ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
4
บทหลีโหลว ตอนต้น
ปราชญ์เมิ่งจื่อกล่าวว่า "เมื่อครั้งราชบุตรป๋ออี๋ หลบทรราชโจวไปซ่อนตัวที่เป่ยไห่ พอได้ข่าวว่ากษัตริยฺเหวินอ๋วง ถูกยกย่องขึ้นเป็น "ซีป๋อ ผู้นำเหล่าเจ้าเมือง" และกปครองโดยธรรม ราชบุตรป๋ออี๋ปีติยิ่ง กล่าวว่า "ไฉนเราจะไปม่ไปพึ่งบารมีเล่า ได้ยินว่าซีป๋อท่านนี้เคารพผู้สูงวัย สงเคราะห์คนแก่แม่หม้ายผู้เยาว์ " พระเจ้าปู่เจียงไท่กง ราชครูในพระเจ้าโจวเหวินอ๋วง (พระประวัติ สายทองเล่มหนึ่ง หน้า70) ขณะหลบทรราช แฝงองค์อยู่ชายทะเลตงไห่ พอได้ข่าวซีป๋อ ผู้นำเหล่า้เจ้าเมือง "ก็ยินดีนักกล่าวว่า "ไฉนเราจึงไม่รีบไปพบ "ซีป๋อ" ผู้นำเจ้าเมือง ผู้ชอบเคารพเลี้ยงดูผู้สูงวัย" เมื่อผู้สูงวัยกับสูงคุณธรรม อันเป็นเสมือนบิดาที่เคารพยิ่งของมหาชน พร้อมกันมาน้อมรับพระบารมีอริยกษัตริย์โจวเหวินอ๋วง ชาวบ้านชาวเมืองทั่วหล้าฟ้าไกลต่างก็พากันสวาภิภักดิ์"
เมื่อราชบุตรป๋ออี๋ กับพระเจ้าปู่เจียงไท่กง ผู้สูงวัยด้วยคุณธรรมทั้งสอง อันเป็นเสมือนบิดาที่เคารพยิ่งของมหาชน น้อมรับพระบารมีอริยกษัตริย์แล้วลูกหลานของบ้านเมืองจะไปไหนเสีย ฉะนั้น เหล่าเจ้าเมืองที่ได้รับการปกครองโดยธรรมจากโจวเหวินอ๋วง ภายในเจ็ดปี บ้านเมืองจะสงบราบเรียบแน่นอน
ปราชญ์เมิ่งจื่อกล่าวว่า "ครั้งกระนั้นท่านหยั่นฉิว (ศิษย์บรมครู) ไปเป็นผู้จัดการบ้านตระกูลจี้ขุนนางเมืองหลู่ ไม่อาจปรับเปลี่ยนการรีดนาทาเร้นของขุนนางจี้ได้ ยังกลับขูดรีดหนักขึ้น บรมครูโกรธหนัก กล่าวแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า "หยั่นฉิวไม่ใช่ศิษย์ของครู ทุกคนช่วยกันเอาโทษโจมตีเขาให้หนัก" จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า องค์ประมุขไม่ทรงธรรม ขุนนางกลับ (เหมือน) มีส่วนร่วมขูดรีดจนร่ำรวย เท่ากับละทิ้งขาดสิ้นการปกครองโดยธรรมตามที่บรมครูเรียกร้อง
ยิ่งกว่านั้น พวกฮึกหาญลาญรบ แย่งชิงแผ่นดิน ฆ่าคนเกลื่อนกลาด สู้รบชิงเมืองฆ่าคนกองพะเนิง นี่เรียกว่า "รวบแผ่นดินกินเนื้อคน" โทษคนพวกนี้ถึงตายไม่สาสม ฉะนั้น แต่ก่อนกาลมา พวกชอบฆ่าชอบรบ ต้องได้รับโทษอุกฤษฏ์ โทษรองลงมาคือร่วมกับเจ้าเมืองยกทัพช่วงชิง โทษอีกขั้นหนึ่งคือ เรียกเก็บภาษีที่ดินชั้นดีที่ชาวบ้านแผ้วถางป่ารกมาจนเลือดตาแทบกระเด็นฯ"