collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3  (อ่าน 22339 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ท่องพุทธาลัย 3
« เมื่อ: 27/09/2012, 18:19 »
                  ชื่อหนังสือ    ท่องพุทธาลัย (3)

                       พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์

.
ISBN   :  *
ผู้เขียน   :  *
ผู้แปล   :  ศุภนิมิต แปลและเรียบเรียง
ขนาดรูปเล่ม   :  185 x 130 มม.
จำนวน   :  170 หน้า
ชนิดกระดาษ   :  ปอนด์
สำนักพิมพ์   :  สำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เดือน/ปีที่พิมพ์   :  *
ราคา   :  XX บาท
สนใจติดต่อ   :  สำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต 23 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 44 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 โทรศัพท์             02-8830620      ,             086-3962500     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ท่องพุทธาลัย 3 : สารบัญ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 27/09/2012, 18:34 »
                       ระหว่างพุทธาลัย
                  กับการเวียนว่ายในวัฏสงสาร
                 เราท่านกำหนดการไปได้เอง

       ได้โปรดอ่านทบทวนหลาย ๆ ครั้ง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ

                           สารบัญ

ตอนที่ ๑๐.....

สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร

ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

ตอนที่ ๑๑ .....

ด่านจิ่งหยางสามพันแปดร้อยผลบุญญา

ในอักษรซ่อนตถตาฟ้าดินหญิงชาย

ตอนที่ ๑๒.....
ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง สอบย้อนทางสุขสมใจ
แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

ตอนที่ ๑๓.....

อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม

พลังหยางสมบูรณ์งาม เบ่งบานเป็นดอกบัว

ตอนที่ ๑๔.....

ใจหมดจด พุทธภูมิหมดจด

ปรารถนายิ่งใหญ่ เวไนยฯได้กล่อมกลาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง


@   พุทธะแดน แสนใสสด        ตนกำหนด ประภัสสร
ทะเลสาบ       ภาพสะท้อน      หัวสิงขร   พายเรือธรรม
เริงเล่นไป       ไม่ทำตาม       แนวดีงาม  ไม่รักษา
สงฆ์จงมั่น       พิจารณา         ท่องนาวา  แห่งจิตตน

(ซีฟังจิ้งถู่จื้อซินซิว                หูอิ้งอู่เอวี้ยฟั่นฉือโจว
เฟิงขวงเจี้ยสื่อปู้จุนจวี่             เซิงเหยินจื้ออุ่นซิ่งไห่อิ๋ว)
เราคือ

     สงฆ์วิปลาสทะเลสาบซีหู เทียนหยานอาจารย์เจ้า สนองรับพระแม่บัญชา สู่แดนบูรพา มายังพุทธตำหนัก น้อมเคียมคัล ธรรมมารดาแล้ว

@     จึงหันหา  เมธาศิษย์        ประชิดแล้ว กาลบัดนี้
แพร่แปรใจ        ให้เร็วรี่           อย่าถือดี    ทิฐิตน

(ไจ้เมี่ยนเสียนถู                     เทียนสืออี่จี๋
เซวียนฮว่าซู่เอียน                   ม่อจื๋อจี่เจี้ยน)

@     เร่งรุดหน้า หาสัมพันธ์       มีต่อกัน บอกเหตุผล
อย่ามัวหลง       เร่งเพียรตน       บรรลุพ้น เป็นเซียนกัน

(ไคว่ไคว่เซี่ยงเฉียน                 เจ่าสวินโหย่วเอวี๋ยน
ซื่อจืออินกั่ว                          เซวี่ยนอีซิวเซียน)

@     โลกมนุษย์ ดุจภาพลวง      ชื่อลาภหน่วง ถูกตวงต้ม
มุ่งทางธรรม ก่อนจะล้ม              บัวพ้นตม   เรียนรู้นา

(ฝูฮ่วนเหยินซื่อ                      หมิงลี่เอ๋าเจียน
เซิ่นเจ่าเซี่ยงเต้า                    เสวียน่าเหอเหลียน)

@     ไม่เปื้อนสี ธุลีเศษ           หอมงามเจตน์ บ่ผิดหนา
ประจักษ์จิต      เดิมแท้มา        สุขหรรษา สราญนาน

(อี้เฉินปู้หยั่น                        ชิงเซียงอู๋เตียน
เจิ้งเก้อเอวี๋ยนไหล                 ไคว่เล่อเหมียนเหมียน)
ฮา  ฮา

@     กาลยุคสาม        ธรรมสู่เหย้า        ชาวประชา
เกาะรัตนา                 ก่อรากฐาน          เซียนสร้างสรรค์
เคยต่างอยู่                จะรู้ร่วม              รวมใจกัน
ด้วยจิตญาณ              วิถีธรรม              ดำเนินตาม

(เต้าเจี่ยงซู่หมินอี้งซันฉี              เป๋าเต่าเผิงไหลลี่เซียนจี
เหมินฮู่ซันซาเจียงเจี๋ยเหอ           หลิงไถซินฝ่าเหยินเหยินอี)       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง


@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

@     คนเที่ยงตรง        กัลยาณชน        ไม่ปนปลอม
ความดีหลอม               ชั่วกำจัด           อัศจรรย์
พิชิตตน                     อดทนสู้            รู้หลักล้ำ
ช่วยแพร่ธรรม              นำใครใคร          ให้กลับคืน

(เจิ้งเหยินจวินจื่ออู๋ซวีเอว้ย         เซียนซั่นเจวี๋ยเอ้อจุ้ยเชิงฉี
เค่อจี่ไน่เหลาอู้เทียนหลี่             ไต้เทียนเซวียนฮว่าตู้เหยินกุย)

@     ไม่ย่นย่อ            ต่อฝนฟ้า           เวลาไหน
มุ่งธรรมไป                 เรือไม่หยุด        รุดหน้ายื่น
หลักการธรรม              จำเดิมนิ่ง          จริงไม่ฝืน
อริยกิจ                     ยิ่งยั่งยืน            ด้วยธรรมดา

(จิ้นก่วนดฟิงอวี่เจอยื่อเอวี้ย          ฝ่าฉวยอีหยานผิงเต้าฉือ
เจินหลี่เปิ่นไหลจุ้ยผิงสือ             เซิ่งเอี้ยเกิ้งไจ้ผิงฝันเอว๋ย)

@     งามสามโลก        ปรกโปรดใหญ่        หนึ่งใจทุ่ม
ทุกคนอุ้ม                    จิตมุ่งมั่น               ทะยานฟ้า
รับภาระ                      รู้วาระ                  ถอย - ขึ้นหน้า
รู้พิจารณา                   สละ - เอา             เข้าแก่นใจ

(ซันเทียนต้าซื่ออี้ซินปั้น              เก้อเก้อเจียเป้าชงเทียนจื้อ
ซื่อสือต้าอู้จือจิ้นทุ้ย                   ฉวีเส่ออี๋เนี่ยนเหลียงซินจือ)

@     อย่าเห็นผิด        จิตตนใหญ่            ไปจากธรรม
สัจจะนำ                    สู่องค์ธรรมฯ           กำเนิดต้น
เบิกนัยน์ตา                ปัญญาฉาย            ไม่มืดมน
น่าเศร้าล้น                 ฝังตนจอด              บอดเพียรธรรม

(ม่ออินจื้อซื่อหลีจงเต้า               กุยเกินเยิ่นจู่อี้เจินหลี่
ซินเอี่ยนเจิงเลี่ยงฮุ่ยเติงเอี้ยว        หมังซิวจื้อไหมจุ้ยเข่อเปย)

@     เสมอต้น           จนปลายแน่            ใจแท้มั่น
ปณิธาน                    บรรลุบุญ               หนุนนำข้าม
ถึงจุดหมาย               ไปตามฟ้า              อย่าเหยียดหยาม
ร่วมช่วยงาน               ธรรมกาลรุด           จุดประกาย

(เจียนเหิงจงเฉิงก้วนสื่อจง           ลี่เอวี้ยนเหลี่ยวเอวี้ยนอิ้งเอวี๋ยนจี
ซุ่นเทียนสิงเต้าเจวี๋ยอู๋ชั่ว             ถงจู้เทียนผันฟากวงฮุย)
ฮา   ฮา
   

        แต่โบราณกาลมา คัดเลือก ร่อนตะแกรง แบ่งแยกหินกับหยก หล่อหลอมจนไฟกลายสีเขียว
        เคี่ยวกรำนานนับอสงไขย ทั้งตัด  หั่น  ขัด  ฝน  จนเข้าสู่ในหมู่เซียนได้
        ทั้งเหตุ - ผลและต้น - ปลาย ให้เป็นไปตามนั้น กฏแห่งกรรมเท่ากันไม่ลำเอียง  หญิงชายแบ่งกันไปตามดี  เลว  บุญ  บาปห่างกันดั่งชั้นเมฆกับโคลนตม

"เห็นจิตญาณล้ำค่า ณ หนึ่งจุด
บำเพ็ญหยุดหลุดพ้นพญายม
ไม่ยึดหมายในบุญที่สั่งสม
ใจว่างข่มรับเก้าเก้าแปดเอ็ดภัย

(เจี้ยนซิ่งกุ้ยเตี่ยนอี         ซิวเซินเจวี๋ยหมิงจวิน
จีซั่นอู้จื๋อเต๋อ                เสียนซินจิ๋วจิ๋วทุน)

        บำเพ็ญแต่ขาดปัจจัยสาม คือ ความซื่อตรงจงรัก กตัญญู มโนธรรม จะต้องถูกเผาผลาญเคี่ยวกรำที่สามด่าน หนทางนรกสวรรค์ ต่างกัน ณ จุดนั้น หรือสู่วิถีเปรต หรือสู่พุทธเกษตร บาปบุญสูงต่ำ ต่างกันราวฟ้าดิน ทุกข์สุขสองทางต่างวิ่งไป แต่ละด่านทำการให้ขึ้น - ตก มากมายให้ต่างเคี่ยวกรำ ที่ซ่อมแซมยังว่า ได้รับโทษไซร์แสนทรมาน โทษหนักเบาไม่เท่ากัน หักลบผิดบาปกับความดี หรือที่ผิดหนักหนา ต้องพาส่งนรกพบพญายม รวมความว่าผู้บำเพ็ญอย่าได้แย่งชิงกับใครแม้ไพเฟื้อง เซียนพุทธะโปรดว่า ปุถุชนพึงทำตาม กล่าวไว้พอประมาณในจารึกการท่องเที่ยวนี้

ฮา   ฮา   พัก
                 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระอาจารย์   :  จารึกการท่องเที่ยวเก้าครั้งที่ผ่านมา เรียบเรียงพิมพ์เล่มแพร่หลายในสาธุชน จนเป็นที่สะเทือนขวัญ ดังคำพังเพยที่ว่า "บัดนั้นเองกระดาษลั่วหยางขึ้นราคา ไม่พอกับความต้องการ"   (อี้สือลั่วหยางจื่อกุ้ย กงปู๋อิ้งฉิว) 
มีผลเตือนใจให้พุทธบุตรไม่น้อย มุ่งสู่บำเพ็ญจริง นี่เป็นด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนโปรดประทาน หวังศิษย์รักจงพยายามต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ให้บทบันทึก "ท่องพุทธาลัย" สำเร็จได้ตามกำหนด แพร่หลายในโลก กวาดล้างมารภัย อุ้มชูความเที่ยงตรง ธำรงรักษาสัทธรรม เพื่อหวังให้ธรรมจักรวาลปราศจากมาร และสะอาดใสในเร็ววัน

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์น้อมรับพระโอวาทจากพระอาจารย์ ขอบพระคุณที่พระอาจารย์โปรดเมตตา ส่งเสริมอุ้มชูศิษย์ ให้มีโอกาศรับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระแม่องค์ธรรม โปรดประทานสายทองทางสว่าง  อีกหวังว่าผู้มีบุญสัมพันธ์ได้พบหนังสือนี้ จะรักคุณค่าแห่งพุทธสัมพันธ์อันได้มามิง่าย ตั้งใจให้เข้าถึง รู้แจ้ง อ่านแล้วอ่านซ้ำจนหลายครั้ง ก็จะเห็นความวิเศษแยบยลได้เอง

พระอาจารย์   :  หนังสือนี้แต่โบราณกาลมา ยากนักหนาจะได้พบ หากมิใช่กาลอันควรจะมิโปรดให้ เป็นกระจกวิเศษใสของการบำเพ็ญ แม้มิใช่บุญสัมพันธ์ก็มิอาจพบพาน  ศิษย์เมธีแห่งธรรมกาลยุคขาวของเรา จะต้องเผยแผ่ไปให้เต็มที่ ประกาศและบรรยาย เอาสัจธรรมในหนังสือเป็นเข็มทิศในการบำเพ็ญ
"เห็นเมธา        พิจารณาเจริญด้วย
เห็นมิใช่เมธา     นำมาหักห้ามตน"

(เจี้ยนเสียนซือฉี  เจี้ยนปู้เสียนอิ๋นอี่จื้อเจี้ย)


        อีกทั้งเอาตนเป็นบรรทัดฐาน ตั้งหลักชัย เป็นประภาคารท่ามกลางทะเลทุกข์ของคนในโลก เพื่อนำเรือคนเดิมที่หลงทางให้ล่องตามหลักธรรม พร้อมกับคืนสู่วิสุทธิแดนดิน

อู้เอวี๋ยน   :  พระอาจารย์ต้องเหนื่อยยากพร่ำสอน ใครที่มีเลือดเนื้อ จิตใจดีงาม สดับความนี้แล้ว มิซาบซึ้งสะเทือนใจคงแทบไม่มี

พระอาจารย์   :  กาลเวลาคับขันแล้ว ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว อย่าได้เสียเวลาอันมีค่าต่อไปเลย ควรรักษาบุญวาระวิเศษ อุทิศแรงกายแรงใจทั้งหมด เพื่องานโปรดธรรมครั้งนี้ ตั้งปณิธาน บรรลุปณิธาน ร่วมช่วยธรรมจักรวาล วันข้างหน้า อาจารย์กับศิษย์พบกัน สุขสันต์พร้อมหน้า จะยินดีเป็นที่สุด

อู้เอวี๋ยน   :  ในเล่มที่แล้ว เราท่องเที่ยวไปเพียงสามปากด่าน ของด่านจื่อหยางกวน  คือเสินหยางเตี้ยน  ซิงหยางเตี้ยน  และปี้หยางเตี้ยน คืนนี้ พระอาจารย์จะนำศิษย์ไปเที่ยวต่อที่ใดหรือขอรับ

พระอาจารย์   :  คืนนี้ จะพาท่องด่านย่อยตันหยาง (ตันหยางเตี้ยน) ของด่านเหอหยาง (เหอหยางกวน) บัดนี้เวลาเนิ่นนานช้าแล้ว ขอท่านจอมทับพิทักษ์ธรรมช่วยคุ้มครองพระตำหนัก อู้เอวี๋ยนชำระใจ ตามอาจารย์ขึ้นฐานบัว เราออกเดินทางกันเถิด.....กล่าวจบฐานบัวลอยขึ้น มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว ดวงจันทร์วับแวมอยู่ในกลุ่มเมฆบาง ๆ ขอบฟ้ามีดาวประปราย ไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย ในความเวิ้งว้างเงียบสงัด มีแต่เสียงลมพัดผ่านหู ชั่วบัดดล ฐานบัวลอยข้าม ด่านจื่อหยาง  ท่ามกลางแสงขมุกขมัวนั้น ปรากฏเงาของปราสาทโบราณตระหง่านอยู่ พระอาจารย์ให้ฐานบัวค่อย ๆ ลดลงเห็นเทวมาตย์ห้าหกท่านรีบตรงมาคารวะต้อนรับพระอาจารย์.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:48 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

เทวมาตย์   : 
ผู้น้อยได้รับพระบัญชาจากพระธรรมาจารย์เทียนฝู่ (เทียนฝูจู่ซือ) ให้มาต้อนรับ ตำหนักตันหยาง (ตันหยางเตี้ยน) ห่างจากนี้ไม่ไกล ทูลเชิฐพุทธบาทมาเยือน

พระอาจารย์   :  ทุกท่านมิต้องมากพิธีรีตอง น้ำพระทัยไมตรีจากพระบรรพจารย์ท่าน มิกล้ารับ รบกวนท่านเทวมาตย์นำทาง

อู้เอวี๋ยน   :  อู้เอวี๋ยนกราบพบเทวมาตย์ทุกท่าน คืนนี้ติดตามพระอาจารย์มากราบเยี่ยมเยือนตำหนักท่าน ขอได้รับการชี้แนะ

เทวมาตย์   :  มิต้องเกรงใจ เชิญตามข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าสู่ด่าน ดังนั้นแล้ว เหล่าเทวมาตย์นำหน้า ชั่วขณะก็พากันมาถึงหน้าด่าน ประตูด่านสูงตระหง่าน กำแพงโดยรอบนั้นดูอย่างกับกำแพงป้อมปราการ เหนือประตูด่านมีอักษรสามตัว ความว่า "ด่านเหอหยาง" (เหอหยางกวน) กลอนคู่สองข้างประตูความว่า

"ยกย่องเชิดชูหรือถูกลดขั้น     ดูช่างแตกต่างดั่งดินฟ้านั้น

สูงส่งขึ้นลงตกต่ำห่างกัน        อริยะสามัญสองฟากหากห่าง"

( เปาเปี่ยนเหลี่ยงตวนเทียนตี้เอวี่ยน   เจี้ยงเซิงเซียงตุ้ยเซิ้งฝันเฟิล)


        เทวมาตย์นำหน้าพาทั้งหมดดำเนินถึงภายในด่าน ภายในด่าน มองดูซ้ายขวา ประตูด่านใหญ่โตโอฬาร ถนนกว้างใหญ่ยาวเหยียดตลอดเหนือใต้ รินถนนข้างหน้า มีสิ่งปลูกสร้างลักษณะหอสูงเรือนเหลามากมาย ข้าง ๆ ยังมีบ้านธรรมดาเป็นหลัง ๆ เรียงรายอยู่ มีแสงสลัว ๆ ลอดออกจากหน้าต่าง ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมามากมาย ล้วนเป็นใบหน้าเมตตามีธรรม  อู้เอวี๋ยนติดตามพระอาจารย์เดินไปชมไปไม่ถึงครึ่งลี้ พลันได้เห็นปราสาทหลังหนึ่งใหญ่โตมหึมา สง่าตระหง่านท่ามกลางเมฆ ขื่อขานชั้นเชิงสลักลายวิจิตรพิศดาร งดงามยิ่งนัก เหนือประตูใหญ่ด้านหน้า มีแผ่นป้ายใหญ่จารึกอักษรสามตัวว่า"ตำหนักตันหยาง" (ตันหยางเตี้ยน) สีทองเรืองรองระยับ เสากลมใหญ่ซ้ายขวาประตู มีกลอนคู่ยาวเหยียดหลายบท เป็นหนังสือเขียนหวัด ลายเส้นศิลปะดั่งลีลาหงส์มังกรร่อนรำงามแกร่ง อู้เอวี๋ยนกำลังจะหยุดยืนชม พลันเห็นพระบรรพจารย์เทียนฝู่ออกมาต้อนรับเองถึงหน้าพระตำหนัก คารวะต่อกันกับพระอาจารย์แล้ว เคียงกันผ่านประตูสามชั้นจนถึงพระตำหนักใน พระบรรพจารย์โปรดบัญชา ให้ฝ่ายพิธีการจัดน้ำอมฤตเครื่องเสวย ถวายการรับรอง

พระอาจารย์   :  งานหลักหนักหนาอยู่ ข้าพเจ้ามาลบกวนการรับรองเช่นนี้ มิกล้ารับจริง ๆ

พระบรรพจารย์   :  มารยาทไม่ครบถ้วน เครื่องเสวยพื้น ๆ ธรรมดา มินับได้ว่านบนอบโดยแท้ เห็นอยู่ว่า บัดนี้ ใกล้วันเวลาเก็บงานสมบูรณ์ผล หมื่นพันพุทธะบรรพจารย์เช้าค่ำมิว่างเว้น กอบกู้ฉุดช่วยมวลเวไนยฯ คืนนี้ยินดียิ่งนัก เมื่อได้ทราบว่า บรรพจารย์ท่านสนองรับอนุตตรพระโองการ นำศิษย์มาดูข้อเท็จจริงที่ตำหนัก ข้าพเจ้าก็จะได้มีส่วนช่วยหนังสือท่องเที่ยวนี้บ้างเล็กน้อย

อู้เอวี๋ยน   :  ผู้น้อยผู้บำเพ็ญชาวโลก น้อมกราบพระบรรพจารย์ ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ฮา ฮา มิต้องมากจริยา โอ... เป็นจริงดังว่า "อาจารย์วิเศษศรี ย่อมมีศิษย์ยอดเยี่ยม" ศิษย์ผู้นี้มีรากฐานไม่ธรรมดาจริง ๆมิน่าเล่า จึงได้รับการเชิดชูจากพระบรรพจารย์นำจิตญาณมาท่องเที่ยวบันทึก

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ได้โปรดชมเชย ขอพระองค์ได้โปรดสั่งสอนด้วย

พระอาจารย์   :  เรียนเชิญพระบรรพจารย์ โปรดแนะนำหน้าที่รับผิดชอบงานในตำหนักของท่านพอสังเขป เพื่อความกระจ่างแก่ชาวโลกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:49 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระบรรพจารย์   : 
หน้าที่รับผิดชอบของด่านนี้ อยู่ที่สอบถาม "ศีลวัตรของผู้บำเพ็ญ" (ซิวเต้ากุยเจี้ย) ญาณเดิมในสามโลก จะกลับคืนสู่ถ่ำฟ้าวิสุทธิแดนดินนั้น ทุกคนจำเป็นจะต้องผ่านด่านการตรวจสอบจากสามด่านเก้าตำหนักว่าไม่ผิดเพี้ยนเสียก่อน จากนั้นจึงจะกลับขึ้นไปได้ ญาณเดิมจะต้อง
ผ่านด่านแรกคือ จื่อหยางกวน
ตำหนักที่หนึ่ง เสินหยางเตี้ยน สอบถามชื่อสกุล ภูมิลำเนาเดิม เหตุและผลกรรมที่ทำมา ผ่านจากตำหนักที่หนึ่งมาถึง
ตำหนักที่สอง ชิงหยางเตี้ยน สอบถามอนุตตรพระโองการ เทียนมิ่งหมิงซือ พระวิสุทธิอาจารย์ ผู้แนะนำรับรอง อิ๋นเป่าซือ ถูกต้องแล้วจึงไปสู่
ตำหนักที่สาม ปี้หยางเตี้ยน สอบถามการบุญหลังจากได้รับวิถีธรรมแล้ว จากนั้น จึงส่งมายังตำหนักนี้ คือ
ด่านเหอหยาง  ตำหนักตันหยาง (เหอหยางกวน ตันหยางเตี้ยน) ตรวจสอบศีลวัตรปฏิบัติอีกที 
ตำหนักนี้มีเทวมาตย์ลาดตระเวนตรวจสอบสามสิบองค์ เทวบดีผู้ตรวจการทำหน้าที่กำชับชี้นำอีกหกสิบสี่องค์ ธรรมราชผู้สอดส่องตรวจสอบอีกแปดองค์จัดตั้งห้องด่าน

ห้องแมลงล้างจิตปุถุชน (เฟยฉงเหลี่ยวฝันเสี่ยวกวนซื่อ) ประกอบอีกเก้าห้องด่าน

ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่ (หมอซินจื้อซินซื่อ) หนึ่งห้อง และห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) อีกห้องหนึ่ง เอาไว้รับญาณเดิมที่ทุศีลผิดระเบียบ จัดการลงโทษหรืออบรมให้สำนึกขอขมากรรม นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง หอแดง (หงโหลว) แปดห้อง เอาไว้เป็นที่พักรับรองญาณเดิมที่รักษาศีลวัตรเมื่ออยู่ในโลก และมีกุศลผลบุญมาก ห้องนี้ชื่อว่า หอชูบุญ (เปาซั่นเกอ

อู้เอวี๋ยน   : 
กราบเรียนถามพระบรรพจารย์ ญาณเดิมที่มาถึงตำหนักของพระองค์ ทำอย่างไรจึงจะสอบผ่านได้ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  สาธุ สำหรับคำถามนี้ เมื่อมีชีวิต จะบวชบำเพ็ญในศาสนาใด ล้วนมีศีลวัตรที่จะต้องทำตาม แม้แต่ละศาสนาจะมีข้อห้ามไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่สรุปแล้วเป็นหลักใหญ่ ๆ สามข้อ คือ ใจบริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์ การกระทำบริสุทธิ์ (ซินชิง เซินชิง สิงชิง) หากบริสุทธิ์ได้ทั้งสามอย่าง ก็จะผ่านตำหนักสอบของเราไปได้ แต่หากสามบริสุทธิ์ไม่ครบถ้วน ก็ยากจะผ่านจากตำหนักนี้ได้ ผู้ผิดต่อศีลวัตรเบาหน่อย ตัดสินให้เข้าขอขมากรรมสำนึกใน "ห้องขอขมากรรมสำนึก"  ผิดต่อศีลวัตรหนักหน่อย จะถูกตัดสินให้เข้าสถานลงโทษรับโทษทัณฑ์

อู้เอวี๋ยน   :   
กราบขอพระบรรพจารย์ ได้โปรดอธิบายความหมายของใจ กาย การกระทำ ที่ไม่สมบูรณ์ด้วยขอรับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:49 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                      ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระบรรพจารย์   : 

1. ที่ว่าใจไม่บริสุทธิ์นั้น ปากกินเจแต่ใจไม่เจ
ในใจแฝงความโลภ  โกรธ  หลง  มิจฉาดำริ  ฟุ้งซ่าน  เพ้อฝัน  ไม่ถูกต้องตรงต่อหลักธรรม หรือท้อทุกข์  หมดอาอัย  คึกคะนอง  พลุ่งพล่าน  ทิฐิดื้อรั้น  แบ่งแยกตอบโต้... เหล่านี้ล้วนอยู่ในข่าย อธิบายอีกหน่อย กินเจไม่ใช่ปากกินอาหารเจเท่านั้น หากพูดจาหลอกล่อเอาใจ  นินทาว่าร้าย  ระบือข่าวลือผิด ๆ เอาความนัยของฟ้ามาทำให้คนหลงผิด  พูดร้ายทำร้ายคน  พูดพล่อยหลอกลวงเขา  หรือสูบบุหรี่  ดื่มเหล้า  เคี้ยวหมาก ล้วนไม่เจ หากปากเจแต่ใจไม่เจ จะพาตัวตกต่ำสู่สถานไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ผู้มีจิตยบริสุทธิ์ จึงหมายถึงปากกินเจ และใจก็ถือเจด้วย

2. ที่ว่ากายไม่บริสุทธิ์ คือ กิริยาอาการผิดจริยา สองขาพาตัวไปสถานมิจฉาชีพ อบายมุข ทำตัวผิดต่อทางธรรม ไม่ชำระกายให้สะอาดก่อนจุดธูปบูชาพระ เสื้อผ้าไม่สุภาพ  ไม่สวมใส่หรือปกปิดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่สถานธรรม  ห้องบูชาพระ  ศาลา  โรงเจ  สถานที่ของทางศาสนา ไม่สำรวมกิริยา  พูดจา  หัวเราะคิกคักเสียงดัง  เดินเพ่นพ่าน  หญิงชายใกล้ชิดปะปนกัน ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามไม่เจริญตาเจริญใจ ขณะจุดธูปบูชาพระกราบพระไม่นบนอบไม่ตั้งใจ ตบเบาะ ชำเลืองมอง กราบเป็นพิธี ลุกลี้ลุกลน กระโดกกระเดก เหล่านี้เป็นต้น ล้วนถือว่า"กายไม่บริสุทธิ์"

3. การกระทำไม่บริสุทธิ์ คือ ด่าทอลมฝน กล่าวโทษขัดเคืองฟ้าดิน ด่าว่าผู้คน ละเลยเพิกเฉยต่อผู้ใหญ่ ทำความสกปรกเลอะเทอะแก่สถานที่หรือแม่น้ำลำคลอง ไม่สำรวมใต้ฟ้าใต้ตะวันเดือน หลอกเขาเอาเงินแอบอ้างสร้างบุญ วางแผนลวงล่อทำร้ายให้เขาเสียหาย เย่อหยิ่งจองหอง ยโสโอหัง ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ เริงกาม ลักขโมย หยิบฉวย จาบจ้วง แย่งชิง ใช้เงินกองกุศลโดยพละการ เหล่านี้เป็นต้น
การกระทำทุกอย่างที่ผิดต่อธรรมะ ผิดต่อคุณธรรมความดี ความถูกต้อง ล้วนเป็น "การกระทำไม่บริสุทธิ์"

อู้เอวี๋ยน   : 
ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ได้โปรดฯ แสดงรายละเอียด ชาวโลกได้สดับดังนี้แล้ว จะไม่สำรวมระวังได้หรือ ขณะนั้น เห็นเทวการท่านหนึ่งเข้ามากราบรายงาน

เทวการ   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก บัดนี้ เทวบดีผู้ตรวจการจากจื่อหยางกวน ได้นำวิญญาณคนเดิมยี่สิบกว่าคนมารับการตรวจสอบที่ตำหนัก จะดำเนินการอย่างไร ขอพระองค์ได้โปรด...

พระบรรพจารย์   :  ให้จัดเตรียมการ เชิญพระบรรพจารย์กับอู้เอวี๋ยน พร้อมกันไปหาข้อมูลที่ตำหนัก กล่าวจบ พระบรรพจารย์ทั้งสองกับอู้เอวี๋ยนก็ออกจากหอโถงภายใน ตรงไปที่ตำหนักใหญ่ตันหยาง ขึ้นบัลลังก์พิจารณา ชั่วครู่ เทวบดีผู้ตรวจการก็นำวิญญาณคนเดิมเข้าตำหนักมา ทั้งหมดคุกเข่ากราบทันที

[/b]วิญญาณทั้งหมด   :  [/b]น้อมกราบพระบรรพจารย์ พระอาจารย์

พระบรรพจารย์   :  ทุกท่านมิต้องมากพิธี  วันนี้ ทุกท่านมารับการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของศีลวัตรในการบำเพ็ญที่ตำหนักนี้ ตำหนักนี้สูงส่งยุติธรรมโปร่งใส บาป บุญ ชมเชย ลงโทษชัดเจนทุกอย่าง ปราศจากจิตพิศมัยใจลำเอียง ธรรมราชผู้ตรวจสอบ เชิญเริ่มได้ ณ บัดนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:49 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

ธรรมราช   :  รับพระบัญชา
ญาณเดิมทุกท่าน เมื่อเข้ารับการตรวจสอบ ขอให้รายงานตัวชื่อสกุลอะไร เมื่อมีชีวิต ถือบวชบำเพ็ญทางธรรมใด อีกทั้งให้เล่าการรักษาศีลวัตรตามความเป็นจริง หากกล่าวตามความเป็นจริง จะรับไว้พิจารณา หากดื้อร้ายปิดบังอำพราง โทษเป็นทวีคูณ บัดนี้ญาณเดิมคนแรก เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ

ญาณเดิม ก   :  ผู้น้อยเบื้องล่างแซ่อู๋... เมื่อมีชีวิตอยู่บำเพ็ญในศาสนาเต๋า สังกัดเทวราชตำหนักห้า (อู๋ฝู่อ๋วงเอี๋ย) ผู้น้อยได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากพระเทวราชเจ้า เนื่องจากพระองค์โปรดแสดงพระบุญญาธิการ รักษาโรคเรื้อรังที่ผู้น้อยหาหมอเท่าไรรก็ไม่หายถึงสามปีให้หายได้ ทำให้ผู้น้อยสำนึกพระคุณ จึงตั้งใจรับใช้เทวราชเจ้าสงเคราะห์ชาวโลก ต่อมายังได้รับโปรดจากเทวราชเจ้ารับเป็นบุตรบุญธรรม ดังนั้น ผู้น้อยจึงทุ่มเทเวลา กำลังทั้งหมด รับใช้งานศาลเจ้า กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความศรัทธาจริงใจ อีกทั้งยังผลักดันงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก จึงได้สั่งสมกุศลบุญไว้บ้างตายแล้วได้ผ่านการตรวจสอบจากด่าน จื่อหยางกวน สามตำหนักปากทางแล้วมาถึงที่นี่ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ธรรมราชาผู้ตรวจสอบ เชิญยืนยันหลักฐานในนสมุดบันทึก ที่อู๋เซิงกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่

ธรรมราช   :  กราบทูลองค์เจ้าตำหนัก ตามทีึ่บันทึกไว้ที่อู๋เซิงกล่าวรายงานนั้นเป็นความจริง เป็นคนศรัทธา ไหว้พระ ไหว้เจ้า นิสัยจิตใจดีงาม รู้จักสำรวมบำเพ็ญ มีจริยะดีต่อใคร ๆ นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญฝึกฝนจริง ข้อบกพร่องจุดเดียววคือ หนทางที่เขาปฏิบัติบำเพ็ญอยู่เป็นศาลเจ้าเทวราชที่เน้นหนักอยู่แต่การสงเคราะห์ชาวโลก ไม่ได้เน้นหนักหรือให้ความสำคัญต่อการถือศีลกินเจ ขอพระองค์ได้โปรดพิจารณาเห็นสมควร

พระบรรพจารย์   :  อืมม์ ครั้งมีชีวิตอยู่ อู๋เซิงมุ่งธรรมเต็มกำลังใจ หาได้ยาก แต่เนื่องจากทางธรรมที่นำพา มิได้อบรมให้ถือศีลกินเจ เราก็จะไม่เอาโทษแก่ท่าน แต่ท่านขาดคุณสมบัติ "กายบริสุทธิ์" (เซินชิง) ตั้องตัดสินให้ไปสู่ สถานขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) รับการอบรมสิบวันจนภาวะกายบริสุทธิ์ดีแล้ว จึงจะส่งไปที่ หอชูบุญ (เปาชั่นเกอ) เพื่อรอการจัดส่งต่อไปยังตำหนัก จิ่งหยาง (จิ่งหยางเตี้ยน)

ญาณเดิม ก  : 
กราบขอบพระคุณพระบรรจารย์ เมื่อผู้น้อยมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุที่จะต้องจัดพิธีปลอบขวัญทหาร อีกทั้งต้องทำกำารเซ่นไหว้ทหารนายกองห้าค่าย ซึ่งจะต้องใช้ชีวิตสัตว์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยเพื่อแสดงความเคารพโดยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดศีล

พระบรรพจารย์   :  หวังให้ชาวโลกอย่าได้หลับหูหลับตาเชื่อประเพณีพิธีการแต่อย่างเดียว กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้เป็นอันขาด อย่างนั้นไม่เพียงสร้างบาปเวรไว้ เอาเลือดเนื้อเขาบูชาพระ ยังเป็นการลบหลู่ล่วงเกินที่สุด เซียนพุทธะมีแต่เมตตากรุณา จะรับการสักการะจากคาวชีวิตเลือดเนื้ออย่างนี้ได้อย่างไร หากเปลี่ยนเป็นธูปหอม ผลไม้ ดอกไม้ อาหาร พืชผัก บวกกับจิตใจศรัทธาแท้จริง ก็จะซาบซึ้งถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาได้เอง มิฉะนั้นแล้ว ใช้วิธีการผิดศีล สร้างปาณาติบาตไว้ไม่รู้ตัว จะไม่เป็นการทำคุณบูชาดทษเสียเปล่าอย่างไร

ธรรมราช   :  เชิญอู๋เซิงติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยังห้อง "ขอขมากรรมสำนึก" เพื่อชำระกายกรรมที่ยังไม่บริสุทธิ์ทั้งหมด ญาณเดิมท่านที่สองเชิญเข้ารับการตรวจสอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:50 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

ญาณเดิม ข   : 
ศิษย์ผู้น้อยน้อมกราบพระบรรพจารย์ เมื่อมีชีวิตอยู่ ผู้น้อยบำเพ็ญอยู่กับเทวสถานหลวนถัง ผู้น้อยแซ่ไซ่ ในชีวิต ได้รับโปรดอบรมกล่อมเกลาจากพระองค์ปู่เจ้าอริยคุณเอินจู่กง หรือพระนามว่า ท้าวสักกะกวนอริยมหาราชเจ้า (กวนเซิ่งตี้จวิน) ผู้น้อยศึกษาหลักธรรมถ่องแท้ว่า อันที่จริงนั้น ห้าศาสนาใหญ่ล้วนมาจากต้นรากเดียวกัน ปกติ นอกจากจะศึกษาพระโอวาท เจริญธรรมตามรอยพระอริยเจ้าแล้ว ยังแบ่งเวลาออกสร้างสาธารณประโยชน์ บริการประชาชนและสังคมเสมอ ชีวิตประจำวัน จะสมาคมกับใคร ก็ได้รักษาทำตามพระโอวาท ถ่อมตนเกรงใจ มีจริยธรรม ไม่ห่างจากสัจจะมโนธรรมเป็นที่ตั้ง ผู้น้อยเข้าสู่เทวสถาน สามปีให้หลัง ก็ได้ถวายปณิธานกินเจตลอดชีวิต ทุกวันเฉลิมอริยชันษาของพระองค์ปู่เจ้าอริยคุณเอินจู่กง จัดงานประชุมธรรม จะต้องเข้าร่วมปล่อยชีวิตสัตว์ (ฟั่งเซิง) อธิษฐานภวานาทำเช่นนี้มาสิบกว่าปีด้วยชีวิตที่มีความสุขกายสบายใจ สุดท้ายได้ละสังขารมา โดยมิได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด ที่กล่าวมาข้างต้นคือ การปฏิบัติบำเพ็ญมาของศิษย์ผู้น้อย ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดพิจารณา

พระบรรพจารย์   :  ธรรมราชผู้ตรวจสอบ คำพูดของศิษย์แซ่ไซ่ เป็นจริงไฉน

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ข้อความที่บันทึกไว้ในสมุด กับที่ศิษย์แซ่ไซ่กล่าวมา ข้อใหญ่ใจความสอดคล้องกัน แต่มีข้อบกพร่องที่เมื่ออารมณ์ไม่ดี มีอะไรไม่พอใจ มักจะพูดจาโทษฟ้าว่าคน ขอพระองค์ได้โปรดพิจารณาในจุดนี้ด้วย

พระบรรพจารย์   :  สาธุ ศิษย์แซ่ไซ่ สมกับเป็นศิษย์ที่ดีของพระองค์ท้าวสักกะฯ (เอินจู่กง) เทิดทูนธรรมะด้วยศรัทธาแท้จริง ทั้งกินเจ ละเว้นการฆ่า ทำการปล่อยชีวิตสัตว์ สร้างกุศลคุณความดี เป็นผู้ฝึกฝนบำเพ็ญจริงคนหนึ่งเหมือนกัน เสียดายที่ไม่อาจสำนึกรู้แท้ต่อการศึกษากฏแห่งกรรมอันลึกซึ้ง โทษฟ้าว่าคนนี่คือปากกับใจไม่บริสุทธิ์ ตัดสินให้สำนึกตนใน "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" สิบวัน หวังว่าจะเข้าใจถ่องแท้ต่อวัฏจักรของกฏแห่งกรรม นั่นคือ ทำเองย่อมได้รับผลเอง มิใช่ฟ้าไม่ยุติธรรม

พระอาจารย์   :  หลักธรรมที่พระบรรพจารย์ได้โปรด เป็นสิ่งที่คนทั่วไปมักทำผิดกันบ่อย ๆ ดั่งคำพังเพยว่า

"ไม่สมหวังตั้งใจในชีวาตม์
สิบพลาดเสียหายไปแปดเก้า

(เหยินเซิงปู้หยูอี้ ซื่อสือฉังปาจิ่ว)

        ปราชญ์เมิ่งจื่อ กล่าวไว้ว่า "ฟ้าจะมอบภาระใหญ่ให้ผู้นั้น ก่อนอื่นจะต้องทรมานใจเขา ให้เหนื่อยหนักเอ็นกระดูก ให้อดอยากเนื้อหนัง ให้กายนั้นขาดแคลน เพื่อสั่นคลอนจิตใจอดทนของเขา เพื่อเพิ่มพูนสิ่งอันเขาไม่สามารถ"
คน บางครั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สมปรารถนา อารมณ์อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มเร่าร้อน ท้อแท้โศกเศร้า แต่ขออย่าแสดงอารมณ์ไม่ดีไปตามใจ โทษฟ้าว่าใคร ๆ แต่ควรจะอดทน ยอมเหนื่อย ยอมรับความขัดเคืองโดยไม่เปลี่ยนใจที่มุ่งมั่นทางธรรม ประคองรักษาอารมณ์ราบเรียบมั่นคง ต่อการถูกทดสอบด้วยตนทำเอง ยิ่งจะต้องสำแดงความวิริยะกล้าหาญเอาชนะ จึงจะบรรลุผล ดุจแกะสลักหยกงาม ดุจหล่อหลอมเหล็กกล้าได้

ธรรมราช   :  สาธุ พระบรรพพุทธา (อมพระพุทธะจี้กง) พร่ำเตือนกล่อมเกลาชาวโลกตามโอกาสทันที หวังให้ชาวโลกสำนึกรู้พระทัยฟ้า จึงจะไม่ผิดต่อบรรพพุทธาที่ทุ่มเทพระทัย ศิษย์แซ่ไซ่ เชิญตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยัง "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" เถิด ญาณเดิมท่านที่สาม เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ

ญาณเดิม ค   :  ศิษย์ผู้น้อยแซ่หลิน กราบคาวระบรรพจารย์ เมื่อมีชีวิต ข้าพเจ้าคือศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ได้รับจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์ รู้หนทางสว่าง จึงละเว้นความชั่วทุกประการ สร้างบุญกุศลทุกทาง ปกตินอกจากบูชาพระแล้ว ยังเข้าศึกษาธรรมในชั้นต่าง ๆ  ติดตามเตี่ยนฉวนซือออกบุกเบิกแพร่ธรรมเสมอ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนทั้งหลาย สุภาพ เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ จริงใจ เมื่อมีโอกาสให้ได้สร้างบุญ ก็จะทำเต็มกำลัง ก้าวหน้าทางธรรมไม่หน่าย แม้จะเข้าไม่ถึงภาวะจิตใจใจสว่าง แต่บอกกับตนเองได้ว่า เป็นผู้บำเพ็ญที่ยืนหยัดอยู่บนฐานของความจริงแท้ ที่กราบทูลรายงานทั้งหมด ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดพิจารณา

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ศิษย์แซ่หลินกล่าวมา นสอดคล้องกับที่บันทึกไว้ในสมุด แต่มีข้อกระทำผิดใหญ่หลวงเรื่องหนึ่ง ด้วยในใจคิดว่า พุทธระเบียบในวิถีอนุตตรธรรม มีระดับสูงส่ง เป็นพิธีการมาตรฐานทำให้เมินหน้าต่อพิธีการของศาสนาอื่น ๆ เสียสิ้น อีกทั้งใกล้บ้านมีศาลเจ้าประทับทรงสงเคราะห์ผู้คน ทุกครั้งที่ศิษย์แซ่หลินได้เห็น แม้จะไม่มีคำพูดลบหลู่ ใส่ใคล้ แต่ความรังเกียจในใจแสดงออกทางใบหน้า อีกประการหนึ่ง มักจะคิดว่า มืออุ้มลัญจกร (เหอถง) ใช้ไหว้แต่เฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับพรหมโลก หากใช้ไหว้ระดับเทวโลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับเทวโลกจะรับไหว้ไม่ได้ (มิอาจรับได้) บางข้อดังกล่าวเป็นทัศนคติผิด ๆ ขอพระองค์เจ้าตำหนักได้โปรดพิจารณา 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21/10/2012, 14:50 โดย หนึ่งเดียว หลุดพ้น »

Tags: