collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องกล้วย กล้วย  (อ่าน 2500 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
เรื่องกล้วย กล้วย
« เมื่อ: 21/11/2011, 12:42 »
                             ผลไม้บ้านเรามีอยู่มากมาย....และกล้วยก็เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่ง

                                                      กล้วยน้ำว้า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa sapientum Linn. วงศ์ MUSACEAE
ชื่อท้องถิ่น กล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยใต้ หรือ กล้วยอ่อง
       
            ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชล้มลุก ลำต้นสูง ลำต้นที่อยู่เหนือดิน รูปร่างกลม มีกาบใบ เห็นซ้อนกัน ใบสีเขียวขนาดใหญ่ ก้านใบยาวและเห็นชัดเจน ดอกออกที่ปลายช่อลักษณะห้อยหัวลงยาว 1-2 ศอก เรียกว่า ปลี มีดอกย่อยออกเป็นแผง ผลจะติดกันเป็นแผงเรียกว่า หวี ซ้อนกัน หลายหวีเรียกว่า เครือ การปลูกนิยมใช้หน่อปลูก กล้วยชอบดินร่วนซุย ค่อนไปทางดินเหนียวที่ อุ้มน้ำได้ดี ซ้อนกัน หลายหวีเรียกว่า เครือ การปลูกนิยมใช้หน่อปลูกกล้วยชอบดินร่วนซุย ค่อนไปทางดินเหนียวที่อุ้มน้ำได้ดี แต่ไม่ชอบน้ำขัง ควรปลูกต้นฤดูฝน ส่วนที่ใช้เป็นยา ลูกดิบ หรือลูกห่าม โดยเก็บลูกกล้วยช่วงเปลือกยังเป็นสีเขียว ต้นกล้วยจะให้ผลในช่วงอายุ 8-12 เดือน

        กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี สำหรับกล้วยน้ำว้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามสีของเนื้อ คือ น้ำว้าแดง น้ำว้าขาว และน้ำว้าเหลือง คนไทยรับประทานกล้วยน้ำว้าทั้งผลสด ต้ม ปิ้ง และนำมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีกล้วยน้ำว้าดำ ซึ่งเปลือกมีสีครั่งปนดำ แต่เนื้อมีสีขาว รสชาติอร่อยคล้ายกล้วยน้ำว้าขาว สำหรับกล้วยตีบเหมาะที่จะรับประทานผลสด เพราะเมื่อนำไปย่าง หรือต้มจะมีรสฝาด

                              รสและสรรพคุณยาไทย ลูกดิบ รสฝาด ฤทธิ์ฝาดสมาน

        กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ 4-6 ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์

                             ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

         ผลกล้วยมีสารแทนนิน สารนี้มีมากในช่วงกล้วยดิบ, เพคติน มีมากในช่วงกล้วยสุก, Essential oil, Nor-epinephrine และกรดอินทรีย์หลายชนิด จากการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากเนื้อและเปลือกของกล้วยมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคและเชื้อแบคทรีเรียอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดหนองได้ และกล้วยดิบมีสารแทนนินมาก ช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้มีการวิจัยที่น่าสนใจจากประเทศอังกฤษในปีพ.ศ. 2527 Best และคณะได้รายงานว่า กล้วยดิบมีฤทธิ์รักษาแผลในกระเพาะหนูขาว ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นโดย aspirin สามารถป้องกันไม่ให้เกิดแผล เมื่อให้หนูกินผงกล้วยดิบ 5 กรัม และรักษาแผลที่เป็นแล้ว เมื่อให้หนูขาวกินผลกล้วยดิบ 7 กรัม ผู้วิจัยเข้าใจว่ากล้วยดิบไปกระตุ้นให้เซลล์ในเยื่อบุกระเพาะหลั่งสารพวก mucin ออกมาเคลือบกระเพาะ
กลไกนี้แตกต่างไปจากยากระเพาะทั่วไป ฤทธิ์ในการรักษาแผลได้ผลเฉพาะกล้วยดิบ กล้วยสุกไม่ได้ผล (ปัจจุบันในประเทศไทยมีองค์กรภาคเอกชนคือ "กลุ่มศึกษาปัญหายา" เผยแพร่ความรู้การใช้กล้วยหักมุกดิบ รักษาแผลในกระเพาะ โดยเอากล้วยดิบมาหั่น ตากแดด บดผง รับประทานวันละ 4 ครั้งๆละ 1-2 ช้อนแกง ก่อนอาหารและก่อนนอน จากประสบการณ์ของผู้ป่วยว่าได้ผลดี)
                           
                           วิธีใช้

        กล้วยดิบรักษาอาการท้องเสียที่ไม่รุนแรง โดยใช้กล้วยน้ำหว้าห่าม รับประทานครั้งละครึ่งผล-หนึ่งผล หรือใช้กล้วยน้ำหว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ชงดื่มครั้งละครึ่งผล-หนึ่งผล หรือบดเป็นผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน รับประทานแล้วอาจมีอาการท้องอืดเฟ้อ ป้องกันได้โดยใช้ร่วมกับยาขับลม เช่น น้ำขิง พริกไทย เป็นต้น

ที่มาข้อมุล  :   www.pharm.chula.ac.th www.wikipedia.com   ขอบคุณค่ะ

Tags: