ท่องพุทธาลัย (2)
ตอนที่ 7
ในด่านจื่อหยาง พร่างพรายไม่สิ้น ดินฟ้าสร้างสรรค์
ฟ้าบรรจบกาล เทียนเฝิงบรรพจารย์ ชี้ทางตรงจุด
จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่
พระอาจารย์ : ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดชี้ให้เห็นหน้าที่ในตำหนักนี้โดยละเอียด ยุคนี้เบื้องบนปรกโปรดสามโลก หมื่นศาสน์พร้อมกันก่อเกิด พงศาธรรมจริงโปรดสู่โลกตามเกณฑ์กำหนดเพื่อฉุดช่วยคนเดิม แต่จนใจที่รากฐานปัญญาญาณของแต่ละคนที่จะรับวิถีธรรมยุคปลายถูกเวรกรรมครอบไว้ จึงถูกคำพูดที่ฟังเหมือนใช่เหมือนไม่ใช่หลอกลวงไป ทำให้ความจริงถูกกล่าวว่าเท็จ ทำให้คนพลาดจากวิถีธรรม พลาดโอกาส ตัวอย่างมีมากมายยกให้เห็นได้ไม่หมดยังใคร่ขอพระบรรพจารย์ยกตัวอย่างที่พบบ่อย ๆ ในการทำหน้าที่โดยสังเขป เพื่อบันทึกลงในหนังสือจูงสายตาชาวโลกให้ตรง
พระบรรพจารย์ : สัจธรรมนั้น ไม่มีบัดนี้ ไม่มีอดีต อยู่ที่ใจจิต จะบิดให้ตรงหรือจะลงทางขวาง หากมีทิฐิ ตริตรึกยึดหมายในตน ในหนทาง ง่านนักจักสร้างทางบาปทางเวรเป็นของตนไป พระบรรพจารย์เทียนหยานกล่าวได้ตรงต่อปัญหาของอริยกิจที่ปรกโปรดอยู่ในยุคนี้ ยุคนี้ เรือธรรมยุคขาวมีอยู่ทุกแห่ง เรียกได้ว่ามหาเมตตานาวาของเบื้องบน อริยกิจได้ปรกแผ่กว้างใหญ่จนเป็นดินแดนสว่างทั้งผืนแล้ว เหล่านี้ ล้วนเป็นบารมีคุณของพระบรรพจรย์เทียนหยาน ท่านกับศิษย์ธรรมกาลยุคขาวร่วมกันพากเพียรโดยแท้
พระอาจารย์ : หามิได้ มิกล้า มิกล้า (พระบรรพพุทธา) วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวสนองพระโองการฟ้าปรกโปรด เก็บงานสมบูรณ์ผล แม้จะมีความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ปัญหายังมีไม่น้อย คืนนี้ ขอรบกวนบรรพจารย์ท่านได้โปรดชี้ทางสว่างแก่ผู้หลงทั้งหลายด้วยเถิด
พระบรรพจารย์ : ตั้งแต่โบราณมา เบื้องบนโปรดประทานธรรมนาวาลงมาไม่น้อย สัจธรรมที่ได้น้อมรับมา ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน แต่ด้วยใจคนรับไว้ต่างไปจึงมักจะ... ...เมื่อช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก็จะเกิดความผิดพลาดจาก การกระทำของบุคคลนั่นมิใช่ความรับผิดชอบของอาจารย์ถ่ายทอดสัจธรรมจริง แต่เป็นความเข้าใจผิดของศิษย์ที่ถ่ายทอดวิถีธรรมแทนอาจารย์ จุดนี้ หวังว่าชาวโลกพึงเข้าใจเสียก่อน วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวกระจายทั่วสหาโลกบัดนี้ คนที่ได้รับการกล่อมเกลาชี้นำ ส่วนใหญ่ล้วนถือสรณะต่อหลักธรรมแท้ ความประพฤติดีงาม เดินตามคุณธรรม ยินดีให้ทาน ที่น่าชมเชย คือ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวมีใจธรรมที่มุ่งแพร่ธรรมแทนฟ้ากันเต็มที่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่วิถีธรรมกาลยุคขาวเจริญไกลไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ด้วยจิตใจที่นำพาคนกันอย่างจริงจังนี้ คนส่วนหนึ่งจึงมักจะอวดอ้างสรรพคุณของวิถีธรรมตนจนเกินเหตุ กระพือตน ดูแคลนผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว เช่น เหตุที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวทั่วไปเห็นความสำคัญของไตรรัตน์สัจธรรมจริง มักจะคิดผิด ๆ ว่าถ้าไม่ได้รับไตรรัตน์แล้วจะไม่อาจล่วงพ้นการเกิดตาย จึงดูแคลนผู้บำเพ็ญที่ยังไม่ได้รับธรรมะ เช่นนี้ คือผู้ไม่เข้าใจการล่วงพ้นการเกิดตาย คือ จะต้องเข้าถึงเห็นภาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน ดำเนินธรรมสำนึกรู้บริบูรณ์ จึงจะประจักษ์ในสภาวะธรรมได้ ไม่ถือว่าสรณะในสัมมาศาสนาใด หากสามารถเข้าถึงลึกซึ้งต่อหลักธรรมที่ถ่ายทอดจริงนั้นได้ ดำเนินตลอดไปจนถึงที่สุด ไม่หน่ายหนี ฝึกฝนบำเพ็ญจริง สุดท้ายล้วนอาจเข้าถึงถาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน และล่วงพ้นการเกิดตายได้ แม้วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวจะเป็นสัมมาศาสน์ที่โปรดลงมาตามฟ้ากำหนด สมบูรณ์ด้วยหลักธรรมเที่ยงแท้ ธรรมปกิบัติเที่ยงแท้ บุญปัจจัยเที่ยงแท้ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างนักธรรมข้างหน้า เป็นแม่พิมพ์ พาตัวเข้ามาบำเพ็ญอย่างมั่นคง แต่ไม่ควรอาศัยสิ่งเหล่านี้สร้างความคิดโดดเด่น ยกตนข่มท่าน ดูแคลนหลักสัจธรรม ธรรมกาลยุคแดง เช่นกล่าวว่า สมัยของศากยพุทธเจ้าผ่านไปแล้ว วัดวาอาราม ธรรมกาลยุคแดง ยึดรูปลักษณ์เป็นทางโลก ของเราเหนือโลก... อย่างนี้ ล้วนไม่ถูกต้อง ไม่ราบเรียบ ไม่เที่ยงตรง ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นใจที่กลมใส พึงณุ้ว่าศิษย์ธรรมกาลยุคขาว แม้ได้รับไตรรัตน์แล้ว พระวิสุทธิอาจารย์ชี้ทางบำเพ็ญให้แล้ว หากไม่ยอมเคี่ยวกรำบำเพ็ญจริง ก็ไม่อาจพ้นเวียนว่ายเกิดตายได้ ฝ่ายหนึ่งคือ บำเพ็ญก่อนได้รับภายหลัง ฝ่ายหนึ่งคือ ได้รับก่อนบำเพ็ญภายหลัง เพียงแต่เหตุปัจจัยต่างกัน สุดท้ายจะบรรลุสู่ภาวะนั้นยังคงเหมือนกัน ฉะนั้น หวังว่าผู้บำเพ็ญในโลกจะไม่ถกเถียงกันเรื่องวิถีธรรม แต่จะต้องสงบอยู่ในบุญสัมพันธ์ บำเพ็ญจริงจะจะเป็นสัมมาธรรมะ มิฉะนั้น สร้างวจีกรรม จะเกิดประโยชน์อันใดแก่ธรรมะ !
อู้เอวี๋ยน : ขอบพระคุณเมตตากรุณาจากพระบรรพจารย์อย่างยิ่ง ท่าทีของผู้บำเพ็ญ บัดนี้ ผิดด้วยความเชื่อที่ว่า "ของข้าดีที่สุด" กันโดยไม่รู้ตัว อันที่จริงแล้วธรรมะทั้งหมดเสมอภาค ความจริงเท็จของวิถีธรรมอยู่ที่ใจจริงเท็จของบุคคล
พระอาจารย์ : มองดูอาณาจักรธรรม ธรรมกาลยุคขาวโดยรอบขณะนี้แล้ว ศรัทธาตาบอด ศรัทธาลุ่มหลง ยังคงไม่น้อย ทำให้หนักใจ ใคร่ขอบรรพจารย์ท่าน อาศัยบุญวาระนี้ชี้นำศิษย์ธรรมกาลยุคขาวอย่างกว้างขวาง ให้เคารพศรัทธาต่อสัมมาธรรมะด้วย ท่าทีถูกต้องด้วยเถิด