collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44015 ครั้ง)

ออฟไลน์ tik

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
คุกล้างใจแปลงโฉม

     ก็คือต้องชะล้างใจ และแปลงโฉมหน้าตอนยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะมีใจบำเ็พ็ญธรรม แต่อดทนต่อคำพูดของคนอื่นไม่ได้ ซ้ำยังไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้จักบำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้ คิดแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้องทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ได้ไปให้ร้ายทำลายใคร ก็ยังได้ชื่อมีบุญปัจจัยภายนอก แต่ว่ากุศลจิตภายในมีไม่เพียงพอไม่ได้ชะล้างใจและแปลงโฉมหน้าอย่างแท้จริง ไม่ได้แก้ไขความผิดพลาดในอดีตอย่างแท้จริง เวลาอยู้ต่อหน้าคนอื่น ได้แต่แสดงความจอมปลอมออกมา ชอบให้คนอื่นยกยอปอปั้น และไม่ชอบฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น
     ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า""ร่วมมือช่วยกันแสวงความเจริญก้าวหน้า"" ดังนั้นบำเพ็ญธรรมจึงต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ศึกษาอย่างจริงจังขันแข็ง แก้ไขสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ไม่พาลโกรธ ไม่ทำผิดซ้ำสอง ถ้าหากกระทำความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเจ้าก็คงขัดเกลาได้หมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่พุทธาลัย
     แต่ถ้าอยู่ที่พุทธาลัยแล้ว ก็ยังไม่สามารถขัดเกลาได้หมดสิ้น ก็จะต้องเชิญพวกเจ้ามาเป็นแขกที่คุกสวรรค์แห่งนี้ดังนั้นจึงกล่าวว่าแม้จะเป็นเพียงความผิดพลาดผิดบาปเล็กน้อย ก็ต้องรู้จักตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ต้องรู้จักล้อมคอกเสียก่อนที่วัวจะหาย คือต้องรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อนที่ผลเสียจะเกิดขึ้น
    
การลงโทษ
     ขณะที่ถูกลงโทษนั้นก็คือ ต้องล้างกายชำระคุณธรรม ใครก็ตามที่ยิ่งรักหน้ารักตาของตัวเอง ผิวหน้าของเขาก็จะยิ่งบางลงมีคนพูดว่าคนหน้าหนาไม่กลัวปล่อยไก่ บำเพ็ญธรรมจึงต้องหน้าหนาเอาไว้
     หากจะพูดว่ามายังคุกนี้เพื่ออาบน้ำแล้วละก็แต่ยิ่งอาบก็ยิ่งเจ็บปวด เมื่อน้ำราดลงมาครั้งหนึ่งนั้น ก็จะมีความรู้สึกคันเขยอไปทั้งตัวและยังเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงด้วย เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ หากเป็นผู้ที่จิตใจไม่ค่อยดี เขาจะมีความรู้สึกชาทั้งตัวแช่อยู่ในบ่อน้ำสีดำ สีของน้ำในบ่อจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ความผิดบาปของแต่ละคน และยังแบ่งเป็นใสกับขุ่นอีกด้วย เป็นเพราะผิดพลาดผิดบาปไม่เหมือนกัน บ่อน้ำจึงลึกจึงตื้นไม่เหมือนกันด้วย และยังแบ่งได้เป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น
     น้ำร้อนมีไว้สำหรับผู้ที่อารมณ์ร้อน ส่วนน้ำเย็นมีไว้สำหรับผู้เย็นชาไร้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แล้งน้ำใจต่อผู้อื่น ดังนั้นจะเร่าร้อนเกินไปหรือจะเย็นชาเกินไปก็ไม่ดีด้วยกันทั้งสองอย่าง

Credit : K.jariya1204
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/08/2010, 10:40 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        คุกฆ้องสวรรค์

     ความหมายของชื่อคุกนี้ก็คือหูได้ยินเสียงฆ้อง แต่ว่ากลับไม่ใช่เสียงฆ้อง แต่มันเป็นเสียงของฟ้าร้อง ในขณะ
ที่เขาถูกเคี่ยวกรำอยู่นั้นจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในภาชนะที่มิดชิดเหมือนกับอยู่ในที่ที่ปราศจากอากาศ แต่
ก็ยังมีเสียงของฟ้าร้องและเสียงฆ้องเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนสูงมาก เสียงที่สะท้อนกลับมาจึงดังมาก ทุก ๆ ครั้ง
ที่มีเสียงดังวิญญาณก็จะสั่นกระเพื่อมไปตามคลื่นเสียงนั้น ๆ แล้วก็มีอาการมึนหัวและสมองขยายตัว อยากจะอาเจียน
ถ้าอาการรุนแรงหน่อยก็จะมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด อวัยวะภายในทั้งห้ารวมทั้งตับทั้งม้ามก็จะแตกและยังมี
ปัณหาเกิดขึ้นที่หูด้วย ชอบฟังอย่างนั้น ชอบฟังอย่างนี้ ชอบฟังเรื่องถูกผิดสั้นยาวของชาวบ้านชาวช่อง เขาชอบฟัง
เรื่องไม่ดี ๆ ของใครต่อใคร พอตัวเองได้ฟังเรื่องเหล่านี้มาแล้วก็นำไปพูดบอกเล่าให้คนอื่น ๆ ได้ฟังด้วย
     ดังนั้นผู้บำเพ็ญธรรม กรรมทั้งสามจาก กาย วาจา ใจนั้นจะต้องสงบผ่องแผ้ว วันนี้หากเจ้าบำเพ็ญธรรม แต่ยัง
ชอบฟังเรื่องถูกผิดนินทาว่าร้ายและนำเรื่องนี้ไปถ่ายทอดต่อกระจายข่าวลือ พูดคำที่ไม่สมควรพูด พูดเรื่องที่ไม่จริง
แล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบถึงผู้อื่นเช่นว่าวันนี้เจ้ากับเพื่อนบ้านซ้ายมือพูดเรื่องไม่ดีของเพื่อน
บ้านขวามือ พอถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อนบ้านซ้ายมือกับเพื่อนบ้านขวามือก็ไม่แยแสกัน ไม่มองหน้ากันอีกแล้ว ดังนั้นคำพูด
เป็นสิ่งร้ายกาจมาก จะพูดจะจาอะไรจึงต้องกริ่งเกรงระมัดระวังจะต้องรอบคอบให้มาก ๆ
     ในคุกฆ้องสวรรค์นั้น มีผู้ที่แฝงไว้ด้วยความคิดที่จะก่อกรรมทำเข็ญ ผู้ที่เล่นเล่ตีสองหน้า ผู้ที่ต่อหน้าอย่างลับหลัง
อย่างหนึ่งและผู้ที่ยุแยงตะแคงรั่ว นั่นก็คือเมื่อเห็นคนอื่นเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ไปยุแหย่ให้เขาแตกคอกัน
เหมือนเห็นคนอื่นได้ดีมีแต่ความก้าวหน้า ก็หาเรื่องทำลายทำร้ายเขา...เป็นเพราะว่านี่คือมารในใจและมารภายนอก
ที่ถูกชักนำมาจากโจรหูนั่นเอง จึงปิดกั้นขัดขวางตัวเอง ตาก็มีรากของตา หูก็มีรากของหู (ซึ่งก็คือ จักขุนทรีย์ และ--
โสตินทรีย์นั่นเอง)
      ดังนั้นในพระพุทธศาสนาจึงมีคำกล่าวที่ว่า""ผู้บำเพ็ญปฏิบัติจะต้องทำให้อินทรีย์ทั้งหกวิสุทธิ์สะอาด"" จึงอย่า
ได้กระทำผิดในเรื่องของกาย วาจา ใจ รวมทั้งอกุศลกรรมบถสิบและมิจฉัตตะแปดด้วย
      พูดมาตั้งมากมาย ฟังเข้าหูกันหรือเปล่า ? ดังคำกล่าวที่ว่า""ยาดีย่อมขมปาก คำพูดที่ดีย่อมขัดหู"""ยิ่งเป็น
คำพูดที่ขัดหูยิ่งต้องฟังอย่างละเอียด และต้องยอมรับด้วย หากว่าวันนี้เจ้าไม่สามารถยอมรับมันได้ วันหน้าจะเป็น
อย่างไร ? ก็คงต้องไปหาถ้ำนั่งอยู่ ภายในอย่าได้เป็นคนที่ไม่มีความมุ่งมั่นเลย บำเพ็ญธรรมต้องมีความกระตือรือร้น
ไม่ใช่พูดว่าได้รับแล้วก็ไม่ต้องบำเพ็ญมันไม่ง่ายอย่างนี้หรอก เจ้าอย่าได้เป็นว่ารับธรรมะไปแล้วแต่ก็ยังสูบบุหรี่ดื่มเหล้า
แทงม้า เล่นการพนัน ฯลฯ แล้วก็ทำเรื่องชั่วช้าอีกมากมาย ถ้าเป็นอย่างนี้ย่อมไม่อาจบรรลุธรรมได้แน่
      หลักธรรมเหล่านั้นก็ต้องการให้พวกเจ้าได้เข้าใจ อย่าได้พูดว่าฉันเป็นญาติธรรมเก่าแล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่ว่า
บุญกุศลอยู่เสียที่ใหนกันละ ? เจ้าพูดว่าเจ้าตั้งปณิธานกินเจแล้ว แต่ว่าใจบริสุทธิ์ด้วยหรือไม่ละ ?อย่างนี้เข้าใจกันหรือไม่?
      เบื้องบนให้ฉันได้มาที่นี่เพื่อบอกเล่าถึงคุกสวรรค์ ก็เพื่อให้พวกเจ้าได้เข้าใจ บำเพ็ญธรรมจะลวกหยาบไม่ได้
บำเพ็ญธรรมจะสุกเอาเผากินไม่ได้ หากว่าเจ้ามีความเห็นแก่ตัวอยู่มาก แบ่งพรรคแบ่งพวกเก่งเบื้องบนก็จะแยกออก
จากเจ้า แต่ถ้าหากเจ้ามีใจเพื่อนส่วนรวม เบื้องบนก็จะไม่แยกออกจากเจ้า
     เอาละ ? หวังว่าพวกเจ้าจะบำเพ็ญกันให้ดี ๆ อย่าได้ผิดต่อความลำบากใจของเบื้องบนแล้วจะเป็นอย่างไร ? วันนี้
ก็จะต้องมีถ้ำสักถ้ำหนึ่งเตรียมเอาไว้ให้เจ้า ได้ไปบำเพ็ญเคี่ยวกรำอย่างไรละ ?
     หวังว่าพวกเจ้าจะมาหาฉันเพื่อดื่มชากัน แต่ไม่ใช่มาหาฉันเพื่อรายงานตัวเข้ารับโทษล่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        พระโอวาทผู้เฒ่าคุณฟ้า เทียนเต๋อเหล่าเหยิน
                    ชั้นวิริยะตน (จื้อหลวี่ปัน)
                วันที่ 9 - 10 มกราคม พ.ศ.2543
         ณ วิหารเทียนเซิ่งฝอเอวี้ยน ฮวาเหลียน ไต้หวัน

        ข้าควบคุมคุกสวรรค์เผยความลับ
        จดบุญบาปดวงเนตรฟ้าฟิศชัดหนา
        จองจำด้วยไม่บำเพ็ญคุณปัญญา
        โทษนานาลงอาญามากมายมี
 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
      เมธีทั้งหลายบัดนี้ ข้าได้สนองรับพระบัญชาจากพระแม่องค์ธรรมมารดามาไขความลับสวรรค์เพื่อตักเตือนเจ้าทั้งหลายหน้าที่ของข้าก็คือคุมคุกสวรรค์ เจ้าทั้งหลายควรรู้ว่ามีนรกก็ต้องย่อมมีคุกสวรรค์เช่นกัน คุกสวรรค์อยู่ที่ใหน ? อยู่ติดกับพุทธาลัยมีทางอยู่เส้นหนึ่งเชื่อมผ่านได้ทั้งสองที่ ที่หนึ่งมืดมิดเยือกเย็นอีกที่หนึ่งสว่างและเป็นสุขยิ่ง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าทั้งหลายจะก้าวย่างอย่างมั่นคงและสำรวมระวัง กาลนี้หากไม่บำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ ก็จะต้องไปรายงานตัวที่ ๆข้าควบคุมอยู่อย่าได้คิดว่าพุทธระเบียบหรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไม่สำคัญอีกทั้งไม่เคารพอาจารย์เทิดทูนธรรมะ นิสัยความเคยชินมากมายหากเป็นเช่นนี้บำเพ็ญไปก็เปล่าประโยชน์ กล่าวแก่เจ้าทั้งหลายหากเจ้าผิดต่อกฏแห่งฟ้า จะผ่านด่นของข้าก็ไม่ง่ายเลย
     จะบัญชาให้ขุนนางผู้คุม นำพาวิญาณเดิมเข้ามายังธรรมสถาน เพื่อกล่าววาจาสักเล็กน้อย (หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเทียนเต๋อเหล่าเหยินกล่าวจบ ท่านได้กระแทกไม้เท้าลงพื้นหนึ่งครั้ง ญาณเดิมก็ได้ประทับร่างของสามคุณอีกท่านหนึ่งล้มลงกับพื้นสะอื้นไห้คลานเข้ามายังห้องประชุม พุทธบริกรจึงเข้าไปช่วยพยุงเข้ามายังกลางห้องประชุม )
      ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เจ้ามีเวลาไม่มากนัก จงรีบเล่าถึงความผิดของเจ้าที่ได้กระทำไป
      ญาณเดิม    : ข้าเป็นผู้ชายชื่อว่า"โจวจวิ้นเซิง" ละกายสังขารเมื่อปีหมิกั๋วที่๗๐ (พ.ศ.๒๕๒๔) ข้าเป็นเจ้าตำหนักพระแรกเริ่มนั้นข้าศรัทธาต่อธรรมะมาก หลังจากได้รับธรรมะก็ได้ติดตามนักธรรมอาวุโสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม อาวุโสคอยส่งเสริมยกระดับอยู่เสมอและส่งเสริมให้ข้าเป็นอรรถาจารย์ ข้าจึงเป็นทั้งเจ้าตำหนักพระและอรรถาจารย์ในเวลาเดียวกัน หน้าที่เหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยแต่ว่าข้าไม่มีความเคารพในอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บางครั้งถึงกับดูถูกดูแคลนมักที่จะคิดอยู่เสมอว่าอาจารย์ไม่รู้เรื่องในการปฏิบัติงานธรรมไม่เข้าใจในเรื่องราวต่าง ๆ เขาจึงถือดีอวดตน คิดว่าอาจารย์ด้อยกว่าข้าในทุก ๆด้าน บางครั้งก็ปากอย่างใจอย่างข้าเป็นถึงเจ้าตำหนักพระแต่ไม่เคารพต่ออาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บาปหนักเลยเกินในยามที่ทำบุญ ให้ทานข้าก็จะยึดติดในรูปลักษณ์ หากไม่เห็นเป็นรูปลักษณ์ก็จะคอยสอบถามอาจารย์ว่าเงินทำบุญเหล่านั้นสูญหายไปตรงใหน อาจารย์ท่านบำเพ็ญดีไม่เคยโกรธแค้นมีแต่คอยพร่ำสอนตักเตือน ต่อมาข้าฟังคำของคนรอบข้างมากไป คิดว่าอาวุโสทำไม่ถูก อาวุโสไม่เอาใจใส่ดูแลผู้น้อยตอนนี้แหละที่ข้าก้าวพลาด จึงปิดสถานธรรมอีกทั้งคบคนเลว ๆ จึงทำให้ทุศีลแตกเจ ใหม่ ๆก็คิดว่าลองกินดูก็แล้วกันคงไม่เป็นไร ?แต่ก็ไม่สบายใจ กินแล้วก็กราบสำนึกขอขมา ทุกครั้งที่ทำผิดก็จะสำนึกขอขมาจนกลายเป็นความเคยชิน ผิดแล้วผิดอีกตอนนั้นในใจก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ภัยคงไม่มาถึงตัวและยิ่งตอนนั้นงานทางโลกก็ไปได้ดีมาก จึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้ว อาวุโสทุกท่านบำเพ็ญธรรมจะต้องบำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรมบำเพ็ญอย่างจริงจัง
        ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เมื่อรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงกล้ากระทำ? มีอะไรอีก ?
        ญาณเดิม    :  ยังถ่วงผู้คนอีกจำนวนมาก ข่าเล่าเรื่องของข้าให้ผู้ร่วมบำเพ็ญฟัง และยุให้เขาทุศีลแตกเจเหมือนกับข้า ด้วยเหตุที่เป็นอรรถาจารย์ มีวาทะศิลป์ผู้คนจึงหลงเชื่อ เป็นเจ้าตำหนักพระแต่กลับยกเลิกสถานธรรม เลิกล้มธรรมกิจก็เท่ากับตัดหนทางแห่งปัญญาญาณของผู้คนไปมากมายเท่าใด ? อยู่ในอาณาจักรธรรมข้าก็มีจิตใจที่คับแคบกลัวคนอื่นเขาจะดีกว่า กลัวว่าจะมีบุคคลากรที่เก่งกว่า กลัวว่าตนเองจะไม่มีจุดยืน บำเพ็ญธรรมอย่าได้เป็นเช่นนี้เลยตอนนี้ข้าพึ่งจะเข้าใจ ข้าทำผอดไว้มากมายเหลืิอเกิน ข้าต้องผ่านคุกสวรรค์ด่านแล้วด่านเล่าจิตของข้าทรมานนัก ยิ่งยึดติดมากเท่าไรก็ยากที่จะวางใจลงได้ ในคุกสวรรค์หากสามารถปล่อยวางได้ก็ไม่ต้องถูกคุมขังทุกอย่างจะต้องเป็นอสังฆตะ หวังอาวุโสทุกท่านจะเห็นข้าเป็นดังกระจกขอให้คิดให้รอบคอบและถี่ถ้วน ข้าสำนึกผิดแล้วแต่ก็สายเกินไป เมื่อทำผิดก็สำนึกด้วยใจจริงอย่าได้สำนึกแล้วสำนึกอีก อาศัยกายสมมุติเร่งรีบสร้างบุญกุศลชำระปณิธานเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถกลับคืนฐานเดิมได้ยังสามารถบรรลุสู่มรรคผลพุทธะได้อีกปณิธานของเราล้วนแตกต่างกันไป บ้างก็มาเพื่อหนุนนำงานธรรม แต่กลับมาลุ่มหลง ข้าสำนึกผิดแล้ว ฮือ...ฮือ...ฮือ...
        ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เมธีทั้งหลายชั้นนี้เปิดขึ้นมาก็เพื่อให้เจ้าทั้งหลายสำนึกผิดขอขมา เจ้าทั้งหลายมีจิตสำนึกขอขมากี่ส่วนมิใช่ว่าทุกคนที่บำเพ็ญจะต้องกลับไปยังคุกสวรรค์ทุกคนนี่เป็นการชี้แนะเจ้าทั้งหลาย สิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้ ทุศีลแตกเจบาปนี้มหันต์นักจะต้องตกนรกอเวจีไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เมธีทั้งหลายเจ้าจะต้องระวัง อย่าได้คิดว่าไม่มีใครเห็นคิดว่าทำอะไรก็กล้าทำ เมื่อใบเทวนาคราชได้ถวายขึ้นสู่เบื้องบน ไม่ว่าจะเป็นวาจา กริยา อาการของเจ้าทั้งหลายล้วนอยู่ในมือข้า สิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไปหากเจ้าเองก็เคยทำผิดในส่วนนั้นจงเร่งแก้ไข และจะต้องเร่งบำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ อย่าได้รอจนถึงประตูคุกสวรรค์ก่อนสายไปไม่ใช่เบื้องบนไม่เมตตา สวรรค์มีประตูเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าก็แหวกเข้าไปเอง ข้าก็จนใจ !
        วันนี้เห็นข้ามาตักเตือนอย่างสุภาพอ่อนโยนแต่ในคุกสวรรค์ข้ายุติธรรมและเที่ยงตรงเสมอ เวลามีจำกัด หวังเจ้าทั้งหลายจะบำเพ็ญปฏิบัติด้วยความจริงใจ หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป ดีไหม ?!!
        นักเรียนในชั้น : ดีครับ / ค่ะ
        ผู้เฒ่าคุณฟ้า   : นำพาญาณเดิมคืนเบื้องบน ถอน........
     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               มิจฉาเอนเอียงเข้าร่วมบำเพ็ญตลอดชีวิตขังคุกสวรค์    ( ฉู่เจินคังเตี่ยนฉวนซือ )
     
         พูดไปแล้วรู้สึกละอายแก่ใจ ข้าพเจ้ามาจากคุกสวรรค์ ข้าพเจ้าได้คอยอยู่เป็นเวลานาน ได้กราบพระบาทพระแม่องค์ธรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและพระพุทธะจี้กงแล้วรวมทั้งคารวะต่อเฉียนเหยินอีกทั้งเตี่ยนฉวนซือทุกท่าน ขอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเมธีซึ่งนั่งอยู่ที่นี่ด้วย ข้าพเจ้ามาจากคุกสวรรค์ มีชื่อว่า ""ฉู่เจินคัง"" เป็นคนเมืองเอวี้ยหยัง ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงต่อต้นยุคสาธารณรัฐ(หมินกั๋ว)ตอนยังมีชีวิตอยู่ได้แบกรับพระโองการสวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือ แต่เป็นเพราะความคิดผิดพลาดคลาดเคลื่อนจึงต้องรับโทษอยู่ที่คุกสวรรค์เป็นเวลาหลายสิบปี ได้รับการลงโทษไม่หยุดหย่อนผ่อนเว้น ข้าพเจ้าได้รับโทษอยู่ที่""คุกทิ่มตำเท้า"""ทุกวันจะมีเข็มมาทิ่มตำที่เท้าทั้งสองข้าง ไม่อาจหยุดหรือได้สบายแม้ชั่วขณะเป็นเพราะตอนมีชีวิตอยู่ได้นำพาผู้น้อยผิดพลาดเอนเอียง เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ก็จะขอเล่าย้อนความตั้งแต้ต้นให้ได้ฟังกัน
          ข้าพเจ้าละกายสังขารเมื่ออายุ ๗๘ ปี ถึงอายุมากขนาดนี้แต่ไม่คิดว่าจะตกต่ำลงเอยอย่างที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้าเกิดมาในครอบครัวชาวนาที่ร่ำรวย บิดามารดาเป็นคนพิ้นเพที่นั้นตั้งแต่เด็กก็ได้ศึกษาตำรับตำราโคลงกลอน และยังรู้ถึงหลักเมตตามโนธรรมก่อนที่จะพบเจอวิถีธรรม ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนทั่วๆ ไปที่หมุนวนเวียนว่ายอยู่ในอารมณ์เจ็ด ( คือ ยินดี โกรธา เศร้าใจ สุขใจ รักใคร่ เกลียดชัง โลภอยาก ) และตัณหาหก
          เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ก็มีหน้าที่การงานและแต่งงานสร้างครอบครัวเสพสุขกับชีวิต มีลูกหญิงชายรวมกัน ๗ คน เมื่ออายุได้ ๔๖ ปี ภรรยาของข้าพเจ้าได้ลาจากโลกไปด้วยเหตุเจ็บป่วย ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความเฉียบไวของอนิจจัง ดังนั้น จึงไปแสวงหาสัจธรรมที่วัดวาอารามเสมอ ๆ จนได้พบกับผู้แนะนำ - ผู้รับรอง ได้ชักนำให้ข้าพเจ้าเข้าสู่วงการอนุตตรธรรม ข้าพเจ้าไดรับบริจากมากมายและก็ตั้งใจพากเพียรในการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม
          เมื่ออายุ ๕๒ ปี จึงแบกรับพระโองการสวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือ ในตอนนั้นจิตใจผู้คนน่าหวาดกลัว เป็นยุคที่มีภัยสงครามเคราะห์ร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชีวิตคนมีอันตรายอยู่ทุกขณะแต่ข้าพเจ้าก็ยังฉุดช่วยเวไนยสัตว์ได้ไม่น้อย ข้าพเจ้าดูแลนำพาอาณาจักรธรรมอยู่ที่เมืองซันเจิ้น มณฑลอู่ฮั่น
          เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ ๗๒ ปี เป็นปีที่พระอาจารย์ชายกงฉัง และพระอาจารย์หญิงจื่อซี่ สนองรับพระโองการสวรรค์ ด้วยเหตุที่นักธรรมอาวุโสที่นำพาข้าพเจ้า ได้ละกายสังขารไปด้วยเหตุเจ็บป่วย งานธรรมกิจจึงได้ข้าพเจ้ารับผิดชอบดูแลชั่วคราว ข้าพเจ้านำพาเตี่ยนฉวนซือที่อายุยังไม่มากอยู่หลายคน มีเพียงข้าพเจ้าที่เป็นผู้นำที่คนอื่นต้องดูทิศทางตาม ในตอนนั้นมีธรรมปรินายกหลายท่าน ไม่เชื่อเรื่องที่พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิงสนองรับพระโองการสวรรค์ ข้าพเจ้าเป็นพวกคนหูเบา ไม่รู้ว่าจะฟังใครถึงจะดี ? แม้ว่าต่างจะกระจัดกระจายกันไปคนละทาง พระแม่องค์ธรรมมีพระบัญชาว่า พระโองการสวรรค์อยู่ที่พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง แต่ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองอายุทางโลกก็มาก อายุทางธรรมก็เยอะ และยังมีนักธรรมอาวุโสที่มีบารมีธรรมสูงส่งอยู่อีกหลายท่าน หรือว่าเจตนาของฟ้าจะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ? หรือว่าเป็นการดำเนินไปตามใจคน ?เพราะเหตุใดพระโองการสวรรค์จึงตกไปสู่นักธรรมรุ่นหลังกว่าได้ ? ( หมายถึงพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ที่มีวัยวุติและธรรมวุติน้อยกว่า) เสียทีที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้มาหลายปี การทดสอบปัญญาเช่นครั้งนี้ยังไม่อาจผ่านได้ ข้าพเจ้าจึงนำพานักธรรมผู้น้อยใกล้ชิดติดตามนักธรรมอาวุโส ที่ข้าพเจ้ายอมรับอยู่ในสายตา บำเพ็ญปฏิบัติอยู่กับนักธรรมอาวุโสท่านนั้น ๆ เมื่ออายุได้ ๗๖ ปี โรคร้ายเข้าสู่ร่างกายและได้ละกายสังขารในเวลาต่อมาเมื่ออายุ ๗๘ ปี
          ตลอดชีวิตตรากตรำเพื่อธรรมะ เดิมทีคิดว่าได้กลับคืนเบื้องบน ได้เข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรมด้วยจิตที่เกษมเปรมปรีด์ จะได้ไม่ผิดต่อพระบรรพจารย์ลู่จงอีที่ได้มอบหมายนำพา แต่ว่าข้าพเจ้ากลับถูกจับตัวไปสู่คุกสวรรค์โดยตรง เบื้องบนจดบันทึกบุญอย่างละเอียด แต่ก็จดบันทึกบาปไว้อย่างถี่ถ้วนถ่องชัดเช่นกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าตนเองไม่ได้นำปัญญาออกมาใช้ ดังนั้นจึงนำพานักธรรมผู้น้อยเดินผิดทางไป เพราะข้าพเจ้าเป็นคนดื้อรั้นหัวแข็ง ไม่เชื่อมั่นในเจตนาของฟ้า คิดไปว่าอักษรพระโอวาทในกระบะทรายที่กล่าวถึงพระโองการสวรรค์นั้นเป็นการกระทำตามเจตนาของคนเอง จึงผิกพลาดทั้งต่อตนเองและผู้อื่นด้วยตัดขาดหนทางเบื้องหน้า ข้าพเจ้าสำนึกขอขมาอยู่ที่คุกสวรค์ สักี่คนที่เข้าใจถึงกาลเวลาของฟ้าและเจตนาของฟ้าอย่างถ่องแท้แน่ชัด ?
