สายฝนกับความรัก
เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดกันจน กระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้นแผ่นดิน และผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจและถอยตัห่างออกไป….… ห่างออกไปทุกที ทุกทีจนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน
แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล…แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้าแต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า …นกก็บินสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป…ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า….ต่อไปนี้นกทุกตัวจะ บินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกลและคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน…. ผืนน้ำพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่านแต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอดก็บอกกับทั้งสองว่า“เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้” พระอาทิตย์จึงอาสาช่วยโดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยตัวไปรวมกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่าง ๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมากอยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจแต่ก็กลับลงไปไม่ได้ “ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้นและอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวางที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกล ๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ และอยากจะบอกกับทั้งสองว่าฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด” ก้อนเมฆก็ตอบว่า “อยู่บนนี้นาน ๆ ก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"
ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งกลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า”
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกันและรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งความรักความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารักคนที่เราผูกผัน………และบางครั้งท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย…….
ที่มา :
http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2011/10/18/ ขอบคุณค่ะ