collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น : คำนำพระอรหันต์จี้กง  (อ่าน 40148 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  9  :  โรคเอดส์มาจากมนุษย์วิปริต โรคร้ายแรงเพราะกรรมหนักหนา
         
พระจี้กง  :  รู้ผิดแล้วแก้ไข กุศลใหญ่นะ ถึงแม้จะเป็นวจีกรรม โดยไม่ตั้งใจก็ต้องรู้ว่า แรงกรรมที่ทำไว้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องแบกรับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะพูดจาหรือทำอะไรจะต้องระมัดระว้งให้มาก เอาละ ! หลับตาเสีย ! ขึ้น.......ถึงแล้ว ท่านยมบาลกำลังรออยู่ข้างหน้าโน้น รีบเข้าไปคารวะ

เฟยหลวน  :  ค่ะ ! ศิษย์เฟยหลวนขอคารวะท่านยมบาลและเหล่าเทพทั้งมวล ในช่วงแต่งหนังสือนี้ช่างรบกวนพวกท่านเสียจริง ทำให้เพิ่มภาระความวุ่นวายให้แก่พวกท่านไม่น้อย ศิษย์ขอถือโอกาสนี้กราบขอบพระคุณพวกท่านด้วยค่ะ

ยมบาล  :  เฟยหลวนมิต้องเกรงใจ นี่เป็นโองการสวรรค์ และก็เป็นงานที่มีเกียรติ เมื่อหนังสือพิมพ์ออกสู่ชาวโลกคงได้ฉุดช่วยคนไม่น้อย  พวกเราก็ได้อาศัยบุญของโรงเจท่านได้ออกแรงเพียงเล็กน้อยไปกล่อมเกลาชาวโลก พวกเราก็รู้สึกอบอุ่นภายในใจ ทางโลกจิตใจวิปริตอย่างนี้ก็จำเป็นต้องใช้หนังสือ คำพูดต่าง ๆ ไปกล่อมเกลา จึงจะไปได้ยาวไกล

เฟยหลวน  : ค่ะ !  ขอบคุณท่านยมบาลที่ชี้แจง

ยมบาล  :  ไม่ต้องเกรงใจ ! อย่างนั้นก็เชิญท่านอรหันต์จี้กง และเฟยหลวนไปชมที่รับโทษหนักในนรกคนเป็นด้วยกันเถิด

เฟยหลวน  :  ว้า !  คิดแล้วน่ากลัว โดยเฉพาะพวกหนอนเป็นเส้น ๆ ศิษย์น่ากลัวมาก ที่จริงก็น่ากลัวนะ  ว้า........มีเสียงร้องน่าสงสารมาแต่ไกล ๆ ศิษย์ไม่กล้าฟังต่อไปอีกแล้ว

พระจี้กง  :  อย่ากลัวเลย !  มีสติหน่อย อาตมาอยู่ด้วย........

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  ที่เห็นวันนี้ทำไมจึงมีหนอนดูดเลือดอยู่เต็มตัวไปหมด วิญญาณเป็น ๆ เหล่านั้น อุ้ย .....น่ากลัวจัง บางคนตัวแทบจะแตกสลาย พวกหนอนพวกนี้มันมาจากไหนกันนะ ดูพวกเขา (เธอ) น่าสงสารมากนะ

ยมบาล  :  นี้เป็น  "หนอนกรรม"  เป็นกรรมเวรที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ ต้องได้รับผลตอบสนองเช่นนี้

เฟยหลวน  :  อ้อ ! พวกวิญญาณเป็น ๆ ที่พวกเขา (เธอ) ได้รับเคราะห์กรรมอยู่ที่นี่นั้น แล้วสภาพกายเนื้อของพวกเขาจะเป็นเช่นไรคะ

ยมบาล  :  นี่คือสิ่งที่ชาวโลกในศตวรรษที่ 20 พูดกันว่าเป็น "โรคแห่งความตายมืด" เป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษา ชาวบ้านเรียกว่า  "โรคเอดส์"  วิญญาณเป็น ๆ ของผู้ป่วยเขา (เธอ) จะมีสภาพทุกข์ทรมาน

เฟยหลวน  :   โอ้ย !  "เอดส์"  ขอเรียนถามท่านยมบาลอะไรคือ  "โรคเอดส์"  แล้วมีสาเหตุความเป็นมาอย่างไร  ศิษย์เห็นแต่ในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้น เกี่ยวกับสาเหตุความเป็นมาของเอดส์ทั้งไม่รู้และไม่เข้าใจ รู้เพียงว่าเป็นพวกลักเพศ ทั้งเพศเดียวกันกับพวกสองเพศอะไรเหล่านั้น พวกเราก็พูดว่าเป็น  "โรคเอดส์"  ใช่แบบนี้หรือเปล่า ขอท่านยมบาลอธิบายหน่อย

ยมบาล  :  คนที่เป็นโรคนี้ มิใช่เป็นเพียงแต่พวกลักเพศ หรือพวกเพศเดียวกัน หรือพวกที่ชอบทั้งสองเพศ หรือสำส่อนชายหญิง ยังมีพวกที่ชอบแบบตะวันตกที่ชอบ  "เซ็กส์หมู่"  หรือแลกผัวแลกเมียกัน.....ต่าง ๆ เป็นต้น พวกที่ฝืนคุณธรรม ผิดประเพณีนิยม มักจะเป็นโรคนี้ได้ง่าย สาเหตุจากพวกสำส่อนทางเพศ และไม่นับถือคุณธรรมจึงเกิดโรคนี้ขึ้น

เฟยหลวน  :  กับกายเนื้อ พวกเขาเจ็บป่วยกันอย่างไร ที่ทำให้หมอลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์

ยมบาล  :  เอดส์เป็นโรคที่คนทันสมัยปัจจุบันเรียกขานกัน ที่จริงแล้วโรคนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่สมัยนั้นไม่มีชื่อเรียก มาสมัยนี้การแพทย์เจริญ จึงได้ตั้งชื่อว่าโรคเอดส์ แต่การแพทย์เจริญก็มิใช่ว่าจะสามารถรักษาโรคนี้ได้ อันนี้ต้องรอเบื้องบนที่จะมีโองการให้มียาอะไรที่จะมาสกัดกั้นโรคนี้ ชาวโลกจึงจะมียาใหม่ผลิตออกมาได้ ทุกอย่างล้วนเป็นกำหนดการของเบื้องบนทั้งสิ้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  9  :  โรคเอดส์มาจากมนุษย์วิปริต โรคร้ายแรงเพราะกรรมหนักหนา

เฟยหลวน  :  ที่แท้จริงเป็นอย่างนี้เอง แล้วสภาพอาการเป็นอย่างไร

ยมบาล  :  เริ่มแรกอาการจะมีเป็นไข้หวัดมีไข้ ทำให้ผู้ป่วยหมดแรง ต่อไปก็จะอาเจียน อุจจาระร่วง ต่อมน้ำเหลืองบวม ปอดจะเป็นวัณโรค แล้วก็จะไอติดต่อกันนาน ๆ  เมื่ออาการต่าง ๆ ปรากฏออกมาหมดแล้ว  คนไข้ก็ถึงขั้นโคม่าและสิ้นชีวิตในที่สุด

เฟยหลวน  :  ว้า !  ถ้าวันหลังมีไข้หวัดก็ต้องรีบ ๆ ไปหาหมอแล้ว จะได้ไม่กลับกลายเป็นโรคร้าย

ยมบาล  :  ใช่แล้ว !  ชาวโลกมักไม่สนใจกับไข้หวัดที่เกิดขึ้น มักจะคิดว่าเป็นโรคเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย หารู้ไม่ว่าเรื่องเล็ก ๆ อย่างโรคหวัดเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ นี้เอง

เฟยหลวน  :  อื้อ !  ขอเรียนถามอีกที คนเป็นโรคนี้ มีสาเหตุแบ่งออกกี่อย่าง

ยมบาล  :  นี่ก็แบ่งเป็นชาติก่อนกับชาตินี้  ที่ชาติก่อนก็คือจิตฟ้าปางก่อน (อยู่ในท้อง) ธรรมดา เรียกว่า เหตุกับผล  ตอนมีท้องก้ได้รับเชื้อโรคเข้าไป หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน อันเป็นผลตอบสนอง  ที่ชาตินี้คือเป็นผู้ไม่รักตนสงวนตัว สำส่อนทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แยกแยะ ซึ่งเป็นโอกาสที่เหมาะสมจึงถูกเบื้องบนลงโทษ

เฟยหลวน  :  เป็นเช่นนี้ ศิษย์พอเข้าใจบ้างแล้ว มองดูพวกที่แช่อยู่ในน้ำร้องโอดโอย ช่างน่าสงสาร น่าสมเพศเวทนายิ่ง พวกเขาน่าจะสำนึกผิดตั้งแต่แรก ดูพวกเขา (เธอ) แขนขาถูกตรึงแน่น ดูเหมือนพวกหนอนจะรุมเร้าขึ้นไปดูดเลือดบนตัว น่ากลัวมากนะ !  แล้วแบบนี้จะอธิบายว่าอย่างไรกันคะ

ยมบาล  :  พวกหนอนเหล่านี้ในทางโลก ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ พวกมันถูกเรียกว่าเชื้อโรคจุลินทรีย์ ในร่างกายมนุษย์ก็มีภูมิคุ้มกันอยู่ ซึ่งมันจะควบคุมเชื้อโรคในวงการแพทยืได้ค้นพบว่าภูมิคุ้มกันถูกเชื้อโรคทำลายก้เท่าที่เธอเห็นสภาพอยู่ในขณะนี้ หากชาวโลกคิดที่จะมีชีวิตรอดจากนรกคนเป็นแล้ว ทางที่ดีก็อย่าไปรบกวนมัน แล้วตั้งใจบำเพ็ญ อย่าได้ฝืนขัดคุณธรรมแห่งมนุษย์ชาติซึ่งควรมีอยู่ ต้องไม่เห็นแก่อารมณ์ชั่ววูบ โลภความสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าว พึงรู้ไว้ว่าภายใต้เปลือกที่เคลือบน้ำตาลมีพิษร้ายที่ถึงแก่ชีวิตได้ ชาวโลกพึงระวัง

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  ขอบคุณท่านยมบาลที่ชี้แจ้งละเอียด ก็เป็นอันว่าผู้ที่เป็นโรคเอดส์ เพราะสภาพภูมิคุ้มกันของร่างกายสูญเสียไป เพราะฉะนั้นจึงถูกพิพากษาให้โทษถึงตาย

ยมบาล  :  อือ ! พวกวิญญาณเป็น ๆ ที่ถูกจับลงโทษใน "นรกแดนตาย" ก็เป็นทางที่จะให้พวกเขา (เธอ) ได้ลิ้มชิมรสแห่งการเจ็บปวด เขาจะได้รู้ "รสนิยม" ที่มีค่าตอบแทนสูงขนาดนี้ ซึ่งเป็นการตักเตือนชาวโลกว่า  ควรรักษาสภาพความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเอาไว้ อย่าทำสิ่งที่ทำลายคุณธรรม เสื่อมเสียจริยธรรม ทั้งทำลายผู้อื่นแล้วยังไม่มีประโยชน์แก่ตนด้วย ต้องรู้ว่าผลที่ได้จากความสุขก็คือ ความทุกข์ที่ตามมา  ชาวโลกควรคิดสักครา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  9  :  โรคเอดส์มาจากมนุษย์วิปริต โรคร้ายแรงเพราะกรรมหนักหนา

เฟยหลวน  :  อือ ! ศิษย์เข้าใจแล้ว ขอเรียนถามท่านยมบาลอีกว่า ศิษย์ได้ยินเขาพูดกันว่า ถ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้ว พบว่าบนตัวมีที่เขียวบ้าง ช้ำบ้าง ห้อเลือดบ้าง บวมแดงบ้าง หรือก็เหมือนมีรอยไม้เรียวบ้าง หรือรอยแส้อะไร ๆ ทำนองนี้ ในความฝันอาจจะรู้สึกเล็กน้อยว่าถูกตีแต่ก็ดูเหมือนไม่มี แต่พอตื่นขึ้นมา บนตัวมีรอยบาดเจ็บหรือรู้สึกมีอาการเจ็บ อย่างนี้เป็นเพราะอะไรกันคะ หรือเพราะวิญญาณพวกเขา (เธอ) ถูกจับไปลงโทษในนรกคนเป็นใช่ไหมคะ

ยมบาล  :  ถูกแล้ว !  อันนี้เป็นเพราะแรงกรรมที่ตอบสนอง และก็ถือโอกาสอันนี้ให้ผู้ที่รับการตอบสนองมีความรู้สึกและเกิดสำนึกผิดขึ้น แต่ส่วนใหญ่ความรู้สึกอันนี้มักจะเกิดกับบนร่างกายของผู้ที่มีคุณธรรม หรือผู้มีจิตเมตตา หรือผู้ปฏิบัติธรรม

เฟยหลวน  :  อ๋อ ! ถ้ารู้ว่าเป็นแรงกรรมตนเองตอบสนองแล้วจะแก้ไขอย่างไรกับแรงกรรมเหล่านี้

ยมบาล  :  ตอนนี้ยิ่งรู้สึกผิดในความคิดแต่อดีต แล้วรีบ ๆ ทำบุญ ทำกุศล เพื่อชดเชยบุญกุศลที่ขาดไป เพื่อชำระล้างแรงกรรม

เฟยหลวน  :  ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์อยากเรียนถามท่านยมบาลอีกสักข้อได้ไหม

ยมบาล  :  ไม่เป็นไร พูดมาเถอะ

เฟยหลวน  :  ขอบคุณท่านยมบาล  พูดก็พูด ชาวด,กมีโรคหลายอย่างนอกจากมะเร็งที่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แล้วโรคอย่างอื่นก็ยังสามารถผ่าตัดช่วยชีวิต อย่างเช่น เนื้องอก ก็สามารถผ่าตัดช่วยชีวิตได้ แต่เนื้องอกกับมะเร็งมีแรงกรรมที่แตกต่างกันอย่างไร ศิษย์หมายความว่า เป็นในที่ที่เดียวกัน สมมุติว่า  "เนื้องอกในมดลูก"  กับ "มะเร็งในมดลูก" ความแตกต่างของมันอยู่ที่ไหน