        อย่างได้เป็นอย่างข้าพเจ้า ที่บำเพ็ญมาก็นานปี แต่ยังคงเลอะเลือนอยู่ ! คิดไปว่าตนเป็นนักธรรมอาุโส จึงอ่อนน้อมถ่อมใจลงมารับความผิดไม่ได้ ไม่มีผู้ที่เข้าใจถึงเจตนาของฟ้าอย่างชัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ใส่ร้านทำลายพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง แต่ว่านำพานักธรรมผู้น้อยจนร่วงหล่น นั่นก็เป้นความผิดของข้าพเจ้าแล้ว เบื้องบนไม่ได้ปกปิดลบล้างความลำบากในช่วงสิบปีของข้าพเจ้า แต่เบื้องบนก็ไม่ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระเสรี ในคุกสวรรค์นั้นมีคนมากมายที่เป้นถึงนักธรรมอาวุโส และในนรกอเวจีเองก็มีคนมากมายที่เป็นนักธรรมอาวุโสอยู่ด้วย
        เมื่อเป็นนักธรรมอาวุโสของนักธรรมผู้น้อยทั้งหลาย แต่กลับทำร้ายพวกเขาเหล่านั้นตัวเองย่อมต้องรับเคราะห์ภัยด้วยเช่นกันเดิมทีการลงโทษในคุกสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยให้รู้กันโดยง่าย แต่ในวันนี้ พระแม่องค์ธรมได้มีพระบัญชา และพระอาจารย์หญิงก็ได้กำชับสั่งความไว้ หลังจากนี้ไปจะมีการทดสอบนักธรรมชั้นผู้นำให้ตกหล่น การทดสอบปัญญาที่เกิดขึ้นนี้จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความลับของฟ้า (เจตนาของฟ้า) อย่าได้คิดว่าบำเพ็ญปฏิบัติธรรมกันมานาน ถ้าสอดคล้องกับหลักธรรมก็จะเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำจะผิดต่อพระโองการสวรรค์หรือเจตนาของฟ้าไม่ได้
        มีนักธรรมอาวุโสในอาณาจักรธรรมที่ไม่อาจถ่อมใจลงต่ำได้คิดว่าสิ่งที่ได้พบที่ได้เห็นนั้นเป็นสิ่งจริง ไม่เชื่อสิ่งที่หูของตนได้ยินมา ถึงแม้จะมีนักธรรมอาวุโสบางส่วน รู้ถึงความหมายอันแท้จริงของการฉุดช่วยสามโลกและเรื่องใหญ่ของการฉุดช่วยปรกโปรดอีกทั้งการเก็บงานพร้อมสมบูรณ์ แต่พวกท่านเหล่านั้นยอมรับกันไม่ได้ เริ่มจากตนเองยอมรับไม่ได้ แต่ก็ไม่เสมอไปสำหรับผู้อื่นจึงเกิดการใส่ร้ายทำลายกันหรือว่านี่คือความหมายที่แท้จริงขอวการแบกรับพระโองการสวรรค์แบกรับภาระหน้าที่ ?
         ข้าพเจ้าที่อายุมากขนาดนี้ เสียทีที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติจนบุคลิกท่าทางสูงส่งภูมิฐานไม่คาดคิดว่าไม่ใช่มีผลบุญใหญ่แต่กลับมีส่วนอยู่ในคุกสวรรค์ วันนี้ข้าพเจ้าได้วิงวอนขอให้เบื้องบนนิรโทษผ่อนผันข้าพเจ้าไม่อยากรับโทษทัณฑ์ในคุกสวรรค์อีก ยังมีนักธรรมผู้น้อยอีกมากที่ไร้ปัญญาขาดความเข้าใจจึงได้ตกลงสู่นรกภูมิ การทดสอบเกี่ยวกับพระโองการสวรรค์เพียงครั้งเดียวก็ทำให้จิตใจไหวหวั่นได้แล้ว นักธรรมผู้น้อยมองเห็นนักธรรมอาวุโสแก่งแย่งผลบุญกัน แก่งแย่งชื่อเสียงผลประโยชน์กันด้วยเหตุนี้จึงถูกทดสอบจนถดถอยจากไป ยุคนี้ก็เป็นเหมือนในอดีต เจตนาของฟ้านั้นเดิมทีไม่อาจแพร่งพรายเปิดเผยได้โดยง่าย พระแม่องค์ธรรมเมตตาสงสารพุทธบุตรมากมาย หากหลับหูหลับตาโง่งมบำเพ็ยละก็ ย่อมไม่อาจกลับคืนเบื้องบนได้ อาณาจักรธรรมไต้หวันหลายสิบปีมานี้ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงเพราะนักธรรมอาวุโสละกายสังขาร วงการอนุตตรธรรมต้องฉุดช่วยเวไนยสัตว์ หากเวไนยสัตว์ไม่รับการฉุดช่วยแล้วจะกล่าวถึงการเก็บงานพร้อมสมบูรณ์ได้อย่างไร ? น่าสงสารผู้บำเพ็ญในวงการธรรมมากมาย ด้วยเพราะลุ่มหลงงงงวยจึงเดินผิดหนทาง แต่ยังคิดว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว ถ้าไม่เข้าใจเจตนาของฟ้าก็จะผิดต่อการบำเพ็ญธรรมได้
         ข้าพเจ้ามีคำพูดมากมายต้องการเตือนสติเมธีทั้งหลาย ในตอนนี้มีนักธรรมอาวุโสและเตี่ยนฉวนซือมากมายที่ผิดพลาดเหมือนข้าพเจ้ายึดติดอยู่กับว่าตัาเองมีนักธรรมผู้น้อยมากน้อยเท่าไหร่สร้างบุญไปแล้วมากน้อยแค่ใหน ถึงที่สุดก็ยังคงยึดมั่นถือมั่นไม่ละวางแต่ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรในครอบครองเลย
         การดำเนินงานของสามโลกเป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นพุทธบุตรชายหญิงจะกลับคืนสู่เบื้องบนได้อย่างไร ? อย่าได้ใส่ร้ายลบล้างพระโองการสวรรค์เจตนาของฟ้า ตอนแรกข้าพเจ้าไม่เชื่อในพระโอวาทของพระแม่องค์ธรรมว่าได้มอบหมายพระโองการสวรรค์ไว้กับผู้ใดแล้วจึงผิดพลาดต่อตนเอง ข้าพเจ้าไม่เชื่ออักษรพระโอวาทในกระบะทรายเรื่องพระโองการสวรรค์แต่กลับเชื่อในความฉลาดอันน้อยนิดของคนด้วยกันเองเมธีทั้งหลายต้องอ่อนน้อมถ่อมใจต้องทำความเข้าใจให้ถูกชัดต่อเจตนาเดิมของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ไม่เช่นนั้นบำเพ็ญมาชั่วชีวิตกลับจะทำให้ผู้อื่นต้องผิดพลาดอีกมากมาย
         วันนี้มีเวลาจำกัดขอบพระคุณพระอาจารย์จี้กงที่ได้นำพาวิญญาณของข้าพเจ้ามายังพุทธสถานแห่งนี้ หวังว่าเมธีทั้งหลายจะฟังอย่างรอบคอบต้องทำความคิดของตนให้เที่ยงตรงดีงาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตรวจสอบชั้นประชุมธรรมอยู่ การได้ตั้งปณิธานใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอย่าได้ละทิ้งไปอย่างง่าย ๆ ด้วยเป็นเพราะการลงโทษทัณฑ์ในคุกสวรรค์ไม่อาจเปืดเผยได้โดยง่ายคนบนโลกจึงไม่เข้าใจ ชะตาในมนุษยภูมิมีการสิ้นสุดได้ จึงอย่าได้ยึดติดอยู่กับผลบุญของตนเอง
          จริยปกรณ์หรือบทถ่ายทอดเบิกธรรม ที่มีรูปลักษณ์ถึงแม้จะสำคัญ แต่ว่าท่ามกลาง ฟ้า ดิน คน สามคุณนั้น คนเป็นผู้ประกาศธรรมแทนฟ้า พระโองการสวรรค์นั้นไร้รูปลักษณ์ แต่เมื่ออยู่ในฟ้าปางหลังเพื่อให้ผู้คนได้เกิดความเชื่อมั่นจึงต้องมีสิ่งแสดงให้เกิดซึ่งความเชื่อมั่นนั้น (หมายถึงจริยปกรณ์ที่มีรูปลักษณ์นั่นเอง )
          การปฏิบัติงานสามโลกนั้น จะต้องให้ความเคารพต่อเทพผีเสียก่อน เมธีทั้งหลายต้องจดจำใส่ใจให้แม่นมั่น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
            ๒. ผิดต่ออาจารย์และพระโองการฯ ต้องถูกเคี่ยวกรำยังคุกสวรรค์  ( เซี่ยปินเหอเตี่ยนฉวนซือ )

         ตอนมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าก็เป็นเตี่ยนฉวนซือ แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าอยู่ที่คุกสวรรค์รู้สึกละอายแก่ใจเหลือเกินกระดากอายจริง ๆได้มารบกวนเวลาของเมธีั้ทั้งหลาย อนิจจาตัวเป็นถึงนักธรรมอาวุโส แต่เป็นเพราะนำพานักธรรมผู้น้อยผิดพลาด ดังนั้นจึงกลับไปรับการเคี่ยวกรำอยู่ที่คุกสวรรค์ ประวัติชีวิตของข้าพเจ้านั้นถ้าพูดแล้วยาว ขอให้เมธีทั้งหลายจงนั่งฟังโดยตั้งใจ
         ข้าพเจ้าแซ่ ""เซี่ย"" มีชื่อว่า ""ปินเหอ"" มาจาก"คุกธารน้ำแข็ง" เป็นสถานที่ที่เหน็บหนาวมาก ๆ เมื่อโทษผิดบาปของตนสะสมจนถึงระดับหนึ่งย่อมต้องมารับการเคี่ยวกรำยังคุกแห่งนี้แน่ ๆ เป็นเพราะว่ามีชีวิตอยู่ข้าพเจ้าไม่ได้รักษาปณิธานให้ดีและไม่ได้เจริญปณิธานที่ตั้งไว้ด้วย จึงทำให้บรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคนของนักธรรมผู้น้อยและญาติธรรมทั้งหลายต้องตกหล่นไปด้วยเหตุที่ข้าพเจ้านำพาผิดพลาด ข้าพเจ้าจึงต้องมารับทุกข์ยังคุกแห่งนี้ ขณะรับโทษอยู่นั้นด้วยมีโทษผิดบาปจึงต้องถูกภูเขาน้ำแข็งกดทับ หรือไม่ก็ถูกแซ่ตัวอยู่ในธารน้ำแข็ง ความหนาวเหน็บเสียดแทงถึงกระดูก หากสำนึกเสียใจก็จะได้รับการลดหย่อนโทษผิดบาปและได้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ได้ออกจากคุกสวรรค์ บุญคืนสู่บุญ บาปคืนสู่บาป แต่ว่าผิดบาปของข้าพเจ้าหนักหนา ด้วยเหตุที่เกียจคร้านต่อภาระหน้าที่หลายสิบปี
         ข้าพเจ้าเป็นคนปลายราชวงศ์ชิงตอนต้น ยุคสาธรณรัฐ (หมินกั๋ว ) บ้านเกิดอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยน ( ฮกเกี้ยน ) เดิมทีฐานะความเป็นอยู่ร่ำรวย และบิดามารดาให้ความสำคัญกับการอบรมเลี้ยงดู เห็นอย่างนี้จนชินหูชินตาตั้งแต่ยังเล็กจึงมีความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่อยู่เต็มอก ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมการปฏิวัติแต่ก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยลบล้างราชวงศ์ ความรู้ที่มีอยู่ก็มีความรู้อย่างจีนและอย่างตะวันตก
         เมื่ออายุ ๑๘ ปี ก็เข้าศึกษาที่มหานครเทียนจิน (เทียนสิน ) หลังจากนั้นจึงได้รับวิถีธรรม ข้าพเจ้าเป็นคนจิตใจดีงามหลังจากรับวิถีธรรมแล้วก็จริงจังตั้งใจศึกษาหลักธรรม อายุ ๒๒ ปีจึงเริ่มกินเจ และยังฉุดช่วยเพื่อนร่วมเรียนและญาติมิตรหลายคนให้ได้รับวิถีธรรมด้วย
        พออายุได้ ๒๖ ปี ข้าพเจ้าก็ได้เป็นเจี่ยงซือแล้ว ข้าพเจ้าได้เข้าชั้นเตาหลอม ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์อยู่ไม่น้อย สภาพการณ์ของเมธีในปัจจุบันนี้ดีกว่าสมัยของข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ครอบครัวของข้าพเจ้าบังคับให้ข้าพเจ้าแต่งงานแต่ว่าข้าพเจ้าไม่เห็นนด้วยและไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัณหานั้น จึงได้หลบไปเลี่ยงมาอยู่หลายปี และได้ปฏิบัติงานธรรมกับนักธรรมอาวุโส ข้าพเจ้าได้ประสบกับช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ฉุดช่วยกล่อมเกลาเวไนยสัตว์ท่ามกลางดงกระสุนและห่าระเบิดถึงแม้จะลำบากทุกข์ทน แต่ผลที่ได้รับก็มากด้วยเช่นกัน ขณะที่จีนมีชัยชนะได้ไม่นานก็เริมเกิดสงครามภายใน ประชาชนจึงมีชีวิตอยู่อย่างระเหเร่ร่อนลำบากยากแค้นเมื่อบอกกับทุกคนว่า""ภัยพิบัติมาถึงแล้ว""พวกเขาก็จะเชื่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นการปฏิบัติถ่ายทอดธรรมในตอนนั้นจึงราบรื่น
        หลังจากที่พระอาจารย์ชายกลับคืนเบื้องบน และพระอาจารย์หญิงสืบทอดพระโองการสวรรค์ต่อ ข้าพเจ้าก็ยังคงกระตือรืนร้นไม่ถดถอยไปจากธรรมะเลย แล้วการทดสอบของข้าพเจ้าก็มาถึงเดิมทีมีนักธรรมอาวุโสบางท่านได้รับบัญชาจากพระอาจารย์หญิง ให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรมแต่ละที่ ในตอนนั้นข้าพเจ้าได้เป็นเตี่ยนฉวนซือแล้วแต่กลับไม่ได้รับบัญชาให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรมในตอนที่จีนแผ่นดินใหญ่เริ่มเป็นคอมมิวนิสต์นั้น มีนักธรรมอาวุโสธรรมปริณายกและเตี่ยนฉวนซือ เพื่อจะต้านภัยช่วยโลก จึงถูกพวกคอมมิวนิสต์ฆ่าตายไป ในขณะนั้นด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนข้าพเจ้าจึงได้ตั๋วโดยสารเรือและหนีตายไปยังมหานครซานฟรานซิสโกประเทศสหรัฐอเมริกา
        ข้าพเจ้าหนีรอดไปได้โดยทอดทิ้งญาติธรรมไว้อย่างไม่สนใจใยดี ข้าพเจ้าคิดว่า" เหลือเพียงภูเขาเขียวยังอยู่ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีฟืนเผาไฟ " ในตอนนั้นด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับบัญชาจากพระอาจารย์หญิงให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรม ดังนั้นจิตใจของตนเองจึงครึ่งสว่างครึ่งอับแสง มีนักธรรมอาวุโสบางท่านไปบุกเบิกแพร่ธรรมที่สหรัฐอเมริกา พวกท่านเหล่านั้นต้องลำบากทุกข์ยากมากมาย แต่ว่าข้าพเจ้ารับความทุกข์ที่มากเกินไปไม่ได้ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/08/2010, 14:43 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
          ๒.  ผิดต่ออาจารย์และพระโองการ ฯ ต้องถูกเคี่ยวกรำยังคุกสวรรค์  ( เซี่ยปินเหอ เตี่ยวฉวนซือ )

      ข้าพเจ้าได้บุกเบิกแพร่ธรรมยังเมืองใหญ่ ๆ ในรัฐอเมริกาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที่หนึ่ง ในทางตรงข้ามญาติธรรม ที่ได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้หนีมาได้ในตอนแรกต่างก็แยกย้ายหายหน้าไปจากข้าพเจ้าทีละคน ๆ ส่วนญาติธรรมที่ข้าพเจ้าฉุดช่วยมาตั้งแต่แรกนั้นบ้างก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ บ้างก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ต่างก็ไปร่วมกิจกรรมที่โบสถ์กันหมดแล้ว เมื่อไม่มีใครเชื่อฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าตนเองผิดพลาดที่ตรงใหน ? เดิมทีข้าพเจ้าไปถึงที่ใหน ๆ บ้านนั้น ๆ ก็ตั้งเป็นตำหนักพระพุทธสถาน เป็นเพราะนี่คือการทดสอบสำหรับข้าพเจ้า เบื้องบนต้องการทดสอบความจริงใจของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ ข้าพเจ้าบากบั่นต่อสู้อยู่แปดปี ใจธรรมจึงเลือนหายไปหมดสิ้น ข้าพเจ้าพูดว่าไม่ดูแลความเป็นอยู่ปากท้องของตนไม่ได้ ดังนั้นเพื่อความสดวกในการทำการค้า ข้าพเจ้าจึงเก็บพุทธสถาน เวลามีคนถามข้าพเจ้าว่ากินเจด้วยเหตุใด ? ข้าพเจ้าก็จะตอบว่าข้าพเจ้าศรัทธากราบไหว้พระพุทธะ จึงกินเจด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้ามีตำแหน่งเป็นเตี่ยนฉวนซือเฉย ๆ แต่ไม่ได้เจริญปณิธานของตนเป็นเพราะความโง่เขลาไร้ปัญญาของตนเองและการอยู่คนเดียวไร้ที่พึ่งพิงจึงทำให้นักธรรมผู้น้อยที่ข้าพเ้จ้าได้ฉุดช่วยนำพาต่างเดินผิดหนทางกันไปหมดต่างถลำก้าวไปในหนทางที่ผิดพลาด เมื่อพวกเขาอยู่กับข้าพเจ้าก็จะคุยกันแต่เรื่องทางโลกหรือไม่ก็เรื่องธุรกิจการค้า ข้าพเจ้าทำการค้าที่ใหญ่มาก แต่ไม่ได้แต่งงานจึงไปขอรับเด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกรวมสามคนเป็นเด็กผู้หญิงสองคนเด็กผู้ชายหนึ่งคน ให้พวกเขาได้ปรนนิบัติดูแลใกล้ชิด ข้าพเจ้าละกายสังขารเมื่ออายุ ๗๒ ปี เนื่องจากเป็นมะเร็ง ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
         ตายแล้วก็เลือนลางเลื่อยลอย จึงถูกจับไปรับการเคี่ยวกรำที่คุกสวรรค์ ข้าพเจ้าละอายต่อพระแม่องค์ธรรม ละอายต่อพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ละอายต่อบรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคนของนักธรรมผู้น้อยของตนเอง พวกเขาคงโกรธแค้นข้าพเจ้าแน่ ๆ จึงได้ตำหนิตัวเองที่ไม่ได้อยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ต่อไปตั้งแต่แรก ๆ เพื่อนร่วมเป็นร่วมตายร่วมทุกข์ร่วมทุกข์กับนักธรรมผู้น้อยทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ควรที่จะหนีจากมา ไม่ควรที่จะกระทำการใด ๆ โดยไม่มีบัญชาของพระอาจารย์ไม่ควรที่จะเปลี่ยนแปลงจิตมุ่งมั่น เมื่อเจอกับอุปสรรคขวากหนามจึงทำให้ใจธรรมถดถอยไป ถึงตอนนี้เสียใจก็สายเกินการณ์ไปแล้ว ข้าพเจ้าอยู่ที่คุกสวรรค์ พระแม่องค์ธรรมเมตตาเห็นว่าข้าพเจ้าได้กระทำความชั่ว แต่ว่าตั้งปณิธานแล้วไม่เจริญปณิธาน
         ด้วยว่าข้าพเจ้ามีปณิธานต้านภัยโลก ตัวเองเป็นถึงนักธรรมอาวุโสไม่ควรที่จะรักตัวกลัวตาย ตัวเองเป็นถึงเตี่ยนฉวนซือแบกรับพระโองการสวรรค์จึงไม่ควรที่จะไม่ตายเพื่อรักษาธรรมไว้ ในปัจจุบันมีเตี่ยนฉวนซือมากมายของแต่ละสายธรรมที่มีสภาพความเป็นไปเหมือนกับข้าพเจ้า มีคนมากมายเมื่อได้รับพระโองการสวรค์จากพระแม่องค์ธรรมแล้ว แต่ว่าไม่ได้เจริญปณิธานที่มีอยู่และเพราะปัณหาปากท้องความเป็นไปในครอบครัวหรือเพราะปัณหาเกี่ยวกับสายธรรมจึงเต็มใจเก็บตัวอยู่แต่กับบ้านไม่ดำเนินปฏิบัติธรรมและไม่ได้เจริญปณิธานของตนด้วยในอนาคตก็ย่อมเป็นอย่างข้าพเจ้าแน่นอน ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะมีคุณธรรมภายในแตว่าบุญปัจจัยภายนอกไม่สมบูรณ์และความคิดไม่จริงแท้ถึงแม้ข้าพเจ้าไม่ได้ใส่ร้ายลบล้างใครไม่ได้ก่อกรรมปากเพราะข้าพเจ้าระมัดระวังคำพูดเป็นอย่างมากแต่ว่าปิดบังธรรมะไว้มิให้ปรากฏถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีผ่านมาข้าพเจ้าจึงโดนลงโทษจากจิตสำนึกอันดีงามของตนก่อนที่จะละกายสังขาร ข้าพเจ้ากลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับพระแม่องค์ธรรมเมื่อละกายสังขารแล้ว ข้าพเจ้าก็ยิ่งไม่มีหน้าที่จะไปเข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรมได้
        วันนี้พระอาจารย์จี้กงเมตตาต้องการให้ทุกคนได้รู้ว่าพระโองการสวรรค์มิใช่ของเด็กเล่นปัจจุบันเป็นกานปกโปรดสามโลกอย่างกว้างขวางทุกคนจะทำงานวิ่งเต้นให้กับพระโองการสวรรค์ ไม่ง่ายอย่างนี้หรอกแต่ใจกับปากจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยเหตุที่ตนเองเป็นเตี่ยนฉวนซือจึงกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อสูญสิ้นลมหายใจแล้ว วิญญาณจะกลับไปสู่ที่ใดยามที่ตายลงล่ะ ? เมธีทั้งหลายเมื่อได้ตั้งปณิธานก็ต้องเจริญปณิธานด้วย ในปัจจุบันนี้มีเตี่ยนฉวนซือมากมายเหลือเกินที่เดินผิดหนทางเหมือนอย่างข้าพเจ้าหวังว่าข้าพเจ้าจะได้ช่วยเตือนสติทุกท่านได้บ้างอย่าได้แย่งชิงกันและกัน อย่าได้เป็นเหมือนอย่างข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติตามบัญชาพระอาจารย์ พุทธระเบียบในอาณาจักรธรรมคือ""ต้องสนองรับเบื้องสูงและนำพาเบื้องล่าง""
        ในตอนเริ่มแรกที่ปฏิบัติแพร่ธรรมที่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ต้องปฏิบัติตามบัญชาของพระอาจารย์ หากไม่มีบัญชาจากพระอาจารย์แม้เรื่องเล็กน้อยก็ยากดำเนินได้ หากผิดต่อบัญชาของพระอาจารย์ก็เป็นการกระทำที่ขัดต่อเบื้องบน เมธีทั้งหลายจงจำใส่ใจไว้ให้มั่นพวกท่านเป็นถึงผู้นำของสามโลกสิ่งเหล่านี้จะไม่รู้ไม่ได้ ยังมีเตี่ยนฉวนซืออีกมากมายที่ได้เดินตามธรรมกาลยุคแดงไปเพราะทำการค้าหรือธุรกิจเมื่อละกายสังขารแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปรายงานตัวยังสถานที่ใด ?
         อนุตตรธรรมสูงส่งล้ำค่า อย่าเป็็นเพราะความไม่สมบูรณ์พร้อมของคนจึงทำลายชื่อเสียงให้เสียหาย แม้ว่าข้าพเจ้าจะมีโอกาสปรากฏกายแต่เวลาก็มีไม่มากนักจึงขอร้องว่าศิษย์อนุตตรธรรม ควรที่จะสมัครสมานสามัคคีกัน อย่าได้แบ่งแยกสูงต่ำใหญ่เล็กหรือเธอ เขา เรา ฉัน ถ้ามีใจเป็นแค่เปรียบเทียบ ก็จะไม่ใช่จิตใจส่วนรวม / จิตใจยุติธรรม พูดมาก็มากมายแต่ยังต้องให้เตี่ยนฉวนซือช่วยแจกแจงอธิบายให้ด้วย หวังว่าเมธีทั้งหลายจะช่วยบอกเล่าความในใจของข้าพเจ้าไปสู่ผู้อื่นเพื่อจะได้ลบล้างบาปของข้าพเจ้าลงได้บ้าง ข้าพเจ้าละอายแก่ใจจริงๆ  ไม่มีหน้าที่จะมาพบท่านพวกท่านยังมีวันเวลาให้ก้าวเดินอีกมากทิศทางเป้าหมายต้องจับให้มั่น ทุกท่านจงจดจำทุกสิ่งอย่าง ที่ข้าพเจ้าได้พูดไปไว้ด้วยจึงจะได้ไม่ก้าวถลำเดินผิด ๆ อย่างข้าพเจ้า 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
           ๑ .  ยึดมั่นในทิฐิของตนเองจึงปิดบังจิตญาณอันแท้จริง  ( สวีหมิงติ่ง เจี่ยงซือ )
 
        ข้าพเจ้าเป็นคนเดิมจากคุกสวรรค์ ข้าพเจ้าละอายแก่ใจเหลือเกินตอนที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวเหมือนกับทุกท่านที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่เป็นเพราะมีนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีอยู่จึงลืมเลือนการบำเพ็ญ ยังโทษบ่นตัดพ้อหลีกห่างจากความสำนึกคุณไปไกลมาก ตอนที่ขัาพเจ้าละกายสังขารคิดว่ามรรคผลของตนพร้อมพูนคงกลับคืนเบื้องบนอยู่ข้างกายพระแม่องค์ธรรมได้อย่างแน่นอน ไม่คาดคิดว่าตนเองต้องผ่านพบสามด่านเก้าทวาร ได้ถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่อาจผ่านพ้นได้จึงถูกตีเข้าสู่คุกสวรรค์ เมื่อนำบุญกับบาปมาเปรียบเทียบกันแล้ว จึงไม่อาจหลีกพ้นจากอุ้งมือของเทพฝ่ายตรวจการไปได้ ความผิดพลาดแต่ละข้อแต่ละอย่างได้ปรากฏให้เห็นต่อหน้า จึงถูกลงโทษเพราะความผิดพลาดผิดบาปเหล่านั้นทุกเวลานาทีจึงต้องกริ่งเกรงระวังไม่อาจปล่อยตัวตามสบายได้เลย หากปล่อยตัวตามสบายความคิดที่ไม่รอบคอบระวังแม้เพียงน้อยนิดก็คงต้องติดอยู่ในอุ้งมือของพระพุทธะโดนตีจนตาลายพร่ามัว ไม่รู้ว่าเมธียังจดจำกันได้หรือไม่ ? จดจำพระโอวาทของท่านผู้เฒ่าคุณฟ้าได้หรือไม่ ?ที่ได้กล่าวถึงสภาพความเป็นจริงและการลงโมษในคุกสวรรค์เอาไว้อย่างชัดแจ้ง ข้าพเจ้าจะนำความในใจของข้าพเจ้าบอกกล่าวให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่เมธีทั้งหลาย ดีหรือไม่ดี ?
         ข้าพเจ้าเป็นคนในยุคใกล้ปีสาธารณรัฐ (หมินกั๋ว) พึ่งละกายสังขารได้ไม่นาน ข้าพเจ้ามีชื่อว่า ""สวีหมิงติ่ง""ทุกท่านคงไม่รู้จักข้าพเจ้า แต่ในอาณาจักรธรรมอีกสายธรรมหนึ่งจะมีคนที่รู้จักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าละกายสังขารเมื่ออายุ ๖๑ ปี เป็นผู้ชายต้นตระกูลของข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเฉาโจว (แต้จิ๋ว)บิดามารดาเปิดโรงงานผลิตกระดาษอยู่ที่นั่น เป็นเพราะมีความเข้าใจต่อธรรมะอย่างลึกซึ้งและยังจริงใจศรัทธาในการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม จึงได้ปิดกิจการโรงงานผลิตกระดาษที่เมืองเฉาโจวไป และนำพาครอบครัวติดตามนักธรรมอาวุโสไปปฏิบัติแพร่ธรรมถึงไต้หวัน ทั้งบิดามารดาเป็นญาติธรรมเก่าแก่ที่มีจิตศรัทธาข้าพเจ้าเติบโตอยู่ในวงการธรรมตั้งแต่ยังเล็ก บิดามารดาของข้าพเจ้ามีจิตใจจงรักภัคดีต่อเบื้องบนมาก คนรู้จักกันก็มีแต่ญาติธรรม ข้าพเจ้าจะทำอะไรก็จะเป็นเหมือนกับผู้บำเพ็ญทั้งหลาย หลังจากที่ข้าพเจ้าได้รับการส่งเสริมจากบิดามารดาและนักธรรมอาวุโสเป็นอย่างมาก
         พออายุได้ ๒๓ ปี จึงได้ตั้งปณิธานกินเจ และค่อยๆ เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจต่อธรรมะมากขึ้นโดยไม่ลดน้อยถอยลงด้วยความศรัทธาจริงใจต่อธรรมะเป็นยิ่งขึ้น จึงได้เข้าร่วมช่วยงานธรรมะอย่างจริงจังศรัทธา ตอนหลังนักธรรมอาวุโสจึงยกระดับข้าพเจ้าเป็นบุคคลากรสำคัญในอาณาจักรธรรม เริ่มจากฝึกหัดบรรยายธรรมจนได้เป็นเจี่ยงซือและเป็นเจี่ยงซือดูแลพุทธสถาน ในเส้นทางสายนี้ข้าพเจ้ามานะพากเพียรต่อการศึกษาฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง และรับผิดชอบต่อการบรรยายธรรมเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่มีการจัดแจงวางแผนให้ข้าพเจ้าบรยายธรรม ข้าพเจ้าก็จะไม่บอกปัดหรือปฏิเสธและยังคงตั้งใจในการเตรียมเนื้อหาบรรยายด้วย ทำให้มีญาติธรรมมาฟังกันอย่างล้นหลาม ช่างเป็นแรงใจให้กับข้าพเจ้าเหลือเกิน เป็นเพราะข้าพเจ้าคุ้นเคยกับการชื่นชมยกย่องของผู้อื่นจึงเริ่มมีความยโสโอหังอวดดื้อถึอดี ข้าพเจ้ารู้แต่ว่าทุกๆวันต้องประดับประดารูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดี จึงลืมที่จะจัดการกับความบกพร่องไปของจิตภายใน ประกอบกับไม่รู้ที่จะย้อนมองส่องตน จึงสร้างความผิดพลาดมากมาย แต่ก็ยังไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนมีแต่อยู่ต่อหน้านักธรรมอาวุโส และบิดามารดาเท่านั้นจึงจะอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าญาติธรรมข้าพเจ้าจะวางตัวสูงส่ง ยืนอยู่สูงเกินไปแล้วล่ะ หยิ่งยโส จองหองอวดดี แต่ใจศรัทธาเชื่อมั่นต่อธรรมะนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
          ในด้านการดำเนินปฏิบัติงานธรรมนั้น ทุกคนได้แต่ยอมรับเพราะตั้งแต่เล็กมา ข้าพเจ้าก็ได้เห็นถึงความเสียสละทุ่มเทต่อธรรมะของนักธรรมอาวุโส ข้าพเจ้าจึงยอมรับนับถือและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง โดยความคาดหวังของบิดามารดา ข้าพเจ้าจึงฮึกเหิมมุ่งมั่นอยู่ช่วงหนึ่งได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับอาณาจักรธรรม และอุทิศทั้งชีวิตให้อาณาจักรธรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
          ๒. ยึดมั่นในทิฐิของตนเองจึงปิดบังจิตญาณอันแท้จริง  ( สวีหมิงติ่ง เจี่ยงซือ )

       ตอนที่ข้าพเจ้ามีจิตศรัทธาที่สุดนั้น เบื้องบนก็ประทานการทดสอบมาถึงตัว ในพุทธสถานที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบดูแลอยู่ ได้รู้จักกับกุลสตรีนางหนึ่ง เป็นเจี่ยงซือด้วยกันโดยการส่งเสริมเห็นชอบของญาติธรรม และจิตใจของข้าพเจ้าเองก็หวั่นไหวด้วย ข้าพเจ้ากับเธอจึงได้แต่งงาน สร้างครอบครัวบำเพ็ญธรรมขึ้นมา เดิมคิดว่าจะต้องสมบูรณ์พูนพร้อมแน่ ๆ เมื่อมีภรรยาแล้ว ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายลูกสาวตามมา ทำให้ภาวะความเป็นอยู่เกิดความน่าวิตกขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่ละทิ้งงานทางธรรมก็ไม่ได้ จึงกลับบ้านไปทำมาหากินเลี้ยงดูภรรยาและลูก ๆ ข้าพเจ้าได้แต่เสียใจที่ไม่เหมือนแต่ก่อน เพราะมีภาระหนักในการเลี้ยงดูภรรยาและลูก ๆ ข้าพเจ้าจึงได้เข้าใจถึงว่าการบำเพ็ญที่วิสุทธิ์ผ่องใสสงบนั้นล้ำค่ามาก
       ในระหว่างที่ต้องละทิ้งทางหนึ่ง เลือกอีกทางหนึ่งจึงได้รับการเคี่ยวกรำอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นภรรยาของข้าพเจ้าก็เจ็บป่วยแล้วจึงลาจากโลกไป ข้าพเจ้ามีความรู้สึกถึงผิดบาปที่มีอยู่อย่างมาก เมื่อเหลือแค่ลูกชายลูกสาว ข้าพเจ้าจึงไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างอีกและกลับเข้าสู่อาณาจักรธรรมอีกครั้งหนึ่ง เริ่มต้นทุ่มเทกายใจทั้งหมด เข้าร่วมดำเนินงานธรรมกิจ
        ตอนที่ข้าพเจ้าอายุ ๓๕ ปี ได้ตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ตั้งใจที่จะติดตามนักธรรมอาวุโสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม และฉุดช่วยผู้คน เมื่อบิดามารดาได้เห็นข้าพเจ้าตั้งปณิธานใหญ่นี้ก็ปราบปลื้มดีใจเป็นอย่างยิ่ง พวกท่านปฏิบัติบำเพ็ญธรรมกันมาทั้งชีวิตจึงคาดหวังให้ข้าพเจ้าได้ทำตามเช่นกัน โดยทำเพื่ออาณาจักรธรรมอย่างเต็มกำลังความคิดสักนิด ไม่นานหลังจากนั้นทั้งบิดามารดาของข้าพเจ้าได้เจ็บป่วย แล้วจึงละกายสังขารกันไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ข้าพเจ้าจึงตระหนักถึงความทุกข์ที่่เกิดจากการอยู่กันคนละโลกของข้าพเจ้ากับท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าพเจ้าเองก็ได้เติบโตขึ้นมากจากความทุกข์ทิ่มตำทั้งสองครั้งนี้จึงทำให้ยิ่งแกร่งกล้ามานะ และบอกกับตนเองว่าต้องเป็นแบบอย่างอันดีงามให้ได้ จึงติดตามนักธรรมอาวุโวอยู่ในอาณาจักรธรรม ยิ่งขยัยหมั่นเพียรในการเผยแพร่ธรรมปฏิบัติธรรมและฉุดช่วยผู้คน
        หลังจากนั้นความศรัทธาจริงใจของข้าพเจ้า บิดามารดาของข้าพเจ้าจึงอาศัยร่างสามคุณ เพื่อแสดงบุญญาธิการประจักษ์ธรรมและผูกบุญสัมพันธ์ ทั้งสองท่านมีอริยฐานะเนื่องจากข้าพเจ้าเป็นเจี่ยงซือใหญ่ที่มีความรู้ลึกซึ้งและเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนักธรรมอาวุโสกับเตี่ยนฉวนซือ บิดามารดาของข้าพเจ้าจึงได้กลับสู่เบื้องบนเสวยมรรคผล จึงทำให้ข้าพเจ้าเกิดความหยิ่งยโสและวางตัวสูงส่ง ในด้านหนึ่งข้าพเจ้าได้รับบารมีคุณจากนักธรรมอาวุโสและบิดามารดา ในอีกด้านหนึ่งก็ด้วยความที่ข้าพเจ้าบรรยายธรรมได้เก่งเป็นถึงเจี่ยงซือใหญ่ นักธรรมอาวุโสจึงมอบหมายให้มีหน้าที่ฝึกหัดเจี่ยงซือ พูดได้เลยว่าหนทางธรรมที่เดินอยู่นี้ราบรื่นสวยงามมากเหลือเกิน
         เมื่อปีนขึ้นไปยิ่งสูง จึงลืมมองลงไปยังด้านล่าง เคยชินกับการยอมรับของนักธรรมผู้น้อยและเจี่ยงซือที่ข้าพเจ้าฝึกหัดขึ้นมา ทุกคนจึงต้องฟังคำชี้แนะจัดการของข้าพเจ้า ต้องคอยดูสีหน้าอารมณ์ของข้าพเจ้าในการปฏิบัติหน้าที่ หากมีเตี่ยนฉวนซือมาเชิญให้เจี่ยงซือเหล่านี้ไปบรรยายธรรม ข้าพเจ้าก็จะพิจารณาถึงการบำเพ็ญปฏิบัติของเตี่ยนฉวนซือท่านนั้น ๆ ก่อน หากว่าไม่เป็นไปอย่างที่ข้าพเจ้าคิด ข้าพเจ้าก็จะปฏิเสธตัดบททันที โดยเฉพาะถ้ามีเตี่ยนฉวนซือจากสายธรรมอื่นมาที่อาณาจักรธรรมของข้าพเจ้า หากท่านเหล่านั้นรู้สึกว่าเจี่ยงซือของพวกเราฝึกหัดกันได้เป็นอย่างดีและบรรยายกันได้ยอดเยี่ยมมากจึงต้องการให้ข้าพเจ้าจัดเจี่ยงซือบางคนไปบรรยายธรรมที่อาณาจักรธรรมของพวกท่าน แต่ว่าในเรื่องญาติธรรมและสายธรรมนั้น ข้าพเจ้าแบ่งแยกอย่างชัดเจนมาก ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมให้เจี่ยงซือของเราไปบรรยายที่นั่นรวมทั้งยังบอกกล่าวกับเตียนฉวนซือและญาติธรรมของสายธรรมนั้น ๆ ว่าอย่าได้มาฟังการบรรยายที่อาณาจักรธรรมของเราอีกเพราะว่าข้าพเจ้าแบ่งแยกชัดเจนจริง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงผิดพลาดล่วงเกินต่อคนเป็นจำนวนมากและผิดพลาดต่อพุทธบุตรเดิมมากมาย ในตอนนี้ข้าพเจ้าจึงได้รู้ถึงความไม่ถูกต้องของตนเองรู้สึกละอายแก่ใจมากที่ในตอนนั้นปัญญาของตนเองยังไม่สูงเท่าไร คิดแต่ว่าสับสนสายทองไม่ได้ดังนั้นจึงผิดพลาดต่อพุทธบุตรเดิมมากมาย ด้วยเหตุการอย่างนี้ข้าพเจ้าผิดพลาดล่วงเกินต่อเตี่ยนฉวนซือหลายท่านจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดหย่อนรวมทั้งใส่ร้านทำลายกันและกัน
            ในตอนนั้นข้าพเจ้าจึงปิดกั้นตนเอง ปิดขังตัวเองในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งได้อ่านหนังสือหลายเล่มได้อ่านหนังสือข้อมูลข่าวคราวในการดำเนินการปกโปรดสามโลกของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง หลังจากนั้นในขณะบรรยายธรรมก็จะนำหลักธรรมสามโลกบรรยายให้ญาติธรรมได้ฟัง เมื่อเตี่ยนฉวนซือของข้าพเจ้ารู้เรื่องนี้เข้าจึงโดนปิดกั้นขัดขวาง เมื่อข้าพเจ้ามีใจที่จะประกาศเผยแพร่ธรรมอย่างนี้แต่ถูกปิดกั้นขัดขวาง แล้วจะตำหนิใครได้เล่า ?
            ในตอนหลังจิตใจของข้าพเจ้าเกิดการตัดพ้อโทษกล่าวใจไม่อาจสงบราบเรียบได้ จึงอาศัยช่วงที่เตี่ยนฉวนซือกำลังปฏิบัติธรรมอยู่นั้น (ถ่ายทอดธรรม) ข้าพเจ้าได้ทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นทำตัวเป็นปฏิปักษ์คู่ปรับของเตี่ยนฉวนซือ เวลาอยู่ต่อหน้าญาติธรรมข้าพเจ้าก็จะลบหลู่หยามเกียรติด่าทอเตี่ยนฉวนซือ จึงเข้ากันไม่ได้กับเตี่ยนฉวนซือ ข้าพเจ้าชอบอยู่ลำพังคนเดียวและยังมีนิสัยอารมณ์แปลก ๆ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างกายข้าพเจ้า ต่างจึงหลีกห่างหายจากข้าพเจ้าไปหมด ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะบรรยายได้เก่งแต่ก็ยังบำเพ็ญได้ไม่ดี ไม่มีบารมีคุณให้คนอื่นศรัทธาเลื่อมใสได้ ทุกข์ เรื่องที่ข้าพเจ้าทำ ก็จะยึดติดอยู่ว่าเรื่องนั้น ๆทำไปแล้วได้บุญกุศลหรือเปล่า หากว่ามีบุญกุศลน้อยมาก ก็จะเกียจคร้านไม่อยากทำและยังยึดติดอยู่อีกว่าบำเพ็ญติดตามผู้ใดแล้วจะบรรลุธรรมสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ยิ่งบำเพ็ญนานวันก็ยิ่งยึดติดว่าบุญกุศลมากหรือน้อย รวมทั้งเมื่อรับปากกับญาติธรรมว่าจะไปฉุดช่วยคน ข้าพเจ้ายังไม่สามารถทำได้ เมื่อรู้ว่าญาติธรรมจะให้ข้าพเจ้าไปฉุดช่วยคนแก่ที่ไม่ได้เรียนหนังสือหรือคนยากจนข้าพเจ้าก็จะบอกปัดไปเพราะข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นถึงเจี่ยงซือใหญ่ มาตรฐานความรู้ของข้าพเจ้าสูงกว่าคนเหล่านั้น ข้าพเจ้าไม่เต็มใจที่จะไปฉุดช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเด็ก เล็กแดง และพวกผู้หญิง ข้าพเจ้าดูถูกดูแคลนคนเหล่านั้นและคิดไปว่าตัวเองควรที่จะทำความเกี่ยวข้องกับพวกผู้ดีมีสกุล หรือพวกข้าราชการจึงจะสมกับตำแหน่งของข้าพเจ้าที่เป็นถึงเจี่ยงซือใหญ่

Tags: