collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 30937 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก     

พระอาจารย์ ฯ  :  สาธุ  สัจธรรมแท้ในไตรรัตน์ เป็นหัวใจของคัมภีร์พระสูตรทั้งหลาย แทงตลอดโลกุตตรเทวโลก และโลกมนุษย์ รวมความทั้งรูป ภพ สุญตา และนิพพาน ผู้บำเพ็ญแม้ซึมซาบสมานความเข้าใจ ปฏิบัติด้วยความเป็นอย่างกลมกลืน ก็จะบรรลุพุทธะได้อย่างไม่ต้องสงสัย คืนนี้ก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณทัศนาสภาพความเป็นจริง ซึ่งเปิดเผยความนัยทุกสิ่งอัน

เทพกร  :  (เข้ามารายงานตัว) บัดนี้ข้าพเจ้าเทพกรผู้นำทางจากที่ทำการตรวจสอบจากปากทางสามแพร่ง ได้นำ "คนเดิมผู้ได้รับธรรม ฯ" มาถึงพระตำหนักเพื่อตรวจสอบไตรรัตน์แล้ว

เทวบดี  :  "รับทราบ ให้คนเดิมเข้ามาได้"

เทพกร  :  "คนเดิมเข้าไปได้" (เห็นคนเดิมสิบกว่าคน มือถือป้ายประจำตัวตน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย สีหน้าอาการสงบอ่อนน้อม ตามเทพกร ผู้นำทางเดินเข้าไปจนปถึงหน้าโต๊ะ คำนับแล้วน้อมศรีษะยืนตรงอยู่

เทพกรประจำโต๊ะที่ 1  :  ขอแสดงความยินดีต่อทุกท่าน ด่านนี้จะตรวจสอบ  " สัญญลักษณ์ไตรรัตน์ "  ชาตินี้ที่ได้รับวิถีธรรมเพราะคุณงามสามชาติที่บำเพ็ญมาจึงได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์จากพระวิสุทธิอาจารย์ ขอให้ต่างแสดงหลักฐาน  (เมื่อเทพกรกล่าวจบ คนเดิมผู้ได้รับธรรม บ้างก็ยิ้มแย้มสดชื่น บ้างก็หน้าซีดเผือดเขียวคล้ำอ้ำอึ้ง จำไตรรัตน์ไม่ได้ กระอักกระอ่วยอับอาย)

เทพกรโต๊ะที่ 2 :  ด่านนี้จะสอบถาม "อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม"  "ผู้นำพาและรับรอง"  "พุทธะจริยะระเบียบ"  ผู้ละทิ้งพุทธะจริยะระเบียบ ไม่เข้าใจศีลข้อห้ามและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันแท้จริง จะมอบให้เทพกรผู้นำทาง นำไปมอบหมายให้  " ทัณฑสถานจื่อหยังกวน "

เทพกรโต๊ะที่ 3  :  ด่านนี้จะตรวจสอบป้ายประจำตัว สอบถามความเป็นไปที่บำเพ็ญอยู่ในโลก เช่น แม้ผู้บำเพ็ญจะสร้างบุญกุศลไว้ในโลก แต่นิสัยความเคยชินไม่ดีไม่หมดสิ้นหรือถือมั่น แบ่งชั้นสูงต่ำ ล้วนแต่มอบให้เทพกรผู้นำทางนำไปขอสำนึกผิดในสถานเคี่ยวกรำบำเพ็ญในวิมานเขตุต่าง ๆ ให้ได้สงบใจบำเพ็ญจิตต่อไป

เทพกรโต๊ะที่ 1  :  ญาณเดิมคนแรกเชิญเข้ามาตรวจสอบสัญลักษณ์ไตรรัตน์ได้

ญาณเดิม ก.  :  ศิษย์ผู้น้อยแซ่หวัง...ชื่อ...กราบคารวะท่านเทพกร

เทพกรโต๊ะที่ 1  :  ยินดีด้วยที่ท่านทั้งหลายได้รับวิถีธรรมแล้ว ดังคำกล่าวว่า " มีบุญสัมพันธ์ห่างกันพันลี้ มีวันได้พบ ขาดบุญสัมพันธ์ อยู่กันตรงหน้าหาเห็นไม่ "มีบุญสัมพันธ์ก็คือมีรากฐานบุญบารมีมาก่อน แม้อยู่ห่างกันพันลี้ก็จะมีผู้มีคุณมานำพาให้ได้ รับวิถีอนุตตรธรรม มิฉะนั้น ก็จะได้แต่อยู่บนทางแยกหรือข้างทางวิถีธรรม จะไม่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมะ บัดนี้ ท่านจะแสดงสัญลักษณ์ไตรรัตน์ที่ได้รับมาเป็นหลักฐาน

ญาณเดิมนาย ก.  :  รับพระบัญชา   เท่าที่กระผมได้รับทราบมา เมื่อตอนรับธรรมะ ไตรรัตน์ที่ได้รู้ก็คือ
1. ญาณทวาร  เป็นด่านสำคัญที่คนกับฟ้าเชื่อมถึงกันเป็นที่สถิตจิตญาณ ซึ่งก็เป็นประตูที่จิตญาณผ่านเข้าออกเมื่อเกิดมา - ตายไปนั่นเอง
2. รหัสคาถา   มีคำว่า 1,2,3,4,5 เป็นสัจคาถา เมื่อประสบภัยพิบัติ เหนือความสามารถที่ใครจะช่วยได้ เพียงแต่ศรัทธาจริงถึงเบื้องบน ท่องสัจคาถาในใจ เบื้องบนก็จะส่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาคุ้มครองให้ เหตุร้ายกลายเป็นมงคล เพทภัยกลายเป็นสันติ
3. ลัญจกร     คือตราประทับรหัส "จื่อไฮ่"  (สัญลักษณ์บริสุทธิ์จิตทุกชั่วยาม) เป็นรหัสพาให้ผ่านพ้น  เป็นตราประทับศักดิ์สิทธิ์

เทพกรโต๊ะที่ 1  :  สาธุ  สาธุ  ศิษย์แซ่หวังจดจำสัญลักษณ์ของไตรรัตน์ไว้แม่นยำ ผ่านไปได้ แต่ท่านยังไม่เข้าใจเนื้อแท้สัจธรรมการถ่ายทอดจริงของไตรรัตน์เท่ากับยังไม่ถ่องแท้ หวังว่าท่านจะผ่านด่านที่สองไปสู่ " ตำหนักบำเพ็ญตน " (จื้อซิวถัง) เข้าถึงเนื้อแท้สัจธรรมของไตรรัตน์ให้ดียิ่งขึ้น 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก   

ญาณเดิมนาย ก.  :  ขอบพระคุณท่านเทพกรเมตตาประทานโอวาท  เมื่อมีชีวิต ศิษย์ไม่ลึกซึ้งเข้าถึงไตรรัตน์วิถีแห่งจิตได้ แต่ใส่ใจกับเรื่องพระโองการ ฯ กับพงศาธรรม เพิ่งจะรู้ความสำคัญของ "จิตตน ตนฉุดช่วย" จึงหวังว่าผู้บำเพ็ญในโลกจะถือโอกาสเวลาอันมีค่า นอกจากบำเพ็ญเพียรจากสัญลักษณ์ของไตรรัตน์แล้ว สำคัญที่สุดคือ จะต้องเข้าถึงพระเจตนาของฟ้าเบื้องบน จิตใจของพระอาจารย์  ประจักษ์จิตญาณของตนแล้ว จึงเข้าถึงการบรรลุปณิธาน สำเร็จภาระกิจศักดิ์สิทธิ์ในการช่วยงานธรรมะ ฉุดช่วยตนเอง ฉุดช่วยผู้อื่น อย่างฉันเพิ่งจะเข้าใจก็สายเสียแล้วจึงต้องไปบำเพ็ญเพียรที่ "ห้องฝึกจิตในตำหนักบำเพ็ญตน" ต่อไป

เทพกรโต๊ะที่ 1  :  ญาณเดิมท่านที่สองเชิญเข้ามารับการตรวจสอบไตรรัตน์ได้

ญาณเดิม ข.  :  กราบท่านเทพกร  ผู้น้อยแซ๋หลี...

เทพกรโต๊ะที่ 1  :  มิต้องคารวะ ศิษย์แซ่หลี แสดงไตรรัตน์ตามที่ได้รับมาเถิด

ญาณเดิม ข  :  รับพระบัญชา 
1. ญาณทวาร  ศาสนาขงจื้อเรียกว่า "วิสุทธิ์แดนดินถิ่นวิเศษสถานสำรวมจิตญาณ (จื้อซั่นเป่าตี้ ไซว่ซิ่งจือสั่ว) พระพุทธะตรัสว่า "จักษุครรภนิพพานอันวิเศษ" ศาสนาเต๋าเรียกว่า "ทวารวิเศษ รากฐาฯของฟ้าดิน"  ทวารวิเศษนี้เป็นศูนย์กล่างของฟ้าดินกับคน มีความวิเศษแยบยล แม่ผีสางเทวดาก็มิอาจคาดหมาย เป็นความวิเศษลี้ลับของเบื้องบน ซึ่งมิให้ถ่ายทอดตั้งแต่บรรพกาลจนถึงบัดนี้ ผู้ได้รับจะพ้นจากปุถุชนไปสู่พระอริย ผู้ได้บำเพ็ญจะบรรลุเป็นพระพุทธ พระอรหันต์
2. รหัสคาถา   พระพุทธะ พระอรหันต์ ตรัสไว้ว่า "เมื่อท่องสัจคาถา เทวา ฯ ภูตผี ต่างกลัวเกรงพุทธประกาศิตสามโลกเร่งพระโพธิสัตว์เองโปรดลง" จึงพึงรักษาไว้ด้วยจิตศรัทธา  สำนึกขอขมาบำเพ็ญเพียรอย่างจริงใจ  จะสัมผัสจิตสัมฤทธิ์ผลศักดิ์สิทธิ์ ภายหน้าเมื่อจะผ่านเข้าประตูชั้นฟ้า ก็จะต้องใช้รหัสสัจคาถานี้ "เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้ากำลังถูกตรวจสอบยืนยันอยู่นี้" จะลืมไม่ได้เป็นอันขาด ดูแคลนไม่ได้จะต้องใส่ใจให้ดี
3. ลัญจกร   ผู้เป็นขุนนางยืนยันด้วยตราประทับประจำตำแหน่ง ผู้บำเพ็ญธรรมยืนยันด้วยลัญจกร ลัญจกรคือรหัสจื่อไฮ่ (สัญลักษณ์บริสุทธิ์จิตทุกชั่วยาม) เป็นหลักฐานการได้รับวิถีธรรม "เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายตามความจริงว่า ถ้าหากท่านไม่กลับใจให้เหมือนเด็กเล็ก ๆ ท่านจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย" แล้วพระองค์จึงทรงวางพระหัตถ์บนศรีษะเด็กอวยชัยให้แก่เขา เหล่านี้ล้วนเป็นพระวจนะแยบยลสำคัญเกี่ยวกับสัญลักษณ์ไตรรัตน์ ทั้งหมดคือความเข้าใจที่ผู้น้้อยมีต่อไตรรัตน์

เทพกร  :  ที่ศิษย์แซ่หลี พูดมา แม้จะเทียบเคียงความหมายและสัญลักษณ์ของไตรรัตน์ได้ แต่ยังคงวนเวียนอยู่ภายนอก กล่าวคือ รู้ความเป็นไปแต่ไม่รู้เหตุแห่งความเป็นนั้น ภาวะของความสำนึกรู้จึงยังอยู่ที่สังขตะธรรมความมีตัวตน  ไม่อาจสำแดงจิตตนให้สอดคล้องกับไตรัตน์สัจธรรมได้ แต่ศิษย์แซ่หลี ก็มีรากฐานบุญไม่เบา เมื่อได้สดับพระธรรมก็มั่นคงในธรรม ไม่ละทิ้งไตรรัตน์ จึงผ่านด่านนี้ไปได้ หวังว่าเมื่อผ่านด่านอื่น ๆ ไปแล้ว จะได้ไปตั้งใจศึกษาสำนึกรู้ที่ "ตำหนักสำนึกจิต" (อู้ซินถัง) ให้ดี

ญาณเดิม ข.  :  กราบขอบพระคุณท่านเทพกรโปรดเมตตาอบรม แม้ชาตินี้ผู้น้อยจะมิอาจเข้าถึงปริศนาวิเศษของอนุตตรธรรม แต่ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ฯ จากเบื้องบน ได้รับจุดเบิกฯ จากพระวิสุทธิอาจารย์ อีกทั้งได้เชื่อมบุญสัมพันธ์ ได้พบพระ ได้สดับธรรมจากพระพุทธะผู้เสวยวาระ (พระพุทธเจ้า) พระพุทธเจ้าผู้รวบรวมธรรมญาณ เก็บงาน (พระพุทธจี้กง  พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา)  และ พระศรีอริยเมตตรัย ก้ไม่เสียเปล่าที่ศรัทธามั่นคงต่อธรรมะในชีวิตนี้

เทพกร  :  ญาณเดิมท่านที่สาม เข้าตรวจสอบไตรรัตน์ได้

ญาณเดิม ค.  :  ผู้น้อยแซ่เฉิน กราบคารวะท่านเทพกร กระผม... จำไตรรัตน์ไม่ได้เสียแล้ว

เทพกร  :  เฮ้อ !  มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านก็จะต้องรับโทษอันควรไป แม้เราจะเมตตา ไม่ทนเห็นญาณเดิมถูกส่งไปรับทุกข์ในนรก ท่านได้รับบุญบารมีจากบรรพบุรุษ ทำให้ได้รับวิถีอนุตตรธรรม แต่ก็มิได้เกิดศรัทธา กลับเห็นหลักเที่ยงธรรมของจักรวาลเป็นเรื่องเหลวไหลงมงาย ผละจากประตูธรรมไปหาสักการะวัตถุประโยชน์บัดนี้ก็ได้แต่อาศัยเหตุและผลกรรมที่ทำไว้ในโลก เป็นเครื่องตัดสินความสูงต่ำของตนเองแล้ว

ญาณเดิม ค.  :  ท่านเทพกรได้โปรดเมตตา เมื่อครั้งมีชีวิตเนื่องจากไม่อาจเข้าใจความแยบยลของการฉุดช่วยโปรดทั้งสามโลก และกำหนดกาลวาระเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ผู้น้อยจึง... ขอท่านเทพกรได้โปรดให้ทางชีวิตแก่ผู้น้อยด้วย ให้ผู้น้อยผ่านด่านนี้ไปเถิด

เทพกร  :  กฏบัญญัติฟ้าเคร่งครัด แม้เราจะเปี่ยมด้วยเมตตา แต่เหตุและผลกรรมใครทำต้องรับเอง ท่านตามเทพกรผู้นำทางไปเสียเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก   

พระอาจารย์ ฯ  :  จุดประสงค์ของธรรมะก็คือต้องการให้ญาณเดิมอาศัยหลักสัจธรรม ชำระโลกีย์กลับคืนเป็นจิตญาณบริสุทธิ์ จึงได้สอนให้ผู้คนเคารพฟ้าดิน บูชาพระพุทธะเทพเจ้า ฯ รักชาติ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เชิดชูวัฒนะจริยธรรม กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ถือความสัตย์ จริงใจต่อเพื่อน มีอัธยาศัยไมตรีต่อเพื่อนบ้าน ละบาปบำเพ็ญบุญ อันเป็นพื้นฐานการเผยแผ่ กล่อมเกลา ให้จรรโลงคุณวิเศษหัวใจของคำสอนในพระศาสดาทั้งห้า ยึดถือระดับการปกครองสาม เบญจธรรมและประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามแต่โบราณ ชำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว อาศัยกายสมมุติบำเพ็ญธรรมจริง ฟื้นฟูความดีงามของจิตภาพและสมรรถภาพของจอตวิสัยแห่งตนตั้งมั่นตนให้เป็นคนสมบูรณ์และช่วยผู้อื่น บรรเรา บรรลุเขา วางตนดีและกล่อมเกลาผู้อื่น ฉุดช่วยโลกให้เกิดสันติสุข แปรเปลี่ยนใจคนให้ดีงาม เพื่อประโยชน์ในการนำโลกไปสู่เอกภาพ เช่นนี้ มีหรือจะเป็นการเหลวใหล งมงาย  ชาวโลกปัจจุบัน วิทยาการและอารยะวัตถุก้าวหน้าจึงมักจะละเลยกิจกรรมของจิตญาณและความกล้าที่จะเผชิญกับคุณธรรม ดังนั้นจึงทุกข์ใจยิ่งขึ้น  ไตรรัตน์แห่งธรรมกาลยุคขาวเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าที่รวมเอาฟ้าดินไว้โดยแท้ หาใช่ตัดสินคุณค่าจากรูปนามสัญลักษณ์ภายนอกที่มองเห็นได้เท่านั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ปัจจุบันมีศิษย์ธรรมกาลยุคขาวไม่น้อยที่เข้าใจว่า "ปริศนาธรรมความลี้ลับของไตรรัตน์ถูกแพร่งพรายบนหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ขาดความศักดิ์สิทธิ์เสียสิ้น " ไม่ทราบว่า "เหตุผลเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งยังมีผู้บำเพ็ญอีกไม่น้อยที่เห็นว่าการขอรับไตรรัตน์เป็นเพียงรูปแบบอย่างหนึ่ง ในการขอรับวิถีธรรมเท่านั้น ไม่มีคุณค่าอะไร ขอพระอาจารย์ได้โปรดประทานความสว่าง"

พระอาจารย์ ฯ  :  ฮะ ฮา  ภาวะของสัทธรรมจะเผยตามความอักษรได้หรือ  ความหมายของปริศนา ความลับฟ้าอยู่ที่กระจ่างในความสำนึกรู้หรือไม่เท่านั้น ผู้สำนึกรู้แล้วปริศนาฟ้าก็มิใช่ปริศนา ไม่สำนึกรู้ก็จะจดจำกลืนเอาไตรรัตน์ตามรูปแบบเข้าไปทั้งดุ้น เพราะเหตุว่ายัง "ไม่ได้รับอย่างแท้จริง" จึงยังเป็น  "ปริศนาความลับฟ้า"  อู้เอวี๋ยน เมื่อเข้าใจหลักดังกล่าวก็จะประกอบความเข้าใจกับ "หมื่นธรรมารมณ์เกิดแต่จิต"  "แนวทางธรรมะเป็นเพียงตัวนำ" ได้  ไตรรัตน์สัจธรรมสำหรับผู้ได้รับวิถีธรรมที่ยังไม่เกิดความสำนึกรู้ จะเป็นเพียง "รูปแบบ" เป็นขั้นตอนจำเป็น  แต่สำหรับ  "การนำจิตไปพบจิต"  เป็นปริศนาความลับฟ้าอย่างแท้จริง เป็นสัจพระโองการฟ้าที่แท้จริงและเป็นวิถีแห่งจิตที่แท้จริง  เอาละ เราจะมาดูการทำงานของเทพกรโต๊ะที่สอง ว่าจะตรวจสอบพุทธจริยะ ระเบียบอย่างไรเพื่อประจักษ์ในข้อเท็จจริง

เทพกรโต๊ะที่ 2.  :  ญาณเดิมท่านที่ห้า เชิญเข้ามารายงานชื่อผูนำพา รับรองและอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมได้

ญาณเดิม ง.  :  กราบคารวะท่านเทพกร ผุ้น้อยแซ่เซี่ย...ชื่อ...รับธรรมะในปีหมินกั๋วที่สี่สิบแปด อาจารย์ผู้ถ่ายทอดเบิกธรรม แซ่หลี ชื่อ...อาจารย์นำพาแซ่หวัง ชื้อ...อาจารย์รับรอง แซ่ไซ่่ ชื่อ...

เทพกร  :  สาธุ  ดื่มน้ำรู้จักรำลึกถึงต้นน้ำ สำนึกในบุญคุณไม่รู้ลืม หลักฐานที่บันทึกไว้ตรงกับที่ท่านรายงาน บัดนี้ จะถามว่า "ตำหนักพระสับสนผิดพลาด (ฝอถังเตียนเต่าชั่วล่วน) หมายถึงอะไร

ญาณเดิม ง.  :  หมายถึงบนโต๊ะบูชา เครื่องสักการะ เบาะที่กราบพระ การถวายธูป จริยพิธี ไม่ถูกต้องตามพุทธระเบียบขอรับ

เทพการ  :  นั่นเป็นตำหนักพระที่มีรูปลักษณ์ แม้จะสำคัญแต่พระแท้มิได้อยู่นอกกายตน สำคัญที่สุดยังคงเป็น "ตำหนักในตนเอง"  ตนเองจึงจะเป็นตำหนักพระที่ถูกต้องกับความเป็นจริง  "แขน ขา ดังเครื่องสักการะ  สองตาดังตะเกียงฟ้า  ปาก ลิ้น ของตนท่องบ่นคัมภีร์"  ฉะนั้น ความไม่สำรวมในชีวิตประจำวัน ยุแหย่่นินทาว่าร้าย ใจไม่ซื่อ ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนเป็นตำหนักพระสับสนผิดพลาด  "จิตศรัทธา เป็นธูปบูชา ใจ เคารพ เป็นจริยะ" การจุดธูปบูชาพระก็คือ นำตำหนักพระในตนเองประสานเข้ากับตำหนักพระที่เป็นรูปลักษณ์ภายนอก

เทพกร  :  ขณะที่ท่านเกิดความมุ่งมั่นจะบำเพ็ญ ตำหนักพระในจิตตนก็เริ่มก่อสร้าง (ตั้งตำหนัก) พื้นที่ตารางนิ้ว (จุดญาณทวาร) นั้นเป็นพุทธสถาน 
- จึงหวังว่าผู้บำเพ็ญในโลก จะรักษาพุทธะระเบียบไม่ใช่อยู่ในตำหนักพระจึงสำรวมวาจาอ่อนน้อม เมื่ออกจากตำหนักพระแล้ว ในชีวิตประจำวันก็พากันลืมพุทธะระเบียบตำหนักพระในตน" 
- พึงรู้ไว้ว่า "เมื่อตั้งปณิธานแล้วไม่ปฏิบัติตามปณิธาน ไม่บรรลุปณิธานอย่างแท้จริงก็คือ ไม่รักษาพุทธระเบียบ
- ผู้ที่ผิดพลาดทำให้เสียหายแก่งานใหญ่ฉุดช่วยสามโลกก็นับว่าผิดพุทธระเบียบ 
- ความสะเพร่าจากกายวาจา ทำให้เป็นผลเสียต่อการบำเพ็ญของญาติธรรมหรือผู้น้อย ก็นับว่าผิดพุทธระเบียบ
- จิตใจไม่เสมอภาคดูหมิ่นศาสนาอื่น (เช่นดูถูกศาลเจ้าของธรรมกาลยุคแดง) ก้นับว่าไม่เคารพพุทธระเบียบ
- แม้ยังมิได้แสดงออกด้วยกายวาจา แต่จิตคิดไม่ซื่อ ไม่ตรง เช่น ตระหนี่  โลภ  โกรธ  เกลียดโมโหโง่หลง  ฟุ้งซ่าน  ตอบโต้เคียดแค้น  เห็นผิดติดอบาย  คิดชั่วร้าย  ใจคดมดเท็จ  หยาบย่าม  ลำพอง  เห็นแก่ตัว  อิจฉาริษยา  หลงตัณหากามารมณ์ ฯลฯ  เหล่านี้  อันเป็นความคิดจิตใจไม่ดีงาม ล้วนเป็นความสับสนผิดพลาด ณ ตำหนักพระในตนเอง  จึงมีคำกล่าวว่า  "ไม่กลัวความคิดเกิด กลัวแต่รู้ตัวช้า" 
        "ตำหนักพระในตนเองสับสนผิดพลาด"  จะต้องรู้ตัวทันที แล้วกราบสำนึกผิดขอนิรโทษกรรมต่อเบื้องพระแท่นพระศรีอาริย์ด้วยความจริงใจ กลับตัวเสัยใหม่อย่างแท้จริง  ตั้งปณิธานแล้วบรรลุปณิธาน พูดจริง ทำจริง  แบกรับพระภาระศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรือธรรมะยุคขาวที่ฉุดช่วยชาวโลกแทนเบื้องบน  เมื่อมีพุทะะพลัง อัตตาพลังดังนี้ก็จะไม่มีที่บาปเวรจะไม่ลบล้างไปได้ ไม่มีที่จิตฟุ้งซ่านจะไม่ถูกกำหราบลง

อู้เอวียน  :  ท่านเทพกร ขอรับ เหตุใดเมื่อตำหนักพระสับสนผิดพลาด จะต้องวิงวอนพระศรีอาริย์โปรดประทานนิรโทษผ่อนผัน แต่มิได้วิงวอนพระองค์อื่นโปรดประทานนิรโทษผ่อนผันพระองค์อื่นจะไม่จะไม่โปรดเมตตาอย่างนั้นหรือ       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก   

เทพกร  :  สาธุ  คำถามนี้ดีนัก  มิใช่ว่าพระองค์อื่นจะไม่โปรดเมตตา แต่เพราะเหตุนี้ พระศรีอาริย์เป็นพระบรรพพุทธา รับสนองพระบัญชาตามกำหนดเก็บงาน พระองค์จะอุบัติในโลกตามพุทธทำนาย จะจัดงานชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋าในยุคสามสุดท้ายนี้ มีบุญสัมพันธ์กับสัตว์โลกเป็นพิเศษและด้วยเหตุที่สนองตามกำหนดบุญวาระ ฉะนั้น พระพุทธะอริยเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก พระเทพย์นาคาแปดฝ่าย (เทียนหลงปาปู้) พระจักกวัตตี (จ่วนหลุนเซิ่งอวง) ต่างทรงทุ่มเทช่วยพระศรีอาริย์เก็บงาน ฉุดช่วยคนดีปลุกใจคนหลง เตรียมไว้เป็นพุทธบุตรในการเบิกฟ้าดินในธรรมกาลใหม่ต่อไป 
- อีกขั้นหนึ่งคือกวาดล้างคนบาป (ไม่รู้เมตตาฯ ขาดมโนธรรมน้ำใจ ไร้จริยะ ไม่ละอายต่อบาป ไม่กตัญญู ไม่ปรองดองพี่น้อง ไม่ซื่อสัตย์จงรักภักดี ไม่มีความสัตย์จริง ผิดด้วยอกุศลกรรมบทสิบ คือ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักทรัพย์จาบจ้วง ประพฤติผิดในกาม โกหกพูดเท็จ ส่อเสียดเหยียดหยาม วาจาหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ โลภมากอยากได้ พยาบาทมาดร้าย เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม ดำเนินชีวิตผิดทั้งกายใจ อีกทั้งแบ่งแยก สร้างฐานอำนาจในวงการธรรมะ โลภหลงเงินทอง เสพสุข หลงการปรนเปรอจากผู้น้อย แย่งชิงบุญกุศล มรรคผล  วางอำนาจบาทใหญ่ หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์  ผยองลำพองตน  หลบหลู่นักธรรมอาวุโสหรือถือเอาผู้น้อยและตำหนักพระเป็นสมบัติส่วนตัว
- คนบาปเหล่านี้แม้ไม่กวาดล้างจะปฏิรูปโลกยุ่งเหยิง และจัดระเบียบกับงานธรรมะอย่างไร โลกสกปรกจะกลายเป็นวิสุทธิ์แดนดินได้อย่างไร และโลกสงบสุขในสมัยพระเจ้าเหยาฮ่องเต้ พระเจ้าซุ่นฮ่องเต้  จะปรากฏคืนมาในโลกใหม่ได้อย่างไร ฉะนั้น เมื่อ "ตำหนักพระในตนเอง" เกิดสับสนผิดพลาด จึงจำต้องวอนขอต่อพระศรีอาริย์โปรดประทานนิรโทษผ่อนผัน มิฉะนั้นจะถูกกำจัดออกไปนอกขอบข่ายของการเก็บงานอันกลมกลืน ต้องฝังจมอยู่กับวัฏจักรการเวียนว่ายตลอดไป และแน่นอน การจะขอนิรโทษกรรมต่อพระองค์ใดของศาสนิกในศาสนาต่าง ๆ เพียงแต่เกิดความจริงใจ ขอขมากรรมต่อพระองค์ อันเป็นพระภาคของสัจธรรม ก็ล้วนเป็นที่ยอมรับของเบื้องบน ญาณเดิมท่านที่หก เชิญเข้ามารับการตรวจสอบพุทธระเบียบได้

ญาณคนเดิมที่ 6  :  กราบท่านเทพกร อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม นำพาและรับรอง  ผู้น้อยแซ่ จู คือ...

เทพกร  :  ว่าอย่างไรล่ะ 

ญาณคนเดิมที่ 6  :  ท่านเทพกร เป็นเพราะศิษย์หลงเชื่อคำชาวบ้านว่าไตรรัตน์ถูกหนังสือพิมพ์ตีแผ่เปิดเผยปริศนาความลับฟ้า ไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว ดังนั้น จึงไปขอรับธรรมะ รับสัจคาถาใหม่ จึงลืมอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม นำพา และรับรอง  ในครั้งก่อนเสียหมด...

เทพกร  :  เฮ้อ !  คนที่สองจิตสองใจ ไม่มั่นคงในธรรมะอย่างนี้ จะต้องถูกมิจฉาวาจาหลอกลวงเข้าจนได้ หลักฐานบันทึกของเจ้าที่นี่ก็ลงไว้อย่างนี้  เห็นแก่เจ้าที่รับสารภาพตามความเป็นจริง ทำให้ได้บันทึกลงในหนังสือท่องพุทธาลัย ช่วยการปฏิรูปธรรมจักรวาลได้ เราจึงไม่เอาโทษต่อเจ้า พึงรู้ไว้ว่าศิษย์ยุคขาว แม้ได้รับจุดเบิกทางตรง จากพระวิสุทธิอาจารย์แล้วก็ตาม แต่หากนัยน์ตา หู จมูก ลิ้นกายใจ อินทรีย์ทั้งหก ไม่เดินทางตรง (ไม่เอาพุทธจิตเป็นอารมณ์) ยังคงออกทางประตูข้าง (เอาอินทรีย์ทั้งหกเป็นอารมณ์บดบังจิตผู้เป็นใหญ่ อินทรีย์ทั้งหกก็กลายเป็นโจร เช่นนี้ แม้จะจุดเบิกประตูทางตรง ก็ไม่ได้ช่วยอะไรในการบำเพ็ญได้จะต่างอะไรกับไม่ได้รับจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์ สำหรับพวกใจบาปมีแต่มิจฉาทิษฐิ จะเห็นไตรรัตน์สัจธรรมเป็นเพียงของขลังไว้คุ้มตัว ฉะนั้น เมื่อวันใดหนังสือพิมพ์ตีแผ่ออกมา จึงคิดว่าปริศนาความลับฟ้ารั่วไหล ไตรรัตน์ไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว  จึงไปรับถ่ายทอดญาณทวารลัญจกรและสัจคาถาใหม่)  ฮะ ฮ่า  นัยน์ตาหลงผิดของคนประเภทนี้ รู้จักแต่รูปนามของไตรรัตน์ ไม่เห็นชัดในไตรรัตน์อันเป้นวิถีแห่งจิต ไม่รู้จักอาศัยไตรรัตน์วิถีแห่งจิตไปบำเพ็ญ เพื่อสำนึกรู้ใน "จิตภาวะวิสุทธิ์พุทธะ"  พึงรู้ความหมายในคัมภีร์วัชรญาณสูตรที่จารึกไว้ว่า "จงยั้งจิตอย่ายึดมั่นผูกติดในสภาวะะใด" ฉะนั้น จุดนั้นพระวิสุทธิอาจารย์ จึงมิให้ใฝ่ใจในจุดนั้น คือ "จิตภาวะวิสุทธิ์พุทธะ  อันเป็นอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ" ในตน  ฉะนั้น ลักษณะแท้ของไตรรัตน์สัจธรรม จึงมิใช่หนังสือพิมพ์จะตีแผ่ให้รั่วไหลได้ จะพูดถึง "ปริศนาความลับฟ้า"  ก็มีความหมายหลายชั้น คือ
1. สิ่งที่บอกกล่าวไม่ได้เรียกว่าปริศนาความลับฟ้า เพราะบอกกล่าวแล้วจะเป้นการก่อกวนหรือให้ร้ายผู้นั้น
2. บอกกล่าวได้แต่มิให้รู้ความจริงแท้ ก็เรียกว่าปริศนาความลับฟ้า  ศิษย์ยุคขาวบัดนี้้ แม้จะได้รับรู้รูปนามของไตรรัตน์ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจในลักษณะแท้ของไตรรัตน์สัจธรรม ฉะนั้น ปริศนาความลับฟ้าของไตรรัตน์จึงอยู่ที่สำนึกรู้หรือไม่ หนังสือพิมพ์ตีแผ่ได้แต่รูปนาม แต่จะแพร่งพรายปริศนาความลับฟ้านั้นได้หรือ
3. เรื่องที่ยังไม่ถึงเวลา ก็เรียกว่าปริศนาความลับฟ้า เช่น พระศรีอาริย์เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจะทรงเก็บงานสุดท้ายในธรรมกาลนี้ กำหนดกาลนี้คือ กำหนดกาลมะแม แต่บัดนี้เพิ่งจะเป็นกำหนด " กาลมะเมียคาบเกี่ยวมะแม "  เท่านั้น ฉะนั้น เรื่องนี้จึงยังคงเป็นปริศนาความลับฟ้าเช่นกัน

อู้เอวี๋ยน  :  คืนนี้ศิษย์ได้รับประโยชน์มากมายเหลือเกิน เชื่อว่า หากผู้บำเพ็ญได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะไขข้อข้องใจได้ไม่น้อย ผู้ที่ถดถอยไปจากธรรมะก็จะฟื้นฟูความมุ่งมั่นในธรรมะได้ใหม่ ผู้ปกป้องจรรโลงธรรมะก็จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่น อุทิศตนเพื่องานธรรมะยิ่งขึ้น

พระอาจารย์ ฯ  :  คืนนี้ ขอบพระคุณเทพกรทุกท่านที่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อธรรมจักรวาลกันไม่น้อย ติดที่เวลา จึงต้องขอลาเพียงนี้ พบกันใหม่ครั้งหน้า อู้เอวี๋ยนกราบลาเซียนผู้ปกครองทำการทุกพระองค์ เรากลับตำหนักพระกัน...ถึงตำหนักพระแล้ววิญญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม เรากลับคืน

  โลกอิน - หยาง    มืดสว่าง   ไม่ต่างกัน
ทุกชีวัน      เกิดดับ      กับเหตุผล
ยุติธรรม      คือนันย์ตา  ฟ้าเบื้องบน
แม้เส้นขน   ไม่เลยละ    ปละ ปล่อย ไป                                         
                                                                               จบเล่ม ที่ 1

Tags: