บทที่ ๒ กตัญญูกตเวทิตา สนับสนุนให้ได้โพธิปัญญา
เทพเจ้าประจำดวงดาวไทเป็กแชกุน ได้ปรากฎกายในร่างของตาเฒ่า มาช่วยพระถังไห้รอดพ้นจากความตาย แล้วสั่งว่า "ถ้าท่านจะไปไซที จำต้องไม่ปริปากบ่นถึงความทุกข์ยาก ด้วยการทำอย่างนี้ ท่านจะได้สานุศิษย์ผู้มีฤทธิ์ นำทางไปถึงจุดหมายได้ "
พระถังซัมจั๋งเดินทางต่อไปแต่ผู้เดียวในป่าใหญ่ อันเต็มไปด้วยภูตผีและสัตว์ร้าย วันหนึ่งพระถังได้ถูกเสือและงูร้ายล้อมหน้าล้อมหลังจนใจสั่นระรัว ถ้ามิได้นายพรานป่าชื่อเล่าเป็กกิมมาช่วย ก็น่าที่พระถังจะสิ้นชีวิต เล่าเป็กกิมพรานป่าผู้กตัญญูต่อมารดา นิมนต์พระถังไปที่บ้านแล้วตามไปส่งพระถังที่ภูเขาโง้วเห้งซัว คือภูเขาห้ายอดที่พระเซ็กเกียมองนี่ฮุดโจ๊วครอบทับซีเทียนไต้เซีย(ซึงหงอคง)ไว้ และสาปสั่งจนกว่าพระถังซัมจั๋งจะมาปลดปล่อย เอาไปเป็นสานุศิษย์ ไปสืบพระไตรปิฎกยังไซที
พระถังขอร้องให้เล่าเป็กกิม ไปส่งจนพ้นเขตภูเขาโง้วเห้งซัว แต่พรานกตัญญูต่อมารดาปฏิเสธ อ้างว่า " พ้นเขตภูเขานั้นแล้ว บรรดาเนื้อสิงสาราสัตว์ มิได้อยู่ในอำนาจของข้าพเจ้าแล้ว "
ขณะนั้นเอง ทั้งสองได้ยินเสียงร้องทักดังก้องฟ้าของซีเทียนไต้ซือ
" อาจารย์... ทำไมช้านักเล่า ? "
เล่าเป็กกิมเป็นคนกล้า เดินรี่เข้าไปที่ที่มาของเสียง เห็นซีเทียนไต้ซือ ถูกภูเขาทับอยู่ก็เข้าไปถามความ ครั้นรู้เรื่องกันแล้ว ก็ช่วยเอานิ้วแคะขี้ตะไคร่น้ำที่ขึ้นในหูของซีเทียน เนื่องจากถูกภูเขาครอบอยู่นานนับร้อย ๆ ปี
ซีเทียนก็ขอให้พระถังขึ้นไปปลดแผ่นยันต์มีอักขระ ๖ พยางค์ ออกจากยอดภูเขา อักขระ ๖ คำนั้นว่า " โอม มณีปัทเม ฮูม "
ครั้นแล้วซีเทียนก็แผลงฤทธิ์เสียงดังสนั่น ดีดสลัดตัวหลุดออกมาจากภูเขา มาหมอบไหว้พระถังซัมจั๋ง อาจารย์ก็ได้สานุศิษย์เอกคู่หูแต่ครั้งนั้น
เล่าเป็กกิมพรานกตัญญูก็ลากลับไป
ซีเทียนเอาตะบองยู่อี่ที่เสียบไว้ในรูหูออกมาทุบเสือตัวหนึ่งตาย แล้วถลกหนังเสือเอามานุ่งห่ม เป็นอันว่าซีเทียนได้บวชครั้งแรก พระถังตั้งชื่อใหม่ให้ว่า "ซึงเห้งเจีย'
ศิษย์จูงม้าให้อาจารย์นั่ง บ่ายหน้าเดินดุ่ม ๆ ไปในป่าใหญ่ มุ่งสู่ทิศปราจีน....
นาม : พระถังรอดจากปีศาจกิเลสมูลอย่างไรครับ ?
โหงว : เจ้าไม่ตั้งใจฟังเราเล่าเลยจริง ๆ ก็ไทเป็กแชกุนกล่าวว่าอย่างไรเล่า ?
