เมื่อลิ่วจู่ (ฮุ่ยเหนิง) กราบลาพระธรรมาจารย์แล้ว ก็ออกเดินทางด้วยเท้ามุ่งไปทางใต้ ประมาณสองเดือนก็มาถึงเทือกเขา""ต้าอวี่หลิ่ง"" พระธรรมาจารย์หงเหยิ่น กลับสู่""วัดบูรพาฌานตงฉันซื่อ"" แล้วหลายวันแต่ก็มิได้ออกบัลลังก์ธรรมศาลา ศิษย์ทั้งหลายพากันแปลกใจ จึงส่งตัวแทนเข้ากราบเรียนถามว่า ""พระเถระเจ้าท่านสบายดีอยู่ หรือวิตกด้วยเรื่องอันใด"" พระธรมาจารย์โปรดว่า ""มิได้อาพาธแต่อย่างใด แต่จีวรธรรมได้ไปทางใต้แล้ว"" ศิษย์รีบถาม "ผู้ใดได้รับมอบ" โปรดว่า ""ผู้มีความสามารถ""ศิษย์ทั้งหมดจึงได้รู้
ความหมาย...พิจารณา...
พระธรรมาจารย์มิได้ปิดบังลวงหลอก แต่กล่าวด้วยปริศนาธรรมว่า ผู้ที่ได้รับบาตรกับจีวร คือ""ผู้มีความสามารถ"" ลิ่วจู่ ฮุ่ยเหนิง""เหนิง"" แปลว่าสามารถ ที่มาของนามว่า""ฮุ่ยเหนิง"" คือ ในวันที่สองหลังจากที่ฮุ่ยเหนิง (ลิ่วจู่) อุบัติมา วันนั้น อยู่ ๆ ก็มีพระสงฆ์สองรูปมาแสดงความยินดีสาธุการต่อบิดามารดาของฮุ่ยเหนิง แล้วกล่าวว่า ""บุตรชายคนนี้ของท่านมีฐานะแห่งความเป็นพุทธะอาตมาจึงใคร่ของตั้งชื่อให้ว่า ""ฮุ่ยเหนิง หมายถึง ผู้มีปัญญา ความสามารถ มีปัญญาธรรมล้ำเลิศ จนอาจประสิทธิ์ประสาทธรรมคุณอันสูงยิ่งแก่สาธุชน อีกทั้งเกินกว่าจะประมาณได้ จะเป็นผู้จรรโลงพุทธศาสนาด้วยปัญญาธรรม""" กล่าวจบ พระสงฆ์ทั้งสองรูปก็หายไปจากที่นั่นอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อสงฆ์ทั้งหลายได้รู้ว่า ""บาตรกับจีวร"" อันเป็นวัตถุสัญญา เป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งพระธรรมาจารย์"" ถูกท่านฮุ่ยเหนิงรับไป ซึ่งขณะนี้กำลังเดินทางไปทางทิศใต้เท่านั้นเอง โดยมิต้องนัดหมาย..."""ความโลภอยากเป็นสิ่งซึ่งมิพึงต้องนัดหมายแกัน""
สงฆ์หลายร้อยรูปพากันออกติดตาม เพื่อจะแย่งชิงบาตรกับจีวร ไว้เป็นของตนหรือกลับคืนมา ในจำนวนนั้นมีสงฆ์รูปหนึ่ง สามัญนามว่า ""เฉินฮุ่ยหมิง"" เคยเป็นนายพันทหารมาก่อน นิสัยจิตใจ การกระทำบุ่มบ่าม ห่ามและหยาบ แม้จะตั้งใจฝึกฌานเพื่อให้เข้าถึงจิตญาณตน แต่ก็ยังบำเพ็ญไปได้ไม่ถึงไหน จึงหวังเต็มที่จะติดตามลิ่วจู่ฮุ่ยเหนิงไป เพื่อขอวิถีธรรม อาศัยความสามารถจากการเคยเป็นทหารและสังขารแกร่งกล้าจึงตามมาทันลิ่วจู่ฮุ่ยเหนิงก่อนใคร ๆ
ลิ่วจู่ฮุ่ยเหนิงวางบาตรกับจีวรไว้บนก้อนหินใหญ่กล่าวว่า ""บาตรกับจีวรเป็นสัญลักษณ์สูงส่ง เป็นสิ่งซึ่งใช้กำลังแย่งชิงได้หรือ"ลิ่วจู่แฝงกายอยู่ในพงหญ้า เฉินฮุ่ยหมิงตามมาถึง เห็นบาตรกับจีวรบนก้อนหิน ก็ตรงเข้าไปหยิบยก แต่บาตรกับจีวรมิได้ขยับเขยื้อนเลยจึงร้องเรียกว่า ""ท่านผู้จาริก ท่านผู้จาริก ข้าพเจ้ามาเพื่อแสวงธรรม มิได้มาเพื่อบาตรกับจีวร"" ลิ่วจู่ฮุ่ยเหนิง จึงออกจากที่ซ่อน ขึ้นนั่งสมาธิบัลลังก์บนก้อนหินใหญ่
ความหมาย...พิจารณา...
...เป็นสัญลักษณ์สูงส่ง เป็นสิ่งซึ่งใช้กำลังแย่งชิงได้หรือ มีความหมายสองประการ สัญลักษณ์สูงส่ง พึงบำเพ็ญเพียรกอปรด้วยบารมี จึงสมควรรับไว้ หาใช่ ใช้กำลังแย่งชิงกันเช่นนี้ ความหมายอีกประการหนึ่งคือ สัญลักษณ์สูงส่ง แม้แย่งชิงไปได้ ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงวัตถุ จะเกิดประโยชน์อันใดที่ใช้กำลังแย่งชิงไป
เฉินฮุ่ยหมิง กราบแล้วกล่าวว่า ""ขอท่านผู้จาริกได้โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย"" พระธรรมาจารย์ลิ่วจู่จึงได้โปรดว่า""ในเมื่อท่านมาเพื่อแสวงธรรม ก็จงระงับอารมณ์ความเกี่ยวพันทุกอย่าง อย่าได้เกิดความคิดใดเลย เราจะกล่าวแก่ท่าน...""
ความหมาย...พิจารณา...
ในอาณาจักรธรรม ขณะถ่ายทอดวิถีธรรม พิธีกรเอกกล่าวว่า ""...ทำใจให้เป็นสมาธิ (สงบ) มองดูพุทธประทีป..."""นั่นก็คือความหมายในภาวะเดียวกันกับที่ท่านลิ่วจู่ โปรดแก่ฮุ่ยหมิงเป็นเบื้องต้นว่า ระงับความเกี่ยวพันทุกอย่าง อย่าได้เกิดความคิดใดเลย ในคัมภีร์วัชรญาณสูตร จินกังจิง จารึกความตอนหนึ่งที่พระสุภูติ กราบทูลถามต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า""กุลบุตร กุลธิดาบังเกิดจิตอนุตตรสัมมาสัมโพธิ พึงกำหนดจิตลง ณ ฐานใด พึงสงบจิตนั้นประการใด...""" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตอบว่า""ณ บัดนั้น ท่านจงสดับ"" หมายถึง จงระงับอารมณ์เกี่ยวพันทุกอย่าง อย่าได้เกิดความคิดใดเลย เช่นนี้จึงเข้าถึงการสดับสัทธรรมได้