collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 30984 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

พระบรรพจารย์   :   ข้าพเจ้าพำนักอยู่ ณ ตำหนักปี้หยาง ปกครองตรวจสอบการเข้าสู่วิถีธรรมระดับกุศลของผู้บำเพ็ญ มีธรรมฉายาว่า  พระบรรพจารย์ "เทียนเอว้ยจูซือ"  ตำหนักนี้มีเก้าห้อง มีด่านเล็ก "ละลายอารมณ์"  และ "ลงโทษ"  จัดการลงโทษผู้บำเพ็ญที่มีนิสัย อารมณ์ความเคยชิน  บิดเบนขณะเมื่ออยู่ในโลก ไม่ว่าจะเป็นศาสนิก  ผู้บำเพ็ญ  ผู้ได้รับธรรมะ  หรือคนในลัทธินิกายใด   ผู้นั้น เมื่ออยู่ในโลก สร้างกุศลบุญคุณธรรม เป็นคุณากรของสรรพสิ่งแทนฟ้า  แต่นิสัยอารมณ์รุนแรงฉุนเฉียว  เอาแต่ใจ  ความรู้ดีมีทิฐิ  ดูถูก  รังแกอาวุโส  ไม่เห็นผู้ใหญ่อยู่ในสายตา  ชอบเอาชนะระราน  หรือเป็นคนยึดมั่น  ไม่คล้อยตามเหตุปัจจัย  กลายเป็นรบกวนผู้ร่วมบำเพ็ญ  หรืออ่อนไหวตัดสินใจอะไรไม่ได้  ควมคุมสถานกาลที่บิดเบนผิดเพี้ยนไม่ได้  ทำให้เลี้ยงดูคนทุจริตไว้อย่างเลยตามเลยเรื่อยไป ทำให้ะรเบียบวินัยเที่ยงตรงต้องเสียหาย   คนเช่นนี้จะต้องส่งเข้าด่านละลายอารมณ์รับการแก้ไข  ฉะนั้น ญาณเดิมที่จะได้รับการแก้ไขในด่านละลายอารมณ์ จึงล้วนเป็นผู้ที่มีความผิดเพียงเล็กน้อยในโลกเท่านั้น  ระยะเวลาแก้ไขกำหนดไว้สามสิบวัน  ระหว่างนั้นมีผู้ตรวจสอบเฉพาะคอยสำรวจตรวจตรา   หากได้พบว่าคนใจแข็งรุนแรง เปลี่ยนแปลงเป็นใจราบเรียบได้  คนอารมณ์ร้อนมุทะลุ เปลี่ยนเป็นกลาง ๆ ได้  คนอ่อนไหวตัดสินอะไรไม่ได้ฟื้นสภาพเที่ยงตรง  คนอ่อนแอหวาดผวาฟื้นฟูเป็นใจกล้า  ก็จะกราบทูลพระบรรพจารย์โปรดนิรโทษ  ให้ได้ผ่านด่าน  รับรองดูแลไปถึงตำหนัก "ตันหยาง"  เพื่อสอบหลักฐานเรื่องอื่น ๆ ต่อไป   พวกที่รับการแก้ไขอบรมในด่านละลายอารมณ์ครบกำหนดสามสิบวันแล้ว  อารมณ์ยังไม่แก้ไขให้ดีขึ้น  จะยึดเวลาอบรมต่อไปใหม่ หรือให้ตกไปสู่  "สถานลงโทษ" รับทุกข์ทรมาน  รวมความว่า  จะต้องให้เขาสำนึกผิดแก้ไข จึงจะถึงที่สิ้นสุด บัดนี้สบโอกาส  ฟ้าเบิกวิชญะกาล แพร่งพรายรหัสวิเศษที่แต่โบราณมาไม่ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น  สามัญชนได้สดับ บำเพ็ญได้ในครัวเรือน  เพื่อให้ญาณใสใจสว่าง กลมสมบูรณ์ทั้งภายนอกภายใน  ในกาลกำหนดเบิกฟ้าเจริญธรรมปรกโปรดครั้งนี้ผู้ทีฝ่าฟันขวากหนาม บุกเบิกแพร่ธรรมได้ มักจะโน้มเอียงไปทางขยันกล่อมเกลา ฉุดช่วยผู้มีบุญสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างกุศลบุญคุณธรรม แต่มองข้ามการฝึกฝนบำเพ็ญนิสัยความเคยชินของตน พอหมดอายุละสังขาร แม้ถวายชื่อไว้ในบัญชีเบื้องบน ถอนชื่อจากบัญชียมโลกแล้ว การทรมานสาหัสจากนรกไม่อาจถึงตัวก็ตาม แต่อารมณ์ธาตุไม่ถึงขั้น ก็ไม่อาจเข้าสู่ภาวะวิสุทธิ์  ไม่อาจเข้าสู่สภาวะอริยะได้  จึงเท่ากับว่า ขึ้นฟ้าเบื้องบนไม่ได้  แต่ได้รับการหลีกเลี่ยงจากนรกภูมิเบื้องล่าง  ด้วยเหตุนี้ ตำหนักเราจึงได้จัดตั้ง "ด่านละลายอารมณ์"  เพื่อชำระขจัดอุปนิสัยของผู้บำเพ็ญ เพื่อให้เหมาะแก่ผลบุญที่สร้างไว้ 

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดอธิบายการทำงานหน้าที่ต่าง ๆ ในตำหนักของพระองค์อย่างละเอียด บัดนี้เราจะไปชมสภาพความเป็นจริงของแต่ละห้องแล้วหรือยังมิทราบ

พระบรรพจารย์  :  ใช่แล้ว  เราจะบัญชาเทวมาตย์นำทางไปยังด่านละลายอารมณ์ ทำการสัมภาษณ์อย่างแท้จริง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

เทวมาตย์  :  เชิญพระบรรพจารย์กับอู้เอวี๋ยนพร้อมกันไป.. ทั้งสามพากันดำเนินผ่านไปตามลู่เล็กทางน้อยของสวนดอกไม้และศาลาพักร้อนอันงดงามร่มเย็นจนกระทั่งแลเห็นหอขาวหลังหนึ่ง  ป้ายสีทองแสดงชื่อของสถานที่แขวนอยู่เบื้องหน้า อักษรตัวใหญ่มีความว่า "ด่านละลายอารมณ์ตำหนักปี้หยาง   ปี้หยางเตี้ยนฮว่าชี่กวน"  กลอนคู่สองข้างประตูความว่า

"แปรขุ่นเป็นใสได้เห็นธาตุแท้เดิมที
อารมณ์โปร่งดีเป็นกลางสมานฐานบัวตน


ฮว่าจั๋วฝั่นชิงเจี้ยนเอวี๋ยนไหล
ชี่ชั่งจงเหอจิ้งเหลี่ยนไถ"
(หน้าด่านมีเทวบดีท่านหนึ่งยืนรอต้อนรับอยู่)

เทวบดี   :   ขอน้อมต้อนรับคารวะบรรพพุทธา ยินดีต้อนรับอู้เอวี๋ยนเมธามาเยือนด่านนี้ ข้าพเจ้ารอรับอยู่นานแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  ผู้น้อยกราบคารวะเทวบดี  คืนนี้ติดตามพระอาจารย์มายังด่านของท่านเพื่อเก็บข้อมูลจริง หวังเทวบดีท่านจะโปรดแนะนำสั่งสอนเพื่อสร้างหนังสือท่องเที่ยวตักเตือนชาวโลก

เทวบดี   :  ท่านอาจารย์ศิษย์รับอนุตตรพระโองการมา เป็นอริยกิจที่กล่อมเกลาแทนฟ้า ผู้น้อยย่อมจะต้องร่วมช่วยอยู่แล้ว ท่านทั้งสามโปรดตามข้าพเจ้าเข้าด่านมา

เทวมาตย์   :  ผู้ถูกเคี่ยวกรำในด่านนี้ ล้วนมีผิดบาปจากทางโลกด้วยอุปนิสัยที่ไม่หนักหนานัก ด่านนี้มุ่งหมายเพื่อให้ได้สำนึกแก้ไข ไม่เหมือนโทษหนักรุนแรงในนรก  ผู้มารับการอบรมในด่านนี้ เมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกทุกคนล้วนให้ทานทั้งสาม กุศลบุญคุณธรรมเต็มที่กันทั้งนั้น เพียงแต่อุปนิสัยยังไม่บำเพ็ญให้กลมใส ไม่อาจขึ้นสู่ "ถ้ำฟ้าสุทธาแดน   ต้งเทียนจิ้งถู่"  หรือ  "พุทธาลัย   เทียนฝอเอวี้ยน" โดยตรง  เป็นเรื่องของ "งามแท้แต่ไม่สมบูรณ์" นั่นเอง

อู้เอวี๋ยน   :  ว่าเช่นนั้น ชาวโลกจะบำเพ็ญจนบรรลุถึงสัทธรรม ก็เป็นเรื่องยากมากทีเดียวซิขอรับ

พระอาจารย์    :  ศิษย์พูดผิดเสียแล้ว บำเพ็ญบรรลุธรรมล้ำค่า อยู่ที่จิตไร้เดียงสาปรากฏ  ปกติทำการใดให้ยึดหลักธรรมถูกต้อง  ตรงกับความเป็นการอันสมาน เพียงไม่ผิดด้วยทิฐิยึดหมาย ไม่หักหาญเอาชนะ ก็จะเป็นพุทธะเดินดิน อีกอย่างหนึ่ง เบื้องบนไม่ยอมให้ผู้ที่ยังมีนิสัยทางโลกแม้เพียงเล็กน้อย เช่น โอหังกระด้างเอาแต่ใจตัว อ่อนแอเฉื่อยแฉะติดสินใจอะไรไม่ได้ หรือร้อนรนระรานขึ้นฐานบัวบริสุทธิ์ที่ไม่มีแม้เศษธุลีดินได้ มีคำกล่าวว่า

"จิตหมดจดคือ แดนพุทธะหมดจด
ซินจิ้งจี๋ฝอถู่จิ้ง"

        ดังนั้น การจะขึ้นสู่ถ้ำฟ้าพุทธาแดนต่าง ๆ หรือขึ้นสู่ "พุทธาลัย"  จะต้องขจัดอุปนิสัยทางโลกไปเสียก่อน

เทวบดี   :  พระบรรพพุทธา ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ขอเชิญทั้งสามท่านเข้าสู่ด่านในเพื่อเก็บหลักฐานจริงก็จะยิ่งเข้าใจ...
(กล่าวจบทั้งสี่พากันดำเนินสู่ภายในด่านละลายอารมณ์)

เทวมาตย์   :  ขอท่านเทวบดี คัดเลือกญาณเดิมผู้บำเพ็ญที่รับการเคี่ยวกรำบางคนมารับการสัมภาษณ์ที่นี่เพื่อเป็นข้อมูล

เทวบดี   :  แน่นอน ข้าพเจ้าจะเรียกออกมาสักห้าคน เพื่อเป็นตัวอย่างตักเตือนชาวโลก
(กล่าวจบ เทวบดีก็โปรดให้เรียกธรรมภันเตหนึ่ง พระสงฆ์หนึ่ง ญาติธรรมสอง นักบุญอีกหนึ่ง ออกมา)       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

เทวมาตย์  :  ท่านทั้งหลายจงฟัง ทั้งสองท่านที่มาเยี่ยมเยือนนี้คือ พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานกับอู้เอวี๋ยนชาวโลกผู้บำเพ็ญ  คืนนี้ ได้รับอนุตตรพระโองการจากพระแม่องค์ธรรมโปรดให้สร้างหนังสือ "ท่องพุทธาลัย" มาเก็บข้อมูลในด่านนี้โดยเฉพาะ  ทั้งห้ารีบออกมาคารวะ อีกทั้งจงเล่าเรื่องราวการบำเพ็ญในโลกและผ่านการอบรมที่นี่อย่างไรให้ท่านฟัง

ญาณเดิมทั้งห้า  :  ศิษย์กราบเฝ้าพระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน และสวัสดีอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญ

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อยกราบคารวะท่านผู้เจริญธรรมทั้งห้า  ขอเรียนถามท่านภันเตท่านนี้ ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยพุทธรังสี  นัยน์ตา  คิ้วบอกบุญว่าเป็นผู้บำเพ็ญดี เหตุใดจึงต้องตกมาสู่ "ด่านละลายอารมณ์" นี่ ?.

ธรรมภันเต  :  เฮ้อ !  ชั่วชีวิตการบำเพ็ญของข้าพเจ้าเคร่งครัดต่อตนเองมาก ปฏิบัติธรรมด้วยพลานุภาพเที่ยงธรรม ไม่หละหลวมแม้แต่น้อย  ข้าพเจ้าประกาศหลักธรรมแทนฟ้า ฉุดนำคนหลงทั้งหลายโดยไม่ยึดหมายในลาภสักการะใด ๆ เลย เพียงแต่นิสัยเฉพาะตัวร้อนแรงแข็งกล้าไม่อ่อนให้ เชื่อมั่นทิฐิไม่ฟังใคร ถกปัญหาเรื่องราวกับใคร มีหลักถูกต้องกว่าจะไม่ลดละอภัยให้ใครเลย บางครั้งถึงกับเต้นผาง แผดเสียงว่ากล่าว  ตนเองคิดว่ากำลังธำรงรักษาสัมมาธรรมะ ไม่เคยย้อนสำนึกตนว่า การกระทำอย่างนี้เหมาะแก่ธรรมะอันเป็นทางสายกลางหรือไม่ เนื่องจากเมื่ออยู่ในโลกปฏิบัติงานธรรมมีผลบุญ ถือสรณะธรรมบำเพ็ญอยู่ในเทวสถาน เมื่อตาย  ได้ผ่านห้องพักผ่อนชาวธรรมหน้าทางสามแพร่ง แล้วต่อไปที่ "จื่อหยางกวน"  ผ่านการตรวจสอบจาก ตำหนัก "เสินหยาง"  "ชิงหยาง"  ได้อย่างราบรื่น จนมาถึงตำหนัก "ปี้หยาง"  ไม่คาดว่าจะต้องถูกกักอยู่ที่ "ด่านละลายอารมณ์" รับการเคี่ยวกรำในนี้  พระบรรพจารย์เทียนเอว้ย ได้โปรดอบรมว่า  "อารมณ์  นิสัยใจคอแข็งแกร่งเกินไป ความประพฤติอ่อนโยนมีไม่พอ แม้ชั่วชีวิตจะก่อเกิดกุศลมากมาย ก็ยากจะบรรลุอริยมรรคสำเร็จภาวะจริงแท้"  พระองค์ตัดสินให้ข้าพเจ้าสำนึกผิดอยู่ที่นี่สามสิบวัน  แม้ด่านนี้จะไม่มีการลงโทษ แต่หากใจยังขัดฝืนไม่ยอมแก้ไข ทั้งเนื้อทั้งตัวก็จะเจ็บปวดเหมือนไฟเผา  หากมีจิตสำนึกขอขมาทุกขณะ ตรงจุดญาณทวารก็จะโปร่งโล่งเย็น ทั้งตัวเบาสบาย  แยบยลที่สุด  ข้าพเจ้าขอถือโอกาสเตือนท่านที่ปฏิบัติธรรมกิจอยู่ในโลก อย่าได้พลุ่งพล่านถือมั่นว่าถูกหลัก จะต้องน้อมตนมีจริยธรรม ดับสิ้นเพลิงไฟในหัวใจ  ขัดฝนจิตถือดีแกร่งกล้า จะได้ไม่ทำให้ต้องมารับทุกข์เคี่ยวกรำที่ด่าน "ละลายอารมณ์" นี้

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณท่านธรรมภันเต ที่เล่าประสบการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ผู้น้อยกราบอวยพร ขอให้ท่านผ่านพ้นด่าน บรรลุมรรคผลได้ในเร็ววันด้วยขอรับ กราบเรียนถามท่านที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเมตตา  หลวงพ่อปฏิปทาสูงส่งองค์นี้ เหตุใดจึงต้องมารับการเคี่ยวกรำ ?.

หลวงพ่อ  :  อมิตตพุทธ  น่าละอาย น่าละอาย  วันนี้ตกอยู่ในด่านนี้ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อาตมาได้รับการกล่อมเกลาจากพุทธธรรมมา รักษาศีลวินัยเคร่งครัด มีเมตตากรุณาเป็นจิตใจ แม้อยู่ในเพศบรรชิตแต่ก็ยังฉุดช่วยชาวโลก เทศนาสั่งสอน เผยแผ่พุทธธรรมเต็มกำลัง แต่เนื่องจากอาตมามีนิสัยใจคออ่อนโยนจนใกล้ความอ่อนแอ อย่างที่ชาวโลกเรียกว่า "คุณผู้ชายใจดี"  อย่างนั้น ทำให้การครองตัวทางโลกทางธรรมผิดหลักการอยู่บ่อย ๆ บุญบาปดีร้ายแยกไม่ออก เมื่อจะจัดการกับคนสันดานร้าย ปากร้าย  ก็ดูปวกเปียกอ่อนแอไร้ความสามารถ ละสังขารแล้ว ผ่านด่านต่าง ๆ มาได้อย่างราบรื่น สุดท้ายมาถึง "ด่านละลายอารมณ์"  พระบรรพจารย์อบรมอาตมาว่า "เจ้ามีจิตใจอ่อนโยนเกินไป มีคาวมแกร่งไม่พอ ปวกเปียกอ่อนแอ ขาดความกล้า ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ยากที่จะบรรลุธรรม"  จึงตัดสินให้สำนึกอยู่ที่นี่  ณ ที่นี่ แม้จะไม่ต้องรับทุกข์จากการทรมาน แต่พอจิตใจอ่อนแอปวกเปียกลง ทั่วตัวก็จะหนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่พอทำใจให้มีพลานุภาพเที่ยงธรรมขึ้น ไม่หวดหวั่นต่อความยากใด มุ่งมั่นฝ่าฟันผ่านพ้นความคิดมิชอบ เช่นนี้ ฐานวิญญาณ (จุดญาณทวาร) ก็จะอบอุ่นสบายอย่างบอกไม่ถูกทันที ไม่น่าเชื่อจริง ๆ  จึงขอเตือนชาวโลกผู้บำเพ็ญผู้ปฏิบัติงานธรรม อย่าได้สยบต่อความขัดข้องหรืออิทธิพลใด อย่าอ่อนแอปวกเปียก มิฉะนั้น ไม่พ้นจะต้องเป็นอย่างอาตมา ยากที่จะผ่านด่านนี้ "

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณคำสอนล้ำค่าของหลวงพ่อ ท่านชราภาพมากแล้ว แต่ปัญญายังสมบูรณ์ ภายในเวลาสั้น ๆ ท่านคงจะออกจากด่น ผ่านพ้นขึ้นไปยังพุทธเกษตรได้นะขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

        เรียนถามท่านผู้ใหญ่ที่ธรรมลักษณะน่าเคารพท่านนี้ ดูท่านเป็นผู้บำเพ็ญดี เหตุใดจึงต้องได้รับการเคี่ยวกรรมแก้ไขในด่านนี้ด้วย ?.

อาวุโส  :  เฮ้อ  เฮ้อ !  พูดแล้วน่าละอายแท้ ถูกกักอยู่ในด่านนี้ นับเป็นบาปที่สมควรได้รับ  ข้าพเจ้าเป็นลูกโทน เกิดในตระกูลยากจน ตั้งแต่เล็กพ่อแม่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ทำงานหาเงินกันสุดชีวิต เพื่อให้ลูกสมบูรณ์พูนสุข เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ข้าพเจ้ากลับดูแคลนพ่อแม่ที่ไม่มีการศึกษา ซ้ำยังอกตัญญูไม่รู้บุญคุณ  ภายหลังมีผู้นำพาข้าพเจ้าให้ไปรับวิถีธรรม เนื่องจากมีความรู้ ศึกษาได้รวดเร็ว ไม่นานได้ยกระดับขึ้นเป็นเจี่ยงซือ จากนั้น ข้าพเจ้าก็วิ่งเต้นเพื่องานธรรมบุกเบิกแพร่ธรรม ฉุดช่วยผู้มีบุญสัมพันธ์นับไม่ถ้วนเต็มที่  ภายหลังยังได้รับการยกย่องจากท่านเฉียนเหยิน ให้รับพระโองการฟ้าทำหน้าที่เตี่ยนฉวนซือ ฉุดช่วยสงเคราะห์ชาวโลกรวมเวลาถึงยี่สิบปี  แต่ทว่าภายในใจลึก ๆ ของข้าพเจ้าที่มีต่อพ่อแม่ ยังคงดูแคลนอยู่ แม้ในทางมนุษยธรรม ข้าพเจ้ามิได้ล่วงเกินท่านโดยการกระทำ แต่โดยไม่รู้ตัวนั้น ได้ทำให้พ่อแม่เสียใจ ลำบากใจไม่น้อย  พอข้าพเจ้าละกายสังขาร เนื่องจากไม่มีบาป ได้ถอนชื่อจากบัญชีนรกแล้ว ผ่านห้องพักรอของผู้ได้รับธรรมะ และผ่านการสอบหลักฐานจากด่านจื่อหยางกวน  คิดว่าคงจะได้ไปเสวยบุญวาสนาหมื่นแปดร้อยปีที่พุทธาลัย ไม่คาดว่า พระบรรพจารย์เทียนเอว้ยจะโปรดอบรมข้าพเจ้าว่า "แม้จะฉุดช่วยผู้คนได้กุศลบุญ แต่นิสัยวางมาดยังไม่หาย อีกทั้งดูแคลนพ่อแม่ แม้จะไม่ถึงขั้นอกตัญญู แต่การวางมาดรักษาหน้าเกินไปเป็นเรื่องไม่สมควรยิ่งในผู้บำเพ็ญ จึงถูกตัดสินเข้า "ด่านละลายอารมณ์"  ขอขมาสามสิบวัน  บัดนี้ ข้าพเจ้าสำนึกจริง ๆ ว่าไม่ควรเลย จึงขอเตือนชาวโลก ผู้บำเพ็ญ อย่าได้รักหน้าจนเกินไป จนปิดกั้นความบริสุทธิ์จริงแท้ของจิตญาณ มิฉะนั้น จะเหมือนข้าพเจ้า เสียใจก็สายแล้ว

พระอาจารย์  :  ตนเป็นแบบนำอนุตตรธรรมล้ำยิ่ง
                  เชิดชู "เทียนมิ่ง" ตรงยิ่งยืนหยัด
                  สายกลางทางธรรมยืนยงธรรมชาติ
                  จอมปลอมหน้ากากเหมือนฝีร้ายใจหนอง



                  เซินเอว๋ยเทียนเต้าหมดฟั่นสิง             ลี่ติ้งเปียวกันเทียนมิ่งเซิง
                  จงอยงจือเต้าจื่อหยานไจ้                 ซวีเอว๋ยเมี่ยนจื่อซื่อซินติง

        ศิษย์อย่าได้ขัดเคืองโทษโพย วันนี้เมื่อรู้ดังนี้ ได้ตักเตือนชาวโลกแล้ว เรียกได้ว่า "รู้ละอายใกล้กับความกล้า" เชื่อว่า "ด่านละลายอารมณ์" ก็ไม่ใช่ที่พำนักนานวัน จะต้องสอบผ่านได้แน่นอน

อาวุโส   :  ขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่เมตตาประทานโอวาท ศิษย์โง่หลงไปชั่วขณะ ไม่อาจขมากรรมสำนึกด้วยใจจริง ยังมีความรู้สึกไว้ตัวอยู่ลึก ๆ ทำให้ต้องรับผลกรรมที่ตนทำเอง

อู้เอวี๋ยน   :  เชิญนักธรรมอาวุโสหญิงท่านนี้ ดูเหนือศรีษะของท่านแสงบุญท่วมท้น  บุคลิกหน้าตาสุภาพสุขุม ลักษณะดี  คาดว่าก็เป็นผู้บำเพ็ญเช่นกัน เหตุใดจึงมาอยู่ในด่านนี้ ช่วยอธิบายรายละเอียดเป็นข้อมูลเตือนใจอีกแรงหนึ่งด้วยเถิด

อาวุโสหญิง   :  อู้เอวี๋ยนศิษย์พี่ชมเกินไปแล้ว   ข้าพเจ้าเป็นญาติธรรมในวิถีอนุตตรธรรม ศรัทธาจริงใจกราบพระทุกวัน ฟังพระโอวาทเสมอ อีกทั้งเจียดเวลาติดตามเตี่ยนฉวนซือออกไปถ่ายทอดธรรมะบ่อย ๆ  เนื่องด้วยขัาพเจ้านั้นคล่องพุทธระเบียบพิธีการมาก จึงมักจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ชี้แนะในชั้นฝึกฝนพุทธระเบียบเป็นประจำ  ในขณะฝึกสอนพี่ ๆ น้อง ๆ หญิงนั้น ด้วยใจที่อยากให้เขาฝึกได้ดี จึงรีบร้อนเข้มงวดเกินไป ต่อผู้ที่เรียนไม่ทัน ข้าพเจ้าจะเอ็ดจะดุ เพราะคิดว่าเขาไม่ตั้งใจเรียน ซึ่งได้ทำร้ายจิตใจพี่น้องไปมากมายโดยไม่รู้ตัว  แม้จะมีญาติธรรมแสดงความคิดเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่ควรทำอย่างนี้ แต่ข้าพเจ้ากลับยังคิดว่าตนเองทำถูกแล้วตลอดมา ข้าพเจ้าไม่ยอมรับคำท้วงติงอันมีค่า ต่องานอื่น ๆ ข้าพเจ้าก็ใช้ท่าทีอย่างเดียวกัน  เวลาผ่านไปสิบกว่าปี เนื่องจากข้าพเจ้าตั้งใจทำงานธรรมะ สร้างผลบุญไว้ไม่น้อย ละกายสังขารแล้วได้ผ่านการสอบจากด่านต่าง ๆ สุดท้ายมาถึงที่นี่  พระบรรพจารย์เทียนเอว้้ยเปิด "สมุดผลบุญบำเพ็ญ      ซิวเต้ากงเฉิงปู้"  แล้วพูดกับข้าพเจ้าว่า เมื่ออยู่ในโลกเจ้าตั้งใจปฏิบัติงานธรรมมาก สร้างกุศลผลบุญไว้ไม่น้อย อีกทั้งจริยบุคลิกก็สุภาพ แต่มักจะจรดใจใคร่ดีเกินไป ชอบดัดไม้ให้ตรงมากเกินไป จึงอารมณ์ร้อน  เอาตนเป็นหลักเกินไป ไม่ยอมรับข้อเสนอแนะจากใคร จึงต้องกักตัวไว้อบรมให้สำนึกขอขมา รอเวลาตัดสินใหม่ 

พระอาจารย์   : 

สอนตามวิสัย             เนื้อไม้แข็งอ่อน             สอนด้วยเมตตา
ยุทธหรือศิลป์มา         จะเคร่งจะคลาย             ปัจจัยตามนั้น
ยึดตนคิดเห็น             เป็นทิฐิหนา                 อารมณ์พลุ่งพล่าน
ลึกเข้าสันดาน            จะบรรลุนั้น                  มันยากเย็นหนา




อินไฉซือเจี้ยวปิ่งฉือซิน                      เอวิ๋นอู่เอี๋ยนควนอิ้งเอวี๋ยนเจิน
ยั่วจื๋อจี่เจี้ยนฉี่เพียนเจ้า                      อี๋ยู่สีซิ่งหนันเจิ้งเสิน

        ศิษย์รัก  เจ้าไม่ควรดื้อรั้นยึดมั่นความเห็นของตนคนเดียว ผิดต่อธรรมวิสัยที่ไม่อาจโอบอุ้มสรรพสิ่งไว้  เอาแต่จะดัดไม้ให้ตรงถ่ายเดียว จึงต้องตกมาสู่ "ด่านละลายอารมณ์"   หวังว่า   ผู้บำเพ็ญในโลกจะเข้าถึงภาวะหมื่นธรรมารมณ์ สนองรับเหตุปัจจัย  (เกิดอะไรเป็นอย่างไรไม่ยึดมั่นหักหาญดึงดัน)  จงให้การอบรมเขาตามคุณสมบัติ ตามจริตวิสัยของเขา  (เคร่งครัดเข้มงวดแต่ผ่อนปรนเห็นใจ)  ปฏิบัติงานธรรมจะต้องมีชีวิตชีวา ไม่แข็งทื่อถือทางตัน จึงจะไม่เอียงข้างผิดเพี้ยน  ไม่ร้อนรน  ไม่ไว้ตัวถือดี ไม่พล่าน  แต่เป็นกลางสมาน

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณอาวุโสหญิงที่แนะนำทางบุญบำเพ็ญ นี่เป็นอีกตัวอย่างที่ดีสำหรับเตือนคนอีกต่อไป   นักบุญท่านนี้ ขอเชิญ  ดูท่านสะอาดสะอ้านกิริยาอาการเป็นคนใจบุญสุนทาน แต่เหตุใดจึงต้องตกมาอยู่ที่นี่   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
                          อยากกลับหลังหัน       โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
                          ชาวโลกทั้งหลาย        ใคร่ย้ำหลักธรรม         อย่าซ้ำผิดพลาด
                          ยืนตรงองอาจ             หยัดดั่งเสาธง           คงแบบอย่างงาม         

                                              ท่องพุทธาลัย (2)

                                                   บทที่ 9

                                    พลังสว่างพุ่งผ่านสายรุ้ง "ตำหนักปี้หยาง"

                                   ตัวอย่างนำจูง บทธรรมล้ำค่า  ณ  "ฮว่าชี่กวน"   (ปี้หยางตันิงชี่ก้วนหง  ฮว่าชี่กวนจงลู่เจินลี่)

นักบุญ   :  ถูกกักอยู่ที่นี่ทำให้อับอายจริง ๆ    เมื่อมีชีวิต  ข้าพเจ้าบำเพ็ญอยู่กับบุญสถาน น้อมรับพระธรรมคำสอนจากพระองค์ "กวนเซิ้งตี้จวิน"  มหาราช รู้ว่าชีวิตดั่งความฝัน  มีแต่บาปบุญที่ติดตัวไป จึงรีบรักษาโอกาส สร้างบุญกุศลเต็มที่ ในขณะเมื่อยังมีชีวิตเหลืออยู่  เนื่องจากกิจการค้าขาย ทุกวันจะต้องพบปะผู้คน เรื่องของความอ่อนน้อม การสวดมนต์กินเจ ทำสมาธิจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญเต็มที่ ได้แต่อาศัยการสังคม ตั้งเป็นกองทุนสงเคราะห์ช่วยเหลือคนยากไร้ เรื่องกุศลสงเคราะห์ ข้าพเจ้าไม่ล้าหลังใคร  เนื่องจากละเลยการสำรวมปากและกาย เมื่อมีปัญหาถกเถียงกัน ข้าพเจ้าจึงมักจะเหมือนทำนบแตก ไม่สนใจบุคลิกมารยาท ใช้ภาษาบ้า ๆ แสดงความหยาบช้าออกมาไม่เหลือเลย  ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้ารู้จักแต่ทำบุญให้ทาน ไม่รู้การชำระปากกินเจ และสำรวมบำเพ็ญตน อุปนิสัยอารมณ์หนักหนามาก พระบรรพจารย์ได้โปรดตัดสินให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงนิสัย ความเคยชินที่มีในสันดานเสียใหม่  ถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าจึงได้รู้ชัดว่า การจะบรรลุเซียนพุทธะนั้น มิใช่อาศัยแต่สร้างบุญกุศลแล้วก็จะบรรลุได้  จะต้องบำเพ็ญใจ กล่อมเกลี้ยงจิตญาณจริง ๆ  จะต้องไม่มีบาปเวรทั้งกาย  วาจา  ใจ  ชำระจนเข้าถึงโฉมหน้าแท้จริงที่บริสุทธิ์ จึงจะบรรลุได้  ขอเตือนผู้บำเพ็ญในโลก อย่าเห็นแต่ความสำคัญของการทำบุญให้ทาน แต่ละเลยการบำเพ็ญใจกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ  มิฉะนั้น แม้จะปลูกฝังบุญทานไว้มากเพียงไร  แต่หากใจยังไม่กลมใส ก็ยากจะผ่านการสอบจากด่านนี้ไปได้

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณเสียงจากหัวใจภายในของท่านนักบุญ  ชาวโลกได้เห็นหนังสือท่องเที่ยวนี้แล้ว ก็คงจะต้องถือท่านเป็นกระจกเงาทีเดียว

เทวมาตย์   :  ได้รบกวนญาณทั้งห้าท่าน ร่วมกันสร้างหนังสือท่องบันทึกนี้ ทุกท่านล้วนมุ่งมั่นสำนึกด้วยใจจริงกันแล้ว ด้วยบุญกุศลของท่านทั้งหลายหากผ่านการสอบแต่ละด่านไปได้แล้ว ก็คงจะได้รับวิมุตติสุขเป็นแน่

เทวบดี   :  ใช่แล้ว  ด่านนี้มีความประสงค์ที่จะให้ผู้บำเพ็ญสำนึกรู้ผิด และจะต้องแก้ไขให้ถึงที่สุด  การแสดงออกที่ดีเยี่ยมของญาณเดิมทั้งห้า  เราจะกราบทูลต่อพระบรรพจารย์ ขอให้ท่านทั้งห้าออกจากด่านนี้ในเร็ววัน

เทวมาตย์   :  เรียนถามพระบรรพจารย์ (อมตะพุทธะจี้กง) เรายังจะไปเยือน "ห้องลงโทษ"  ของตำหนักนี้ต่อไปอีกหรือไม่มิทราบ

พระอาจารย์   :  เวลามีไม่มาก  ไม่ต้องแล้ว   คนใน  "ห้องลงโทษ"  ล้วนเป็นคนที่ไปจาก "ด่านละลายอารมณ์"  แห่งนี้  ซึ่งต้องไปรับโทษ เพราะไม่ยอมรับผิดแก้ไข  ทางด่านอาศัยส่วนประกอบเครื่องมือต่าง ๆ ในห้อง ช่วยทำให้กำจัดอุปนิสัยทางโลกให้หมด  เพื่อจะได้ไปสู่  "ถ้ำฟ้าแดนวิสุทธิ์"  หรือรับฐานะที  "พุทธาลัย" 

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์เคยมีประสบการณ์ได้เห็นการลงโทษ ทรมานที่ทนดูไม่ได้มาครั้งหนึ่งแล้ว  เรียนถามท่านเทวบดี  หากรับโทษใน  "สถานลงโทษ"  สามสิบวันแล้วยังไม่ยอมรับผิดแก้ไข ไม่ทราบว่าจะจัดการอย่างไรขอรับ 

เทวบดี   :  จนใจ  ได้แต่บัญชาให้เทวมาตย์นำไปส่งถึงนรก รับการตัดสินลงโทษต่อไป

อู้เอวี๋ยน   :  อนิจจา !  เป็นเช่นนี้เอง  อย่างนี้มันไม่น่าเสียดายเกินไปหรือ

พระอาจารย์   :  ผู้บำเพ็ญได้ประสบวิถีธรรมล้ำเเลิศ  ควรที่จะบำเพ็ญใจกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ สร้างกุศลบุญคุณธรรม  อาศัยกายสมมุตติบำเพ็ญจริง  เช่นนี้เมื่ออยู่ในโลกก็เป็นผู้วิเศษแล้ว  เมื่อละกายสังขารก็ย่อมบรรลุจริง  มิฉะนั้น  พุทธสัมพันธ์ดีเยี่ยมที่สั่งสม  บำเพ็ญมาแต่อดีต ชั่วกัปกัลป์  สุดท้ายกลับถูกส่งไปรับทุกข์ในนรก  จะไม่เป็นการทิ้งขว้างกุศลผลบุญก่อนเก่าจนหมดสิ้นหรือ  ดังคำกล่าวว่า 

        "กายคนได้มายาก"
        "ดินแดนใจกลางมาเกิดยาก"
        "พระวิสุทธิอาจารย์พบได้ยาก"
        เป็นความยากสี่ประการ

        ผู้บำเพ็ญเมื่อได้แล้วทั้งสี่ยาก  จะไม่ประคองรักษาสิ่งล้ำ  ค่า  จะไม่ระมัดระวังดั่งย่างเหยียบขอบเหว  เดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง  กระนั้นหรือ  คืนนี้เวลาค่ำมืดแล้ว  ขอบคุณท่านเทวมาตย์   ท่านเทวบดี   ช่วยแรงชี้แนะนำพา   เราขอลาไปเพียงเท่านี้   ท่านเทวบดีช่วยขอบพระคุณพระบรรพจารย์แทนเราด้วย

อู้เอวี๋ยน   :  ผู้น้อยกราบลาท่านเทวมาตย์  ท่านเทวบดี 

เทวมาตย์   :  น้อมส่งพระบรรพจารย์

เทวบดี   :  ขอส่งอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญ

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยน  ขึ้นฐานบัว...  ไป...

        ถึงตำหนักพระแล้ว ญาณของอู้เอวี๋ยนคืนสู่ร่าง  ขอบคุณขุนพลพิทักษ์ธรรมคุ้มครองรักษาตำหนักธรรม เรากลับเบื้องบนถวายพระโองการกัน

                                                                                     ~~  จบเล่มที่ 2  ~~

ใจฟ้าเมตตาเกินกว่าที่สุดวิมุติสุกใส
เวียนธรรมจักรไปในครรลองชอบกอปรด้วยเหตุผล
บรรพอริยะพระฯ ค้ำนำให้เภทภัยได้พ้น
พุทธสกลยลเห็นบัดนี้นลินีตน

Tags: