คัมภีร์กรรม เล่ม ๒
ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า
วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ
บทที่หก
ชั่วบาป
คัมภีร์ : ถือชั่วว่าสามารถ
อธิบาย : เป็นผู้กระทำความชั่วแล้วถือตนทำชั่วได้ว่า มีความสามารถกว่าแน่กว่า ว่าคำถือชั่วว่าสามารถ เป็นคำพูดของผู้เชี่ยวชาญด้านมนุษย์ศาสตร์ว่าจิตของคนเดิมทีนั้นสวยงาม แต่ก็มีคนกลับทำชั่ว แล้วเข้าใจว่าการกระทำนั้นเป็นความสามารถ นี่เท่ากับเขาได้สูญเสียองค์จิตอันดีงามของเขาไปแล้ว โดยเฉพาะการถือชั่วว่าสามารถนี้เป็นมูลเหตุการทำชั่วของคนชั่วนับพัน ๆ ปีมาแล้ว ดังนั้นจึงเรียงอันดับความชั่วไว้ในอันดับต้น ๆ ถึงแม้ว่าคนที่โง่ถึงจุดต่ำสุดก้ไม่ยอมที่จะเป็นคนชั่ว แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่คาดหวังในตัวเองกลายเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแต่เข้าใจผิดของคำว่า "สามารถ" นี้ เพราะฉะนั้นยิ่งทำก็ยิ่งเลยเถิด เริ่มแรกก็พูดว่า "คนที่สามารถมีประโยชน์ คนที่ไม่สามารถไม่มีประโยชน์ ไปถึงไหนก็ถูกเขาข่มเหงรังแก พอนาน ๆ ไปก็รู้ว่าตนเองทำสิ่งที่ไม่ดีในที่สุดก็ยืดอกว่าเป็นคนชั่วโดยไม่ต้องปกปิด อย่างเช่นพวกผู้มีอิทธิพล มีอำนาจ มีชื่อว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย กลายเป็นชื่อที่โก้หรูไป ตัวอย่างเช่น คนที่โลภ อาศัยโอกาสอิทธิพลและกลโกงไปแย่งชิงเงินทองของผู้อื่นมาได้ ถือเป็นเรื่องความสามารถ แล้วก็พูดอย่างโก้หรูว่า เป็นอุบายชาญฉลาด เช่นคนใจสุนัขจิ้งจอก ใช้แรงบีบบังคับที่โหดเหี้ยม ด้วยการใส่ร้ายคนอื่น ถือเป็นเรื่องสามารถ แล้วก็เรียกอย่างโก้หรูว่ามือโหด ถ้าเป็นคนที่ชอบลวนลามเสพกาม ก็จะใช้วิธีข่มเหงหลอกลวงค้ากาม เที่ยวหลอกล่อลูกเมียคยอื่น แล้วก้เรียกอย่างโก้หรูว่าจอมเจ้าชู้ คนที่ปลิ้นปล้อนอาศัยช่องโหว่หลอกลวง เป็นความสามารถ แล้วก็พูดอย่างโก้หรูว่า พวกคล่องแคล่ว พวกที่ชอบยุแย่ เอาการสร้างข่าวลือเป็นความสามารถ แล้วก็พูดอย่างโก้หรูว่าเป็นคนปากเก่ง คนจำพวกเหล่านี้ พูดได้ไม่มีหมด ทุกคนแข่งขันชิงความพิศดาร การแข่งขันชิงเด่นกันเช่นนี้ ดูว่าใครจะสูงกวาร้ายกว่า พวกไม่ซื่อตรงกับสภาพการณ์เหล่านี้ เขาจะไม่รู้สึกสงสัย บางคนได้ยินเรื่องแบบนี้เข้าก็ยังว่าเป็นเรื่องดีเลย ถ้าบังเอิญเจอะคนที่ไม่ฉลาด ไม่มีอุบาย ไม่เป็นมือโหด ไม่เจ้าชู้ ไม่คล่องแคล่ว ไม่พูดเก่งก็จะไม่มีใครที่จะไม่หัวเราะว่า เขาเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ เป็นกากเดน ของยุคสมัยไป รอจนกว่าทำเรื่องชั่ว ๆ จนหมดแล้ว กรรมตามสนองนอนอยู่ในโลงศพแล้วก็วิจารณ์กันว่า สู้อยู่หดหัวชั่วคราว ยอมเป็นของกากเดนในสายตาของผู้อื่น ตนเองแน่วแน่บำเพ็ญภายในใจลึก ๆ ถึงแม้มันจะจืดชืด แต่ก็มีรสชาด และก็มั่นคงมาก ไม่มีวันพ่ายแพ้ หากท่านไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นหลักธรรม อย่างนั้นก็ขอเชิญท่านลองสำรวจคนที่ว่าเป็นคนดีในโลกนี้ดู ไม่มีสักคน ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากเบื้องบนไหม หากแต่ทุก ๆคนก็เคารพ และคนชั่วก็ไม่มีสักคนที่เบื้องบนไม่ลงโทษไหม และทุก ๆ คนก็เกลียดชังด้วย พุทธองค์ตรัสว่า "คนชั่วทั้งหมดบนโลกนี้ ตายแล้วตกนรกหมด ในนรกมีผีอยู่ตนหนึ่ง เรียกชื่อว่า ไอ้ข้างหัววัว โหดเหี้ยมชั่วร้ายมาก ไม่มีความเมตตาและไม่อดทนเลย เขาเห็นเวไนยสัตว์ที่ตกนรกได้รับความเจ็บทุกข์ต่างๆ มากมาย เขายังเป็นห่วงว่าเจ็บปวดไม่พอยังโหดร้ายไม่พอ มีผู้ถามยมทูตเหล่านี้ว่า "เวไนยสัตว์ในนรกได้รับความเจ็บปวดไม่มีขีดจำกัดแล้ว คนเขาเห็นอกเห็นใจสงสารจริง ๆ แต่ท่านทำไมยังมีจิตใจโดหเหี้ยมร้ายกาจนัก ไม่มีใจที่สงสารเมตต่เลยหรือ! ยมทูตว่า "เวไนยสัตว์ที่รับทุกข์ในนรกนี้ ล้วนไม่กตัญญูพ่อแม่ ใส่ร้ายไตรรัตน์ ด่าทอญาติพี่น้อง ดูถูกครูอาจารย์ ใส่ร้ายคนดี ฆ่าทำร้ายสรรพสัตว์ ทำกรรมชั่วไว้มากมาย ถ้าหากพวกนักโทษที่มาถึงนรกก็เพื่อมารับการลงโทษ แต่ละคนเมื่อถึงคราวที่จะพ้นจากนรกไปเกิดใหม่ พวกเราถวายชีวิตตักเตือนชักนำเขาว่า ในนรกได้รับความทุกข์ทรมานต่าง ๆนั้น มันได้รับยากยิ่งจริง ๆ ตอนนี้รับโทษจนหมดแล้ว สามารถพ้นจากนรกได้แล้ว หวังว่าพวกเธอออกไปแล้ว อย่างไรเสียก้อย่าได้ทำชั่วอีกเลย แต่นักโทษเหล่านี้ ก็ยังไม่สำนึกผิดยอมแก้ไข วันนี้ออกจากนรก ผ่านไปไม่นานก็กลับลงมาอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ ยังไม่รู้จักทุกข์เลย เพราะเหตุนี้แหละฉันกับนักโทษก็ไม่มีใจเมตตาสักนิดเดียว" เหตุนี้จึงรู้ว่าคนทำชั่วต้องตกนรกแน่ ตอนนี้พวกเรา ที่อยู่ในโลกนี้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ควรขยันมีเมตตา มีกรุณา บำเพ็ญความดีทั้งหลาย เพื่อขจัดกิเลส อุปสรรคสาม บำเพ็ญอายตนะหกให้บริสุทธิ์ สวดมนต์ถือศีลเจ พิจาาญาณฝึกธรรม กระโดดพ้นหกช่องหมุนเวียนแห่งทะเลทุกข์ ปล่อยละความโลภโกรธหลง กิเลสพิษทั้งสาม ตลอดจนไม่ฆ่าชีวิต ลักขโมย ละเมิดประเวณี เป็นความชั่วทั้งนั้น ต้องรู้ว่าการทำเรื่องชั่วย่อมได้รับผลชั่วตอบสนอง สิ่งที่พุทธองค์ตรัสเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เราควรเข้าใจความจริงและเชื่อถือนำไปปฏิบัติ ซิ !