collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 31765 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดชี้ให้เห็นหน้าที่ในตำหนักนี้โดยละเอียด ยุคนี้เบื้องบนปรกโปรดสามโลก หมื่นศาสน์พร้อมกันก่อเกิด พงศาธรรมจริงโปรดสู่โลกตามเกณฑ์กำหนดเพื่อฉุดช่วยคนเดิม  แต่จนใจที่รากฐานปัญญาญาณของแต่ละคนที่จะรับวิถีธรรมยุคปลายถูกเวรกรรมครอบไว้ จึงถูกคำพูดที่ฟังเหมือนใช่เหมือนไม่ใช่หลอกลวงไป ทำให้ความจริงถูกกล่าวว่าเท็จ ทำให้คนพลาดจากวิถีธรรม พลาดโอกาส ตัวอย่างมีมากมายยกให้เห็นได้ไม่หมดยังใคร่ขอพระบรรพจารย์ยกตัวอย่างที่พบบ่อย ๆ ในการทำหน้าที่โดยสังเขป เพื่อบันทึกลงในหนังสือจูงสายตาชาวโลกให้ตรง

พระบรรพจารย์  :  สัจธรรมนั้น ไม่มีบัดนี้ ไม่มีอดีต อยู่ที่ใจจิต จะบิดให้ตรงหรือจะลงทางขวาง หากมีทิฐิ ตริตรึกยึดหมายในตน ในหนทาง ง่านนักจักสร้างทางบาปทางเวรเป็นของตนไป พระบรรพจารย์เทียนหยานกล่าวได้ตรงต่อปัญหาของอริยกิจที่ปรกโปรดอยู่ในยุคนี้  ยุคนี้ เรือธรรมยุคขาวมีอยู่ทุกแห่ง เรียกได้ว่ามหาเมตตานาวาของเบื้องบน อริยกิจได้ปรกแผ่กว้างใหญ่จนเป็นดินแดนสว่างทั้งผืนแล้ว เหล่านี้ ล้วนเป็นบารมีคุณของพระบรรพจรย์เทียนหยาน ท่านกับศิษย์ธรรมกาลยุคขาวร่วมกันพากเพียรโดยแท้

พระอาจารย์  :  หามิได้  มิกล้า   มิกล้า  (พระบรรพพุทธา) วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวสนองพระโองการฟ้าปรกโปรด เก็บงานสมบูรณ์ผล แม้จะมีความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ปัญหายังมีไม่น้อย คืนนี้ ขอรบกวนบรรพจารย์ท่านได้โปรดชี้ทางสว่างแก่ผู้หลงทั้งหลายด้วยเถิด

พระบรรพจารย์  :  ตั้งแต่โบราณมา เบื้องบนโปรดประทานธรรมนาวาลงมาไม่น้อย สัจธรรมที่ได้น้อมรับมา ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน แต่ด้วยใจคนรับไว้ต่างไปจึงมักจะ... ...เมื่อช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก็จะเกิดความผิดพลาดจาก การกระทำของบุคคลนั่นมิใช่ความรับผิดชอบของอาจารย์ถ่ายทอดสัจธรรมจริง แต่เป็นความเข้าใจผิดของศิษย์ที่ถ่ายทอดวิถีธรรมแทนอาจารย์ จุดนี้ หวังว่าชาวโลกพึงเข้าใจเสียก่อน  วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวกระจายทั่วสหาโลกบัดนี้ คนที่ได้รับการกล่อมเกลาชี้นำ ส่วนใหญ่ล้วนถือสรณะต่อหลักธรรมแท้ ความประพฤติดีงาม เดินตามคุณธรรม ยินดีให้ทาน  ที่น่าชมเชย คือ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวมีใจธรรมที่มุ่งแพร่ธรรมแทนฟ้ากันเต็มที่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่วิถีธรรมกาลยุคขาวเจริญไกลไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ด้วยจิตใจที่นำพาคนกันอย่างจริงจังนี้ คนส่วนหนึ่งจึงมักจะอวดอ้างสรรพคุณของวิถีธรรมตนจนเกินเหตุ กระพือตน ดูแคลนผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว เช่น เหตุที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวทั่วไปเห็นความสำคัญของไตรรัตน์สัจธรรมจริง มักจะคิดผิด ๆ ว่าถ้าไม่ได้รับไตรรัตน์แล้วจะไม่อาจล่วงพ้นการเกิดตาย จึงดูแคลนผู้บำเพ็ญที่ยังไม่ได้รับธรรมะ  เช่นนี้ คือผู้ไม่เข้าใจการล่วงพ้นการเกิดตาย คือ จะต้องเข้าถึงเห็นภาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน ดำเนินธรรมสำนึกรู้บริบูรณ์ จึงจะประจักษ์ในสภาวะธรรมได้ ไม่ถือว่าสรณะในสัมมาศาสนาใด หากสามารถเข้าถึงลึกซึ้งต่อหลักธรรมที่ถ่ายทอดจริงนั้นได้ ดำเนินตลอดไปจนถึงที่สุด ไม่หน่ายหนี ฝึกฝนบำเพ็ญจริง สุดท้ายล้วนอาจเข้าถึงถาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน และล่วงพ้นการเกิดตายได้  แม้วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวจะเป็นสัมมาศาสน์ที่โปรดลงมาตามฟ้ากำหนด สมบูรณ์ด้วยหลักธรรมเที่ยงแท้ ธรรมปกิบัติเที่ยงแท้ บุญปัจจัยเที่ยงแท้ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างนักธรรมข้างหน้า เป็นแม่พิมพ์  พาตัวเข้ามาบำเพ็ญอย่างมั่นคง แต่ไม่ควรอาศัยสิ่งเหล่านี้สร้างความคิดโดดเด่น ยกตนข่มท่าน ดูแคลนหลักสัจธรรม ธรรมกาลยุคแดง เช่นกล่าวว่า สมัยของศากยพุทธเจ้าผ่านไปแล้ว  วัดวาอาราม ธรรมกาลยุคแดง ยึดรูปลักษณ์เป็นทางโลก ของเราเหนือโลก... อย่างนี้ ล้วนไม่ถูกต้อง  ไม่ราบเรียบ  ไม่เที่ยงตรง  ไม่ยุติธรรม  ไม่เป็นใจที่กลมใส  พึงณุ้ว่าศิษย์ธรรมกาลยุคขาว แม้ได้รับไตรรัตน์แล้ว พระวิสุทธิอาจารย์ชี้ทางบำเพ็ญให้แล้ว หากไม่ยอมเคี่ยวกรำบำเพ็ญจริง ก็ไม่อาจพ้นเวียนว่ายเกิดตายได้  ฝ่ายหนึ่งคือ บำเพ็ญก่อนได้รับภายหลัง   ฝ่ายหนึ่งคือ ได้รับก่อนบำเพ็ญภายหลัง เพียงแต่เหตุปัจจัยต่างกัน  สุดท้ายจะบรรลุสู่ภาวะนั้นยังคงเหมือนกัน ฉะนั้น หวังว่าผู้บำเพ็ญในโลกจะไม่ถกเถียงกันเรื่องวิถีธรรม แต่จะต้องสงบอยู่ในบุญสัมพันธ์  บำเพ็ญจริงจะจะเป็นสัมมาธรรมะ มิฉะนั้น สร้างวจีกรรม จะเกิดประโยชน์อันใดแก่ธรรมะ !

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณเมตตากรุณาจากพระบรรพจารย์อย่างยิ่ง  ท่าทีของผู้บำเพ็ญ บัดนี้ ผิดด้วยความเชื่อที่ว่า "ของข้าดีที่สุด" กันโดยไม่รู้ตัว อันที่จริงแล้วธรรมะทั้งหมดเสมอภาค ความจริงเท็จของวิถีธรรมอยู่ที่ใจจริงเท็จของบุคคล

พระอาจารย์  :  มองดูอาณาจักรธรรม ธรรมกาลยุคขาวโดยรอบขณะนี้แล้ว ศรัทธาตาบอด ศรัทธาลุ่มหลง ยังคงไม่น้อย ทำให้หนักใจ ใคร่ขอบรรพจารย์ท่าน อาศัยบุญวาระนี้ชี้นำศิษย์ธรรมกาลยุคขาวอย่างกว้างขวาง ให้เคารพศรัทธาต่อสัมมาธรรมะด้วย ท่าทีถูกต้องด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์   :  ในเมื่อท่านตั้งใจสนองตอบบุญวาระนี้ ข้าพเจ้าก็จะไม่คำนึงถึงความตื้น จะชี้แจงแก่ผู้บำเพ็ญสักเล็กน้อย บำเพ็ญธรรม บำเพ็ญหลัก บำเพ็ญหลักอาศัยสัจธรรม ฉะนั้น ความเชื่อจะต้องเอาสัจธรรมเป็นสรณะ จะยึดบุคคลเป็นสรณะไม่ได้ สัจธรรมไม่เปลี่ยนชั่วกาลนาน ที่พระพุทธะอริยปราชญ์ ถ่ายทอดล้วนอาศัยสัจธรรมเป็นหลัก หลักธรรมจึงเป็นเข็มทิศของการบำเพ็ญ บุคคล บางครั้งมีความเห็นแก่ตัว มีมิจฉาดำริ จึงอาศัยเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ อีกทั้งเหตุผลทางโลกกับหลักธรรมของฟ้าผ่านถึงกัน การยึดถือทำตามของผู้บำเพ็ญมิให้ "ใครว่าก็ว่าตาม" ต่อพวกที่ชอบจับกลุ่มเข้าพรรค ร่วมวงครึกครื้น ฉากหน้าดูดี แต่ไม่ได้ใส่ใจจริงจังต่อจิตใจมนุษย์ หรือไม่ได้ใส่ใจต่อธรรมะแท้จริง ไม่สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่สังคม หรือยังพูดจาชักนำให้ผู้คนหลงใหล คนที่ไม่ให้ความสำคัญต่อคุณธรรมความประพฤติเหล่านี้ อย่าได้หลับหูหลับตาหลงตามไปเป็นอันขาด ธรรมะเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์กลมใส เป็นที่สุดของความดีงาม  จะไม่ยกย่องของเราทำลายของเขา  หรือสำคัญตนมิใช่ธรรมดา  ดูหมิ่นจุดบอดของผู้อื่น  พุทธพจน์ว่า "ธรรมะเสมอภาค เวไนยสัตว์เสมอภาค" เพียงด้วยมุ่งหมายให้ตรงต่อสัจธรรม พฤติกรรมสอดคล้องกับเมตตากรุณาคุณธรรม เช่นนี้ล้วนจัดเป็นบรรทัดฐานที่พึงเชื่อถือเคารพ ธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวัน การบำเพ็ญเป็นเรื่องปกติ เรียบง่ายที่สุด เพียงแต่เอาคุณสัมพันธ์ห้า  คุณธรรมแปด มาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติในทุกโมงยาม  ไม่เพียงเป็นผลดีต่อตนเอง ยังเป็นผลดีต่อทุกคนทุกสิ่งในโลก นี่คือ...การบำเพ็ญ แต่หากเพื่อการบำเพ็ญ แล้วทำลายชีวิตปกติ หรือถึงกับผละจากสัมมาอาชีพ ลิงโลด ทะยาน... เหล่านี้ล้วนมิใช่การแสดงออกอันพึงมีอย่างถูกต้องที่ให้เชื่อถือทำตาม  การดำเนินธรรมเกิดจากจิตแท้จริง มิให้ติดรูปลักษณ์ มิให้ฝืนทำจิตว่าง จะเป็นธรรมทาน ทรัพย์เป็นทาน อภัย(แรงกาย) เป็นทานก็ตาม จะต้องเกิดจากจิตปรารถนายินดีของตน ทำโดยประมาณกำลังตน  มิให้ฝืนทำ อีกทั้งการสร้างกุศลคุณความดี อย่าได้มีความคิดแม้เพียงเล็กน้อยว่าจะได้รับผลบุญตอบสนองเกินประมาณ อย่ามุ่งหมายภายหน้าว่าจะบรรลุอย่างนั้นอย่างนี้ จะต้องเจริญรอยตามมหาปณิธานของพระโพธิสัตว์ ฉุดช่วยเวไนยบนโลกนี้ อย่างกว้างขวาง  จนเข้าถึงสภาวะธรรมที่ :  "ภายในมิได้มีจิตยึดหมายในการฉุดชวย ภายนอกมิได้มีรูปลักษณ์ในการฉุดช่วย" เป็นภาวะธรรมเช่นนี้ได้ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาย่อมปรากฏ  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นที่สุดแห่งความยุติธรรม ไม่แตะต้องด้วยอารมณ์ผูกพัน ดำเนินธรรมตามหลักของฟ้า จึงจะเป็นการดำเนินตรง ที่กล่าวว่าดำเนินธรรมด้วยอารมณ์ผูกพันนั้นคือ ไม่รู้สัจธรรมความจริงของการบำเพ็ญ เอาธรรมะมาเป็นอารมณ์ผูกพัน เช่น นักธรรมผู้ใหญ่บางคนทำตามใจตน ได้ผลประโยชน์หรือพอใจผู้ใดก็ยกระดับอุ้มชูผู้นั้น  ผู้บำเพ็ญบางคนก็ไม่พิจารณาการอันควร ประจบสอพลอเพื่อประโยชน์ตน  การบำเพ็ญที่ขาดสติปัญญาเช่นนี้ ล้วนเป็นโทษจากอารมณ์ผูกพัน มิใช่ท่าทีถูกต้องของการเคารพเชื่อถือ หากมิเปลี่ยนแปลงแก้ไข จะตกต่ำร่วมกันไป  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นที่สุดแห่งเมตตาธรรม สนองรับบุญปัจจัยไม่เปลี่ยน ไม่เปลี่ยนในการสนองรับบุญปัจจัยท่ามกลางการเวียนธรรมจักร การประทับทิพย์ญาณประทานพระโอวาทในกะบะทรายเป็นความวิเศษสุดที่คนกับฟ้าสมานกัน  บุคคลนั้น หากเพื่องานธรรมโดยแท้ ไม่มีจิตส่วนตนแม้แต่น้อย  ผู้ทำหน้าที่ "คุณฟ้า เทียนไฉ" จิตสงบ นิ่งใส ไร้เดียงสา พระโอวาทที่โปรดประทานออกมาย่อมเชื่อได้ หากมิใช่ก็จะเกิดปัญหา  แท้จริงแล้ว การเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือการเชื่อหลักธรรม เชื่อการประทับทิพย์ญาณก็เช่นกัน ผู้บำเพ็ญอย่าได้หลับหุหลับตาเชื่อ จะต้องใช้ปัญญาญาณ ไปพิจารณาหัวใจหมายมุ่งของพระโอวาทนั้น หากสอดคล้องถูกหลักสัจธรรม  เปิดใจให้สำนึกรู้ในธรรม นั่นคือ นิมิตของสัจธรรม เป็นเสียงจากพระหฤทัยเซียนพุทธะ หาไม่แล้ว ตาบอดหลงทาง ถูกหลอกไปไม่รู้ตัว ดังที่กล่าวว่า :  "บรรลุก็จากกระบะทราย ถูกสอบก็จากกระบะทราย ล้มเหลวก็จากกระบะทราย  เฉิงเอี่ยเฟยหลวน เข่าเอี่ยเฟยหลวน ไป้เอี่ยเฟยหลวน" อักษรกระบะทรายนั้นแท้จริงแล้ว เป็นวิถีการสนองรับบุญวาระอันชอบด้วยอุบาย เพื่อการนำคนหลงให้สำนึกรู้ เซียนพุทธะ อาศัยพู่กันไม้ กระบะทราย นอกจากจะเปิดทางให้เห็นคุณวิเศษของธรรมะแล้วหลักสำคัญยังคงเป็นการแสดงจุดหมายในหลักธรรมอันล้ำลึกของศาสนาทั้งห้า เพื่อให้เวไนยฯใช้เป็นแนวทางในการชำระมลทินฟูฟื้นจิตกลมใสเท่านั้น ผู้บำเพ็ญจึงควรศึกษาพระธรรมคัมภีร์ห้าศาสนาให้มากเพื่อประจักษ์ชัดต่ออักษรกระบะทราย เช่นนี้จึงจะก่อเกิดความรู้เห็นเป็นจริง จึงจะก่อเกิดความเชื่อมั่นต่อธรรมะได้อย่างสุขุมคัมภีรภาพ  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นครรลองธรรมอันวิเศษแยบยลยิ่ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบตามกฏเกณฑ์แห่งฟ้า วิถีอนุตตรธรรม เมื่ออยู่กับคนนั่นคือ ระเบียบแบบแผนของมนุษยธรรม จึงมิใช่อิทธิฤทธิ์พิลึกพิลั่น ผู้บำเพ็ญยุคนี้มีการขู่คนด้วยความนัยลี้ลับของฟ้า บ้างว่า คนนั้นคือบรรพจารย์เกิดใหม่ เมื่อนั้นจะเกิดสงครามโลก  เมื่อนั้นจะเกิดโรคระบาดใหญ่... ช่างไม่รู้เลยว่า  ความนัยลี้ลับของฟ้านั้น ไม่ใช่จะเล่าลือกันได้ทั่วไป จะเดาสุ่มได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ อีกทั้งหากจำต้องบำเพ็ญด้วยเหตุของความกลัว กลัวว่าจะอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็มิใช่สัมมาธรรมะ บางครั้ง พุทธะเซียนอาจแสดงพระโอวาทเพื่อเตือนใจให้ตื่น  แต่ผุ้บำเพ็ญจะต้องตั้งใจบำเพ็ญ มิใช่อยู่ที่ความนัยลี้ลับของฟ้าแสดงไว้อย่างไร จะต้องอยู่ที่ตนเองเป็นแบบอย่างของผุ้บำเพ็ญเช่นไร รู้จักก่อเกิดคุณธรรมคงไว้ ก่อเกิดสัจวาจาคงไว้ เป็นปากเสียงแทนฟ้า ฉุดช่วยเวไนยให้พ้นทุกข์พ้นภัย จะมัวเอาความนัยของฟ้ามาแสดงความลี้ลับมหัศจรรย์ทำไม จึงหวังให้ผู้บำเพ็ญก่อเกิดความเคารพเชื่อถือ ศรัทธาที่มิใช่ความนัยของฟ้าเป็นที่ตั้ง กำหนดกาลของฟ้า ช่วงมะเมียมะแม ศาสนาปราชญ์สนองรับกำหนดกาล หวังให้ทุกคนกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ บำเพ็ญตนและช่วยผู้อื่นอยู่เย็นเป็นสุข แปรสหาโลกให้เป็นสุขาวดีแดน เช่นนี้จึงจะเป็นขวัญวิญญาณของผู้บำเพ็ญธรรมที่มีต่อภาระศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สำหรับธรรมนาวายุคขาว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บำเพ็ญจะไม่หลงอยู่ในศาสตร์ต่าง ๆ การบำเพ็ญที่มีวิธีการแปลก ๆ หากใช้ด้วยหลักสัจธรรมเพื่อแสดงความเมตตากรุณา หรือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายใจ เป็นที่ตั้งยังพออนุโลมไปที แต่หากยึดหมายในศาสตร์ เวทย์ วิธีการต่าง ๆ ก็จะห่างไกลไปจากธรรมะ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวได้รับไตรรัตน์สัจธรรม ก็คือได้รับสายทองนำกลับฟ้าเบื้องบน ขอเพียงเข้าใจความหมายของไตรรัตน์ ตถตา ความเป็นอยู่อย่างนั้นอันเที่ยงแท้แยบยลให้ถ่องแท้ พงศาธรรมที่สืบทอดมาจริง ประคองรักษาดำเนินธรรม มิให้ออกหากสักบัดใจ ให้ประพฤติตนเที่ยงตรงเป็นกัลยาณชน สายทองก็จะไม่ขาด สายทองจะขาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บำเพ็ญเอง ศรัทธามั่นคงจริงใจหรือไม่ บัดนี้ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ส่วนใหญ่ล้วนถือหลักสัจธรรมเป็นสรณะกัน ตั้งใจทำงานธรรมะ มีแต่ศิษย์อกตัญญูจำนวนน้อยตั้งตัวเป็น "สามสิบหกกงฉังพระอาจารย์ปลอม เจ็ดสิบสองบรรพจารย์ปู่ปลอม"  หลอกลวงคน บ้างประกาศตัวเป็นผู้มีอำนาจใหญ่มอบฐานะศักดิ์สิทธิ์แก่ใคร ๆ ได้ หรือวันข้างหน้าเขาจะเป็นผุ้แต่งตั้งให้ได้ทั้งหมด บ้างอ้างตัวเป็นบรรพจารย์ "เทียนเจิน" ได้รับพระโองการทำหน้าที่คัดเลือกสามพันหกร้อยอริยะ สี่หมื่นแปดพันเมธาธรรม  บ้างอ้างว่าตนเป็นพระวิสุทธิอาจารย์สมัยที่สิบเก้า หรือกล่าวว่า "ไตรรัตน์ถูกเปิดเผย ไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะต้องหันมาถือเขาเป็นสรณะ รับวิถีธรรมใหม่" บ้างอ้างว่าตนรับผิดชอบเก็บงานสมบูรณ์ผล จะต้องให้เขาเบิกจุดญาณทวารให้ใหม่ จึงจะกลับคืนเบื้องบนได้ สารพัดประหลาดสมเพชนัก  ผู้บำเพ็ญที่ไม่รู้จริงส่วนหนึ่งหลงผิดเข้าร่วม หลงทางไปไม่รู้ตัวแล้วยังกระหยิ่มยินดี  ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว พวกเขาติดตามเทิดทูนบรรพจารย์ปลอมกันหัวปักหัวปำนั้นก็เนื่องด้วยบำเพ็ญธรรมตามอารมณ์ผูกพัน  บำเพ็ญธรรมตามกระบะทราย ตามความนัยฟ้า และศาสตร์ เวทย์มนต์ต่าง ๆ หลับหูหลับตาหลงเชื่อโดยไม่เข้าใจต่อหลักสัจธรรมอย่างแท้จริง หวังแต่จะได้รับบารมีปรกแผ่ วันข้างหน้าจะได้รับการยกฐานะได้โดยง่ายดาย อนิจจา !  ธรรมะก่อกำเนิดทุกสิ่ง ให้โดยมิได้ยึดหมายจับจอง เป็นธรรมะที่ "ให้" จึงมิใช่หวังผู้เทิดทูน  มิเพื่ออวดอ้าง มีสถานธรรม มีญาตฺธรรมมากน้อยเพียงไร เพื่อให้ผู้อื่นเห็นเป็นสำคัญ  จึงหวังศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจงพิจารณารู้ชัด

พระอาจารย์  :  พระวจนะดั่งหยกทองล้ำค่าจากพระบรรพจารย์ที่ทุกอักษรดุจอัญมณี ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวของเราจงศึกษาส่องตนให้จงดี อาศัยขณะมีกายสังขารล้ำค่านี้ดำเนินธรรมตามหลักให้ดีเถิด  คืนนี้ขอบพระคุณพระบรรพจารย์เป็นที่ยิ่ง ด้วยเวลาจำกัด เราศิษย์อาจารย์ขอลาแต่เพียงนี้

อู้เอวี๋ยน  :  กราบลาพระบรรพจารย์

พระบรรพจารย์  :  น้อมส่งบรรพพุทธา

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยนรีบขึ้นนกกระเรียนเซียนไป ถึงตำหนักพระ ญาณของอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่าง พระผู้พิทักษ์ตำหนักธรรมติดตามพระอาจารย์กลับคืนเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8 

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

ฟ้าโคจรเคลื่อน                  ดวงเดือนตะวัน                  เวียนผันจักรวาล
ตั้งแต่ก่อนกาล                  ปัจจุบันยังคง                     ดำรงเลี้ยงโลก
ธรรมโบราณมา                 พงศสสืบต่อ                      แพร่ลงปรกโปรด
พุทธะแล่นโลด                เรือเมตตาธรรม                   กู้นำคนหลง
                        เทียนสิงยื่อเอวี้ยอวิ้นเฉียนคุน
                        หยานเจ้าสีจินหย่างฉวินหลุน
                        กู่เต้าจินเชวียนจี้เต้าถ่ง
                        ฝอเจี้ยฉือหังจิ้วหมีเฉิน
                                                                                                                                เราคือ
        พุทธบรรพจารย์เทียนหยาน        สนองรับ
พระแม่องค์ธรรมบัญชา                     มาสู่พุทธสถานน้อมกราบ
อนุตตรธรรมมารดาแล้ว
พบศิษย์เมธี                       วันนี้ที่มา                       พุทธสถาน
เพื่อเที่ยวจดงาน                  บันทึกบททอง                ส่องเห็นความนัย
ยุคท้ายธรรมแพร่                 แต่คนบุญตื้น                  ฝืนรับไม่ได้
เวรกรรมนำไป                     หมกไหม้ปัญญา              หารู้เท็จจริง
        ฮุ่ยเจี้ยนถูเสียน                      จินยื่อไหลถัน
อิ๋วจี้จินเพียน                                 เจี้ยจีเตี่ยนเสวียน
ม่อฝ่าเหยินเกิน                              โซ่วเอี้ยโซ่วเจียน
จื้อฮุ่ยเป้ยฟู่                                   เจินเจี่ยหนันเปี้ยน
ศาสตร์ไสยในนอก               ลวงหลอกหัวปั่น                 จักรวาลธรรม
ใครหรือช่วยนำ                   ทำงานแทนฟ้า                   มิจฉาปราบปราม
นอกรีตนอกทาง                  แผ้วถางช่วยกัน                  ผาลไถให้ราบ
ศิษย์จงประกาศ                  เพื่อจัดบัวฐาน                    มั่นคงตรงเดิม
        จูปันเสินทง                         อิ้วอิ่นเต่าเตียน
เต้าผันฉี่ลั่ง                                 เสยเหนิงไต้เทียน
เส่าฉื่อเอียวเพียน                         อ้วงถูเซวียนฉวน
อี่ควงเอวี๋ยนเหลียน
                                                                                                                               ไฮ   ไฮ   พัก               

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

อนุตตรธรรม                  วิเศษล้ำเลิศ                  เกิดพลังหนึ่งแท้
อินหยางจึงแปร              แลเกิดรูปลักษณ์             ประจักษ์หลากหลาย
ฟ้าดินเกณฑ์กฏ             กำหนดกาลนี้                 "ซันหยางไคไท่"     (ธรรมกาลยุคสามเบิกฟ้ากระจ่างธรรม)   
ชีวิตจึงได้                    คุณจากธรรมะ                 กระจายปรกแผ่
ดำรงจิตญาณ               ในกาลทุกเมื่อ                 "เพื่อให้" ไม่แปร
ดำรงธรรมแท้               นิ่งแน่เรียบงาม                 เป็นธรรมชาติ
พลานุภาพ                  อากาศดินฟ้า                   คนต้องอาศัย
จิตเหนืออื่นใด              ในจักรวาล                     ญาณจากเบื้องบน
จิตญาณล้ำค่า               ด้วยมีปัญญา                  สามารถบำเพ็ญ
สำรวมที่เห็น                รู้เป็นภายใน                   ใจนั้นแยบยล
มีสติอยู่                     อยู่ ณ ตรงอยู่                  อยู่ธรรมนำตน
สู่อาสน์อุบล                บนสามระดับ                   กราบบรรพจารย์
          ต้าเต้าเสวียนเสวียนอี๋ชี่พั่น          เหลี่ยงอี๋ซี่อเซี่ยงเหลียน
เฉียนคุนเตี้ยนติ้งซันหยางไท่                 เหยินอู้ชู่เซิงเอียน
ซิ่งซิ่งฉุนฉุนอู๋เอว๋ยซี                           สิงเต้าผิงจื้อหยาน
เหยินปิ่งเทียนตี้อู่ชี่ซิ่ว                         ตู๋จุนอวั้นหลิงเซียน
หลิงกุ้ยจื้อฮุ่ยเหนิงซิวเต้า                     ซิ่วจุนอู้จงเสวียน
เนี่ยนจือไจ้จือจือไจ้เต้า                       ซันผิ่นเฉาจู่เหลียน           

รังสีพุทธา                  สาดส่องต้องมา                 ภูผาศักดิ์สิทธิ์
ธรรมะสถิต                 จิตเป็นกลางอยู่                 คู่โมงยามได้
จง "สามสำรวจ"           ตรวจพิจารณา                  ผดุงจิตไว้   
เหตุผูกพันใด              ไม่ยึดติดหมาย                 ไม่พันธนา
        ฝอกวงเจ้าเช่อหลิงซันถ่า              จงอยงเอ้อลิ่วเหมียน
ซิวซินหย่างซิ่งยื่อซันสิ่ง                       อวั้นเอวี๋ยนเซี่ยอู้ฉัน

หมายเหตุ : ซันสิ่ง "สามสำรวจ"  ทำการใดให้ใครไม่ซื่อตรงเต็มกำลังหรือไม่ - คบหามิตรสหายไม่สัตย์จริงต่อใครหรือไม่ - ศึกษาเรียนรู้จากครูบาร์อาจารย์ไม่หมั่นทบทวนหรือไม่      "เอกัคตา (เอกักคะตา)" ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว หมายถึง ความมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว

ความนัยฌาน               สรรค์สร้างสู่                    ทางรู้จิต
นิ่งพินิจ                      "เอกัคตา"                      ธรรมาหนึ่ง
จิตท่ามกลาง                ดั่งไม่มี                         แต่มีซึ้ง
ปัญญาจึง                    สว่างจ้า                        มหาโลก
        ฉันจีเจ้าฮว่าเจินหยูเจวี๋ย                  ม่อเสินหนิงเต้าเสวียน
เสวียนจงโหย่วเจินอู๋เซิงโซ่ว                     ฮุ่ยกวงเจ้าซันเชียน

จิตเสรี                        มีอิสระ                          ณ เหนือโลก
เบื้องบนยก                  หมื่นแปดร้อย                  ฐานเซียนให้
สัทธ์ธรรมา                   จะรู้อยู่                         คู่ใจใคร
เบื้องบนให้                   หนึ่งจุดนำ                     ย้ำแยบยล
        เซียวเอี๋ยวจื้อไจ้เทียนไอว้เค่อ            เต้าไจ้อวั้นปาเซียน
จื้อเต้าเหอเหยินเสี่ยวเต๋ออู้                       เซียนเทียนอี้เตี่ยนเสวียน           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

วิเศษญาณ                  ทวารตรง                  ทรงศักดา
ทวารฟ้า                     ลา"หกทาง"               ห่างจากทุกข์      (หกทาง คือ ตา หู จมูก ปาก สะดือ กระหม่อม)
วิถีธรรม                     นำสู่แดน                   แสนวิสุทธิ์
ฟ้าเปิดยุค                  สามโลกกว้าง              กระจ่างธรรม
        เตี่ยนไคหลิงซันทงเทียนเชี่ยว            หย่งเปี๋ยลิ่วเต้าเจียน
จิ้งถู่ฝ่าเหมินจินไคไท่                              ผู่ตู้ซันเฉาเสียน

จงรีบคว้า                  เวลาไว้                  อย่าให้พลาด   
องค์ธรรมชาติ             พระอาจารย์            เทียนหยานหา
โลกหลากสี               มิใช่ที่                   ภิรมย์พา
เสียเวลา                  อย่าเตร่เล่น             เป็นบ้านจริง
        เชิ่นสืออวิ้นซีม่อชั่วกั้ว                  ซิวเต้าสวินเทียนหยาน
ฮวาฮวาซื่อเจี้ยเฟยเล่อถู่                       ไจ้ซื่ออู้หลิวเหลียน

สิบคนน้าว                 เก้าคนล้ม               ก้มหัวหงาย
โซ่คล้องกาย             หมายยศลาภ           อยากตัณหา
มโนภาพ                  จับไม่มั่น                มันมายา
ลุ่มดอนพา                ชีวาทราม              "สามทางจม"          (สามทางจม คือ นรก เปรต อสุรกาย)
        สือจงจิ่วเฟยเตียนเตียนเต่า            หมิงเจียงลี่สั่วเชียน
โจวจังเหวยฮ่วนซื่อเฟยจั้ว                     ขั่นซี่ซันทูเซี่ยน