ยมบาล  :  อย่างนี้แตกต่างกันมากนัก "มะเร็ง" เป็นโรคแห่งฟ้าปางก่อน เป็นโรคกรรมที่วนเวียนมาตอบสนอง จึงได้ชื่อว่าโรคสิ้นหวัง นั่นเป็นระดับความหนาของบาปกรรมที่หนักมาก สำหรับ "เนื้องอก" ส่วนใหญ่มักเป็นบาปกรรมที่ก่อไว้ในปัจจุบัน อย่างที่เจ้าพูดถึง "เนื้องอกในมดลูก" ว่าทำไมจึงได้เป็นโรคนี้ มักเกิดจากความมักมากในกาม หรือไม่ก็เกิดจากแท้งลูกหลายครั้งเป็นสาเหตุ หรือบางครั้งก็เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ที่เข้าไปจนเกิดโรคนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็นอย่ากระทำ เหนือศรีษะ 3 ฟุตมีเจ้าอยู่  ในที่ลับตาหรือที่ไม่มีคนเห็นอย่ารังแกผู้อื่น ตาสวรรค์เห็นเสมอ มิใช่ไม่มีการตอบสนอง เพียงแต่เวลายังมาไม่ถึง เมื่อถึงคราวตอยสนองแล้วสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว

เฟยหลวน  :  การตอบสนองของกรรมไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยนิด ฟังดูแล้วขนลุก ท่านยมบาลหมายถึงว่า ชาวโลกที่เจ็บป่วยหากเอาชื่ออะไรมาเรียกก็มักจะเกี่ยวข้องกับเวรกรรมที่กระทำซึ่งเป็นผลของกรรมนั้น ที่แสดงออกมาให้เห็นใช่ไหมคะ

ยมบาล  :  ถูกแล้ว !

พระจี้กง  :  คืนนี้ท่านยมบาลอธิบายได้อย่างชัดเจน ได้พูดถึงสาเหตุของโรคที่เปลี่ยนแปลง หวังว่าชาวโลกจะเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีกรรมกำหนด อย่าทำอย่างไม่ดี มิฉะนั้นตนเองต้องรับทุกข์เอง และก็หวังให้ชาวโลกรู้ว่าการที่เบื้องบนรั่วไหล "นรกคนเป็น" ให้ล่วงรู้มีความลำบากใจเพียงใด เอาละเวลาดึกแล้ว เฟยหลวนรีบอำลาท่านยมบาลและเหล่าเทพทั้งมวลเสีย เราจะได้กลับโรงเจกัน

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  ขอบคุณท่านยมบาลที่หลายวันมานี้ได้อธิบายอย่างละเอียดละออ เชื่อว่าชาวโลกคงเข้าใจ ศิษย์ขอขอบคุณท่านยมบาลและเหล่าเทพที่เมตตากรุณาแทนชาวโลกไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย (คุกเข่าลงสามครั้งแล้วกราบเก้าครั้ง)

ยมบาล  :  มิได้ !  มิได้ !  รีบ ๆ ขึ้นมา นี่ก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว หากมีที่ขาดตกบกพร่อง หวังว่าท่านอรหันต์จี้กงจะกรุณา

พระจี้กง  :  ท่านยมบาลและเทพทั้งหลายช่างเกรงใจจริง รบกวนมานาน ขอบใจทุกท่านที่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน

ยมบาล  :    } มิบังอาจ ! มิบังอาจ !  ขอน้อมส่งเสด็จท่าน
เหล่าเทพ  : } อรหันต์จี้กง

พระจี้กง  :  เฟยหลวนรีบ ๆ ขึ้นบนปทุมาสน์

เฟยหลวน  :  ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเิดินทางได้

พระจี้กง  :  เอ้อดี !  หลับตาเสีย........ ขึ้น ........ถึงโรงเจจ๋วงเซินถังแล้ว เฟยหลวนลงจากปทุมาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง อาตมากลับล่ะ

เฟยหลวน  :  ศิษย์ขอน้อมส่งเสด็จท่านอาจารย์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

พระจี้กงเสด็จลงประทับทรง  กลอนนำเสด็จ

                         หนึ่งชี้ทางสว่างญาณทวาร
                สองเทพเจ้านิมมานคอยสอดส่อง
                สามบุปผาชูช่อทารกผ่อง
                สี่ฤดูทองไม้บานทั่วไต้หวัน
                ห้าทะเลสาบสี่สมุทรต่างสรรเสริญ
                หกหกเพลินราบรื่นสร้างสถานธรรม
                เจ็ดนางฟ้าเมตตาช่วยงานธรรม
                แปดเซียนนำโอวาทช่วยเผยแพร่
                เก้าอริยะด่านอบรมให้เบ็ดเสร็จ
                สิบเต็มเปี่ยมรู้สำเร็จบริบูรณ์

พระจี้กง  :  ใกล้จะสิ้นปี คืนนี้หลังแต่งหนังสือเล่มนี้แล้วก็ถึงกาลอวสาน หนังสือ "บันทึกปรากฏการณ์นรกคนเป็น" เป็นหนังสือที่ใช้ปลอบเตือนผู้คนที่อยู่บนโลก ถึงผลการกระทำต่าง ๆ ไม่อาจหลบหลีกจากสายตาของเทพพุทธไปได้ กับการตอบสนองของกรรมตนเองเป็นผู้ก่อไว้ก็ต้องให้ตนเองแบกรับผลกรรม ไม่มีใครสามารถจะรับแทนกันได้ ก็เหมือนกับตนเองปวดศรีษะ คนอื่นก็ไม่เข้าใจถึงรสชาตของการปวดศรีษะ ดังนั้น หากใครมีิจิตคิดอวดดี พอถึงเวลาผลกรรมตามสนอง ก้มิอาจหลีกผลกฏแห่งกรรมนั้นไปได้ ในขณะที่กรรมตอบสนอง กายเนื้อก็จะปรากฏอาการความเจ็บปวดต่าง ๆ กัน ถึงแม้จะเป็นการยกตังอย่าง แต่จุดมุ่งหมายก็ต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่า เพียงตัวอย่างอันหนึ่งก็สามารถนึกเห็นได้ถึงสามอย่าง

เฟยหลวน  :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์ ครั้งที่แล้วได้ยินอาจารย์ว่า จะพาศิษย์ไปเฝ้าสมเด็จแม่ที่สระทิพย์ ศิษย์ดีใจจนนอนก็นอนไม่หลับ แต่ทว่ายังกระปรี้กระเปร่าอยู่  เพียงแต่ณุ้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้ามาก คืนนี้สองเราอาจารย์ศิษย์จะได้ไปเที่ยวยังสระทิพย์แล้ว ศิษย์ดีใจจนไม่รู้จะนำคำพูดอะไรมาเปรียบเปรยจึงจะเหมาะสม ขณะเดียวกันความดีใจนี้ก็ได้ขจัดความไม่สบายอกสบายใจและความหวดผวาไปได้

พระจี้กง  :  เอ้อ !  วิญญาณท่องเที่ยวนรกคนเป็น เพื่อแต่งหนังสือเป็นงานศักดิ์สิทธิ์ หากพูดว่ารู้สึกไม่สบายอก  อาตมาพอเข้าใจได้ แต่ที่หวาดผวานี่ซิ มีอะไรทำให้เป็นเช่นนั้นหรือ

เฟยหลวน  :  อาจารย์เจ้าขา !  ท่านไม่รู้อะไร สภาพของ "นรกคนเป็น" ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร  ทำให้คนทนสภาพนั้นได้ยาก หากมิใช่เป็นโองการให้วิญญาณท่องไปเพื่อแต่งหนังสือเป็นภาระอันยิ่งใหญ่แล้ว ศิษย์ก็มิกล้าออกปากบ่นหรอกค่ะ ถ้าเป็นธรรมดา ป่านนี้ก็เผ่นแน้บไปถึงไหนแล้ว จริง ๆ นะ ! สภาพเช่นนั้นก็เหมือนนรกบนดิน "โรงฆ่าสัตว์" อะไรอย่างนั้น ทำให้คนยากที่จะลืมเลือน ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร การกินการอยู่ของศิษย์จึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ นี่แหล่ะคือการหวาดผวาของศิษย์ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

พระจี้กง  :  ว้า........ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง นี่ก็โทษไม่ได้ อาจารย์เข้าใจแล้ว แต่ว่าคราวนี้บุญกุศลของเจ้าไม่น้อยทีเดียว และก็เป็นความขยันของโรงเจเจ้าที่ทำงานด้านเผยแผ่ทางอริยะเป็นเหตุและบรรดาศิษย์ภายใต้การนำของนายลิ้มจ๋วงซิว ได้ยืนหยัดในอุดมการณ์อันแนบแน่น จึงประสบความสำเร็จในวันนี้ เป็นสิ่งที่น่ายินดีและน่าสรรเสริญ อีกทั้งเทพพุทธในสามโลกต่างยกย่อง

เฟยหลวน  :  ท่านอาจารย์เยินยอเกินไปแล้ว ศิษย์คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ควรทำจึงทำไปเท่านั้น แต่เป็นเพราะสมัยและสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน สังคมก้าวไปสู่สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง หรือที่พูดว่าก้าวไป น่าจะพูดว่าถอยหลัง เพราะจิตใจชาวโลกยึดอยู่กับความเจริญของวิทยาศาสตร์ จึงพยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ แล้วก็ไม่พอใจสภาพปัจจุบัน ทำให้จิตใจที่ปกติธรรมดาเปลี่ยนแปลงไปจนน่าเบื่อ ทำให้รู้สึกว่าจิตใจของคนในสังคมฟุ้งซ่านไม่สงบ

พระจี้กง  :  ชาวโลกก่อบาปมหันต์ ล้วนเพราะความโลภอยากได้นำไป จนทำให้คน เรื่องราว สิ่งของ ล้วนเกิดความไม่พอใจ ใจไม่สงบ สังคมจึงฟุ้งซ่านไม่สงบเช่นนี้ เพราะฉะนั้นจึงมีโรงเจศักดิ์สืทธิ์อย่างโรงเจจ๋วงเซินถังของเจ้า ให้มีการก่อตั้งหลาย ๆ แห่งทุกที่ เพื่อจะได้ฉุดช่วยจิตใจผู้คน เพื่อให้จิตใจได้คืนสู่ความปกติที่แท้จริง

เฟยหลวน  :  ท่านอาจารย์กล่าวถูกค่ะ !  ขอเพียงให้ผู้คนรู้ถึงความทุกข์ร้อนห่วงใยของเทพพุทธบ้างก็พอแล้ว

พระจี้กง   :  อึ่ม !  ปณิธานที่ดีของเจ้าคงปรากฏให้เห็นสักวันหนึ่ง เวลาดึกแล้ว รีบขึ้นบนปทุมาสน์ พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางเถอะ

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  ศิษย์เตรียมตัวนานแล้วค่ะ ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้

พระจี้กง  :  โคะ โด โมะมิไต (ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า เหมือนเด็ก) ดี !  ปิดตาเสีย !  นะโม..... ขึ้น.....

                                                      ลอยละลิ่วสู่เมฆเบื้องบน
                                           ท่ามกลางนพเมฆินทร์ไร้ช่องพาย
                                           หากปล่อยว่างเรื่องในใจให้สบาย
                                           ทอดสายเนตรแดนสวรรค์สุขารมย์

ถึงแล้ว !  เฟยหลวน ลงจากปทุมาสน์ ลืมตาดูรอบ ๆ ได้แล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง       

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

เฟยหลวน  :  อาจารย์ ! แดนสวรรค์อากาศดีอะไรเช่นนี้ ใหม่สดชื่นจัง ! ต้องสูดสักหลาย ๆ ครั้ง เพราะกลับไปแล้วก็สูดไม่ได้อีก เห็นรอบ ๆ มีแต่เมฆหมอกลอยฟ่องมีแสงประกายแว้บ ๆ อยู่หลายแห่ง อย่างกับหนังอิทธิฤทธิ์ที่พูดกันว่า "ปล่อยแสงเฮ่ากวงแว้บ ๆ " แต่ที่ไม่เหมือนกันที่นี่เป็นแสงทองที่สว่างสดใสสวยงามมาก ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ที่นี่เป็นที่ไหนกันคะ

พระจี้กง  :  ที่นี่เป็นทางเข้ายังสระทิพย์ เราศิษย์อาจารย์เตรียมตัวเข้าเฝ้าสมเด็จแม่กันเถอะ

เฟยหลวน  :  นี่เป็นทางเข้าไปยังสระทิพย์หรือ ทำไมจึงเร็วอย่างนี้ แต่อาจารย์ขา ! การเข้าเฝ้าสมเด็จแม่ครั้งนี้ ทำไมไม่ต้องผ่านด่านทักษิณเล่าคะ

พระจี้กง  :   ครั้งนี้เป็นเพราะสมเด็จพระมารดามีพระราชโองการด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นการเชยชมส่งเสริมให้กำลังใจแก่เธอที่ลำบากลำบน จึงมีรับสั่งให้อาตมาพาเธอมายังสระทิพย์โดยตรง และทางด่านทักษิณก็ได้รับพระราชโองการเช่นกัน เพราะเหตุนี้อาตามจึงไม่นำเจ้าไปรายงานที่ด่านทักษิณ แต่กลับนำเจ้ามาโดยตรง

เฟยหลวน  :  อ๋อ ! ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ศิษย์เข้าใจแล้ว เอ ! ดูเหมือนจะมีพระวิสุทธิณีกำลังรอการมาถึงของเรากันอยู่ข้างหน้า เหนือศรีษะมีรัศมี ในมือมีแส้ปัดฝุ่นมิทราบว่าท่านวิสุทธิณีผู้นี้เป็นใคร ด้านหลังยังมีนางฟ้าอีก  ( ว้า ! แม่นางรูปงามสง่าเสียจริง ! อย่างนี้สิจึงสมควรเรียกว่าหญิงงาม )

พระจี้กง  :  เฟยหลวน ! อย่าพูดมากไปเลย รีบ ๆ เข้าเฝ้า วิสุทธิณีผู้นี้คือพระนางเก้าฟ้า ( กิ่วเทียงเฮี้ยงนึ้ง : จิ่วเทียนเสียนหนี่ ) และที่อยู่ข้างหลังของพระนางคือ วิสุทธิณีที่หก แห่งสระทิพย์ พวกท่านคงได้รังราชโองการจากสมเด็จแม่ทาคอยต้อนรับเราอาจารย์ศิษย์กระมัง

เฟยหลวน  :  ต้อนรับ !  มิกล้ารับกระมัง รีบเข้าไปคารวะจะดีกว่า ศิษย์หลอเฟยหลวน เป็นคนทรงแห่งโรงเจจ๋วงเซินถัง เมืองไถจง เป็นทวีปขึ้นตรงต่อด่านทักษิณ ขอกราบคารวะท่าน  พระนางเก้าฟ้า  และวิสุทธิณีที่หก  ศิษย์ได้รู้เกี่ยวกับวิสุทธิณีทั้งสองนานแล้ว โดยเฉพาะวิสุทธิณีที่หกมีความสัมพันธ์กับโรงเจอย่างลึกซึ้ง วันนี้ได้พบท่านวิสุทธิณีทั้งสอง นับว่ามีบุญวาสนายิ่ง คงมีบุญสัมพันธ์กันมาแต่อดีตชาติ ศิษย์มีความดีใจอย่างล้นเหลือ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง      

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

พระนางเก้าฟ้า  :   เฟยหลวนลุกขึ้นมาเถิด มิต้องมีมารยาทมากนัก  
วิสุทธิณีที่หก   :
                  เธอได้รับราชโองการให้มาแต่งหนังสือ ครั้งนี้หนังสือ  " นรกคนเป็น " ได้อาศัยโรงเจเจ้ามาจัดทำ ทำให้ผู้คนได้รู้กลไกของยมโลก นับเป็นพระเมตตาของสมเด็จแม่ พระองค์ทนไม่ได้ที่เห็นเวไนยสัตว์จมปรักอยู่ในโคลนตมแห่งโลกนี้ เห็นผู้คนต่างแก่งแย่งชิงทรัพย์เกียรติยศชื่อเสียง ผลที่สุดก็มีโรครุมเร้าทั้งตัว หารู้ไม่ว่านี่คือสาเหตุของกรรมผูกพันธ์  น่าจะรู้ว่ายาขนานแท้รักษาได้แต่โรคปลอม ๆ โรคจริง ๆ ไม่มียารักษา การเจ็บป่วยของกายเนื้อกับโรคแห่งเวรกรรม มีความแตกต่างกันมากนัก โรงเจของเจ้าได้รับราชโองการให้วิญญาณท่องเที่ยวเพื่อแต่งหนังสือในครั้งนี้ ก็เหมาะสมกับการเวลาและความสัมพันธ์ของมนุษย์ นับว่าบุญคุณของเจ้ายิ่งใหญ่นัก

เฟยหลวน  :  มิได้ค่ะ ! การเผยแผ่แทนเบื้องบน ศิษย์ขอรับหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เมื่อมองเห็นความเมตตาของเทพพุทธและความยากลำบากในการอบรมแล้ว สิ่งที่ศิษย์กระทำนับว่าน้อยนิดไม่เพียงพอ มิกล้าที่จะรับเป็นบุญคุณเจ้าค่ะ

พระจี้กง  :  เออแน่ !  เฟยหลวนกล่าวขานก้าวหน้าไปมากแล้วนะ

เฟยหลวน  :  ฮิ ฮิ !  อาจารย์อย่าหัวเราะศิษย์เลยน่า ศิษย์เขินแย่เลย

พระนางเก้าฟ้า  :  สมเด็จแม่ได้เตรียมอาหารไว้โต๊ะหนึ่งในมหาตำหนัก กำลังรอพบเฟยหลวน เราไปกันเถอะ ! อย่าให้สมเด็จแม่ต้องรอนาน

วิสุทธิณีที่หก  :  ถูกแล้ว ! ของเชิญพระอรหันต์จี้กงและเฟยหลวน เถิด

เฟยหลวน  :  ค่ะ ! ศิษย์รับคำบัญชา โอ้ ! ของแปลก ๆ ทั้งสองข้างทาง หอมระรื่นงามนัก สีสันแปลกตา แต่ละอย่างแต่ละแบบอีกทั้งกลิ่นสีไม่อาจจะได้พบในโลกมนุษย์ ช่างทำให้ศิษย์ดูจนตาลาย เป็นบุญตายิ่งนัก ทั้งดอกไม้ใบหญ้าเปล่งรัศมีระยิบระยับ สวยงามอะไรเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะบรรยายแบบไหนจึงจะถึงความงดงามของที่นี่ เออนั่น ! มีนกน้อย  นี่เป็นนก........

วิสุทธิณีที่หก  :  นกเหล่านี้เป็นนกเทวดา มิใช่เป็นนกที่มีกรรมอย่างในโลก เพราะสามารถเข้าใจในพุทธธรรมและรู้ใจเธอได้ดีด้วย

เฟยหลวน  :  อ๋อ !  เป็นเช่นนี้เอง นกแต่ละตัวมีขนแวววาวดูโปร่งใส ไม่มีฝุ่นละอองเกาะ น่ารักเสียจริง ๆ โอ้ ! บินมาที่ตัวศิษย์ ดูเหมือนศิษย์จะมีบุญสัมพันธ์กับนกมากอยู่  ฮิ ฮิ ! จิ๊บ จิ๊บ..... เอ๊ะ !  ไม่ใช่จะไปเข้าเฝ้าสมเด็จแม่กันหรอกหรือ ทำไมเดินกันมายังสระน้ำนี่

พระจี้กง  :  จะเข้าเฝ้าสมเด็จแม่ต้องชำระล้างฝุ่นในตัวเจ้าก่อน ถึงแม้จะเป็นกายทิพย์ แต่ก็มีคุณกับเจ้ามากนะ

เฟยหลวน  :  ไม่ได้ ! อาจารย์ท่านลืมไปแล้วหรือว่าศิษย์ว่ายน้ำไม่เป็น อีกอย่างก็ไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน หากเปียกแล้วจะเป็นหวัด แล้วจะเข้าเฝ้าสมเด็จแม่ได้อย่างไร อาจารย์ขา ศิษย์ไม่ลงไปได้ไหมคะ

พระนางเก้าฟ้า  :  เฟยหลวน ! ไม่ต้องกลัว ! ลงไปเถอะ ! มีเราอยู่ที่นี่

เฟยหลวน  :  แต่ศิษย์ว่ายน้ำไม่เป็น ขอล้างหน้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไหม

พระจี้กง  :  ยิ่งพูดก็ยิ่งเหลวไหล เอ้า ! ลงไปเถอะ !  

เฟยหลวน  :  โอ้ย ๆ ! .....อย่าอาจารย์อย่า !  (ตูม) ช่วยด้วย !  ช่วยด้วย !  ท่านวิสุทธิณีช่วยศิษย์ด้วย ศิษย์ว่ายน้ำไม่เป็น ( จับมือวิสุทธิฯีไว้แน่นไม่ยอมปล่อย )

วิสุทธิณีที่หก  :  เฟยหลวน !  เจ้าร้อนรนไปแล้ว ปล่อยมือเถอะไม่จมหรอก

เฟยหลวน  :  เออ !  จริงด้วย ! ทำไมไม่จมนะ แปลกจริง ดูเหมือนมีแรงดันให้ลอยอยู่นั้น ทำให้อยู่ได้ โอ้ !  น้ำนี่ก็รสชุ่ม ชุ่มคอด้วย ไม่เลยเลว ! ฮิ ฮิ !  ไม่จมด้วย น่าเล่นจริง ๆ เย็นสบาย เย็นสดชื่นไม่เป็นไรแล้ว ! ทำให้กลัวแทบแย่ !  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 4/08/2011, 09:15 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง     

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

พระจี้กง  :  พอแล้ว !  ขึ้นมาได้ เมื่อกี้นี้ให้ลงไม่ยอมลง ตอนนี้ก็ไม่ขึ้นเลยนะ

เฟยหลวน  :  ค่ะ ! ศิษย์รับบัญชา เอ้อ ! พอพ้นจากน้ำ กายก็ไม่เปียกด้วย แม้แต่เสื้อผ้าก็แห้ง น่าแปลกจริง ๆ !  แต่ภายหลังการอาบน้ำรู้สึกเย็นสบาย สดชื่นขึ้นเป็นทวีคูณ สบายจริง ๆ

วิสุทธิณีที่หก  :  ที่นี่เป็นน้ำจากสระทิพย์ไหลมาสู่ที่นี่ เพื่อให้มนุษย์มือทรงมาถึง จะได้ชำระล้างให้วิญญาณสะอาด

เฟยหลวน  :  อ๋อ !  เป็นอย่างนี้เอง จึงรู้สึกไม่เหมือนเดิม

พระนางเก้าฟ้า  :  เวลาสายแล้วรีบไปกันเถอะ

เฟยหลวน  :  ค่ะ ! ตำหนักระหว่างทางล้วนงามตระการตา แต่ละแห่งมีแสงระยิบระยับ สระทิพย์แดนสวรรค์ช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้

วิสุทธิณีที่หก  :  ถึงหน้าตำหนักพระแล้ว เฟยหลวนจัดแต่งตัวให้เรียบร้อย เตรียมตัวเข้าเฝ้า

พระนางเก้าฟ้า - วิสุทธิณีที่หก  :  กราบเข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดาเจ้าค่ะ  บัดนี้ ได้นำท่านพระอรหันต์จี้กงและหลอเฟยหลวน มือทรงโรงเจจ๋วงเซินถังแห่งไต้หวันมาแล้วเจ้าค่ะ

พระจี้กง  :  อาตมาเต้าจี่กราบเฝ้าสมเด็จแม่เมตตาทรงพระสำราญ  เฟยหลวนรีบเข้าไปกราบข้างหน้า ! อย่าหันรีหันขวางมองไม่เสร็จ สงบสติหน่อย

เฟยหลวน  :  อ่อเอ่อ !  ค่ะ !  ศิษย์หลอเฟยหลวนขอกราบพระมารดาทรงพระสำรายเจ้าค่ะ ขอองค์เหล่ามู่ มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนานเจ้าค่ะ ( มือไม้สั่นไปหมดไม่รู้เป็นอะไร ยิ่งกว่าเข้าหาเจ้านายผู้ใหญ่เสียอีก ไม่เชื่อ ขอเชิญท่านผู้ปฏิบัติธรรมมาลองดูก็ได้ )

เหล่ามู่  :  ขอให้ทุกท่านลุกขึ้นเถิด !  ลำบากมากแล้ว !  ท่านพระจี้กง คราวนี้ก็ลำบากท่านอีกแล้ว

พระจี้กง  :  มิกล้า !  เพื่อเวไนยในยุคไตรกัป อาตมามิกล้าว่าลำบาก

เหล่ามู่  :  เป็นเพราะเพื่อเหล่าวิญญาณเก้าสองไม่คิดกลับแดนนิพพาน จมปรักลุ่มหลงอยู่ในโลกีย์ ถูกภาพปลอมทำให้ลุ่มหลง จึงต้องทำให้ท่านทั้งหลายต้องลำบากเที่ยวไปมา

พระจี้กง  :  สมควรแล้ว  สมควรแล้ว  เหล่ามู่ทรงเมตตา

เหล่ามู่  :  เฟยหลวนเจ้าก็ลำบากด้วย

เฟยหลวน  :  ศิษย์มิกล้าพูดว่าลำบาก ( สิ่งที่ถูกต้อง มิกล้าแม้ขยับ )

เหล่ามู่  :  ทั่วบริเวณไต้หวัน ระยะนี้มีหนังสือธรรมะออกมาน้อยลง ในครั้งนี้โรงเจขอเจ้าน้อมรับโองการสวรรค์แต่งหนังสือ " บันทึกปรากฏการณ์นรกคนเป็น " สำเร็จลงแล้วก็ให้ลูกหลินจ๋วงซิวผู้มีปัญญาใช้ทั้งวิทยุและโทรทัศน์เพื่อเผยแผ่ธรรมะ ให้กว้างขวางไปถึงทุกท้องที่ เพื่อได้ปลูกบุญสัมพันธ์ไปทั่ว จักได้เปลี่ยนแปลงบรรยายกาศอันเลวร้ายของสังคม ทั้งหมดนี้ ได้ผ่านมติของที่ประชุมของบรรดาวิสุทธิเทพเบื้องบนมาแล้ว กาลเวลาแปรเปลี่ยน จิตคนยิ่งเปลี่ยนแปลงจนแม่นี้เจ็บปวด เพื่อเป็นการฉุดช่วยจิตคนที่จมปรัก มติของที่ประชุมของบรรดาวิสุทธิเทพต้องการประกาศธรรมให้กว้างขวาง นำสัจธรรมมาอบรมให้สอดคล้องกับการสอนในปัจจุบัน ในขณะที่ลูกหลินจ๋วงซิวต้องการลงไปฉุดช่วยเวไนยนั้น เป็นผู้แบกรับราชโองการเบื้องบนอันอาจยืนหยัดได้เฉพาะขณะบรรยายยืนอยู่บนแท่นปราศัย จะมีช่วงเสียงทำนองและความกระปรี้กระเปร่าที่ดี ล้วนเป็นของที่ประทานให้จากเบื้องบน ขณะนี้ โอกาสและเวลากำลังมาถึง วันหลังเมื่อมีบุญสัมพันธ์ก็จะบอกให้ลูกรู้โดยผ่านมายังประธานโรงเจ แม่ก็จะคัดเลือกโรงเจ แห่งหนึ่ง  เพื่อนำบุญสัมพันธ์บอกให้ชาวโลกได้รู้ได้เข้าใจ ด้วยเหตุนี้ อนาคตภาระของโรงเจ ก็ยิ่งจะหนักขึ้นอีก และหวังว่าบรรดาลูก ๆ ของโรงเจนี้จะไม่บ่นว่าลำบากในการเผยแผ่ธรรมะให้กว้างขวางขึ้น อย่าได้ขี้เกียจ มิฉะนั้นก็ยากที่บรรลุถึงปณิธาน การที่ลูก ๆสามารถอยู่ร่วมโรงเจเดียวกันและปฏิบัติธรรม นับว่าในอดีตชาติ มีการให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลืองานธรรมเพื่อให้ถึงปณิธาน หวังว่าลูก ๆ จะไม่ละทิ้งปณิธานการจัดงานประชุมธรรมะใหญ่ที่โรงเจจ๋วงเซินถังจัดขึ้น ก็ขอให้จ๋วงซิวเป็นผู้จัดการ รวมถึงหัวข้อธรรมที่จะบรรยาย ก็สุดแต่นายจ๋วงซิวจะกำหนด ทั้งหมดเป็นการนำปัญญาของนายจ๋วงซิวมาปลอบเตือนให้ผู้หลง ให้รู้กลับสู่นิพพาน รู้ถึงจิตดั้งเดิม รู้ถึงจิตใจตนเอง เพราะฉะนั้นเวลาบรรยายธรรม เทพพุทธก็จะเพิ่มช่วยเหลืออย่างเงียบ ๆ เริ่มงานในตอนแรก ๆ ก็มีสิ่งขัดข้อง งานต่าง ๆ ก็ต้องอาศัยเจ้าสามีภรรยาเริ่มลงมือจัดแจง แต่ต้องให้บรรดาลูก ๆ ของโรงเจ ยึดถืออุดมการณ์เริ่มแรกไว้ ย่อมประสบความสำเร็จล้ำหน้าคนอื่นแน่แท้ กรรมเวรของตนก็จะหลุดน้อยหมดไปโดยเร็ว

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  แต่งานประชุมธรรมะมิใช่เล็ก ๆ โรงเจจะมีความสามารถจัดได้หรือ

เหล่ามู่  :  งานอยู่ที่ไหน ไฉนเลยวิสุทธิเทพในสามโลก ประชุมกันให้นายจ๋วงซิวรับผิดชอบรับหน้าที่หนักในวันนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่สถานธรรม  ด้วยแบบนี้จึงจะทำให้การอบรมของสถานธรรมในไต้หวันคึกคัก

เฟยหลวน  :  แต่ไม่ทราบว่าจะราบรื่นไหมคะ

เหล่ามู่  :  ไม่ต้องหนักใจ นอกจากเทพพุทธจะช่วยเหลือแต่เงียบ ๆ แล้ว แม่ก็มีคำสั่งให้เบื้องบนจดบันทึกบุญกุศลของผู้ช่วยงานประชุมอบรม หรือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือ เพื่อให้พ้นจากเคราะห์ร้ายได้ครั้งนี้เป็นกำลังใจ

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  กราบขอบคุณสมเด็จแม่ทรงพระเมตตา เมื่อศิษย์กลับโรงเจแล้ว ก็จะบอกกับนายจ๋วงซิวเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง     

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

เหล่ามู่  :  แต่งานประชุมธรรมะในแต่ละปีควรจัดงานใหญ่สองครั้ง เวลาแล้วแต่ลูกหลินจ๋วงซิวจะกำหนดก็พอ ครั้งนี้ ที่เจ้าติดตามพระจี้กงมาท่องเที่ยวนรกคนเป็น ควรรู้ว่าในโลกล้วนเป็นทะเลทุกข์ มนุษย์ก็ยังไม่รู้จักบำเพ็ญเพื่อความหลุดพ้น ทำให้แม่ใจคอไม่สงบ หวังว่า เมื่อหนังสือเล่มนี้ออกสู่โลก ก็อาจทำให้ลุกผู้หลงจะสำนึกตัวได้ในเร็ววัน อย่างนี้จะได้ไม่โทษแม่ทุกข์ใจที่แพร่งพรายนรกคนเป็น

เฟยหลวน  :  ค่ะ !  ศิษย์ขอทำจนสุดแรงเจ้าค่ะ เพื่อให้หนังสือเล่มนี้ได้พิมพ์เผยแผ่ เพื่อให้ชาวโลกสามารถมีโอกาสมาสัมผัสได้ และ ได้เข้าใจถึงความลำบากใจของแม่ที่เมตตา เพื่อเป็นการสำนึกตัวในเรื่องที่ผ่านมา จะได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญจิต เป็นการตอบแทนพระคุณแม่ที่เมตตา แต่ว่าสมเด็จแม่คะ สิ่งที่ศิษย์หนักใจกลับมิใช่เรื่องนี้ กลับเป็นเรื่องเงินที่ก่อสร้างโรงเจ ยังมีที่ยังก่อสร้างไม่สำเร็จอีกมาก รายจ่ายยังไม่มีทางออกเลย อันเป็นความหนักใจของศิษย์และจ๋วงซิว

พระจี้กง  :  อ๋อ !  เฟยหลวน ทำไมจะเอาเงินจึงมาถึงสมเด็จแม่ได้

เหล่ามู่  :  ฮ่า !  เฟยหลวน !  เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องหนักใจ แม่จะช่วยจัดการให้ จะสั่งให้เทพพุทธไปช่วยเจ้า จัดให้ผู้มีบุญสัมพันธ์มาช่วยเหลือ ก็เหมือนงานเผยแผ่ธรรมะ เจ้าจงวางใจ  โรงเจจ๋วงเซินถังเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ของเบื้องบนที่หนึ่ง ไม่ยอมให้มารมากร่ำกรายเจ้าไม่ต้องห่วง มีเทพพุทะคอยคุ้มครองอยู่ แม่ได้ส่งขุนพลแห่งเทพจาตุมหาราชิกามาคุ้มครอง ทั้งหมดจะราบรื่น

เฟยหลวน  :  ค่ะ กราบขอบคุณสมเด็จแม่ทรงเมตตา  ( ในใจดีใจเป็นล้นพ้นจนเกีอบจะร้องไห้ )

เหล่ามู่  :  เออ มา มาทางห้องข้าง ๆ แม่ได้เตรียมอาหารว่างเพื่อเจ้าเฟยหลวน มารับประทานเสีย ! มา

เฟยหลวน  :  โอ้โฮ !  เป็นอาหารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ดูน่าเอร็ดอร่อย  ฮิ  คราวนี้มีลาภปากแล้ว ( เผยให้เห็นจิตเดิมออกมา )

พระจี้กง  :  เฟยหลวน !  อย่าเสียมารยาท

เฟยหลวน  :  ค่ะ ขอประทานโทษ ศิษย์เสียมารยาทไป พอเห็นของที่น่ารับประทานก็เผลอตัว ทำให้สมเด็จแม่และบรรดาวิสุทธิเทพต่างหัวเราะ ขอประทานอภัย ( หน้าแดงหูก่ำจนทำอะไรไม่ถูก )

เหล่ามู่  :  เออ ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไร  อย่างนี้จึงจะเป็นจิตเดิมอย่างธรรมชาติ  มา !  พวกเรานั่งลง เฟยหลวน ! นั่งซิ ! 

เฟยหลวน  :  ศิษย์นั่งได้หรือคะ ( ทั้งเกรงทั้งดีใจ )

เหล่ามู่  :  งานวันนี้จัดเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ทำไมจะนั่งไม่ได้ล่ะ  มา !  เจ้านั่งลงข้าง ๆ แม่นี่แหละ

เฟยหลวน  :  ขา..... ฮือ..... ( ดีใจเป็นล้นพ้นจนร้องไห้ )

พระจี้กง  :  เฟยหลวน !  เจ้าร้องไห้ทำไมน่ะ

เฟยหลวน  :  ขอประทานอภัย  ศิษย์ตื่นเต้นจนเกินไป ตื่นเต้นมาก ๆ ประทานอภัยเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   บันทึกปรากฏการณ์ นรกคนเป็น   นำโดยพระอรหันต์จี้กง     

               ตอนที่  10  :  ทางอริยะประจักษ์แจ้งชื่อก้อง  สู่งานเลี้ยงสระทิพย์เข้าเฝ้าสมเด็จพระมารดา

เหล่ามู่  :  อ้อ  ร้องไห้เพราะดีใจ  เร็ว !  เช็ดน้ำตาให้แห้งเสีย  มา !  แม่จะแนะนำเหล่าวิสุทธิเทพที่อยู่ข้าง ๆ ให้เจ้ารู้จักทีละองค์ องค์ที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าก็คือ พระนางเก้าฟ้า  ถัดไปคือ วิสุทธิณีต้งซวนเซิน  ถัดไปก็วิสุทธิณีที่หก  แล้วถัดไปเจ้าลองดู ๆ ซิ เป็นใครกัน

เฟยหลวน  :  อื่ม ดูคุ้น ๆ ท่านผู้นี้ดูเหมือน.....ที่โรงเจใช่ไหมคะ

เหล่ามู่  :  ถูกแล้ว เป็นท่านผู้นั้น นี่เป็นวิญญาณเดิมของท่าน แต่เป็นเพราะไม่ระมัดระวังได้ล่วงศีล และเพราะมีสัญญากับเจ้าและจ๋วงซิว ดังนั้น จึงให้ท่านจุติลงไปยังโลกเพื่อรับทุกข์ แม่ก็ได้ฝากให้ท่านไปช่วยงานธรรมที่นั่นเพื่อให้สิ้นปณิธานเป็นการชดเชยความผิดและเป็นการบำเพ็ญต่อไปภายหน้าก็สามารถคืนสู่ตำแหน่งเดิม นี่เป็นความหวังของแม่

เฟยหลวน  :  อ๋อ  เป็นเช่นนี้เอง ศิษย์เฟยหลวนขอคารวะบรรดาท่านวิสุทธิณี ( ทุก ๆ ท่านช่างสง่างาม ราศีดี เห็นทีต้องฝึกฝน เอาอย่างท่านวิสุทธิณี เอาท่านเป็นเป้าหมาย เพื่อความขยันขันแข็ง อือ จะทำอย่างไรดี )

พระจี้กง  :  เฟยหลวน เจ้ายังคร่ำครวญอะไรอยู่หรือ

เฟยหลวน  :  หา มิได้เจ้าค่ะ  มิได้เจ้าค่ะ

เหล่ามู่  :  ถัดต่อไปก็คือ ท่านเทพเจ้าจ๋วงหยวนซิวฉางฉุน และ พระแม่ลี่ซาน ท่านพระจี้กงรู้จักดี ท่านเหล่านี้ เฟยหลวนคงเข้าใจดีแล้ว

เฟยหลวน  :  ช่างซาบซึ้งยิ่งเสียกระไร ท่านเหล่านี้ต่างก็เคยลงมาประทับทรงที่โรงเจ นับว่าเป็นเทพสัมพันธ์นับว่าเป็นบุญยิ่งนัก ขอกราบทูลถามท่านเสด็จแม่ ทำไมไม่เห็นอาจารย์ของหม่อมฉัน ( พระแม่ธรณี )

เหล่ามู่  :  อ๋อ !  พระแม่ธรณีมีภาระกิจ ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาที่อวตารกายลงไปดปรดสัตว์ ดังนั้น จึงมิได้มาร่วมงานเลี้ยงนี้ แต่วันข้างหน้าจะมีบุญสัมพันธ์ เจ้าก็จะได้พบเอง

เฟยหลวน  :  อ๋อ !  เป็นเช่นนี้เอง ( ผิดหวังมาก )

พระจี้กง  :  เฟยหลวน รีบ ๆ รับประทานเสีย เวลาไม่มากแล้วต้องกลับโรงเจ

เหล่ามู่  :  ถูกแล้ว  ของที่ชอบก็รับประทานเข้าไปเสีย

เฟยหลวน  :  ค่ะ อร่อยจริง ๆ ( ที่จริงทุกอย่างก็อร่อยไปหมด แต่ท้องเล็กไปบรรจุไม่ลง ไม่รู้จะเอากลับไปได้ไหมเนี้ย เอาไปแบ่งพรรคพวกที่ร่วมปฏิบัติธรรม )

พระจี้กง  :  เจ้าอยากได้ก็นำไปเถอะ เวลาดึกแล้ว รีบถวายบังคมลาสมเด็จแม่ เราจะได้กลับโรงเจกัน

เฟยหลวน  :  ว้า !  อาจารย์มีอภิญญารู้หมด  รู้กระทั่งว่าศิษย์กำลังคิดอะไรอยู่ รู้สึกเขินอายฟุ้งซ่านน้อยหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกเหล่าเทพพุทธหัวเราะเอา เฮ้อ ! คิดว่าต้องกลับ รู้สึกอ้อยอิ่งไม่อยากกลับ เวลาช่างหมดเร็วจริง นึกได้ว่าเพิ่งจะมาถึงต้องกลับเสียแล้ว

เหล่ามู่  :  วันหลังยังมีเวลานานกว่านี้อีก ขอให้ทำงานเผยแผ่แทนเบื้องบน ให้จดจำชะตาชีวิตของตนไว้ให้ดี ๆ อย่าขี้เกียจ สักวันหนึ่งก็จะได้มาพบกับแม่อีก อย่าได้กังวลเลย

เฟยหลวน  :  ก็คงอย่างนั้นกระมังคะ แต่ไม่ทราบว่าจะรอถึงปีไหน วันไหน จึงจะได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่อีก อือ.....( ร้องไห้อีก )

พระจี้กง  :  อย่าร้องไห้เลย อาตมาขอกราบลาท่านเหล่ามู่

เฟยหลวน  :  ศิษย์จรดเข่าสามครั้ง กราบเก้าครั้ง  ลาเสด็จแม่แล้ว อือ.....

เหล่ามู่  :  มิต้องมารยาทมากนัก พระวิสุทธิณีทั้งสององค์ไปส่งแทนแม่ด้วย ( เสด็จแม่ทรงกำสรวล )

พระนางเก้าฟ้า - วิสุทธิณีที่หก  :  ค่ะ ขอเชิญท่านพระจี้กงและเฟยหลวน ตามมาทางนี้.........

เฟยหลวน  :  ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ศิษย์เรียกตนเองว่า ศิษย์ พอพบหน้าสมเด็จแม่ก้เรียกตนเองว่าศิษย์ ที่จริงต่อหน้าสมเด็จแม่ต้องใช้สรรพนามตนเองว่าอะไรจึงถูกคะ

พระจี้กง  :  คราวหลัง ต้องพูดว่า ลูก

เฟยหลวน  :  ค่ะ  ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สอนสั่ง และก็ขอบคุณท่านวิสุทธิณีทั้งสอง หากทำให้ท่านยุ่งยากที่ไหนบ้าง ก็โปรดประทานอภัยนะคะ ศิษย์มาถึงปทุมาสน์แล้ว ขอกราบลาไปก่อน ( จรดเข่าสามครั้ง  กราบเก้าครั้ง )

พระนางเก้าฟ้า - วิสุทธิณีที่หก  :  ไม่ต้องเกรงใจ ดูแลตนเองด้วย หากมีบุญสัมพันธ์จะได้พบกันอีก

พระจี้กง  :  เอ้อ.....ปิดตา.....ขึ้น........ถึงโรงเจจ๋วงเซินถังแล้ว เฟยหลวนลงจากปทุมาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง

เฟยหลวน  :  กราบขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอนมาหลายวัน ศิษย์ขอจรดเข่าสามครั้ง กราบเก้าครั้ง  เป็นการแสดงความขอบคุณ หวังว่าคงมีบุญสัมพันธ์ได้ร่วมไปเที่ยวกับท่านอาจารย์อีก ( จรดเข่าสามครั้ง กราบเก้าครั้ง )

พระจี้กง  :  ย่อมมีบุญสัมพันธ์แน่นอน หนังสือ " บันทึกปรากฏการณ์นรกคนเป็น " ได้อวสานลงแล้ว อาตมาต้องกลับเบื้องบน เพื่อรายงาน ศิษย์ทั้งหลายเหนื่อยมากแล้ว

เฟยหลวน  :   ศิษย์ขอน้อมส่งเสด็จท่านอาจารย์ ( จรดเข่าสามครั้ง กราบเก้าครั้ง )

Tags: