collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: บำรุงตับ ด้วยเห็ดหลากชนิด  (อ่าน 1250 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
***บำรุงตับ ด้วยเห็ดหลากชนิด***
(เนื่องในวันตับอักเสบโลกเรามาบำรุงตับกันเถอะ)

เห็ด จะ เป็นเห็ดอะไรก็ได้ตั้งแต่สามอย่างขึ้นไป ถ้าได้ถึง 5 ชนิดได้ยิ่งดี จะเป็นเห็ดสดเห็ดแห้งก็ได้ตามใจ แต่ต้องเป็นเห็ดที่ทานได้ เพราะในตัวเห็ดจะมีสารอาหารและโปรตีนแต่ละชนิดไม่มากแต่การที่เรานำเอาเห็ดมารวมกันนั้น สารเคมีในเห็ดแต่ละตัวจะมารวมกันและเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนโปรตีนในเห็ดให้เป็นกรดอะมิโนที่มี คุณค่ามากในการต่อต้านและช่วยในการขจัดเซลล์มะเร็งให้ลดจำนวนลงได้

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งควรทานทุกวัน จะทานในรูปน้ำต้มเห็ดหรือนำเห็ดมาปรุงอาหารแทน เนื้อสัตว์ก็ได้ ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีคนสูบบุหรี่มากเป็นอันดับ ต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว แต่สถิติการเป็นมะเร็งปอดน้อยกว่าประเทศ อื่นๆ มากเพราะเค้าทานเห็ดกันมากนั่นเอง นอกจากนี้เรายังสามารถทานเห็ดร่วม กับใบมะรุมได้อีกด้วย
นื่องจากเห็ดนี้จะไปทำงานร่วมกับใบมะรุมได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์จากเห็ดสามอย่าง :

เห็ด เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์อย่างโปแตสเซียมซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและซีลีเนียมซึ่งเป็นตัวสารต้านมะเร็ง รวมทั้งยังมีวิตามินต่างๆ และกรดอะมิโนต่างๆ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณพอสมควร กิน "เห็ดสามอย่าง" ก็จะยิ่งได้ประโยชน์ยิ่งกว่ากินเห็ดเพียงอย่างเดียว เห็ดสามอย่างเมื่อรวมกันนั้นจะมีค่ากรดอะมิโนที่สามารถลดอัตราการเติบโตของ เซลล์มะเร็งได้ ทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมในตับ ทั้งจากอาหารและสารเคมี เช่น พิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์ สารเคมีจากเครื่องสำอาง และพิษจากสารอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นยังล้างไขมันในตับ ทำให้ตับเเข็งแรง สร้างเม็ดเลือดแดงได้ดี

การกินเห็ดสามอย่างที่ว่านี้ก็คือ เห็ดอะไรก็ตามที่กินได้ไม่ว่าจะเป็นเห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดเข็มทอง เห็ดหลินจือ ฯลฯ และจะนำมาทำแกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ ย่าง หรือทำอาหารประเภทใดก็ได้
โดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน นอกจากนั้นยังต้มเป็นน้ำซุปเห็ดดื่มก็ได้ด้วย
โดยการนำเห็ดอะไรก็ได้ 3 อย่าง มาล้าง หั่นและนำไปต้มรวมกันในน้ำสะอาด ใส่มะตูมแว่นที่ปิ้งจนหอมมาต้มรวมกัน ดื่มแทนน้ำซุปได้
ส่วนเนื้อเห็ดนำไปทำอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย

ไม่ใช่ว่า วันนี้บำรุงตับเป็นอย่างดี แต่วันพรุ่งนี้ก็ทำให้ตับทำงานหนักด้วยการทานสารพัดอาหาร อย่างนี้ไม่เรียกว่าบำรุงแต่เป็นการเพิ่มภาระให้ตับภายหลัง แถมตับยังจะเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร จึงต้องใส่ใจดูแลให้ดีและสม่ำเสมอ


ที่มา : รักบ้านเกิดดอทคอม/by สาระแห่งสุขภาพ      ขอบคุณค่ะ

Tags: