collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: จิ่วหยังกวน สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ  (อ่าน 28639 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          จิ่วหยังกวน

                    สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                           ตอนที่ 1

                    ลงนรกขอยืมดวงแก้ว

               วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     เพื่อฉุดช่วย        เวไนยสัตว์        กลับสรวงสวรรค์
ไม่ย่อยั่น                ดั้นด้นไป          ในสามโลก
อรรถาธรรม             ความลับฟ้า       เที่ยวปรกโปรด   
เป็นโฆษก              ท่องทั่วยัง        จิ่วหยังกวน

พระฯ จี้กง   :  เป็นครั้งแรกที่อาตมาลงมาสร้างหนังสือบุญ ที่พระตำหนักไถจงฉงเซิงจองเจ้า ชั่วขณะนี้ทำให้อาตมาเหนื่อยแทบแย่ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้มาหวังว่าศิษย์ทั้งหลายอย่าได้เห็นเป็นอื่นไกล

ฉงซิว   :  พระอาจารย์โปรดยกย่องเกินไป ศิษย์ทั้งหลายทราบดีว่า พระอาจารย์วิ่งเต้นตรากตรำเพื่อฉุดช่วยเวไนยสัตว์ในบุญวาระสุดท้ายอยู่ และเป็นเพราะพระตำหนักของเราบุญน้อย พระอาจารย์จึงไม่อาจมาโปรดบ่อยนัก

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิวอย่าพูดน้อยใจไปเลย บัดนี้วาระสำคัญของตำหนักฉงเซิงมาถึงแล้ว จะได้สร้างหนังสือคุณวิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้อรรถาเหตุการณ์ของจิ่วหยังกวน เพื่อชดเชยความบกพร่องของหนังสือท่องนรก - สวรรค์  ในครั้งก่อน แท้จริงคือค่าตอบแทนเหนื่อยยากของเจ้าในหลายปีที่ผ่านมา  ภาระสำคัญนี้มิใช่เบา หวังว่าเจ้าจะอุทิศกายใจเต็มที่ เราจะได้สร้างหนังสือให้เสร็จและถวายผลงานได้ในเร็ววัน

ฉงซิว   :  ศิษย์จะตั้งใจเต็มที่มิกล้าเฉื่อยชา จะมุ่งงานธรรมะจริงจัง เพื่อมิให้ผิดต่อพระมหากรุณา ฯ ของเบื้องบนที่ได้โปรดมอบหมายงานใหญ่นี้แก่ศิษย์

พระฯ จี้กง   :  "บันทึกท่องจิ่วหยังกวน"  เล่มนี้ เมื่อพิมพ์ออกเผยแพร่ ฉงซิวเจ้าจะได้รับการกล่าวขานและจารึกชื่อไว้ชั่วนิรันดร์ในประวัติศาสตร์พระตำหนักทรงทีเดียว

ฉงซิว   :  ศิษย์ขอเพียงได้สร้างบุญกุศลเมื่ออยู่ในโลกอีกสักหน่อย ได้พ้นจากเวียนว่ายในเร็ววันเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

พระฯ จี้กง   :  เฮย์  ดู ๆ แล้วคงเป็นเพราะเจ้าอยู่โลกนี้มานานจนขยาดโลกเสียแล้วซิ

ฉงซิว   :  ขอรับ  รู้สึกหน่ายแล้ว แต่ศิษย์ตระหนักดีว่าภารกิจยังไม่หมดสิ้น จึงยังมิกล้ารามือ

พระฯ จี้กง   :  อย่าได้ถอนใจระบายคัมภีร์ทุกข์ (บ่น)  เลย การสร้างหนังสือคุณวิเศษเป็นโอกาสยากยิ่ง ร้อยปีพันปีจะมีสักครั้ง และก็ใช่จะมีโอกาสทำได้กันทุกคน

ฉงซิว   :  ขอรับ  พระอาจารย์ได้โปรด จิ่วหยังกวนอยู่ที่ไหน และมีผลอย่างไรขอรับ

พระ ฯ จี้กง   :  สวรรค์เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีไว้ส่งเสริมคนเดิมให้มุ่งมั่นบำเพ็ญบรรลุจริงในภายหน้า  ส่วนนรกมีไว้กำราบชาวโลก อย่าได้ทำบาปหยาบช้าสามานย์ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญที่มีบุญมากบาปน้อย วิธีการลงโทษในนรกนั้นใช้กับเขาไม่ได้

ฉงซิว   :  โอ  ทำไมหรือขอรับ บุญมากบาปน้อยก็น่าจะขึ้นสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วนี่ขอรับ

พระ ฯ จี้กง   :  ไม่ได้  โทษทัณฑ์ในนรกมีไว้ลงโทษคนชั่ว  แต่ผู้บำเพ็ญมีบาปไม่ถึงกำหนดโทษของนรก แม้จะมีบุญมากบาปน้อย แต่เบื้องบนต้องการผู้บำเพ็ญที่เป็นอริยะสมบูรณ์แบบ หากยังมีนิสัยอารมณ์เสียของชาวโลกติดอยู่จะก้าวขึ้นสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์ได้ยาก เช่นนี้เบื้องบนจึงได้จัดตั้ง  "จิ่วหยังกวน"  เพื่อขัดเกลาผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะ เพื่อให้นิสัยชาวโลกหมดไป ให้บรรลุอริยมรรคได้จริง

ฉงซิว   :  เป็นเช่นนี้นั่นเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          จิ่วหยังกวน

                    สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                           ตอนที่ 1

                    ลงนรกขอยืมดวงแก้ว

               วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     เพื่อฉุดช่วย        เวไนยสัตว์        กลับสรวงสวรรค์
ไม่ย่อยั่น                ดั้นด้นไป          ในสามโลก
อรรถาธรรม             ความลับฟ้า       เที่ยวปรกโปรด   
เป็นโฆษก              ท่องทั่วยัง        จิ่วหยังกวน

พระ ฯ จี้กง   :  ฉะนั้นจึงกล่าวว่า  "บันทึกท่องจิ่วหยังกวน"  เป็นหนังสือสาธกเหตุการณ์การขัดเกลาผู้บำเพ็ญที่อยู่ในด่านเพื่อเตือนใจผู้บำเพ็ญชาวโลกและเพิ่มเติมส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ในหนังสือท่องนรก - สวรรค์ ด้วย

ฉงซิว   :  ถ้าเช่นนั้นหนังสือเล่มนี้ก็วิเศษจรองจริงซิขอรับ

พระ ฯ จี้กง   :  เจ้ามีฐานบุญลึกซึ้งจึงมีโอกาสได้สร้างหนังสือวิเศษ ที่ไม่เคยมีมาแต่กาลก่อนเล่มนี้ เอาละเวลามีไม่มาก เราไปกันเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ  แต่ไม่ทราบว่าศิษย์จะใช้ยานพาหนะอย่างไรไป

พระ ฯ จี้กง   :  พระบรรจารย์หงจินเตรียมไว้ให้เราตั้งนานแล้ว นั่นไง

ฉงซิว   :  เอ !  นั่นนกอะไรขอรับ  ดูคุ้น ๆ

พระ ฯ จี้กง   :  นั่นคือนกเผิง (คล้ายนกอินทรี)  รีบขึ้นหลังนกเตรียมออกเดินทางได้แล้ว

ฉงซิว   :  ไม่มีเข็มขัดนิรภัยอย่างนี้ไม่เป็นไรหรือขอรับ

พระ ฯ จี้กง   :  อย่ากลัวตายนักเลย อาจารย์อยู่ใกล้ ๆ เจ้า ยิ่งกว่านั้นเราสนองพระบัญชาสร้างหนังสือ หากมีอะไรผิดพลาด อาจารย์เองนะแหละที่จะรับไม่ไหว

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์นั่งได้เหมาะแล้ว แต่จริง ๆ ก็ยังหวาดอยู่  คุณนกเผิงใหญ่ขอความกรุณาหน่อยนะคร้าบ

พระ ฯ จี้กง   :  "หลับตาซะ"  บินขึ้นได้ ... เอาละ ... ถึงแล้ว  ฉงซิวลงมาได้

ฉงซิว   :  เอ  นี่ที่ไหน  ถึงจิ่วหยังกวนแล้วหรือขอรับ พระปราสาทนี้ใหญ่จริง

พระ ฯ จี้กง   :  ที่นี่ไม่ใช่จิ่วหยังกวน แต่เป็น กษิติปราสาท (ตี้จั้งกง) เป็นที่ประทับของ  พระกษิติครรภ์ตี้จั้งอ๋วง "พระศาสดาแห่งเมืองนรก"

ฉงซิว   :  เอ เราไม่ใช่จะไปท่องจิ่วหยังกวนกันหรือขอรับ ทำไมมาที่กษิติปราสาท

พระ ฯ จี้กง   :  เพราะว่าจะท่องจิ่วหยังกวน จึงจำเป็นต้องขอยืมดวงแก้วของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ตี้จั้งอ๋วง เราจึงต้องมาที่นี่ เร็ว เข้าไปกันเถอะ

ฉงซิว   :  อ้อ  อย่างนี้นั่นเอง

พระ ฯ จี้กง   :  เบื้องหน้ามีท่านผู้หนึ่งเดินตรงมา ท่าทีงามสง่าผึ่งผาย พระองค์คือพระกษิติครรภ์ ฉงซิวรีบเข้าไปกราบพระบาทเสีย

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์ฉงซิวกราบเฝ้าพระบาทพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ วันนี้ศิษย์ได้ติดตามพระอาจารย์จี้กงลงมายังยมโลก เพื่อขอยืมดวงแก้วจากพระองค์พระโพธิสัตว์หนึ่งดวง หวังว่าพระองค์จะประทานอนุญาต

พระ ฯ กษิติฯ   :  ยินดีต้อนรับพระฯ จี้กงกับฉงซิว มาสู่นรกานต์  เรารู้ว่าขณะนี้ฉงซิวเจ้ารับสนองพระบัญชาสร้างหนังสือ "บันทึกท่องจิ่วหยังกวน"  หนังสือนี้มิใช่ธรรมดา เทพ ฯ  คน  จะร่วมช่วยกันจนสำเร็จ เรื่องขอยืมดวงแก้วเรายินดี

พระ ฯ จี้กง   :  ขออภัยอย่างยิ่ง ที่มารบกวนพระองค์บ่อย ๆ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           จิ่วหยังกวน

                    สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                           ตอนที่ 1

                    ลงนรกขอยืมดวงแก้ว

               วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     เพื่อฉุดช่วย        เวไนยสัตว์        กลับสรวงสวรรค์
ไม่ย่อยั่น                ดั้นด้นไป          ในสามโลก
อรรถาธรรม             ความลับฟ้า       เที่ยวปรกโปรด   
เป็นโฆษก              ท่องทั่วยัง        จิ่วหยังกวน

พระ ฯ กษิติฯ   :  พระฯ จี้กง เกรงใจมากไป ในขณะที่วิถีธรรมกับมหันตภัยเกิดขึ้นพร้อมกันในโลก พระองค์ต้องแบกรับหน้าที่ที่เป็นพระอาจารย์หลักเวไนยสัตว์ในโลก เป็นหนี้พระคุณพระองค์มากเหลือเกินจริง ๆ

พระฯ จี้กง   :  ที่ไหนได้ ปณิธานใหญ่ของพระองค์ต่างหากที่น่าเคารพยกย่อง แต่น่าเสียดายที่เวไนยสัตว์ล้วนลุ่มหลงอยู่ใน "โลกมายา" ผู้บำเพ็ญแม้จะอุทิศตนอยู่ในประตูอริยะ แต่นิสัยอารมณ์ของปุถุชนกลับแก้ไม่หมด ดังนั้นเบื้องบนจึงได้สร้างจิ่วหยังกวนขึ้นทดสอบพวกเขา ขณะนี้กาลเวลาของโลกคับขันเบื้องบนจึงได้นำเอาสถานที่แห่งนี้มาเปิดเผย  วันนี้เราจึงได้ท่องจิ่วหยังกวน

พระ ฯ  กษิติฯ   :  ถูกต้อง  แต่ ... หวังว่าชาวโลกจะเข้าใจในพระเมตตาของเบื้องบน  นี่พระฯ จี้กงก็จะต้องวิ่งวุ่นกลับสามโลกอีกแล้ว  ฉงซิวเจ้าต้องทุ่มเทเต็มกำลัง ทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนเบื้องบน ซึ่งไม่ใช่คนทั่วไปจะทำได้

ฉงซิว   :  ศิษย์เข้าใจขอรับ 

พระฯ กษิติฯ   :  ดวงแก้วหนึ่งดวงอยู่ในกล่องนี้ ฉงซิวเจ้าจงรับเอาไป

พระฯ จี้กง   :  ขอขอบพระคุณในความเมตตาของพระพุทธบรรพจารย์กษิติครรภ์ อาตมาขอขอบพระคุณพระองค์แทนเวไนยสัตว์ทั้งหลายล่วงหน้าด้วย เมื่อใช้เสร็จแล้วจะนำมาถวายคืน

พระ ฯ กษิติฯ   :  มิกล้ารับคำยกย่อง

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิวรับกราบลาพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์เถิด เรากลับพระตำหนักได้แล้ว

ฉงซิว   :  ขอรับ   ศิษย์ขอกราบลา

พระฯ กษิติฯ   :  ขอน้อมส่งพระฯ จี้กงกับฉงซิวกลับพระตำหนัก

พระฯ จี้กง   :  มิบังอาจรับได้  ฉงซิว ขึ้นหลังนกเผิงใหญ่ เตรียมกลับพระตำหนัก

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว

พระฯ จี้กง   :  เอาละ  หลับตา  บินได้ ..... มาถึงฉงเซิงถังแล้ว ฉงซิวลงจากหลังนก วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              จิ่วหยังกวน

                        สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 2 

                    ท่องด่านแรกของจิ่วหยังกวน

                      ด่านขัดเกลาธาตุแท้

                           (หมอเจินกวน)

                 วันที่  28  ตุลาคม  พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

        พลีชีพสังขาร        ทำงานช่วยโลก        ใสสดสว่าง
ท่องด่านจิ่วหยัง            แต่ละชั้นไป             ได้ด้วยจิตญาณ
วาระวิเศษ                   แต่ก่อนแต่ไร            ไม่เคยเล่าขาน
ตั้งแต่โบราณ              "ฉงซิว" นับว่า           มาเป็นหนึ่งนำ

พระ ฯ จี้กง   :  ในยุคที่  "ธรรมคู่กับภัย"  ในครั้งนี้ โลกมนุษย์กับเทวโลก ต้องตกทุกข์ได้ยากจริง ๆ ศาสนานับหมื่นในโลกล้วนรับเคราะห์สอบหนัก การจะบรรลุมรรคผลแท้จริงไม่ยาก แต่น่าเสียดายที่ผู้บำเพ็ญมักจะละเลย ต่อการบำเพ็ญมนุษยธรรม คิดว่าตนบำเพ็ญถึงจุดสุดยอดแล้ว จิตอหังการ์ก็แสดงออกชัดเจน บางคนใหญ่คับฟ้าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา พึงรู้ไว้ว่า  "ตัวกูอยู่เหนือกว่าใคร"  เป็นความคิดพิฆาตผู้บำเพ็ญเอง
        ฉงซิว  วันนี้เราจะท่องจิ่วหยังกวนกันจริง ๆ จะได้พบเห็นเหตุการณ์จริง หวังว่าเจ้าจะเป็นสะพานระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับคนให้ดี  นกเผิงใหญ่รออยู่ที่นั่นแล้ว  รีบขึ้นนั่งแล้วออกเดินทางกันเถิด

ฉงซิว   :  ขอรับ ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว รู้สึกตื่นเต้นหน่อย ๆ

พระฯ จี้กง   :  อีกสักครู่จะต้องระวังเรื่องจริยะระเบียบหละหลวมมไม่ได้ เอาละ หลับตา  ไปได้  ... ถึงแล้ว  ลงมา

ฉงซิว   :  มีประตูเมืองอยู่เบื้องหน้า มีทหารกองหนึ่งอยู่ที่นั่น เหมือนกำลังคอยเราอยู่

พระฯ จี้กง   :  ใช่  นั่คือพระองค์นายด่าน ด่านแรก นำผู้คุมด่านใต้การปกครองมาต้อนรับเรา  ฉงซิวรีบเข้าไปกราบคารวะเสีย 

ฉงซิว   :  คารวะพระองค์นายด่านจิ่วหยังและพระผู้คุมทุกพระองค์ ศิษย์ฉงซิวเป็นมือทรงเอกของพระตำหนักฯ ไถจงฉงเซิง โชคดีได้สนองพระบัญชาติดตามพระอาจารย์จี้กงมาหาข้อมูลในด่าน เพื่อสร้างหนังสือเตือนใจคนเดิมผู้บำเพ็ญ ขอความกรุณาจากทุกพระองค์ได้โปรดชีแนะศิษย์ผู้น้อยด้วย

พระฯ นายด่าน   :  ยินดีต้อนรับพระฯ จี้กงกับฉงซิวที่มาเยือนจิ่วหยังกวน ลุกขึ้นเถิดมิต้องคารวะ   เราได้รับหมายพระโองการฯ ก่อนหน้านี้แล้ว รู้ว่าพระฯ จีกงจะนำฉงซิวมาหาข้อมูล การขัดเกลาผู้บำเพ็ญในด่านนี้ เราได้เตรียมการไว้แล้ว เชิญเข้าสู่พระตำหนักใน นั่งพักสักครู่เถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             จิ่วหยังกวน

                        สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 2 

                    ท่องด่านแรกของจิ่วหยังกวน

                      ด่านขัดเกลาธาตุแท้

                           (หมอเจินกวน)

                 วันที่  28  ตุลาคม  พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

        พลีชีพสังขาร        ทำงานช่วยโลก        ใสสดสว่าง
ท่องด่านจิ่วหยัง            แต่ละชั้นไป             ได้ด้วยจิตญาณ
วาระวิเศษ                   แต่ก่อนแต่ไร            ไม่เคยเล่าขาน
ตั้งแต่โบราณ              "ฉงซิว" นับว่า           มาเป็นหนึ่งนำ

พระฯ จี้กง   :  ลำบากแก่ท่านนายด่าน   ฉงซิว  วันนี้เจ้าจะได้เข้าด่านไปกราบเรียนถามสถานการณ์ของด่านก่อนใคร ๆ

ฉงซิว   :  ศิษย์น้อมรับพระบัญชา  สองข้างประตูพระตำหนักในมีกลอนคู่อยู่สองบทว่า
             
            หากย่างก้าวเข้าถิ่นเราไม่กลัว     บรรลุแท้
            ผ่านด่านปราศจากอุปสรรคแล้      กัลยาณชน

พระฯ นายด่าน   :  เชิญพระฯ จี้กงกับฉงซิวโปรดนั่ง พนักงานข้างในยกน้ำชามาถวาย 

ฉงซิว   :  ศิษย์มิกล้าบังอาจ ขอยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นนี้ดีกว่า

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิว ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าสนองพระบัญชามาที่นี่ นั่งเถิด จะได้เรียนถามเรื่องราวบางอย่างในจิ่วหยังกวนด้วย

ฉงซิว   :  ขอรับ ถ้าเช่นนั้นศิษย์ขอย่ามใจนั่งลง  กราบทูลถามว่า ด่านแรกภายใต้การควบคุมของพระองค์ เหตุใดจึงได้ชื่อว่า  ด่านขัดเกลาธาตุแท้  และมีสภาพเป็นอย่างไร ?.

พระฯ นายด่าน   :  "ขัดเกลาธาตุแท้"  ก็คือขัดเกลาให้เป็นผู้บรรลุจริง  ด่านนี้นับเป็นด่านใหญ่ด่านหนึ่ง ทำหน้าที่สอบถามผู้บำเพ็ญที่มาถึง แต่ไม่ทำหน้าที่ขัดเกลา ส่วนด่านย่อยอีกเก้าด่านทำหน้าที่ขัดเกลา แต่ไม่สอบถาม  ฉะนั้น  แต่ละด่านของจิ่วหยังกวนแม้จะมีสิบแดนแต่มีเก้าด่านเท่านั้นที่เคี่ยวกรำคำโบราณจึงกล่าวไว้ว่า  "สิบด่านขัดเกลา เก้าแดนลำบาก พ้นผ่านไป ได้บรรลุ"  ก็หมายถึงอย่างนี้

ฉงซิว   :  ทูลถามพระองค์ฯ ว่า ภายในด่านแต่ละด่านจะตัดสินอย่างไรว่าผู้บำเพ็ญผู้ใดจะต้องรับการขัดเกลาจากด่านใดและถึงขั้นผ่านด่านไปได้

พระฯ นายด่าน   :  ผู้บำเพ็ญที่ถูกส่งมาที่นี่ เราจะตรวจสอบซักถามให้รู้ชัดว่าวิสัยปุถุชนหลงเหลือหรือไม่  ควรส่งเข้าขัดเกลาที่ด่านใด  จะเข้าสู่แดนอริยะบรรลุจริง จะต้องขัดเกลาจนนิสัยอารมณ์ทางโลกหมดสิ้นเสียก่อน จึงจะให้ผ่านด่านนี้ออกไป

ฉงซิว   :  จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ได้รับการขัดเกลาได้สำนึก แก้ไขหรือไม่                   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             จิ่วหยังกวน

                        สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 2 

                    ท่องด่านแรกของจิ่วหยังกวน

                      ด่านขัดเกลาธาตุแท้

                           (หมอเจินกวน)

                 วันที่  28  ตุลาคม  พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

        พลีชีพสังขาร        ทำงานช่วยโลก        ใสสดสว่าง
ท่องด่านจิ่วหยัง            แต่ละชั้นไป             ได้ด้วยจิตญาณ
วาระวิเศษ                   แต่ก่อนแต่ไร            ไม่เคยเล่าขาน
ตั้งแต่โบราณ              "ฉงซิว" นับว่า           มาเป็นหนึ่งนำ

พระฯ นายด่าน   :  จะเห็นได้จากรัศมีญาณเหนือศรีษะของผู้นั้นว่าเปลี่ยนไปหรือไม่  ผู้ที่ถูกส่งมาขัดเกลามักจะบอกว่า เมื่อตนมีชีวิตอยู่ได้สร้างบุญกุศลอย่างนั้นอย่างนี้ แต่นิสัยทางโลกไม่ได้แก้ไข เหตุนี้ เบื้องบนจึงได้โปรดจัดตั้งด่านจิ่วหยังนี้เพื่อช่วยให้ผู้บำเพ็ญบรรลุจริง ผู้บำเพ็ญที่ถูกขัดเกลาอยู่ในด่านย่อยต่าง ๆ หากรัศมีญาณเหนือศรีษะเปลี่ยนแปลงดีขึ้น พระผู้คุมด่านย่อยจะรายงานให้เราทราบ เมื่อสอบสวนเป็นจริงแล้วก็จะส่งต่อไปยังด่านที่สองของจิ่วหยังกวน

ฉงซิว   :  หากผู้บำเพ็ญที่ถูกขัดเกลาไม่สำนึกตนจะเป็นเช่นไรขอรับ

พระฯ นายด่าน   :  หากถูกขัดเกลาในด่านย่อยจนครบกำหนดแล้วยังไม่มีจิตสำนึกแก้ไข ก็จะเพิ่มเวลาและโทษหนักยิ่งขึ้น หากครบกำหนดสามครั้งแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลงดีขึ้น เราก็จะมอบให้ทางนรกส่งไปให้เกิดเป็นคนต่อไป

ฉงซิว   :  เป็นเช่นนี้เอง ขอบพระคุณที่พระองค์ได้โปรดชี้แจงให้ทราบอย่างละเอียด

พระฯ จี้กง   :  ค่ำมากแล้ว เราควรกลับกันเสียที พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมสถานที่จริงกัน  ฉงซิว  กราบลาพระองค์นายด่านฯ  แล้วกลับตำหนักกันเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์ขอกราบลาพระองค์นายด่านและเซียนผู้อาวุโสทุกพระองค์ พรุ่งนี้จะมาขอรบกวนใหม่

พระฯ นายด่าน   :  " พนักงานออกมาเรียงรายกราบส่งพระบาทฯ " "ขอน้อมส่งพระฯ จี้กงและฉงซิวกลับคืนตำหนักพระ" 

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิว  รีบขึ้นนกเผิงใหญ่ หลับตา ไปได้ ... ถึงตำหนักฉงเซิงแล้ว ญาณของฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             จิ่วหยังกวน

                        สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 3 

                    ท่องด่านแรกของจิ่วหยังกวน

                   ท่องด่านขัดเกลาธาตุแท้อีกครั้ง

                 พร้อมทั้งเยือนด่านย่อย  "ด่านลมมืด"

                           (เฮยเฟิงต้ง)

                 วันที่  29  ตุลาคม  พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

        แต่โบราณ        เพิ่งเผยสาส์น        อันวิเศษ
พระฯ  ปรกเกศ           อนุตตรฯ              พาให้เห็น
เตือนญาณแท้            แก้ความเลว         ที่เคยเป็น
พ้นทุกข์เข็ญ              ไม่ต้องผ่าน          จิ่วหยังกวน

พระฯ จี้กง   :  เวลาท่องด่านจิ่วหยังวันนี้มาถึงแล้ว ฉงซิวรีบขึ้นหลังนกเผิงใหญ่เราจะได้ออกเดินทางกัน

ฉงซิว   :  รับพระบัญชาขอรับ  พระอาจารย์ขอรับ นกตัวนี้มาคอยที่นี่ตรงเวลาทุกครั้ง เขาทราบได้อย่างไรว่าเราจะไปท่องจิ่วหยังกวน

พระฯ จี้กง   :  นกเผิงใหญ่ตัวนี้มิใช่นกธรรมดา แต่เป็นนกที่พระบรรพจารย์หงจินโปรดปราณ เขาเองก็มีญาณวิเศษ โดยเฉพาะเขาได้รับพระบัญชาจากพระฯ หงจินให้ทำหน้าที่นี้ แน่นอน เขาเคยมีความเป็นมากับฉงซิวเจ้ามาก่อน คิดว่าเจ้าคงเข้าใจ

ฉงซิว   :  เข้าใจขอรับ ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์โปรดออกเดินทางได้

พระฯ จี้กง   :  ดีละ หลับตา  บินได้ ... ถึงแล้ว  ฉงซิวรีบลงมา พระองค์นายด่านรออยู่ที่นั่นแล้ว รีบเข้าไปกราบเสีย

ฉงซิว   :  ศิษย์ฉงซิวกราบคารวะพระองค์นายด่านอีกครั้ง วันนี้มารบกวนพระองค์อีกแล้ว

พระฯ นายด่าน   :  ยินดีต้อนรับ อย่าได้เกรงใจ เชิญข้างใน

พระฯ จี้กง   :  วันนี้ไม่ต้องนั่งแล้ว ให้ฉงซิวไปดูเหตุการณ์จริง ถามไถ่รายละเอียดจะได้เขียนหนังสือไว้เตือนใจผู้บำเพ็ญได้

พระฯ นายด่าน   :  ถ้าเช่นนั้น บัญชาให้ทหารนำพระฯ จี้กงกับฉงซิวไปยัง  "ด่านลมมืด ในด่านขัดเกลาธาตุแท้" ได้

นายทหาร   :   รับพระบัญชา  ทูลเชิญพระฯ จี้กง ขอเชิญฉงซิวตามข้าพเจ้ามา ... ถึงแล้ว ผู้อยู่เบื้องหน้าคือพระผู้คุมด่านย่อย

พระฯ ผู้คุม   :  กราบคารวะพระพุทธะจี้กง และคารวะนักบุญฉงซิว ยินดีต้อนรับชมด่าน

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิวเจ้าเรียนถามท่านผู้ควบคุมได้ตามใจ เพื่อรวบรวมข้อมูล

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่านผู้ควบคุม  กราบเรียนถามว่าเหตุใดจึงเรียกด่านนี้ว่า  "ลมมืด"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              จิ่วหยังกวน

                        สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 3 

                    ท่องด่านแรกของจิ่วหยังกวน

                   ท่องด่านขัดเกลาธาตุแท้อีกครั้ง

                 พร้อมทั้งเยือนด่านย่อย  "ด่านลมมืด"

                           (เฮยเฟิงต้ง)

                 วันที่  29  ตุลาคม  พ.ศ. 2525 

พระพุทธะจี้กงประทับทรง โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

        แต่โบราณ        เพิ่งเผยสาส์น        อันวิเศษ
พระฯ  ปรกเกศ           อนุตตรฯ              พาให้เห็น
เตือนญาณแท้            แก้ความเลว         ที่เคยเป็น
พ้นทุกข์เข็ญ              ไม่ต้องผ่าน          จิ่วหยังกวน

พระฯ ผู้คุม   :  ด่านนี้อยู่ในสังกัดควบคุมของด่านขัดเกลาธาตุแท้อีกขั้นหนึ่ง มีหน้าที่ขัดเกลาแต่ไม่สอบสวน ผู้บำเพ็ญที่ถูกนำมาที่นี่ จะถูกคุมขังทั้งหมด ภายในที่คุมขังลมหนาวจัดจนเจาะกระดูก มืดมิดไม่มีจุดสว่างแม้แต่น้อย จึงเรียกว่า  "ด่านลมมืด"

ฉงซิว   :  อ้อ เป็นเช่นนี้เอง ผู้ต้องขังในนี้ทำผิดอะไรหรือขอรับ จะขอเข้าไปดูได้หรือไม่

พระฯ ผู้คุม   :  ฉงซิว ท่านสนองรับพระโองการจากเบื้องบนมา  จิ่วหยังกวนด่านรวมใหญ่ ได้รับพระบัญชาจากพระองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก่อนหน้านี้แล้วเป็นหน้าที่ ที่จะต้องให้ความร่วมมือสร้างหนังสือเล่มนี้อย่างเต็มที่ จึงอนุญาตให้เข้าชมได้อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะเปิดประตูให้

ฉงซิว   :  โอย เย็นเฉียบเลย มืดไปหมดไม่เห็นอะไรเลย

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิว ใช้ดวงแก้งที่พระกษิติฯ ให้ยืมมาได้แล้ว เปิดกล่องซิ

ฉงซิว   :  ขอรับ เปิดแล้ว โอ้โฮ รัศมีพวงพุ่งสว่างจ้าขึ้นมาทันที  โอ  ผู้บำเพ็ญมากมายนั่งขดตัวกันอยู่บนพื้น พอแสงสว่างของเราส่องไปถึงเขาพากันตื่นใจ มองดูเราด้วยสายตาฉงนสงสัย

พระฯ ผู้คุม   :  ข้าพเจ้าได้เรียกผู้บำเพ็ญที่ถูกขัดเกลาอยู่ออกมาสามคนแล้ว ฉงซิวท่านสัมภาษณ์ได้เลย

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่านผู้ควบคุม  เรียนถามท่านผู้อาวุโส ดูท่านบำเพ็ญได้ไม่เลวเลย เหตุใดจึงยังต้องถูกคุมขังอยู่ที่นี่

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  พูดแล้วน่าละอาย เมื่อมีชีวิตอยู่ฉันศรัทธาต่อธรรมะมาก แต่เป็นเพราะ  เข้าใจว่าตนเองบำเพ็ญได้ดี ไม่รับฟังความคิดเห็นของใคร ไม่ยอมรับในคำสอนของศาสนาอื่น   เพราะถือดีในแนวทางบำเพ็ญของตน  เคราะห์ดีที่ฉันไม่เคยให้ร้ายศาสนาอื่น  เมื่อมีชีวิตอยู่ฉันปฏิบัติบำเพ็ญมีบุญกุศล กระจกส่องกรรมในนรกจึงส่องไม่เห็นความผิดของฉัน พญายมจึงบัญชาให้ส่งฉันขึ้นสะพานทอง ฉันสำคัญว่าจะได้ก้าวขึ้นดินแดนพระอริยะโดยตรงได้ คิดไม่ถึงว่าเบื้องบนต้องการพระอริยะที่สมบูรณ์พร้อมจริง ๆ และได้ก่อตั้งจิ่วหยังกวนขึ้นเพื่อขัดเกลาผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะเช่นนี้
        เมื่อมาถึงจิ่วหยังกวน พระองค์นายด่านบอกว่า ฉันปฏิบัติบำเพ็ญในโลกได้กุศลผลบุญจริง แต่ถือทิฏฐิ ไม่สำนึกว่าศาสนาใหญ่ทั้งห้าล้วนเป็นหลักเดียวกัน  จะต้องลงโทษให้สำนึกในด่านลมมืดสามสิบวัน  ฉันต้องถูกขังอยู่ในด่าน กรำลมหนาวเจาะหัวใจอยู่ทุกวันเพื่อพิจารณาความผิดของตัวเอง
        หวังว่าเพื่อนผู้บำเพ็ญทั้งหลายอย่าได้ถือดีมีทิฏฐิอย่างฉัน  แม้โทษทัณฑ์ในนรกจะทำอะไรเราไม่ได้ แต่ด่านจิ่วหยังกวนนี้หนีไม่พ้นแน่ ๆ

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ตำหนักพระของกระผมได้รับพระบัญชาให้สร้างหนังสือ  "บันทึกท่องจิ่วหยังกวน"  ก็คือให้มาบันทึกเหตุการณ์จริงเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้บำเพ็ญ ความในใจของท่านคงเป็นที่น่าสนใจของผู้บำเพ็ญทั้งหลาย  เรียนถามอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ชุดที่ท่านสวมใส่อยู่ เหตุใดจึงไม่เหมือนพระสงฆ์

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  ถูกต้อง เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ฉันเป็นเจ้าตำหนักเทวสถาน (หลวนถัง)

ฉงซิว   :  โอ ถ้าเช่นนั้นเราก็สายเดียวกันน่ะซิ เหตุใดท่านจึงถูกขังอยู่ในนี้ล่ะ

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  เฮ้อ !  เรื่องมันยาว  พูดถึงการปฏิบัติบำเพ็ญเมื่ออยู่ในโลกฉันจริงจังมาก ไม่ว่างานน้อยใหญ่ในเทวสถานฉันทุ่มเททำจริงทุกอย่าง แต่เดิมตำหนักพระเป็นห้องแถวเล็ก ๆ  ต่อมาเมื่อฉุดช่วยนำพาสาธุชนมาก ๆ เข้าก็ขยายเป็นเทวสถานใหญ่  ยิ่งเจริญรุ่งเรืองเท่าไหร่ ฉันก็ถือดีขึ้นเท่านั้น สำคัญว่างานที่ฉันสร้างคุณไว้มากกว่าใคร  ภาระหน้าที่เป็นปากเสียงแทนเบื้องบนฉันทำอย่างจริงจังและทำได้ครบถ้วน โทสะของฉันจึงนับวันจะรุนแรงขึ้น แม้จะทำงานธรรมะอย่างจริงจัง แต่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกัน ตายแล้วพญายมบอกว่าฉันมีบุญมากบาปน้อย อีกทั้งเป็นผู้ปฏิบัติธรรม โทษทัณฑ์ในนรกมีไว้กำราบคนชั่วช้าทั่วไป จึงส่งฉันให้ข้ามสะพานทอง
        ฉันคิดว่าคงผ่านพ้นมาได้แล้ว ไม่คิดว่าจะถูกส่งมาที่จิ่วหยังกวน พระองค์นายด่านบอกว่า ฉันทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนเบื้องบน แต่กลับยกตนไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี จะบรรลุได้อย่างไร จึงตัดสินความให้ฉันเข้าไปสำนึกผิดในด่านลมดำสามเดือน กว่าจะได้คิดมันก็สายเสียแล้วอย่างนี้
        หวังว่า ผู้ปฏิบัติงานในเทวสถานวัดวาอารามทุกคนอย่างได้เอาเยี่ยงอย่างฉัน แม้ฉันจะปฏิบัติธรรมได้ผลบุญ แต่จิตใจที่ถือดีเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้นก็ทำให้ฉันต้องมารับการเคี่ยวกรำที่นี่อย่างนี้

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่านอาจารย์ เชื่อว่าเรื่องจากใจของท่านจะต้องมีผู้สนองตอบในเร็ววัน  ขอเรียนถามอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ท่านก็มีรัศมีกายสีทองเหตุใดจึงถูกขังในนี้ด้วย ทำไมไม่อาจขึ้นสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  เมื่อมีชีวิตอยู่ ฉันมีฐานะเป็นเตี่ยนฉวนซือ (อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมในวิถีอนุตตรธรรม)  ฉันได้ฉุดช่วยผู้คนมากมายให้มุ่งบำเพ็ญ ได้สร้างบุญใหญ่เอาไว้มาก อีกทั้งไปอรรถาแพร่ธรรมในที่ต่าง ๆ เสมอ  ฉันสำคัญว่าตัวเป็นผู้ได้รับวิถีธรรม จึงดูแคลนผู้บำเพ็ญที่ไม่ได้รับ อีกทั้งลบหลู่เขาว่าไม่ได้หนทางรอด จิตใจที่ยึดมั่นอย่างนี้มีเป็นประจำ เพราะผลบุญที่ฉุดช่วยคนเอาไว้มาก เมื่อตายไปทางยมโลกจึงตรวจสอบความผิดของฉันไม่พบ จึงส่งฉันขึ้นสะพานทอง คิดไม่ถึงว่าเมื่อถูกรับตัวไปด่านที่หนึ่งของจิ่วหยังกวน พระองค์นายด่านบอกว่า ฉันเป็นคนมีมิจฉาทิฏฐิ  ไม่รู้ว่าการ "เตี่ยนเต้า"  (ถ่ายทอดจุดญาณทวาร) เป็นเพียงพิธีการ  ความสำคัญอยู่ที่การบำเพ็ญ
        เพราะมีบุญกุศลจากการฉุดช่วยคน พระองค์จึงตัดสินให้ฉันเข้าไปสำนึกผิดในด่านลมมืดยี่สิบวัน ถึงตรงนี้ ฉันจึงได้เข้าใจว่าไม่ว่าศาสนาลัทธิกายใด ๆ พิธีถวายตัวล้วนเป็นเพียงรูปแบบ  การบวชในศาสนาพุทธ  การเข้าเป็นเทวบุตรในเทวตำหนหัก  การรับศีลจุ่มในศาสนาคริสต์ฯ  ล้วนเป็นรูปแบบทั้งนั้น
        ที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องชี้นำคนรุ่นหลังให้บำเพ็ญจริงโดยศรัทธาเป็นสำคัญ ขอให้ญาติธรรมจงเข้าใจ อย่าได้เดินตามรอยฉัน เร่งเปลี่ยนแปลงจิตใจตน จะได้ไม่ต้องมารับโทษที่นี่ มิฉะนั้นจะสายไป

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสที่ได้โปรดชี้แนะ เมื่อหนังสือเล่มนี้เผยแพร่ออกไปคงทำให้ญาติธรรมทั้งหลายตื่นใจกันได้

พระฯ ผู้คุม   :  เล่าจบแล้วทั้งสามให้กราบลาพระฯ จี้กง ลาฉงซิวกลับคืนที่สำนึกผิดดังเดิม  เมื่อใดที่แสงญาณของท่านดีขึ้นก็จะส่งไปยังด่านที่สองของจิ่วหยังกวนต่อไป

พระฯ จี้กง   :  ค่ำมากแล้ว ฉงซิวรีบกลับพระตำหนักกันเถิด ท่านผู้คุมได้โปรดขอบพระคุณพระองค์นายด่านแทนอาตมาด้วย  นกเผิงใหญ่มาถึงแล้ว ฉงซิวรีบขึ้นไปเถอะ

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณ พระฯ ผู้คุม ศิษย์ขอกราบลาพระตำหนัก

พระฯ ผู้คุม   :  น้อมส่งพระฯ จี้กงกับฉงซิวกลับพระตำหนัก

พระฯ จี้กง   :  รีบหลับตา  บินได้ ... มาถึงพระตำหนัก วิญญาณฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”