collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章  (อ่าน 11979 ครั้ง)

ออฟไลน์ tik

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« เมื่อ: 26/01/2010, 16:59 »
大學首章

大學之道,在明明德,在親民,在止於至善。
知止而後有定,定而後能靜,靜而後能安,安而後能慮,慮而後能得。
物有本末,事有終始,知所先後,則近道矣。

古之欲明明德於天下者,先治其國;
欲治其國者,先齊其家;欲齊其家者,先脩其身;
欲脩其身者,先正其心;欲正其心者,先誠其意;
欲誠其意者,先致其知;致知在格物。
物格而後知至,知至而後意誠,意誠而後心正,
心正而後身脩,身脩而後家齊,家齊而後國治,國治而後天下平。

自天子以至於庶人,壹是皆以脩身為本。
其本亂而末治者,否矣。其所厚者薄,而其所薄者厚,未之有也。
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26/01/2010, 16:59 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 4/07/2010, 08:53 »
           
                ต้าเสวียโส่วจัง   เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่คนจีนตั้งแต่โบราณนานนับ 2 - 3 พันปีถือเป็นบรรทัดฐานเบื้องต้นในการ

ปฏิบัติธรรมสืบต่อมา   ทั้งจอหงวน  บัณทิต  นักศึกษาหลวง  ในสมัยก่อนจะต้องถือคัมภีร์บทนี้เป็นบทข้อสอบ เพราะบัณทิตจะต้อง

ทำหน้าที่ปกครอง  บริหารบ้านเมือง และประชาชน จึงต้องรู้จิตตน และรู้จิตคนทั้งหลาย

                พระพุทธะ พระอริยเจ้า หลายพระองค์ก่อนหน้านั้น ก็ได้อาศัยคัมภีร์บทนี้ เป็นจุดเริ่มต้นเรียนรู้ ฝึกฝนจนกระทั่งบรรลุ

เริ่มต้นมงคลชีวิตในวันใหม่ และเมื่อไหร่ที่จะทำผิดพลาดไปจากการปฏิบัติบำเพ็ญ  ก็จะอาศัยพระคัมภีร์บทนี้ มาเตือนใจ  อีกทั้ง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็จะคุ้มครองรักษาด้วย

 
                ผู้น้อยขออนุญาตอาวุโสร่วมศึกษานะคะ    ขอบพระคุณอาวุโสที่ให้โอกาส   ขอบพระคุณเบื้องบนที่เมตตา   

                                                                  ขอบคุณค่ะ     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 29/07/2010, 15:48 »
 คัมภีร์บทนี้เรียกว่า มหาสัตถคัมภีร์ หรือ มหาบุรุษคัมภีร์ หรือ คัมภีร์มหาบุรุษ คือ ต้าเสวีย  มหา แปลว่า ยิ่งใหญ่
 (ตรงกับคำว่า ต้า) เสวีย แปลว่า เรียนรู้  ต้าเสวีย แปลว่า มหาวิทยาลัยก็ได้
ผู้ที่จะเป็นมหาบุรุษ  หรือผู้ที่จะหลุดพ้นจึงไม่ใช่ปุถุชนธรรมดา จึงหมายถึงผู้รู้ความเป็นหนึ่งของตนที่มาจากฟ้า
เบื้องบน บำเพ็ญจนจิตเป็นหนึ่ง เขาจึงเป็นมหาบุรุษ  ต้าเสวีย จึงแปลว่าการเรียนรู้ความเป็นหนึ่งอันเป็นมหาบุรุษ
ผู้หลุดพ้น คัมภีร์บทนี้ได้รับการอรรถาธิบายเพิ่มเติมจากท่านปราชญ์จูซี  เป็นปราชญ์ในสมัยราชวงศ์ซ้อง ได้ศึกษา
เล่าเรียนมาจากอาจารย์เฉิงจื่อ ซึ่งเป็นปราชญ์สำคัญในครั้งนั้น ท่านปราชญ์เฉิงจื่อ ได้รวบรวมเอาคัมภีร์ที่ท่าน
ปราชญ์เจิงจื้อได้เขียนไว้ด้วยกัน ทั้งหมดมี 11 บท  (ท่านปราชญ์เจิงจื้อ เป็นศิษย์ของท่านขงจื้อ )
บทที่ 1  ที่เรากำลังเรียนเป็น บทของพระคัมภีร์ที่ได้มาจากพระวจนะของท่านขงจื้อโดยตรง ส่วนอีก 10 บท
เป็นบทอรรถาธิบายแจงในรายละเอียดให้เห็นถึงความลึกซึ้งแยบยลในพระวจนะของท่านศาสดาขงจื้อ ซึ่งปราชญ์เมธี
ต่างชื่นชมและเห็นในความสุขุมคัมภีรภาพในแต่ละแง่มุม
บทที่1 นี้มีความสำคัญที่จะสอนให้เรารู้จิตโดยตรงของตัวเอง ตามพระวจนะของท่านขงจื้อ  อันที่จริงแต่เดิมทีคัมภีร์
บทนี้จะถ่ายทอดให้แก่ท่านเอี๋ยนหุย ซึ่งเป็นศิษย์เอกของท่านขงจื้อ แต่ท่านเอี๋ยนหุยอายุสั้นกลับคืนเบื้องบนไปเมื่อ
อายุ 32 ปี ท่านเอี๋ยนหุยเป็นศิษย์เอกที่มีความนอบน้อมถ่อมตนและเป็นผู้มีปัญญาเป็นเอกในทางธรรม ท่านขงจื่อ
กล่าวเพียงคำเดียวท่านเอี๋ยนหุยจะรู้ถึงสิบ ท่านเอี๋ยนหุยเป็นคนสมถะ ให้อภัยตลอดเวลา ไม่เคยที่จะโทษผู้ใด
แม้ความผิดนั้นจะเกิดจากใครก็ตาม อีกทั้งไม่เคยทำผิดซ้ำสอง นี่คือจริยปฏิปทาของท่านเอี๋ยนหุย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 30/07/2010, 06:18 »
เมื่อท่านเอี๋ยนหุยถึงกาลกลับคืนเบื้องบนไป ท่านขงจื้อร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียดายยิ่งกว่าบุตรแท้ๆ
ตายไปเสียอีก เศร้าเสียใจเพราะจะหาปราชญ์อย่างเอี๋ยนหุยเป็นคนที่สองคงไม่ได้ และเสียดายว่าชะรอย
การถ่ายทอดสัจธรรมนี้คงจะถึงกาลสิ้นสุดเสียแล้วกระมัง ต่อมาเมื่อท่านขงจื้อได้พิจารณานักเรียนทั้งสามพันคน
ของท่านโดยละเอียดจึงได้ค้นพบศิษย์ผู้หนึ่งแซ่เจิง เรียกว่าเจิงจื้อ (เจิงซัน) ท่านมีรูปร่างไม่สง่างาม และไม่ค่อย
จะฉลาดเฉลียว แต่มีคุณสมบัติที่เป็นคนมีความจริงใจและมีความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นที่สุด ท่านขงจื้อจึงได้ถ่ายทอด
พระคัมภีร์นี้ให้กับท่านเจิงจื้อ หลังจากนั้นท่านเจิงจื้อจึงได้พิจารณาจนเกิดความปราณีตสุขุมและเขียนขึ้นมา
ต่อท้ายอีก 10 บท การถ่ายทอดพระคัมภีร์นี้ให้ ไม่ใช่หมายความว่ายกคัมภีร์นี้ให้หรืออธิบายตามตัวอักษร
แต่หมายถึงการถ่ายทอดวิถีแห่งจิตให้รู้ชัดในสัจธรรม รู้แท้ในชีวิตจริงอันเป็นอนุตตรภาวะโดยแท้และเกิดความ
เป็นในภาวะนั้นจริง ๆ  ต้าเสวียจือเต้า หนทางหรือธรรมะของผู้ที่จะเป็นมหาบุรุษ ผู้ที่อยู่เหนือคนได้จริง ๆนั้น
เขาจะต้องร่วมคุณธรรมเดียวกับฟ้าดินได้ ฟ้ามีคุณธรรม คือโอบอุ้มสรรพชีวิตไว้โดยไม่แบ่งแยก แผ่นดินมีคุณธรรม
รองรับทั้งความชั่วความดี ยอมรับการเหยียบย่ำทำลาย เป็นผู้ให้ มหาบุรุษ จึงหมายถึงผู้ที่จะร่วมคุณธรรมกับฟ้าดิน
ร่วมแสงสว่างกับตะวันเดือน ร่วมครรลองของฤดูกาลที่ผันแปร เข้าได้กับทุกสภาวะของโลก หนาวก็อยู่ได้ร้อนก็อยู่ได้
ฝนตกแดดออกก็อยู่ได้ ร่วมมิติภาวะเดียวกับผีสางเทวดาได้ ยังอาจโน้มนำผีให้เปลี่ยนแปลงเป็นคนดีได้โดยไม่รังเกียรติ
เมื่ออยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายร่วมมงคลร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทุกญาณภาวะ
อย่างนี้จึงเรียกว่า มหาบุรุษ


ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 2/08/2010, 01:55 »
สังคมจีนในสมัยโนราณเด็กอายุ 8 ขวบก็จะต้องเข้าเรียนประถมศึกษาสมัยนั้นเขาจะเรียนทุกอย่างไม่ว่าการบ้าน
การเรือนการสังคมไม่ว่าจะเป็นจริยระเบียบ วิทยายุทธ ทั้งกาพย์กลอนโคลงฉันท์ การคำนวน และวิชาการอื่นๆอีก
จะต้องเริ่มต้นเรียนตั้งแต่ 8 ขวบ -14 ขวบเรียกว่าเรียนชั้นประถมวิชาการของชั้นประถมในครั้งนั้นมีหลายอย่างที่
ระดับมหาวิทยาลัยสมัยนี้ยังไม่ได้เรียนรู้กันเลย อายุถึง 15 ปีก้ต้องเริ่มเรียนต้าเสวียคือคัมภีร์มหาบุรุษ เพราะอายุ15
เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเป็นวัยที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงจากความไม่รู้ไปสู่ความรู้และจากความดีความไร้เดียงสา
ไปสู่ความชั่วเสียส่วนมาก ชีวิตนั้นที่จริงกำหนดความดีได้และชีวิตที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ขึ้นอยู่กับกายสังขารเพียงอย่างเดียว
คัมภีร์มหาบุรุษ เรียนเพื่อหยั่งรู้จิตของตนและช่วยให้ผู้ใกล้ชิดได้รับผลสะท้อนจากการหยั่งรู้ตัวเองให้ภาวะจิตภายใน
ของตัวเองเป็นอริยะ ภายนอกของตัวเองเป็นที่พึ่งพาอาศัยของคนทั้งหลายที่ด้อยกว่าได้ ไม่ใช่ให้ดีเฉพาะตนและ
รอดพ้นเฉพาะตนอย่างนี้จึงเรียกว่าการศึกษาคัมภีร์ให้เป็นมหาบุรุษ
ต้าเสวียจือเต้าวิถีธรรมของมหาบุรุษไจ้หมิงหมิงเต๋ออยู่ที่การรู้แจ้งในจิตเดิมแท้ การที่จะเข้าถึงวิถีธรรมของความ
เป็นมหาบุรุษได้อยู่ที่จะต้องยอมรับและเข้าใจอย่างชัดเจนในอนุตตรภาวะหรือจิตญาณอันบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วย
คุณงามความดีของตัวเอง ต้าเสวียจือเต้าไจ้หมิงหมิงเต๋อไจ้ซินหมินไจ้จื่ออวี๋จื้อซั่น หมายถึงวิถีแห่งมหาบุรุษ
อยู่ที่ความเข้าใจกระจ่างแจ้งในอนุตตรภาวะ จิตพุทธะหรือคุณงามความดีของจิตของตัวเองละยังจะต้องใกล้ชิด
สนิทสนมไม่แบ่งเขาไม่แบ่งเรา นำพากล่อมเกลาคนทั้งหลายด้วยการกำหนดหมายหยุดจิตลงตรงจุดวิเศษ
               


ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: คัมภีร์มหาบุรุษ 大學首章
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 3/08/2010, 13:02 »
เมื่อรู้จุดหยุดนิ่งแล้วจากนั้นจึงมีสติ เมื่อก่อนนี้จะให้เราเลิกรัก โลภ โกรธ หลง เป็นเรื่องยากเดี๋ยวนี้พอเรารู้จุดตรงนี้
แล้วเราจึงมีสติได้ดีกว่า เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้จุดนี้แม้จะรู้ความเป็นอนิจจังแต่ก็ทำใจไม่ค่อยได้ พอเกิดเหตุร้ายกับตัว
หรือพ่อแม่เจ็บป่วย เราเป็นทุกข์แทบตายใช่มั้ย เดี๋ยวนี้มีสติขึ้นแล้ว ทุกคนก็เกิดมาด้วยญาณดวงนี้พอถึงเวลาจะต้อง
ออกไปจากกายสังขารเราก็มีสติกำหนดรู้ เพราะเรารู้จักกับภาวะนั้นแล้วจิตจึงมีความมั่นคงในการหยุดนิ่งได้ ไม่กระเจิด
กระเจิง ไม่ฟุ้งซ่าน มีสติจากนั้นจะเกิดสมาธิเป็นสมาธิแล้วจึงสงบลง จึงวางใจลงให้คงที่ได้ วางใจคือใจไม่มีโรคไม่มีภัย
ไม่หวั่นไหว ไม่ห่วงใย ไม่กังวล มั่นคงที่อยู่นิ่ง ๆ จิตจึงเกิดความสงบ เมื่อสงบคงที่แล้วจึงเกิดการพิจารณารู้เห็นอย่าง
ชัดเจนถูกต้องเหมือนผืนน้ำนิ่งเรียบทำให้เห็นภาพสะท้อนได้ รู้พิจารณาทำให้เกิดปัญญา จึงไม่โง่เหมือนอย่างที่เคยเป็น
ไม่โง่ที่จะไปรัก โลภ โกรธ หลง หัวปักหัวปำต่อไป ปัญญาจึงเกิดขึ้นเพราะรู้จักพิจารณาถูกผิดควรหรือไม่ควร พิจารณา
แล้วเกิดปัญญา แล้วก็ได้รับคุณจากปัญญาได้หนทางของธรรมะ ไม่หมกมุ่น วกวน ซ้ำซากจึงได้หนทางของการหลุดพ้น
เมื่อเข้าใจถ่องแท้ถึงจิตดวงนี้แล้วและยังอาจเอาความเข้าใจนี้ไปสู่คนทั้งหลาย ยังพาตัวให้ยืนหยัดอยู่ได้ในความถูกต้อง
อีกทั้งช่วยผู้อื่นให้ยืนหยัดในความถูกต้องได้ เรียกว่าช่วยคนช่วยตน ชำระล้างกิเลสวิสัยไม่ดีงามต่าง ๆ ออกไป
สรรพสิ่งมีต้นมีปลาย ที่มีรูปลักษณ์และไม่มีรูปลักษณ์ จะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมมีจุดเริ่มต้น มีต้นกำเนิดความเป็นมา
ไม่ว่าจะเป็นคนเป็นสิ่งของเป็นอะไรก็ตาม ล้วนมีรากฐานของความเป็นมา มีต้นกำเนิดเป็นจุดเริ่มต้น
มีจุดสิ้นสุด เมื่อมีจุดเริ่มต้นก็มีจุดสิ้นสุด และเวียนเริ่มต้นขึ้นมาใหม่ เมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่งฝังลงภายใต้พื้นดิน เมล็ดพันธุ์นั้น
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตต้นไม้นั้น เมื่อแตกกิ่ง ก้าน สาขา มีดอก มีใบ มีผล แล้วที่สุกตายไป เมล็ดพันธุ์นั้นถึงจุดสิ้นสุด
แต่ก็ทิ้งเมล็ดพันธุ์เมล็ดไหม่ไว้เป็นจุดเริ่มต้นต่อไป   สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีจุดเริ่มต้นและมีจุดสิ้นสุดในเวลาเดียวกัน
จุดสิ้นสุดก็เป็นจุดเริ่มต้นสืบเนื่องเรื่อยไปเช่น การตายเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด การเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการตาย

Tags: