collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: จิ้งอี้กง ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  (อ่าน 11080 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                คำนำ

        เรื่องราวชีวิตจริงขิงจิ้งอี้กง "ปู่ชำระเจตดำริหมดจด" ท่านนี้ เป็นที่รับรู้กันทั่วไปตั้งแต่ยุคสมัยของท่านจนถึงปัจจุบัน  และบัดนี้ได้จัดสร้างเป็นภาพยนตร์จอใหญ่ เป็นดีวีดีแพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะนิยมกันมากในวงการธรรมะ เพื่อใช้สื่อความหมายให้บำเพ็ญจริง เจาะจงสำหรับผู้ได้รับวิถีจิต จะต้องบำเพ็ญจิตแท้จริง ตรงต่อพระประสงค์ที่เบื้องบนโปรดประทานอนุญาตให้ถ่ายทอดวิถีธรรมนี้  ดังปณิธานสิบ ในข้อสามได้กำชับไว้ว่า "ไม่เคลือบแฝงเสแสร้ง" เมื่อจัดสร้างเป็นภาพยนตร์ และมีตัวแดสงโลดแล่นดำเนินเรื่องบนจอผุ้ชมมักจะเพลิดเพลินไปตามบทมากกว่าจะจดจำคติเตือนใจในเนื้อหาคำพูด  บทสนทนา  ธรรมสาระ  แม้จะประทับใจ ก็จำไม่ได้ทั้งหมด นานไปยังกลับเลือนหาย จะเหลือความหมายแต่เพียงว่า เป็น "ภาพยนตร์ประทับใจให้ข้อคิดดีมาก"  เรื่องหนึ่งเท่านั้น
       ข้าพเจ้าเสียดายธรรมสาระในเนื้อหา บังเอิญอาจารย์หวงจินชังเตี่ยวฉวนซือ ส่งต้นฉบับภาษาจีนมาให้แปล ซึ่งตรงตามใจปรารถนาของข้าพเจ้า จึงคัดสรรแปลและเรียบเรียงมา ด้วยเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาวเราผู้ฝึกฝนบำเพ็ญวิถีจิต จะได้ "ชำระเจตดำริหมดจด"  อย่างท่านจิ้งอี้กง เพื่อการบรรลุธรรมโดยทั่วกัน ให้สมกับที่พระมหากรุณาธิคุณ "มิพักโพธิสัตว์"  เฉินต้ากูเฉียนเหยิน โปรดอวยชัยไว้ว่า "ขอให้บรรลุธรรมกันทุกคน"
       
        ด้วยจิตสำนึก รำลึกพระคุณมิอาจประมาณ
                                ผู้น้อย  ร้อยกราบพระคุณ
    มิพักโพธิสัตว์ ปู้ซิวสีผูซ่า  ไว้ในโอกาสนี้ด้วย

                                              ศุภนิมิต แปลและเรียบเรียง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :  ชั่วชีวิตล้มเหลวของอวี๋กง

        จิ้งอี้กง ปู่ชำระเจตดำริหมดจด"  แซ่สกุลอวี๋  นามรองตู  ฉายานามเหลียงเฉิน  เป็นชาวมณฑลเจียงซี ในรัชสมัยเจียงจิ้ง  ราชวงศ์วงศ์หมิง  ด้วยปัญญาปราดเปรื่องรอบรู้ อายุเพียงสิบแปดปีก็สอบติดอันดับนักศึกษาหลวง อีกทั้งการสอบทุกครั้งยังได้ยังได้คะแนนนำ เดือนปีผ่านมา กระทั่งเป็นหนุ่มใหญ่ ฐานะทางบ้านยังคงยากจน จิ้งอี้กง จึงยึดอาชีพสอนหนังสือเป็นหลัก พร้อมกับจัดตั้งชมรมวิชญรุจน์กับเพื่อนนักศึกษาสิบกว่าคน ร่วมกันเจริญคุณธรรมตามคำสอนของพระองค์มหาราชวิชรุจน์ (เหวินชังตี้จวิน) ทุกคนในชมรม ทำตัวเป็นแบบอย่าง อีกทั้งนำพาสาธุชนให้ปฏิบัติตาม เช่น การรักคุณค่ากระดาษ หนังสือ ปลดปล่อยฉุดช่วยชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ละกาม ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่พูดคำหยาบ ไม่เพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่ใช้มิจฉาวาจา ต่างรักษาคุณงามความดีทุกประการเต็มที่มิให้ขาดพร่อง ซึ่งทุกคนในชมรมยังช่วยกันเสริมสร้างติติงเพื่อให้เป็นจริงต่อวิถีธรรมแห่งอริยภาพภายใน ศักดานุภาพภายนอก   จิ้งอี้กง รักษาศีล สร้างคุณความดีเช่นนี้อยู่หลายปี ภายหลังเมื่อพระราชสำนักจัดให้มีการสอบเลื่อนวุฒิ นักศึกษาหลวงระดับต้น เพื่อก้าวขึ้นสู่เป้าหมายมหาบัณฑิต "จอหงวน" ต่อไป  จิ้งอี้กง ผุ้พร้อมด้วยคุณวุฒิ คุณความดี เข้าร่วมสอบกับสอบไม่ติด เป็นเช่นนี้ปีแล้วปีเล่า ครั้งแล้วครั้งอีกถึงเจ็ดครั้ง ช่วงเวลาของชีวิตระหว่างนั้น จิ้งอี้กงยังต้องเผชิญกับวิบากกรรมซ้ำซ้อนมากมาย ลูกชายห้าคนตายเสียตั้งแต่ยังเด็กสี่คน ลูกชายคนที่สาม ใต้ฝ่าเท้าซ้ายมีใฝดำหนึ่งคู่ กำลังปราดเปรียว และเฉลียวฉลาดมาก พ่อแม่ดูลรักใคร่เป็นพิเศษเพราะเหลือเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าเมื่อลูกอายุได้แปดปี อยู่ดี ๆ ก็หายไปจากบ้าน
ภายหลัง จิ้งอี้กงได้ให้กำเนิดลูกหญิงอีกสี่คน และตายเสียอีกสามคน วิบากหนาสาหัสของชีวิตที่ต้องสูญเสียซ้ำซ้อนเช่นนี้ ใครเลยจะทนได้  ภรรยาของจิ้งอี้กง เศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้นัยน์ตาบอดทั้งสองข้าง  ชีวิตช่วงต้นของจิ้งอี้กงเรียกได้ว่ารันทดหดหู่เป็นที่สุด ความเป็นอยู่ยากจนค้นแค้น ทุกเมื่อเชื่อวันและอย่างกับจะเลวร้ายลงไปอีก ไม่มีแม้ความหวังให้ได้ใฝ่หา  จิ้งอี้กงเคว้งคว้างเลื่อนลอย มือมนซึมเศร้าอยู่บ่อย ๆ สุดท้ายตั้งสติถามตนเองอย่างจริงจังว่า "ข้าพเจ้าทำผิดบาปอะไรในชีวิต"  ทบทวนอย่างไรก็ไม่ปรากฏความผิดบาปนั้น อีกทั้งยังรู้สึกว่า "ข้าพเจ้าถือศีลกินเจ ทำความดีเรื่อยมา ไฉนฟ้าเบื้องบนจึงไม่โปรดดลบันดาลแก้ไขชะตาชีวิตดีกว่านี้ ไฉนฟ้าจึงลงโทษข้าพเจ้าให้ต้องรับทุกข์ภัยใหญ่หลวงปานนี้ ไฉน  และไฉน..."

พิจารณา

        เหตุที่ทำบุญสุนทาน ทำความดีมาชั่วชีวิต แต่ยังปรับแปรชะตากรรมมิได้ นอกจากเวรกรรมเก่าแต่อดีตชาติยังลบล้างไม่สิ้นแล้วที่สำคัญคือ กรรมดีที่ชาตินี้ได้ทำมา ล้วนมีเจตนาแอบแฝงไม่หมดจด ยึดมั่นไม่ปล่อยวาง บุญทานความดีที่ทำไป มุ่งหมายผลตอบแทนจากบุญทานนั้น จึงรอคอย ใจจดใจจ่อ เจตนาทำเพื่อได้ มิใช่ทำเพื่อให้  การทำเพื่อให้นั้น ที่สุด  ยังควรจะทำเพื่อให้โดยมิได้รำลึกหมาย โดยไม่รู้ว่า "ให้"  เมื่อธรรมจักรใจถูกตรึงไว้ว่า  "ฉันทำให้"  อยู่ร่ำไป ธรรมจักรใจก็จะไม่อาจขยับขับเคลื่อนได้ ทำบุญทานเท่าไร ธรรมจักรใจก็ยังคงอยู่กับที่ ทั้งนี้ จะพยายามผลักดันด้วยแรงมุ่งหมายปรารถนาอย่างไร ก็หาเขยื้อนไม่ เพราะใจลงสลักไว้  หากยังลงสลักวิงวอนร้องขอ รบกวนเซ้าซี้การบันดาลดล ลืมสำรวจใจตน ลืมเรียกร้องจากตน ลืมปรับเปลื่อยใจตน  ผลบุญใหม่ม่หมดจด ผลบุญเก่าอับเฉา ผลบุญทั้งเก่ใหม่ ชดใช้เจ้ากรรมนายเวรไม่พอ ไม่ทัน  เขาประดาหน้าพากันมาทวงถามกระชั้นชิดติดพัน  เหตุเนื่องนำหลายประการโถมเข้าหา จึงไม่ต้องสงสัยว่า ไฉนทำดีไม่ได้ดี ก็เจตนาบุญยังหมดจดไม่พอ บริสุทธิ์ไม่พอ บุญนั้น ๆ ไม่มีพลัง มีแต่ตั้งใจปรารถนามุ่งหมายใคร่ได้ ยึกยักชักเย่ออยู่อย่างนั้นมันจะดีไอย่างไร

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด : สำรวจตรวจตราเจตดำริร้ายที่แอบแฝง

        จิ้งอี้กง อายุสี่สิบกว่าแล้ว ทุกสิ้นปีก่อนวันตรุษจีน เป็นต้องเขียนหนังสือถวายฏีกาต่อเทพเจ้าเตาครัว ขอความเจริญรุ่งเรือง ทำอยู่อย่างนี้หลายปี แต่ไม่มีผลตอบสนองแต่อย่างใด จนอายุจะย่างเข้าปีที่สี่สิบเจ็ด คืนก่อนของวันตรุษจีน ครอบครัวของจิ้งอิ้งกง มีพ่อผู้ซบเซา แม่ผู้เศร้าซึมตาบอด บุตรสาวสติเลื่อนลอยหงอยเหงา นั่งเฝ้าธูปเทียนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะบูชาเทพเจ้าเตาครัว บรรยากาศวิเวกวังเวง ความหวังยังห่างไกลเหมือนทุกปีที่ผ่านมา... ขณะนั้นเอง พลันก็มีเสียงคนเคาะประตูหน้าบ้าน ราตรีวิกาลวันตรุษจีนเช่นนี้ ทุกครัวเรือนต่างเตรียมจุดประทัดต้อนรับปีใหม่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะมีใครพลาดฤกษ์งามยามดีมาหาอีกทั้งแต่ละบ้านชนบทก็อยู่ห่างไกลกัน เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะดังขึ้นอีก จิ้งอี้กงถือเทียนไปเปิดประตู  ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า สวมชุดสีเข้มกลืนกับความมืดภายนอก รวบผมสีขาวประปรายไว้เรียบร้อย สีหน้าเคร่งขรึม จริงจัง สงบ ปราศจากรอยยิ้ม  ชายมีอายุลักษณะภูมิฐานผู้มาเยือนกระพุ่มมือโค้งคารวะเป็นอาการทักทายแล้ว เดินเข้าบ้านมา  เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งมีอยู่ชุดเดียวในบ้านแล้ว จึงแนะนำตนเองว่า "ข้าพเจ้าแซ่จาง..." น้ำเสียงดังกังวาล มีพลังจนจิ้งอิ้งกงใจสะท้าน  ท่านผู้นั้นกล่าวต่อไปว่า "ข้าพเจ้ามาจากทางไกล ได้ยินเสียงทุกข์เศร้าทอดถอนใจในบ้าน จึงเข้ามาเยี่ยมเยียน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง" จิ้งอี้กงสัมผัสได้ด้วยความไม่ธรรมดาของผู้มาเยือน จึงน้อมคารวะด้วยความเคารพยิ่ง แล้วสาธยายความอัดอั้นตันใจในชีวิต ทั้งฐานะความเป็นอยู่ วิบากกรรมของครอบครัว เรื่องพลาดหวังถึงเจ็ดครั้งในการสอบเตรียมจอหงวนขุนนางหลวง จิ้งอี้กงยังไม่ลืมบอกกล่าวคุณงามความดีที่ตนเองอุตส่าห์สร้างสมมา ตลอดจนท่องข้อความถวายฏีกาต่อเทะเจ้าเตาครัวมาหลายปีให้ฟัง ท่านแซ่จางกล่าวว่า "เรารู้เรื่องทั้งหมดของท่านมานานแล้ว ไม่ต้องเล่าดอก เราจะกล่าวแก่ท่าน... ท่านมีอคติ มีเจตนาแฝงเร้นหนักหนานัก ทำดีเอาหน้าให้โดยมุ่งหมายประโยชน์ตอบแทน ถวายใบฏีกาต่อเบื้องบน ตัดพ้อต่อว่า เป็นการจาบจ้วงล่วงเกิน ประหนึ่งวาจาสามานย์ ทวงถามต่อเทพยดาฟ้าดิน เช่นนี้ โทษภัยของท่านจะยังไม่หยุดหย่อนผ่อนพักเพียงเท่านี้ดอก"

