หยางเตี่ยนฉวนซือ : ให้ไม่ได้ ไม่เหมือนกัน เขามีหน้าที่ต้องช่วยงานพระอาจารย์จี้กงอีกตั้งเยอะ อย่าพูดไม่รู้เรื่องซิ เราก็ต้องการเขา ที่จะให้เขาช่วยงานธรรมะเหมือนกัน
วิญญาณ : อาจารย์ตัดรักได้แล้วนี่นา สงสารเราเถอะ เราไม่มีใคร อาจารย์ให้ได้ เราไม่อยากจากเขา ขอเราเถอะนะ เขาพร้อมที่จะไปกับเราแล้ว มันสำนึกอยู่ อาจารย์บอกมันคำเดียวว่าให้มันไป มันจะไปกับเราจริงๆ มันยอมไปแล้วนะ อาจารย์พูดซิอาจารย์ให้เราเถอะ
หยางเตี่ยนฉวนซือ : อย่างนี้พูดไม่รู้เรื่อง บอกแล้วว่าคนละภพคนละชาติ คนละส่วนกัน ไม่เอาอย่าทำอย่างนี้ (วิญญาณยังคงอ้อนวอนอยู่) เขาต้องช่วยงาน อย่าดื้อ ถ้าดื้ออย่างนี้พูดกันไม่รู้เรื่องก็ขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (วิญญาณก็นิ่งเงียบ) (เตี่ยนฉวนซือเริ่มไม่พอใจ เนื่องจากวิญญาณไม่ยอมรับในเหตุผล) ก็บอกแล้วว่าเรื่องรักโลภ โกรธ หลง มันก็ต้องตัด ไม่ใช่อย่างนี้ เธอไปเกิดชาติใหม่ เธอก็ไปมีคนใหม่ เธอก็ไม่ใช่อย่างนี้แล้ว เชื่อสิ! เธอจะมายึดติดอะไรอย่างนี้ล่ะ มาพูดอย่างนี้ บางทีไม่จริงหรอก พอไปเกิดชาติใหม่ ไปแต่งงานมีสามี ภรรยาใหม่ ก็ไปรักคนใหม่แล้ว ตอนนี้เธอก็พูดได้ว่ารักเขา เอานะจะร่วมกันสร้างบุญกุศลหนุนให้เยอะๆ
วิญญาณ : มีบุญเยอะแล้วนะ เขาให้เรามาเยอะแล้ว มันจะอยู่หรือมันจะตายมันยังไม่กลัวเลย มันกลัวที่ไหน มันไม่กลัวตายแล้ว อาจารย์ให้มันไปตายที่ไหนมันก็ไป อาจารย์ให้มันไปตาย มันยังไปเลย อาจารย์ให้มันไปเถอะนะ ฮือ ฮือ จะไม่ทันมันแล้ว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว พ้นวันนี้ก็ไม่ทันแล้วมันจะไปแล้ว อาจารย์บอกให้มันไปมันก็ไป(วิญญาณหันมาพูดกับเตี่ยนฉวนซือ)
หยางเตี่ยนฉวนซือ : บุญมีเยอะแล้วไม่เห็นไปเกิดใหม่ล่ะ ความรักที่แท้จริงมีแต่ให้ ไม่ใช่บอกว่ารักแล้วต้องเอาให้ได้ หรือต้องยึดถือเอาไว้ จะต้องให้เขามีความสุข สมัยก่อนก็เคยมี ที่เขารักกันเป็นเพื่อนกัน ก็มีแต่มาส่งเสริม ให้เขาได้เข้าใจ และคอยช่วยเขาอยู่ข้างๆ ช่วยให้เขาไปปฏิบัติงานธรรม คอยส่งเสริม คอยดูแล อย่างนี้ถึงจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็มีความสุขด้วย (วิญญาณนิ่งฟัง)
วิญญาณ : อาจารย์เวลาจะหมดแล้ว (อาการเหมือนเร่งจวนเจียน) จะไม่เจอกัน แล้วนะเขาไปไกล ไปไกลจากเราแล้ว พ้นวันนี้เขาก็จะไปไกลจากเรามากแล้ว เรามีเขาคนเดียว เราตามเขาอยู่คนเดียว เรารอเขาอยู่คนเดียว
หยางเตี่ยนฉวนซือ : เชื่อเราสิ ไม่ผิดหรอกอย่าทำอย่างนี้เลย เขามีบุญกุศลเขาไปไกล เขาก้าวหน้า ก็ต้องยินดีกับเขาสิ อย่างนี้ถึงจะมีความภูมิใจว่าคนรักของเราทำได้ดี ได้ก้าวหน้า ไม่ใช่จะไปดึงเขาไว้ ถึงยังไง เรารักเราผูกพัน เราไปเกิดใหม่ยังไงก็ได้เจอกัน
วิญญาณ : เราจะไม่เจอเขาอีกแล้ว เขาไปไกลแล้ว เขาไม่ผูกพันกับเรา เขาไม่ผูกพันกับใครอีกแล้ว เราไม่ทันเขาแล้ว
หยางเตี่ยนฉวนซือ : ถ้าไปเกิดใหม่ เรามีบุญมีกุศลเราได้มารับธรรมะ เดี๋ยวโตขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรธรรม ยังไงถ้าเราได้รับธรรมะ เราก็ได้เจอกัน ถ้าตั้งจิตอธิฐานว่าจะปฏิบัติบำเพ็ญ แล้วอยากจะเจอกัน ยังไงก็ได้เจอกัน
วิญญาณ : เราจะเป็นลูกเขา และมันก็ไม่ทันแล้ว ไม่ทันอีกแล้วอาจารย์ จะไม่เจออีกแล้ว วันนี้วันสุดท้ายจริงๆ สงสารเราเถอะ เราทุกข์ ราเจ็บปวดเหลือเกิน
หยางเตี่ยนฉวนซือ : ก็ปล่อยวางสิจะได้ไม่ทุกข์ ก็รู้อยู่ ถึงสอนกันอยู่เรื่อยๆ ว่าการพลัดพราก ผิดหวังมันก็เจ็บปวดอย่างนี้ เพราะเขาได้ฝึกฝน ได้ศึกษาธรรมะ ได้เข้าใจ เธอก็ต้องได้มีโอกาสไปฟังธรรมะกับพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ก็จะได้ปล่อยวาง ให้เขาได้สร้างบุญสร้างกุศลให้เยอะๆ แล้วจะได้ไปในส่วนที่ดีที่สูงส่งขึ้น เชื่อเถอะ เดี๋ยวจะบอกเขาให้ ให้เขามีจิตที่ระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา
ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : อย่าดื้อนะ ให้พูดง่ายๆ ถ้าดื้อก็ไม่เป็นผลดีกับตัวท่านเลย ก็มีแต่จะยิ่งทุกข์ทรมาน ถึงแม้ไม่ได้เจอกันในชาตินี้ ไม่ได้อยู่ร่วมกัน ไม่ได้ใกล้ชิดกันก็จริงอยู่ ถ้าท่านปล่อยวาง ตัวท่านเองก็จะได้ไปเกิดในภพภูมิใหม่ และพยายามอธิษฐาน ให้ท่านได้ไปเกิดทันในยุคของพระศรีอาริย์ ในยุคพระศรีอาริย์ถ้าท่านได้ปฏิบัติบำเพ็ญ รับธรรมะแล้วก็จะได้กลับคืนสู่แดนนิพพานเหมือนกัน ก็ได้ไปเจอกันอยู่ดี ปล่อยเขาไปดีไหม ทำใจ ทุกคนมีความรักทั้งนั้นแหละ ถ้าท่านอโหสิกรรมให้เขาในครั้งนี้ ท่านก็จะมีบุญใหญ่แล้ว ถ้าท่านทำได้ ท่านก็จะเบาสบาย
หยางเตี่ยนฉวนซือ : ถ้ายังยึดถืออยู่ ก็จะเกิดมีความทุกข์ ไม่มีความสุข
ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : ออกนะ ขอให้ร่างได้พักนะ อนุโมทนาบุญกับสิ่งที่ท่านได้ทำ อนุโมทนาบุญ ขอให้ท่านไปอยู่ในภพภูมิใหม่ที่ดีกว่า
หยางเตี่ยนฉวนซือ : มีโอกาสได้พบธรรมะ เจริญธรรมะ
ฉวีวรรณเจี่ยงซือ : มีโอกาส เราจะเอาเรื่องนี้เล่าให้กับผู้คนได้ฟัง บุญกุศลที่เกิดขึ้นก็จะส่งผลถึงตัวท่านเอง อนุโมทนาบุญครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีความรักครั้งที่ยิ่งใหญ่น่ะ ปล่อยวาง ทำใจ ทุกๆคนมีสมหวัง และทุกๆ คนก็มีผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือเป็นคนมีร่างก็ตาม มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และเป็นเรื่องธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลาย เพราะฉะนั้นครั้งนี้ขอ ขอให้เขาได้มีโอกาสปฏิบัติบำเพ็ญ สร้างบุญกุศลนะ แล้วจะบอกร่างเขาให้ ในภพภูมิต่อไป ขอให้เราได้มีโอกาสปฏิบัติบำเพ็ญร่วมกันนะ อนุโมทนาบุญ ปล่อยร่าง ให้ร่างเขาได้พักนะ อนุโมทนาบุญ
(ในขณะที่ฉวีวรรณเจี่ยงซือ พูดกับวิญญาณประโยคสุดท้าย วิญญาณหันมาฟัง แล้วที่เจี่ยงซือพูดไปวิญญาณก็พยักหน้าตามไป แล้วสุดท้ายเขาก็ยอมออกจากร่างโดยดี)
เมื่อหลิวถันจู่รู้สึกตัวแล้ว ดื่มน้ำหมดแก้ว ก็ยังแก้กระหายไม่ได้ แล้วทุกคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เจ้าตัวเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อ ว่าสิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเรื่องของตัวเองที่เกิดขึ้น
หวังศิษย์จะทนทุกข์ได้
ประทานโดย : พระอาจารย์จี้กง
ทำนองเพลง : โลกของผึ้งเป็นบ่อยครั้ง อาจารย์คิดปล่อยวาง เพื่อกายใจเบาๆ
แต่เหตุใดทนดูไม่ได้ ศิษย์รักพเนจร
จิตใจที่ทุ่มเท ใครเลยจะมาเข้าใจ
หมื่นพันคำเตือน ศิษย์ทำใจอาจารย์แหลกลาญ
เหตุอันใดศิษย์ทิ้งอาจารย์ ความรักไม่แปรผัน
มีแต่เพียงอาจารย์เฝ้าคอย หยดน้ำตาร่วงริน
ยามดึกเหงามีเพียงเงาเป็นเป็นเพื่อน ใครรู้ใจพระอาจารย์
มีเศร้าและดีใจ ดื่มกินรสชาติทั้งมวล
ชื่นหวานตรอมตรม นี่คือชีวิตการเป็นคน
เพื่อเวไนย กายใจทุ่มเท กล้ำกลืนความขื่นขม
แบกภาระหล่อเลี้ยงคุณธรรม จิตญาณตนส่องแสง
เกียรติคุณหรือเทียบธรรมคุณ มุ่งเบื้องบนกราบมารดร