สืบทอดคันธสาระ ขอขมากรรมสำนึก ( ฉวน เซียง ชั่น หุ่ย ) ครั้งนั้น มหาเถระเจ้าเห็นชาวเมืองกว่างโจว เสาโจว และที่อื่น ๆ มากมาย ทั้งข้าราชการและประชาชน มารวมตัวกันฟังธรรมในป่าเขา จึงได้ขึ้นธรรมาสน์กล่าวแก่สาธุชนทั้งหลายว่า " มาเถิดท่านผู้เจริญ เรื่องนี้จะต้องเริ่มต้นจากจิตญาณตน ในทุกขณะเวลาระลึกชำระใจตนด้วยตน บำเพ็ญจิตตนด้วยตน ปฏิบัติธรรมด้วยตน เห็นกายธรรมแห่งตน เห็นจิตพุทธะแห่งตน ฉุดช่วยชีวิตตนด้วยตน รักษาศีลด้วยตน จึงจะมิใช่เท็จ
ความหมาย...พิจารณา...
เรื่องนี้จะต้องเริ่มต้นจากจิตญาณตน ฟังธรรม ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม ล้วนจะต้องเริ่มต้นจากจิตญาณตน จึงจะมิใช่เท็จ ความเท็จมีจุดกำเนิดจากใจ ใจเท็จ วาจาเท็จ พฤติกรรมเท็จ เท็จต่อใคร ๆ เท็จต่อใจตนเอง แม้จะบำเพ็ญธรรมเพื่อจิตญาณตนให้พ้นจากอบายภูมิ ยังจะถือศีลเท็จกันเสียอีก อย่าลืมหนอ ความเท็จใช้ได้เฉพาะโลกมนุษย์นี้เท่านั้น
พระธรรมาจารย์โปรดว่า บัดนี้ในเมื่อจากที่ไกลมาบรรจบกันที่นี่ ล้วนมีบุญสัมพันธ์ต่อกันมา วันนี้จงต่าง "คุกเข่าขวา" ลง จะเริ่มถ่ายทอด "คันธสาระองค์ห้า หรือ ธูปกายธรรมห้า ประการแห่งจิตญาณตน ( จื้อ ซิ่ง อู่ เฟิน ฝ่า เซิน เซียง ) ให้ก่อน จากนั้นจึงจะถ่ายทอด "นิรรูปขมากรรมสำนึก" ให้ ทุกคนต่างพร้อมกันคุกเข่าขวาลง
ความหมาย...พิจารณา...
คันธสาระ หรือ ธูปกายธรรมห้าประการแห่งจิตญาณตน ( จื่อ ชิ่ง อู่ เซียง ) ธูปที่ใช้ไฟจุดบูชาพระเป็นธูปวัตถุ ไม่จริงจังยั่งยืนเพราะจะไหม้สลายหมดไป ความหมายของการจุดธูป เพื่อให้ควันหอมเป็นสัญลักษณ์แทนจิตเคารพศรัทธา แสดงจิตภาวะโปร่งเบาอันมิได้หน้กหนาด้วยกิเลสตัณหาของเรา อีกทั้งให้ควันธูปเป็นเช่นคุณธรรมบารมีปรกแผ่กระจายไปสู่โลกกว้าง
คำว่า "คุกเข่าขวาลง" จะอธิบายต่อไปภายหลัง
นิรรูปขอขมากรรม หมายถึง สำนึกขอขมาต่อความผิดบาปทั้ง ปัจจุบัน อดีต อนาคต อันจะได้หรือได้กระทำมา โดยมิต้องรู้เห็นการกระทำผิดนั้น ๆ เป็นรูปลักษณ์ เรื่องราว กิริยาอาการ จึงเรียกว่า "นิรรูป" คือปราศจากรู้เห็นในรูป
พระธรรมาจารย์โปรดว่า ( ธูปกายธรรมห้าประการ )
หนึ่งคือ ""ธูปศีล"" คือใจตนบริสุทธิ์ ปราศจากอกุศล ปราศจากริษยา ปราศจากชั่วร้าย ปราศจากโลภอยาก ปราศจากประทุษร้ายเภทภัย ได้ชื่อว่า ""ธูปศีล""
สองคือ ""ธูปสมาธิ"" แม้จะพบเห็น สัมผัสรับรู้สภาวะรูปนามความชั่วดี แต่จิตใจมิได้วุ่นวายตามไป เรียกว่า ""ธูปสมาธิ""
สามคือ ""ธูปปัญญา"" จิตตนปราศจากขัดข้องมีปัญญาสอดส่องมองเห็นจิตญาณตน ไม่ก่อทำความผิดทั้งปวง แม้ทำความดีมากมาย ใจไม่ยึดหมายไว้ เคารพเบื้องสูง คำนึงถึงเบื้องล่าง เห็นใจสงสารกำพร้ายากเข็ญ เช่นนี้ได้ชื่อว่า ""ธูปปัญญา""
สี่คือ ""ธูปวิมุตติหลุดพ้น"" คือใจตนปราศจากเครื่องร้อยรัด ปราศจากเกาะเกี่ยว ดิ้นรนปีนป่าย ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว เป็นอิสระ ปราศจากสิ่งกีดขวาง ได้ชื่อว่า ""ธูปวิมุตติหลุดพ้น""
ห้าคือ ""ธูปวิมุตติญาณ"" ล่วงพ้นจากการอันรู้เห็น ในเมื่อใจตนปราศจากเครื่องร้อยรัด ดิ้นรน เกาะเกี่ยวปีนป่าย ในความดี ในความชั่ว แต่ก็จะดิ่งลงจมอยู่กับภาวะว่างอันครองวิเวกอยู่มิได้ (มิให้ดิ่งจมอยู่กับวิเวก) พึงเป็นพหูสูตเรียนรู้กว้าง ฟังมาก ทรงจำ คล่องปาก เจนใจ ขบคิดได้ เข้าถึงจิตใจตน เข้าถึงหลักพุทธธรรม สมานฉันท์โดยรวม ไม่แบ่งเขา ไม่แบ่งเรา จนจิตเข้าสู่โพธิภาวะ จิตเที่ยงแท้สัจธรรมไม่เปลี่ยนแปร เรียกว่า ""ธูปวิมุตติญาณ""
ท่านผู้เจริญ ธูปหอมนี้จงต่างรมกรุ่นไว้ภายในจิตตน มิพึงต้องแสวงไปยังภายนอก