พิจารณา  :  ประกอบกรรมดีโดยมีอคติ มีเจตนาดำริแฝงเร้น จิตใจฟุ้งซ่าน ปล่อยให้กิเลสตัณหาพาไป โลภโกรธหลงครอบครองใจ ครรลองของขันธ์ห้า มันเป็นกงจักร มิใช่ธรรมจักร จึงยากจะฝืนชะตาชีวิต  พระโพธิสัตว์จันทรปัญญาในพระภาคซือหมู่อริยมาตาโปรดไว้ว่า "กล่อมเกลาจิตอยู่กับความเรียบง่าย (สมถะพิเพียง) หล่อหลอมจิตอยู่กับรัตติกาล (สงบเงียบ ไม่วุ่นวาย) ประคองจิตอยู่กับห้องมืด (ไม่ยินยล  ไม่ปรุงแต่ง)  รักษาจิตไว้ในชีวิตประจำวัน (ปกติสุขทุกขณะจิต)"  หย่างฉีซินอวี๋ผิงตั้น     เลี่ยนฉีซินอวี๋ซิงเยี่ย     ฉือฉีซินอวี๋อั้นซื่อ     โสว่ฉีซินอวี๋ยื่อฉัง   อมตะพุทธะจี้กงโปรดเสมอว่า "บำเพ็ญธรรม  บำเพ็ญจิต" (ซิวเต้าซิวซิน)  บำเพ็ญจิตจริงใจ จิตใจไม่จริง ยังจะมีสิ่งใดจริงได้อีก  ในคัมภีร์มหาบุรุษ (ต้าเสวีย) ในแปดข้อหลัก (ปาเถี่ยวมู่) ก็ชี้ชัดการบำเพ็ญข้อที่หนึ่ง ให้ศรัทธาจริงใจ (เฉิงอี้)  ศรัทธาจริงใจ ใจจึงเที่ยงตรงได้ ใจเที่ยงตรงได้ กายจึงอาจบำเพ็ญ ตนบำเพ็ญตรง ครอบครัวจึงพร้อมพรัก   ปราศจากสิ่งแอบแฝง ภาวะจิตจะสงบลุ่มลึก เกิด "เจตดำริ" ใด ๆ ก็จะเป็นไปโดยไม่ปรุงแต่ง ไม่เป็นทาสของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :  กุศลจริง หรือ กุศลเท็จ

        จิ้งอี้กงได้ยินท่านผู้มาเยือนบ่งตรงชี้ชัดบาดแผลที่ฝังในของตนดังนี้ ถึงกับสะดุ้ง จึงสะท้อนตอบเหมือนกับจะรับสารภาพ และยังอดแก้ตัวไม่ได้ว่า "ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า เหนือศรีษะของคนเรามีเทพเจ้าสอดส่องดูแลอยู่ แม้บุญน้อยนิด กุศลจิตเล็ก ๆ เทพทิพย์ก็จารึกไว้ถ้วนทั่ว ข้าพเจ้าจึงตั้งจิตสมาทาน ดำเนินการกุศลมาหลายปี เทิดทูนทำตามคำสอนของมหาราชเจ้าองค์วิชญรุจน์ (เหวินซังตี้จวิน) ที่กำหนดข้อปฏิบัติไว้ โดยไม่เคยละเมิด เช่นนี้จะเรียกว่า "เจตดำริ" แอบแฝงหรือ ท่านผู้มาเยือนยังคงมีท่าทีสีหน้าสงบ ตอบว่า "มหาราชเจ้าองค์วิชญรุจน์ สอนคนให้ถนอมรักคุณค่ากระดาษ หนังสือ แต่ท่านกับผู้ร่วมบำเพ็ญและลูกศิษย์ลูกหา มักจะฉีกหนังสือเก่า เอากระดาษนั้นมาปะหน้าต่าง มาห่อของ ยิ่งกว่านั้น ยังเอามาเช็ดโต๊ะ ยังมีหน้ามาพูดอีกว่า "อย่าแปดเปื้อนทำลายอักษร" (คนสมัยใหม่ใช้หนังสือพิมพ์ปูขั้นบันไดรถทัวร์ ใช้ห่อผ้าอนามัยใช้แล้ว) หากเทิดทูนอักษร ควรย่อยสลายกลางแจ้ง หรือเผาไฟเสียในภาชนะเฉพาะ ท่านเห็นการกระทำเช่นนี้ของใคร ๆ อยู่ทุกวัน แต่ท่านไม่เคยตักเตือนห้ามปราม มีแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชน บนถนนหนทาง จึงจะเก็บกระดาษอักษรไปเผา เช่นนี้ มิใช่เจตดำริไม่หมดจดหรือ  อีกประการหนึ่ง เรื่องของการปลดปล่อยชีวิตเต่าปลาในแต่ละเดือนของทางชมรม เมื่อเขาทำกัน ท่านจึงร่วมทำบ้าง บางครั้งก็ไม่ได้ทำ จะเห็นได้ว่า จิตเมตตากรุณาของท่าน ไม่ได้ฝังรากฝังโคน อีกทั้งในครัวที่บ้าน ยังประกอบอาหารกุ้ง หอย ปู ปลา  ถือศีลแต่ยังกินชีวิตเลือดเนื้อของเขาอยู่อีก จะได้หรือ ในส่วนของวจีกรรม ท่านเป็นคนหัวไว มีวาทศิลป์ ทุกคนสยบต่อวาทะของท่าน ขณะสรวลสันต์เสวนา ในใจของท่านเองก็รู้ว่า คำพูดนั้นแฝงความหมายส่อเสียดล่วงเกิน บางครั้งก็เป็นคมหอกคมดาบ เป็นที่ขัดเคืองของผีสางเทวดาอยู่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ท่านยังเข้าข้างว่าตนเป็นคนดี มีอัธยาศัย เช่นนี้เท่ากับหลอกลวงใคร หลอกลวงผู้ร่วมวงหรือตนเอง หรือหลอกลวงเบื้องบน แม้ท่านจะไม่ได้ละเมิดเรื่องกาม แต่ทุกครั้งที่เห็นหญิงงาม ก็จะแอบชายตาจ้องมอง ภายในใจหวั่นไหวไม่อาจระงับ เพียงแต่ไม่มีโอกาสสัมผัสชิดใกล้ เช่นนี้ท่านกล้าบอกไหมว่า ได้รักษาศีลข้อกาเมฯ อยู่ ลองคิดดู หากมีโอกาสเป็นไปได้ ท่านจะไม่ปฏิบัติการละเมิดในข้อกาเมฯหรือ ท่านหลอกลวงตนและยังหลอกลวงใครกันแน่ ข้อปฏิบัติเหล่านี้ ล้วนเป็นบทบัญญัติจากมหาราชเจ้าองค์วิชญรุจน์ ซึ่งท่านก็ได้ปฏิญาณแล้ว แต่ยังปฏิบัติไม่ได้ ในบทบัญญัติข้ออื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง...หลายปีมานี้ ฏีกาที่ท่านเขียนร้องเรียนขึ้นไป เทพเจ้าเตาครัวได้ช่วยทูลถวายต่อองค์อภิภูผู้เป็นใหญ่ในชั้นฟ้าแล้วจริง ๆ เบื้องบนก็โปรดบัญชาให้เทพเจ้าผู้ทรงศักดิ์ลงโปรดทำการตรวจสอบบาปบุญคุณโทษของท่านแล้วจริง ๆ แต่หลายปีมานี้ ตรวจสอบไม่พบกุศลบริสุทธิ์ ไม่พบเจตนาบุญแท้จริงสักอย่างของท่านที่จะถวายรายงานขึ้นไปได้ เห็นแต่พลัง โลภ โกรธ หลง  เห็นแต่ราคะจริตซ่อนเร้น เห็นแต่ใจริษยา ถือดี เห็นแต่จิตใจดูแคลนผู้อื่นของท่านขณะอยู่ลำพังเบื้องหลังผู้คน เกือบทุกอย่างล้วนเสียหายต่อทำนองคลองธรรมนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้น ท่านยังคิดย้อนอดีต มุ่งหวังกาลข้างหน้า ที่เคยมีบุญคุณต่อใคร แค้นเคืองกับใคร ดำริเจตนาฝังรากฝังโคนลุ่มลึกอยู่ในใจ เวียนวนไปมาไม่รู้จบ ไม่หยุดหย่อน เทพยดาอารักษ์รับรู้พลังนี้ กรรมจะตามสนองอย่างรวดเร็ว หลบลี้ยังแทบจะไม่ทันการ จะร้องขอบุญวาสนาได้อย่างไรหรือ

พิจารณา  :  ความคิด ดำริ เจตนา มีบุญและบาป มีดีและร้าย มันเป็นพลังเกิดขึ้นไวขยายกว้าง จงรู้เห็นตามไปให้ไวกว่า อย่าปล่อยจิตปรุงแต่งลุกลามไปไกล อย่าตามใจตน แต่จงฝืน จงหักมุมความคิดนั้น คิดใหม่ ได้แง่มุมใหม่ จะได้ความรู้ใหม่ ได้ภาวะจิตใหม่ ใหม่ยิ่งขึ้น ดีกว่าเดิม จึงจะเรียกได้ว่าก้าวหน้า เรียกได้ว่าเจริญธรรมบำเพ็ญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :  แยบยลบนหนทางจริง

        จิ้งอี้กงตื่นตระหนก อกสั่นขวัญหาย ท่านผู้มาเยือนรู้ละเอียดเช่นนี้ได้อย่างไร  จิ้งอี้กงเกิดอาการเข่าอ่อนยวบ ทรุดลงบนพื้น คุกเข่าจนเกือบจะเป็นพังพาบ ก้มกราบ ไม่กล้าเงยหน้า น้ำตาไหลพราก ละล่ำละลักกล่าวว่า "ในเมื่อท่านรู้ปรุโปร่ง ถ้วนทั่วทั้งเทพทิพย์ผีสาง ท่านจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ในเมื่อท่านเป็นสิ่งศักดื์สิทธิ์มาโปรด ก็ช่วยสงเคราะห์แก่ข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเถิด" ท่านผู้มาเยือนกล่าวว่า "ท่านเองเป็นผู้คงแก่เรียน ย่อมรู้เหตุผลดี ย่อมชื่นชมเห็นชอบต่อกุศลกรรม ต่อสัมมาวาจา อยากมีส่วนร่วมในคุณความดีนั้น ๆ  แต่ น่าเสียดายความกระตือรือร้นอันเป็นบุญกุศลของท่าน มันเป็นช่วงสั้น เหมือนตื่นเต้นชั่วขณะ ไม่นานก็จางหาย ฉับพลันก็เกิดความคิดใหม่ อกุศลใหม่ ด้วยเหตุที่กุศลมูลแห่งความศรัทธาไม่ลุ่มลึกพอ เหตุปัจจัยภายนอกจึงโน้มน้าวให้เบี่ยงเบนไปได้ง่ายดาย จึงทำให้การสร้างกุศลความดีตลอดชีวิตของท่านฉาบฉวยไปตามเขา ไม่เป็นตัวของตัวเอง บวกกับโมหะ โทสะจริตติดใจไม่หาย ขณะสร้างกุศลกรรม โทสะจริตก็ยังผุดขึ้นเป็นวูบ ๆ เปรียบเช่นปลูกข้าวดำนา พร้อมกับปลูกหญ้าวัชพืชในแปลงเดียวกัน น่าขันสิ้นดี จากวันนี้เป็นต้นไป จะต้องตั้งใจ ใช้ความมุ่งมั่นหาญกล้า ถอนหญ้าวัชพืชในใจให้หมด ทำความดีอย่าหวังตอบสนอง ไม่มุ่งหมายให้ใครชื่นชม เรื่องยากง่ายใหญ่เล็ก อดทนจริงจังทำไป ทำได้ไม่ดีพอก็ต้องหมั่นเพียรทำไปจนกว่าจะดี กุศลจิตจะเกิดก่อจนกลมสมบูรณ์ จะต้องจำไว้ หนึ่ง ใจจะต้องอดทนอดกลั้น  สอง ใจจะต้องจริงจังยั่งยืน  สาม ใจจะต้องไม่หน่ายคร้าน ไม่เข้าข้างตน ไม่หลอกลวงตน จากนั้น ท่านจะได้รับผลเกินประมาณ ครอบครัวของท่านบูชาข้าพเจ้า (เทพเจ้าเตาครัว) นับว่าศรัทธาแท้จริง วันนี้จึงได้เจาะจงมาบอกกล่าวให้ปรับแปรแก้ไขข้อบกพร่องทางใจ ต่อแต่นี้ไป หากรีบเร่งเริ่มต้นใหม่ โอกาสพลิกฟื้นชีวิตย่อมมีได้"  ว่าแล้วท่านผู้มาเยือนก็ยืนขึ้น เดินเข้าภายในบ้าน จิ้งอี้กงเดินตามเข้าไป แต่พอถึงครัว ท่านผู้นั้นก็พลันหายไป จิ้งอี้กงปักใจแน่ชัดว่า ท่านคือเทพเจ้าเตาครัวมาโปรด จึงรีบจุดธูปบูชา ขอบพระคุณที่ท่านโปรดตักเตือนชี้แนะ  เช้าตรู่วันตรุษจีนขึ้นหนึ่งค่ำ ทำการกราบไหว้ฟ้าดิน จิ้งอี้กงตั้งจิตอธิษฐาน ปฏิญาณว่าจะเริ่มต้นคิดเสียใหม่ ไม่มีข้อบกพร่องใดหรอกที่ตนเองไม่รู้ครูที่ดีที่สุด ใกล้ตัวที่สุดคือตนเอง ทำได้หรือไม่ได้อำนาจสิทธิ์ขาดก็อยู่ที่ตนเอง  คิดดังนี้แล้ว ในวันสำคัญนั้น นายอวี๋เหลียงเฉิน จึงได้ตั้งชื่อใหม่ให้ตนเองว่า อวี๋จิ้งอี้ แปลว่า "เจตดำริหมดจดแซ่อวี๋"  ภายหลังเมื่อสูงอายุใคร ๆ จึงพากันยกย่องในนาม "จิ้งอี้กง ปู่ชำระเจตดำริหมดจด"

พิจารณา   :   ปล่อยความคิด ดำริเจตนา ให้เปลี่ยนผันหันเหไปกับเหตุปัจจัยที่ขับเคลื่อนผลักดัน เป็นความอ่อนแอของจิต เป็นความหลงผิดตามอารมณ์ ท่านบรมครูจอมปราชญ์ขงจื่อ จึงสอนให้เราบำเพ็ญ ปฏิบัติด้วยปัญญา การุณย์ หาญกล้า  (จื้อ  เหยิน  อย่ง)  ใช้ปัญญาหยุดความหุนหันพลันแล่น ไม่ปากเปราะใจเบา ไม่ผลีผลามต่อการคิด  พูด  ทำ  ก้าวอีกขั้นหนึ่งให้เกิดความปราณีตสุขุมรอบคอบ  เกิดคุณ  เกิดการสร้างสรรค์และปล่อยวางได้ต่อการคิด พูด ทำนั้น ๆ การุณย์ต่อตนยับยั้งความผิด  การุณย์ต่อคู่กรณี มิให้บาดหมาง  ดังคำกล่าวว่า "ช้าสักนิดและไม่ผิดจะดีกว่า"  การุณย์หรือความกรุณา เป็นการให้ที่แสดงถึงความเอื้ออาทร เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มุ่งหมายอรรถประโยชน์ตอบสนอง กรุณาด้วยจิตสาธารณะเที่ยงธรรม  หาญ คือ หาญกล้าที่จะประจันฝ่าฟันอุปสรรคที่ขัดขวางการทำความดี หาญกล้าที่จะรับผิด ปรับเปลี่ยนแก้ไข หาญกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่ เหล่านี้เป็นต้น 

อมตะพุทธะพระอาจารย์โปรดไว้ว่า

"บำเพ็ญธรรมจะต้องศรัทธาเคารพจริงจัง             ด้วยใจไม่หยุดยั้ง  แข็งขันด้วยตน
ก่อเกิดคุณแห่งอริยภาพภายในตน                    ปฏิบัติงานธรรม จะต้องวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนผล
ด้วยพลังยั้งยืน  ไม่มืดมน   ไม่ถดถอย               ก่อเกิดศักดานุภาพด้วยคุณธรรมนำชน"

"ชิวเต้าชวีเจินเฉิงตู่จิ้ง             ปี้ฉุนจื้อเฉียงอู๋สีจือซิน
ลี่เน่ยเซิ่งจือกง        ปั้นเต้าชวีจีจี๋จิ้นฉวี่
ปี้ฉุนอย่งเหิงอู๋สีจือลี่         เจี้ยนไอว้อ๋วงจือเต๋อ                     
 


ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :   พยายามปรับตนเป็นกุศล

        จิ้งอี้กงเริ่มปฏิบัติตามคำเตือนของท่านผู้มาเยือนทันที  แต่ทว่า แรกเริ่มนั้น ใจคอยังสับสนไม่คงที่ สมาธิไม่แน่วแน่ มักจะลังเลสงสัย หน่ายคร้าน รำคาญ บางครั้งถึงกับทนไม่ได้ที่ต้องฝืนใจตน บังคับความคิดตน ้องพยายามดึงอารมณ์ความคิดให้กลับมาเข้าอยู่ในกรอบอยู่บ่อย ๆ  ใจของจิ้งอี้กงเป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ใจธรรมยังคงผลุบ ๆ โผล่ ๆ จนลอยไปตามกระแสความคิดความเคยชิน เป็นภาวะที่ทำให้หงุดหงิดมาก โชคดีที่จิ้งอี้กงได้ผจญวิบากกรรมของชีวิตมาแล้วมากมาย เจ็บปวดกับมันมาหนักหนาสาหัส เสียหายกับมันมานับไม่ถ้วนถึงขั้นเข็ดขยาด ที่สำคัญคือ คำเตือนจากท่านผู้มาเยือนในยามวิกาล ซึ่งเขาปักใจว่า ท่านคือสิ่งศักดิ์สืทธิ์มาโปรดในคืาก่อนย่ำรุ่งตรุษจีนอันเป็นวันใหม่ เป็นความหวังใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ จิ้งอี้กงจึงสาบานกับตนเอง โขกศรีษะลงกับพื้นอย่างไม่นับ จนหน้าผากแตกเลือดไหล ณ เบื้องหน้าหิ้งบูชาอวโลกิเตศวรกวนอินโพธิสัตว์ว่า  "ถ้าแม้หากกุศลเจตนาไม่อาจเนื่องนำจิต ผิดจากความวิริยะ หากข้าพเจ้าอ่อนคล้อยตามใจ ให้อภัยแก่ตน ข้าพเจ้าขอตกนรกหมกไหม้"  จากนั้นทุกเช้า..... จิ้งอี้กงจะขอพึ่งบารมีอวโลกิเตศวรกวนอินโพธิสัตว์ สรรเสริญพระนามพระองค์ท่านหนึ่งร้อยครั้ง ขอพระองค์ได้โปรดประทานพละกำลัง จิ้งอี้กงมุ่งมั่นปฏิบัติเช่นนี้ พร้อมกับสำรวจความคิด วาจา อาการ ของตนเองทุกขณะเวลา ประหนึ่งอยู่ในสายพระเนตรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สอดส่องอยู่ ไม่กล้าหละหลวมแม้แต่น้อย นับแต่นั้นมา การใดที่ให้คุณต่อใคร ๆ ให้คุณต่อสรรพสิ่ง ไม่ว่างานใหญ่งานเล็ก จะมีเวลาว่างอยู่หรือไม่ว่าง จะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ จิ้งอี้กงจะทุ่มเทกายใจ สงเคราะห์ช่วยเหลือ ทำเพื่อให้ จนกระทั่งจิตใจที่เคยแอบแฝงหวังผลเกือบหมดสิ้นไป บุญจริงกุศลแท้จึงก่อเกิดตามมา  ต่อจากนั้น จิ้งอี้กงก้าวอีกขั้นหนึ่งคือตักเตือนกล่อมเกลาผู้คนให้สมานสัมพันธ์ ให้ขยันเรียนเพียรอ่าน กำราบ  สำรวม  บำเพ็ญตน  อดทนอดกลั้น  อีกทั้งนำเอาเหตุผลของกฏแห่งกรรม บอกกล่าวเล่าเตือนใคร ๆ  ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จิ้งอี้กงเกรงแต่ว่า ตนจะทำได้ไม่เต็มที่ ฉะนั้น ทุกสิ้นเดือนจึงได้เขียนรายงานถวายเทพเจ้าเตาครัวด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ปฏิบัติต่อเนื่องอย่างนี้ จนในที่สุด กลายเป็นศีลวัตรคงที่ ไม่มีความผิดใด ๆ ที่จะต้องกราบขอประทานอภัยอีก ทุกขณะจิตจะบังเกิดแต่กุศลเจตนา ขณะสงบ ก็จะเป็นภาวะว่าง ทุกวันเป็นดังนี้ จนเวลาล่วงไปสามปี

พิจารณา   :  สิ่งที่บังคับควบคุมได้ยากอย่างหนึ่งคือ อารมณ์ ความคิดจิตใจ ความเคยชินของตนเอง  แต่หากจริงจังมั่นคง สิ่งยากยิ่งก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายได้ ตั้งแต่โบราณกาลมา ผู้ทำสำเร็จมีให้เห็นมากมาย ไฉนจะปล่อยให้เราคนเดียวที่ล้มเหลว  ปีนี้ จิ้งอี้กง อายุห้าสิบปีแล้ว ขึ้นศักราชอวั้นลี้ ปีที่สอง ตรงกับปีจอ ทางการจัดชุมนุมสอบ ท่านมุขมนตรีจางเจียงหลิง ทำหน้าที่ประธานสนามสอบ  ก่อนเข้าสู่สนามสอบ ท่านคิดไว้ว่าโอกาสนี้ น่าจะสรรหาผู้สมัครสอบสักคนที่เป็นพื้นเพคนบ้านเดียวกัน มาทำหน้าที่ครูให้แก่บุตรของท่าน ซึ่งครูผู้นั้น จะต้องเพียบพร้อมทั้งคุณธรรมและความรู้ ทันทีที่ประกาศความประสงค์นี้ ผู้ร่วมสอบคนบ้านเดียวกันต่างเสนอตัวจิ้งอี้กง  จิ้งอี้กงรับคำเชิญ  จึงนำพาครอบครัวรีบเดินทางเข้าเมืองหลวงมา  ท่านมุขมนตรีจางเจียงหลิง ชื่นชมในความรู้และคุณธรรมของจิ้งอี้กงยิ่งนัก จึงได้เสนอตัวส่งต่อไปให้เข้ารับตำแหน่งพระอาจารย์ในราชสำนัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :   บุญจริงกุศลแท้  ชีวิตก็แปรเปลี่ยน

        สองปีต่อมา  จิ้งอี้กงเข้าร่วมสอบในเมืองหลวง สอบได้ที่หนึ่งทันที ปีถัดมาสอบระดับรองจอหงวน ก็สอบได้อีก  วันหนึ่งจิ้งอี้กงเข้าคารวะท่านหยังกง ขุนนางขันทีอาวุโส ท่านหยังกงเรียกบุตรบุญธรมทั้งห้าที่ท่านอุปการะอุ้มชูไว้ให้มาพบจิ้งอี้กงผู้ทรงเกียรติ  ในจำนวนบุตรบุญธรรมทั้งห้าของหยังกง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุเพิ่งได้สิบหกปี จิ้งอี้กงมองดูเด็กหนุ่มนั้น มีความรู้สึกอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ เหมือนคุ้นหน้า เหมือนสนิทชิดเชื้อ จึงถามไปว่า "เป็นคนบ้านไหนโดยกำเนิด" เด็กหนุ่มตอบว่า "ศิษย์เป็นชาวเจียงหนัน เหตุด้วยเมื่อเยาว์วัย  ออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้าน หลงลงเรือบรรทุกข้าวเปลือกของผู้อื่นไปภายหลัง ท่านหยังกงนำมาชุบเลี้ยง แม้เวลานั้นยังเป็นเด็กน้อย แต่คลับคล้ายคลับคลา ยังพอจะจำแซ่สกุลกับหมู่บ้านได้" จิ้งอี้กงเต้นระทึก ละล่ำละลักขอให้เด็กหนุ่มถอดรองเท้าข้างซ้าย ขอดูใต้ฝ่าเท้าสักหน่อย ไม่น่าเชื่อ ใต้ฝ่าเท้านั้น มีไฝดำสองเม็ดปรากฏอยู่ จิ้งอี้กงร้องเสียงหลงอย่างตื่นเต้นดีใจว่า "ลูกชายฉัน ลูกชายฉัน"  หยังกงผู้อุปถัมภ์ตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่า บุตรบุญธรรมที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อยคนนี้ ที่สุดจะได้พบบิดาผู้ให้กำเนิดในบ้านของหยังกงเอง  หยังกงรู้สึกหวงแหนขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่พอได้สติก็เปลี่ยนเป็นร่วมยินดีด้วยทันที
        หยังกง ส่งมอบบุตรบุญธรรมให้จิ้งอี้กง จิ้งอี้กงรีบส่งข่าวบอกแม่ของลูก แม่ได้พบลูก แต่มองลูกไม่เห็น ได้แต่ใช้มือลูบไล้ใบหน้าของลูกโดยทั่ว เพื่อสัมผัสรับรู้ว่า หลายปีผ่านไป บัดนี้ลูกมีหน้าตาต่างจากครั้งยังเป็นเด็กอย่างไร แล้วพลันความรันทดที่อัดแน่นทรวงใน ความดีใจที่ท่วมท้นหัวอก ก้ประดังออกมาเป็นเสียงร้องไห้ที่สุดกลั้น น้ำตาประดังหลากล้น เริ่มจากสายน้ำใส ๆ ที่สุดกลายเป็นสายเลือดพร่างพรูอาบแก้ม แม่ลูกผูกพันธ์ด้วยจิตวิญญาณและสายเลือด เมื่อเห็นสภาพของแม่ ลูกไม่อาจอดใจ เขาปล่อยโฮเหมือนกัน สองมือประคองช้อนใบหน้าของแม่ขึ้นแล้วก้มลงใช้ลิ้นแตะที่นัยน์ตาทั้งสองข้างของแม่ เหมือนจะห้ามเลือด เหมือนจะระงับความเจ็บปวดของแม่ หรือเหมือนจะซับน้ำตาเลือดของแม่ไว้ ไม่ให้ร่วงไหลไป ไม่มีใครคิดเลยว่า อาการของลูกกตัญญูดังนี้ จะมีผลทำให้แม่ลืมตาขึ้น หยุดร้องไห้ แม่มองเห็นใบหน้าของลูก  จิ้งอี้กงตื้นตันใจเหลือจะกล่าว เขารู้ว่า บัดนี้นอกเหนือจากบุญจริงกุศลแท้ได้ส่งผลให้แล้ว เทพยดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะเทพเจ้าเตาครัว ซึ่งจิ้งอี้กงยังระลึกถึงการมาเยี่ยมเยือนของพระองค์ในยามวิกาลคืนนั้นอยู่ตลอดมา ได้โปรดประทานพรให้แล้วโดยมิต้องวิงวอนร้องขอ  ชั่วขณะนั้นเอง เป้าหมายชีวิตที่เคยคิดจะเป็นขุนนางใหญ่ หมายเสพลาภสักการะ ได้อันตรธานไปสิ้น  จิ้งอี้กง ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งขุนนางพระอาจารย์อันทรงเกียรติสูงศักดิ์ ขอกลับไปใช้ชีวิตอิสระสมถะ ที่บ้านเดิมกับครอบครัว ใช้โอกาสสร้างคุณความดีเต็มที่ต่อไป
        มุขมนตรีจางเจียงหลิง ชื่นชมนับถือจิตใจสง่าผ่าเผยของจิ้งอี้กงยิ่งนัก จึงปูนบำเหน็จตอบแทนความสูงส่งดีงามอันเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมทุกประการของจิ้งอี้กง เป็นทรัพย์สิ่งของมีค่าเหลือคณานับ อีกทั้งจัดขบวนรถนำส่งจิ้งอี้กงกับครอบครัวอย่างเต็มภาคภูมิ ให้กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ  วันเวลาผ่านไป ยิ่งสูงวัย ยิ่งเป็นไม่ใกล้ฝั่ง จิ้งอี้กงยิ่งวิริยะอุตสาหะที่จะเป็นผู้ให้ ช่วยเหลือ สงเคราะห์ ตักเตือน ให้ทรัพย์เป็นทาน วิทยาธรรมเป็นทาน อภัยทาน (แรงกายเป็นทาน) ไม่เว้นแต่ละวัน เหมือนจะแข่งกับเวลาของชีวิตที่เหลือน้อยลงทุกที ท่านยังคงเป็นผู้ให้โดยมิได้เจาะจง โดยมิได้ยึดหมาย  หลายสิบปีที่ปฏิบัติบำเพ็ญเช่นนี้ คงเส้นคงวาเรื่อยมา จนกลายเป็นขวัญวิญญาณอันไม่อาจแยกออกจากชีวิตกายสังขาร ซึ่งน่าจะกล่าวได้ว่า "ชีวิตจิตใจ ร่างกายสังขาร เป็นทรัพยากรแห่งทานทุกขณะ"จิ้งอี้กงได้บันทึกเรื่องราวของชีวิต ตลอดจนเหตุการณ์เทพเจ้าเตาครัวมาโปรด ซึ่งทำให้ได้ตื่นใจจากอวิชชาความหลง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของชะตาชีวิต เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง อีกทั้งเป็นโอวาทประจำตระกูลให้ลูกหลานได้ปฏิบัติบำเพ็ญตามต่อไป  ภายหลังบุตรชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของจิ้งอี้กงมีครอบครัว สะใภ้ได้ให้กำเนิดบุตรชายถึงเจ็ดคน ทั้งเจ็ดคนกายใจเติบใหญ่งดงาม มีคุณสมบัติของปราชญ์เมธีกันทั่วหน้า
        ตระกูลอวี๋  ของจิ้งอี้กง พลิกโฉมหน้าประวัติเดิมด้วยธรรมะวิถีจิต ดำเนินชีวิตอยู่กับวิถีธรรมเป็นปกติวิสัย ซึ่งแน่นอน ลูกหลานก็จะเชื้อไม่ทิ้งแถว เพื่อนบ้านพวกพ้องเครือญาติที่ได้ประจักษ์ผลของสัจธรรมนี้ ก็ย่อมจะมีไม่น้อยที่เจริญธรรมไปด้วย  การนี้จึงเรียกได้ว่า "มหาอานิสงส์ยิ่งยืนนาน"  จิ้งอี้กงสุขภาพแข็งแรงเรื่อยมา จนอายุได้แปดสิบแปดปี จึงหมดอายุขัย ดับไฟชีวิตลงอย่างสงบ ท่ามกลางลูกหลานเพื่อนบ้านห้อมล้อมมากมายด้วยความเทิดทูนและอาลัยรัก  (บันทึกเรื่องราวความเป็นจริงโดย "หลัวเจิน" เพื่อนบ้านรุ่นหลัง)

พิจารณา   :  ภาวะธรรม  ความศักดิ์สิทธิ์  สัมฤทธิ์ผล  เข้าถึงได้ด้วย "ยอดยิ่งศรัทธา"  ท่านเหลี่ยวฝาน เปลี่ยนชะตาจากอายุสั้นเป็นอายุยืน  ภรรยาจิ้งอี้กงตาบอด กลับมองเห็นได้จากผลบุญของจิ้งอี้กงกับที่ตนร่วมสร้าง ด้วยจิตใจที่ยอดยิ่งศรัทธา  พระคัมภีร์ต่าง ๆ จารึกว่า "ใจคนสำแดงผลเป็นโลกธรรม" ความดีทุกอย่างอาศัยใจยอดยิ่งศรัทธาสรรค์สร้างปรับแปร สำแดงผล ชะตาชีวิต สังขารกาย ก็อยู่ในข่ายนี้  คน สำแดงผลออกมาเป็นบุญจริงกุศลแท้ แม้วาสนายังมาไม่ถึง แต่พิบัติภัยก็ไกลห่าง ในทางตรงกันข้าม แม้เพียงเกิดอคติเจตดำริร้าย แม้เภทภัยจะยังมาไม่ถึง แต่วาสนาอายุก็ออกห่างจากไป จิ้งอี้กง เริ่มปฏิบัติจาก "ชำระเจตดำริหมดจด" ชีวิตที่ต้องล้มลุกคลุกคลานจึงเปลี่ยนไป  เราผู้บำเพ็ญวิถีจิต "ยอดยิ่งศรัทธา" ได้ก่อเกิดหรือยัง ปฏิบัติบำเพ็ญจริงจัง สำนึกคุณ ขอขมา ประณีตหรือไม่ อุทิศเสียสละ เป็นผู้ให้โดยไม่แอบแฝง ได้สำแดงจริงหรือยัง ถ้ายัง แล้วยังจะเรียกร้องอะไรจากฟ้า  พระพุทธะ  โพธิสัตว์  เซียนโสดา  อาวุโสผู้บรรลุธรรมทิ้งรอยเท้าไว้ให้เราเจริญรอยตามกันทั้งนั้น  เราน่าจะ "ตามรอยอริยา" ด้วย "ยอดยิ่งศรัทธา"  เริ่มเรียนรู้ความเป็นโพธิสัตว์ บำเพ็ญวาสนาปัญญาญาณ รู้ชีวิต กำหนดชีวิตตนด้วยตน จึงจะถูกต้อง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :   ท้ายบท

        มหาเถระซิงอวิ๋น โปรดไว้ว่า "ชะตาชีวิตอยู่ในมือตน เพียงแตู่รู้จักหักเห ขุนนางบัณฑิตที่จนหนทาง ยังทะยานตนเป็นกวีเอกได้  เสี่ยวเอ้อผู้เดินโต๊ะส่งอาหาร ก็ทะยานตัวขึ้นเป็นนักธุรกิจ เหล่านี้ เคยมีตัวอย่างให้เห็น"  จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต จะต้องเริ่มจากเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม ความเคยชิน สุดท้าย เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของความเป็นคน  จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม สำคัญ จะต้องสำรวจสำนึกตน "ไม่รู้ละอาย จะเรียกว่ากล้าหาญได้อย่างไร" ขาดความกล้า จะขาดวิริยะไปไม่ถึงเป้าหมาย ช่วงต้นชีวิตของจิ้งอี้กงก็เป็นเช่นนี้ หลอกตนเองว่า "ดีแล้ว"  หารู้ไม่ว่า "ดี" ที่ทำ เหมือนตักน้ำด้วยตระกร้าสาน ไม่เพียงไม่เกิดกุศลผลบุญ ยังสร้างบาปเวรไว้  ผู้บำเพ็ญจึงพึงสำเหนียกใน "บุญจริงกุศลแท้" ในปณิธานสิบ ข้อที่สาม "ไม่เคลือบแฝงเสแสร้ง" บุญจริงกุศลแท้ไม่ก่อเกิด ไม่สั่งสม หลอกตนหลอกใคร ๆ ไปวัน ๆ จะน่าเวทนานัก  ใจกว้าง  อภัย  ให้รัก  เมตตา  ฟ้าจะไม่ให้เธออับเฉา  ความเป็นอริยเมธา ฟ้าไม่อาจสร้างแก่เธอได้ ต้องทำเอง  กระจอกงอกง่อยฟ้าก็ไม่อาจยัดเยียดแก่เธอ เธอทำตัวของเธอเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :   เหตุผลต้นตามหนึ่งวินาที

        หนึ่งวินาที สั้นเกินไปที่จะใช้ทำอะไรได้ แต่เพียงพอสำหรับการบันดาลผล พนักงานสับรางรถไฟในสถานีต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง กำลังจะทำหน้าที่ มีรถไฟขึ้นล่องสองขบวน จะมาสับหลีกกันที่นี่ วินาทีสำคัญนั่นเอง เขาเหลียบไปเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังเก็บหินเล่นในช่องรางรถไฟ จะกระโดดฉุดลูกหรือจะสับราง รถทั้งสองขบวนใกล้จะประจัญหน้ากัน เสี้ยววินาทีนั้น เขาตะโกนสั่งลูก "หมอบลง" พร้อมกับสับราง รถทั้งสองขบวนผ่านหน้าไปเหมือนสายฟ้า ลูกของเขาหมอบปลอดภัยอยู่ในช่องราง คนที่เห็นเหตุการณ์ระทึก ต่างนึกในใจว่า "พ่อลูกคู่นี้ ปราดเปรื่องฉับไวเหนือคนธรรมดา" ไม่รู้ว่าที่แท้จริง เขาเป็นคนซื่อเซื่องกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ แต่รักงานซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มาก ไม่เคยพลาดงานรับผิดชอบแม้วินาที  ส่วนลูกชาย ดูจากลักษณะหน้าตา ก็รู้ว่าปัญญาอ่อน พ่อเป็นห่วงลูกกำพร้าแม่คนนี้มาก ลูกไม่ค่อยจะรับรู้คำสั่ง สิ่งเดียวที่ทำได้ดีคือ เล่นฝึกการรบกับพ่อ รับรู้คำสั่งให้ "หมอบลง" ได้ เสี้ยววินาทีที่รถไฟใกล้จะปะทะบดขยี้ลูก หากพ่อวิ่งไปกระชากตัวลูกให้ออกมาพ้นราง ย่อมทำได้ แต่จะวิ่งกลับมาสับรางไม่ทัน แน่นอน โศกนาฏกรรมความหายนะวินาศสันตะโรอันจะเกิดจากรถไฟสองขบวนชนกัน จะมากมายมหาศาลนัก  เสี้ยววินาทีนั้น  ไม่รู้ว่าอะไรทำให้พ่อโพล่งออกไปว่า "หมอบลง"  ท่าทางที่พ่อออกคำสั่ง กับที่ลูกมองมาทางพ่อพอดี มีพลังผลักดันอะไรที่อยู่เหนือความพอดีนั้น  คนที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่กรีดร้อง แต่เข้าไม่ถึงพลังผลักดันนั้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               จิ้งอี้กง  ปู่ชำระเจตดำริหมดจด  :   ที่มาของมงคลร้ายเภทภัยวาสนา

        เบื้องหลังความเป็นไปทุกอย่าง  ล้วนมีเหตุและผล

๑. บุคลิกภาพสมสง่า        ได้จากอุเบกขาอดกลั้น  อดทน
๒. ยากเย็นเข็ญใจ           ได้จากโลภอยากตระหนี่ถี่เหนียว
๓. สูงศักดิ์เหนือใคร         ได้จากอ่อนน้อมถ่อมตน
๔. ถ่อยสถุลต่ำไพร่          ได้จากยโสโอหัง
๕. บ้าใบ้                       ได้จากใส่ไคล้ยุแหย่
๖. ตาบอดหูหนวก            ได้จากไม่ศรัทธาต่อภาษิตคำสอน
๗. อายุยั่งยืนวัย              ได้จากเมตตากรุณา
๘. อายุสั้นบั่นทอนไป        ได้จากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
๙. อินทรีย์ไม่ถ้วนกาย        ได้จากตระบัดสัตย์ ทุุศีล
๑๐. อินทรีย์สมบูรณ์ทั่วกาย   ได้จากถือศีลกินเจ     

        โพธิสัตว์ตัดเหตุ  ป้องกันผล  ปุถุชนรับผลไม่รู้เหตุ จึงโทษโพยตัดพ้อ ก่อเหตุต่อไป จิตใจดี ชีวิตดี สุขสมบัติมั่งมีชั่วชีวี  ชีวิตดี จิตใจไม่ดี เภทภัยย่ำยีทุกข์ยากพรากอายุ ฉุดช่วยชะตาด้วยจิตใจดี ธรรมะนำวิถีมีกรุณา จิตใจนำพาชะตาไป มงคลเภทภัย ใจตนโน้มนำมา  เชื่อชะตากรรมไม่บำเพ็ญใจ อินหยางวกวนหลงทางไป บำเพ็ญหนึ่งจิตชีวิตจริง ฟ้าดินอุ้มชู  อมตะ พุทธะพระอาจารย์จี้กงโปรดว่า "กายธาตุกำหนดวัดจากจิตวิสัย  จิตวิสัยได้จากจิตคิดดำริ  สรรค์สร้างอริยทิพย์จากจิตดำริ  จิตดำริสัญญาเห็นเป็นพันปี" 

        ถี่จื๋อเจียอินซิ่งจื๋อติ้ง             ซิ่งจื๋อไหลจื้อซือเสี่ยงฟัง
        ซือเสี่ยงช่วงเจ้าเสินเซิ่งชู       เซียนเหนียนซุ่ยเอวี้ยจี๋ซือเหลียง

        เมื่อเข้าถึงถ่องแท้ต่อรากฐานแล้ว ความคิดดำริใด ๆ จะเกิดขึ้นแอบแฝงเร้นลับก็จับได้ รู้ทันที กำจัดออกทันที รู้ยินดีก็รับได้ทันที  ฉะนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตน จึงโทษฟ้าโทษใครไม่ได้เลย พระอาจารย์โปรดว่า "การทุกอย่างที่ให้คุณประโยชน์แก่เวไนยล้วนเป็นกุศล ทำการใดจึงต้องคำนึงถึงผู้อื่น  ทำคุณประโยชน์ ยังจะต้องทำให้เหมาะด้วยจิตหมดจด แม้จะดุด่าว่ากล่าวให้เขาตื่นใจ ลงมือลงไม้ให้เขาตื่นตัว ก็ถือเป็นกุศลได้ เพราะมิใช่เพื่อตน มิใช่ทำโดยแอบแฝงเสแสร้างเพื่อตน  สงเคราะห์ด้วยเมตตารัก ไม่สักแต่ร่วมวง เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เขาบอกกล่าวเล่าขานชื่นชม"
        เรื่องราวของท่านเหลี่ยวฝาน  ท่านหวังเฟิ่งอี๋  ซึ่งบัดนี้ต่างบรรลุธรรมไปแล้ว   ทุกท่านก็ล้วนเป็นตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนชะตาชีวิตที่น่าเจริญตามอย่างยิ่งเช่นกัน

                                   จบเล่ม                   

Tags: