วิญญูชนย่อมไม่นิยมชมชอบความรุนแรง และวิญญูชนส่วนไม่น้อยต่อต้านความรุนแรงทั้งมวล โดยเฉพาะความรุนแรงระดับสูงที่มีการต่อสู้การสงคราม แต่อย่างไรก็ตาม การตีขลุมเหมาเอาว่าความรุนแรงเป็นสิ่งเลวร้ายที่จะต้องทำลายล้างให้หมดไปนั้น เป็นทัศนคติที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ เราต่อต้านใช้ความรุนแรงก็จริง แต่เราก็ต้องเข้าใจธาตุแท้ของความรุนแรงด้วย มิฉะนั้นการต่อต้านจะเป็นไปอย่างมือบอดสุดโต่ง ไม่บังเกิดผลสำเร็จ ความรุนแรงหรือที่ปราชญ์จีนโบราณใช้ศัพท์ว่า "การทหาร" ในบางครั้งนั้นยังเป็นภาพมายาที่มนุษย์มองจำแนกไม่ชัดเจน
คัมภีร์ "หลี่สื้อชุนชิว" ซึ่งหลี่ปู้เหว่ย เป็นผู้อำนวยการให้เรียบเรียงขึ้น เป็นตำราที่เชิดชูลัทธิหญู หรือ ลัทธิขงจื๊อ เนื้อหาในบรรพที่สิบสาม "หยิวสื่อ" เขียนถึงความรุนแรง ๘ ประการ ตรงนี้ช่วยเตือนสติเราให้ระมัดระวังเรื่องความรุนแรงให้มากขึ้น ดังนี้""การทหารความรุนแรงดำรงคงอยู่มาช้านานแลัว จะหยุดเลิกกันภายในระยะสั้น ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ ไพร่ ผู้ดี เด็ก แก่ หรือแม้ผู้ที่ปรีชา ต่างล้วนมีการทหารรุนแรงอยู่เหมือน ๆ กัน จะต่างกันอยู่เพียงระดับมากน้อยของความรุนแรงเท่านั้น เงื่อนงำของการทหารความรุนแรงเป็นไฉนฤา
๑. ความโกรธแม้อยู่ภายในใจ มิได้แสดงออกมา ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๒. ถลึงตาเขม้นมอง ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๓. โกรธจนแสดงออกทางสีหน้า ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๔. กล่าววาจาสามหาว ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๕. ยื้อยุดดึงดัน ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๖. พลิกพลิ้วกลับดำเป็นขาว ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๗. แก่งแย่งแข่งขัน ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
๘. รบทัพจับสึก ก็เป็นการทหารความรุนแรงแบบหนึ่ง
ทั้งแปดประการล้วนคือการทหารความรุนแรง ต่างกันแต่การะดับชิงชัยว่าใหญ่หรือน้อยกว่าเท่านั้น เหล่าพวกที่โพนทะนาให้หยุดการทหารความรุนแรงอยู่ขณะนี้นั้น พวกเขาก็ใช้การทหารความรุนแรงมาชั่วชีวิต โดยมิได้สำนึกรู้ตัวเลย ช่างเลอะเทอะเสียนี่กระไร เช่นนี้เอง แม้ถ้อยคำพวกเขาจะดูเข้มแข็ง แม้วาทะที่เอ่ยจะคมคาย แม้อักษรศิลป์จะลุ่มลึกเพียงใด ก็ยังไม่อาจนำพาคนให้เห็นตาม มองสถานการณ์ความขัดแย้งในการเมืองในสังคมไทยช่วง พ.ศ.2548 - 2551 หากมองตามปราชญ์จีนที่เสนอให้ไว้ใน "หลี่สื้อชุนชิว" ก็ต้องยอมรับว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรุนแรงไปแล้ว แล้วทีนี้จะทำกันอย่างไร ปราชญ์จีนโบราณสอนว่า ต้องยอมรับว่าความรุนแรงเป็นธรรมชาติหนึ่งของสังคมมนุษย์ และรู้จักควบคุมความรุนแรงที่เป็นอธรรม ด้วยความรุนแรงที่เป็นธรรม ลองพิจารณาดูเนื้อหารายละเอียดทั้งหมดต่อไปนี้ ตัดเฉพาะส่วนที่อธิบายถึงความรุนแรงแปดประการข้างต้นออกเท่านั้น
"ธรรมมิกราชแต่เบื้องโบราณทรงมีกองทัพที่เป็นธรรม จะไม่ละเลิกกองทัพนั้นเป็นอันขาด เรื่องการทหารความรุนแรงนั้นมีสืบเนื่องมาแต่เบื้องบรรพกาล พร้อม ๆ กับกำเนิดของมนุษย์้นั้นแล การทหารความรุนแรงแสดงถึงเดชศักดา เดชศักดาแสดงถึงอำนาจ อันธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ทุกผู้ ย่อมมีเหตุศักดาความกำแหง ฟ้ากำหนดธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ไว้เช่นนี้ มิใช่มนุษยืมาคิดสร้างกันเอง และถึงแม้จะใช้อาวุธมาบังคับใช้หัตถศิลปินมาสลักเสลา ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงแก้ไข ธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ การทหารความรุนแรงมีมานมนานนักหนาแล้ว ยุคประมุขหวงตี้ เหยียนตี้ ก็รู้จักใช้ไฟใช้น้ำมาต่อสู้กัน ยุคก้งกงสื้อ เริ่มใช้การทหารความรุนแรงเพื่อช่วงชิงตำแหน่งปนะมุขกันแล้ว ถึงยุคห้าจักรพรรดิ (อู่ตี้) พวกเขาก็ใช้การทหารความรุนแรงเพื่อช่วงชิง เพื่อครองพิภพกัน บ้างรุ่งเรือง ได้ครองแผ่นดินบ้างถูกถอดถูกอัปเปหิ ใครชนะย่อมได้เป็นผู้ครองพิภพ...ผู้ชนะจะได้เป็นหัวหน้าเผ่า ครั้นเมื่อหัวหน้าเผ่ามิอาจปกครองควบคุมมวลหมู่มนุษย์ได้อีกต่อไป จึงก่อตั้งตำแหน่งขุน (จวิ้น) ขึ้น ครั้นเมื่อขุนมิอาจปกครองควบคุมมนุษย์ได้อีกต่อไปจึงก่อตั้งตำแหน่งโอรสสวรรค์ (เทียนจื่อ)ขึ้น การก่อตั้งตำแหน่งโอรสสวรรค์เริ่มมาจากขุน การก่อตั้งตำแหน่งขุนเริ่มมาจากหัวหน้าเผ่า การก่อตั้งตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแท้จริงแล้วเริ่มจากการต่อสู้ชิงชัยนั่นเองหากในครอบครัวขาดเสียซึ่งพระเดชของบิดามารดา ความผิดพลาดบกพร่องของบุตรจะปรากฏให้เห็นทันที หากภายในแคว้นขาดเสียซึ่งทัณฑ์อาญาอันเข้มงวดการข่มแหงรังแกรุกรานกันระหว่างชาวบ้านจะปรากฏให้เห็นทันที หากในพิภพขาดเสียซึ่งการปราบปรามฆ่าของกองทัพธรรมภาวะใหญ่ขม้ำเล็ก เข้มแข็งรุกรานอ่อนแอ ระหว่างพระยาสามนตราชจะปรากฏให้เห้นทันที เช่นนี้เองภายในครอบครัวก็มิอาจสร้างเสียถึงพระเดช ภายในแคว้นมิอาจร้างเสียซึ่งทัณฑ์อาญา ในพิภพมิอาจร้างเสียถึงการฆ่าฟันจะต่างกันไปก็เพียงแค่นำมาใช้อย่างเหมาะควรหรืออย่างหยาบกระด้างเท่านั้น ดังนั้นอริยกษัตริย์แต่เบื้องโบราณ จึงต้องมีกองทัพธรรมมิอาจจะเลิกกองทัพเป็นอันขาด
มีคนกินอาหารติดคอจุกตาย เลยคิดจะห้ามใช้อาหารทั่วทั้งพิภพ ช่างเลอะเทอะเสียนี่กระไร
มีคนโดยสารเรือแล้วจมน้ำตาย เลยคิดจะห้ามใช้เรือทั่วพิภพ ช่างเลอะเทอะเสียนี่กระไร
มีคนใช้การทหารความรุนแรงแล้วแคว้นล่มจม เลยคิดจะห้ามใช้การทหารความรุนแรงทั่วพิภพ ช่างเลอะเทอะเสียนี่กระไร
มีทหารความรุนแรงนั้น มิอาจหยุด มิอาจเลิก เปรียบได้ดั่งน้ำและไฟ หากสันทัดการใช้จะเป็นมงคล แต่หากใช้ไม่เป็นย่องอัปมงคล เช่นเดียวกับการใช้ยา ใช้ยาดีจะช่วยชีวิตคนได้ แต่หากใช้ยาไม่เป็น คนก้เสียชีวิต บทบาทของกองทัพธรรมในการรักษาพิภพนั้นยิ่งใหญ่นัก อริยะกษัตริย์แต่โบราณจึงมีกองทัพธรรมมิอาจละเลิกครองธรรม ใช้กำจัดทรราชย์ ปลดเปลื้องทุกขเวทนาของเหล่ารษฏรแล้วไซร์ ปวงราษฏรย่อมมอบใจเชื่อฟัง เช่นเดียวกับลูกกตัญญูปฏิบัติต่อผู้บังเกิดเกล้า (ปวงราษฏร) จะเบิกบานประหนึ่งคนกำลังโหยหิวได้พบอาหารเลิศรส กระแสธารมวลชนที่พรูออกเรียกร้องหนุนเนื่องกันเป็นกลุ่มก้อน มีมหิทธานุภาพประหนึ่งเกาทัณฑ์ทรงพลังยิงลงสู่ธารลึกประหนึ่งทำนบเขื่อนกั้นน้ำพังทลาย มิอาจที่จะต่อต้านได้เลย หากปล่อยถึงภาวะเช่นนั้น แม้แต่ประมุขทั่ว ๆ ไป ยังไม่อาจครองใจราษฏรไว้ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นทรราชย์เล่าจะหนักปานใด ผู้เขียนจะไม่สรุปปัญหาเรื่องความรุนแรง ขอฝากแต่เพียงว่าท่านผู้อ่าน อ่านแล้วใคร่ครวญกันมาก ๆ ว่าเราจะหาทางยุติปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยได้อย่างไร ?. เราจะปลูกฝังมนุสสธรรม - สอนคนให้เป็นคนได้อย่างไร?. เราจะปลูกฝังจิตสำนึกสมานฉันท์ได้อย่างไร ?.