นาม : จงทนอย่าได้บ่น แล้วจะได้ศิษย์มีฤทธิ์มาก แล้วศิษย์นั้นจะช่วย
โหงว : นั่นแหละ จงทนต่อการบีบคั้นของกิเลส ไม่ยอมที่จะทำตามอำนาจของกิเลส แล้วจะพ้นจากหล่มได้เอง
รูป : เอ๊ะ ท่านครับ ถ้าพ้นจากหล่มของกิเลสมูล ๓ พระถังก็เป็นพระอรหันต์แล้วซีครับ
โหงว : นี่เธอ เราเตือนกี่ครั้งแล้ว ไม่ใช่พระถังซัมจั๋งที่ใหนนะ แต่ชีวิตช่วงที่ศรัทธาขันติยังต้องล้มลุกคลุกคลาน และปีศาจกิเลสมูลมิได้ถูกฆ่าตายนี่ เพราะพระถังยังไม่ได้ศิษย์(เห้งเจีย -ปัญญา) ปีศาจมันหลบหายไปเท่านั้น แล้วมันจะมาใหม่ในรูปของปีศาจอีกหลายร้อยหลายแสนทีเดียว
รูป : เอ อยู่ดี ๆ กิเลสมูลหายไปเฉย ๆ ได้หรือครับ ในชีวิตกิเลสมันดองสันดานอยู่นี่
โหงว : อย่าสู่รู้น่า ... จงดูเข้าไปในใจ เจ้าจะพบว่า แม้สิ่งที่เรียกว่ากิเลสมูลก็หามีอยู่จริงไม่ ปีศาจทั้ง ๓ มันเป็นมายา เข้ามาเพื่อให้รู้จัก และให้เห้งเจียฆ่ามันเสีย มันไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลาดอก
รูป : เล่าเป็กกิม ซีเทียนไต้เซีย เล่าครับ ?
โหงว : เล่าเป็กกิม คือ ความกตัญญูที่ไปเขี่ยตระไคร่ในหูของซีเทียน ก็คือกตัญญูกตเวทิตาคุณนั้น จะเป็นธรรมเครื่องสนับสนุนให้ ได้โพธิปัญญา เราจึงอุปมาด้วยกตัญญู เขี่ยแคะหูให้ปัญญาที่ถูกครอบงำอยู่ในชีวิต
รูป : ทำไมถึงเขต ภูเขาโง้วเห้งซัวแล้ว บรรดาเนื้อเสือจึงไม่อยู่ในอำนาจพรานกตัญญูเล่าเป็กกิม ?
โหงว : การละกิเลสในเขตนั้น เป็นหน้าที่ของปัญญา ไม่ใช่กตัญญู
รูป : พระเซ็กเกียมองนีฮุดโจ๊ว ครอบซีเทียนด้วยภูเขา ๕ ยอดเล่าหมายความว่าอย่างไร ?
โหงว : เจ้าจงย้อนไปดูบทซึงหงอคง แต่เราสรุปย่อให้ฟังว่า ปัญญาสามัญนั้นถูกอุปาทานขันธ์ ๕ ครอบงำอยู่นานนัก จนกว่า...
นาม : จนกว่าขันติจะถูกกตัญญูส่งมาถึง
โหงว : อย่าสู่รู้น่า... จนกว่าจะแกะอักขระ ๖ พยางค์ คือ "โอม มณี ปัทเม ฮูม" ออกได้ เมื่อนั้นแหละ ปัญญาจึงจะเป็นอิสระและ จะนำชีวิตไปสู่นิพพาน
รูป : แกะอักขระ ๖ พยางค์ ออกหมายความว่าอย่างไร ?
โหงว : "แกะ" หมายความว่า เข้าใจอรรถซึมซาบในบทภาวนานี้ คือ "โอม มณี ปัทเม ฮูม" แปลว่า "ขอนอบน้อมแด่ดวงมณีในดอกปทุม " คือ ความประเสริฐแห่งใจ
รูป : ท่านครับ เห้งเจียทุบเสือถลกหนังมานุ่งหมายถึงการบวช ปัญญาบวชได้อย่างไรกันครับ ?
โหงว : เห้งเจีย(ปัญญา) ห่มหนังเสือ นั่นหมายถึงปัญญาที่เริ่มน้อมไปสู่เนกขัมม์เท่านั้น ส่วนการบวชจริง ๆ ของปัญญาคือ การสวมมงคล ๓ วงของพระยูไล
รูป : มงคล ๓ วง ?
โหงว : มงคล ๓ วง คือ ไตรลักษณ์ ที่นำมา " ครอบหัว " ปัญญาเข้าแล้ว นั่นคือ การบวชแท้
รูป : ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ครับ
โหงว : อยากเข้าใจก็จงเงี่ยหูฟัง เราจะเล่าในตอนต่อไป
(...จบบทที่ ๒ โปรดติดตามตอนต่อไป...)
**คัดจาก"เดินทางไกลกับไซอิ๋ว โดย "เขมานันทะ" หน้า๕ - ๙)