บาปเวรร้าย               ได้จากตน                 เป็นคนทำ
เหวถลำ                   ลึกหมื่นวา                พาทุกข์เข็ญ
ได้กายนี้                  ดียิ่งหนอ                  ขอบำเพ็ญ
บรรลุเป็น                 สิ่งศักดิ์สิทธิ์               ด้วยจิตตน
        เนี่ยงเอ้อเนี่ยจั้งจ่งอิ๋วจี่                 ตั้วเคิงอวั้นจั้งเอวียน
เซิงเอว๋ยเหยินเซินซิวเต้ากุ่ย                  เจี้ยเจี่ยเลี่ยนเจินเซียน

กำหนดกาล              กฏเกณฑ์ฟ้า               มาเปิดทาง
ธรรมกระจ่าง             สร้างโอกาส                พลาดแล้วยาก
อนุตตระ                  มนุษญธรรม                ดำเนินมรรค
แปรโลกจาก             สหาธาตุ                    เป็นอาสน์บัว
        อวิ้นจื้อซือสือเทียนไคไท่             อี้ซืออวั้นเจี๋ยหนัน
เหยินเต้าเทียนเต้าสิงถงกุ่ย                   ซัวผอฮว่าเหลียนเทียน

รวมหลักธรรม            นำทุกศาสน์                 จัดบรรจบ
เอกภพ                   เอกะฟ้า                      กระจ่างใส
สาธุชน                   จงศรัทธา                    สงบใจ
มั่นคงไว้                  พุทธะเกษตร               เขตรื่นรมย์
        ผิงโซวอวั้นเจี้ยวถงกุยหลี่              ต้าถงไคไท่เหนียน
เอว๋ยเอวี้ยนจ้งเซิงซิ้นซิงติ้ง                    ซีฟังอันเล่อหยาน   

                     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

        อันว่าห้าพระศาสดาและพระบรรพจารย์ทุกสมัยนั้น ต่างทุ่มเทพระทัยกอบกู้โลก พร่ำพูดเพื่อกล่อมเกลาใจคน ปรารถนาให้ทุกคนเข้าสู่หนทางสำนึกรู้ ออกหากจากทางหลงทั้งหมด "คน" นั้น แม้มิรู้ใจตนย่อมมิรู้ธรรม ผู้ใคร่บำเพ็ญจึงพึงเริ่มจากฝึกใจตน แต่ ใจ เริ่มฝึก จะรู้มาก ฝึกพอรู้ จะเตลิดง่าย เช่น หลงภาพมายา ท่องเที่ยว เพลิดเพลิน พอใจ เพ้อฝัน เหล่านี้ล้วนเป็นใจที่ฝึกได้เป็นเบื้องต้นเท่านั้น  จะทำให้ใจสงบลง จะต้องเฝ้าดูใจ กำหนดใจ เก็บใจ เฝ้าดูใจ จะต้องกำหนดเมื่อใจเคลื่อนไหว กำหนดใจ จะต้องกำหนดเมื่อใจเคลื่อนไหว  เก็บใจ ก็จะต้องเก็บเมื่อใจเคลื่อนไหว  เก็บใจไม่ง่าย จะต้องพิจารณาเหตุเมื่อต้นที่ทำให้ใจเคลื่อนไหว เกิดทันที เก็บทันที ยิ่งเก็บได้เร็วเท่าไร ยิ่งเฝ้าดูใจ ได้แข็งขันเท่านั้น และยิ่งจะกำหนดใจได้มั่นคงเท่านั้น  นี่คือ เคล็ดลับวิเศษในการบำเพ็ญ และความสำคัญก็เพื่อให้ใจเคลื่อนไหวหรือสงบนิ่งอย่างเป็นธรรมะ  ใจที่บำเพ็ญ ศาสนาปราชญ์เรียกว่า ใจเที่ยงตรง  ศาสนาพุทธเรียกว่า ใจสว่าง   ศาสนาเต๋าเรียกว่า ใจฝึกหลอม   ใจล้วนหนึ่งใจนี้ ธรรมปฏิบัติล้วนแนวทางนี้ อุบายในการปฏิบัติอาจแตกต่างกันบ้าง แต่มรรคผลไปสู่ที่เดียวกัน  คำว่า "พระพุทธะอริยเซียน" ล้วนเป็นสรรพนามอันหมายถึง ใจวิสุทธิ์กลมใส  เริ่มบำเพ็ญจากใจ ใจจริงทุกอย่างจริง  ใจประจักษ์ทุกอย่างล้วนประจักษ์ เทียนมิ่ง พระโองการบัญชาจากฟ้ามาจากแสงญาณสว่างจากฟ้า วิถีธรรมก็ให้ดำเนินชีวิตด้วยการคุมจิตญาณ ผู้บำเพ็ญต่างมีภาวะชีวิตสว่างที่พร้อมด้วย ธาตุรู้ดีงาม ธาตุเป็นดีงาม )มโนธรรม พลังธรรมอันวิสุทธิ์เดิมแท้) แม้นิสัยสันดานความเคยชินในอดีตชาติติดมา แต่ธาตุรู้ดีงามเดิมแท้มิได้ลดลง ที่จะกล่อมเกลี้ยงบำเพ็ญ ก็เพื่ออบรมธาตุรู้ดีงาม ธาตุเป็นดีงามไว้มิให้ถูกนิสัยความเคยชินบดบัง ให้รู้ฟื้นตื่นจากความหลง จากรู้ฟื้นแล้วดำเนินธรรม จากดำเนินธรรมจนถึงประจักษ์ธรรม การประจักษ์ธรรมหาใช่อื่นใด ทุกอย่างถูกต้องตรงต่อพระทัยเยี่ยงฟ้าดีงามนั่นเอง  "อู้เอวี๋ยนจงสงบใจ คืนนี้เวลาท่องจารึกถึงแล้ว นกกระเรียนเซียนน้อมรออยู่นอกตำหนักแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะ"
อู้เอวี๋ยน  :  นกกระเรียนเซียนนี้ทำไมสัญชาตญาณดีนักขอรับ มาถึงตำหนักพระตรงเวลาเพื่อช่วยแรงท่องเดินทาง

พระอาจารย์  :
                   หนึ่งความคิด จิตขยับ               โลกล้วนสรรพ ญาณรับได้
                   สงบนิ่ง ผืนนาใจ                     ร่วมปัจจัย ให้ฟ้าเวียน
อี๋เนี่ยนต้งซันเซียน                  โหย่วหลิงเจียอิ้งเถียน
ชุ่นถู่ฉังจี๋จิ้ง                           สุยเอวี๋ยนก้งจ่วนเทียน

        นกกระเรียนเซียนนี้ มีญาณดี ได้บำเพ็ญจึงเข้าถึงในพระทัยฟ้า ยิ่งมิต้องพูดถึงญาณดีที่มีธรรมะอีกด้วย ล้วนรู้การช่วยงานธรรมเป็นความภูมิใจ ฉะนั้น พอถึงเวลา กระเรียนเซียนนี้ก็จะมาตามบัญชา คนควรจะเอาเยี่ยงอย่าง ยอมเหนื่อยยากไม่ขัดเคือง รักษาใจธรรมขาวสะอาดไว้เสมอเช่นเดียวกัน (กล่าวจบ พระอาจารย์นำอู้เอวี๋ยนขึ้นนั่งบนหลังกระเรียนเซียนทะยานฟ้าไป)  ชั่วขณะเดียว ล่วงผ่าน "จื่อหยางกวนโข่ว"  ข้ามตำหนัก "เสินหยาง" มองลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ไกล ๆ นั้น เห็นปราสาทสูงทะมึนอยู่กลุ่มใหญ่ หลังคามุงกระเบื้องแก้ว วิจิตรงดงามยิ่งนัก แสงเงินระยิบระยับสวยสง่า ข้างกลุ่มตำหนักใหญ่หอโถง  ยังมีหอไม้สีแดงทรงสูงหลายสิบหลัง มีคนเดินเข้าออกมากมาย ต่างเหลียวซ้ายแลขวา รอบนอกเป็นป่าพฤกษ์ไพรวัน ห่างจากปราสาทกลุ่มนี้ไปไม่ไกล ยังมีกระท่อมมุงหญ้าคาอีกหลายหลัง มีแสงไฟวับแวม บนหลังคามีพลังสีดำกระจายออกมาหลายสาย ดูอึมครึมสลดหดหู่ชอบกล  ขณะมองดูอยู่ตลอดทาง ด้านทิศตะวันออกมีคนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนแต่งตัวสวมหมวกทรงสูงสง่างาม หญิงชายแยกฝ่ายไม่ปะปนกัน เทวมาตย์เดินนำหน้าพากันมุ่งไปที่อาคารสูง ทยอยกันเข้าประตูแน่นขนัด สักครู่หนึ่งก็มีคนอีกกลุ่มใหญ่ เดินเข้าอาคารไปเช่นเดียวกัน           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

อู้เอวี๋ยน  :  มิกล้ากราบเรียนถามพระอาจารย์ นั่นคือสถานที่อะไรขอรับ

พระอาจารย์  :  นั่นคือ ที่ปกครองของตำหนัก "ชิงหยางเตี้ยน" เป็นส่วนทำการสอบหลักฐาน "คนเดิม"  คืนนี้ ที่เราศิษย์อาจารย์รับพระบัญชาให้มาเยี่ยมชมก็คือสถานที่นี้ เจ้าอยากรู้รายละเอียด เราลงจากกระเรียนเซียนกัน ค่อยเดินชมค่อยคุยกันไป ก็จะเข้าใจได้ กล่าวจบ พระอาจารย์ยกพระหัตถ์ขวาตบหลังกระเรียนเบาๆกระเรียนก็ค่อย ๆ ร่อนลงข้างทาง พระอาจารย์กับศิษย์เดินจูงมือกันเดินไปตามทางใหญ่ข้างหน้า

อู้เอวี๋ยน  :  เมื่อกี้นั่งบนหลังกระเรียนเซียน ศิษย์เห็นตำหนักมหึมา แสงไฟเจิดจ้า นั่นคือตำหนักชิงหยางเตี้ยนใช่หรือไม่ขอรับ ?.

พระอาจารย์  :  ใช่แล้ว นั่นเป็นที่ทำการพระบรรพจารย์เทียนยุ่ย  ปราสาทตำหนักเงียบสงัดน่าคร้าม เป็นที่สอบหลักฐาน ระเบียบการเคารพทำตามพระอาจารย์ของคนเดิม บ้านหลังมหึมาใกล้ข้างหอโถงใหญ่นี้ ข้างซ้ายคือ "สถานกลับตัวกลับใจใหม่ของคนเดิมในสังกัดตำหนักชิงหยาง ชิงหยางเอวี๋ยนเหยินจื้อชินสั่ว" ข้างขวาคือ "สถานพักผ่อนของคนเดิมในสังกัดตำหนักชิงหยาง ชิงหยางเอวี๋ยนเหยินซิวชี่สั่ว"  ที่ห่างไกลออกไปเหมือนชายป่า กระท่อมหลังคามุงหญ้าหลายสิบหลังเหล่านั้นคือ "ทัณฑสถานชิงหยาง  ชิงหยางเฉิงเจี้ยสั่ว"  โลกยุคสุดท้ายนี้ ดีชั่วปะปนกัน ทุกแห่งหนแม้จะมีคนบุญ แต่ที่จะดำเนินงานธรรมสงเคราะห์ชาวโลกให้สำนึกรู้ตื่นจากความหลงนั้นมีน้อย น่าเสียดาย !  ความดีของคนหนึ่งคนยากที่จะปิดเสียงครวญครางของคนร้อยคน ด้วยเหตุดังนี้แม้คนบวชบำเพ็ญในศาลเจ้าวัดวาอารามหรือผู้ได้รับธรรมะแล้ว ส่วนใหญ่ยังถูกหมู่คนพาล ใจบาปหยาบช้า แอบแฝงย้อมสีให้ดำไป คนที่ทำทีเคารพในเบื้องต้น ลงท้ายหันหลังให้ เริ่มแรกขยัน สุดท้ายหน่ายหนี ผู้บำเพ็ญเป็นอย่างนี้มากมาย สุดท้ายจึงต้องเบียดเสียดกันมาที่ด่านนี้ ถูกสอบสวนความผิด เก้าในสิบคนจัดอยู่ในทะเบียนดำ ไม่ผิดก็บาป ต้องตกไปสู่กระท่อมมุงหญ้าคา ถูกลงโทษตามความผิดสถานนั้น ด้วยเหตุดังนี้จึงมีพลังสีดำของคนใจบาปหยาบช้ากระจายออกมา จากหลังคาและด้านซ้ายขวาส่วนที่เห็นบนทางเดินด้านตะวันออกเฉียงใต้ คนกลุ่มใหญ่แน่นขนัดแต่ไม่ยุ่งเหยิง มุ่งตรงไปยังสถานพักผ่อนด่านชิงหยางนั้น ล้วนผ่านการตรวจสอบที่ตำหนักเสินหยาง มาตรวจสอบที่ตำหนักชิงหยาง ตำหนักนี้เป็นตำหนักสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของด่าน "จื่อหยางกวน" สอบทานสายธรรม พระวิสุทธิอาจารย์ คนเดิมที่ได้รับการสอบทานที่นี่จึงมีมากมายหลายกรณี บ้างมาไกลจากสถานบุญในนรก ได้รับการยกระดับขึ้นมาเป็นวิญญาณผีที่จะไปสุขาวดี บ้างมาจากบุญวิมานเขตใกล้ ๆ ที่ได้รับการยกระดับให้เป็นเจ้าหน้าที่ บ้างเป็นวิญญาณเดิมที่นำพามาจาก "ตำหนักเสินหยางเตี้ยน" เหล่านี้เป็นต้น รวมความว่า ญาณเดิมทั้งสามโลก ทั้งคน วิญญาณผี เจ้าที่เจ้าทาง มาถึงถ้ำฟ้าดินแดนบริสุทธิ์ ล้วนจะต้องผ่านตำหนักนี้เพื่อสอบประวัติ ญาณเดิมจะต้องรายงานตัวลงทะเบียนที่ "สถานพักผ่อนชิงหยาง" รอการเรียกตัวจากเทพกรผู้นำการ ถามสัญชาติธรรม ความเป็นมาทุกข้อตามระเบียบเรียบร้อยแล้วจะถูกเรียกเข้าตำหนัก ที่นี่ จะทำการตรวจสอบด้วยระเบียบที่เข้มงวดเคร่งครัดเช่นนี้โดยไม่สับสนเลย

อู้เอวี๋ยน  :  การกำหนดสร้างสรรค์ทุกอย่างของดินฟ้าแยบยลอย่างไม่น่าเชื่อ เบื้องบนปฏิบัติต่อจิตญาณดวงใด ล้วนจัดการอย่างยุติธรรมถูกต้อง ดุแล้วมนุษย์จะคิดหวังให้โชคดีแคล้วคลาดไม่ได้แม้แต่น้อย เอ ตำหนักชิงหยางนี้ เป็นตำหนักปากทางหนึ่งของด่านจื่อหยางกวน ทำไมตั้งแต่เรามาเยือนจนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้เห็นเหตุการณ์อย่างเดียวกับในหนังสือ "ท่องจิ่วหยางกวน" ที่ตำหนักฉงเชิง ในไถจง ได้รับพระโองการให้ท่องเที่ยวจารึกไว้เลยขอรับ

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยนเหลวไหลแล้ว  หนังสือ "ท่องจิ่วหยางกวน" เล่มนี้มิใช่รวมการท่องเที่ยวทั่ว "จื่อหยางกวน" "เหอหยางกวน" และ "จิ่วหยางกวน" แม้จะให้ชื่อว่า บันทึกท่องเที่ยว "จิ่วหยางกวน" ก็ตาม แต่บันทึกเพียงการท่องเที่ยวดูโครงสร้างส่วนที่ทำการต่าง ๆ ใน "จิ่วหยางกวน" เท่านั้น ที่เราท่องเที่ยวอยู่ขณะนี้ เป็นตำหนัก "ชิงหยางเตี้ยนของจื่อหยางกวน" ซึ่งจะให้เห็นทัศนียภาพเช่นเดียวกับในหนังสือท่อง "จิ่วหยางกวน" ได้อย่างไร

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

อู้เอวี๋ยน  :  ใช่แล้วขอรับศิษย์โง่ไปชั่วขณะ เผลอเอา "เก้าเก้าจื่อหยังกวน" นี่ไปปนกับ "จิ่วหยังกวน" ทางโน้นเสียได้

พระิอาจารย์  :  ไม่ใ่ช่อะไร เป็นเพราะอู้เอวี๋ยนได้อ่านหนังสือท่อง "จิ่วหยางกวน" ก่อนจึงมีมโนภาพข้างคา ชาวโลกมักจะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์โปรด ฯ ถูกต้องแล้ว การยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งที่เข้าครองใจก่อน เป็นโรคเดียวกันของใจคน ศิษย์จะจำพระโอวาทพระอาจารย์ไว้ (ศิษย์กับอาจารย์พูดพลางเดินพลางจนมาถึงครึ่งทางมิทันรู้ตัว พลันได้ยินเสียงกลอนลั่นสามที ได้เห็นเทพกรห้าหกท่านเดินออกมาภายในจากตำหนักข้างหน้า เมื่อมาถึงเบื้องหน้าพระอาจารย์ เทพกรกับพระอาจารย์ก็ต่างคารวะต่อกัน)

เทวมาตย์  :  ผู้น้อยได้รับพระบัญชาจากพระบรรพจารย์ ให้ออกมาต้อนรับพระบรรพจารย์กับศิษย์ของพระองค์

พระอาจารย์  :  สาธุ ได้รับไมตรีจากพระบรรพจารย์ รบกวนท่านเทวมาตย์นำทาง

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อยเบื้องล่างกราบท่านเทวมาตย์  (ว่าแล้วพร้อมกันดำเนินไปสู่ตำหนัก "ชิงหยาง" ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว มองดูซ้ายขวาของพระตำหนักเห็นความโอ่อ่าสง่างาม  แสงสีโชติช่วงชัชวาลไม่ต่างกับ "รัตนะตำหนักตรีเทพพิทักษ์  ซันกวนเป่าเตี้ยน" บนเหนือพระทวารใหญ่มีแผ่นป้ายจารึกอักษรว่า "ชิงหยางเตี้ยน"  ซุ้มประตูตำหนักสูงมาก มีเสาหินมหึมายืนตระหง่านอยู่สองข้าง มีกลอนคู่อยู่สองข้างประตูว่า "ฟ้าสูงแผ่นดินไกล ในโลกล้ำค่าไซร์ คือได้ทางสว่างยุคสาม  บรรจบกาลได้ธรรมแท้ สำคัญแน่คนหมายให้ จุดมโนธรรมน้ำใจไว้ "  เทียนเกาตี้เอวี่ยนซื่อเจียนกุ้ยไจ้ซันฉีหมิงลู่เต๋อ  อวิ้นเหอเต้าเจินเหยินซื่อจ้งอวี่อี้เตี่ยนเหลียงซินไจ้  หน้าตำหนักสงบสวยงาม ร่มเย็นสบาย กำแพงหินสองด้านจารึกโคลงกลอนไว้หลากหลายด้วยพู่กันบรรจงและเขียนหวัด ดูอย่างกับพระอารามหลวงยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์  อู้เอวี๋ยน กราบประทานขออนุญาตอ่านดังนี้

เรื่องทางโลก             ยากที่จะ             คาดเดาได้             พลันละลาย              ประดุจเกล็ด         น้ำค้างแข็ง
กุศลบุญ -                คุณน้อยนัก          หรือมากแรง            สว่างแสง                 ส่องแลเห็น          ชัดเจนหมด
จะทำลาย                สูญสิ้นไป            ไม่ได้เลย               สักวันเอย                 น้อยนิดนั้น           พลันปรากฏ
อย่าหวังลาภ            วาสนา                 พาเริงโลด             จงกำหนด                 ระวังบาป             กำราบตน
ชีพชาวหล้า             อุปมา                  ทะเลป่วน              คลื่นลอนรวน              ชวนซัดสาด         บาดหินผา
จิตญาณเป็น            เช่นนี้เวียน             เปลี่ยนลีลา            ยับเยินมา                  ผจญล้าง            บ้างมงคล
ตนผู้ทำ                  กรรมถูกจด            กำหนดผล             หนีไม่พ้น                  จนทุกทาง          สว่างชัด

ซื่อซื่อหนันเลี่ยว        ซวงลู่อี้เซียว        กงกั้วต้าเสี่ยว        หมิงเจี้ยนเจาเจา        อู้ฉิวตัวฝู                    เจื้อจือเสี่ยนเก่า
เหยินเชิงไจ้ซื่อ         อวั่นหยูไห่เฉา      อี๋อี้อี๋เมี่ย              จ้ายุ่ยจ้าเจียว            หลิงอี้หยูซื่อ                สือจ่วนสือหลุน
ฮว๋อเฟ่ยฮว๋อเตียว      จี๋ชยงฮว๋อฝู         จื้อจั้วจื้อเจา          อินกั่วปู้ชั่ง                เจี้ยนเจี้ยนเฟินหมิง        เจวี๋ยเอี่ยหนันเถา

        อู้เอวี๋ยน เพิ่งอ่านจบก็เห็นเทวมาตย์ท่านหนึ่งสวมจีวรรูปโป๊วก่วย เดินออกมาจากตำหนักมาด้วยใบหน้าอ่อนโยนยิ้มแย้ม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

เทวมาตย์  :  บรรพพุทธาท่านกับอู้เอวี๋ยนเหนื่อยยากมากตลอดทาง พระบรรพจารย์อยู่ข้างใน ขอเชิญยินดีต้อนรับท่านเข้าพักผ่อน

พระอาจารย์  :  ลำบากแก่ท่านทิพยมาตย์ เชิญท่านนำทาง อู้เอวี๋ยนรีบแต่งกายให้เรียบร้อย (ดังนี้แล้ว อู้เอวี๋ยนเดินตามพระอาจารย์พร้อมกันเข้าสู่ตำหนัก) ตำหนักในใหญ่โตโอ่อ่าสง่างาม เลิศหรูอลังการ เทพกรผู้ปฏิบัติงานมากมาย เมื่อเห็นพระบรรพจารย์เทียนหยานเสด็จมา ต่างรีบคารวะกันแช่มชื่น เหนือคานด้านบนมีป้ายทองแผ่นใหญ่ จารึกข้อความว่า "เคารพกฏยิ่งใหญ่แท้   ต้าไจจุนเจ็อ"  ทุกตัวอักษรมีรัศมีสีทองแผ่ออกรอบด้านสะท้อนทาบลงบนผนังที่มีป้ายจารึกโคลงกลอนด้วยตัวอักษรบรรจงและหวัด ความบางส่วนมีว่า 

สามโลกปรกช่วย             ด้วยเมตตาการุณย์        หลักธรรมเกื้อหนุน        ให้คุณชาวหล้า        พลังบริสุทธิ์        ชีพจรแผ่พา       
ฐานบุญเลิศหล้า              ปทุมาเบ่งบาน
ฉือเปยจิ้วขู่ซันเฉาตู้        เจิ้งหลี่อู๋ซือจี้ซื่อเตียน        ฉุนชี่หลิวทงอวั้นไม่จ่วน        กั่วจุนเอว้ยไจ้เซิงฮว๋าเหลียน

ด้วยรักเมตตา          กรุณาอุ้มชู        เวไนยฯกอบกู้        สู่เอกภาพใหญ่        มหาจักรวาล        หลักธรรมเที่ยงไซร์
สงบตั้งใจ               สืบส่งกลมกลืน
ฉือเปยไอ้ไจ้        ตู้ฮว่าต้าถง        เจิ้งหลี่อวี่โจ้ว        จิ่งซินเอวี๋ยนทง        อวั้นฟังจี้ซื่อ        ก่วงพีปู้ฉัง        อย่งปู๋เมี่ยซื        จินเหลียนเจินจง

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยนอย่ามัวเพลิน พระบรรพจารย์รอเราอยู่ในตำหนัก รีบเข้ากราบคารวะ (กล่าวพลางดำเนินสู่ประตูชั้นที่สามภายใน ได้เห็นพระบรรพจารย์ดำเนินมาต้อนรับด้วยพระพักตร์อ่อนโยน ธรรมปฏิสันถารต่อกันแล้วพร้อมกันประทับนั่ง)

พระบรรพจารย์  :  ฝ่ายปฏิการะให้เชิญเครื่องรับรองเข้ามา ! 

พระอาจารย์  :  คุณธรรมไมตรีจากพระบรรพจารย์ยากจะลบลืม คืนนี้ เราศิษย์อาจารย์สนองรับเบื้องบน โปรดบัญชามาสู่ตำหนักนี้ รับผิดชอบบันทึกบททองเป็นข้อมูลสงเคราะห์ชาวโลกต่อไป

พระบรรพจารย์  :  พระบรรพจารย์ (เทียนหยาน) พระองค์เกรงใจยิ่งแล้ว เราต่างรับหน้าที่ของตน ล้วนเพื่อปรกโปรดสามโลกเก็บงานดินฟ้าสมบูรณ์ผล ยิ่งกว่านั้น บรรพจารย์ท่านวิ่งเต้น เหนื่อยยากยิ่งกว่า ท่านน่าจะประทับสนทนาอยู่ ณ ที่นี้ ข้าพเจ้ามอบหมายให้เทพกรท่านหนึ่งนำท่านธรมราชมาเป็นผู้แนะนำการท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ แก่อู้เอวี๋ยน ท่องเที่ยวกลับมา หากกังขาสิ่งใดข้าพเจ้าจึงไขข้อปัณหา ไม่ทราบอริยดำริของท่านเห็นเป็นเช่นไร ?.

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณความปรารถนาจากพระบรรพจารย์  อู้เอวี๋ยน ตลอดทางจำไว้   อย่าได้หละหลวมจริยารู้ไหม ?.  (ดังนั้นแล้ว ธรรมราชได้รับบัญชาจากพระบรรจารย์นำอู้เอวี๋ยนออกจากตำหนักไปสู่ "ตำหนักสอบถาม  เข่าเซี่ยวเตี้ยน") ในตำหนักนั้น คนเดินแน่นขนัด ต่างถูกสอบหลักฐาน เทพกรผู้ทำการประทับนั่งทุก ๆ โต๊ะทำงาน วุ่นอยู่กับการตรวจสอบสมุดบัญชีหลักฐาน

ธรรมราช  :  อู้เอวี๋ยน นั่งรออยู่ที่นี่สักครู่ รับฟังอยู่ข้าง ๆ ... (อู้เอวี๋ยนมองไปโดยรอบ หน้าโต๊ะตัวหนึ่งกลางห้อง หญิงคนหนึ่งก้มหน้าเศร้าหมอง เห็นเทพกรผู้ทำการตรวจสอบบัญชีบาปบุญในการบำเพ็ญแล้วบันดาลโทสะ ตยโต๊ะดังปัง ตวาดชี้หน้าหญิงนางนั้น)

เทพกร  :  เจ้าอยู่ในโลกผิดพุทธระเบียบบ่อย ๆ กล้าอกตัญญู ฝ่าฝืนดื้อดึงต่อเทียนมิ่ง ใส่ไคล้ทำลายธรรมะและพระอาจารย์...ชั่วร้าย  ชั่วร้าย !  เจ้ายังกล้าวางแผนทำลายนักธรรมอาวุโสให้เสียหาย เจ้าแย่งตำแหน่งบุญกุศลด้วยเหตุผลกลใด มีชีวิตอยู่ ใส่หน้ากากผู้บำเพ็ญสร้างบุญ แต่ทำลายลายชื่อเสียงของตำหนักบุญอยู่บ่อย ๆ รู้ไหม โทษควรสถานใด ?.

วิญญาณหญิง  :  ... (อึกอักพูดไม่ออก คุกเข่าน้ำตาไหลพราก ขอเทพกรโปรดยกโทษ)

เทพกร  :  (ขึงพระเนตร) อยู่ในโลกไม่ทำดี บัดนี้จะขออะไร (โปรดบัญชาเทวนาคราชแปดฝ่ายนำตัววิญญาณบาปไปสู่สถานลงโทษ ให้รับโทษไปตามความผิดนั้น ๆ )   (พระวัชระพิทักษ์ธรรมองค์ใหญ่น่าคร้าม หุ้มเกราะสะพายดาบสององค์ รับพระบัญชาผลักไสนำพาวิญญาณบาปไปสู่กระท่อมมุงหญ้าคาทางโน้น) 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน  

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

อู้เอวี๋ยน  :  เศร้าแท้ เข้มงวดแท้ ผู้บำเพ็ญผิดต่อพุทธระเบียบ ผิดต่อทางธรรม จะผ่านการตรวจสอบจากตำหนักนี้ไปไม่ง่ายเลย (หันไปทางโต๊ะสอบสวนทางขวา เห็นชายชราคนหนึ่ง สูงอายุ ผมขาวโพลน หน้าผากกว้าง สุขุมเยือกเย็น สุขุมเยือกเย็น สายตาเป็นประกาย เชื่อว่าคงเป็นผู้รักษาพุทธระเบียบ สร้างกุศลคุณงามเมื่อยามมีชีวิตเป็นแน่) เทพกรเปิดสมุดดูผลการบำเพ็ญด้วยพระพักษณ์แช่มชื่น สอบถามตรวจทานชื่อสกุล อิ๋นเป่าสือ (ผู้แนะนำรับรอง) และอื่น ๆ ชายชราตอบอย่างคล่องแคล่ว

เทพกร  :  ยินดีด้วย ยินดีด้วย ! ผู้มีปัญญาเมื่อมีชีวิต รู้จักอาศัยกายสมมุติบำเพ็ญธรรมจริง สร้างบุญสร้างคุณธรรม บันทึกไว้ไม่ใช่ธรรมดา ท่านทิพยมาตย์นำเชิญผู้เฒ่าทานนี้ไปที่ห้องพักผ่อน จากนั้น จึงต้อนรับสู่ตำหนัก "ปี้หยางเตี้ยน" เพื่อสอบผลต่อไป

อู้เอวี๋ยน  :   สาธุ เมื่อมีชีวิต รักษาพุทธระเบียบ ผู้บำเพ็ญบุญตายแล้วมาที่นี่นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง (หันไปทางโต๊ะซ้ายมือ เห็นท่านเทพกรชี้หน้าชายฉกรรจ์...)

เทพกร  :  เจ้าอยู่ในโลกมนุษย์ ใจใหญ่กว่าแผ่นฟ้า กล้าลบหลู่เหยียดหยามเทียนมิ่ง หลอกลวงรังแกดูแคลนนักธรรมอาวุโสกับผู้ร่วมบำเพ็ญ ไม่รักษาความสัตย์จริง พูดจาเหลวไหล โน้มใจใคร ๆ ให้หลงผิด หัวใจธรรมของเจ้าอยู่ใหน เมื่อตรวจสอบสมุดบาปบุญสามชาติของเจ้าแล้ว บาปเวรนี้ควรตกนรกในขุม "นรกธรมผู้บำเพ็ญ เซิงหยูเต้าอวี้" รับโทษสถานหนัก แต่ในสมุดบาปเวรสามชาติปรากฏบุญ เคยสั่งสมไว้ในชาติที่แล้วเล็กน้อย จึงเห็นแก่บุญและคุณธรรมอดีตชาติหักลบกับความผิดบาปในชาตินี้ ท่านทิพยมาตย์จึงนำผู้นี้ไป "สถานสำนึกกลับตัวกลับใจ" ขอขมากรรมสามสิบวัน รอคอยให้ยมทูตนำไปยังยมโลกบัลลังก์ที่สิบ ส่งไปสู่แท่นเวียนว่ายเกิดใหม่ ไปบำเพ็ญชาติหน้า

อู้เอวี๋ยน  :  โธ่เอ๋ย อุตส่าห์สั่งสมกุศลบุญคุณธรรมไว้ แหกชาติน้ผิดต่อธรรมะ ผิดต่อพุทธระเบียบ ล่วงเกินเทียนมิ่ง สูญเสียคุณธรรม กระทำความผืดก็ยากจะพ้นจากเวียนว่ายตายเกิด ดังคำที่ว่า

""หนึ่งก้าวพลาดเท้า             แค้นเศร้าชั่วกาลนาน             หันกลับอีกที            ร้อยปีเฒ่าชรา"
อี้ซือจู๋  เฉิงเชียนกู่เฮิ่น  ไจ้หุยโถวอี่ไป่เหนียนเซิน             ต้องรอบคอบระมัดระวัง"
        (ขณะนั้น ได้ยินเสียงเทพกรตำแหน่งกลางตบโต๊ะปัง ตวาดหญิงนางหนึ่งที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า นางเศร้าหมองน้ำตานองหน้า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19/09/2011, 01:11 โดย jariya1204 »

Tags: