collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: วิญญาณทวงหนี้ "ด้วยแรงอธิษฐานแห่งรัก"  (อ่าน 6613 ครั้ง)

ออฟไลน์ LittleCat

  • มิตรนักธรรม
เป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้ครับ
ผู้ประสบเหตุล้วนเป็นนักธรรมอาวุโสแนวหน้า
ของสถานธรรมไท่จง ไท่เฉียง 
เจ้าของเรื่องราว  ยินดีที่จะให้นำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นธรรมทานครับ

ทางฉงเต๋อเองก็มีโครงการจะทำหนังสือเหมือนกัน  แต่คงต้องระอีกระยะหนึ่ง 
ช่วงนี้อาวุโสยังไม่ค่อยว่างมาจัดการครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12/01/2008, 21:44 โดย Naktum »

ออฟไลน์ LittleCat

  • มิตรนักธรรม
พระพุทธะจี้กง
เมตตาให้เป็นประจักษ์หลักฐาน
เหตุการณ์ประจักษ์หลักฐานรักข้ามภพ..... ด้วยแรงอธิษฐานแห่งรัก


วันพฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550

สถานธรรมไท่เฉียง (11/804 หมู่บ้านสุขสันต์ 8 ซอย 67 ถนนวงแหวนรอบนอก แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร) ออกเดินทางบุกเบิกงานธรรมะที่บ้านเลขที่ 266 หมู่4 บ้านแม่สลองใน ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นสถานธรรมไท่เฉียง(เฉพาะกิจ) โดยมีหยางเตี่ยนฉวนซือ นำพาบุคลากรประมาณ 10 คน นั่งรถตู้ออกเดินทางตอน 21.30 น. ออกจากสถานธรรมไท่เฉียง ใช้เส้นทาง ตลิ่งชัน – สุพรรณบุรี

ใกล้ตัวเมืองลำปาง เมื่อแวะรับประทานอาหารเสร็จ หยางเตี่ยนฉวน ซือท่านเมตตาขับรถเอง รถวิ่งไปได้สักพักหนึ่งก็เปิดหัวข้อ “จะลบล้างหนี้เวรกรรมได้อย่างไร?” มาฟัง

ผ่านอ.งาวได้ 2 – 3 กิโลเมตร หยางเตี่ยนฉวนซือได้ยินเสียงจากข้างๆ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! 3-4 ครั้ง ค่อยๆ เช่นนั้น จากปากหลิวถันจู่ หยางเตี่ยนฉวนซือชะลอรถแล้วเปิดไฟ จับแขนหลิวถันจู่เขย่า “เป็นอะไร? เป็นอะไร?” ทุกคนในรถตกใจมากที่หลิวถันจู่เอามือกุมท้อง แล้วร้อง ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! กำลังจะสวดมนต์ หลิวถันจู่ก็ลืมตาขึ้นมาพอดี แล้วทุกคนก็ร่วมกันสวดมนต์ หมีเล่อเจินจิง

พอถึงสถานธรรม หลิวถันจู่เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางว่า รถวิ่งผ่านอ.งาว มีอยู่โค้งหนึ่ง เหมือนกับหยางเตี่ยนฉวนซือขับรถจะหลุดโค้ง หลิวถันจู่ตกใจ! แล้วภาพสองฟากถนนซึ่งเป็นภูเขาก็เปลี่ยนไป ยิ่งไปก็ยิ่งมืด ยิ่งไปก็ยิ่งมืด เหมือนไม่มีอากาศหายใจ แล้วเจอเหตุการณ์ทุกอย่าง ก็เริ่มเล่าให้เตี่ยนฉวนซือฟัง  “ผู้น้อยบอกกับเตี่ยนฉวนซือว่า มีพลังบางอยางมากดทับผู้น้อยไว้ เตี่ยนฉวนซือช่วยผู้น้อยด้วย อย่าให้ผู้น้อยหลับ ในตอนนั้นได้ยินเสียงหัวข้อซีดีชัดมาก แต่เสียงของเตี่ยนฉวนซือไกลเหลือเกิน ไม่ได้ยินเลย พอคิดว่าอย่าหลับ ความรู้สึกเหมือนมีมีดแทงมาที่ท้อง จนต้องหลับตาร้องโอ๊ย แล้วมีดก็จ้วงแทงต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง จนหลับตาสนิท พยายามลืมตาก็ทำไม่ได้

“รู้สึกว่าผิดปรกติ รีบสวดหมีเล่อเจินจิง แปลกใจที่หยางเตี่ยน ฉวนซือไม่พูดอะไรเลย ทั้งที่เล่าเหตุการณ์มาตลอด สวดหมีเล่อเจินจิงได้เล็กน้อย มีความรู้สึกบอกกับตนเองว่า ไม่ทันแล้ว ใช้ไตรรัตน์ดีกว่า กำหนดจิตไว้ที่จุดญาณทวาร แปลกใจที่ไม่เห็นจุดสว่างเล็กๆ เหมือนทุกครั้ง รีบท่องรหัสคาถา สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่จุดญาณทวาร กับแรงกระชากของพลังเยือกเย็นนั้น คิดได้ว่าต้องร้องให้คนช่วย จึงร้องสุดเสียง ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ปากก็ร้องไปเรื่อยๆ ในใจก็ท่องรหัสคาถาตลอด จนรู้สึกว่าหยางเตี่ยนฉวนซือมาจับแขนเขย่า ที่จุดญาณทวารก็มีแสงสว่างขึ้นมาทันที เหมือนวิญญาณกลับมาที่ร่างแล้ว แต่ยังลืมตาไม่ได้ พยายามลืมตาอย่างที่สุด แล้วผู้น้อยก็ทำสำเร็จ ดีใจมากที่เห็นฉวีวรรณเจี่ยงซือยืนอยู่ที่ตรงหน้า มีความรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน”


วันศุกร์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550

เช้าวันนั้น หลิวถันจู่บอกว่า “ไม่ได้นอนทั้งคืน” ทรัพย์ทวีถันจู่ก็พูดขึ้นว่า “เมื่อคืนนี้ใครมาลากโต๊ะ แล้วได้ยินเสียงใครโยนก้อนหินก้อนเล็กๆ ทั้งคืน” น้องนุชฟู่ถันจู่ก็บอกว่า “หนูก็ได้ยิน” หลิวถันจู่เลยบอกว่า “เสียงลากโลงศพ” เพราะช่วงกลางคืนนั้นเขาได้ยินเสียงลากโต๊ะดังคลืน หลิวถันจู่เลยแหงนหน้าขึ้นไปที่หัวนอน ก็เห็นโลงศพ เพราะหัวนอนเป็นหน้าต่างกระจกใสใส และต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงขว้างก้อนหินใส่กระจกดังป๊อก ป๊อก ตลอดทั้งคืน (ที่ได้ยินมีถึง 3 คน) ช่วงที่หลิวถันจู่มองเห็นโลงศพ ในความรู้สึกก็สัมผัสได้ว่า โจทย์ของเขาเอง

หลังจากนั้นก็กราบพระช่วงเช้า หลิวถันจู่เป็นพิธีกรโท ในขณะที่นับ 1-100 กราบ หลายคนก็สังเกตเห็นปากสั่น หลังจากนั้นก็สวดมนต์ตอนเช้า หลิวถันจู่คุกเข่าอยู่ก็สังเกตเห็นว่ากายตนเองสั่น สวดมนต์ไปก็มองหน้าสมจิตรถันจู่ หลิวถันจู่บอกว่า ความรู้สึกของเขา เขาไม่ได้สั่น แต่มองที่ร่างกายทำไมมันสั่นทั้งตัว ในตอนที่นับ 1-100 กราบ รู้สึกว่าปากก็แข็งๆ อ้าไม่ค่อยออก

หลังจากไหว้พระเช้าเสร็จ หลิวถันจู่ก็บอกว่าจะขอกราบพระ ทุกคนเลยลงไปที่ชั้นล่าง เพราะห้องพระอยู่ชั้นบน หลังจากที่เขากราบพระ 1,000 กราบเสร็จเขาก็ไปยืนตรงหน้าต่าง ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนมีใครบอกให้เขากระโดดจากหน้าต่างชั้นบนลงมาจากชั้นล่าง เขารู้สึกไม่ค่อยดีเลยไปนั่งอธิษฐานที่หน้าโต๊ะพระว่า “อาศัยเหตุนี้เพื่อสลายหนี้กรรม ถ้าผู้น้อยเป็นหนี้ชีวิต ก็ยอมชดใช้ด้วยชีวิต ถ้ามีใครจะยืมร่างผู้น้อย ก็แล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดสรร เพราะตนเองควบคุมกายสังขารนี้ไม่ได้แล้ว”
หลิวถันจู่เล่าถึงความรู้สึกตอนนั้น ก็เลยนั่งสมาธิ สักพักความรู้สึกตอนนั้น เหมือนกับมีแรงมาจับขาแล้วหัก หักแขน หักขาทั้ง 2 ข้าง ทั้งเจ็บปวดทั้งตกใจจนร้องไห้ไม่ออก ต่อจากนั้นก็ฉีกอก ดึงหัวใจออกมาแล้วใช้มีดแทงหัวใจนับครั้งไม่ถ้วน แล้วหันมาดึงตับ ไต ไส้ พุง ออกมาจากตัว
ความรู้สึกคิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เป็น หมู เป็ด ไก่ เพราะในอดีตคุณปู่มีอาชีพเลี้ยงหมูขาย รุ่นคุณพ่อรับทำโต๊ะจีน ตัวผู้น้อยเองขายสารเคมีปรุงแต่งรส กลิ่น สีของอาหาร ให้กับโรงงานที่แปรรูปเนื้อสัตว์ (ส่วนผสมของการผลิตไส้กรอก ลูกชิ้น กุนเชียง)

ในขณะนั้นได้ใช้ไตรรัตน์ เพราะคิดว่ายอมเจ็บเพื่อชดใช้ หลังจากที่ดึงตับ ไต ไส้ พุง ออกเจ็บจนทนไม่ไหว จึงต่อรองกับวิญญาณว่า “ขอทำบุญด้วยเงินหมดกระเป๋าพอหรือไม่ ถ้าพอขอให้หยุด เพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว” วิญญาณก็หยุดกระทำการทารุณ กายสังขารก็ล้มลงนอน ตอนนั้นหลิวถันจู่ว่าไม่สามารถพยุงสังขารขึ้นมาได้ พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองจะนอนอยู่ที่หน้าโต๊ะพระ เพราะกลัวจะอุดจาดตา จึงกัดฟันพยุงสังขารคลานเข้าไปที่ห้องพักผู้หญิง ซึ่งติดกับห้องพระ ตอนนั้นมีความรู้สึกเหมือนตนเองขา แขน กระดูก หักไปทั้งตัว แล้วพยายามร้องให้คนช่วย โดยใช้มือเคาะที่พื้นเพื่อให้คนอื่นได้ยิน เพราะขณะนั้นไม่มีใครอยู่ที่ชั้นบนเลย ทุกคนกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่ชั้นล่าง
สักครู่ ฉวีวรรณเจี่ยงซือ จะมาเรียกไปรับประทานอาหาร แต่ไม่เห็นนั่งที่หน้าโต๊ะพระแล้ว ก็เลยไปดูที่ห้องพักหญิง ก็เห็นนอนงดตัวงออยู่ ซึ่งได้ยินเสียงเบามาก ต้องตะแคงหูฟัง ร้องบอกให้ช่วย

หลิวถันจู่ : ช่วยตามเตี่ยนฉวนซือให้หน่อย

(จากการบอกเล่าจากหลิวถันจู่ภายหลัง ความรู้สึกเหมือนจะหมดลมหายใจ แต่บอกกับตนเองว่ายังตายไม่ได้ ต้องทำบุญก่อน)
พอหยางเตี่ยนฉวนซือขึ้นมา ก็ถามหากระเป๋าเงิน ซึ่งวางอยู่แถวนั้น

หลิวถันจู่ : ผู้น้อยขอทำบุญ
(ในกระเป๋ามีเงินอยู่ 700 บาท แล้วเขายกมืออธิษฐาน)

หยางเตี่ยนฉวนซือ : อนุโมทนาบุญ  บุญกุศลที่เกิดขึ้นชดใช้ให้กับเจ้ากรรม นายเวร และวิญญาณที่ทวงถามในขณะนี้ ไปตามบุคลากรมาช่วยสวดหมีเล่อเจินจิง!

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ สังเกตว่าไม่ปรกติ จึงให้ถามเขาดูว่าเขาต้องการอะไร ร่างหลิวถันจู่เหมือนนิ่งไป

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : ท่านต้องการอะไรให้บอกมา บอกออกมาจะมีบุญกุศลบรรพบุรุษมากมายต้องการบุญกุศลนะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : เรื่องราวในอดีตที่เขาไม่รู้เรื่องหรอก เวลานี้เขาศึกษาธรรมะ และเริ่มที่จะเข้าใจ เขาก็จะสร้างบุญกุศลให้ อย่าโกรธแค้นกันเลย างกายของหลิวถันจู่ก็นิ่งไป แล้วทุกคนก็เริ่มสวดหมีเล่อเจินจิง พอสวดมนต์ได้สักพัก แล้วหลิวถันจู่ก็ร้องไห้ขึ้นมา

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ต้องรีบเจรจา ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราจะอัญเชิญจอมเทพวินัยธร ท่านทำอย่างนี้ก็บาปเหมือนกัน แค้นกันไปแค้นกันมาไม่จบสิ้น

วิญญาณ : ทำไว้เยอะนี่นา ทำเขาไว้เยอะ (แล้ววิญญาณก็เอาแต้ร้องไห้)

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ก็ตอนนี้เขาสำนึกแล้ว งั้นเจรจากัน ถ้าอาราธนาท่านก็จะหมดโอกาสแล้วนะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : จะเอายังไงรีบคุยกัน จะให้เขาสร้างบุญสร้างกุศลยังไงว่าไป รีบรีบคุย ถ้าไม่คุยจะอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ (เพราะร่างนิ่งเงียบ)

ออฟไลน์ LittleCat

  • มิตรนักธรรม
ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : มีโอกาสรีบๆ คุยเถอะ ถือว่าโชคดีมาแล้ว ถ้าทำเขา ทำกันไปทำกันมามันไม่จบสิ้น แล้วเราก็ไม่ได้อะไร มีแต่ผูกแค้นพยาบาท แล้วก็จะมีแต่ฉุดจมดิ่งลง ถ้าท่านมีบุญกุศลก็ยังมีโอกาสไปเกิดใหม่ในยุคพระศรีอาริย์ ได้มีโอกาสบำเพ็ญยุคต่อไป

วิญญาณ : รักมาก รักเขามาก เขาหลอกลวง เขาเอาไปหมดเลย

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : หมายถึงร่างนี้ใช่ไหม? อดีตเขาไปทำอะไรไว้ ชาติที่ผ่านมาใช่ไหม?

วิญญาณ : นานแล้ว เขาหลอกลวงมาตั้งนานแล้ว จะเอาไปอยู่ด้วย

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : อดีตชาติร่างนี้เป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้ชาย

วิญญาณ : เป็นผู้ชาย เขาไม่เคยรักใครเลย เขาหลอกลวงเรา รักจังเลย ไม่รักก็ไม่ได้จะเอาไปอยู่ด้วย

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้หรอก รักก็มาช่วยส่งเสริมแล้วกัน

วิญญาณ : รอมาตั้งนานแล้วกว่าจะได้เจอ ใจร้าย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมต้องทิ้ง ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน เราจะให้เขาไปอยู่ด้วยนี่นา วิญญาณร้องทั้งน้ำตา) รักจังเลย รักมากด้วยรู้ไหม รักเหลือเกิน รักไม่ได้เหรอ

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : ลองบอกซิ จะให้ร่างนี้ทำยังไง

หยางเตี่ยนฉวนซือ : มันคนละภพกันแล้ว

วิญญาณ : สงสารเราเถิด อยากให้ไปอยู่ด้วย เราตรอมใจจนตายรู้ไหม ทำไมถึงไม่รักเรา  เรารักเขามากรู้ไหม ตามมาตั้งนานแล้ว รักจังเลย ไม่รักก็ไม่ได้ ทำไมเขาดีกับเราอย่างนี้ เรารักเขานี่นา

หยางเตี่ยนฉวนซือ : รักต้องรู้จักปล่อยวางนะ

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : เขาดีกับเรา เราต้องช่วยเขาได้สร้างบุญกุศลนะ แล้วก็จะได้ไปด้วยกันไง

วิญญาณ : เรารักเขามาก ขอเราเถอะนะ เรารอมาตั้งนานแล้ว จะเอาไปด้วย ขอเราเถอะนะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์จี้กงแล้ว ถึงแม้ตายไป สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระอาจารย์ก็ต้องพาขึ้นไปข้างบน ไปอยู่ด้วยกันไม่ได้อยู่ดี

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ถ้าตัวเรารักเขา เอาเขาไป เหมือนกับตัวเราเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเขาได้มีชีวิตอยู่ เขาได้มีโอกาสช่วยเวไนย เขาได้มีโอกาสสร้างบุญกุศล

วิญญาณ : เขาเคยรักเรา เขารู้ เขาจำได้ เขาไม่เคยรักใครหลายชาติแล้ว (มีท่าทีหัวเราะเหมือนสาใจ) เขาไม่เคยมีความสุขมาหลายชาติแล้ว เขาไม่เคยมีคู่แท้สักชาติ สมน้ำหน้ามัน มันใจร้าย เกลียดมัน รู้ไหมเราเจ็บแค่ไหน (เปลี่ยนเป็นท่าทีเคียดแค้น โกรธ ร้องไห้ตลอด)

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : นั่นมันเรื่องในอดีตชาติ ชาตินี้เขาไม่รู้แล้ว ในชาตินี้เขาสำนึก ทุกวันนี้เขาสร้างบุญสร้างกุศลให้อยู่

วิญญาณ : สมน้ำหน้ามัน ทุกวันนี้พ่อ แม่ มันเขาก็ไม่รัก

(ประเสริฐถันจู่เป็นพ่อของหลิวถันจู่ก็พูดขึ้น)

ประเสริฐถันจู่ : ทำไมเขาจะไม่รักล่ะ พ่อแม่เขาก็รัก แต่เขาก็รั้นไปบ้าง พ่อแม่ก็ต้องให้อภัยกันได้ จะให้เขาสร้างบุญสร้างกุศลไปให้ ชาติต่อไปมีวาสนา จะได้มาอยู่ร่วมกัน

วิญญาณ : ไม่จริง เขาไม่รักมันหรอก เราจะไม่เจอเขาแล้วรู้ไหม เราตามหามาตั้งนาน เราเจอแล้วเราจะไม่ยอมให้มันหนีเราไปหรอก

ประเสริฐถันจู่ : อภัยให้เขาเถอะ อยากได้อะไรก็บอกมา ให้เขาสร้างกุศลให้ดีกว่า

วิญญาณ : เรารักเขามาก เราไม่อยากให้เขาหนีเราไปอีก เราไม่ยอม

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ยังไงก็ตามกันไปไม่ได้ทุกภพทุกชาติหรอก ให้ปล่อยวางซะ คนเราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิด ก็ไปเกิดที่เดียวกันไม่ได้ ก็ไปอยู่ด้วยกันไม่ได้อยู่ดี เป็นวิญญาณก็เหมือนกันให้ปล่อยวาง ให้ฝึกฝน ถ้าเราปล่อยวางได้ มีโอกาสไปเกิดใหม่ ก็อาจจะได้รับธรรมะก็ได้ รับแล้วบำเพ็ญทีหลังก็ได้ไปเจอกัน

วิญญาณ : บอกเขาให้หน่อย ว่าอย่าไปรักใครอีก

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ตอนนี้เขาไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เขาตั้งใจบำเพ็ญตลอดชีวิต หันมาเปลี่ยนวิธีการ มาช่วยเขาดีไหม ถ้าเรารักเขา ช่วยให้เขาได้ชวนคนรับธรรมะเยอะๆ ทีหลังได้รับธรรมะ ได้บำเพ็ญจะได้ไปพบกัน

วิญญาณ : ถ้าเราปล่อยเขาไป ก็จะไม่เจอกันอีกแล้ว เขาไปไกลแล้ว เราจะไม่ได้พบเขาอีกแล้ว

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : บอกชื่อ นามสกุล เดี๋ยวจะบอกกับร่างนี้ให้

วิญญาณ : เขารู้ เขารู้เขารอใครอยู่ เขาไม่เคยมีความสุขมาแล้วทุกภพทุกชาติ เขารู้ว่าเขาติดค้างใคร ตัวมันรู้ดี มันอยู่กับใครไม่ได้ ตัวมันก็รู้ มันจำได้ มันไม่เคยมีความสุขสักชาติหนึ่ง ไม่มีใครรักมันจริง

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : บอกมาว่าเป็นใคร ชื่ออะไร เดี๋ยวคนที่นี่จะช่วยเป็นพยานให้

วิญญาณ : ไม่! เราไม่อยากติดค้างใครแล้ว มันทรมาน มันไม่เชื่อใครหรอก เราอยากเอาเขาไปอยู่กับเราด้วยไม่ได้เหรอ ใจร้ายจังเลย

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ทำอย่างนี้ไม่ได้ พูดกันดีๆ นะ ถ้าดึงดันดื้อรั้นอยู่ จะอัญเชิญจอมเทพวินัยธรนะ

วิญญาณ : ไม่เชิญนะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ถ้าไม่เชิญก็ต้องคุยกันดีๆ

วิญญาณ : มันตัดใจไม่ได้ เราจะไม่เจอเขาอีกแล้วรู้ไหม เขาไปไกลแล้ว เขาไม่มีรักแล้ว เขาตัดรักแล้ว ทำไมเขาตัดใจได้ เราตัดไม่ได้ เรารักเขามาก รักจนทุกทรมานแบบนี้ สงสารเราหน่อย

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ทุกคนก็ต้องฝึกฝน ทุกคนต้องปล่อยวาง แม้แต่ตัวร่างเองเขาก็ต้องฝึกฝน

วิญญาณ : เขาตัดรักได้แล้วนี่นา ตัวเราตัดไม่ได้ สงสารเราหน่อย เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน บอกเขาหน่อยซิ ว่าเรารักเขามากเลยรู้ไหม

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : เขาจะได้บำเพ็ญ แอบรักเขาอยู่ข้างๆดีไหม ความรักคือการให้ ต้องเสียสละ นี่คือความรักที่แท้จริง เรามีจิตใจที่รักเขาอย่างจริงใจ เราต้องช่วยเขา

วิญญาณ : ตอนนี้เขาก็ไปไกลแล้วรู้ไหม เขาตัดได้หมดแล้วนี่นา เขายังไม่กลัวตายเลย เราเป็นผีเรายังกลัวตาย มันไม่กลัวตาย ไม่กลัวอะไรเลย ทำไมมันใจเด็ดแบบนี้ เราทุกข์เหลือเกิน เราอยากไปหาเขา ทำไมไม่สงสารเรา เราอยากให้เขารู้ในฝัน เราก็เข้าฝันไม่ได้

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : ท่านบอกกับพวกเรา เราจะได้ไปบอกกับเขาให้

วิญญาณ : บอกมัน มันไม่เชื่อหรอก

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : เดี๋ยวให้โองการสวรรค์คุยกับเขา เขาเชื่อในโองการสวรรค์ มีอะไรบอกมา โองการสวรรค์จะบอกกับเขาให้

วิญญาณ : อาจารย์ก็ตัดรักได้แล้ว อาจารย์ไม่เชื่อในความรักแล้ว ไม่ผูกพันธ์กับใครแล้ว อาจารย์ไม่มีรักอย่างนั้นแล้ว เหมือนมันนั่นแหละ ไม่รักอีกแล้ว จะเข้าใจได้ยังไง (ที่วิญญาณพูดถึงคือเตี่ยนฉวนซือ)

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : อาจารย์ก็มีความรัก แต่มีความรักให้กับเวไนยสัตว์ทุกคน ยังผูกพันกับเวไนยสัตว์อยู่

วิญญาณ : มันไม่เชื่ออาจารย์หรอก มันไม่รักแล้ว พวกนี้มันตัดรักหมดแล้ว มันไม่สงสารหรอก ว่ามันเจ็บปวดเพราะความรักเป็นยังไง มันไม่เข้าใจหรอก มันไม่รู้จักหรอว่าทุกข์เพราะความรัก เจ็บปวดแค่ไหน ใจจะขาดเป็นยังไง มันไม่รู้จักพิษแห่งความรักหรอก

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ในเมื่อรู้ว่ารักแล้วเป็นทุกข์ ทำไมถึงไม่ปล่อยวางบ้าง

วิญญาณ : ทำใจไม่ได้ บาปกรรมเราเยอะเหลือเกิน

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ถ้าทำใจไม่ได้ตนเองก็ทุกข์ทรมาน ตนเองทำได้ก็ผ่อนคลาย ถ้าทำได้ก็เหมือนบำเพ็ญร่วมกันไป

ออฟไลน์ LittleCat

  • มิตรนักธรรม
วิญญาณ : ตามมาตั้งนานรู้ไหม ทั้งเจ็บ ทั้งรัก ทั้งรอ ยอมเจ็บทุกอย่าง เพื่อที่จะได้เจอกัน ต้องแลกอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อที่จะเจอเขา เราอยากให้เขาเจ็บปวด อยากให้เขารู้ว่าทุกข์เพราะความรักเป็นยังไง

สมศักดิ์เจี่ยงซือ : การจมอยู่กับอดีตไม่สามารถทำให้เราพ้นทุกข์ได้ อดีตมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปัจจุบันเป็นยุคโปรดสามโลก เขาต้องการบำเพ็ญ สร้างบุญสร้างกุศล เราอยู่กับอดีตเราก็ทุกข์ตลอดเวลา กี่กัปกี่กัลป์เราก็ทุกข์ เราอยากพ้นทุกข์ เราต้องบำเพ็ญจิตใจ สร้างบุญสร้างกุศล เราทำไม่ได้เพราะเราเป็นวิญญาณ แต่เราสามารถช่วยเขาได้ ความเจ็บปวดในเมื่อเขาตัดได้แล้ว เขาก็ไม่ทุกข์แล้ว เป็นเรื่องของเขา เป็นอัตตาของใครของมัน เรามีอัตตาเราก็ทุกข์ของเรา เขาบำเพ็ญเขาก็พ้นของเขา ทุกข์เกิดจากใจ สุขก็เกิดจากใจ

วิญญาณ : เราอยากให้เขาทุกข์เพราะความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต เราอยากให้เขารู้ ว่าเราเจ็บแค่ไหน แต่เขาชิมรสชาติไม่กี่ปีเองแค่ 2-3 ปี เขาก็ตัดรักไปเลย ทำไมเขาไม่เจ็บจนตายเหมือนเรา ฮือ ฮือ

ประเสริฐถันจู่ : เขาก็เคยเจ็บปวด เขาก็เคยมีรักมา เขาก็เคยถูกรักทอดทิ้งมาเหมือนกัน

วิญญาณ : เราเป็นคนทำเขาเอง เราอยากให้เขาเจ็บปวดจนตายเหมือนเรา ทำไมเขาไม่เจ็บล่ะ ทำไมเขาตัดใจได้ ทำไมเขาตัดมันหมดเลย เราเสียใจ

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ท่านทำเขาก็สร้างวิบากกรรม ผูกเกี่ยวกรรมกันไปเรื่อยๆ ท่านยิ่งผูก มันก็ยิ่งทุกข์ทรมาน

วิญญาณ : เขาติดค้างเรานี่นา เรามีสิทธิ์ เขาติดค้างเรา เราก็เลยทำเขาได้ เรามีสิทธิ์ที่จะทวง ติดเราเราทวงได้ เราไม่ผิดนี่

สมศักดิ์เจี่ยงซือ : ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขามีบาปหนี้เวรกรรม

วิญญาณ : เขาตัดรักได้แล้วนี่นา เขาไม่รักใครแล้ว ทำไมเรายังเจ็บอยู่

หยางเตี่ยนฉวนซือ : เดี๋ยวให้เขาสร้างบุญสร้างกุศลให้ แล้วจะได้หายเจ็บปวด หายทรมาน มีโอกาสเอาบุญกุศลนี้ไปลบล้างหนี้เวรกรรมได้

วิญญาณ : เขามีบุญเยอะเราก็ได้ เขาแผ่ให้หมดเลย เขาแผ่ให้กับคนที่ไม่รู้จักด้วย ขนาดวิญญาณที่รับไม่ได้ เขายังบอกให้เก็บเอาไว้ก่อน ไว้วันไหนรับได้ก็รับไป เขาให้หมดทุกคนเลย เรารู้เราได้รับ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : เดี๋ยวให้เขาทำยิ่งเยอะๆ มากขึ้น จะได้ให้เธอมากๆ

วิญญาณ : เราขอแค่นิดเดียวเอง เราจะเอาเขาไปกับเรา อยากให้เขาไปอยู่กับเราจริงๆ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : มันเป็นไปไม่ได้ มันคนละภพคนละชาติกันแล้ว ตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์จี้กง จะไปทำอย่างนั้นก็ไม่ได้

วิญญาณ : ถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้ เขาก็ไปไกลแล้วนะ ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือ ยังเอาไปได้ เวลามีเหลืออยู่นิดเดียว เราถึงเอาไปได้ เลยวันนี้ไปแล้ว เราก็เอาเขาไปไม่ได้อีกแล้วรู้ไหม เจ็บปวดเหลือเกิน พ้นวันนี้ไปแล้วก็ไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว พ้นวันนี้ไปแล้วเราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเขาอีกแล้ว

หยางเตี่ยนฉวนซือ : เดี๋ยวเอาบุญกุศลไป

ทนงศักดิ์เจี่ยงซือ : ให้เขาได้มีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศลเถอะ

วิญญาณ : เราทำให้มันคลานเข้ามา (หัวเราะเหมือนสะใจ) สงสารตัวเอง ตีจนมันขาหักเลยรู้ไหม ดึงตับ ไต ไส้พุง กรีดหัวใจของมัน มันไม่ร้องออกมาสักคำ มันกัดฟันทน ฮิ ฮิ มันเจ็บไปหมดทั้งตัว

ประเสริฐถันจู่ : ถ้าคิดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น ก็จะมีเวรกรรมต่อตัวเองขึ้นไปอีก

วิญญาณ : มันเจ็บทั้งตัว แต่มันไม่เจ็บใจ

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : เขาบำเพ็ญได้ในระดับหนึ่งแล้ว ท่านต้องปล่อยวางเหมือนกัน

วิญญาณ : อาจารย์ก็รู้นี่ว่ารักมันเป็นยังไง

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : เรารู้เราเคยช้ำมา เราก็เคยทุกข์ รักต้องปล่อยวางไหม ทุกวันนี้ก็ต้องปล่อยวางนะ จริงๆ เรากับท่านก็ไม่แตกต่างกันหรอก ตัวท่านไม่มีชีวิต ตัวเรายังมีชีวิตอยู่ก็ทุกข์ แต่เราต้องรู้จักปล่อยวาง ท่านไม่ปล่อยท่านก็ทุกข์

วิญญาณ : แต่ท่านยังได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เขาไม่รู้เลยว่าเราอยู่ข้างกายเขา เขาไม่เคยเห็นเลย ยังไม่พยายามรับรู้ด้วย เขาคิดแต่ว่าเราเป็นเจ้ากรรมนายเวร เขารู้ว่าเราเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เขาสำนึกอย่างเดียว แต่เขาไม่รักแล้ว เขารู้ เขาเห็น มันเห็นเจ้ากรรมนายเวรมันตั้งเยอะ แต่ไปหมดแล้วแหละ วันนั้นมันเห็นในบ้านเต็มไปหมดเลย มันยังไม่กลัวเลย ดูมันซิมันใจแข็งมากเลย ต่อไปเขาไม่คิดถึงเราแล้ว เขาจะไปไกลแล้ว เรารักเขามาก เราทำใจไม่ได้นี่นา

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ในชาตินี้เขาจะปฏิบัติบำเพ็ญ เขาคงไม่รักใครมากไปกว่าท่านหรอก จงเชื่อ ในยุคนี้เขาบอกว่าเขาจะบำเพ็ญโสด อนุโมทนาบุญกับเขา แล้วท่านจะได้บุญกุศลนี้ ถ้าท่านเชื่อ ท่านจงปล่อยวาง แล้วให้โอกาสเขาได้สร้างบุญ

วิญญาณ : เราเชื่อ

ประเสริฐถันจู่ : หรือจะให้เขาสร้างบุญใหญ่อะไรให้ก็บอกมา สิ่งที่เขาทำให้ไม่ได้ พ่อกับแม่จะได้ช่วยทำให้อีกแรง เราจะได้มีความสุขไปพร้อมๆ กัน พ่อกับแม่ก็จะได้มีความสุขด้วย ถ้าเอาเขาไป พ่อแม่ก็ทุกข์เหมือนกันใช่ไหม เรามาสร้างความสุขด้วยกัน ช่วยกันดีไหม จะได้สร้างกุศลให้ไป

วิญญาณ : ไม่เอาหรอก เขาให้เรามาเยอะแล้ว

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : เดี๋ยวจะบอกร่างเขาให้ยิ่งๆ เพิ่มขึ้นไป เพื่อตัวท่านจะได้เบาสบาย จะได้เกิดในภพภูมิใหม่ที่ดีกว่านี้ ให้ได้เกิดทันยุคพระศรีอาริย์ ได้ปฏิบัติบำเพ็ญร่วมกัน ในชาตินี้เขาคงไม่รักใครอีกแล้วล่ะ ให้เขาบำเพ็ญโสด

วิญญาณ : เขาไม่รักใครแล้ว แล้วเขาก็ไม่รักเราด้วย เราทนไม่ได้ที่เขาไม่รักเราแล้ว

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : เรารักเขา เรารักเวไนย เรารักทุกๆ คน ความรักตรงนี้ อย่าให้รักแค่คนสองคน รักทุกๆ คนจึงจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ปล่อยตัวเขาไป เราได้มีโอกาสได้มรรคผลตรงนี้ด้วย ให้เขาได้มีโอกาสรักทุกคนรักเวไนย รักเท่าๆ กัน เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ โอบอ้อมอารีอย่างนี้ดีกว่า ปล่อยวางเถอะ ความรักมีแต่จะทำให้ผูกมัดท่านไปตลอด ในเมื่อเขาทำใจได้ ตัวท่านก็ค่อยๆ ปล่อยวาง จึงจะเป็นสุขทั้งคู่ ท่านลองทำดู เพราะท่านก็ทุกข์มาหลายชาติเหมือนกัน ตัวเขาใช่จะสบายที่ไหน เขาก็ทุกข์มาหลายชาติ ท่านบอกว่าท่านทำเขาไว้เยอะ ตัวร่างเองก็ให้ท่านไว้เยอะ ดูว่าสิ่งที่ท่านได้ก็ได้ สิ่งที่เขารับทุกข์ทรมานเขาก็สัมผัสรู้แล้ว เราจะบอกร่างเขาให้ ขอความรักนี้เป็นความรักครั้งยิ่งใหญ่

วิญญาณ : เอาไปไม่ได้เหรอ ขอให้เขาไปกับเรา อาจารย์ให้ได้ (วิญญาณหันไปพูดกับเตี่ยนฉวนซือ) อาจารย์ช่วยเราด้วย อาจารย์ให้เขาไปกับเรา (เหมือนสิ่งที่พูดมาตั้งนานไม่เป็นผล)

หยางเตี่ยนฉวนซือ : เขาต้องช่วยงานอาจารย์ เขามีหน้าที่ อาจารย์ยังมีงานอีกตั้งเยอะแยะที่จะทำเพื่อฟ้าเบื้องบน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องอยู่ช่วยงานอาจารย์ ทุกคนจะร่วมช่วยกันสร้างบุญสร้างกุศลให้ก็แล้วกัน

วิญญาณ : อย่าเอาเขาไปจากเราซิ ขอเรานะ ตามมาตั้งนานสงสารเราเถอะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : สงสารก็สงสารอยู่ เข้าใจ

วิญญาณ : เราขอบิณฑบาตเถอะนะวิญญาณดวงนี้ ขอเราเถอะนะอาจารย์(น้ำเสียงวิงวอน) ตอนนี้ยังทัน

หยางเตี่ยนฉวนซือ : แต่มันไม่เหมือนกันนะ มันคนละภพคนละชาติกันแล้ว ทำไม่พูดไม่เข้าใจ (วิญญาณร่ำไรอยู่นาน ขอแล้วขออีก) ถ้าตัดใจไม่ได้ก็ไม่ได้ไปเกิดนะ ไปด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขาได้รับธรรมะ เขาไปข้างบน แต่ถ้าเธอรับบุญกุศลไปเยอะๆ แล้วก็ได้ไปเกิดใหม่

วิญญาณ : ขอเถอะนะ เราไปเกิดเป็นลูกเขายังไม่ทันเลย

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ไปเกิดเป็นลูกคนอื่นก็ได้ เวลานี้ธรรมะปรกโปรดทั่วประเทศไทย ไปดูครอบครัวไหนเป็นครอบครัวคนบุญ ก็มีโอกาสไปเกิดได้

วิญญาณ : วันนี้ยังทัน อาจารย์ให้เรานะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้หรอก ไม่ใช่จะมาขอกันตรงนี้ได้ ต้องไปขอกับพระอาจารย์จี้กง

วิญญาณ : อาจารย์ให้ได้ อาจารย์ให้เขาไปก็ไป อาจารย์บอกซิว่าให้ เขาก็ไปแล้วนะอาจารย์นะ ขอดวงเดียวเอง อาจารย์มีอีกตั้งเยอะ มีตั้งหลายดวง

ออฟไลน์ LittleCat

  • มิตรนักธรรม
หยางเตี่ยนฉวนซือ : ให้ไม่ได้ ไม่เหมือนกัน เขามีหน้าที่ต้องช่วยงานพระอาจารย์จี้กงอีกตั้งเยอะ อย่าพูดไม่รู้เรื่องซิ เราก็ต้องการเขา ที่จะให้เขาช่วยงานธรรมะเหมือนกัน

วิญญาณ : อาจารย์ตัดรักได้แล้วนี่นา สงสารเราเถอะ เราไม่มีใคร อาจารย์ให้ได้ เราไม่อยากจากเขา ขอเราเถอะนะ เขาพร้อมที่จะไปกับเราแล้ว มันสำนึกอยู่ อาจารย์บอกมันคำเดียวว่าให้มันไป มันจะไปกับเราจริงๆ มันยอมไปแล้วนะ อาจารย์พูดซิอาจารย์ให้เราเถอะ

หยางเตี่ยนฉวนซือ : อย่างนี้พูดไม่รู้เรื่อง บอกแล้วว่าคนละภพคนละชาติ คนละส่วนกัน ไม่เอาอย่าทำอย่างนี้ (วิญญาณยังคงอ้อนวอนอยู่) เขาต้องช่วยงาน อย่าดื้อ ถ้าดื้ออย่างนี้พูดกันไม่รู้เรื่องก็ขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (วิญญาณก็นิ่งเงียบ) (เตี่ยนฉวนซือเริ่มไม่พอใจ เนื่องจากวิญญาณไม่ยอมรับในเหตุผล) ก็บอกแล้วว่าเรื่องรักโลภ โกรธ หลง มันก็ต้องตัด ไม่ใช่อย่างนี้ เธอไปเกิดชาติใหม่ เธอก็ไปมีคนใหม่ เธอก็ไม่ใช่อย่างนี้แล้ว เชื่อสิ! เธอจะมายึดติดอะไรอย่างนี้ล่ะ มาพูดอย่างนี้ บางทีไม่จริงหรอก พอไปเกิดชาติใหม่ ไปแต่งงานมีสามี ภรรยาใหม่ ก็ไปรักคนใหม่แล้ว ตอนนี้เธอก็พูดได้ว่ารักเขา เอานะจะร่วมกันสร้างบุญกุศลหนุนให้เยอะๆ

วิญญาณ : มีบุญเยอะแล้วนะ เขาให้เรามาเยอะแล้ว มันจะอยู่หรือมันจะตายมันยังไม่กลัวเลย มันกลัวที่ไหน มันไม่กลัวตายแล้ว อาจารย์ให้มันไปตายที่ไหนมันก็ไป อาจารย์ให้มันไปตาย มันยังไปเลย อาจารย์ให้มันไปเถอะนะ ฮือ ฮือ จะไม่ทันมันแล้ว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว พ้นวันนี้ก็ไม่ทันแล้วมันจะไปแล้ว อาจารย์บอกให้มันไปมันก็ไป(วิญญาณหันมาพูดกับเตี่ยนฉวนซือ)

หยางเตี่ยนฉวนซือ : บุญมีเยอะแล้วไม่เห็นไปเกิดใหม่ล่ะ ความรักที่แท้จริงมีแต่ให้ ไม่ใช่บอกว่ารักแล้วต้องเอาให้ได้ หรือต้องยึดถือเอาไว้ จะต้องให้เขามีความสุข สมัยก่อนก็เคยมี ที่เขารักกันเป็นเพื่อนกัน ก็มีแต่มาส่งเสริม ให้เขาได้เข้าใจ และคอยช่วยเขาอยู่ข้างๆ ช่วยให้เขาไปปฏิบัติงานธรรม คอยส่งเสริม คอยดูแล อย่างนี้ถึงจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็มีความสุขด้วย (วิญญาณนิ่งฟัง)

วิญญาณ : อาจารย์เวลาจะหมดแล้ว (อาการเหมือนเร่งจวนเจียน) จะไม่เจอกัน แล้วนะเขาไปไกล ไปไกลจากเราแล้ว พ้นวันนี้เขาก็จะไปไกลจากเรามากแล้ว เรามีเขาคนเดียว เราตามเขาอยู่คนเดียว เรารอเขาอยู่คนเดียว
หยางเตี่ยนฉวนซือ : เชื่อเราสิ ไม่ผิดหรอกอย่าทำอย่างนี้เลย เขามีบุญกุศลเขาไปไกล เขาก้าวหน้า ก็ต้องยินดีกับเขาสิ อย่างนี้ถึงจะมีความภูมิใจว่าคนรักของเราทำได้ดี ได้ก้าวหน้า ไม่ใช่จะไปดึงเขาไว้ ถึงยังไง เรารักเราผูกพัน เราไปเกิดใหม่ยังไงก็ได้เจอกัน

วิญญาณ : เราจะไม่เจอเขาอีกแล้ว เขาไปไกลแล้ว เขาไม่ผูกพันกับเรา เขาไม่ผูกพันกับใครอีกแล้ว เราไม่ทันเขาแล้ว

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ถ้าไปเกิดใหม่ เรามีบุญมีกุศลเราได้มารับธรรมะ เดี๋ยวโตขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรธรรม ยังไงถ้าเราได้รับธรรมะ เราก็ได้เจอกัน ถ้าตั้งจิตอธิฐานว่าจะปฏิบัติบำเพ็ญ แล้วอยากจะเจอกัน ยังไงก็ได้เจอกัน

วิญญาณ : เราจะเป็นลูกเขา และมันก็ไม่ทันแล้ว ไม่ทันอีกแล้วอาจารย์ จะไม่เจออีกแล้ว วันนี้วันสุดท้ายจริงๆ สงสารเราเถอะ เราทุกข์ ราเจ็บปวดเหลือเกิน

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ก็ปล่อยวางสิจะได้ไม่ทุกข์ ก็รู้อยู่ ถึงสอนกันอยู่เรื่อยๆ ว่าการพลัดพราก ผิดหวังมันก็เจ็บปวดอย่างนี้ เพราะเขาได้ฝึกฝน ได้ศึกษาธรรมะ ได้เข้าใจ เธอก็ต้องได้มีโอกาสไปฟังธรรมะกับพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ก็จะได้ปล่อยวาง ให้เขาได้สร้างบุญสร้างกุศลให้เยอะๆ แล้วจะได้ไปในส่วนที่ดีที่สูงส่งขึ้น เชื่อเถอะ เดี๋ยวจะบอกเขาให้ ให้เขามีจิตที่ระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : อย่าดื้อนะ ให้พูดง่ายๆ ถ้าดื้อก็ไม่เป็นผลดีกับตัวท่านเลย ก็มีแต่จะยิ่งทุกข์ทรมาน ถึงแม้ไม่ได้เจอกันในชาตินี้ ไม่ได้อยู่ร่วมกัน ไม่ได้ใกล้ชิดกันก็จริงอยู่ ถ้าท่านปล่อยวาง ตัวท่านเองก็จะได้ไปเกิดในภพภูมิใหม่ และพยายามอธิษฐาน ให้ท่านได้ไปเกิดทันในยุคของพระศรีอาริย์ ในยุคพระศรีอาริย์ถ้าท่านได้ปฏิบัติบำเพ็ญ รับธรรมะแล้วก็จะได้กลับคืนสู่แดนนิพพานเหมือนกัน ก็ได้ไปเจอกันอยู่ดี ปล่อยเขาไปดีไหม ทำใจ ทุกคนมีความรักทั้งนั้นแหละ ถ้าท่านอโหสิกรรมให้เขาในครั้งนี้ ท่านก็จะมีบุญใหญ่แล้ว ถ้าท่านทำได้ ท่านก็จะเบาสบาย

หยางเตี่ยนฉวนซือ : ถ้ายังยึดถืออยู่ ก็จะเกิดมีความทุกข์ ไม่มีความสุข

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ออกนะ ขอให้ร่างได้พักนะ อนุโมทนาบุญกับสิ่งที่ท่านได้ทำ อนุโมทนาบุญ ขอให้ท่านไปอยู่ในภพภูมิใหม่ที่ดีกว่า

หยางเตี่ยนฉวนซือ : มีโอกาสได้พบธรรมะ เจริญธรรมะ

ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : มีโอกาส เราจะเอาเรื่องนี้เล่าให้กับผู้คนได้ฟัง บุญกุศลที่เกิดขึ้นก็จะส่งผลถึงตัวท่านเอง อนุโมทนาบุญครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีความรักครั้งที่ยิ่งใหญ่น่ะ ปล่อยวาง ทำใจ ทุกๆคนมีสมหวัง และทุกๆ คนก็มีผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือเป็นคนมีร่างก็ตาม มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และเป็นเรื่องธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลาย เพราะฉะนั้นครั้งนี้ขอ ขอให้เขาได้มีโอกาสปฏิบัติบำเพ็ญ สร้างบุญกุศลนะ แล้วจะบอกร่างเขาให้ ในภพภูมิต่อไป ขอให้เราได้มีโอกาสปฏิบัติบำเพ็ญร่วมกันนะ อนุโมทนาบุญ ปล่อยร่าง ให้ร่างเขาได้พักนะ อนุโมทนาบุญ

(ในขณะที่ฉวีวรรณเจี่ยงซือ พูดกับวิญญาณประโยคสุดท้าย วิญญาณหันมาฟัง แล้วที่เจี่ยงซือพูดไปวิญญาณก็พยักหน้าตามไป แล้วสุดท้ายเขาก็ยอมออกจากร่างโดยดี)
เมื่อหลิวถันจู่รู้สึกตัวแล้ว ดื่มน้ำหมดแก้ว ก็ยังแก้กระหายไม่ได้ แล้วทุกคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เจ้าตัวเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อ ว่าสิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเรื่องของตัวเองที่เกิดขึ้น


หวังศิษย์จะทนทุกข์ได้
ประทานโดย  :  พระอาจารย์จี้กง
ทำนองเพลง  :  โลกของผึ้ง


เป็นบ่อยครั้ง  อาจารย์คิดปล่อยวาง  เพื่อกายใจเบาๆ 
แต่เหตุใดทนดูไม่ได้  ศิษย์รักพเนจร 
จิตใจที่ทุ่มเท  ใครเลยจะมาเข้าใจ 
หมื่นพันคำเตือน  ศิษย์ทำใจอาจารย์แหลกลาญ 
เหตุอันใดศิษย์ทิ้งอาจารย์  ความรักไม่แปรผัน 
มีแต่เพียงอาจารย์เฝ้าคอย  หยดน้ำตาร่วงริน 
ยามดึกเหงามีเพียงเงาเป็นเป็นเพื่อน  ใครรู้ใจพระอาจารย์

มีเศร้าและดีใจ  ดื่มกินรสชาติทั้งมวล 
ชื่นหวานตรอมตรม  นี่คือชีวิตการเป็นคน 

เพื่อเวไนย  กายใจทุ่มเท  กล้ำกลืนความขื่นขม 
แบกภาระหล่อเลี้ยงคุณธรรม  จิตญาณตนส่องแสง 
เกียรติคุณหรือเทียบธรรมคุณ  มุ่งเบื้องบนกราบมารดร

ออฟไลน์ nakdham

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
น่ากลัวจริงๆๆๆๆ หนี้เวรกรรม

ออฟไลน์ tentenpum

  • มิตรนักธรรม
เร่งรีบำเพ็ญเพื่อลดล้างหนี้สินเวรกรรม

ออฟไลน์ panda

  • มิตรนักธรรม
{#07} จริงค่ะทุกอย่างมีเหตุจึงมีผลต้องรีบลบล้างหนี้สินเวรกรรม{#07}

Tags: