collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 30908 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา   

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก         
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )               

        จิตเป็นสอง        พลันต้องตก        โลกโลกีย์
คลื่นฤดี                    มีลมหวน            ป่วนแปดทิศ
อยู่อาศัย                  ในโลกคน           จนหลงผิด
ญาณชีวิต                 จิตไม่ตื่น            หมื่นอาดูร
                                                                                                                                           เราคือ
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว
กราบสนองพระโองการฯ พร้อมกันสู้พุทธสถาน กราบคารวะพระแท่นที่บูชา แล้วถามว่า เมธาทั้งหลายคงสบายดี วันนี้ชุมนุมอริยะ เบื้องบนประทานอักษรทอง เหล่าเราพร้อมคุ้มครองตำหนักพระ
                                                                                                                                      ฮวา   ฮวา    พัก
        ทั้งเทพฯ คน        ลนลานใจ        ใกล้คับขัน
จึงสร้างสรรค์                เรือเมตตา        มาหนุนนำ
สร้างโลกใหม่               ให้บริสุทธิ์       ผุดผ่องล้ำ
พระฯ ต้องจำ                สู่โลกมา        ดังปณิธาน
                                                                                                                                            เราคือ
        พระสงฆ์จี้เตียน  เทียนหยาน  พระอาจารย์ของเจ้า
วันนี้ได้กราบสนองพระโองการฯ ลงสู่ตำหนักพระ กราบคารวะพระแม่ ฯ แล้ว  จึงหันหาเหล่าเมธี วันนี้เป็นบุญใหญ่ร่วมท่องพุทธาลัย " อู้เอวี๋ยน " ศิษย์รัก องอาจจิตมั่น ร่วมสนองพระโองการ ประพันธ์อักษรทอง ภาระยิ่งใหญ่หนทางไกล หวังศิษย์เจ้าจงรอบคอบ เร่งสงบจิตญาณ ตามอาจารย์ขึ้นบงกชท่องโลกพระพุทธา พานหะพิเศษนั่งให้มั่น บันทึกความตามโอวาท ศิษย์อื่น ๆ ทั้งหลายให้สงบ ตั้งใจฟังคำสัตย์จริง  เรารับสนองพระโองการ ปกครองธรรมจักรวาลครั้งนี้ ยุคขาวที่สามกำหนดกาลเริ่มงานปรกโปรดทั่วไป พุทธะเซียนแบ่งภาคลงเกิดกาย พระแม่ฯ โปรดทอดถ่ายสัจธรรม ตั้งแต่โบราณจนบัดนี้ ธรรมะวิถีมีเพียงหนึ่งซึ่งสอดคล้องพระอริยเมธาเก่าก่อนแล้วขานไข ลึกล้ำความนัยว่า "เทพเจ้าแห่งหุบเขา" ( จิตเป็นภาวะสัจธรรมที่ไม่ตายสถิตในญาณทวารดังเทพเจ้าแห่งหุบเขา ) ชี้ให้เห็นทางเกิดตาย อาจารย์เจ้าคือเราพระอาจารย์ บุญบันดาลสืบพงศาฯธรรมาจารย์ที่สิบแปดเทียนหยาน สนองอนุตตรพระโองการฯ ยาวนานหมื่นแปดร้อยปี  มอบหมาย "เตี่ยนฉวน" ขยายงาน ช่วยสามโลกได้รู้ทางกลับต้นเดิม พุทธะ อริยะขวนขวาย เที่ยวไปแปรเปลี่ยนโลกกว้าง หลักคำสอนท่านขงจื้อ ท่านเมิ่งจื้อบรมครูช่วยกู้ภัยแปรโลกสะอาดใส อุบลทิพย์บังเกิดในแดนดิน บัดนี้วงการธรรมะเกิดหมอกควันอุบาทว์ หมายมาดแย่งยื้อชื่อลาภ ต้มถั่วด้วยต้นถั่วเดียวกัน ใจอาจารย์เหมือนเข็มเหน็บเจ็บกลางใจ แต่ละหน่วยล้วยถ่ายทอดสัจธรรม บัดนี้คร่ำวุ่นวายเหตุใดหรือ, " สายทอง "  " พระโองการ "  อะไรฤา จิตตนคือธาตุทองแกร่งมโนธรรม เมื่อเห็นวิถีธรรมสุดท้าย ใจคนยังถือดี แม้ไม่ก้องอัสนี จะฉุดช่วยเมธีคงยากนัก จึงกราบพระแม่ฯ โปรดเมตตา ประทานบันทึกท่องพุทธาลัย เผยความนัยเป็นบททอง เพื่อช่วยผองคนบุญได้ง่ายดาย
                                                                                                                                        ฮา   ฮา   พัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา   

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก         
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )     

        เมื่อรับสนองพระโองการฟ้ามาไว้ ยิ่งห่วงใยชะตากรรมของชาวโลก ดูโลกีย์ธุลีเหลืองคละคลุ้ง ( หลงกามเมถุน ) คุณสัมพันธ์ต่อกันตกต่ำ ชายด้อยภักดีกตเวทิตา หญิงด้อยพรหมจรรย์ มองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าเหลวไหล ผีสางเทวดาว่าว่างเปล่า เอาแต่เสพสุขใฝ่หาค่าวัตถุจนจารีตสังคมเสื่อมทราม คุณงามความเป็นคนสิ้นสูญ พระทัยฟ้าอาดูร มิอาจดูดายชีวิตทั้งหลายมลายด้วยภัยพิบัติ จึงโปรดประทานทุกเหล่าเทพเทวากลับพระภาคเกิดมาช่วยฟ้าแพร่ธรรมชำระใจคน เพื่อลบล้างพิบัติภัย สร้างโลกใหม่เอกภาพวิสุทธิ์ดุจสวรรค์ โน้มนำพระมหาปณิธานพระศรีอาริย์และพระพุทธาบังเกิดมาสู่แดนดิน เมื่อนั้น งานชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋าโอฬาร กว้านเก็บเศษวิญญาณดื้อรั้น โองการธงประกาศิตยุคขาวนำทาง บัดนี้อริยะวิถีแพร่หลาย ช่วยคนได้พัน ๆ หมื่น ๆ  ที่ยังไม่ดีพอคือมวลศิษย์ที่ปฏิบัติงานธรรมยังมิสำนึกในมหาเมตตาสภาวะเดียวกับฟ้า อันเป็นที่มาแห่งตน กลับใช้ใจคนแบ่งแยกแตกพวกเป็นนักฝ่านทอนถ่ายกำลังธรรมซึ่งกัน ไตรรัตน์แห่งธรรมกาลยุคขาว เป็นหัวใจของทุกแนวทางธรรมะในฟ้าดิน แฝงความนัยอันแยบยลจากการถ่ายทอดสัจธรรมของบรรพจารย์ สอดคล้องกับความนัยอันวิเศษ ซึงประจักษ์ชัดในพระธรรมคัมภีร์ทุกสมัย ผู้ได้ประสบล้วนเป็นพุทธบุตรที่ผ่านการบำเพ็ญ มีพุทธสัมพันธ์อันลึกซึ้งมาแต่อดีตชาติ แต่จนใจ ที่การมาบำเพ็ญวิถีสุดท้ายนี้ผู้คนติดสังขารวิญญาณกันมาก ปัญญามืดมัวไม่อาจรู้ซึ้งในภาวะตถาตา ( อันเป็นพระประสงค์แท้จริงที่โปรดถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรมให้ในครั้งนี้ ) บ้างหลงผิดติดรูปบูชา ติดพุทธสถาน พิธีการต่าง ๆ ติดเสียง ติดพระธรรมคำบรรยาย ติดสักการะฐานะ ประโยชน์ลาภผล ฯลฯ จึงเป็นความหลงไปสู่ความหลง ดังหมอกควันครอบคลุมโลกในธรรมกาลยุคขาว ซึ่งกำลังโปรดสัตว์อย่างกว้างขวางในขณะนี้  อาจารย์สะท้านจิต หวังให้ศิษย์ผู้ได้รับและปฏิบัติงานธรรมพิจารณาบันทึกล้ำค่า ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งต่อความหมายอันแท้จริงของธรรมะแห่งยุคขาว  รู้เรา  รู้เขา  สำเร็จตน  สำเร็จท่าน ร่วมช่วยเก็บงานเพื่อเบื้องบน
                                                                                                                                                   ไฮ   พัก
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว ให้เข้ารักษาหน้าที่ คุ้มครองพุทธสถานเคร่งครัด

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยนศิษย์รัก ญาณใจใสสงบ น้อมนบพระบัญชา รีบหลับตา อาสน์บัวพาขึ้นเบื้องบน

อู้เอวี๋ยน        :  อาจเอื้อมทูลถามพระอาจารย์ ที่นี่ที่ใดขอรับ เห็นภูเขาหนึงลูกอยู่เบื้องหน้า บนภูผาสลักอักษร " ภูเขาหัวใจ " (ซินโถวซัน) งดงามอร่ามเรือง

พระอาจารย์ ฯ :  ภูเขาลูกนี้ชื่อว่า "ซินโถวซัน" สูงขึ้นไปคือ "ประตูสวรรค์" เชิงเขาอีกด้านหนึงมีถ้ำขวางอยู่มืดมิดไม่เห็นก้นถ้ำ ซึ่งก็คือ "ถ้ำนรก" (ตี้-อวี้-ต้ง) คนมีจิตใจสว่างเที่ยงตรง ต่ยไปวิญญาณมีพลังสว่างใส (ชิงหยังซี่) เต็มที่ก็จะขึ้นภูเขาไป ตรงกันข้ามหากทำผิดคิดร้าย วิญญาณหนักอนาถ ก็จะลงจากภูเขาตกไปสู่ความมืดที่ไม่เห็นก้นถ้ำ ดังพุทธะวจนะที่ว่า " ใจสร้างสวรรค์ได้ ใจก็สร้างนรกได้ " ทั้งสามโลกขึ้นอยู่ที่ใจ โดยอาศัยคิดดีคิดชั่วเพียงวูบเดียว "

อู้เอวี๋ยน     :  เช่นนี้นั่นเอง ขอบพระคุณพระอาจารย์ประทานความเข้าใจ สวรรค์ - นรก สร้างด้วยใจ การมาท่อง " ภูเขาหัวใจ " จึงมีความนัยอยู่ มิน่าเล่าบันทึกท่องสวรรค์ - นรกและด่านจิ่วหยัง จึงนำท่องภูเขานี้ก่อนทั้งนั้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา   

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก         
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )     

พระอาจารย์ ฯ  :  ใจคือพุทธะ        จะยังหันหน้า        มองหาที่ไหน
                    เพีัยรทำภายใต้     เจดีย์หลิงซัน        บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                    ภูเขาหัว - ใจ       อยู่ ณ ที่ใด          จะใคร่ชมชิด
                    แท้จริงสนิท        ติดตัวทุกผู้           ตนรู้ซึ่งตน       
       
        ศิษย์รัก กลอนนี้เป็นปริศนาธรรมที่ไพเราะมาก วันนี้ สองเราศิษย์กับอาจารย์สนองพระบัญชาสร้างหนังสือทอง " ท่องพุทธาลัย " ก้ไม่ไกลไปจากภูเขาหัว - ใจ นี้ นั่นเอง

อู้เอวี๋ยน  :   ใจเกิด        สภาวะต่าง ๆ จึงเกิด
              ใจดับ         สภาวะต่าง ๆ ก็ดับ
       
        คืนนี้ท่องภูเขาหัว - ใจ  ได้เปิดนัยน์ตาใจครั้งใหญ่จริง ๆ ไม่ทราบว่าพระอาจารย์จะนำศิษย์ไปที่ไหนขอรับ

พระอาจารย์ ฯ :  ทุกคนเมื่อหมดอายุขัย ไม่ว่าชั่วดีล้วนยากที่จะหลีกเลี่ยง " ปากทางสามแพร่ง " เพื่อแบ่งสถานภาพ พระพุทธะ  พระอริยะฯ  เทพฯ พรหม วิญญาณผีในสามโลก  เราไปเยี่ยม " ที่ทำการตรวจสอบผู้ตาย " (หวังหลิงจีฉาสู่) หน้าปากทางสามแพร่งกันเถอะ   

อู้เอวี๋ยน  :  วันนี้เป็นครั้งแรกที่ศิษย์โง่ได้ติดตามพระอาจารย์ มาท่องแดนอริยะ ทุกอย่างล้วนแต่พระอาจารย์จะโปรดเถิดขอรับ ระหว่างสนทนาได้ล่วงทางมาไกลอีกหลายสิบลี้ โดยไม่ทันรู้ เห็นทางสามแพร่งอยู่เบื้องหน้า ผู้คนมากมายเอ็ดอึง เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นไหล่เขา ด้านขวามีศิลาจารึกสูงประมาณหกฟุต กว้างสองฟุตแผ่นหนึ่ง  สลักอักษรสี่คำว่า " ปากทางสามแพร่ง " (ซันชาลู่โขว่)

พระอาจารย์ ฯ  :  บาป บุญ ที่ชาวโลกทำไว้จะต้องถูกสอบถามจากที่ทำการตรวจสอบตรงปากทางสามแพร่งนี้ เพื่อตรวจสอบยืนยันบาปบุญ  จากนั้นจึงส่งไปในธรรมโลก บุญโลก และยมโลก  ที่ทำการตรวจสอบ จึงเป็นจุดสำคัญที่สุดในการแบ่งแยกสามโลก ป้ายหนือประตูเทวาคารใหญ่เขียนไว้ว่า " ที่ทำการตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย " ข้างประตูด้านขวามีกลอนคู่ สีทองอร่ามน่าคร้าม เขียนไว้ว่า " มีผลบุญ   ข้อมูลใส   พิจารณาให้ไม่สับสน  ขาดกุศล   ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น "

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยนศิษย์รัก เซียนผู้ปกครองที่ทำการ ออกมาต้อนรับแล้ว รีบคารวะ อย่าเสียจริยา

อู้เอวี๋ยน  :  คารวะเซียนผู้ปกครองฯ คืนนี้ข้าพเจ้าผู้โง่เขลา มีอริยสัมพันธ์ ได้ติดตามพระอาจารย์มาท่องที่ทำการของพระองค์ ขอได้โปรดเมตตาชี้แนะ           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา   

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก         
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )     

เซียนผู้ปกครองฯ  :  ผู้น้อยกราบคารวะพระบรรพจารย์ อู้เอวี๋ยน อย่าได้เกรงใจ ท่านเป็นผู้บำเพ็ญในโลก ครั้งนี้ได้สนองพระโองการติดตามพระอาจารย์มาท่องที่ทำการนี้ เราจะแนะนำรายละเอียดตามพระบัญชา เพื่อประกอบการประพันธ์หนังสือศักดิ์สิทธิ์ส่องทางสว่างแก่ชาวโลก

พระอาจารย์ฯ  :  ขอบคุณท่านเซียน อย่าได้มากจริยาเลย  คืนนี้เราทั้งสองมาถึงที่ทำการของท่านต้องขออภัยสำหรับทุกอย่างที่เป็นการรบกวน

เซียนผู้ปกครองฯ  :  พระบรรพจารย์ช่างเกรงใจ เมื่อพระโองการไปถึงที่ใด ทุกชีวิตญาณย่อมน้อมคารวะ ข้าพเจ้าเพียงแต่ปฏิบัติตามพระบัญชา ทำตามหน้าที่เท่านั้น ได้โปรดรับทูนน้ำชาข้างในก่อนเถิด

อู้เอวี๋ยน  :  ที่ทำการนี้กว้างขวางมาก เทวาคารหอเหลาใหญ่ ๆ หลังคาซับซ้อนลดหลั่น แบ่งสรรจัดส่วนเป็นระเบียบเรียบร้อย

เซียนผู้ปกครองฯ  :  ทั้งสองท่านเชิญประทับ เชิญนั่ง เซียนเจ้าหน้าที่ถวายน้ำชา เชิญดื่ม สักครู่ข้าพเจ้าจะนำชมสถานที่และการปฏิบัติงาน

พระอาจารย์ฯ  :  อู้เอวี๋ยน รีบดื่มน้ำชาเซียนร้อน ๆ ชำระละอองโลกีย์ในจิตญาณของเจ้าเสีย นัยน์ตาใจใสสว่าง จะช่วยงานท่องบันทึกได้

อู้เอวี๋ยน  :  โอ้ แปลกจริง ศิษย์รู้สึกชุ่มชื่นใจ ทัศนวิสัยสว่าง จิตแจ่มใสขึ้นมาทันที

เซียนผู้ปกครองฯ  :  สายแล้ว เชิญทั้งสองตามข้าพเจ้าเที่ยวชมที่ทำการเถิด  ที่นี่ เป็นสถานตรวจสอบผลบาปบุญของวิญญาณผู้ตายเมื่อครั้งมีชีวิต ห้องโถงมหึมาที่เราเพิ่งผ่านเข้ามา เป็นที่ทำการตรวจสอบวิญญาณ ลงทะเบียน ให้ป้ายประจำตัวเรียกว่า " กองอำนวยการตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย "
ห้องแรกทางขวามือ คือ ห้องตรวจสอบวิญญาณผู้ตายที่ได้รับวิถีอนุตตรธรรม
ห้องที่สอง    คือ ห้องตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย ศาสนิกของศาสนาขงจื้อ เหลาจื้อ และศาสนาพุทธ
ห้องที่สาม    คือ ห้องตรวจสอบวิญญาณผู้ตายทั่วไป
ห้องที่สี่       คือ ห้องตรวจสอบเหตุ และผลกรรม

อู้เอวี๋ยน  :  ทางด้านซ้ายมือมีอาคารธรรมดาเป็นแถวยาว ไม่ทราบคืออะไรขอรับ

เซียนผู้ปกครองฯ  :  อาคารแรกซ้ายมือคือ "ห้องพักวิญญาณสามัญ " ถัดไปไม่ไกลคือ " ห้องพักวิญญาณคนบุญ "

อู้เอวี๋ยน  :  ห่างออกไปอีกประมาณหนึ่งลี้ เป็นหอสูงสีแดงสะดุดตา ไม่ทราบว่าอะไรขอรับ

เซียนผู้ปกครองฯ  :  หอแดงนั้นคือ " ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม " วิญญาณผู้ตายที่ได้รับวิถีธรรม จะมาพักรอการตรวจสอบทะเบียนและพักผ่อนที่นี่

อู้เอวี๋ยน  :  ถัดจากนั้นไปประมาณครึ่งลี้ ดูเหมือนวัดโบราณทางโลก เชิงชายคาเป็นลวดลายปลายงอน ผนังขื่อคาน สลักเสลาวิจิตรงดงาม นั่นคืออะไรขอรับ

เซียนผู้ปกครองฯ  :  ที่นั่นคือที่ " เตรียมการเก็บงานสมบูรณ์ของคนเดิม " พึงรู้ว่าบัดนี้เป็นช่วงปลายของการโปรดสามโลกตามกำหนดฟ้า หมื่นพันศาสนาจะปรากฏ เพื่อร่อนตะแกรงแบ่งแยกบาปบุญ ชาวโลกที่ตาย ไม่ว่าสูงส่งดีงามหรือไม่ ล้วนจะต้องผ่าน "ที่ทำการตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย" แห่งนี้เพื่อยืนยันทะเบียนจากนั้นจึงแยกย้ายนำไปยังห้องตรวจสอบของแต่ละศาสนา ยืนยันหมายเลขตามป้ายประจำตัวและสอบบาปบุญต่อไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา  

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก        
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )    

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณที่โปรดชี้แจง  หญิงชายมากมายเหล่านั้นมุงกันเต็มอยู่หน้าที่ทำการ ดูอย่างกับวิญญาณที่เพิ่งตายมา เจ้าหน้าที่ชาวฟ้ากำลังสอบทะเบียนขานชื่อ แจกป้ายประจำตัวสีแดง สีเขียว สีขาว สีดำ สีเหลือง ฯลฯ กันอยู่  เมื่อวิญญาณได้รับป้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ก็นำส่งยังห้องตรวจสอบที่ระบุไว้บนป้ายประจำตัว จากนั้นก็ส่งไปยังห้องพัก แต่ละฝ่ายตามสีของป้าย เพื่อรอเจ้าหน้าที่เฉพาะมานำไปยัง ""สถานสนองบาปบุญที่ปากทางสามแพร่งหรือตำหนักตรีเทพฯ (ซันกวนเตี้ยน) หรือ เก้าเก้าด่านจื่อหยัง (จิ่วจิ่วจื่อหยังกวน) ""

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  อู้เอวี้ยน ทัศนาละเอียดแท้ เราจะอธิบายให้ฟังอีกทีเพื่อให้ชาวโลกเข้าใจ  วิญญาณผีทั่วไป เมื่อได้รับป้ายแล้วก็จะพักรออยู่ที่ห้องพักวิญญาณสามัญข้างหน้าโน้นจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมานำไปยัง " สถานรวมวิญญาณ " (จวี้หุนสั่ว) เพื่อตรวจสอบบาปบุญที่ทำไว้ในโลก จากนั้นจึงรับการตัดสินว่าจะต้องรับทุกข์อยู่ในนรก หรือไปเกิดเป็นคนร่ำรวยสูงศักดิ์ ยากจนต่ำต้อยในโลกต่อไป  หากถวายตัวเป็นศิษย์ที่ตำหนักพระวัดวาใด หรือเป็นคนใจบุญสุนทานก็จะต้องนำไปรวมไว้ที่ "" ห้องพักวิญญาณคนบุญ ""  จนกว่าเจ้าหน้าที่ชาวฟ้าจะมานำไปยัง ""สถานสนองบาปบุญ "" ของแต่ละศาสนา ยืนยันผลบุญบำเพ็ญที่ทำมา เพื่อตัดสินระดับสูงต่ำต่อไป  ส่วนคนที่ได้รับวิถีธรรมในโลก ก็จะให้รอคอยอยู่บนหอแดงที่ ""ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม "" จนกว่าเจ้าหน้าที่เซียนจะมานำไปสอบสวนไตรรัตน์ "" ณ ที่ทำการตรีเทพฯ "" แล้วส่งต่อไปยัง ""เก้าเก้าด่านจื่อหยัง "" เพื่อตรวจสอบผลบุญกุศลจากการบำเพ็ญ

พระอาจารย์ ฯ  :  สาธุ ท่านได้โปรดชี้แจงหน้าที่แต่ละฝ่ายในที่ทำการของท่าน ทำให้เนื้อหาสาระในบันทึกฯ นี้ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อนุโมทนายิ่งแล้ว

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  มิกล้า มิกล้า  เมื่อเห็นความวิปริตของชาวโลกปัจจุบัน ข้าพเจ้านั้นจนปัญญาจะช่วยเหลือ โชคดีที่พระบรรพจารย์มุ่งมั่นจะกอบกู้และได้รับพระบัญชาฯ บันทึกท่องพุทธาลัย ถือเป็นบุญอมตะดดยแท้  วันใดที่ที่หนังสือนี้เผยแพร่สู่ชาวโลก จะสามารถสร้างประโยชน์ปรกโปรดคนหลงแปรเปลี่ยนชาวโลก ปุถุชน ปฏิรูปอาณาจักรธรรมได้  ผู้น้อยสนองพระบัญชาคอยดูแลอยู่ ณ ที่นี้ ได้มีส่วนร่วมในงานศักดิ์สิทธิ์นี้เพียงน้อยนิดก็รู้สึกอิ่มเอิบใจแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12/08/2011, 10:37 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา 

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก       
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )     

อู้เอวี๋ยน  :  การฉุดช่วยสามโลกเก็บสรรพญาณอันกลมกลืนไม่ใช่เรื่องเล็ก วันนี้กระผมได้มาพบเห็นยิ่งซาบซึ้งประทับใจ ไม่กล้าใจเบาอีกเลย

พระอาจารย์ฯ  :  ปัจจุบันวิทยาศาสตร์วัตถุก้าวหน้า ผู้คนสำคัญตนว่าปราดเปรื่อง เห็นเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณเลวไหล จึงขอรบกวนเซียนผุ้ปกครองฯ นำเราไปทัศยาเพื่อบันทึกรายละเอียด ไว้เตือนชาวโลกด้วย

เซียนผู้ปกครองฯ   :  เป็นบุญยิ่งนักที่ีสามารถทำอะไรให้แก่งานเก็บธรรมญาณครั้งใหญ่นี้ได้บ้าง โปรดตามข้าพเจ้ามาเถิด   อาคารหลังที่อยู่เบื้องหน้านั้นกว้างขวางร่มรื่นน่าสบาย โต๊ะเก้าอี้เรียงรายเป็นระเบียบ บนโต๊ะเล็กมีผลไม้ ขนม น้ำชา หนังสือคัมภีร์ ชุดหมากรุกวางอยู่  ผู้เข้ามาพักต่างอ่านหนังสือ ดื่มน้ำชา เล่นหมากรุก สนทนากันโดยไม่กำจัดศิษย์ ที่นั่นก็คือ ""ห้องพักวิญญาณสามัญ "" เชิญเข้าชมได้

อู้เอวี๋ยน  : วิญญาณที่พักผ่อนอยู่ในอาคารประมาณได้ร้อยกว่าคน มือถือป้ายประจำตัวสีต่าง ๆ กัน สีหน้าก็ต่างกัน เพราะอะไรหรือขอรับ

เซียนผู้ปกครองฯ  :  วิญญาณของทุกคนเป็นอิสระ เพราะที่นี่จัดเฉพาะให้พักผ่อน ไม่มีสถานที่ลงทัณฑ์  ""วิญญาณที่มือถือป้ายสีขาวคือ ผู้สำรวมตนเจียมตัว""ที่ถือ ""ป้ายสีดำคือคนฮ้อฉลผิดคุณธรรม"" จึงทุกข์ร้อนกังวลขมวดคิ้ว เพราะสำนึกเสียใจในความผิดที่ได้ทำมา แสดงสีหน้าหวาดกลัวโทษทัณฑ์ ที่ถือป้ายสีขาวแม้มีชีวิตไม่ได้สร้างสมบุญกุศลอะไร แต่ก็เจียมตัวดีอยู่ จึงสงบกว่าและไม่แสดงสีหน้าทุกข์ร้อน วิญญาณในห้องจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ชั่วคราว จนกว่ายมทูตจะนำไป ""สถานรวมวิญญาณ"" ในนรก เพื่อตรวจสอบชีวิตที่ผ่านมา แล้วจัดการไปตามเหตุและผลของกรรมนั้น

พระอาจารย์ ฯ  :
โลกอินหยาง        มืดสว่าง        ไม่ต่างกัน        (มาจากสัจธรรมเดียวกัน)
ทุกชีวัน              เกิดดับ         กับเหตุผล         (ตามกฏแห่งกรรม)
ยุติธรรม             คือนัยน์ตา      ฟ้าเบื้องบ         (นัยน์ตาฟ้าเห็นชัด)
แม้เสันขน          ไม่เลยละ        ปละปล่อยไป    (ผิดเล็กน้อยก็หนีไม่พ้น)
       
ขอเตือนชาวโลก อย่าสำคัญตนว่าฉลาด ทำผิดคิดร้ายในที่ลับ  พึงรู้ว่าเหนือศรษะสามฟุต มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เมื่อทำชั่วกฏหมายทางโลกไม่ละเว้น  กฏของโลกมึดยิ่งเล็งเห็นถี่ถ้วน เข้มงวดจนหนีไม่หรอด ฉะนั้นหากต้องการหนทางสว่างราบเรียบ ก็จะต้องรักษามโนธรรมไว้ทุกขณะ จึงจะนำมาซึ่งความผาสุก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก       
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )   

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์พูดถูก ชาวโลกไม่เชื่อกฏแห่งกรรมว่าเข้มงวดกวดขันไม่พลาด คนฉลาดจึงมักพลาดเพราะความฉลาดของตน คิอว่าตายแล้วอยากถือป้ายสีขาว จิตใจสงบก็ต้องรักษาคุณธรรมความดี จึงจะมีหลักประกันไม่ต้องเจอเรื่องกฏแห่งกรรม

เซียนผู้ปกครองฯ  :  คำพูดสะท้อนใจระหว่างอาจารย์กับศิศย์นี้ หวังว่าชาวโลกจะสำนึกดีและทำตม   จากนี้ เราจะไปเยี่ยม ""ห้องพักวิญญาณคนบุญกัน""

อู้เอวี๋ยน  :  ห้องนี้กว้างใหญ่งดงามสงบเงียบ อุปกรณ์เครื่องใช้คล้ายกับห้องพักวิญญาณสามัญแต่บรรยากาศยิ่งสงบเยือกเย็นกว่า โต๊ะเก้าอี้มีลายวิจิตรจัดตั้งเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน  วิญญาณทุกตนถือป้ายสีเงิน ยิ้มแย้มสนทนากันอยุ่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ บ้างเล่นหมากรุกกัน บ้างอ่านหนังสือพระธรรมคัมภีร์ สีหน้าท่าทางสุขุม  บนหน้าขื่อคานภายในห้องมีกระดานแผ่นใหญ่ สลักอักษรคำว่า ""ห้องพักวิญญาณคนบุญ"" แขวนอยู่

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  วิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ล้วนมีอาการสงบเยือกเย็น เหนือศรีษะมีวงสว่างปรากฏอยู่ ซึ่งต่างกับวิญญาณที่อยู่ในห้องสามัญ บาปบุญคุณโทษของคนเราจะปรากฏเป็นวงสว่าง หรือ อับเฉาเหนือศรีษะ  วิญญาณในห้องนี้ได้ศรัทธาปฏิบัติธรรมกับวัดวาอารามสถานบุญ สวดมนต์ทำวัดเช้าเย็นอาบพุทธรัศมีกันมานาน พลังอับเฉา (อินซี่) ทีี่แฝงอยู่ในตัวจึงหมดไป อีกทั้งสร้างบุญทานบารมีหนุนเนื่อง พลังในกายจึงใส แล้วรวมตัวกันปรากฏเป็นวงสว่างเหนือศรีษะ  ผู้มีบุญกุศลมาก พลังจะสว่างใสสะอาด ส่วนบุญกุศลน้อยพลังก็จะกระจายและอับเฉาจึงกล่าวได้ว่า ""บุญเกิดพลังบุญ  บาปเกิดพลังบาป"" มองหน้าให้ดูราศี ก็จะรู้วาสนาชะตากรรมของผู้นั้น

พระอาจารย์ ฯ :  ""ไม่เห็นเมื่อแฝง          ไม่แสดงเมื่ออ่อน
                   ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา""

อู้เอวี๋ยนศิษย์รัก อาจารย์จะเสริมเจ้าด้วยน้ำอมฤตสามหยด ล้างฝุ่นโลกีย์ที่นัยน์ตาเพื่อดุการเปลี่ยนแปลงของ " พลัง " นั้นได้ละเอียด

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณขอรับพระอาจารย์  ชำระด้วยน้ำอมฤต นัยน์ตาของศิษย์สว่างขึ้นฉับพลันดังสายฟ้า เห็นทุกอย่างไม่มีอุปสรรคเลย

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เมธีอู้เอวี๋ยน นัยน์ตาของท่านขณะนี้คงได้ค้นพบอะไรในห้องนี้แล้วซิ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก       
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )   

อู้เอวี๋ยน  :  ขอรับ ในห้องมีชายชราคนหนึ่ง หนวดเคราขาวโพลน นั่งอ่านหนังสือพระธรรมอยู่ข้างประตู เหนือศรีษะปรากฏแสงสีขาวผืนหนึ่งสูงประมาณ 2-3 นิ้ว กระจายอยู่กว้าง ๆ โดยไม่รวมตัวเป็นวงกลม  ข้างซ้ายมือของชายชรา มีชายกลางคนอายุประมาณสี่สิบ มือถือป้ายสีเขียว สีหน้าหม่นหมอง เหนือศรีษะมีเงาพยับสีดำกระจายอยู่  แม่เฒ่าที่อยู่ข้างขวามือ หน้าตาใจดี กำลังนั่งสบาย ๆ อยู่ใต้หน้าต่าง บนหน้าผากปรากฏแสงสีขาวสองสายฉายออกมา ส่วนหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหนือศรีษะมีเงาพยับสีคล้ำจาง ๆ กระจายอยู่  ทั้งหมดที่พักอยู่ในห้องนี้ ต่างปรากฏพลังแสงและพยับสีต่างกัน เช่นสีของป้ายประจำตัว

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :   พลังแสงบนศรีษะของชายชรา คือ พลังกุศลผลบุญ  ยึดไตรสรณะในพุทธศาสนา มีศรัทธาน่าชื่นชม กุศลจิตยิ่งสูง บุญบารมียิ่งมาก พลังบุญยิ่งบริสุทธิ์ รัศมีบุญยิ่งเจิดจ้า   พลังบุญของชายชรา แม้จะเป็นแสงสีขาว แต่ครั้งมีชีวิต ""มิได้สร้างบุญด้วยการฉุดช่วยคนให้ได้รับธรรมะ ทานทั้งสามไม่ถึงพร้อม"" จึงเห็นแต่แสงสีขาว ยังไม่ปรากฏแสงสีแดง สีทอง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำงิน "พลังนี้ยังไม่เป็นพลังฉัพพรรณมงคล" จึงต้องมาอยู่ใน "ห้องพักวิญญาณคนบุญ" ไม่ถึงขั้นบรรลุอรหัตผลอุบลบัลลังก์เก้าระดับ (จิ่วผิ่นเหลียนไถ) วิญญาณอื่น ๆ ก็เช่นกัน ก็จะต้องฝึกฝนจนแสงทองแผ่รังสีเหนือศรีษะเป็นวงกลมเจิดจรัส อันเป็นรัศมีบุญอมตะ จึงจะสามารถยกระดับสู่อุบลบัลลังก์เก้าได้

พระอาจารย์ ฯ  :  อนุตตรภาวะจะไม่คงอยู่ หากผู้นั้นมิได้สูงส่งด้วยคุณงาม ผู้บำเพ็ญจึงอย่าเอาแต่เข้าฌาณนั่งเจริญภาวนาหาความดีเฉพาะตน   นอกจากได้รับรู้จิตญาณของตนจากพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำทางบำเพ็ญให้แล้ว ยังจะต้องสอดส่องให้ถึงพร้อมทั้งภายนอกภายใน (ช่วยตนช่วยคนอื่นด้วย) เข้าฌาณสมาธิด้วยการคุมจิตมิให้วุ่นวาย จึงอาจบรรลุอุบลบัลลังก์เก้าได้  ใน "พระสูตรเว่ยหล่าง" จารึกไว้ว่า "เกิดมานั่งไม่นอน ตายไปนอนไม่นั่ง กระดูกสังขารเน่าเหม็น บำเพ็ญมรรคผลอย่างไร" (ได้แต่นั่งเจริญภาวนาจนตายยังไม่รู้จักการสร้างมรรคผลที่แท้จริง)  ปราชญ์โบราณกล่าวว่า "ไม่มีอาจารย์ มิอาจกล่าวอ้างถึงพระอริยะ" ความหมายก้เช่นเดียวกัน  จากประวัติพระพุทธอริยะทั้งอดีตและปัจจุบันไม่มีเลยที่จะบรรลุโดยมิได้แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์  ดังนั้น ผู้บำเพ็ญจริงที่ใคร่พ้นเวียนว่ายมีหรือที่จะไม่สร้างคุณงาม พยายามแสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำ บัดนี้ ฟ้าเบิกดิถียุคขาวสว่าง (ซันหยังไคไท่) สัจธรรมสืบสายถ่ายทอดสู่ชาวโลกอย่างกว้างขวาง ผู้ไม่รู้กาลกำหนดฟ้ายังคงถือทิษฐิดื้อรั้น ไม่แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำ เหมือนตาบอดบำเพ็ญจึงเข้าไม่ถึงสัจธรรม ไม่อาจกำหนดชีวิตจริง ผู้บำเพ็ญบุญเช่นนี้ แม้จะมากดั่งเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา แต่ไม่รู้แจ้งเห็นจิตภาวะแห่งตน ก็จะไม่เพียงเสวยสุขในชั้นเทวโลก มนุษยโลก หรือเป็นเทวะเจ้าที่ในสามโลกเท่านั้น  พระสูตรท่านเว่ยหล่างจารึกไว้ว่า "ไม่รู้จักจิตตน เรียนธรรมะไม่มีประโยชน์"  วันนี้เราได้มาชม ""ห้องพักวิญญาณคนบุญ"" วิญญาณเหล่านี้แม้จะทำบุญให้ทานสวดมนต์ไหว้พระ เรียนธรรมะบำเพ็ญ แต่พุทธจิตแห่งตนไม่อาจประจักษ์ แม้จะได้เสวยสุขเป็นชาวฟ้าแต่ยังห่างไกลจากการพ้นเวียนว่ายฯอีกมาก  หวังว่าชาวโลกผู้บำเพ็ญ เมื่อได้อ่านบันทึกฯเล่มนี้แล้ว ให้สำนึกพิจารณาจริง หมั่นบำเพ็ญเพียรที่ญาณบรรพตพระโพธิสัตว์ตน จะสามารถแปรเปลี่ยนกุศลผลบุญคุณงามความดีให้รวมเป็นวงกลมใสสว่าง เป็นโฉมหน้าแต่เดิมทีแวววาวของตน  คืนนี้หมดเวลาแล้ว ซึ่งได้รบกวนที่ทำการของท่านเซียนประกการใด ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ต่อไปจะมาขอคำชี้แนะใหม่

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เมื่อหมดเวลา ข้าพเจ้าก็มิอาจเชื้อเชิญไว้ แผนกที่ยังมิได้ชม ครั้งหน้าจะท่องต่อไป ขอน้อมส่งเพียงนี้

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์รัก หลับนัยน์ตาใจ ติดตามพระอาจารย์กลับตำหนักได้แล้ว ถึงพุทธสถาน วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม  ยี่สิบแปดเทพสถิตประจำดวงดาวติดตามเรากลับเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        สองจิตสองใจ        ทำการใดใด        ไปได้ลำบาก
แปดดี* พร้อมพรัก           รักษามนต์ใจ       ดังหฤทัยกัณฑ์ (แปดดี คือกตัญญู ปรองดองฯ จงรักฯ สัตย์จริงฯ จริยาฯ มโนธรรมฯ สุจริตฯ ละอายฯ)
ชาติก่อนวาสนา               พาบันดาลดล      ได้ผลอรหันต์
จิตใจสังขาร                   พร้อมกันสยบ      นบสงฆ์มุนี      (สงฆ์มุนี คือ ตนเป็นผู้ปฏิบัติดี)
                                                                                                                                                           เราคือ
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว
สนองพระโองการพระแม่ ฯ สู่พุทธสถาน กราบพระพักตร์แล้วเรียงรายสองฝั่ง ปกป้องพุทธสถาน คุ้มกันร่างทรง ท่องเที่ยวบันทึกบททอง
                                                                                                                                                    ฮวา   ฮวา   พัก
        ช่วยชาวโลก        พาพ้นพิบัติภัย        ด้วยใจดั่งฟ้า
เที่ยงตรงทั่วหน้า           ชาวหล้ายอมรับ       นับถือถ้วนกัน  (พระ ฯ จี้กง)
ด้วยญาณนัยน์ตา          ทัศนาตื่นใจ            ในทุกสถาน    (ท่องพุทธาลัย)
พุทธบันดาล               ด้วยสัมพันธ์บุญ        หนุนนำสำเนียง
                                                                                                                                                           เราคือ
        พระพุทธจี้กงพระอาจารย์ของเจ้า
วันนี้ได้สนองพระโองการพระแม่ ฯ มาสู่ตำหนักพระกราบคารวะพระแม่ ฯ แล้ว จึงหันมาทางศิษย์ทั้งหลาย วันนี้พระตำหนักฟ้าจะสร้างอักษรทองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายร่วมคุ้มครอง คนและเบื้องบนร่วมพุทธสถาน ร่างทรงสำรวมการ น้อมฟังโวหาร มิให้อึงคะนึง
                                                                                                                                                    ฮา   ฮา   พัก 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        ไตรรัตน์เป็นวิถีแห่งจิตโดยแท้จริง (ซันเป่าซิน่ฝ่า) พุทธบุตรผู้ใดจะเข้าใจถ่องแท้ โดยไม่มีข้อแม้สงสัย หากไม่รักษาพุทธระเบีย จะได้แต่เพียงเลียบเคียงคาดเดา ไม่กระจ่างทางที่มาก็เสียเวลาคิดค้น ในตำนานพระศรีอาริย์ได้ขานไข กาลต่อไปกำหนดเก็บธรรมญาณ เป็นกำหนดกาลสร้างวิสุทธิแดนดิน ธรรมนาวายุคขาวสนองรับตามกำหนดฟ้า ชุมนุมพระอริยะครั้งที่สามงานหลงฮว๋า  ชุมนุมครั้งแรกเพื่อฉุดช่วยเหล่าสาวกเก้าพันหกร้อยล้านอรหันต์คืนสวรรค์  ชุมนุมครั้งต่อมาให้ตัดอวิชชาทะเลใหญ่ เก้าพันสี่ร้อยล้านสาวกได้ช่วยไปให้ได้ความรู้ความเป็นพุทธบุตรฟ้าฐานะตน  ครั้งที่สามงานหลงฮว๋าให้ควบคุมใจ จะช่วยไปอีกเก้าพันสองร้อยล้าน ให้บรรลุอมตะอรหันต์ บัดนี้พระพุทธะในชั้นดุสิต ต่างแบ่งพระภาคสู่โลกาด้วยมหาปณิธานเป็นวาระสำคัญอันแยบยลที่เบื้องบนแฝงความนัย พระวิสุทธิอาจารย์สนองงานเจตนาฟ้า กลับแบ่งพระภาคเกิดกายมา พาเรือเมตตาถ่ายทอดบทกลอนธรรม เที่ยวประกาศวิถีอริยะ ไม่ปฏิเสธความเหนื่อยยาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสากลร่วมช่วยงานสำคัญ ต่างตั้งจิตปฏิญาณอวตารแบ่งภาคสู่โลกมนุษย์ แสดงอภินิหาริย์บุญญาฯ แตกกิ่งก้านสาขานำพาสาธุชนมากมาย ผู้ร่วมความมุ่งมั่น ร่วมบุญคุณงาม ร่วมรับถ่ายทอดสัจธรรม เป็นผู้นำธงชัยในแนวหน้า ด้วยพระบัญชาสร้างวิสุทธิ์แดนดิน ใครเลยที่รู้ว่าโลกมายาเป็นค่ายกล พุทธบุตรทุกคนพอเกิดเป็นตัวตน ปณิธานที่ตั้งไว้ก็มลายเป็นผงธุลี ชื่อลาภดังเมฆาดำเข้าครอบงำโฉมหน้า พุทธภาวะกลายเป็นอวิชชาไม่รู้ที่มาของตนเอง อันที่จริง การแพร่ธรรมก็เพื่อเปิดนำให้โลกเป็นบัวบานสันติ แต่ดูสิ บัดนี้เจ้าทั้งหลายกลับกลายแบ่งแยก พุทธบุตรต่างระงมตรมทรวง  เรา อาจารย์ของเจ้าเศร้าใจนัก พระอาจาริณีจื่อซี่สะอื้นไห้ พงศาธรรมแห่งยุคขาวเป็นโรคภัย ใครเลยช่วยเยียวยา พระแม่องค์ธรรมโปรดบัญชาจัดตั้งพุทธาลัย ในชั้นดุสิต สว่างใสคลายกังขา หวังว่าบันทึกการท่องทัศนาจะสำเร็จในเร็ววัน เพื่อสะกิดผู้นำธงชัย (คือ ผู้ที่ได้รับธรรมะก่อน เป็นผู้มีรากฐานบุญบารมีสูง เป็นผู้ศรัทธา) ให้รู้ความนัยของเหล่าพระพุทธา
                                                                                                                                                                         ไฮ  พัก

        ภาวะตัวจริงของคนเรา เป็นพลังว่างเปล่าอันศักดิ์สิทธิ์ กลมกลืน สว่างใส ไม่มีวัตถุลักษณะ จะแปดเปี้ยนได้อย่างไร จะต้องการหนทางปฏิบัติทำไมให้มากความ แต่เพราะตกสู่โลกโลกีย์ ยึดเห็นสิ่งที่มีรูปลักษณ์ ไม่อาจปลงตกจากตัวตน ทำให้ตถตาภาวะตัวจริง เหมือนดวงอาทิตย์ถูกเมฆบัง เหมือนแก้วมณีมีฝุ่นจับ จึงอับแสงไม่แวววาว บัดนี้ แม้ได้สดับสัทธรรมอันสูงส่ง แต่ด้วยเหตุที่ยังไม่รู้ซึ้งถึงตัวจริง อันว่างเปล่าแยบยล ยังคงตอดทฤษฏีมีรูปเสียง ไม่อาจนำพาจิตภาวะให้ปรากฏ ดุจดังวาดขนมเปี๊ยะกินแก้หิว สุดท้ายจะอย่างไรก็ไม่อิ่ม บ้างทำเป็นปราดเปรื่อง ติดอยู่ในเรื่องไสยศาสตร์ บ้างกำหนดลมปราณ กำหนดอาการท่วงท่า บ้างภาวนานั่งนิ่ง มรรคผลหนทางอ้อมทั้งสี่ ไม่รู้เลยว่ายิ่งพาตัวห่างไกลจากภาวะธรรมชาติอันสูงส่ง 

Tags: