แม่เจ้า.....ผู้น้อยเพิ่งโดนมาอ่ะคับ เซ็งเลย ซึ่งเป็นคนบุคคลิกเดียวกันกับข้างต้น
คือ ผู้ชายผมสูง ใส่แว่น ตัดผมรองทรง แต่งตัวคล้ายๆคนขับแท็กซี่ มากับเด็กผู้หญิง 5-6 ขวบ ผิวขาว อวบ แต่งตัวดี พายเป้เล็กๆๆด้วย ท่าทางร่าเริง ค่อนข้างพูดเก่ง มองภาพรวมแล้วก็มีพิรุธ แต่ไอ้เราก็อย่างว่าอ่ะคับ
เค้ามาที่สถานธรรมสองครั้ง
ครั้งแรก มาแล้วไม่เจอผู้น้อย แต่เจอน้องอีกคนหนึ่ง น้องเค้าเพิ่งมาศึกาใหม่ เค้าก็เลยต่อโทรศัพท์ให้คุยกะผู้น้อย
เขาบอกว่า... มาหาอาจารย์ท่านหนึ่ง อยู่แถวสะพานควาย ซึ่งอาจารย์ท่านหนึ่งที่อยู่ ภูเก็ต รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เค้าไม่มีเบอร์ของอาจารย์ อยากจะไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งที่อยู่สะพานควาย เพื่อขอเบอร์อาจารย์ที่อยู่ภูเก็ต
ผู้น้อยก้ไม่ทราบมาก่อน... อีกทั้งก็ไม่รู้เลยแนะนำ ไปร้านเจแถวสะพานควายอาจจะรู้หากมีสถานธรรมที่นั่น
ตกดึกประมาณ 5 ทุ่มกว่า เขากลับมาหาผู้น้อยที่ไม่รู้จักกันเลย (เจอเค้าที่หน้าประตู เหม็นกลิ่นบุหรี่มาก)
มาบอกว่าหาอาจารย์ท่านที่อยู่สะพานควายไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง และอยากจะกลับบ้าน รบกวนขอค่ารถ
คราวนี้ผู้น้อยก็เริ่มถามตั้งแต่ต้นว่าไปมายังไง แล้วทำไมต้องไปหาคนโน้นคนนี้
เค้าก็พูดว่า ....ชีวิตมีปัญหา โน่นนี่นั่น แล้วอยากจะกลับบ้าน ซึ่งพึ่งเข้ากทม.เพื่อจะกลับไปภูเก็ต แต่ไม่มีค่ารถ
ผู้น้อยนึกอารายไม่ออก เลยพูดไปว่า งั้นเด๋วขอไปสอบถามอาจารย์ที่รับผิดชอบก่อน แล้วจะบอกว่ายังไง
ส่วนผู้น้อยเองก็ไปชั้นสอง ระดมความคิดกับเพื่อนๆๆ ว่าเอายังไงดี ดีพิรูธมักก็ฟ้องอยู่ แต่จำลักษณะคนในกระทู้นี้ไม่ได้เท่านั้นเอง
ผู้น้อยขึ้นมาข้างบนนานมาก เพราะโทรศัพท์แบตหมด โทรหาใครมะได้
ทีนี้เลยเสียบชาร์ท โทรหาพี่ที่รู้จักซึ่งเป็นคนในหน่วยงานที่เขาอ้างถึง ทางโน้นก็บอกว่าแปลก เลยขอเวลาสอบถามคนทางโน้นดูก่อน
ขณะที่ผู้น้อยรอ ตัวมิจฉาชีพนั้นก็ร้อนตัวหลายครั้งว่าไม่เป็นไร ขอตัวไปก่อน เพราะเขาเห็นรายชื่อคนทำบุญที่แปะไว้ข้างสถานธรรม ซึ่งแต่ะละคนทำบุญแค่ 10 บาท 20 บาท แตวผมและเพื่อนๆกลัวว่าถ้าตกระกำลำบากจริงๆๆ ไอ้พวกเราก็อยากช่วย โทรศัพท์จากทางโน้นยังไม่มา
ก็เลยคุยกับเพื่อนๆ แล้วให้ไป สองร้อย
พอเขาได้เงินเขาก็รับไปทันที แล้วบอกว่าจะไปตามหา สถานธรรมแห่งนั้นให้เจอ
ซึ่งพฤติกรรมตอนได้เงินแล้วยิ่งแปลก รีบหยิบเงิน แล้วใส่รองเท้า ขอบคุณเราแล้วจากไป ส่วนเด็กก็จับมือเดินตามกันไปพร้อมกับส่งมือบ๊าย บาย
เฮ้อ...คนเรา
ผิดสังเกตคือ
1. ตอนเขาแสดงสีหน้ากลุ้มใจ มันไม่ค่อยให้เท่าไหร่ ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง
2. พอรับเงินแล้ว ไม่เห็นร้อนรนที่กล่าวว่าเกรงใจ และขอบคุณ หรือพูดอารายก็ได้ที่ให้รู้ว่าคุณเองก็เกรงใจเราสุดๆๆทั้งที่ไม่รู้จักกัน
3. ร้อนตัวอยากกลับออกไปหลายครั้ง ทั้งที่มาขอความช่วยเหลือ
แต่อย่างว่าแหละครับ ผมมันใจอ่อนอ่ะ ตอนนี้รู้แล้ว จะพยายามไม่เสียรู้อีกแล้วครับ
เพื่อนๆที่อยู่สถานธรรมก็ระมัดระวังด้วยนะครับ