collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: บทสำรวจตนเอง  (อ่าน 16481 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: 28/02/2554, 07:20 »

                                                      ๓๙

       บุญ ณ ปัจจุบัน สะสมมาแต่บรรพบุรุษ จะมิถนอมนั้นมิควร ส่วนบุญในอนาคต จักตกทอดสู่ลูกหลานพงษ์พันธุ์ในภาคหน้า จะมิหล่อเลี้ยงนั้นมิเหมาะสม  อัน บุญ ณ ปัจจุบัน ก็ประหนึ่งการจุดตะเกียง ที่จุดเมื่อไหร่ก็จะเหือดแห้งลงเมื่อนั้น อันบุญในอนาคต ก็เป็นประดุจการเติมน้ำมัน ที่ยิ่งเติมก็จักยิ่งอำไพ ฉะนั้น การทำความดีจึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดประเสริฐ ชั่วชีวิตจักบรรเจิดใช้ไปมิรู้สิ้น โดยมีจิตใจเป็นนาบุญ ที่หากหมั่นเพาะปลูกเกี่ยวตุนก็คงเหลือ

                                                       ๔๐

        ชีวิตนี้ชาตินี้พึงบำเพ็ญ จะมั่งมีหรือยากเข็ญอย่าพ้อพร่ำ  จงพากเพียรบุกบั่นจึงอิ่มหนำ รู้มัธยัสถ์เตือนจำคู่ชีวา อย่าใจหยิ่งอีกประจบนิจสุขี รู้ทำดีทั้งเขาเรารางวัลใจ ครองตนไว้ไร้บาปชื่นฤทัย พลังใจนิจจรรโลงสุขสถาพร

                                                        ๔๑

        ยอมก่อดีทำดีสร้างกุศล มิขอทนทำงานสร้างทรัพย์สิน ทำความดีมีกุศลเป็นฐานดิน สร้างทรัพย์สินเภทภัยภินท์ (แตก ทำลาย) น่าเวทนา อันสือโฉง ( สือฉง (ค.ศ.249 - ค.ศ.300) บุคคลในสมัยซีจิ้น รับราชการเป็นผุ้ว่าเมืองจิงโจว แต่กลับอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ทำการรีดไถเงินทองจากพ่อค้าวาณิชย์จนร่ำรวยมหาศาล มีอุปนิสัยสิ้นเปลืองอย่างอัประมาณ เคยอวดตัวแข่งความรวยกับหวังไข่ โดยใช้เทียนแทนฟืน กั้นฉากผ้าแพรไกลถึง 50 ลี้ มาตรว่าหวังไข่จะได้รับการสนับสนุนกำลังทรัพย์จากกษัตริย์อู่ตี้อย่างไร แต่ก็ยังคงต้องพ่ายแพ้ต่อสือฉงไปในที่สุด ในสมัยการกบฏ 8 อ๋อง สือฉงได้ก่อการสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องฉี สุดท้ายจึงถูกฆ่าตายด้วยอ๋องเจ้า สินล้นฟ้า กลับได้มาซึ่งวิบัติตัดชีวี อีกเติ้งทง (เป็นบุคคลในสมัยซีฮั้น เมื่อครั้งฮั้นเหวินตี้ขึ้นครองราช  เติ้งตงได้เป็นที่โปรดปราณของพระองค์มากเป็นพิเศษ ดังนั้นในไม่นานนักก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นถึงมหาอำมาตย์  อีกยังได้พระราชทานภูเขาเหมืองทองแดง และยังทรงมีพระราชานุญาตให้หลอมเหรียญกษาปณ์ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้เติ้งทงมีสินทรัพย์อันล้นฟ้า ผู้คนในสมัยนั้นต่างนำชื่อของเติ้งทงมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย แต่ครั้นฮั้นจิ่งตี้ขึ้นครองราช เติ้งทงก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และถูกริบทรัพย์สินจนสิ้นในเวลาต่อมา ดังนั้นในบั้นปลายจึงต้องอาศัยคนอื่นประทังชีวิต และลำเค็ญข้นแค้นจนตัวตาย) ต้องอดตายวายชีพมี ทั้งหมดนี้ล้วนเคราะห์ต่อจากถงซัน (ภูเขาเหมืองทองแดง) น่าหดหู่พวกคนรวยยศศักดิ์ใหญ่ ทัศน์วิสัยกลับไม่เปิดมองกว้างไกล มีแต่เงินเป็นวิเศษทุกหายใจ แต่กลับไปเย้ยความดีเป้นเรื่องเขลา พวกทาสเงินเฝ้าแต่หวงห่วงทรัพย์สิน แต่ยามสิ้นไร้โลงศพก็มากมาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: 1/03/2554, 05:59 »

                                                           ๔๒

        ยามผู้เฒ่าปีแปดสิบผมขาวหงอก  ต้องจนตรอกรำพึงถึงเรื่องอดีต ที่ยามเด็กขี่ม้าไผ่สุขชีวิน ปต่บัดนี้ผมขาวสิ้นเพียงพฤฒา  ชีวิตนี้เพียงพริบตาคร่าผ่านไป  จบสิ้นแล้วพึ่งตื่นใจเป็นแค่ฝัน  คู่ชีวิตสุดท้ายต้องแยกจากกัน  อีกลูกหลานก็ต่างคนต่างทางไป  ทรัพย์ศฤงคารไม่มีใครจักครองได้  เพียงสิ้นใจปิดตาลงก็ว่างสิ้น  จะไปไหนอยู่ที่ใดยามชีพกิน ?  หรือตายดิ้นเป็นวิญญาณพเนจร  ยามวายปราณก็แยกจากสองภพโลก  สุดเศร้าโศกคนต่างทางมิอาจพบ  จงสร้างบุญสู่วิมานฟ้าพิภพ  หากบัดซบก่อกรรมเข็ญตกโลกันตร์  จึงขอเตือนเพื่อนชาวโลกเร่งบำเพ็ญ  เร่งบำเพ็ญ

                                                            ๔๓

        เรื่องสุขใจเพียงชั่วเล่นอย่าหลงใหล  เรื่องมักง่ายได้มิชอบอย่าได้ฝัน  ความฉลาดจำเดิมนั้นบุญหนุนยัน  เพราะบุญนั้นจึงพาเราให้หัวไว  ไม่สร้างบุญแต่มักง่ายใช้ไหวพริบ  จักเจ็บชิบด้วยฉลาดแว้งกัดเอา  ทำเลดีฮวงจุ้ยเด่นขาดมิได้  แต่ต้องใช้บุญที่ก่อช่วยส่งไส  หากทรัพย์สินเสกสรรค์ได้จากฮวงจุ้ยไซร์ แม้นกัวผู่ (กัวผู่ (ค.ศ.276-324) เป็นนักวรรณกรรม  นักอรรถภาษา ในสมัยตงจิ้น  เป็นบุคคลที่มีความรู้กว้างขวาง  อีกทั้งเชี่ยวชาญในวิชาโหราทุกแขนง) ได้เกิดใหม่ยังยากเลย

                                                             ๔๔

        ด้วยขงจื่อเชื่อมั่นในตนว่าสามารถสำเร็จเป็นอริยะ  ดังนั้นจึงใฝ่ศึกษาโดยมิระอาล้าใจ  และด้วยเห็นว่าชาวโลกสามารถสำเร็จเป็นอริยะได้  ดังนั้นจึงประศาสน์วิชาไว้โดยมิเหนื่อยท้อรำพัน  อีกด้วยจำนงประสิทธิ์โลกหล้าให้สัมฤทธิ์ด้วยอริยมรรคแห่วธีรเจ้า  ดังนั้นจึงสัญจรท่องจรัลทั่วทุกรัฐใต้นภา  ทั้งด้วยหวังให้อริยมรรคแห่งธีรเจ้าได้สถิจสู่อนุชนภายหน้า  ดังนั้นจึงเรียบเรียงถ่ายทอดหกคัมภีร์  ( ซือ  ซู  หลี่  เยวี่ย  อี้  ซุนซิว)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: 1/03/2554, 06:37 »

                                                        ๔๕

        ใช้ใจที่ไปตำหนิเขามาตำหนิเรา  ความผิดก็จักน้อย  ใช้ใจที่อภัยตนมาอภัยผู้คน  มิตรสหายก็จักร่วมคบหา  เคร่งครัดกวดขัน ณ จุดที่บำเพ็ญตน  ฉะนี้ควรทำ  เคร่งครัดกวดขัน ณ จุดที่เอาชนะผู้คน ฉะนี้มิควรทำ  จงเคารพต่อคนที่เจ้าไม่ให้ความเคารพมากที่สุด  จงรักใคร่ต่อคนที่เจ้าไม่ให้ความรักใคร่มากที่สุด  ฉะนี้ก็จักมีความสุขสำราญอย่างสุดคณา

                                                          ๔๖

        ในคัมภีร์กตัญญู ขงจื่อได้กล่าวไว้ว่า "อันร่างกาย ผม หนัง  ได้รับจากบุพการี มิกล้าให้เกิดเสียหาย  นี่คือจุดเริ่มต้นของการกตัญญูแล  ครองตนมั่นเจริญในธรรม  ประกาศเกียรติศักดิ์สู่ชนรุ่นหลัง  เพื่อเป็นเกียรติคุณแห่งบิดามารดร นี่คือจุดมุ่งหมายแห่งกตัญญูแล"  อันกตัญญู  เป็นที่หนึ่งแห่งกุศลกรรมทั้งปวง และการบำเพ็ญตนสร้างสมบุญญาบารมี ก็ยังเป็นที่หนึ่งแห่งการกตัญญูอีกด้วย ฉะนั้น พระมหาราชซุ่น  จึงได้เป็นที่สรรเสริญสดุดีว่าทรงเพียบพร้อมด้วยพระมหากตัญญูญุตปฏิปทา  และพระบุญญาบารมีของพระองค์ทรงเป็นถึงอริยเจ้า จึงได้เห็นว่า การที่บุตรธิดาจะคำนึงถึงเรื่องกตัญญูต่อบุพการีผู้บังเกิดเกล้าแล้ว จะมิสร้างสมบุญญาบารมีให้ไพศิฐนั้นมิได้เลย หากมีบุญญาบารมีเป็นพระอริยเจ้า  บุพการีก็เป็นพระชนกชนนีแห่งพระอริเจ้านั่นเอง  หากมีบุญญาบารมีเป็นพระเมธาเจ้า  ฉะนี้แล้วบุพการีก็เป็นพระชนกชนนีแห่งพระเมธาเจ้า  แต่หากเราเอาแต่สิ้นเปลืองเวลา ไม่เอาใจต่อกิจธุระแห่งการบำเพ็ญคุณธรรมบารมีนั้นแล้วไซร์ เราก็จะมีศักดิ์เป็นเพียงปุถุชน บุพการีของเราก็เป็นเพียงบิดามารดาแห่งปุถุชนเท่านั้น  หรือหากยิ่งทำตัวเหลวไหลไร้ยางอาย เป็นเพียงแค่คนทรามที่สังคมรังเกียจ  ฉะนี้  บุพการีแห่งเราก็เป็นบิดามารดรแห่งทรชนนั่นเอง หรือกระทั่งเราได้ทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศจนเป็นที่อับอายแก่บุพการี  จนมิอาจมีสิ่งใด ๆ จะมาพรรณนาซึ่งความชั่วร้ายของเราได้แล้ว มาตรว่าเราจะปรนนิบัติเลี้ยงดูทั้งวันด้วยเกียรติบรรดาศักดิ์แห่งขุนนางอย่างไร ก็ยังคงเป็นยอดอกตัญญูอยู่ดี  ในวันนี้  เราต่างได้รับอนุตตรธรรม  จึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าซึ่งความวิเศษแห่งอนุตตรธรรมนี้ว่าเป็นเช่นใด  ในเวลาปัจจุบัน  เราต่างได้เกิดกายเป็นคนจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องคุณธรรมแห่งการเป็นคน (มนุษยธรรม) ที่ดีก่อน  หากคุณธรรมแห่งการเป็นคนที่ดีได้ปฏิบัติได้ไม่ดีแล้ว  มาตรว่าธรรมะนี้จะวิเศษมากเพียงใด  สำหรับเราแล้วก็ถือว่าหาได้มีวาสนาต่อธรรมะอันวิเศษนี้ไม่ และหากได้ทำเช่นนี้จริง  เราก็ลองรำลึกถึงพระคุณแห่งบุพการีดูซิว่า  เราจะหาทางทดแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านได้อย่างไร ?











ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: 2/03/2554, 07:44 »

                                                     ๔๗.

        การประศาสน์วิชาต่อผู้คนด้วยมรรควิถีแห่งอริยเมธาเจ้านั้นง่ายนัก แต่จะปกครองตนด้วยมรรควิถีแห่งอริยเมธาเจ้านั้นช่างยากนักแล อนึ่ง การเจรจาด้วยมรรควิถีแห่งอริยาเมธาเจ้านั้นก็ง่ายนัก แต่จะให้น้อมนำปฏิบัติซึ่งมรรควิถีแห่งอริยเมธาเจ้านั้นช่างยากนักแล อีกประการหนึ่ง การบุกบั่นพากเพียรด้วยมรรควิถีแห่งอริยเมธาเจ้าแต่เริ่มต้นนั้นช่างง่ายนัก แต่จะให้ประคองความมานะซึ่งมรรควิถีแห่งอริยเมธาเจ้าจนเบื้องปลายนั้นแสนยากนักแล

                                                      ๔๘.

        สงบอดทน คือปรมัตถ์ (ประโยชน์อันดียิ่ง) แห่งการใคร่ครวญ  รื่นรมย์  คือปรมัตถ์แห่งการปฏิบัติกิจ  อ่อนน้อม  คือปรมัตถ์แห่งการคุ้มกาย   รู้อภัย คือปรมัตถ์แห่งการคบหา   ปลงสิ้นซึ่งลาภยศสรรเสริญ  จำเริญขัดสน  วนเวียนนิ่งงัน  และการเกิดการตายให้พ้นจากห้วงชีวิน  คือปรมัตถ์แห่งการบำเพ็ญจิต

                                                       ๔๙.

        ได้บำเพ็ญธรรมแลสร้างสมบุญญาบารมีแล้ว เพราะเหตุใดจึงได้เลิกล้มกลางคัน ? นั่นก็เพราะจิตใฝ่เงินทองราคะได้บังเกิด  เกิดเป็นคนแลดำรงตนในสังคมนั้นแล้ว เพราะเหตุใดจึงไม่สนใจธำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ ? นั่นก็เพราะจิตปรารถนารัญจวนใจ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: 2/03/2554, 08:03 »

                                                            ๕๐.

        มนุษย์  ฟ้าทรงก่อกำเนิด   จิตญาณ  ฟ้าทรงประทานให้   ยามที่คนเราปฏิบัติกิจธุระโดยถือจิตฟ้าเป็นประธาน มีความยุติธรรมไร้ลำเอียง ฉะนี้จึงจะถือว่าสอดคล้องต่อธรรมะได้ และเมื่อไปยังที่แห่งหนใด ก็จักมีแต่ความสว่างไสวอำไพในทุกสถาน แต่หากใช้นิสัยอารมณ์ ใช้จิตมนุษย์เป็นประธานต่อการปฏิบัติกิจธุระทั้งปวง มีแต่ความเห็นแก่ตัวมิรู้พอ กิเลสตัณหาถั่งเกิดมิรู้ยั้ง  โลภมากไขว่คว้ามิรู้หน่าย ฉะนี้มิใช่มหาธรรม  และทุกที่ทุกทางก็จักมืดมน อนธการเสมอไป

                                                             ๕๑.

        พระโพธิธรรมตั๊กม๊อได้เดินทางจาริกถ่ายทอดธรรม ณ ประเทศจีน จนได้กลายเป็นพระปฐมบรรพจารย์ในประเทศจีน  ส่วนพระสัทธรรมที่พระองค์ทรงถ่ายทอดนั้น ก็หาได้มีบัญญัติเป็นอักขรภาษาไม่ หากชี้ตรงลงสู่กลางพื็นนากมล  แจ้งยลธรรมญาณสำเร็จเป็นพระพุทธา หนึ่งจุดพาหลุดพ้น  และได้กลายเป็นการถ่ายทอดโดยอำพรางแห่งสำนักฌาน (เมื่อสำนักฌานแพร่หลายไปในญี่ปุ่น คำว่าฌานก็ออกเสียงแปร่งเป็นเซ็นตามที่เรารู้จักกันได้ในปัจจุบัน) ในกาลต่อมา มีวาทะหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "มีคำหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ มีคำหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้นภูวดลทั้งสี่ทวีปก็ยังมิอาจรองรับได้ ผู้ใดได้รับหนึ่งคำนี้ ก็จักร่วมวิถีโอภาบนเขาคิชกูฏ"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: 3/03/2554, 12:15 »

                                                           ๕๒.

        ดัชนีชี้จันทร์ นั่นมิหมายว่านิ้วคือจันทร์ มิใช่ม้าพรรณนาม้า (เนื่องจากมิเคยรู้จักม้ามาก่อน จึงได้อาศัยสิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่ม้ามาอุปมาให้เข้าใจ แต่สิ่ง ๆ นั้น อย่างไรเสียก็ยังมิใช่ม้าอยู่ดี แต่หากยังมิถึงฝั่ง ยังมิได้รับธรรมะ อักขรภาษานี้ ที่สุดแล้วก็มิควรที่จะไม่ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เพราะนี่คือสัตบถ (ทางที่ถูก) ที่นำพาคนเราสู่ธรรมะนั่นเอง ทุกพระพุทธะล้วนประทับด้วยใจ หากมิได้ประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว ก็เสมือนหนึ่งคนบอดได้ม้าบอด แม้นได้ประชันอยู่เพียงหน้าก็ยังมิอาจรู้จักได้
                                                            ๕๓.

        หยวี่หลิน (เหล่าเฉียนเหยิน แซ่หัน นามกรว่าหยวี่หลิน) กล่าวว่า "พวกเราได้ประสพบพยุคสามปลายกัป ได้ประจักษ์พบพระวิสุทธิอาจารย์และได้ออกประกาศพระสัทธรรม ดังนั้น เราจึงจำต้องยึดมั่นในพระโองการและบำเพ็ญธรรมจริง หากได้มีจิตละโมบเพ้อฝัน ไม่เคารพพระโองการสวรรค์ ไม่สร้างกุศลบุญญาบารมี มาตรว่าจะได้รับธรรมะก็เท่านั้น"  พระบรรพจารย์รุ่นที่สิบห้ากล่าวไว้ว่า "ธีรชนเจริญมิจฉาธรรม มิจฉาธรรมล้วนสัมมา ทุรชนเจริญสัมมาธรรม สัมมาธรรมล้วนมิจฉา" จงรู้ไว้ว่า พระวิสุทธิอาจารย์ลงอุบัติ เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้ว ดังนั้น ผู้มีความมุ่งมั่นพึงรีบถนอมโอกาส ปัญญาชนจะปฏิบัติเมื่อสบโอกาส หากคนโฉดเขลาจะมีแต่พร่ำเสียใจเมื่อพลาดโอกาส"

                                                             ๕๔.

        สิ่งสำคัญที่สุดแห่งการบำเพ็ญธรรมนั้นคือกุศลปฏิปทา กุศลปฏิปทาก็คือการแสดงออกปห่งการบำเพ็ญธรรม และการรู้ขมาสำนึกจากการทำชั่ว ก็คือจุดเริ่มต้นแห่งกุศลปฏิปทา ดังนั้นเมื่อละบาปบำเพ็ญบุญ ก็คืออริยเมธีเจ้า หากได้ละวางศัสตราที่ประหัต ก็จะสำเร็จเป็นพระพุทธะในทันใด   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: 4/03/2554, 04:34 »

                                                           ๕๕.

        พวกเราบำเพ็ญธรรม พึงให้ปัญญาจิตสามารถควบคุมสังขารได้  ให้พลังใจสามารถควบคุมกิเลสได้  ผู้ที่นิยมในจริง ยินดีในการกุศล ชมชอบในความงาม สละตนเพื่อปวงชน ฉะนี้จึงคู่ควรการเป็นมนุษย์ที่แท้จริงได้ แต่อันจุดบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมนุษย์นั้นก็คือ ธรรมชาติเดิม นั้นมีจำกัด หากกิเลสขจรจัดไร้ขอบเขต ดังนั้น หากมิอาจควบคุมกิเลสแห่งสังขาร แล้วการบำเพ็ญธรรมจะมีประโยชน์อันใดเล่า ?

                                                             ๕๖.

        คนเราเมื่อเกิดกายบนโลก ก็ต้องผจญต่อภยันตรายแห่งคลื่นลมมหันต์ที่ซัดสาด จนเป็นที่รู้สึกว่าชีวิตเรานั้นช่างเล็กเพียงนิด ส่วนลาภยศสรรเสริญนั้นเล่า เพียงพริบตาก็สูญมลาย ซูตงพอจึงกล่าวไว้ว่า
                  ฝากร่างจ้อย ๆ ไว้ใต้ดินฟ้า
                  เห็นกายาเพียงเม็ดข้าวในมหาธารา
                  สุดเศร้าชีวาแสนสั้นเพียงพริบตา
                  ช่างน่าอิจฉาความสุดคณาแห่งฉางเจียง
                  ลาภสักการะบนโลกาดุจเพียงนิศาชลบนพฤกษา
                  ยศฐาศักดาก็ประหนึ่งฟองน้ำบนผิวธารา
                  เพียงแค่อนิจจังเยือน
                  จึงพึ่งเตือนว่าเป็นฝัน
                  ทุกสิ่งมิอาจครองกัน
                  เพียงกรรมนั้นที่ตามติดตัว

ผองเราพึงตระหนักให้จงดีว่า ชีวิตในหนึ่งชาติ ก็คือความฝันแค่หนึ่งฉาก ได้ประจักษ์พบธรรมะ ก็พึงมานะเร่งตื่นพลัน

แม่น้ำฉางเจียง เป็นแม่น้ำอันดับหนึ่งของเมืองจีน มีความยาว  6,300  กิโลเมตร พื้นที่แม่น้ำกินอาณาบริเวณ  180.71ตารางกิโลเมตร ค่าเฉลี่ยอัตราน้ำไหล ณ ปากแม่น้ำเท่ากับ 32,4000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

                                                                 ๕๗.

        ธรรมะนั้นแสนวิเศษแยบยลจนสุกพรรณา มิเพียงตนนำพาจิตรู้แจ้งจึงสำราญในธรรมชาติ ไร้กิเลสจิตสะอาดจึงนิจศานติ (ความสงบ) ขจัดผิดถูกอคติ ธรรมญาณก็จักกลมใสเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
บทสำรวจตนเอง
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: 4/03/2554, 05:03 »

                                                          ๕๘.

        อริยเมธา คุณขจรทั่วหล้า วิเศษสุดพรรณา โชลมทั่วเหล่ากล้าชาวประชา แปรโลกาเป็นสันติหล้า สนับสนุนกุศลปฏิปทา ประสิทธิ์ชาวเมธาให้เจริญมุ่งมานะ ใฝ่วิถีแห่งธรรมา อันใจนี้นั้นหนา สุขเกษมเริงร่า ต่อประการนี้ทั้งปวงเอย

                                                           ๕๙.

        เพียงครึ่งถ้อยน้อยคำก็ประจักษ์ในความวิเศษแยบคายได้ ไฉนต้องใช้ถึงหมื่นพันปกรณ์เสียมากมาย ? หากชาวเรามิถูกพันธนาการจากลักษณ์วัตถุรูปกาย เพียงเบื้องหน้าตาเห็นก็จักปรากฏเทพวิมานพรรณราย

                                                             ๖๐.

        บาปมหันต์ยิ่งเทียมฟ้า หายากยิ่งที่จะมีคำว่า สำนึกได้ ธรรมวิเศษสุดคณนา หายากนักที่จักมีคำว่า เชื่อมั่นได้ เชื่อมั่น สามารถซุบตายให้ฟื้นคืน สำนึก คือโอสถช่วยชีวา

                                                               ๖๑.

        ยอมรับความผิดของตน คือโอสถชำระจิต คำนึงคิดความดีของผู้อื่น คือเภสัชรื่นลมปราณ หากตรงกันข้าม ก็คือทะเลทุกข์
                                                                 ๖๒.

        หวังให้สิ้นเรื่องกลุ้มอก ก็จงปลงตกลืมสิ้นซึ่งอัตตา ต่างคนต่างมีปัจจัยที่ทำมา อย่าอิจฉารื่นชื่นชม

                                                                  ๖๓.

        ประสงค์ทราบเหตุเมื่อปางก่อน ผลปางนี้นั่นแหละใช่ ประสงค์รู้ผลเมื่อปางหน้า เหตุชาตินี้นั่นแหละใช่ มีเหตุต้องมีผล มีผลต้องมีเหตุ ปลูกเหตุทุกข์ได้ผลทุกข์  ปลูกเหตุสุขก็จักได้รับผลสุข

                                                                   ๖๔.

        อ่านทั่วทุกศาสน์คัมภีร์ เมื่อกล่าวถึงประเด็นสำคัญแห่งการประจักษ์ธรรมทั้งหมดนั่นแล้ว ก็ล้วนกล่าวว่าต้องได้รับการถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์ก่อนทั้งสิ้น สุภาษิตโบราณกล่าวว่า "มาตรว่าคุณจะมีปฏิภาณไหวพริบที่ภิญโญเลิศล้ำยิ่งกว่าเหยียนฮุยอย่างไร หากไม่ประสบพบพระวิสุทธิอาจารย์ก็จงอย่าฝืนคิดทายทำนาย" อีกยังกล่าวว่า "เจนจบพันหมื่นศาสตร์ ยังมิอาจทัดเทียมพระวิสุทธิอาจารย์ประทานหนึ่งจุด" จึงรู้ได้ว่า เราจำต้องได้รับหนึ่งจุดประทานและถ่ายทอดสัจคาถาจากพระวิสุทธิอาจารย์ด้วยพระองค์เองเท่านั้นจึงจะเรียกได้ว่า เป็นการประจักษ์แจ้งในธรรมะได้ ฉะนัน ผู้บำเพ็ญแต่จิรกาลเป็นต้นมา จึงต้องพันลี้แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ หมืนลี้แสวงหาสัจคาถา จึงดั่งคำที่ว่า พระวิสุทธิอาจารย์ยากพานพบ ธรรมะแท้ยากได้ประสบ นั่นเองแล

                                                                จบเล่ม 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”