แรกประกาศศักดา 5
ชายร่างม่อต้อคนหนึ่งเดินด้อม ๆ มารายงานขงจื่อ ด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา "เรียนใต้เท้า ข้าน้อยรับผิดชอบที่นี่เอง" ชายคนนี้มีชื่อว่า กู่ฮว๋า มีลักษณะปากแหลม จอนเคราาดังวานร ตาหรี่ดั่งมุสิก ขงจื่อดุเสียงเข้มว่า "ข้าจะให้เวลาเจ้าซ่อมรั้วกวาดมูลสัตว์นี้ให้เสร็จภายใน ๕ วัน และต่อไปจะต้องเก็บกวาดให้เป็นเวลา เข้าใจไหม !" ครั้นขงจื่อเดินไปดูที่คอกม้า ได้หยิบอาหารที่รางหินมาขยี้ดู พบว่ามีแต่หญ้าเปล่าโดยหาได้มีอาหารผสมอยู่ไม่ จึงถามว่า "ม้าที่นี่ไม่ต้องกินอาหารเลยหรืออย่างไร?." กู่ฮว๋าถึงกับอ้ำอึ้งมิอาจพูดจา ข่งจื่อกวาดตามองเหล่าเจ้าพนักงานโดยรอบ และสั่งการด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังว่า "เหอจง ผิงเฉิง ต่อไปเจ้าทั้งสองอยู่ช่วยกู่ฮว๋า รับผิดชอบดูแลคอกสัตว์เหล่านี้ให้เรียบร้อย และจะต้องเสร็จให้เร็วที่สุด !" หลังจากขงจื่อได้เดินสำรวจโดยละเอียด ไม่นานก็สามารถร่างระเบียบการลงโทษและการให้รางวัลขึ้นมา และในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ขงจื่อก็สามารถบริหารงานปศุสัตว์ได้อย่างมีระเบียบ พวกสัตว์ทั้งหลายล้วนถูกเลี้ยงอ้วนพี วันหนึ่ง เมิ่งสีจื่อได้เดินทางมาตรวจงาน ขงจื่อจึงนำเข้าชมงานปศุสัตว์ทั้งหมด เมิ่งสีจื่อยิ้มอย่างร่าเริงและชมมิขาดปากว่า "ท่านฟูจื่อช่างเป็นบุคคลที่มหัศจรรย์โดยแท้" แต่ในทันใดก็หุบยิ้มและถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า "สัตว์ต่าง ๆ ล้วนอ้วนพี แต่เหตุใดท่านจึงสั่งมาเพียง ๑๐ตัวเท่านั้นล่ะ?." ขงจื่อรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ ได้กล่าวขึ้นว่า "ที่ผ่านมาก็ส่งสัตว์ไปให้ใต้เท้าตามที่กำหนดมิได้ขาด คือสุกรเดือนละ ๑๐ ตัว แกะเดือนละ ๑๐ ตัว " เมิ่งสีจื่อส่ายหน้าแล้วพูดว่า "แต่ข้าได้รับสุกรและแกะเพียงอย่างละ ๕ ตัวเท่านั้น" ในตอนนั้น ขงจื่อเข้าใจว่าจะต้องมีใครทำเรื่องไม่ซื่อเป็นแน่แล้ว อารมณ์จึงห่อเหี่ยวและพูดกับเมิ่งสีจื่อว่า "ใต้เท้า เรื่องนี้มีเงื่อนงำ รอให้ข้าน้อยตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อน แล้วจะรีบรายงานให้ใต้เท้าทราบทันที" เมิ่งสีจื่อมีความรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง จึงเดินทางกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ขงจื่อเดินทางกลับจวน แล้วเรียกตัวกู่ฮว๋า เหอจง ผิงเฉิงมาสอบสวนทันทีว่า "ใครรับผิดชอบส่งสัตว์ไปให้ใต้เท้าเมิ่งซุน?." กู่ฮว๋าพูดตะกุกคะักักด้วยความหวาดวิตกว่า "ข้าน้อย...รับ...ผิดชอบ..ส่ง..ไปเอง" ขงจื่อถามว่า "เจ้าส่งไปเดือนละเท่าไหร่?." กู่ฮว๋ากะพริบตาปริบ ๆ และพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า "เดือน...ละ..๑๐ ตัว" ขงจื่อซักต่อไปว่า "สุกร แกะ อย่างละ ๑๐ ตัวหรือสองอย่างรวมกัน ๑๐ตัว" กู่ฮว๋าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่พักใหญ่ และแข็งใจพูดว่า "สุ...ก..ร ๑๐ตัวแ..ก..ะ..๑๐ ตัว" "แล้วทำไมใต้เท้าเมิ่งซุนจึงได้รับอย่งละ ๕ ตัว ?." "คือ..." ขงจื่อตำหนิเสียงดังว่า "รีบสารภาพมาโดยดี" กู่ฮว๋ารีบคุกเข่าอย่างรู้ผิด ได้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ข้าน้อย...ขา..ยไป..หมด..แล้..ว "แล้วเงินที่ได้ล่ะ?." "ข้..าน้อยใช้จน...หม...ดแล้ว" ขงจื่อคิดหนักอยู่พักใหญ่ ได้กล่าวขึ้นว่า "คนถ่อยอย่างเจ้ายังจะทำงานหลวงได้อีกหรือ?." ในตอนนั้นจึงตัดสินปลดกู่ฮว๋าและลงโทษให้หาเงินมาใช้คืนทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ขงจื่อได้ตระหนักถึงความมืดมิดของวงราชการและจิตใจของคนได้ดียิ่งขึ้นกว่าเก่า จึงทำให้เกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากอยู่ในวงราชการต่อไปอีก เพราะขงจื่อไม่เคยคิดมาก่อนว่า แม้แต่ในกองงานปศุสัตว์เล็ก ๆ ก็ยังมีคนถ่อยที่คอยกัดกร่อนสังคมถึงเพียงนี้ ด้วยความรู้สึกเสียดาย เจ็บแค้น และรู้สึกผิดที่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ จึงทำให้ขงจื่อเกิดความคิดใหม่ต่ออนาคตขึ้น