collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 30914 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        ด้วยพระมหากรุณาธิคุณฯ พระแม่องค์ธรรมมหาเมตตา และพระศรีอาริย์โปรดเปิดประตูการุณกว้างใหญ่ อนุญาตให้ถ่ายทอดไตรรัตน์วิถีแห่งจิตอันแยบยล เพื่อให้อนุตตรสัทธรรมดำเนินแพร่หลายในโลกโดยเร็ววัน เป็นแสงสว่างส่องสากล  ญาณทวาร รหัสคาถา ลัญจกร ไตรรัตน์ ที่พระอาจารย์ได้ถ่ายทอดให้ แต่โบราณมามิอาจแพร่หลาย เป็นความลับอันวิเศษ แม้มิใช่บุคคลอันควรจะมิอาจถ่ายทอดให้ เป็นสุดยอดของวิถีธรรม ครอบคลุมสามโลก เป็นวิถีแห่งจิตกระชับผู้มีพื้นฐานบารมีชั้นสูง กลาง ต่ำ ทั้งสามระดับเข้าไว้ ดังนั้น ความหมายของไตรรัตน์ ผู้มีบารมีสูงจะสัมผัสได้ลึกซึ้ง บารมีตื้นจะสัมผัสได้ผิวเผิน แต่ละระดับพื้นฐาฯบารมี จึงสัมผัสสัจธรรมความนัย ของไตรรัตน์ได้ต่างกัน  สัจธรรม ความนัยของไตรรัตน์ เป็นธรรมะอันประณีต สุขุม คัมภีรภาพ เป็นวิถีแห่งจิตที่ช่วยให้ชีวิตพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างแท้จริง  อีกทั้งแฝงความนัยของการถ่ายทอดสืบพงศาธรรมต่อมาจริง ถ่ายทอดด้วยพระโองการฟ้าจริง และถ่ายทอดด้วยวิถีแห่งจิตจริงแม้พุทธบุตรที่ได้รับธรรมะ จะได้รับการถ่ายทอดไตรรัตน์จากอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม (เตี่ยนฉวนซือ) ผู้ซึ่งแบกรับพระโองการสวรรค์ ไตรรัตน์อันเป็นสัจธรรมที่แฝงความวิเศษไว้ก็มิได้ลดหย่อนไปแม้แต่น้อย พุทธบุตรทั้งหลายที่ได้รับธรรมะแล้วยึดถือบำเพ็ญตามสัจธรรมที่แฝงอยู่ในตน บำเพ็ญชาตินี้ก็หลุดพ้นได้ในชาตินี้ ไม่ต้องเวียนว่ายต่อไปในชีววิถีหก (ลิ่วเต้าหลุนหุย) ยิ่งกว่านั้นยังอาจร่วมงานหลงฮว๋าชุมนุมพระอริยะ ได้เฝ้าพระพุทธะ ฟังธรรมสวนะ ประจักษ์มรรคผล ที่พระอาจารย์ผิดหวังค้างใจก็คือ ศิษย์ในธรรมกาลยุคขาว จะเห็นความสำคัญของพระโองการฯเสียส่วนใหญ่ ไม่สนใจการถ่ายทอดวิถีแห่งจิตจริง  พุทธเซียนได้เฝ้าชี้ให้เห็นว่า แม้ได้รับถ่ายทอดด้วยพระโองการฟ้าจริงแล้ว แต่มิได้บำเพ็ญเข้าถึงจริง ก็จะเหมือนมิได้รับการถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์ ฉะนั้น เมื่อได้รับจริงก็ต้องบำเพ็ญจริง จึงจะราบรื่นทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ต้องรับทุกข์จากการเวียนว่ายต่อไป มิฉะนั้น แม้ได้รับจริงแต่บำเพ็ญไม่จริง ก็ยังคงต้องตกอยู่ในวงเวียนชีววิถีหกต่อไป 
        คนที่พื้นฐานบารมีต่ำ ไม่อาจรู้แจ้งความหมายอันวิเศษลึกซึ้งของไตรรัตน์ จะเห็นเป็นเพียงเครื่องมือคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข ขจัดเคราะห์ภัยเท่านั้น เช่นนี้ เมื่อได้ไตรรัตน์แล้ว จึงเข้าใกล้ถอยไปไม่แน่นอน อย่างมากก็ได้แค่รักษาเชื้อไฟของธรรมะไว้ เพราะยอมรับในบุญญาอภิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากการใช้ไตรรัตน์เท่านั้น 
        ส่วนคนที่มีพื้นฐานระดับกลาง ก็จะเห็นไตรรัตน์เป็นหลักฐานผ่านทางเข้าสู่สวรรค์และเป็นเกราะคั้มกันให้พ้นจากภัยพิบัติ แม้จะศรัทธาบำเพ็ญ แต่ก็ยังห่างสัจธรรมความนัยของไตรรัตน์อยู่มาก  เสียแรงที่พระอาจารย์อุตสาห์ทุ่มเทหยาดเลือดในหัวใจส่งเสริมให้
        สำหรับคนที่มีพื้นฐานระดับสูง  ยึดถือว่าไตรรัตน์คือ คุณวิเศษของห้าศาสนา หมื่นพันคัมภีร์ไม่พ้นไปจากไตรรัตน์  เมื่อได้รับไตรรัตน์แล้ว จึงประคองรักษาไว้ แต่ยังมีจิตใจยยึดมั่น จึงยังคงห่างจากภาวะธรรมชาติเดิม  แต่หากคนที่มีบารมีสูงยิ่ง เมื่อได้รับไตรรัตน์จะรู้แจ้ง ในจิตภาวะอนุตตรพระแม่องค์ธรรมในตนเอง (จื้อซิ่งเหลาหมู่) ทันที เห็นอนุตตรภาวะนิพพานอันศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ซึ่งถึงพร้อมด้วยกุศล สมบูรณ์บารมีจิตเป็นวิมุติกลมกลืน ไม่มีอุปสรรคด้วยสัญญาอารมณ์ใด เกิดเหตุปัจจัย แต่จิตว่างเปล่า เข้าถึงธาตุแท้มหากรุณาร่วมกับฟ้าดิน เป็นทายาทพระศรีอริยเมตตตรัย ร่วมงานธรรมจักรวาลพระโองการฟ้า แปรโลกปฏิกูลให้เป็นวิสุทธิแดนดิน เป็นโลกบัวบานอันเป็นเอกภาพ  ดังกล่าวทุกคำล้วนเป็นความจริง หวังว่าพุทธบุตรทั้งหลายในโลกจะสำนึกให้รู้แจ้ง แล้วประกอบการพิจารณากับบันทึกท่องพุทธาลัยนี้ ก็จะสัมผัสชัดเจน  "อู้เอวี๋ยน ศิษย์รัก" เวลาท่องเที่ยวสำหรับคืนนี้มาถึงแล้ว รีบกำหนดจิตญาณตามพระอาจารย์ขึ้นอาสน์บัว พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาวได้โปรดคุ้มครองตำหนักพระ เราทั้งสองออกเดินทาง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

อู้เอวี๋ยน  :  กราบราตรีสวัสดิ์ขอรับพระอาจารย์  คืนนี้พระอาจารย์โปรดเมตตาอธิบายความหมายแยบยลของไตรรัตน์ เวไนยสัตว์มีบุญวาสนาได้สดับพระโอวาทอันประเสริฐ เชื่อว่าคงได้แผ้วถางหนทางจิตกันคราวนี้

พระอาจารย์ ฯ :  ธรรมะเดิมทีไม่มีชื่อ จำต้องให้ชื่อว่าธรรมะ หนทางปฏิบัติเดิมทีไม่มีการปฏิบัติ จำต้องกำหนดไตรรัตน์นำทาง วิถีแห่งจิตทั้งหมดล้วนแต่แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย หวังว่าเสียงจากใจในบทที่แล้ว จะเป็นกระจกเงาให้เหล่าพุทธบุตรผู้บำเพ็ญมองเห็นตนได้บ้าง  ค่ำแล้ว เราไปบันทึกข้อมูลยัง "ที่ทำการตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย" กันดีกว่า

อู้เอวี๋ยน  :  เสียงลมผ่านหูอู้ ๆ  รู้สึกได้ว่าอาสน์บัวบินลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนนัยน์ตาลืมไม่ขึ้น และแล้วความเร็วก็ค่อยลดลง ในที่สุดก็หยุดลง

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน ถึงที่ทำการ ฯ แล้ว รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เข้าไปกราบคารวะท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  น้อมรับพระบรรพจารย์ที่กลับมาเยือนผู้น้อย น้อมรับพระบัญชาคอยอยู่ที่นี่นานแล้ว

อู้เอวี๋ยน  :  กราบคารวะพระองค์เซียนผู้ปกครอง ฯ ไม่ทราบ คืนนี้เราจะไปท่องที่ใดขอรับ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  คืนนี้เราจะไปเยี่ยม "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" กัน ว่าแล้วทั้งสามก็มุ่งตรงไปทางด้านซ้ายจนถึงระเบียงชั้นล่างของหอแดง ภายในห้องพักสว่างไสวสะอาดสะอ้าน แสงสีเรืองรอง เหนือประตูหน้าห้องมีแผ่นป้ายใหญ่จารึกว่า "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม"

อู้เอวี๋ยน  :  ห้องนี้โอ่งโถงสงบเงียบมีส่วนคล้ายกับห้องพักวิญญาณสามัญและวิญญาณคนบุญ มีวิญญาณมากมายถือป้ายสีทองตองตนนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือสนทนากันตามสบาย

พระอาจารย์ ฯ  :  วิญญาณในห้องนี้ได้รับถ่ายทอดวิถีธรรมจากพระอาจารย์มาแล้วทั้งนั้น เจ้าเข้าไปเยี่ยมหาข้อมูลได้เอง

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  วิญญาณทั้งหลายฟังทางนี้ บัดนี้พระอาจารย์ของพวกเจ้าและอู้เอวี๋ยนมาหาข้อมูลที่นี่เพื่อเขียนหนังสือ " บันทึกท่องพุทธาลัย " เพื่อเตือนใจชาวโลก รีบพร้อมกันมากราบรับพระบาท

เหล่าวิญญาณ   :  กราบรับพระบาทพระอาจารย์ สวัสดีอู้เอวี๋ยนศิษย์ผู้พี่

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์ทั้งหลายมิต้องคารวะ

อู้เอวี๋ยน  :  ญาติธรรมทุกท่านอยากได้มากจริยา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง 

พระอาจารย์ ฯ  :  คนที่ได้รับวิถีธรรมที่ได้สร้างบาปบุญไว้ในโลก เจ้าหน้าที่วิญญาณสามโลก จะสอดส่องบันทึกบาปบุญทุกวัน แล้วส่งมายัง "ที่ทำการตรีเทพฯ และสภาบาปบุญจิ่วหยัง"  อู้เอวี๋ยน  เจ้าเห็นจุดเครื่องหมายบนหน้าผากของวิญญาณเหล่านั้นไหม นั่นคือจุดที่ได้รับจากพระอาจารย์ บุญกุศลยิ่งสูง จิตภาวะยิ่งใส จุดเครื่องหมายยิ่งสว่าง วงรัศมีเหนือศรีษะยิ่งอร่ามเรือง มีทั้งสีทอง สีเงิน สีม่วง รุ้งเลื่อม ที่เรียกว่า "หมื่นสายประกายทอง" (วั่นเต้าจินกวง) นั่นไง พลังมงคลพวยพุ่ง ชัชวาลย์จนมิอาจประมาณได้  แต่หลังจากการรับธรรมะแล้ว กลับต่ำทรามหรือถดถอย ดูถูกศาสนาอื่น ให้ร้ายพระอริยเมธา อบรมแพร่ธรรมสับสน ทำลายธรรมานุภาพฯ แม้จุดเครื่องหมายบนหน้าผากจะยังปรากฏอยู่ แต่สีจะขุ่นมัวเหมือนตม  ฉะนั้น บาปบุญของทุกคนจึงไม่อาจปิดบังเบื้องบน ซึ่งจะรู้ผลการบำเพ็ญชัดเจนด้วยการพิจารณาแสงสีและพลังรัศมีของผู้นั้น

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์ ฯ และท่านเซียน ฯ ขอรับ กระผมศิษย์โง่จะพูดคุยกับวิญญาณเพื่อทำความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ไหม ขอรับ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  มาท่องก็เพื่อบันทึกเรื่องราวทัศนียภาพตามความเป็นจริง เพื่อเป็นอนุทาหรณ์แด่ชาวโลกผู้บำเพ็ญ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการบันทึกโดยสนองพระโองการจาก พระอนุตตร ฯ พระอภิภูผู้เป็นใหญ่แห่งญาณทั้งมวล แน่นอน จึงเรียกวิญญาณมาสอบถามความเป็นจริงได้ (ว่าแล้วเซียนผู้ปกครอง ฯ ก็เรียกวิญญาณพ่อเฒ่า ผู้หญิง ชายหนุ่ม และเด็กชายรวมห้าวิญญาณออกมา)

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  อู้เอวี๋ยน สนองพระโองการมาท่องเที่ยวบันทึก เมื่อถามอะไรให้ตอบความเป็นจริงทุกประการ มิให้เคลือบแฝง เมื่อพิมพ์เป็นหนังสือ ตัวอย่างเรื่องราวของท่านกล่อมเกลาชาวโลกได้ก็จะเป็นกุศลผลบุญเพิ่มขึ้นแก่ตน

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณท่านเซียนที่โปรดให้ความสะดวก กระผมจะเรียนถามพ่อเฒ่าท่านนี้ก่อน  สวัสดีพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ กระผมเห็นท่านสงบเสงี่ยม สะอาดสะอ้าน หน้าตาใจดี อีกทั้งมีแสงสีขาวสูงสองสามนิ้วเหนือศรีษะ ตรงญาณทวารมีจุดเครื่องหมายสีแดงใสสว่าง แสดงว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ คงเป็นผู้บำเพ็ญจริง ท่านจะเล่าเรื่องการบำเ็ญพอสังเขป เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ชาวโลกได้ไหม?.

พ่อเฒ่า  :  กราบคารวะพระอาจารย์ ขอบพระคุณท่านเซียน ฯ กระผมมีโอกาสมาถึงที่นี่ก็ด้วยพระคุณบารมีของพระอาจารย์เป็นที่พึ่งส่งเสริม เมื่อมีชีวิตกระผมเป็นชาวไทเป อำเภอเมืองซันฉง ลูกชายของกระผมชอบไหว้พระศึกษาธรรมตั้งแต่เล็ก กระผมจึงถูกชักจูงมารับธรรมะด้วย เป็นเพราะอายุมาก ลูกเต้าก็ตั้งตัวกันได้หมด กระผมจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมได้ ซึ่งก็ต้องขอบพระคุณผู้อาวุโสและอาจารย์บรรยายธรรมที่เฝ้าส่งเสริม ตั้งแต่มุ่งศึกษาสัจธรรมโดยไม่หยุดยั้ง และได้รู้ว่าทุกอย่างทางโลกเหมือนภาพลวงตาแล้ว กระผมก็อุทิศชีวิตบั้นปลาย ให้ทรัพย์เป็นทาน วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกาย (อภัยทาน) ให้พร้อมทั้งสามทาน ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ ปล่อยชีวิตสัตว์ สงเคราะห์คนยากจนลำบากไม่เคยเกี่ยง อีกทั้งอรรถาธิบายสัจธรรมให้ญาติเพื่อนฝูงทุกโอกาสที่ทำได้ เจียดเวลาไปช่วยงานสาธารณประโยชน์เสมอ เช่น ทำถนน สร้างสะพาน กวาดทำความสะอาดพุทธสถาน ญาติธรรมต่างอนุโมทนาสาธุการ แต่กระผมเห็นว่าเป็นหน้าที่ของความเป็นคน ไม่กล้าคิดว่าเป็นบุญกุศลแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินญาติธรรมวิจารณ์ดูแคลนศาสนา หรือลัทธิอื่นใด กระผมก็จะแนะนำความหมายอันแท้จริงของวิถีแห่งจิตอันเสมอภาคกัน เพื่อให้เขาเข้าใจพุทธะภาวะอันเท่าเทียมกันทุกคน กระผมปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันอยู่เจ็ดปี ก็หมดอายุขัย เจ้าหน้าที่ที่นั่นก็นำพามายัง "ที่พักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" ทั้งหมดเป็นประวัติการบำเพ็ญคร่าว ๆ ของกระผม ขอให้บอกต่อไปยังชาวโลก ให้รีบแสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์เสียตั้งแต่เยาว์วัย ให้ท่านชี้หนทางสว่าง อย่าเหมือนกระผมจนแก่เฒ่าเหลือเวลาไมามาก ก็ต้องตายจากด้วยความเสียดาย

พระอาจารย์ ฯ  :  สามชาติที่ล่วงมา ได้ร่วมบุญกับพระพุทธา ชาตินี้จึงได้บำเพ็ญจริง อนุตตรวิถีไม่มีเข้าใครออกใคร ผู้ใดมีบุญก็รับไป ทรัพย์ วิทยา แรงกาย ให้เป็นทาน ไม่ยึดมั่นในกุศลผลบุญ วันรุ่นคนหนุ่มสาวมีค่า มีกำลัง เวลาบำเพ็ญได้บริบูรณ์  ศิษย์รัก แม้เจ้าจะได้รับธรรมะเพียงเจ็ดปี แต่ก็มีความจริงใจมัุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งรักษาจิตอยู่ในสภาวะธรรม ทานทั้งสามก็ครบถ้วน จึงได้ผลบุญในวันนี้ เชื่อว่าเจ้าคงต้องผ่านการทดสอบจาก "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" และเข้าเสวยสุขใน "พุทธาลัย" ได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

อู้เอวี๋ยน  :  วิถีอนุตตรธรรมไม่ลำเอียง ใครมีคุณธรรมพอเพียงย่อมเกื้อหนุน  ตาบำเพ็ญตาก็ได้ ยายบำเพ็ญก็เป็นของยาย มุ่งหมายสูญญตา ลงแรงคราดไถ เหนื่อยเท่าไรจะได้เท่านั้น อุทิศตนตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน เมื่อไปพ้นได้ประจักษ์ในธรรมกาย การบำเพ็ญของพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ เป็นที่น่าเคารพนัก เสียดายที่วันเวลามีจำกัด ไม่อาจบรรลุมรรคผลสูงสุด  สิ่งนี้เป็นกระจกเงาสำหรับหนุ่มสาวชาวโลกที่ไม่ใฝ่บำเพ็ญทีเดียว  เรียนถามนักธรรมหญิงผู้พี่ท่านนี้บ้างเมื่อสักครู่ เรื่องราวความเป็นจริงในการบำเพ็ญของพ่อเฒ่าเป็นที่น่าประทับใจ แต่เหตุใดท่านจึงร้องไห้เมื่อได้ฟัง อีกทั้งก้มหน้าเงียบกริบ ดูจุดเครื่องหมายบนหน้าผากกึ่งมืดกึ่งสว่าง ไม่ทราบว่าท่านจะให้ข้อมูลการบำเพ็ญเพื่อเรียบเรียงบันทึกได้หรือไม่

แม่เฒ่า  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ ขออภัยท่านเซียน ฯ จะเอ่ยวาจาน้ำตาก็พรั่งพรู ครั้งมีชีวิตอยู่ไม่เรียนรู้อาวุโส ต่อมาไม่นานถึงกาลหมดอายุขัย บุญกุศลยังห่างไกลจะอย่างไรได้เป็นเซียน  ครั้งอยู่ในโลกดิฉันเป็นชาวเมืองเกาส-ยง สามีเสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่ลูกชายหญิงสองคน ดิฉันครองตัวเป็นหม้ายรับจ้างทำงานบ้าน เลี้ยงดูลูกมาด้วยความยากลำบาก จนลูกเป็นฝั่งเป็นฝาทั้งสองคน  เนื่องจากตรากตรำมามาก พอแก่ตัวร่างกายก็ทรุดโทรมเจ็บป่าย โชคดีที่ลูกยังรู้จักกตัญญู ครอบครัวก็อยู่เย็นเป็นสุขดี วันหนึ่ง เพื่อนบ้านมาเยี่ยม คุยกันถึงเรื่องกฏแห่งกรรม แล้วแสดงเจตนาดีพาดิฉันไปขอรับวิถีธรรม ดิฉันไม่รู้หลักธรรมแต่ศรัทธาจริงใจ  แม้ชั่วชีวิตจะไม่ได้สร้างบุญกุศล แต่ก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรมากนัก จนอายุุเจ็ดสิบเอ็ดปีดิฉันก็ตาย วิญญาณได้กลับมาที่ "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" เมื่อเทียบกับพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ท่านนี้แล้ว น่าละอายเป็นที่สุด

พระอาจารย์ ฯ  :  กัลยาณีสงวนศรีเป็นแบบฉบับ             ทนลำบากเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่
                ได้รับวิถีธรรมเพราะคุณงามประจักษ์ไว้        แม้ไม่ได้เก็บบุญสร้างยังเชิดชู

        ศิษย์ประเสริฐ เจ้าไม่ต้องร้องไห้เสียใจ ในโลกปัจจุบัน ข้าแผ่นดินผู้ซื่อสัตย์ หญิงหม้ายที่สำรวมกายใจไม่มีมาก แม้ชาติก่อนเจ้ามิได้สร้างบุญบำเพ็ญ จึงต้องยากเข็บเมื่อชาติที่แล้ว  แต่อาศัยจิตใจมั่นคนรักนวลสงวนศรี เท่ากับปลูกเหตุปัจจัยเป็นรากฐานพุทธสัมพันธ์ให้ได้รับวิถีธรรม แม้จะไม่รู้จักสร้างบุญกุศล แต่ก็มิได้ประพฤติชั่วผิดคุณงาม เชื่อว่าเจ้าก็จะสามารถผ่านเข้าไปรับการอบรมใน "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" และขึ้นเสวยสุขบน "พุทธาลัย" ได้

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  นักธรรมหญิงผู้พี่ท่านนี้ พุทธรังสีเหนือศรีษะแรงมาก พลังก็สว่าง แต่มีพลังดำแฝงอยู่ จุดเครื่องหมายที่ญาณทวารแม้จะเรืองรอง แต่ก้แฝงความสลัวไว้เล็กน้อย บัดนี้ ขอเชิญให้ท่านแนะนำการบำเพ็ญทุกอย่างในครั้งมีชีวิต เพื่อเพิ่มเติมบันทึกการท่องเที่ยวด้วย     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/08/2011, 12:37 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

วิญญาณหญิง  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ กราบท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ 

ดิฉันเป็นเจ้าตำหนักพระขณะมีชีวิตอยู่                ได้ช่วยจิตผู้คนแพร่นำทางธรรมา
เพียงน้อยนิดผิดพลาดหมิ่นศาสนา                    ผิดกฏฟ้าจึงถูกขับจากอาสน์บัว

        เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันเป็นชาวอำเภอเฟิงเอวี๋ยน ฐานะร่ำรวยสุขสมบูรณ์ตั้งแต่น้อย พ่อแม่พี่น้องก็โปรดปราณมาก ส่งเสียให้ดิฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัยพอเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง จึงได้รู้จักกับผู้จัดการอีกบริษัทหนึ่งด้วยเรื่องการค้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีและความประพฤติดี เราคบกันมานานและเข้าใจกันมาก เขาเป็นศิษย์ยุคขาวที่มีคุณสมบัติพร้อมทีเดียว ดิฉันได้รับการชี้แนะปรัชญาชีวิตจากเขาเสมอจนเข้าใจความหมายของชีวิต  ครั้งหนึ่ง  เขาพาดิฉันไปพุทธสถานกราบรับวิถีธรรมได้ไตรรัตน์ เนื่องจากดิฉันมีการศึกษาดี นักธรรมอาวุโสเห็นคุณค่า จึงนำพาให้ดิฉันเข้าร่วมชั้นศึกษาธรรมต่าง ๆทำให้ปัญญาธรรมแตกฉานไม่น้อย จากนั้น ดิฉันก็เข้าสุ่วงการธรรมไม่ถอย หลังจากแต่งงาน ดิฉันต้องลาออกจากบริษัทมาดูแลบ้านเลี้ยงลูก และต่อมาก็สร้างตำหนักพระในครัวเรือนตน ด้วยความเพียรดำเนินงานธรรม เรือธรรมะเล็ก ๆ ที่บ้านก็แพร่ธรรมเป็นการใหญ่ฉุดช่วยคนบุญมากมายให้ละชั่วกลับตัวเป็นคนดี เป็นเพราะดิฉันยังไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงหัวใจในหมื่นพระธรรมขันธ์ จึงยึดถือผิด ๆ ว่า วิีธรรมของยุคขาวสูงส่งที่สุด เป็นสัจธรรมหนทางอันกว้างใหญ่แท้จริงพร้อมกับดูหมิ่นศาสนาอื่น ๆ  "ฟ้ามีเมฆลมแปรปรวนเกินเดาคาด"     "คนมีวาสนาเคราะห์กรรมค่ำเช้า"  ชีวิตไม่กี่สิบปี ล่วงเลยไปชั่วพริบตา ในปีนั้น ดิฉันอายุสี่สิบเก้า อยู่ ๆ ก็ป่วยหนักเสียชีวิต ซึ่งคิดว่าวิญญาณจะมุ่งสู่เบื้องบนประจักษ์มรรคผลได้กราบพระแม่องค์ธรรม แต่ท่านเจ้าที่ใหญ่มารับวิญญาณของดิฉันบอกว่า "เมื่อมีชีวิต แม้เจ้าจะถึงพร้อมด้วยทรัพย์เป็นทาน วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกายเป็นทาน บุญกุศลดังภูเขาสูง ความมุ่งมั่นต่อธรรมะไม่ถดถอย แต่เหตุที่ยังไม่อาจรู้แจ้งในจิตภาวะเดิมแห่งตน  ไม่เข้าใจถึงถ่องแท้สัจธรรมเสมอภาคในหมื่นพระธรรมขันธ์ จิตพุทธะในตนจึงยังไม่กลมกลืน จึงได้แต่นำเจ้าไปส่งยัง "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" เพื่อรอการทดสอบในขั้น "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ต่อไป  ฉันจึงได้รู้สำนึกว่า แท้จริงใจฟ้าสูงส่งและเมตตาเป็นที่สุด ยุติธรรมที่สุด แต่กว่าจะสำนึกก็สายเสียแล้ว

พระอาจารย์ ฯ   :  ศิษย์เมธาอย่าโศกเศร้า ดูสามชาติที่แล้วที่เจ้าได้บำเพ็ญมา กุศลผลบุญมากมาย เชื่อว่าจะผ่านการทดสอบจาก "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ไปสู่ "พุทธาลัย" เพือสดับพระโอวาทจากพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้

อู้เอวี๋ยน  : 
             หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
            อยากกลับหันหลัง      โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
            ชาวโลกทั้งหลาย       ใคร่ย้ำหลักธรรม        อย่าซ้ำผิดพลาด
            ยืนตรงองอาจ           หยัดดังเสาธง           คงแบบอย่างงาม

        พี่นักธรรมหญิง ญาติธรรมที่พากเพียรอย่างท่านมีไม่มาก คำพูดมีค่าดังหยกทองของท่าน แสดงว่าจิตใจของท่านรู้ซึ้งในมโนธรรมแล้ว ขอให้ได้ไปสู่ "พุทธาลัย" ได้รับการชำระจิตใจด้วยน้ำอมฤต แล้วบังเกิดปณิธานใหญ่ร่วมช่วยงานธรรมจักรวาลใหญ่ครั้งนี้เถิด

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  ชายหนุ่มที่ปิดหน้าอยู่หลังประตูรีบออกมาเล่ารายละเอียดของการบำเพ็ญเมื่อครั้งมีชีวิต เพื่อช่วยการบันทึกกล่อมเกลาชาวโลกด้วย

วิญญาณชาย  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ ศิษย์คนบาปละอายใจเหลือเกิน ชั่วชีวิตไม่ได้เห็นความสำคัญของสัจธรรม ศิษย์ไม่มีหน้าจะกราบพระอาจารย์เลย

อู้เอวี๋ยน  :  บัดนี้ เบื้องบนทรงโปรดให้สร้างหนังสือ "บันทึกท่องพุทธาลัย" เพียงแต่ท่านเล่าความเป็นจริงทั้งหมดเพื่อเตือนใจคนรุ่นหลัง ก็จะเป็นมหากุศลได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

วิญญาณชาย  :  ครั้งมีชีวิต กระผมอยู่อำเภอโต่วหนัน เป็นลูกชาวบ้านชนบทยากจน กำพร้าแม่ตั้งแต่เล็ก พ่อต้องทำงานหนักเลี้ยงครอบครัว จึงขาดความเอาใจใส่การศึกษาของลูก ๆ  พอจบชั้นประถมแล้ว กระผมก็ไปรับจ้างเป็นเด็กฝึกงานที่โรงงาน พอโตขึ้นก็คบเพื่อนนักเลง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ร่วมกลุ่มมั่วสุมหาความตื่นเต้นแสบทรวงเล่น ไม่ใช่ดื่มเหล้าก้เล่นการพนัน เที่ยวซ่องตีรันฟันแทง ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่นึกละอายใจ กลับคิดว่าเป็นนักเลงใหญ่ชายฉกรรจ์  วันหนึ่ง บังเอิญได้พบชายชราท่านหนึ่งใกล้บ้าน ท่านเตือนให้ประพฤติดี อย่าทำตัวตกต่ำอย่างนี้  จากนั้นท่านก็พยายามใช้วิธีการต่าง ๆ มาชักจูงส่งเสริม นานเข้ากระผมก็เกิดความรู้สึกเคารพท่านเหมือนพ่อโดยไม่รู้ตัว ความประพฤติของผมก็ค่อยดีขึ้น เมื่อชายชราเห็นพฤติกรรมของผมเปลี่ยนแปลงดีขึ้น ก้พากระผมไปพุทธสถาน แล้วกระผมก้ได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์สัจธรรมโดยไม่รู้อะไร เพราะจิตใจของกระผมยังลิงโลดอยู่ กราบพระวันนั้นแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปศึกษาอีกเลย ไม่นาน ชายชราก็หมดอายุตายไป กระผมรู้สึกหมดที่พึ่งทันที จึงกลับไปสนิทสนมกับเพื่อนชั่วอีก และประพฤติเลวยิ่งกว่าเก่า  คืนหนึ่ง กระผมกินเหล้าแข่งกับเพื่อน เมามากจนใบหน้าร้อนผ่าว หูอื้อตาลาย แต่ยังกำแหงบึ่งจักรยานยนต์เต็มที่จะกลับโรงงาน  ระหว่างทางจึงพุ่งเข้าชนรถบรทุกสิบล้อที่ขับสวนมาอย่างจัง ตายคาที่ มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นวิญญาณมาปรากฏตัวที่นี่แล้ว เมื่อยล้าหมดแรง นัยน์ตาไม่กล้าสู้แสง ได้ยินเจ้าหน้าที่ที่นี่พูดว่า "กระผมแม้จะได้รับถ่ายทอดจุดเครื่องหมายจากพระวิสุทธิอาจารย์ แต่บาปมาก บุญไม่มี เห็นทีจะผ่านด่านการทดสอบ "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ได้ยาก จะต้องให้ยมทูตพาไปไต่สวนตัดสินที่ยมโลก" พระอาจารย์ขอรับได้โปรดเมตตาช่วยกระผมด้วย

พระอาจารย์ ฯ  :  "ฟ้าวิปริตยังเลี่ยงได้     แต่ทำบาปไว้ไม่รอดชีวิต"   เนื่องจากบรรพบุรูษของเจ้าสร้างบุญแฝงไว้เล็กน้อย ทำให้เจ้าได้รับวิถีธรรมจริง แต่เสียดายที่เจ้าไม่เห็นคุณค่า ปิยะวาจาว่าขัดหู บัดนี้ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว อาจารย์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้ หวังว่าคำสารภาพของเจ้า จะเกิดผลเป็นอุทาหรณ์ช่วยชาวโลกได้อย่าเข้าใจผิดว่าเมื่อได้รับไตรรัตน์แล้ว ทำผิดคิดร้าย ยังจะพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ รู้ไว้เถิดว่านัยน์ตาฟ้าละเอียดถี่ถ้วนนักที่สุดของที่สุดคือทำเองได้รับผลเอง ใครก็รับแทนไม่ได้ เจ้าเป็นตัวอย่างชัดเจน ได้บันทึกในหนังสือ ก็ได้หนึ่งคะแนนบุญ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่เจ้ามาก

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เจ้าหนู ทำไมอายุน้อย ๆ ก็มาเป็นวิญญาณผีที่นี่ ช่วยเล่าความเป็นมาเมื่อครั้งที่มีชีวิตในโลกให้ฟังสักหน่อยเพื่อประโยชน์ในการพิมพ์หนังสือ

วิญญาณเด็ก  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ กราบคารวะท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ สวัสดีนักธรรมพี่ กระผมอายุเก้าปี เกิดอยู่ที่เมืองไทเป ทั้งครอบครัวเป็นศิษย์ยุคขาว พอเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ก็อุ้มกระผมไปพุทธสถานรับไตรรัตน์ ทุกคนในบ้านกินเจ และมีจิตศรัทธาต่อธรรมมาก พ่อ - แม่ ของกระผมแต่งงานมานานไม่มีลูกจึงจุดธูปไหว้พระขอลูกทุกวัน ชาติก่อน กระผมเป็นเจ้าหนี้ของพ่อแม่  แต่พระโพธิสัตว์กวนอิมได้โปรดชี้นำจิตให้เลิกอาฆาตและ และประทานให้มาเกิดเป็นลูกของพ่อแม่ เพื่อลบล้างเหตุและผลกรรมที่จะต้องตอบสนองกัน อีกประการหนึ่งก็เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการวิงวอนขอลูก ประการที่สอง ให้กระผมมีโอกาสรับวิถีธรรม เป็นการสิ้นสุดเหตุปัจจัยเกี่ยวเนื่องกันอย่างสมบูณ์  พ่อแม่ให้กำเนิดกระผมแล้วก็ยิ่งศรัทธายิ่งขึ้น สร้างบุญมากมาย เบื้องบนจึงโปรดประธานลูกชายคนที่สองไว้สืบสกุล ผลกรรมของกระผมสิ้นสุดเืมื่ออายุเก้าปี อาศัยเหตุจมน้ำเพื่อละกานสังขาร พ่อแม่ไม่เข้าใจในหลักธรรมนี้จึงเสียใจมากเป็นธรรมดา อาจจะโกรธเคืองโทษฟ้าโทษคนบ้าง รอไว้เมื่อครบร้อยวันแล้ว กระผมจะกลับไปอาศัยร่างทรงบอกกล่าวเหเตุและผล กรรมนี้ให้ทราบโดยละเอียด วันนี้เมื่อมาถึง "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" เบาสบายจริง ๆ เพราะไม่มีอะไรแปดเปื้อน ขอบพระคุณพระมหาบารมีพระอาจารย์ หวังว่าชาวโลกจะเห็นคุณค่าพุทธสัมพันธ์ที่วิถีธรรมช้ายตรงได้มาโปรดถึงครัวเรือน อย่าหน่ายหนีธรรมะ ให้จบสิ้นเหตุและผลกรรมที่ทำไว้ในดอีดชาติ บำเพ็ญให้ใจสว่าง เห็นจิตตนกลับคืนสู่ภาวะเดิิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์และท่านเซียนฯ ได้โปรด ใน "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" นี้ ล้วนแต่วิญญาณที่ได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์สัจธรรมเมื่อครั้งชีวิตอยู่ หมายความว่าวิญญาณใดก็ตามที่พระวิสุทธิอาจารย์ได้ชี้จุดนี้ให้จะต้องมารายงานตัวที่นี่ก่อนทั้งนั้น แล้วจึงไปรับการทดสอบต่าง ๆ จากด่าน "เก้าเก้าจื่อหยังกวน" ใช่หรือไม่ขอรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  ไม่ใช่  ในไตรรัตน์สัจธรรม (ซันเป่าเจินฉวน) ได้ครอบคลุมไปถึงโองการสัจธรรม (เทียนมิ่งเจินฉวน) สืบเนื่องไปถึงพงศาสัจธรรม (เต้าถ่งเจินฉวน)และแฝงความนัยของวิถีแห่งจิตอันเป็นสัจธรรม (ซินฝ่าเจินฉวน) สำหรับคนที่มีพื้นฐานบุญบารมีขั้นสูง เมื่อได้ฟังความหมายอันแยบยลของไตรรัตน์ ฉับพลันใจก็จะสว่างเห็นแจ้งภาวะจิต ประจักษ์ในสถานภาพแห่งจิตของตน พ้นจากการเวียนว่ายในสามโลก เขาผู้นั้นก็จะเป็นอิสระไปสู่พุทธเกษรได้ทุกระดับ จึงไม่ต้องมารายงานตัวที่นี่ อีกทั้งศิษย์ของเรามีพื้นฐานบุญบารมีดี ชั่วชีวิตตนอุทิศเพื่องานธรรมะ พุทธบุตรที่บุญกุศลสมบูรณ์พร้อมเมื่อทิ้งกายสังขาร เทพบุตร เทพธิดาน้อยก็จะอันเชิญฉลององค์ (เสื้อคลุมและสายคาดหยก) เชิญธงเป็นขบวนกองวงมโหรีประทับเกี้ยว (เสลี่ยง) หรือเหินเมฆมาเชื้อเชิญไปสู่เทวาลัย "จิ่วหยังปากั้วเอวี้ยน" เพื่อพักฟื้นระยะหนึ่ง จากนั้น จึงเชื้อเชิญต่อไปยังพุทธาลัย (เทียนฝอเอวี้ยน) ให้เสวยวิมุติสุขรออยู่จนกว่าจะถึงวันเก็บงานรวบรวมญาณบริสุทธิ์เข้าร่วมชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋าก็คือเซียนใหญ่ทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งไม่ต้องมารายงานตัวที่นี่ คืนนี้ ค่ำแล้ว ขอบคุณท่านเชียนที่ติดตามท่องเที่ยวเพื่อให้ความสะดวกในการบันทึกเรื่องราว เราขออำลาเพียงเท่านี้

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  น้อมส่งพระบรพพุทธา ฯ ขอส่งอู้เอวี๋ยน

พระอาจารย์ ฯ  :  ถึงตำหนักพระแล้ว วิญญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม ท่านเทพสถิตประจำดวงดาวทั้งยี่สิบแปดอยู่คุ้มครองตำหนักพระ (ระหว่างที่พระอาจารย์นำญาณของอู้เอวี๋ยนออกไป) ลำบากนักแล้ว โปรดตามเรากลับเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

        นันย์ตาสอง        ซ่อนความนัย        ตรงใจกลาง
"โป๊ยก้วย" วาง            อยู่ข้างใน            ใจจึงเกิด
ดาวหนึ่งส่อง              ประคองฉาย          ให้พราวเพริด
ท่านล้ำเลิศ                เป็นหลักมั่น           ญาณทั้งมวล
                                                                                                                                                     เราคือ
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว
กราบสนองพระโองการพระแม่ ฯ สุ๋พุทธสถาน กราบคารวะแล้วจึงหันมาหาเหล่าเมธา อริยกิจวันนี้ เคร่งครัดท่วงที ต่างทำหน้าที่คุ้มครองตำหนัก เราจะไม่พูดมากไป
                                                                                                                                                  ฮา   ฮา   พัก
        ฟ้าครามใส        ไกลหมื่นลี้        มีจิตผ่อง
ลอยละล่อง                เป็นอิสระ         วิเมลือง
ด้วยฟูเฟื่อง                คุณงามสูง        ได้มุ่งสรวง
จึงลุล่วง                    พุทธเกษร        เจตน์จิตตน
                                                                                                                                                      เราคือ
        เทียนหยาน พระอาจารย์ของเจ้า
วันนี้กราบสนองพระโองการสู่พุทธสถาน กราบคารวะพระแม่จงทรงพระเกษมสำราญแล้ว จึงพบกับศิษย์ต่อไป ด้วยธรรมะนำพา มาบันทึกบททอง ใจตนกับฟ้าสอดคล้อง พร้อม "จอมทัพพิทักษ์" ตำหนักนี้  อู้เอวี๋ยนสงบจิตตามอาจารย์ขึ้นฐานบัว
                                                                                                                                                   ฮา   ฮา   พัก
        ด่านใดใด        มิใช่ด่าน        วิเศษทวาร
ชี้จุดพลัน                จันทร์ฉายแสง  แหล่งกำเนิด
รู้จิตตน                   ภาวะว่าง        อันล้ำเลิศ
แม้มิเกิด                 อวิชายึดติด     จิตว่างกว้างไกล
       
        ทุกคัมภีร์        ที่ออกเสียง     เลียบเคียงธรรม     (มิใช่ธาตุธรรมในตน)
ยึดมือกำ                ยึดลัญจกร      ยิ่งจรจาก            (แม้ลัญจกรก็ไม่ให้ยึด) 
ผู้มีฐาน                  บุญบารใหญ่    รู้หมายชัด
มหาสัทธ์               พุทธะตน        ค้นพบพลัน

        หนึ่งนิ้วนำจิต        ชิดชมพุทธะ        ประจักษ์ในตน
ไม่ต้องคิดค้น               ตถตาแท้            แน่ชัดเป็นนิด
ทวารวิเศษ                  จักษุนิพพาน        ผ่านตาถึงจิต
คัมภีร์สกิด                   สะเทือนหูพลัน     รู้ญาณสัจธรรม

        ลัญจกรคือฐาน      สังขารร่างกาย      ให้ไว้ยืนยัน
ไตรรัตน์พร้อมกัน           มั่นกายวาจาใจ      ได้ร่วมสมาน
ประตูพุทธะ                 จะมุ่งวิถี               สี่หมื่นแปดพัน        (พระธรรมขันธ์)
ทุกทางร่วมกัน             สู่จุดเมตตา            พาเผยแผ่ไป     

        ทุกวิถีทาง        ต่างแสวงหา        การนำพาง่าย
ให้เหมาะกายใจ         จริตต่างต่าง         สร้างเพื่อเสริมส่ง
อนุตตรวิถี                 ไม่มีแบ่งชั้น        แยกกันขึ้นลง
ถ่อมใจรู้ปลง              น้อมนบยินดี       ไม่มีวิจารณ์

        ใครยึดถือมั่น        แก้กันให้หลุด        ผ่านจุดตลอด          (จากจุดญาณทวารถึงนิพพาน)
ยุคขาวโปร่งปลอด          ต่างชื่นชมได้         ดีใจถ้วนหน้า
ผู้รู้สัจจริง                    ไม่นิ่งหลงฟัง          พรั่งพรูวาจา
รู้ภาระว่า                     หน้าที่ช่วยงาน        ยุคกาลแพร่ธรรม
                                                                                                                                                     ไฮ   พัก   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

        ในคัมภีร์วัชรญาณสูตรจารึกไว้ว่า "ผู้ใดเห็นเราด้วยรูป วอนเราด้วยเสียง ผู้นั้นดำเนินมิจฉาปฏิปทา ไม่อาจเห็นตถาคต"  ในลังกาวตารสูตร จารึกไว้ว่า "ใดใดที่รู้ได้ด้วยวาจา ล้วนมิใช่สัจธรรม" ในคัมภีร์คุณธรรม (เต้าเต๋อจิง) จารึกบทต้นว่า "ที่กล่าวอ้างได้มิใช่ธรรมะ ที่กล่าวนามได้มิใช่นามจริง" ในคัมภีร์ทางสายกลาง (จง - อยง) ก็จารึกไว้ว่า "รูปเสียงอันสามารถแปรเปลี่ยนใจคนได้ นั่นคือปลายเหตุ ธรรมะซึ้งฟ้าค้ำจุนไว้ ปราศจากเสียง ปราศจากกลิ่น เป็นที่สุดแห่งรูปนามทั้งปวง" รวมความจากพระธรรมคัมภีร์ทั้งสามศาสนา ล้วนแต่ชี้ให้ชาวโลกรู้ว่าวาจาหรืออักขระใด ๆ ล้วนเป้นเพียงสัญลักษณ์ เครื่องหมายเป็นสื่อให้เท่านั้น หาใช่ธาตุแท้ไม่ จึงทำความเข้าใจได้ว่า "ทุกมรรควิถีไม่มีธาตุแท้จิตภาวะตน และล้วนคืนสู่ว่างเปล่า" บัดนี้ศิษย์สูงด้วยปัญญาทั้งหลายชอบแต่จะคิดค้นคำไขชอบทะยานทางไกล บ้างเน้นหนักให้แตกฉานประวัติการถ่ายทอดพงศาธรรมแท้ หรือมุ่งความสำคัญให้แก่สัจจะพระโองการ  มุ่งหน้าเจาะจงค้นคว้า จึงตกทะเลคัมภีร์ห้าศาสนาโดยง่าย อีกมักจะมองข้ามประจักษ์พยานหลักฐาน ขาดการปฏิบัติจริงต่อไตรรัตน์สัจธรรม ต่อความหมายแท้จริงแยบยลของความเป็นตถตา (พระยูไล) จึงเป็นเหตุให้ทิ้งต้นกำเนิดที่มาใฝ่หาปลายก้อย จมอยู่กับอักขระคำสอนจนถอนตัวไม่ขึ้น อันที่จริงหมื่นพันคัมภีร์ล้วนเป็นเพียงคำบรรยายชักนำตามจิตสำนึก ซึ่งมีสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่ขาดหายแม้เส้นใยในจิตภาวะดังทะเลของทุกคน เพียงแต่ศิษย์เมธีจะทำความเข้าใจให้รู้แจ้งถึงธาตุแท้ของไตรรัตน์ในใจตน รู้จักคุมจิตสำรวมใจในชีวิตประจำวัน ก็จะกลมกลืนกับธาตุธรรมเช่นคำที่ว่า "ธรรมารมณ์เกิดแต่จิต และดับด้วยจิต" ฉะนี้  สำหรับคนปัญญาระดับกลางและต่ำมักจะเหมือน "กล้อมแกล้มกลืนพุทรา" ไม่ศึกษาให้ละเอียดถึงความหมายอันแท้จริงในไตรรัตน์  บ้างจดจ่ออยู่กับญาณทวาร  บ้างยึดมั่นในรูปนามของไตรรัตน์  บ้างหลงติดในอภินิหาริย์ของไตรรัตน์  ดูหมิ่นคัมภีร์ปิฏก ยกตนออกหากจากธรรมธาตุของจิตอันเท่าเทียมกัน สร้างกรรมรับกรรม  ตกอยู่ในกองทุกข์ของมิจฉาทิฐิ บำเพ็ญอย่างโดดเดี่ยว ถือดีในวงแคบเฉพาะตน พึงรู้ไว้ว่าคัมภีร์ปิฏกของห้าศาสนาล้วนเผยเมตตาจิตฟ้าเสริมสร้างธรรมะบุคลากร เช่นเดียวกับไตรรัตน์สัจธรรมวิถีแห่งจิต ซึ่งแม้อาจจะต่างกันด้วยนามรูป แต่ความหมายอันแท้จริงก็คือ "ไตรรัตน์สัจธรรม" นั่นเอง  ศิษย์เมธีทั้งหลายหากแม้เจ้าเข้าถึงลึกซึ้งในคัมภีร์ปิฏกของห้าศาสนา ก็จะยิ่งสำนึกรู้ความละเอียดประณีตอันกว้างใหญ่รายรอบของ "ไตรรัตน์สัจธรรม" ในยุคขาว

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน คืนนี้เราจะไปเยี่ยม "สถานเตรียมการเก็บวิญญาณสมบูรณ์"  กัน ในเวลานั้น จะมีพระเทวินทร์แสดงธรรมจะเปิดประตูใหญ่หัวใจฟ้าเก็บงานสมบูรณ์ ศิษย์เมธีเจ้าจะต้องสำรวมกายใจ อย่าได้เผลอไผล

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์น้อยรับบัญชาพระอาจารย์ มิกล้าหละหลวม

พระอาจารย์ ฯ  :  สาธุ ฯ  ได้เวลาแล้ว ขอรบกวนยี่สิบแปดดาวเทพสถิต ได้กวดขันดูแลตำหนักพระ เราทั้งสองจะออกเดินทาง

อู้เอวี๋ยน  :  หอสูงสีแดงเบื้องหน้าคือ "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" ที่เราได้มาเยือนเมื่อคืนก่อนใช่ไหมขอรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  ใช่แล้ว  ความจำของศิษย์ไม่เลวเลย เนื่องจากเวลาและพระโองการกำหนดไว้ คืนนี้เราจะไม่หยุด ณ ที่นี้ "สถานเตรียมการเก็ยญาณสมบูรณ์" ยังห่างจากนี้อีกครึ่งลี้ ศิษย์เมธีรีบสงบจิตติดตามอาจารย์มา

อู้เอวี๋ยน  :  การเก็บงานเป็นเรื่องใหญ่ในสามโลก ไม่ทราบว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รับสนองเก็บงานฟ้าดินจะโอ่อ่าโอฬารเพียงใดหรือขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

พระอาจรย์ ฯ  :  แท้จริงสัทธรรมเป็นอสังขตะไร้รูปลักษณ์ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" ได้ก่อตัวขึ้นจากสัจจพลานุภาพของฟ้าดินเพื่อสนองรับกำหนดกาล ภายในที่ทำการเต็มไปด้วยเหล่าเซียนชาวฟ้า แยกลัทธิกายรับสนอง  เตรียมงาน  สร้างแผนงาน  แนะแนว  จัดส่งผู้บำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรมในทุกศาสนา เพียงแต่ผู้บำเพ็ญได้รู้แจ้งจิตตน ไม่ว่าศาสนาใด ล้วนจะได้ลงทะเบียน ณ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" สำหรับคนที่พาตนและผู้อื่นให้พ้นเวียนว่าย ถึงวันเก็บงานเมื่อใด ย่อมได้ร่วมงานชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋า สดับเทศนาจากพระศรีอาริย์ บรรลุมรรคผลพ้นเวียนว่าย

อู้เอวี๋ยน  :  ตำหนักใหญ่ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มีลักษณะเหมือนวัดโบราณในโลกมนุษย์ บนหลังคามีมังกรสีเขียวพันอยู่  มีนกเซียนหลายหลากจับเกาะ เสาคานบานผนังมีภาพสีลายนูน กลิ่นหอมกรุ่นโชยมาไม่ขาดสาย ทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในพลานุภาพของดินแดนวิสุทธิ์  เหนือทวารตำหนักกลาง เห็นแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามขวาง จารึกอักษรด้วยพู่กันจีนโฉบเฉี่ยวดังหงษ์ร่ายมังกรบิน เส้นแกร่งแรงตวัด ลักษณะเฉิดฉาย ได้ความว่า "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" (โซวเอวี๋ยนโฉวเป้ยชู่)  สองข้างประตูตำหนักยังมีกลอนคู่จารึกไว้ว่า 

                                       อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า             หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน   
                                       ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน            เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

นับเป็นที่พึ่งพาของญาณทั้งหลาย เป็นเหตุปัจจัยครั้งใหญ่ที่เวไนยต่างมุ่งหวังทีเดียว

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สงบใจ เทวมาตย์ กำลังออกจากตำหนักตรงมา อย่าลืม พุทธจริย อย่าได้เสียกิริยา

เทวมาตย์  :  กราบคารวะ พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน ทรงพระสำราญ  คืนนี้ ข้าพเจ้าผู้โง่เขลา รับบัญชาทำหน้าที่เฝ้ารับพระองค์ผู้สนองงานพระโองการฟ้าอยู่ ณ ที่นี้เพื่อนำมาชมสถานที่ทำการ อีกทั้งไขข้อข้องใจแด่อู้เอวี๋ยน ตามพระประสงค์เบื้องบน ฝ่ายงานต่าง ๆ ก็กำลังรอน้อมรับท่านทั้งสอง โปรดตามข้าพเจ้าเข้าสู่ภายใน

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อย กราบคารวะองค์เทวมาตย์ ความโง่เขลาของศิษย์ประการใด ขอได้โปรดชี้แนะ

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน ถ่อมตัวเกรงใจยิ่งแล้ว (ขณะสนทนา ทั้งสามดำเนินพลางผ่านพระตำหนักเข้าไป อู้เอวี๋ยนเห็นแต่ละองค์แต่งเครื่อง เซียนทั้งนั้น ภายในตำหนักโอ่โถงสงบเงียบ โต๊ะเก้าอี้เรียงรายเป็นระเบียบ บนโต๊ะทำงานมีสมุดบัญชีซ้อนเป็นตั้งสูง เซียนเจ้าหน้าที่ต่างก้มหน้าสาละวนวุ่นมากกับการตรวจสอบหลักฐาน พลันได้ยินเสีบง "กราบพระบรรพพุทธา" พร้อมกัน อู้เอวี๋ยนจึงรู้ตัวจากภวังค์)

Tags: