collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72416 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

อรหันต์จี้กง   : 
ชีวิตคนเต็มไปด้วยความดีใจ  ขุ่นข้องใจ  เศร้าใจ  สุขใจ  และความระทม  หรรษา  พลัดพราก  อยู่ร่วมกัน  พูดไปแล้ว  การบำเพ็ญ   
ธรรมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนักหรอก ต้องรักษาจิตให้มั่นคง ควรทุ่มเทปฏิบัติสักระยะหนึ่ง โดยมิใช่ว่าพูด ๆ แล้วก็จะสำเร็จต้องมีการปฏิบัติทางศีลธรรมที่แท้
จริงเป็นพื้นฐานแห่งหลักธรรม มิเช่นนั้นแล้วจะพูดอย่างน้ำไหลไฟดับก้เท่ากับดอกไม้ร่วงสู่ธารน้ำ (ที่ไหลไปตามเรื่อง) ปลุกจิตให้ศรัทธาและพลังใจมิขึ้น             
เลย วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ไฉนท่านอาจารย์จึงถอนหายใจอยู่ร่ำไป

อรหันต์จี้กง   :  จิตใจที่แตกต่างกันของมนุษย์ จึงเปล่งวาจาที่แตกต่างกันออกมา บ้างว่าลูกบ๊วยแห่งนี้มีรสเค็ม  บ้างก็ว่ามีรสหวาน  บ้างก็ว่ามีรสขม  พูดเอาจนหนทางใหญ่ที่กลมกลืนนั้น  หมุนเคว้งคว้างไปหมดทำให้คนหูตาฝ้าฟางยุ่งเหยิง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ! 

หยางเซิง   :  อะฮ้า ! ผู้อยู่ในบรรพชิตควรปลงเสียบ้างเถิด ขอให้กุมแก่นกลางนั้นให้มั่นคงก็แล้วกัน มันจะโยเยยอบแยบอย่างไรก็ช่างมันเถิด แล้วก็จะสบายอกสบายใจเอง

อรหันต์จี้กง   :  นับว่าเจ้ายังปราดเปรื่องฉลาดมาก ฉันนะเกือบจะหลงตกลงในห้วงเหวแห่งวิญญาณหลงเสียแล้ว ณ บัดนี้พอจะนับได้ว่ามีหนทางสายใหญ่ที่โชติช่วงแล้ว อย่าได้คุยอะไรมากเลย รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ  ลงจากดอกบัวไปเยี่ยมชมเถิด

หยางเซิง   :  พัศดีและนายทหารทั้งหลายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าพเจ้าคือศิษย์สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งมาเยี่ยมชมคุกของท่านในวันนี้ ขอได้ให้การชี้แจงด้วย

พัศดี   :  ท่านทั้งสองมิต้องแสดงความคารวะ คุกนี้คือ "แดนแทงปากนรกน้อย" อยู่ในความปกครองของขุมที่ 4  เนื่องจากได้รับคำสั่งจากท่านยมบาล ทราบว่าท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งจะมาเยี่ยมชมคุกนี้ ในวันนี้หากการต้อนรับที่มีบกพร่องแล้ว ขอได้ให้อภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ท่านพัศดีมิต้องถ่อมตัว เราศิษย์อาจารย์ท่องนรกตามโองการแต่งหนังสือ วันนี้มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอท่านพัศดีและนายทหารให้ความสะดวกด้วย เพื่อให้หยางเซิงได้เยี่ยมชม

พัศดี   :  ขอรับคำบัญชา เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเยี่ยมชมสภาพการณ์ของการลงโทษวิญญาณโทษได้

หยางเซิง   :  บนประตูคุกเขียนไว้ว่า "แดนแทงปากนรกน้อย" กระผมว่าคงจะทรมานมากเหลือที่จะกล่าวนะ

พัศดี   :  ตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน อย่าเสียเวลาเลย             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

หยางเซิง   : 
ไม่ผิดตามที่คิดจริง ๆ แหละ เสียงคร่ำครวญร่ำไห้ในคุกปานแก้วหูจะแตก ยมทูตกำลังใช้เหล็กปลายแหหลมคมอันหนึ่ง แทงปากของผู้ถูกมัดติดกับเสาอย่างทารุณโหดร้าย ราวกับว่าจะทำให้คนตายคามือเลยทีเดียว วิญญาณโทษที่โดนแทงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน การทำโทษชนิดนี้คล้ายกับการฆ่าหมูโดยใช้แรงคนฆ่า มิทราบว่าพวกนั้นต้องโทษประการใดบ้าง จึงถูกทำโทษรุนแรงเช่นนี้ ?

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะปลดออกมาสัก 2 - 3 ตน ท่านจะทราบโดยละเอียดจากการซักถามของท่านเอง

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีมาก

พัศดี   :  สั่งวิญญาณโทษตนนี้ให้สาธยายความผิดของตัวเองตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงฟัง

วิญญาณโทษ   :  ปากฉันเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว ก่อนหน้านี้ได้สารภาพต่่อหน้ายมบาลมาแล้ว ไฉนจึงให้ฉันพูดอีกเล่า?

อรหันต์จี้กง   :  อาตมาอยู่ที่นี่ จะบิณฑบาตจากเธอ หรือว่าเธอจะไม่ยอมให้ทานงั้นหรือ?.

พัศดี   :  ท่านผู้นี้คืออรหันต์จี้กง ได้มาท่องนรกตามโองการ หากเจ้าไม่สารภาพโดยเร็วมีโทษขัดขืนพระราชโองการ โทษนั้นเจ้าจะรับไม่ไหว นรก "อาปี" (โลกันตร์) เจ้าอยากไปไหม ?.

วิญญาณโทษ   :  พระรูปนี้ที่แท้คือท่านอรหันต์จี้กงเอง เมื่ออยู่แดนมนุษย์ก็เคยได้ยินชื่อเสียงท่านมาแล้ว ฉันควรตายเสียจริง ๆ ขอท่านอาจารย์โปรดให้อภัยด้วยเถิด ฉันจะสารภาพการทำบาปในแดนมนุษย์อย่างหมดเปลือกดังนี้ เมื่อฉันอยู่ในโลกมนุษย์ เพราะเหตุว่ามีสุ้มเสียงดีพอ มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง ก็เลยไปร้องเพลงตามภัตตาคาร  โรงละครบ่อย ๆ ยังเคยรับจ้างโรงงานผลิดยาไปแสดงตามที่ต่าง ๆ มากหลาย ชีวิตในอาณาจักรเสียเพลงนั้น เพื่อสนองตามรสนิยมของผู้ฟังก็เลยแต่งเพลงลามกเองร้องเอง ก็บ่อยครั้งหรือแสดงบทบาทชั่วช้าสามานย์เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมข้างเวทีอย่างกึกก้อง ตบไม้ตบมมือชอบอกชอบใจเป็นการใหญ่  เนื่องจากเพลงที่ร้องไปนั้น ไม่สุภาพ เมื่อตายลงแล้วยมบาลตัดสินลงโทษว่า ชีวิตทั้งชีวิตของฉันไม่ชอบร้องเพลงรักชาติ หรือเพลงปลุกใจคน  หรือเพลงกล่อมเกลาอบรมจิตใจมนุษย์ ที่ร้องไปนั้นล้วนเป็นเพลงที่ทำให้เสื่อมเสียประเพณีอันดีงาม ที่หยาบช้าชั้นต่ำ ๆ ทั้งนั้น  ให้โทษทางสังคมที่มีประเพณีอันดีงาม  เลยตัดสินให้ตกเข้ามาอยู่ใน "นรกแทงปาก" 10 ปี ทุกวี่ทุกวันโดนเหล็กเจาะแทงปาก มีความทุกข์ทรมานอย่างพูดไม่ออก ตอนอยู่เมืองมนุษย์ ความเป็นอยู่เละเทะเหลวแหลกยังต้องรับโทษทางอื่นอีก เมื่อหมดโทษพ้นคุกไปต้องถูกส่งไปแห่งอื่นทำโทษอีก ทั้งนี้เป็นคำบอกเล่าจากพัศดี จะสำนึกผิดในขณะนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ขอให้นักร้องที่อยู่ในโลกมนุษย์ จงอย่าร้องแต่เพลงรักใคร่ที่แสนจะเร้าโลมอารมณ์เท่านั้น ให้ร้องเพลงที่มีความหมายมากขึ้น มิเช่นนั้น เมื่อตายลงแล้วปากที่ร้องออกมานั้นล้วนเป็น "เพลงโหยหวานคร่ำครวญ" หมดแหละ
 
พัศดี   :  ขอฝากไปยังนักร้องในแดนมนุษย์
ให้ร้องเพลงปลุกระดม ใจรักชาติ อย่าร้องแต่เพลงรำพึงรำพันระหว่างหญิงชาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมเสียของสังคม  สร้างเวรปากที่กว้างใหญ่ไพศาลจนตกลงนรก ... สั่งวิญญาณโทษตนที่ 2 ให้เล่าความจริงในการทำผิดระหว่างที่มีชีวิตอยู่ให้ท่านหยางเซิงฟัง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

วิญญาณโทษ   :  ปากฉันเจ็บปวดจัง ยังมีน้ำเลือดหยดอยู่เลย 
นึกถึงตอนเป็นมนุษย์อยู่นั้น มีนิสัยชอบอยู่นอกบ้าน เมื่อแต่งงานแล้วมักจะทะเลาะกับสามี พูดออกมาทีไรล้วนเป็นคำแช่งด่า จนกระทั่งถึงฟ้าดินและมักจะทะเลาะกับหญิงใกล้เรือนเคียง ความชั่วที่ร้ายที่สุดก็คือมักจะใช้วาจายุยงผู้อื่น ทำให้ชาวบ้านเกิดความระหองระเหงขึ้นในครอบครัว มีรายหนึ่งที่อยู่บ้านใกล้กัน เนื่องจากเคยทะเลาะกับฉัน เพื่อที่จะแก้แค้นมันฉันจึงปล่อยข่าวสร้างความเท็จขึ้นว่า "เมียเขาไปมีชู้กับชายคนนั้น ๆ  นัดพบกันที่ตรงนั้นตรงนี้ ฉันไปเห็นมากับตา" จากหนึ่งก็แพร่ออกไปเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในครอบครัว และเคยยุแหย่จนคู่สมรสต้องแยกอย่ากัน นอกนั้นที่ใช้ปากพูดเท็จให้ร้ายผู้อื่นอีกมากราย เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้ตกมาอยู่ "นรกแทงปาก" 8 ปี แล้วยังมีโทษอื่นอีก ฉันก็ไม่คิดจะพูดมากแล้วหละ

พัศดี   :  เอาละ ! ไอ้ปากเสียของแกนั้นทำเวรมามากพออยู่แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เวลาก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเตรียมกลับสำนักเถอะเจ้าหยางเซิง เจ้ายังมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม ?

หยางเซิง   :  ลองให้วิญญาณโทษตนนั้นเล่าเรื่องที่ทำความชั่วไว้ในเมืองมนุษย์อีกทีนะครับ

พัศดี   :  รีบสารพภาพต่อท่านหยางเซิง ที่แกได้ทำบาปตอนอยู่ในโลกมนุษย์

วิญญาณโทษ   :  ผมตอนมีชีวิตอยู่นั้น เนื่องจกบิดาสำเร็จทางแพทย์ ใช้พวกสมุนไพรรักษาโรคโดยเฉพาะ ผมเห็นบิดาประกอบยารักษาโรค ก็มีความรู้อยู่บ้าง เมื่อบิดาตายลงแล้ว มีคนไข้มาให้รักษา ผมก็พูดว่า "บิดาข้าฯก่อนตายได้สอนและมอบ "ตำราลับของตระกูล" ให้กับข้าหมด" ไม่ว่าจะเป็นโรคประหลาดยากเย็นชนิดไหน ล้วนรักษาได้ชนิด "ยาถึงโรคหาย"  แต่ทว่าตัวยานั้นล้วนเสาะหามาจากภูเขาที่ลึกล้ำมาก หายากยิ่งนักเป็นยาพิศดารมีค่าสูงมาก คนไข้ก็คิดว่าเป็นความจริง ผมก็เลยขายยาในราคาสูงมาก บางคนก็ให้ผมรักษาจนหายป่วย บางคนจ่ายค่ายาแล้ว โรคไข้กลับหนักลงไม่มีผลเลย หากว่าคนเขาถามถึงตำราลับของยาสมุนไพรนั้น ผมมักจะไม่เปิดเผย โดยบอกกล่าวตำราลับจากต้นตระกูลห้ามเผยให้ผู้อื่นรู้  เพื่อที่ให้ผู้อื่นจ่ายเงินเป็นค่าขึ้นครู ในชีวิตทั้งชีวิตได้เงินทองมาไม่น้อย หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้ว ยมบาลท่านไม่ปราณีเลย ตัดสินให้ผมเข้ามาอยู่นรกนี้รับโทษทัณฑ์ จะสำนึกตัวก็สายเสียแล้ว

พัศดี   :  อาศัยลิ้นสามนิ้วอันกลับกลอกของแก ขยับปากแต่ละครั้งล้วนอ้างว่าเป็น "ตำราลับของตระกูล" แกไม่รู้หรือนั่นเพียง "ตำราลับจากพ่อ" เท่านั้น แม้ว่าแกจะมีความดีที่ช่วยเหลือชาวโลกอยู่บ้าง แต่เรียกร้องราคาสูงเกินควรเสียจรรยาแพทย์ จึงตัดสินแกมีความผิด บรรดาชาวมนุษย์ที่เก็บตำราลับจากต้นตระกูลควรเปิดเผยออกเพื่อช่วยเหลือผู้คน ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือหาเงินหรือคุยอ้างยาสมุนไพรเป็นยาสรรพคุณสูงราคาแพง มิเช่นนั้นปาก (ลิ้น)จะสร้างเวร "นรกแทงปาก" ก็จะมีส่วนให้แหละ

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย เราขอลาแล้วละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ให้การชี้แจงและให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านทั้งสอง หากไม่รังเกียจเชิญมาเที่ยวชมใหม่อีกครั้ง

หยางเซิง   :  ขอบคุณมากครับ 

อรหันต์จี้กง   : 
ขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์รีบเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  บรรดาที่ชอบพูดเท็จ และลับหลังชอบหาเรื่องยุแหย่ หรือผู้หญิงที่ไม่รู้จักพูดคำอ่อนหวานนุ่มนวลนั้น หรือทำลายล้างทำให้การสมรสพินาศลง หรือลับหลังชอบแช่งด่าผู้ใหญ่นั้น ควรระวังตัวเป็นพิเศษ หากไม่สำนึกกลับตัว ต่อไปก็จะเป็นผีใน "นรกแทงปาก" เช่นกัน ชาวโลกถ้าพูดคำว่า "ขอบคุณครับ  ขอประทานโทษ" เสมอ ๆ เคราะห์กรรมจะจากไป โชคลาภจะเข้ามาเยืือน สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

อรหันต์จี้กง   :  เวลาท่องนรกในวันนี้
ได้เวลาแล้วเจ้าหยางเซิง รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าคือ "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" บนประตูคุกได้เขียนบ่งไว้แล้ว พัศดีและนายทหารได้ออกมาต้อนรับเราแล้ว ขอแสดงความเคารพต่อท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย ข้าพเจ้านายหยางเซิงผู้เป็นศิษย์ได้ตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอได้โปรดให้ความสะดวกด้วยเถิด

อรหันต์จี้กง   :  อาตมาพาหยางเซิงมายังคุกของท่านในวันนี้มาตามเทวโองการให้แต่งหนังสือ เนื่องจากปัจจุบันนี้ศีลธรรมโลกมนุษย์ตตกต่ำมาก นิยมแต่วัตถุเลยขาดการบำเพ็ญปลูกฝังจิตใจใฝ่ทางธรรม ต่างละโมบต่อทรัพย์สินเงินทอง โดยไม่เลือกที่จะหามาโดยวิธีใด ๆ ทั้งสิ้นขอให้ได้เงินมาก็แล้วกัน ก็ไม่มีการคำนึงถึงทำนองคลองธรรมและจิตสำนึกที่ดีงาม ?. ที่พูดว่า "จิตสำนึก ที่ดีงามนั้นไม่มีราคาค่างวด"นั้นเป็นที่น่าอนาทใจยิ่ง เนื่องจากสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่จงแห่งชมพูทวีปได้รับเทวโองการ รับการประทับทรงประกาศธรรม เพื่อที่จะกู้คืนจิตใจที่เสื่อมทรามลงของผู้คน สร้างแต่งหนังสือธรรมเป็นการปลอบเตือนชาวโลก มีผลงานที่โชติช่วงรุ่งโรจน์มาก จึงได้รับคำชมเชยจากท่าน "เง็กเสียงอ๊วงตี่  โดยประทานเทวโองการให้แต่ง"เที่ยวเมืองนรก" เป็นกรณีพิเศษ  ให้อาตมาพานายหยางเซิงท่องชมยมโลก เก็บเอาความจริงในนรกไปเผยแพร่ให้ชาวโลกรับทราบ วันนี้มาเที่ยวชมคุกของท่าน ขอได้ให้ความชี้แนะด้วย

พัศดี   :  ท่านอาจารย์พูดได้หนักแน่นมาก ท่านทั้งสองตรากตรำลำบาก การรับเทวโองการแต่งหนังสือนั้น เข้าใจดีโดยตลอด เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปตรวจชมภายในเถิด

หยางเซิง   :  พวกยมทูตช่างทารุณเสียจริง ๆ ใช้มีดอันคมกริบตัดฟันมือนักโทษให้ขาดลง แต่ละคนหวีดร้องเสียแหบแห้ง แต่ร่างกายถูกมัดติดอยู่กับหลัก จึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้

พัศดี   :  คุกนี้คือ  "แดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย" ยมทูตใช้มีดตัดฟันเอ็นบนมือของนักโทษให้ขาดก่อน แล้วก็แทะเอาเนื้อติดกระดูกนั้นออก โยนให้พวก "สุนัขเหล็ก" กิน ต่อจากนั้นจึงแทะกระดูกมือให้ขาด การรับโทษชนิดนี้ทรมานยิ่งนัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

หยางเซิง   :  กระผมเห็นแต่ละวิญญาณโทษ 
ล้วนถูกลงโทษจนมีอาการสลบไสล สุนัขดำที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขบกัด เนื้อมือที่ถูกขูดออก สุนัขในโลกมนุษย์มักจะหากินแทะกระดูกก้างปลาตามใต้โต๊ะ แต่สุนัขที่กินเนื้อคนเพื่อยังชีพนั้น ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ขอถามท่านพัศดีว่าสุนัขดำเหล่านี้มาจากแห่งใด?

พัศดี   :  พวกนี้เรียกว่า "สุนัขเหล็ก" มีเฉพาะในยมโลกเจาะจงกินแต่เนื้อมนุษย์ยังชีพ เพราะเหตุว่ามันไม่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์  จึงเรียกว่า "สุนัขเหล็ก"  หากเป็นสุนัขของโลกมนุษย์ก็มีวิญญาณจิตผ่องใสมาก ดูแลเฝ้าบ้านและซื่อสัตย์ต่อมนุษย์ ปัจจุบันชาวโลกมักจะเลี้ยงสุนัขที่มีชื่อเสียงราคาแพง ความเป็นอยู่ก็เหมือนกับมนุษย์จนขนาดนอนร่วมกับเจ้าของผู้เลี้ยง แต่สุนัขในแดนนรกมีความแตกต่างกันมาก เพื่อที่จะลงโทษผู้ไร้จิตใจของมนุษย์ ที่ไม่มีศีลธรรม ดังนั้นในยมโลกจึงเลี้ยง "สุนัขเหล็ก" เพื่อกินเนื้อของมันอันนี้เป็นการ "สนองตอบ" ที่เรียกว่า "ใจหมา" นั้นก็คืออันนี้แหละ

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีพูดเข้าทีมาก มนุษย์ที่ไม่มีจิตใจซื่อสัตย์และคุณธรรมแล้ว เลวยิ่งกว่าสุนัขนี้อีก ดูพวกวิญญาณโมษที่โดนทำโทษอย่างน่าเวทนานี้ มิทราบว่าทำผิดในโทษฐานใด ๆ

อรหันต์จี้กง   :  ฉันจะใช้พัดโบกให้ 2 - 3 ตนตื่นขึ้น เพื่อสะดวกในการให้ตนเองเล่าเรื่องบาปที่สร้างไว้ ดูข้าฯแสดงความปาฏิหาริย์...

หยางเซิง   :  แต่ละตนฟื้นคืนสติขึ้นมาจริง ๆ ด้วย กลับคืนตัวเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แล้ว

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะปลด 3 ตนออก ให้สารภาพต่อท่านหยางเซิง เพื่อลงพิมพ์ใน "เที่ยวเมืองนรก" ให้วิญญาณโทษตนนี้รีบสารภาพบาปกรรมที่ทำไว้ในแดนมนุษย์มีอะไรบ้าง จึงตกลงมายังคุกนี้รับการรับโทษ

วิญญาณโทษ   :  ฉันจะพูด ฉันจะพูด  ช่างทุกข์ทรมานเสียจริง ๆ แต่ลูกหลานของฉันไม่รู้ว่าฉันมาถูกทรมานที่ยมโลก คิดว่าตายแล้วก็แล้วกันไปตอนฉันมีชีวิตอยู่นั้นทำการค้าขายผัก ด้วยความโลภอยากได้เงินมาก ก็เลยเล่นลูกไ้บนตาชั่ง เช่นชั่งหนึง (ของจีนมีสิบหกตำลึง) ก็ชั่งให้เพียง 12 ตำลึง ต่าง ๆ นานา ในชีวิตการค้าขายมีการ "ลักตัดน้ำหนัก" เสมอ ๆ แม้ว่าเคยได้ยินผู้คนพูดว่า การค้าขายควรตั้งอยู่ในทางยุติธรรมสุจริต ลักตัดไปครึ่งชั่ง ชาติหน้าต้องชดใช้ให้ 8 ตำลึง  แต่ฉันก็ถือว่าเป็นลมโบกโชยผ่านหูเท่านั้น ไม่มีการสำนึกในจิตที่เป็นธรรมแม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้ววิญญาณตกลงมายังยมโลก ต่อหน้ากระจก (กรรม)  วิเศษฉายเอาความทุจริต ปรากฏมาอย่างชัดแจ้งแจ่มใส ถูกยมบาลขุมที่ 4 ตัดสินให้ตกเข้า "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" มีกำหนด 10 ปี ทุก ๆ วันโดนทำโทษจากการตัดเอ็นแทะกระดูก มือทั้งสองข้างโดนยมทูตเฉียนตัดดังผักปลา จะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่แดนมนุษย์ต้องค้าขายโดยสุจริตมีคุณธรรม อย่าเห็นแก่ได้เล็กได้น้อยชั่งตวงไม่ยุติธรรม  แดนนรกจะลงโทษอย่างหนักมิผ่อนคลายอภัยให้ยมบาลท่านเกลียดคนชนิดนี้ยิ่งนัก จึงลงโทษเป็นพิเศษ ยมทูตก็ไม่ปราณี เมื่อสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว

พัศดี   :  ใครใช้ให้แกเล่นลูกไม้ในตาชั่งเล่า ?. เวลานี้แดนนรกให้ยมทูตช่วยซ่อมความป่วยไข้ของมือทั้งสองข้างของแกแล้วล่ะ ให้ตนที่ 2 รีบเล่าเรื่องของตนเองที่ทำการไม่สุจริตในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้งแดนมนุษย์ฟัง

วิญญาณโทษ   :  ขอรับคำบัญชา เนื่องจากฉันอยู่ในแดนมนุษย์ มีฐานะความเป็นอยู่ไม่สู้ดี และก็ไม่ได้รับการศึกษาด้วย ก็เลยยึดอาชีพรับซื้อของเก่า แต่ละวันขี่สามล้อเก่า ๆ คันหนึ่ง เที่ยวออกรับซื้อของโบราณ  เศษเหล็ก  เศษกระดาษไปทุกทิศ เพราะเหตุเคยได้ยินพวกเดียวกันพูดว่า จะรับซื้อพวกเศษทองเหลือง  ของเก่า  ถ้าซื้อตามน้ำหนักจริงแล้ว จะมีผลกำไรน้อย ต้องเล่นลูกไม้บนตาชั่ง  คือเล่นกลกับตาชั่ง เวลาชั่งคนนอกเห็นว่าถูกต้องแล้ว แต่ว่าหากเป็นของหนัก 10 ชั่ง เวลาชั่งฉันชั่งเพียง 7 ชั่งเท่านั้น ผู้ขายของเก่ามักจะไม่เกี่ยงงอนอะไรมากนัก ขอให้ขายได้ก็แล้วกัน  ในชีวิตโกงตาชั่งเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน  เมื่อตายลงแล้ว ยมบาลท่านโกรธมากด่าว่าฉันรับซื้อของเก่าไม่ยุติธรรมเสียศีลธรรมด้านการค้า ขณะนี้ถูกตัดสินให้อยู่ในคุกนี้ 15 ปี ถูกทำโทษทุกวัน โดยถูกพวกยมทูตรังแกข่มเหงสบประมาท ความทุกข์ยากนั้นไม่อาจพูดได้ ขอเชิญท่านหยางเซิงแห่งเมืองมนุษย์ ช่วยขอความเมตตาลดโทษแทนฉันด้วยเพื่อจะได้พ้นทุกข์โดยเร็ว ขอกราบละครับ

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ เมื่อมันได้พูดความจริงแล้ว ดูสารรูปที่น่าสมเพช เสื้อผ้าขาดวิ่นรุ่งริ่ง กระผมว่าอภัยให้มันบ้างเถิด

อรหันต์จี้กง   :  เรารับเทวโองการแต่งหนังสือเรื่องอื่น ๆ ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง ให้พัศดีจัดการก็แล้วกัน 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

พัศดี   :  ตอนมีชีวิตมือไม่สะอาด
เวลานี้ก็น่าจะให้ยมทูตถลกหนัง ตัดเอ็นแทะกระดูก อันนี้มิได้เกี่ยวกับซื้อขาย แต่เป็นการตัด (เส้น) เอ็นปวดแสบ ลูกผู้ชายทำผิดแล้วต้องกล้ารับโทษซิ อย่ามาขอร้อง เปลี่ยนตนที่ 3 รีบเล่าเรื่องขาดศีลธรรมของแกในเมืองมนุษย์ให้้ท่านหยางเซิงฟัง เพื่อสะดวกในการตีพิมพ์ในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะได้เตือนพวกนักการพนันแห่งโลกมนุษย์

วิญญาณโทษ   : 
ตอนอีฉันอยู่เมืองมนุษย์ สามีอีฉันรับราชการ มีตำแหน่งที่ไม่ต่ำต้อยนัก  เมื่อสามีไปทำงาน ลูก ๆ ก็ไปโรงเรียนกันหมด อยู่บ้านว่าง ๆ หญิงข้างบ้านก็มาชวนไปเล่นไพ่ แรกเริ่มนั้นอีฉันเล่นไม่เป็น หล่อนก็สอนวิธีเล่นให้ จึงค่อย ๆ เรียนรู้เล่นไพ่นกกระจอก และแล้วการเล่นการพนันทุกชนิดล้วนเล่นได้คล่องแคล่วมาก ถึงแม้ว่าจำนวนเงินที่ได้เสียกันไม่มากมายนัก แต่จากนั้นก็หลงใหลอยู่กับโต๊ะการพนันออกจากบ้านไปเล่นไพ่ตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีเวลาอบรมดูแลบุตรธิดา หรือบ้านช่อง สามีได้ปลอบห้ามตักเตือนอยู่เสมอ ๆ ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ดังนั้นในครอบครัวจึงเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นเป็นประจำ 4 ปีก่อน อิฉันป่วยตายลงด้วยโรคหัวใจวาย ตกถึงยมโลกแล้ว ท่านยมบาลตัดสินให้มารับโทษในคุกนรกนี้  เหลืออีกครึ่งปีจะได้พ้นออกจากคุก ขอเตือนสตรีในโลกมนุษย์ ต้องรักษาศีลธรรมแห่งสตรี  ต้องดูแลบ้านช่อง  อย่าทำตามแบบอิฉันนี้ เมื่อตายลงไปแล้วไม่ต้องมารับโทษในที่แห่งนี้มือทั้งสองข้างต้องถูกตัดเฉือน จึงโทษตัวเองทำไม่ดี ในขณะที่มีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง

พัศดี   :  แม่บ้านในครอบครัวลืมหน้าที่ ไปเที่ยวนอกบ้านทั้งเล่นการพนัน ทำให้สังคมเสื่อมเสีย เนื่องจากยังไม่มีการฉ้อฉลลวงหลอกและยึดการพนันเป็นอาชีพ ยมบาลท่านจึงตัดสินโทษเธอในสถานเบา

หยางเซิง   :  ขอชมท่านพัศดี ส่วนพวกนักเลงพเนจรที่อาศัยเปิดบ่อนการพนัน เปิดเล่นเฉพาะแต่ต้มตุ๋นโกงกิน ไม่ทราบว่าไปทำการลงโทษยังแหล่งใด

พัศดี   :  นั่นมิได้อยู่ในความควบคุมของคุกนี้ ต้องส่งไปยังขุมที่ 7 ในยมบาลไท้ซัวอ๊วงลงโทษหนัก  ขอเตือนชาวโลกบรรดาที่มีความประพฤติดังกล่าวข้างต้น ต้องสำนึกกลับตัวกลับใจทันที และพิมพ์แจกหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ปลอบเตือนชาวโลก แล้วโทษนั้นก็จะลบล้างลงได้ ตายลงแล้วก็มิต้องมารับโทษที่คุกนี้

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเวลาดึกแล้ว เราเตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ได้ให้คำชี้แจงเรา จะกลับสำนักแล้วล่ะ ขอลาก่อน

พัศดี   :  มิต้อง   ขอส่งท่านทั้งสองกลับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงรีบออกจากคุกเร็ว เตรียมขึ้นบนดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านกลับได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ7  วันที่  23  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

           อุทิศตน        พึ่งพระพุทธ        ด้วยใจจริง
โยนมีดทิ้ง                เลิกฆ่าสัตว์        ผียำเกรง
ศีลวิสุทธิ์                  ยึดให้มั่น          ไม่คลางแคลง
พิมานแมน                แดนสวรรค์        ทางสะดวก

อรหันต์จี้กง   : 
การจะบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นเทพเทวานั้น มิใช่สิ่งที่กระทำได้ง่ายนัก แต่การที่จะรักษาศีลนั้นให้ (จิตใจ) มั่นคงตลอด เช่นนักปราชญ์หรือผู้ทรงศีลยิ่งยากมาก บนพื้นโลกนี้มีโรงเจวัดสงฆ์อยู่ทั่วไป แขวนป้ายยี่ห้ออย่างแจ่มแจ้งจรัสแสง ถกเถียงตำราวิจารณ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่งเข้าฌาณบรรลุธรรม อันที่จริงนั้นสถานที่ช่วยกอบกู้มวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์เป็นเมืองแมนแห่งโลกมนุษย์ในยุคหลังนี้ มีอยู่ไม่น้อยที่อาศัยอ้างชื่อสิ่งศักดิ์สิทธินี้แอบทำการเสื่อมเสียศีลธรรม หรืออาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องมือหากิน บ้างก็แอบแกะสลักรูปเทพเจ้าเป็นสินค้าเพื่อขายให้แก่นักท่องเทียว พลิกแพลงแปรเปลี่ยน เรื่องหลอกเอาทรัพย์ล่อลวงผู้หญิงมีนับครั้งไม่ถ้วย อุจาดและละเมิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โทษฐานการลวงโทษทำลายล้างหนักข้อขึ้น ยมบาลเข้มงวดหนักหน่วงมาก ไม่มีการยกเว้นอภัยให้เด็ดขาด วันนี้ ข้าฯจะพาเจ้าหยางเซิงไปท่องชมนรก เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่มวลมนุษย์ เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรก รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมได้ขึ้นนั่งบนดอกบัวแล้ว มิทราบว่าวันนี้จะไปสู่แห่งใด ?

อรหันต์จี้กง   :  "นรกผึ้งพิษ" รีบหลับตาเร็วเตรียมออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมได้ปิดตาทั้งสองข้างแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มได้แล้ว.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  อ้อ ที่แท้ "นรกผึ้งน้อย" อยู่ต่อหน้าแล้ว ยมทูตต่างคุมตัววิญญาณโทษมากหลายเข้าไปในคุก แต่ละตนโดนเฆี่ยนตีไปตามทางเดินครวญครางสะอึกสะอื้น ทำให้คนได้ยินใจคอหดหู่ มิทราบว่าพวกนั้นมีโทษติดตัวประการใด?

อรหันต์จี้กง   :  พวกนี้อาศัยเทพเทวดาหากิน ในแดนมนุษย์ ตอนมีชีวิตอยู่มันกินอิ่มจนเกินไป เมื่อตายลงแล้วจึงต้องโดนกฏนรกทำโทษเหตุการณ์โดยละเอียดนั้นต้องรอให้เข้าไปเยี่ยมชมภายในคุกจึงจะรู้ถึงแก่น พัศดีและนายทหารได้มาต้อนรับเราแล้ว รีบเข้าไปทำความเคารพเสีย

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย ข้าพเจ้าหยางเซิงู้เป็นศิษย์ ขอแสดงคารวะต่อท่าน ข้าพเจ้าเป็นศิษย์สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง แดนมนุษย์ ได้รับคำสั่งมาท่องเมืองนรก เพื่อแต่งหนังสือพร้อมกับท่านอาจารย์ วันนี้มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอได้โปรดให้ความสะดวกด้วย

พัศดี   :  โปรดอย่าได้เกรงใจเลย คุกนี้คือ "แดนผึ้งพิษนรกน้อย" อยู่ในความปกครองของขุมที่ 4 เป็นคุกที่สร้างขึ้นมาใหม่ เนื่องจากในยุคหลังนี้มีผู้ทำบาปเวรมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีการลดน้อยลงเลย ท่านศาสดาจารย์แห่งยมโลกจัดการสร้างคุกแห่งใหม่ ณ ขุมที่ 4 ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อที่จะควบคุมอบรมนักโทษ เชิญท่านทั้งสองเข้าไปเยี่ยมชมภายใน

หยางเซิง   :  ขอบคุณมาก !  โอ้โฮ ! ท่านอาจารย์ครับ กระผมไม่กล้าเข้าไป ในนั้นล้วนเป็นตัวผึ้ง แต่ละตัวโตเท่าหัวแม่มือออกสีดำคล้ายผึ้งหัวสิงห์ โหมเข้าต่อยพวกนักโทษในคุก ทุกคนส่งเสียคร่ำครวญ จะหลบหนีก็ไม่มีทางออก ต่างก็เบียดเข้าใกล้มุมกำแพง บางตัวก็บินมุ่งมาทางเรานี้ กลัวถูกมันต่อยจังเลย หลบเสียดีกว่ามั้ง !  ผึ้งหัวสิงห์นี้พิษมันร้ายกาจ ต่อยคนตายได้นะ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าไปแตกตืนตาลีตาเหลือกไปไย พวกผึ้งพิษนี้มีญาณพิเศษ มิใช่ว่าพบคนก็ต่อยดะไป เพราะเหตุว่าวิญญาณโทษมีกลิ่นไอไม่บริสุทธิ์ติดตัวอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงชอบเข้าไปใกล้นักเหมือนดังสถานที่สะอาดหมดจด พวกยุงแมลงจะไม่เข้าใกล้ ที่สกปรกเหม็น พวกยุงแมลงก็แห่กันเข้าไป ผึ้งตัวที่บินมานี้ก็เพื่อแสดงความหมายเป็นการต้อนรับพวกเราเท่านั้นเอง

หยางเซิง   :  เป็นเรื่องที่แปลกดี ที่แท้เสียงปืนใหญ่มิได้ทำร้ายคน แต่กลับกลายเป็นเสียงปืนใหญ่ที่ยิงสลุดสดุดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ7  วันที่  23  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

           อุทิศตน        พึ่งพระพุทธ        ด้วยใจจริง
โยนมีดทิ้ง                เลิกฆ่าสัตว์        ผียำเกรง
ศีลวิสุทธิ์                  ยึดให้มั่น          ไม่คลางแคลง
พิมานแมน                แดนสวรรค์        ทางสะดวก

พัศดี   :  เชิญ
ท่านทั้งสองเข้าไปเยี่ยมชม  ท่านหยางเซิงมิพักตื่นตระหนักตกใจก่อนหรือ ? หากว่าผึ้งพิษต่อยคนโดยไม่เลือกหน้า เราจะแผ่นหนีแบบอย่างไม่เห็นฝุ่นไปนานแล้ว ผึ้งพิษเหล่านี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อยเฉพาะพวกที่อาศัยพระอาศัยเจ้า เพื่อหลอกเอาทรัพย์ลวงผู้หญิงเท่านั้น ทำให้มันไม่มีทางจะหลบหนี หากวิญญาณโทษคิดจะวิ่งหนี ฝูงผึ้งกลับตามไล่ต่อยเอา ท่านเห็นไหม วิญญาณโทษแต่ละตน มีบาดแผลเกลื่อนกลาดเต็มตัว เฉพาะอย่างยิ่งศรีษะบวมซ้ำ  พิษร้ายออกฤทธิ์น้ำตาตกเป็นสายฝน แต่ละตนกุมหัวแล้วโลดเต้นเหยง ๆ 

หยางเซิง   :  การทำโทษที่โหดเหี้ยมทารุณเหลือเกิน วิญญาณโทษทุกตนโดนฝูงผึ้งไล่ต่อย ที่คุมขังก็คับแคบและไม่มีทางออกจะหลบก็ไม่มีที่ให้หลบ ขอถามท่านพัศดีว่า พวกนั้นทำบาปอะไรบ้าง ไฉนจึงยังมาถูกลงโทษที่นี่

พัศดี   :  เพื่อให้ได้ลงพิมพ์ในหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก" ข้าพเจ้าจะเปิดประตูคุก สั่งให้วิญญาณโทษ  2 - 3  ตนออกมาเล่าเรื่องที่ตนทำชั่วไว้ในแดนมนุษย์ด้วยตัวมันเอง เป็นการเตือนชาวโลก

อรหันต์จี้กง   :  ดีมาก !  ขณะนี้ทุกขุมในยมโลกต่างก็ทราบว่าเรารับราชโองการแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เก็บประมวลข้อมูลไว้ใช้ในการตักเตือนชนชาวโลก  ขอท่านพัศดีโปรดได้เสนอแนะ เกียวกับรายละเอียดการทำบาปของพวกนักโทษด้วย

พัศดี   :  นี่คือหนาที่ของข้าพเจ้าอยู่แล้ว  ข้าพเจ้าจะปล่อยตัววิญญาณโทษ 2 ตนก่อน สั่งให้มันเล่าเรื่องความชั่วในตอนอยู่ในแดนมนุษย์  ให้ท่านหยางเซิงได้รับทราบไว้ อย่าอิดออดเสียเวลา

หยางเซิง   :  ขอถามท่านบุรุษผู้นี้ ท่านทำอะไรผิดบ้างในขณะมีชีวิตอยู่ ไฉนจึงถูกตัดสินให้มารับโทษยังที่นี้ ?

วิญญาณโทษ   :  พูดไปก็อายคนเปล่า ไม่มีหน้าตาจะพบหาคนอีก ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ในสำนักทรงแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ภาคใต้ของไต้หวัน เนื่องจากเป็นตัวทรงมานานปี ต่อมาถูกส่งไปรับหน้าที่เป็นรองเจ้าสำนัก ครั้งหนึ่ง ในสำนักนี้ได้รับการลงทรงเพื่อแต่งหนังสือ จะพิมพ์หสังสือธรรมส่งไปที่ต่าง ๆ  ข้าพเจ้าก็ได้ทำงานเต็มพละกำลัง ออกเรี่ยไรตามที่ต่าง ๆ หวังจะพิมพ์ให้มากขึ้นแจกจ่ายผู้คน เนื่องด้วยคำพูดของข้าพเจ้าคมคายมาก ในเวลา 2 เดือนเศษก็เรี่ยไรเงินได้ 3 หมื่นเหรียญเศษ  ขณะนั้น ข้าพเจ้าเป็นหนี้ผู้อื่นอยู่บ้าง เมื่อเจ้าหนี้มาเร่งทวงหนี้ ข้าพเจ้าคิดไม่ตกว่าจะทำประการใดดี เพราะเหตุว่าในตัวมีเงินอยู่ 3 หมื่นกว่าเหรียญ ยักไว้สักส่วนเพื่อใช้หนี้คงจะดีมั้ง ในที่สุดจึงส่งมอบให้เจ้าสำนักไปเพียง 2 หมื่นเหรียญ  คงเหลือไว้หนึ่งหมื่นสองพันสี่ร้อยห้าสิบหกเหรียญ นอกจากชำระหนี้ไปแล้ว ยังมีเหลือเศษอยู่บ้างไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำตัว คิดว่าผู้อื่นไม่มีทางทราบได้ แต่ว่าหลังจากนั้นมา เกิดความละอายแก่ใจต่อองค์ประทับทรง ท่านก็มิได้เขียนถึงเรื่องข้าพเจ้ายักยอกทรัพย์แต่อย่างไร  3 ปีก่อน ข้าพเจ้าตายลงด้วยโรคกระเพาะที่ร้ายแรงมาก ถูกทหารหน้าความม้าคุมตัว  ขณะนั้นเอง องค์ประทับทรงได้เข้ามาตวาดต่อหน้าข้าฯ ว่า "แกเกิดความคิดชั่วเพียงวูบเดียว แต่จนกระทั่งถึงเวลาตายยังไม่สำนักตัว เพราะว่าตอนแกมีชีวิตอยู่นั้นมีมูลเหตุหลายอย่างจึงไม่เปิดเผยต่อหน้าคน พุทธเทพลงประทับทรง ประกาศธรรมก็คือ สั่งสอนให้คนละบาปสร้างบุญ ได้รวมหลักธรรมความจริงแห่งการประพฤติตัวปฏิบัติชอบ อยู่ในนั้นอย่างพรักพร้อมแล้ว" เมื่อแกเรียนรู้คำสอนอันศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ปฏิบัติตาม จึงสมควรแก่โทษแล้ว  และได้มอบให้ยมทูตส่งให้ยมบาล ให้ตัดสินโทษในสถานหนัก เมื่อข้าพเจ้าถึงยมโลก ท่านยมบาลมีความโกรธจัด ได้ถูกคุมไปหอกระจก (กรรม) วิเศษฉายรูปเดิมปรากฏออกมาก่อน โดยฉายเอาเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าไปเรี่ยไรเงินแล้วยักยอก ส่วนหนึ่งที่จะพิมพ์หนังสือธรรมนั้น ฉายปรากฏอกอย่างไม่มีปกปิดผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย  ทำให้ข้าพเจ้าใจคอสั่นกลัวไปหมด ต่อมาส่งให้ขุมที่ 4 โหงวกัวอ๊วงตัดสินลงโทษ โดยตัดสินให้ตกเข้า "นรกผึ้งพิษ" 28 ปี  แล้วจึงส่งมอบมาให้ขุมที่ 5  จัดการ  แต่ละวันโดนผึ้งพิษกัดต่อยอยู่ในที่นี้ทั้งปวดทั้งคันไปทั่วร่างกายเหลือที่จะทนทานได้ บวมซ้ำยิ่งนัก ผึ้งพิษพอเห็นข้าพเจ้าก็ไล่ตามไม่ลดละ ห้องขังแคบนิดเดียวไม่มีที่จะหลบหลีก จึงสำนึกรู้ตัวว่าตอนที่ข้าไปเป็นนักทรงอยู่ในแดนมนุษย์เป็นศิษย์เฉพาะของท่านแป๊ะกง ไม่ปฏิบัติตามคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าทำความชั่วไปเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีทางที่จะกอบกู้ช่วยเหลือได้ จึงหวังนักทรงในสำนักทั่วพิภพระมัดระวังคำพูดทั้งการปฏิบัติ แม้จะผิดเพียงนิดเดียว แต่ไม่สามารถจะปิดตาสวรรค์ได้ ขณะนี้ ข้าพจ้าจะสำนึกได้ก็สายเสียแล้วเป็นการเนรคุณต่อคำสั่งสอนของแป๊ะกง พวกนักธรรมด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง อัปยศอดสูนัก

พัศดี   :  แกเข้าอยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์ ไม่รับธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ทรยศต่อครูบาอาจารย์และหลอกลวงชาวบ้าน ส่วนหนึ่งที่เนรคุณต่ออาจารย์  ส่วนที่สองทรยศต่อผู้ที่สละเงินเพื่อพิมพ์หนังสือธรรม  แต่ว่าผู้ที่ตั้งใจทำทานจริงแล้ว ไม่หวั่นพระปลอม  ผู้ที่ให้ทานไปแล้วก็ได้เกิดมีใจกุศลอย่างสมบูรณ์ บุญกุศลนั้นจะไม่สูยมลาย ผู้ที่ละโมบโกงเงินไป ก็เกิดใจอุบาทว์ขึ้น มีโทษหนักติดตัวอยู่ บรรดามนุษย์ที่สละตน เข้าอยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว เรื่องเงินทองแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นแล้วจะทำให้สำนักศักดิ์สิทธิ์แปดเปื้อนมีราคี และเสื่อมวินัย อันใสสะอาด นรกจะลงโทษหนักขึ้น  ชาวโลกสมควรที่ระมัดระวังให้ดี 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ7  วันที่  23  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

           อุทิศตน        พึ่งพระพุทธ        ด้วยใจจริง
โยนมีดทิ้ง                เลิกฆ่าสัตว์        ผียำเกรง
ศีลวิสุทธิ์                  ยึดให้มั่น          ไม่คลางแคลง
พิมานแมน                แดนสวรรค์        ทางสะดวก

อรหันต์จี้กง   :  แกะดำในสำนักอันศักดิ์สิทธิ์
เรื่องเงินทองไม่สะอาดเสื่อมเสียต่อวินัยที่ผ่องแผ้ว โทษนั้นควรตายเป็นหมื่นหน กฏในยมโลกถือเป็นโทษที่ให้อภัยไม่ได้่เลย ขอฝากไปยังชาวโลกรับรู้ไว้ด้วย ผู้บำเพ็ญธรรมนั้นต้องถือเคร่งในวินัยและกฏข้อบังคับ เพื่อที่ไม่ต้องตกนรกรับการทรมาน แล้วต้องตกไปใน 4 ทางเกิดของสัตว์เพื่อเวียนว่ายตายเกิดอีก  จะรู้สึกสำนึกก็สายไปเสียแล้ว  เพราะเหตุว่าเวลาสำหรับวันนี้หมดลงแล้ว วันอื่นจะมาเยี่ยมคำนับอีกครั้ง เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณที่ท่านพัศดีให้คำแนะนำมาก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้ความสะดวกเราได้เข้าไปเยี่ยมชมในคุก เนื่องจากเวลาดึกมากแล้ว ขอลาก่อนละ

พัศดี   :  นายทหารทั้งหลายได้ตั้งแถวนมัสการส่ง เชิญทั้งสองมาเที่ยวใหม่นะครับ

หยางเซิง   :  กระผมขึ้นนั่งบนดอกบัวแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักเถิด...

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ8  วันที่  26  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย ครั้งที่ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              อาจารย์เทพ        ทรงโปรดเรา        พระคุณนำ
คุณธรรมล้ำ                       เอื้ออาทร            มิรู้วาย
ในโลกนี้                          นักธรรมชั่ว           มีมากมาย
บำเพ็ญกาย                     ลวงสังคม             ต้องรับกรรม

อรหันต์จี้กง   :   พระพุทธ  เทวดา  เทพศักดิ์สิทธิ์เสด็จสู่โลกมนุษย์เพื่อโปรดเวไนยสัตว์
  กอบกู้ช่วยมวลมนุษย์ รับสอนศิษย์ประสาทวิชาให้ อบรมสั่งสอนบำเพ็ญธรรม คอยแต่จะสอนให้ชาวโลกกลับคืนสู่ความดั้งเดิมต้นกำเนิด เพื่อบำเพ็ญบรรลุสำเร็จธรรมที่แท้จริง พระคุณสวรรค์ท่านและคุณธรรมของครูบาอาจารย์นั้น หนักหนาใหญ่ยิ่งจนหาที่เปรียบมิได้ ที่เรียกว่า "เป็นครูเพียงวันเดียว ต้องนับถือเป็นบิดาไปตลอดกาล" ตามหลักธรมแล้วต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูอาจารย์  เอาแบบอย่างความประพฤติจากท่าน หากแต่ว่ามีพวกศิษย์อุบาทว์ แหกธรรมทำลายศีลอาศัยชื่อจากเทพเจ้ารวบทรัพย์ลวงผู้หญิง  ไม่บำเพ็ญเป็นเทพยดา แต่บำเพ็ญเป็นผู้หลอกลวงในคราบของเทพเจ้า ไม่ไปสวรรค์ กลับมาโดนคดีในโรงศาล โทษฐานบาปกรรมนั้นไม่เบาเลย ผู็ที่เข้าไปเป็นศิษย์แห่งสำนักสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ละเมิดกฏเกณฑ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์  ยมกฏนั้นลงโทษหนักมาก มวลชนไม่ว่าจะสละตัวเข้าไปบำเพ็ญธรรมอยู่ในศาสนาใดก็ตาม ควรที่จะปฏิบัติตามธรรมวินัย มารยาทอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโทษที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรกสำหรับวันนี้ รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว มิทราบว่าจะมุ่งสู่แห่งใดในวันนี้?

อรหันต์จี้กง   :  ไป  "นรกผึ้งพิษ" นั้นอีก ไปดูพวกแหกธรรมเสียศีลจะลงเอยกันอย่างไร ปิดตาทั้งสองข้าง เราจะเริ่มเดินทางแล้ว...ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเร็ว

พัศดี   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง มาเยือนคุกนี้เป็นคำรบที่สอง

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุนี้ขณะนี้ในโลกมนุษย์ มีคนไม่น้อยอาศัยชื่อแห่งเทพเจ้ารวบรวมทรัพย์ ล่อลวงหญิงอย่างอุกอาจกว้างขวาง ทำให้สะกสะท้านต่อศักดิ์ศรีอันศักดิ์สิธิ์ของวินัยแห่งศาสนา อันถ่องแท้ชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงกลับมาเสาะหาข้อมูลเตือนใจชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง

พัศดี   :  ขอรับ พระคุณท่าน ท่านทั้งสองโปรดตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน ข้าพเจ้าจะปล่อยวิญญาณโทษ 2 - 3  ตน ให้มันเล่าเรื่องความทำชั่วของตนเองต่อท่านหยางเซิง

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีมาก ผึ้งพิษเหล่านี้บินว่อนทั่วไปหมด พอเห็นวิญญาณโทษก็ต่อยเอาต่อยเอา จนบวมซ้ำไปตาม ๆ กัน จนหัวหมุนตาลาย

พัศดี   :  ไม่เพียงเท่านี้ซิครับ ยังปวดแสบปวดร้อนเป็นไข้ด้วย เพราะว่าผึ้งพิษนี้มีพิษรุนแรงยิ่ง ข้าพเจ้าจะเอานักโทษ 2 - 3 ตน ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ตนเคยทำผิด ให้นายทหารรีบคุมตัววิญญาณโทษออกมาเร็ว

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา... ได้เอาตัววิญญาณโทษ 3 ตนออกมาแล้ว

พัศดี   :  วิญญาณโทษฟังคำสั่งให้ดี พระคุณท่านนี้คือ อรหันต์จี้กง  อีกท่านหนึงคือหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมืองไถ่ตง สองศิษย์อาจารย์รับโองการแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ให้ทุกคนสารภาพความผิดที่ตนทำไว้ในแดนมนุษย์ เพื่อเป็นการเตือนใจชาวโลก

หยางเซิง   :  ขอถามบุรุษผู้นี้ ท่านมารับโทษยังที่นี้ด้วยเหตุใด?