ระฆังทอง เกราะไม้
ให้สัญญาณ
บันทึกพระวจนะกระจ่างธรรม
จากท่านเหล่าเฉียนเหยิน
๘
ธรรมะอยู่กับชีวิตความเป็นอยู่
หลักธรรมฟ้ากับมนุษย์สัมพันธ์ จะต้องเห็นกันชัดเจน
วิถีธรรมอันยิ่งใหญ่ไม่ไกลไปจากมนุษยสัมพันธ์ วิถีธรรมอยู่ท่ามกลางความเป็นอยู่ปกติประจำวัน พ้นหากจากความเป็นอยู่ปกติประจำวันแล้ว อื่นใดไม่มีธรรมะหนอ จะหาสิ่งพิเศษ ล้วนเป็นนอกทางนอกธรรม ธรรมะอยู่ท่ามกลางความเป็นอยู่ประจำวัน ก็คือ การกิน การนอน ควรนอนก็นอน ควรกินก็กิน ควรกินมากน้อยเท่าไรก็เท่านั้น ไม่ควรกินมาก กินมากไปกลายเป็นฟุ่มเฟือย อะไรเรียกว่า " อริยธรรมความก้าวหน้า " กับข้าว กินเหลือเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้สามวันเป็นพิษ ของแช่อยู่ตู้เย็นคร่งปียังกิน เปิดไฟจ้า ดูทีวี นันย์ตาเสียหายหมด วัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละแปดสิบคนสวมแว่นตา สูบบุหรี่ กินหมาก (ผู้ชายไต้หวัน) ตื่นเช้าขึ้นมาไม่กวาดหน้าประตูบ้าน ไม่ให้เด็กทำการงาน ยิ่งเลี้ยงยิ่งกลายเป็นของเสีย ไม่เลี้ยงให้นิสัยดี บ้านตรงข้าม อพาร์ตเมนท์ข้าง ๆ ไม่ไปมาหาสู่กัน นี่เรียกว่า อารยธรรมความก้าวหน้าหรือ จะบำเพ็ญธรรม แม้แต่หุงหาอาหารก็ยังไม่เป็นเลย อย่างนี้บำเพ็ญธรรมอะไรกัน เธอดู เธอรับธรรมะ เธอได้รับอะไรแล้วหรือ ธรรมะอยู่ที่ไหนหนอ ธรรมะอยู่แต่ละตัวตน นั่นจึงเรียกว่าธรรมะ เหมือนที่ฉันเพิ่งพูดว่า "คนอาจแพร่ธรรม มิใช่ธรรมแพร่คน" อีกอย่างหนึ่ง ชีวิตปกติประจำวันอยู่ที่ไหนหรือยังจะต้องแสดงออกไหม เริ่มต้นจากหนึ่งวัน ฉันถามพวกเธอ ตอนเช้า ลุกจากที่นอนกี่โมง มีบางคนนอนจนถึงสิบเอ็ดสิบสองโมง (เพล - เที่ยง) จึงจะลุกขึ้น ตอนเช้าพวกเธอลุกขึ้นมาทำอะไร ( คนตื่นเช้ากราบเรียนว่า จุดธูปไหว้พระ ) จุดธูปไหว้พระเท่านั้นนะ อย่างนี้พวกเธอก็ไม่กตัญญู ไม่มีใครตื่นแต่เช้า สวัสดียามเช้าต่อพ่อแม่ ไม่มีใครถามพ่อแม่ว่าเมื่อคืนท่านหลับสบายดีไหม อย่างนี้ พวกเธอยังจะบอกตัวเองมีธรรมะ ธรรมะบนตัวเธอมันสูญหายไปแล้ว ตอนเช้าพวกเธอกินกับข้าวกันกี่อย่าง สามมื้อรวมกันเป็นกับข้าวกี่อย่าง ผู้บำเพ็ญจะต้องสมถะหน่อย ผัดสอง น้ำแกงหนึ่ง ก็มากเกินไปแล้ว นี่พวกเธอกินกันกี่อย่าง ( มีผู้กราบเรียนว่า สามสี่อย่าง ) อย่างนี้มากไป พวกเธอลองคิดดู เธอทำงานธรรม กินมากมายอย่างนี้แต่เช้า ไปถึงสถานธรรม ถันจู่เขาก็หุงหาอีก พวกเธอก็กินอีก โลภไม่รู้จักพอ ผู้บำเพ็ญทำไมโลภกันอย่างนี้ได้ ได้กินแล้วก็พอ แล้วท้องนี่มันเป็นตัวปลอมกินเข้าไปหลอก ๆ มันหน่อยเท่านั้นเอง ( แค่พออิ่มพออยู่ได้ ) วันนี้ผู้บำเพ็ญก็คือ จะต้องสำรวม วาจา การกระทำ จะต้องระมัดระวัง วันนี้ที่ทำไป ไม่ใช่คุณก็คือโทษ จึงต้องระวัง ถ้าเธอไม่ระวัง การบำเพ็ญนี้ เธอจะรู้สึกว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สุดท้ายสูญเสียยิ่งกว่าก็คือตัวของเธอเอง ไม่ใช่ใคร ปั้นเต้าเสร็จ กลับไปบ้านเปิดทีวีทันที นั่งยกขาขึ้นพาดตามสบาย รู้สึกว่าวันนี้ได้ทำก็ดีแล้ว จากนั้นก็เริ่มเสพสุข เธอไม่คิดว่า เสพสุข เสพสุข เสพจนสุดท้ายมันจะไม่ได้สุขแต่เธอจะต้องรับสภาพทุกอย่างหลังเสพจนสุขหมดไป หาดบัดนี้เธอเสียสละสิ่งนี้เสีย ภายหน้าเสวยสุขหนึ่งหมื่นแปดร้อยปียังเบื้องบน จะไม่ดีกว่าหรือ ทำไมจะต้องยึดมั่นการเสพสุขของกายเนื้อเช่นนี้ วันนี้ พวกเธอล้วนได้รับธรรมแล้ว และรู้ว่ากายเนื้อนี้สมมุติ ถ้าเช่นนั้น หลอก ๆ มันหน่อยก้พอแล้ว ( ไม่ต้องปรนเปรอแก่กายเนื้อให้จริงจังนัก )