตุนี้ท่านตาของท่านขงจื่อ นักปราชญ์ผู้เลืองชื่อของจีน ท่านจึงยกลูกสาวของท่านให้กับท่านพ่อของท่านขงจื่อ เพราะท่านได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าชายที่จะมาเป็นบุตรเขยของท่านนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเท่านั้น ยังต้องมีบรรพชนที่ประพฤติปฏิบัติชอบมาหลายชั่วอายุคนด้วย และก็เป็นความจริงตระกูลนี้ได้ให้กำเนิดนักปราชญ์ ที่ชาวจีนทั้งประเทศต้องสักการะบูชาเป็นปูชนียบุคคลที่หายากในโลกผู้หนึ่งคือท่านขงจื่องัยล่ะลูก ต่อมาท่านขงจื่อได้สรรเสริญท่านตี้ซุ่น ที่พ่อได้กล่าวให้ลูกฟังทีหนึ่งแล้ว ว่าท่านตี้ซุ่นเป็นผู้ที่มีความกตัญญูอย่างยอดเยี่ยมหาใครเปรียบได้ยากบรรพชนของท่านตี้ซุ่น จะต้องยินดีปรีดาที่มีลูกหลานที่ดีเซ่นไหว้บูชา ส่วนลูกหลานที่กระทำตนไม่ดีนั้น แม้จะเซ่นไหว้บูชาบรรพชน บรรพชนก็ไม่ยินดีด้วย และไม่ยอมรับการเซ่นไหว้บูชาด้วย ลูกศึกษาประวัติศาสตร์สมันชุนซิวแล้ว ลูกก็จะเข้าใจดีว่าลูกหลานของท่านหลายชั่วอายุคนทีเดียว อดีตจึงเป็นตัวอย่างอันดี ที่ลูกจะได้ศึกษาทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงและจดจำมาแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของลูกเอง
      มีขุนนางตำแหน่งพระอาจารย์ท่านหนึ่ง มีหน้าที่ถวายพระอักษรฮ่องเต้ เมื่อยังทรงพระเยาว์ท่านผู้มีบรรพชนที่ยึดอาชีพแจวเรือจ้างมาหลายชั่วคน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตั้งแต่พระอาจารย์ยังไม่เกิด ฝนตกนานจนท่วมตลิ่งกระแสน้ำได้พัดพาชีวิตผู้คน และทรัพย์สินลอยตามน้ำมามากมาย ชาวเรือจ้างต่างก็สารวนเก็บทรัพย์สินขึ้นเรือเป็นของตน มีแต่ท่านทวดและท่านปู่ของพระอาจารย์ท่านนี้เท่านั้น ที่ไม่ยอมเตะต้องสิ่งของใด ๆ เลย ตั้งหน้าตั้งตาช่วยชีวิตคนที่ลอยตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากมา ใคร ๆ ก็พากันหัวเราะเยาะว่าท่านทั้งสองโง่ ไม่รู้จักฉวยโอกาสหาความร่ำรวยใส่ตน แต่การณ์หน้าเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อท่านปู่ได้ลูกชายคือท่านบิดาของพระอาจารย์นี้ ความเป็นอยู่ของท่านกลับไม่ลำบากดังแต่ก่อน ครอบครัวมีความสุขสบายขึ้น ท่านทวดสิ้นบุญไปแล้ว ต่อมาท่านปู่ก็ถึงแก่กรรมลง มีเต้าหยินท่านหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันมาว่าเป็นเทวดาแปลงร่างมาปรากฏได้แนะนำท่านพ่อของพระอาจารย์ นำศพของท่านทวดและท่านปู่ไปฝังรวมกันในที่แห่งหนึ่งใกล้บ้านซึ่งมีชัยภูมิดีมาก เป็นมงคลแก่ลูกหลานต่อไป ทุกวันที่ฮวงซุ้ย กระต่ายขาวนี้เป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญกันทั่วทุกทิศ สดุดีในเกียรติคุณของคนแจวเรือจ้างที่เป็นท่านทวดและท่านปู่ของพระอาจารย์ เมื่อพระอาจารย์ถือกำเนิดมาอายุได้ 20 ปีก็สอบไล่ได้ตามขั้นตอนทั้งหมด ได้รับราชการเป็นขุนนาง จนได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแก่ฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบถึงคุณงามความดีของท่านทวด และท่านปู่ของอาจารย์ ก็ได้โปรดเกล้าฯพระราชทานยศขุนนางให้กับท่านทวด ท่านปู่ และท่านพ่อของพระอาจารย์อีกด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้ปรากฏว่าการทำความดีงามนั้น ย่อมได้รับสิ่งที่ดีงาม สมควรเป็นแบบอย่างแก่บุคคลทั่วไป แม้ลูกหลานของพระอาจารย์ก็ได้รับราชการเป็นใหญ่เป็นโตตราบจนทุกวันนี้มากมาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

        มีเสมียนอำเภอท่านหนึ่ง แม้จะมีตำแหน่งเล็ก ๆ แต่จิตใจนั้นเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมเป็นคนรักษาระเบียบวินัยของราชการอย่างเคร่งครัด มีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่ทำสิ่งไรที่ผิดศีลธรรม ส่วนนายอำเภอนั้นเป็นคนดุร้าย อยู่มาวันหนึ่ง นายอำเภอสั่งเฆี่ยนผู้ต้องหาที่ไม่ยอมรับสารภาพ ตีจนเนื่อแตกเลือดไหลนองพื้นก็ยังไม่หายโกรธ เสมียนอำเภอเห็นความทารุณไม่ไหว จึงคุกเข่าต่อหน้านายอำเภอ ขอให้ปราณีนักโทษ หยุดตีเสียที นายอำเภอตอบว่าปราณีน่ะได้ แต่ผู้ต้องหาคนนี้ไม่รักษากฏหมาย ไม่มีศีลธรรมจะไม่ให้โกรธกระไรได้ เสมียนอำเภอจึงโขกศรีษะลงกับพื้น พลางพูดว่า ผู้ที่เป็นขุนนางถ้าไม่ชำระความตามเหตุผลข้อเท็จจริง เอาแต่อารมณ์ตนเป็นใหญ่ ราษฏรย่อมไม่มีตัวอย่างอันดีงามให้ประพฤติปฏิบัติตามจิตใจของราษฏรหาที่ยึดเหนี่ยวเป็นสรณะไม่ได้ การชำระความนั้นแม้จะสอบสวนได้ความจริงออกมาแล้วก้ไม่ควรดีใจจะทำให้เกิดความประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ความจริงที่อยู่ลึกกว่าคนจริงธรรมดา ทำให้การชำระความผิดพลาดได้ง่าย แม้จะได้ความจริงทั้งหมดออกมาแล้ว ก็ยังไม่ควรดีใจ ควรจะเสียใจและสงสารที่เขาทำผิดไปโดยความจงใจก็ดี เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดียังต้องนำเมตตาธรรมมาร่วมกับการวินิจฉัยคดีความด้วยทางใดที่ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ก็ควรให้โอกาสเขาได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีต่อไป ถ้าแสดงความโกรธมากมายเช่นนี้ผู้ต้องหาเกรงอาญาก็จะรีบยอมรับเสียก่อน ทั้ง ๆ ที่ตนมิได้ทำความผิดดังที่ถูกกล่าวหา จะมิเป็นการปรักปรำราษฏรไปหรือ ดีใจยังไม่เป็นการบังคับจักโกรธได้ที่ไหน นายอำเภอสำนึกในคำพูดของเสมียนอำเภอ แต่นั้นมาก็ไม่กล้าแสดงความโกรธความดีใจในขณะที่ชำระความอีกเลย
       ทีนี้พ่อจะพูดถึง""ความดีข้อที่สอง"" คือ ทำความดีโดยบริสุทธิ์ใจหรือแฝงความเจตนาใด ๆ สมัยนี้คนส่วนมากชอบคนที่มีนิสัยไม่ดื้อรั้นว่าเป็นคนดี แต่นักปราชญ์ท่านมักชอบคนที่เป็นตัวของตัวเองเพราะคนชนิดนี้มักจะสอนง่าย แต่หาได้ยากมากคนที่ว่านอนสอนง่าย ชักจูงอย่างไรก็ไปอย่างนั้น ถึงแม้ใครต่อใครพากันชมเชยว่าเป็นคนดีนักหนาก็ตามที แต่ท่านนักปราชญ์กับเห็นว่าคนชนิดนี้เป็นผู้ร้ายในคุณธรรมสอนให้ดีได้ยาก หาความก้าวหน้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นความดีความไม่ดีชาวโลกมักเห็นตรงกันข้ามกับนักปราชญ์เสมอ ดังนั้นการทำความดี จึงมิได้อาศัยที่ตาดู หูฟัง แต่ต้องเริ่มที่ใจของตนเองเริ่มไตร่ตรอง สำรวจตนเองอย่างระแวดระวัง อาศัยกำลังใจของเราเองซักฟอกจิตใจให้ใสสะอาดไม่ว่าจะทำอะไร ก็ให้คิดถึงประโยชน์สุขของผู้อื่นก่อน แล้วทำด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่แฝงไว้ด้วยเจตนาที่จะต้องการตอบแทนจากใคร จึงจะเป็นความดีโดยบริสุทธิ์ หากเราทำความดีเพื่อเอาใจผู้อื่นก็ดี หวังการตอบแทนก็ดี ก็ไม่ใช่ความดีที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจแล้ว เป็นการเสแสร้งเพทุบายเพื่อหวังประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งเป็น "เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ใจถือเป็นความดีแท้ไม่ได้" ส่วน ""ความดีข้อที่สาม"" คือ การทำดีที่มีผู้รู้เห็นและไม่มีผู้รู้เห็น ถ้าทำความดีมีคนรู้เห็นมาก ก็กลายเป็นความดีทางโลกไป แต่ทำแล้วไม่มีผู้รู้เห็น เหมือนการปิดทองหลังพระ นี่เป็นความดีทางธรรม ความดีทางธรรมฟ้าดินย่อมประทานผลดีให้ ส่วนความดีทางโลกจะได้รับแต่ชื่อเสียง เกียรติยศความมั่งคั่งเป็นผลตอบแทน การมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น ชาวโลกมักจะเห็นว่า เป็นผู้มีบุญวาสนา แต่ทางธรรมแล้วเห็นว่า ผู้นั้นมิได้ทำความดีมาก พอกับการมีชื่อเสียง จึงมักจะได้รับผลไม่ดีในบั้นปลาย แต่คนดีที่ได้รับการปรักปรำจนเสียชื่อเสียงนั้น ลูกหลานกลับรุ่งเรืองได้ดีมีสุข เพราะผู้ที่ได้รับการปรักปรำสามารถอดทนต่อการถูกประณามเหยียดหยาม หวนอมขมกลืน ก้มหน้ารับความขมขื่นด้วยความสงบเป็นการสั่งสมกุศลกรรมอย่างใหญ่หลวง ลูกหลานจึงมีโอกาสได้ดี เพราะฉะนั้นลูกจะต้องเห็นความสลับซับซ้อนอันล้ำลึก ของการทำความดีที่ดีแท้ และดีปลอม จึงจะทำความดีได้ถูกต้อง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
 
       ความดีข้อที่สี่่ คือความดีที่ทำผิดหรือทำถูกในแคว้นหลู่สมัยชุนชิวนั้น มีกฏหมายอยู่ข้อหนึ่งกำหนดว่าหากราษฏรในแคว้นหลู่ ถูกจับไปเป็นเฉลยในแคว้นอื่น หากมีคนไถ่ออกมาได้ส่งคืนแคว้นหลู่ไป จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทนเพราะสมัยชุนชิวนั้นต่างกันต่างก็ต้องตัวเป็นอ๋องกัน รบราฆ่าฟันเพื่อชิงเขตแดนกันจับเชลยศึกได้ก็นำไปเป็นข้าทาสทั้งหญิงชาย แคว้นหลู่เป็นแคว้นเล็ก ๆ ไม่ค่อยจะมีกำลังไปสู้รบกับใครนักจึงมักถูกแคว้นอื่นบุกเข้ามาจับราษฏรไปเป็นทาสเสมอ ใครใจบุญอยากทำความดีก็นำเงินไปไถ่มาคืนเจ้าผู้ครอแคว้นหลู่ ก็จะได้รับเงินรางวัลทันที ต่อมาท่านจื่อก้ง ซึ่งเป็นศิษย์เอกของท่านขงจื่อท่านก็ไปไถ่เชลยศึกคืนมาให้แคว้นหลู่โดยไม่ยอมรับเงินรางวัล เพราะท่านมีฐานะดีอยู่แล้วทำไปโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ  แต่เมื่อท่านขงจื่อทราบเรื่องเข้าท่านก็โกรธลูกศิษย์ของท่านมาก ท่านบอกว่าแคว้นหลู่คนจนมากคนรวยมีน้อยต่อนี้ไป คงจะไม่มีใครกล้าไปไถ่เชลยอีกแล้วเพราะท่านจื่อก้งไปทำตัวอย่างเอาไว้เช่นนี้ ก็มีแต่คนที่มีฐานะดีจึงจะกล้าเอาอย่างท่านจื่อก้งได้ ส่วนคนที่โลภเงินรางวัลก็ดี คนที่ไม่ค่อยจะมีเงินนักก็ดีต่างก็ไม่ทำความดีอีกต่อไป เพราะไม่ได้เงินก็ดีต่างก็ไม่ทำความดีอีกต่อไป เพราะไม่ได้เงินรางวัลจะทำไปทำไม ดังนั้นจึงเห็นได้ว่านักปราชญ์นั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นจึงต้องระมัดระวังจะทำอะไรผิดไม่ได้ คนก็จะพากันทำตามอย่างผิด ๆ ไปด้วย ความดีก็เลยเป็นความดีปลอมไป  ต่อมาวันหนึ่งท่านจื่อลู่ซึ่งเป็นศิษย์เอกของท่านขงจื่อเช่นกัน ได้ช่วยคนตกน้ำไว้ได้ ชายคนนั้นให้วัวตัวหนึ่งเป็นการตอบแทนที่ได้ช่วยชีวิตไว้ ท่านจื่อลู่ก็รับเอาวัวนั้นมา ท่านขงจื่อเมื่อทราบเรืองก็ดีใจมาก ท่านพูดว่าต่อนี้ไปในแคว้นหลู่ของเรานี้จะมีคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นเพิ่มขึ้นอีก เพราะเมื่อทำความดีแล้ว มีคนเห็นความดีและได้รับการตอบแทนทันที ใครๆ ก็อยากจะทำความดีเช่นนี้กันมากขึ้น แต่ในสายตาของชาวโลกแล้วจะต้องมองในทัศนะกลับกันกับท่านขงจื่อเป็นแน่ ชาวโลกจะต้องเห็นว่าท่านจื่อก้งดีช่วยคนแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน ส่วนท่านจื่อลู่นั้นไม่ดีช่วยแล้วก็ไม่ปฏิเสธการตอบแทนแต่นักปราชญ์ท่านมองไกล การทำความดีที่มีคนนำไปเป็นเยี่ยงอย่างให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้จึงจะเป็นคนดีแท้ ส่วนการทำความดีที่กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป เป็นผลร้ายต่อส่วนรวมแล้วไซร์ ก็หาชื่อว่าเป็นความดีแท้ไม่สมมุติว่ามีคนไม่ดีคนหนึ่งเที่ยวเกะกะระรานผู้คน ถ้าไม่มีคนถือสา เห็นว่าการให้อภัยเป็นคุณธรรมที่ดีนี่เป็นการทำความดีที่ผิดเพราะคนพาลนั้นก็ยิ่งได้ใจกล้าทำความผิดหนักยิ่งขึ้น ผู้คนก็จะถูกทำร้ายหนักขึ้น คนพาลนี้ก็จะต้องถูกกฏหมายลงโทษอย่างหนัก แต่ถ้าไม่ปล่อยให้คนพาลเหิมเกริม หาทางกำราบเสียก่อนที่จะสายเกินแก้ ก็จะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น บางครั้งการไม่ให้อภัยคนพาลช่วยกันกำราบให้กลับตัวได้ กลับจะเป็นความดีแท้
 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

     ความดีข้อที่ห้า คือการทำความดีแล้วผลทำให้ผู้อื่นเป็นอย่างไร แต่ก่อนนี้มีขุนนางไจเสี่ยงท่านหนึ่งรับราชการ ในรัชสมัยของพระเจ้าอิงจงฮ่องเต้ (พ.ศ. 1979 - 1992) ท่านรับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีด่างพร้อย เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ต่อมาท่านปลดเกษียณตนเองกลับไปอยู่ภูมลำเนาเดิมของท่านที่ชนบทประชาชนก็พากันมาเคารพท่านต่างก็เปรียบท่านดุจขุนเขาอันสูงสุด ในแผ่นดินจีนคือท่านซานและเปรียบดุจดาวเหนือที่สุกใสกว่าดาวใด ๆ ในภิภพ แต่มีชายขี้เมาคนหนึ่งมาด่าท่านซึ่ง ๆ หน้า ท่านเห็นเป็นคนเมาก็ไม่ถือโกรธ กลับบอกคนรับใช้ว่าอย่าไปเอาเรื่องกับคนเมาเลย ปิดประตูเสียเถิด ต่อมา ชายขี้เมาคนนี้ได้รับโทษประหารชีวิต เมื่อท่านไจเสียงรู้เข้าก็เสียใจมาก รำพึงว่าถ้าเราเอาเรื่องเสียแต่แรกที่ด่าเรา จับไปทำโทษสถานเบาเสียที่อำเภอ เขาก็จะไม่ต้องรับโทษประหารในวันนี้ เพราะเราแท้ ๆ กรุณาเขาผิดกาละไป ทำให้เขาเหิมเกริมทำชั่วจนตัวตาย นี่คือตัวอย่างของความใจดี แต่กลับทำให้ผู้อื่นได้รับผลชั่วตอบแทน
     ส่วนการกระทำที่เห็นว่าร้าย แต่กลับเป็นผลดีนั้น ก็มีตัวอย่างเช่นกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งบ้านเมืองเกิดทุพภิกขภัยราษฏรต่างแย่งชิงกันกินในกลางวันแสก ๆ เศรษฐีท่านหนึ่ง จึงไปร้องต่อนายอำเภอให้ระงับเหตุก่อนที่จะเกิดจลาจล แต่นายอำเภอไม่เอาเรื่อง คนยากจนก็เลยได้ใจพากันยื้อแย่งกันยิ่งขึ้น เศรษฐีเห็นไม่เป็นการ จึงระดมผู้คนของตนออกมาปราบเอง เรื่องจึงสงบ การกระทำของท่านเศรษฐีท่านนี้ แม้จะรุนแรงแต่ก็ทำด้วยความสุจริตใจ หวังมิให้เกิดจลาจล จึงเป็นการทำความดีแท้อีกวิธีหนึ่ง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

       ความดีข้อที่หก คือความดีที่กระทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ และทำอย่างสมบูรณ์ ในคัมภีร์เอ้งเก็งได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ไม่สั่งสมความดีไม่พอที่จะได้รับชื่อเสียงดี ผู้ที่ไม่สั่งสมบาปย่อมไม่รับเคราะห์กรรมถึงตายแล้ว ในประวัติศาสตร์ก็ได้กล่าวถึงราชวงศ์เซียง (ก่อน ค.ศ. ประมาณ ศตวรรษที่ 16 - 11) ก่อนพุทธศักราช ระหว่าง 967 -467 ว่าติ้วอ๋อง สั่งสมแต่บาปกรรมดุจการร้อยเงินเหรียญไว้เต็มพวง จึงรักษาแผ่นดินและชีวิตของตนเองไว่ไม่ได้ การสั่งสมความดีความชั่วนั้นดุจนำของบรรจุลงในภาชนะ ถ้าสั่งสมทุกวันก็จะเต็มเปี่ยม ถ้าสั่งสมบ้างไม่สั่งสมบ้าง หยุด ๆ ทำ ๆ บุญหรือบาปนั้นก็พร่องอยู่เสมอ ไม่มีวันเต็มได้เลย แต่ก่อนนี้ มีเด็กสาวคนหนึ่งเขาไปในวัดเพราะอยากทำบุญ แต่มีเงินเพียงสองอีแปะ ความจริงราคาของเงินน้อนนิดเดียว แต่ค่าของความมีใจอยากทำบุญนั้นเหลือหลาย ท่านเจ้าอาวาสจึงกล่าวอนุโมทนาคาถาเองให้ศีลให้พรเอง
      ต่อมาหญิงนี้ได้เข้าวังเป็นพระสนมของฮ่องเต้ มีเงินมากมาย จึงได้นำเงินจำนวนหลายพันตำลึงมาที่วัดนั้นอีกเพื่อทำบุญ คราวนี้เจ้าอาวาสท่านให้พระลูกวัดกล่าวอนุโมทนาและให้ศีลให้พรแทน พระสนมเกิดความสงสัยยิ่งนัก จึงกราบถามท่านว่าเมื่อก่อนนี้ข้าพเจ้ายากจน มีเงินทำบุญเพียงสองอีแปะ แต่ท่านมากล่าวอนุโมทนาคาถาและให้ศีลให้พรข้าพเจ้าด้วยตนเอง มาบัดนี้ข้าพเจ้าพอจะมีเงินบ้างจึงนำเงินมาถวายหยายพันตำลึง แต่ทำไมท่านกลับให้พระลูกวัดทำหน้าที่แทนท่านเล่า ท่านเจ้าอาวาสกล่าวว่า แต่ก่อนนี้แม้ท่านจะทำบุญน้อยแต่ใจท่านเปี่ยมไปด้วยเจตนาที่เป็นกุศล มาบัดนี้แม้ท่านจะมีเงินทำบุญมากแต่ใจของท่านนั้นไม่เหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้อาตมาไปกล่าวเอง
      นี่คือตัวอย่างการทำความดีที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยราคาของเงินมาวัดความดีนั้น ทำบุญด้วยเงินน้อยนิดกลับเป็นบุญที่เต็มเปี่ยม เพราะจิตใจที่เต็มไปด้วยกุศลเจตนา แม้ทำบุญด้วยเงินมากมายหากจิตใจมีศรัทธาเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น
      อีกตัวอย่างหนึ่ง มีเซียนท่านหนึ่งชื่อว่า จงหลี ท่านเป็นชาวฮั่น ก่อนพ.ศ. 749 -551 เมื่อตายได้สำเร็จเป็นผู้วิเศษ เสวยสุขอยู่บนสวรรค์หลายร้อยปี จนถึงสมัยราชวงศ์ถัง พ.ศ.1160 - 1450 ท่านเซียนจงหลีก็รับศิษย์ไว้คนหนึ่งชื่อว่าท่าน ห-ลวี่ต้งปิน ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ผู้คนเรียกท่านว่า ลื่อโจว๊ ท่านลื่อโจว๊เป็นขุนนางรับราชการเป็นนายอำเภออยู่สองครั้ง เมื่อมีโอกาสพบเซียนผู้วิเศษ ท่านก็ได้รับถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ในลัทธิเต๋า รวมทั้งการนั่งสมาธิด้วย ท่านจึงลาออกจากราชการติดตามท่านเซียนผู้วิเศษๆปฝึกฌาญสมาธิที่ภูเขาแห่งหนึ่ง จนสำเร็จได้เป็นเซียนเช่นกัน ต่อมาท่านจงหลี ได้สอนให้ท่านลื่อโจว๊รู้จักผสมยาวิเศษ เพียงแต่เอายานั้นหยดลงไปที่เหล็ก เหล็กนั้นก็จะกลายเป็นทอง สามารถนำไปช่วยเหลือความยากจนของผู้คนได้ ท่านลื่อโจว้จึงกราบถามท่านอาจารย์ว่า เมื่อเปลี่ยนไปเป็นทองแล้วจะกลับเป็นเหล็กดังเดิมอีกมั้ย ท่านจงหลีบอกว่า เมื่อครบห้าร้ยปีแล้ว ก็จะกลับสภาพเดิมได้ ท่านลื่อโจว๊จึงปฏิเสธ ไม่ยอมทำเหล็กให้เป็นทองเพราะท่านเห็นว่าเมื่อครบห้าร้อยปีแล้ว ก็จะทำให้ผู้คนเสียหายมากมาย เพราะอยู่ ๆ ทองในมือก็จะกลายเป็นเหล็กไปเสียแล้ว ย่อมนำมาถึงความสูญเสียอย่างมากมาย เป็นการให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่เป็นธรรม การที่ท่านจงหลีลองใจท่านลื่อโจว๊ครั้งนี้ ทำให้ท่านภูมิใจในลูกศิษย์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง เพราะคำพูดเพียงคำเดียวก็แสดงให้เห็นความเป็นคนของท่านลื่อโจว๊ว่าสูงส่งเพียงใร ท่านจึงกล่าวกับศิษย์รักของท่านว่าการที่จะบรรลุความเป็นเซียนนั้นจะต้องสั่งสมคุณธรรมให้ได้ถึงสามพันอย่าง คำพูดของเจ้าเพียงคำเดียว ก็เท่ากับได้สร้างคุณธรรมครบสามพันอย่างแล้วในพริบตาเดียว
       การทำความดีนั้นเมื่อทำแล้วก็แล้วกันอย่าได้นำมานึกคิดบ่อย ราวกับว่าการทำดีนั้นช่างใหญ่ยิ่งนัก ใครก็ทำไม่ได้เหมือนเรา ถ้าคิดเช่นนี้ความดีนั้นก็จะเหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ถ้าทำแล้วก็ไม่นำพาใส่ใจอีก คิดแต่จะทำอะไรต่อไปอีกจึงจะดีจึงจะเป็นความดีที่สมบูรณ์ ไม่ตกไม่หล่น เช่นนี้การให้เงินแก่คนยากจน ในใจของลูกจะต้องอย่าได้คิดว่าเราเป็นผู้ให้ ภายนอกก็อย่าได้สนใจว่าใครเป็นผู้รับ แม้แต่เงินที่เราบริจาคไปแล้ว ก็มองไม่เห็นว่าสำคัญตรงไหนให้แล้วก็แล้วกัน ลืมเสียให้ได้ไม่กลับมาคิดอีกให้เสียเวลาเช่นนี้ เรียกว่าทำความดีด้วยจิตว่างเปล่า เมื่อไม่ได้บรรจุอะไรไว้ที่จิตเลย จิตนั้นก็ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยกุศลผลบุญพลังแห่งกุศลกรรมเช่นนี้ใหญ่หลวงนัก สามารถทำลายเคราะห์กรรมได้ถึงหนึ่งพันครั้ง เพราะฉะนั้นการทำความดีจึงมิได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเงินทองหรือวัตถุที่บริจาคแต่อยู่ที่ใจเราเท่านั้นที่จะทำจิตใจให้ว่างเปล่าจนสามารถบรรจุบุญกุศลได้เพียงใดต่างหาก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

      ความดีข้อที่เจ็ด คือความดีที่ใหญ่หรือเล็ก มีขุนนางผู้หนึ่งมีนามว่าเอว้ยจังต๊ะ รับราชการอยู่ในกรมประวัติศาสตร์ อยู่มาวันหนึ่งถูกจับวิญญาณไปยังยมโลก พญายมได้สั่งเสมียนในยมโลกนำบัญชีดีชั่วของท่านเอว้ยมาให้ดู ปรากฏว่าบัญฃีชั่วนั้น ช่างมากมายก่ายกองวางจนเต็มห้องไปหมด ส่วนบัญชีความดีนั้นเล็กนิดเดียว มีขนาดพอ ๆ กับตะเกียบข้างหนึ่งเท่านั้นพยายมสั่งให้คนเอาตาชั่งมา ปรากฏว่าบัญชีความดีนั้นแม้จะเล็กนิดเดียว แต่กลับมีน้ำหนักมากว่าบัญชีความชั่วมีรวมกันแล้วทั้งหมด
     ท่านเอว้ย มีความสงสัยเป็นอันมาก จึงถามพยายมว่า ข้าพเจ้ามีอายุยังไม่ถึงสี่สิบปี ไฉนจึงมีความชั่วมากมายเช่นนี้ พยายมตอบว่า เพียงแต่จิตคิดมิชอบเท่านั้นก็เป็นบาปแล้ว เช่นเห็นผู้หญิงสาวสวยก็มีจิตปฏิพัทธ์ จิตที่คิดมิชอบ เช่นนี้ก็จะถูกบันทึกในบัญชีความชั่วทันที ท่านเอว้ยถามต่อไปอีกว่า ถ้าเช่นนั้นในบัญชีอันน้อยนิดนี้ ได้บันทึกไว้ว่าอย่างไร พยายมตอบว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งฮ่องเต้ทรงดำริจะซ่อมสะพานหินที่เมืองฮกเกี้ยน ท่านเกรงว่าราษฏรจะเดือดร้อน จึงถวายความเห็นเพื่อยับยั้งพระราชดำรินั้นเสีย บัญชีความดีนั้นก็คือสำเนาที่ท่านทูลเกล้าฯ ถวายฮ่องเต้นั้นเอง ท่านเอว้ย ก็แย้งว่า แม้ข้าพเจ้าจะกระทำดังกล่าวจริงแต่ก็ไม่เห็นเป็นผลสำเร็จ พระองค์ทรงดำเนินการไปแล้ว ไม่น่าเลยที่บัญชีความดีเพียงอย่างเดียว จะมีน้ำหนักมากกว่าบัญชีความชั่ว ที่กองอยู่เต็มห้ากองนี้ พยายมจึงพูดว่า การที่ท่านมีเมตตาจิตต่อราษฏรเกรงจะได้รับความลำบากกันมากมาย กุศลจิตนี้ใหญ่หลวงนัก ถ้าหากท่านยับยั้งได้สำเร็จก็จะยิ่งเพิ่มความหนักขึ้นอีก พลังแห่งกุศลกรรมนี้จะยิ่งใหญ่อีกหลายเท่านัก แม้จะเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้ากระทำเพื่อชนหมู่ใหญ่แล้วไซร์ ความดีนั้นก็ใหญ่หลวงยิ่งนัก หากทำดีเพื่อตนเองแล้วไซร์ แม้จะทำดีขนาดไหนก็ได้ผลน้อยมาก ลูกจงจำไว้ว่าการทำความดีไม่ว่าจะเป็นการทำความดีมากหรือน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาในการทำความดีนั้น เพื่อผู้อื่นหรือเพื่อตนเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

        ความดีข้อที่แปด คือความยากง่ายในการทำความดี สมัยก่อนท่านผู้คงแก่เรียนมักจะพูดว่า ถ้าจะเอาชนะใจตนเองให้ได้ ต้องเริ่มจากจุดที่ข่มใจได้ยากที่สุดเสียก่อน ถ้าเอาชนะได้ จุดอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญเสียแล้ว ย่อมจักเอาชนะได้โดยง่าย ลูกศิษย์ของท่านขงจื่อชื่อฝานฉือ ได้ถามท่านอาจารย์ว่าเมตตาธรรมนั้นเป็นอย่างไร ท่านขงจื่อตอบว่าการทำสิ่งที่ยากที่สุดได้เสียก่อนจึงจะชนะใจตนเองได้ เมื่อชนะใจตนเองได้แล้ว ความเห็นแก่ตัวก็หมดไป จึงบังเกิดเมตตาธรรม พ่อจะนำตัวอย่างให้ฟังลูกจะได้เข้าใจง่ายเข้า ที่มณฑลเจียงซีมีท่านผู้เฒ่าแซ่ซุท่านยังชีพด้วยการสอนหนังสือตามบ้าน อยู่มาวันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งเป็นหนี้เพราะความยากจน เมื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้ก็จะยึดภรรยาของชายผู้นี้ไปเป็นคนรับใช้ ท่านผู้เฒ่าซูเกิดความสงสารสามีภรรยาคู่นี้ยิ่งนัก จึงยอมเสียสละเงินที่เก็บออมไว้ได้จากการสอนหนังสือเป็นเวลาสองปี นำมาใช้หนี้แทนชายผู้นั้น ทำให้สามีภรรยาคู่นี้ไม่แยกจากกัน
       อีกตัวอย่างหนึ่ง มีชายคนหนึ่งด้วยความยากจนยิ่งนักจึงนำภรรยาและบุตรชายไปจำนำไว้ ได้เงินมาพอประทังชีวิต เมื่อถึงกำหนดไม่มีเงินจะไปไถ่คืน ภรรยาก็เดือดร้อนคิดจะฆ่าตัวตาย บังเอิญท่านผู้เฒ่าจางรู้เรื่องเข้า มีความสงสารเป็นยิ่งนักจึงนำเงินที่เก็บสะสมมาแล้วถึงสิบปี มาใช้หนี้แทนให้พ่อแม่ลูกจึงได้มีโอกาสกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง
      ทั้งท่านผู้เฒ่าซู และ ท่านผู้เฒ่าจาง ล้วนแต่ได้กระทำในสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เงินที่ท่านสะสมไว้คนละสองปีและสิบปีนั้น ท่านก็หวังเมื่อทำมาหากินไม่ได้แล้ว ก็จะได้ใช้เงินจำนวนนี้ประทังชีวิตต่อไปเป็นเงินที่ใช้เวลาอันยาวนานสะสมไว้วันละเล็กวันละน้อย แต่ท่านทั้งสองก็สามารถตัดใจช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักกันเลยแม้แต่นิดได้ในพริบตาเดียว นี่คือการทำความดีที่ยากยิ่งจริง ๆ  อีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ชนะใจตนเองได้ คือ ท่านผู้เฒ่าจินท่านอายุมากแล้ว ยังไม่มีบุตรไว้สืบสกุล ด้วยความหวังดีของเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ได้ยกบุตรสาวของตนให้เป็นอนุภรรยาของท่านผู้เฒ่า แต่ท่านกลับไม่ยอมรับความหวังดีนั้น ท่านให้เหตุผลว่า ท่านนั้นชราภาพแล้ว ส่วนเด็กสาวนั้นอายุยังไม่ถึงยี่สิบ ควรจะได้สามีที่มีอายุไล่เลี่ยกัน ท่านจึงไม่ควรที่จะไปทำลายความสุขและอนาคตของเด็กสาวนี้เสียด้วยความเห็นแก่ตัว เพียงเพื่อจะมีบุตรไว้สืบสกุล เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง  ท่านผู้เฒ่าทั้งสามนี้ ล้วนแต่ทำในสิ่งที่ยากยิ่งจริง ๆ  ฟ้าดินจึงประทานความสุขความเจริญให้กับท่านทั้งสาม ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้าเป็นแน่แท้ ส่วนคนที่มีเงินมีอำนาจนั้น ถ้าจะกระทำความดีก็ย่อมง่ายกว่าผู้ที่ไม่มีเงินและอำนาจ แต่พวกนี้ก็ไม่ค่อยชอบทำความดี เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีโอกาสทำความดีได้ง่ายเพราะมีทั้งเงินและอำนาจ กลับไม่ยอมทำความดี ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินมีอำนาจ กว่าจะทำความดีได้ก็ด้วยความยากลำบากยิ่ง นี่คือความแตกต่างกันในคุณค่าของความดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

       การทำความดีต่อผู้อื่นนั้นก็จะต้องแล้วแต่โอกาสจังหวะเวลา ก็มีความสำคัญเช่นกัน การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมีวิธีการมากมาย ประมวลแล้วก็สามารถแยกออกได้ 10 วิธีด้วยกันคือ
1.ช่วยเหลือผู้อื่นทำความดี
2.รักและเคารพทุกคนอย่างเสมอหน้า
3.สนับสนุนผู้อื่นให้เป็นผู้มีความดีพร้อม
4.ชี้ทางให้ผู้อื่นทำความดี
5.ช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในความคับขัน
6.กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
7.ไม่ทำตนเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์หมั่นบริจาค
8.ธำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมะ
9.เคารพผู้มีอาวุโสกว่า
10.รักชีวิตผู้อื่นดุจรักชีวิตตนเอง
       ข้อ 1. การช่วยเหลือผู้อื่นทำความดีนั้นเป็นอย่างไร  เมื่อครั้งท่านตี้ซุ้นยังมิได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินจีนสมัยโบราณ (ก่อน พ.ศ.1712 - 1665) ท่านไปยังหนองน้ำแห่งหนึ่ง เห็นชาวบ้านกำลังจับปลากันอยู่ คนที่แข็งแรงก็พากันไปยังที่ ๆ มีน้ำลึก ปลาชุม ส่วนพวกที่ไม่แข็งแรงและผู้ชราถูกกันให้ไปจับปลายังที่ ๆ มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว และที่มีน้ำตื้น ซึ่งปลาจะไม่ชอบมาในบริเวณนั้น ทำให้จับปลาไม่ได้ ท่านตี้ซุ่นเห็นดังนั้นก็บังเกิดความสงสารจับใจ ท่านจึงเข้าไปช่วยคนที่ไม่แข็งแรงและผู้ชราหาปลา ใครที่เห็นแก่ตัว ชอบแย่งที่น้ำลึก ท่านก็นิ่งเสียไม่ไปว่าเขา ใครที่ไม่เห็นแก่ตัว ท่านก็จะนำพฤติกรรมของเขาไปสรรเสริญจนทั่ว ท่านเองก็ทำตัวอย่างอันดีให้เป็นที่ปรากฏอยู่ทุก ๆ วัน จนกาลเวลาได่ผ่านไปหนึ่งปี ชาวบ้านพากันสำนึกในความเห็นแก่ตัวของตน ต่างก็ทำดีต่อกันและกัน ในที่นี้ พ่อจะต้องบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อไม่สนับสนุนในเรื่องจับปลามาเป็นอาหาร เพราะการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นเป็นบาปอย่างยิ่ง แต่ที่พ่อยกเรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์ ก็เพื่อให้ลูกเข้าในว่าการช่วยให้ผู้อื่นทำความดีนั้น ต้องใช้ความอดทนพยายามเพียงไร ท่านตี้ซุ่นนั้นเป็นผู้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก เพียงแต่ท่านใช้คำพูดกล่อมเกลาจิตใจ ผู้คนก็จะเชื่อท่าน เพราะต่างก็มีความเคารพท่านอยู่แล้ว แต่ท่านอตสาห์ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ก็เพื่อจะให้ทุกคนกลับตัวกลับใจได้หมด และจะไม่ยอมกลับไปเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกไม่ว่าในกรร๊ใดและเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ด้วยบังคับหรือขอร้อง ให้ทุกคนตระหนักถึงความดีที่ต้องกระทำร่วมกัน เพื่อความผาสุกของพวกเขาเอง พ่อจึงสรรเสริญในความอุตสาหะของท่านยิ่งนัก พ่อและลูก ต่างก็มีชีวิตอยู่ในความมืดมน ผู้คนไม่ค่อยมีศีลธรรมเหมือนดังยุคก่อน เพราะฉะนั้นลูกจะต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัว อย่าได้อวดดีว่าวิเศษกว่าผู้อื่น อย่านำความสามารถของลูกไปข่มผู้อื่นที่ด้อยกว่าให้เขาได้อาย จงเก็บความรู้ความสามารถของเจ้าไว้ในใจ อย่าได้แสดงออกให้ปรากฏแก่่สายตาผู้อื่น ใครพลาดพลั้งล่วงเกินลูกก็จงรู้จักให้อภัย อย่าได้แพร่งพรายความไม่ดีออกไป เพื่อให้โอกาสเขากลับตัวกลับใจและเมื่อไม่มีใครรู้ และก็ทำให้เขาไม่กล้ากำเริบสืบสานเพราะทุกคนย่อมรักหน้ารักตาไม่อยากเป็นคนเสียชื่อเสียง จึงไม่วิจารณ์ให้ความลับของเขาเป็นที่เปิดเผยออกไป เขาจึงไม่กล้าที่จะทำผิดอีก บางคนนั้น เมื่อมีคนรู้ว่าเขาเ้ป็นคนไม่ดีเสียแล้ว เขาก็ทำตัวแหลวแหลกยิ่งขึ้น เมื่อเป็นคนดีไม่ได้ก็ย่อมเป็นคนชั่วเสียเลย คนเช่นนี้ก็มีให้เห็น ๆ อยู่ ลูกจะต้องคอยสังเกตุว่าผู้อื่นนั้น เขามีความสามารถอะไรบ้าง ถ้าเป็นสิ่งที่ลูกยังไม่มี ก็จงรีบเอาความดีนั้นมาใส่ตนเถิด อย่าได้รีรอเลย ลูกจะต้องรู้จักชมเชยสรรเสริญความดีงามความสามารถของผู้อื่นให้แผ่ไพศาลไป อย่าได้มีจิตริษยา ในชีวิตประจำวันของลูก ไม่วา่จะพูดสักคำจะทำอะไรสักอย่าง จงอย่าทำเพื่อประโยชน์ตนเอง ต้องถูกประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ลูกจงจำไว้ให้ดี 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”