เมื่อครั้งยังเยาว์วัยได้ยินญาติเพื่อนพ้องคุยกันเสมอว่าปู่กับพ่อของฉันล้วนเป็นคนร่ำเรียน ปู่ทวดของฉันได้ตั้งชื่อว่า"หนังสือธรรมะ" (ตู้อภิธรรมเคลื่อนที่ ) แต่ฉันไม่เคยได้เรียนหนังสือสักวันเดียว เรียกได้ว่า""บอดหนังสือ"" ต่อไปจะมีหน้าอะไรไปพบบรรพบุรุษในปรโลกได้ คิดถึงตรงนี้ฉันละอายใจนัก จึงได้ตั้งความมุ่งมั่นว่าจะยากจนข้นแค้นเพียงใด ฉันก็จะให้ลูกเรียนหนังสือให้ได้ลูกชายฉันจึงได้เข้าโรงเรียนตั้งแต่แปดขวบ (เร็วมากสำหรับคนสมัยนั้น) ฉลาด เรียนไว ได้รับคำชมจากครู
ฉันเห็นคนแต่ก่อนคนภายหลังได้เล่าเรียนกันอย่างนี้แล้ว ฉันจะไม่ก่อตั้งโรงเรียนได้อย่างไร ฉันจึงตั้งจิตปณิธานต่อตนเองว่าฉันจะไม่เล่าเรียนไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อฉันอายุสามสิบแปดปีเป็นต้นมา ฝึกพูดหนังสือธรรมะ ต่อมาได้รู้จักอักษรบางตัว ยังฝึกพูด(อ่าน)หนังสือธรรมะให้สาธุชนศึกษาคุณธรรมกัน คิดขึ้นมาแล้วเบิกบานใจแท้ เหล่านี้ล้วนเกิดได้จากการตั้งความมุ่งมั่น
คนมักจะพูดว่า จะต้องมีกุศลมูลใหญ่ พลังใหญ่คืออย่างไรหรือ เมื่อยังเยาว์วัยฉันเป็นคนงานรับจ้าง ได้ยินเขาว่ามโนธรรม "สามก๊ก" ว่ากวนกงถูกจับเป็นเฉลยในค่ายโจโฉ ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจให้เป็นพวกแตกวนกงจงรักภักดีมีมโนธรรมยิ่ง ก่อนจะหนีศรัตรูไปยังคิดว่า"" แม้ยังไม่ได้สร้างความดี (คืนสนอง) สักเล็กน้อยจะไม่ออกจากค่ายโจโฉ (ที่กักกันอย่างยกย่อง)""
ฉันจึงตั้งจิตมุ่งมั่น "ไม่ว่าจะรับจ้างทำงานแก่บ้านใดแม้ยังมิได้สร้างความดี (คืนสนองนายจ้าง)จะไม่ออกจากค่ายโจโฉ (ที่กักกันทำงาน) เช่นกัน ตั้งจิตมุ่งมั่นก็คือ""กุศลมูลใหญ่"" บุคลากรใหญ่คือทำการใดจะต้องคิดว่าจะผลักดันความดีนี้ไปทั่วโลกได้ไหม ถ้าได้จะได้เผยแพร่หลายไปสู่ทุกคนทำเช่นนี้จึงเป็น""บุคลากรใหญ่"" แต่คนเดี๋ยวนี้ผิดพลาดที่เห็นอิทธิพลเป็นบุคลากรใหญ่ คิดผิดมหันต์
เมื่อตอนที่ฉันอายุสามสิบห้าปี ก็รู้แล้วว่าโลกโลกียะจะถึงวาระสุดท้ายแล้ว ภายหน้าจะเป็นโลกโลกุตตระ สองโลกจะต่างกันมาก ผู้ที่ใส่ใจแต่ลูกเมียตน ก็คือคนในโลกโลกียะ ผู้ที่ไม่ใส่ใจส่วนตนแต่มุ่งทำเพื่อสวัสดิการส่วนรวมเท่านั้นจึงจะเป็นคนในโลกุตตระ เมื่อฉันอายุได้ยี่สิบเอ็ดปีรับจ้างทำงาน เห็นพี่น้องเขาแตกแยกครอบครัว ใช้อาวุธมีดพร้าจะเข่นฆ่าแย่งชิงสมบัติกัน ที่ถึงตายก็มี ฉันแอบคิดอยู่ในใจ พวกเขาแย่งชิงกันเพื่อใครหรือ ครุ่นคิดพิจารณาอยู่หนึ่งวัน ทันใดก็เข้าใจชัด อ้อ!!เขาแย่งชิงเพื่อลูกเมีย ขณะที่คิดได้ ฉันกำลังหาบปุ๋ยมูล ฉันโยนหาบปุ๋ยลงบนกองมูล ตะโกนว่า"ฉันจะต้องเป็นคนพิเศษกว่าใครๆให้ได้ (ไม่แย่งชิง) เพื่อนร่วมงานที่หาบตามกันมาพากันค้อนฉัน เขาไม่รู้ว่าฉันกำลังกระอักใจเรื่องอะไร จนกระทั่งฉันอายุสามสิบแปดปี ไว้ทุกข์เฝ้าสุสานบิดาจึงพูดกับภรรยาว่า""จากนี้ไปฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องวุ่นวายทางบ้านของพวกเธออีกแล้ว""
พอครบกำหนดวันเฝ้าสุสาน ฉันก็ทำหน้าที่ของฟ้าด้วย การพูดธรรมะเตือนใจให้ใฝ่ศึกษาเป็นกิจวัตร จนบัดนี้สามสิบปีผ่านมา ที่อำเภอจิ่นซี หมู่บ้านเมิ่งเจีย ทำการซ่อมแซมศาลบูชาจอมมารดาเมิ่ง มารดาของท่านปราชญ์เมิ่งจื่อ เป็นโครงการยิ่งใหญ่มโหฬาร ซ่อมสร้างเสร็จแล้ว ฉันไปเที่ยวชมปูชนียสถานนั้น ได้พบผู้จัดการศาลบูชาแห่งนี้ ท่านชื่อว่า เมิ่งเหล่าเฟิง ฉันน้อมคารวะท่านด้วยความเคารพยิ่ง (ที่ท่านแซ่สกุลเดียวกับท่านปราชญ์เมิ่งจื่อ ) ท่านเมิ่งเหล่าเฟิงไม่แยแส ฉันพูดด้วยก็ไม่ตอบ ออกจากศาลบูชา ฉันตั้งจิตมุ่งมั่นว่า"ถือดีว่าตระกูลเมิ่งของตนได้ให้กำเนิดอริยะ จึงวางท่ายโสโอหังดั่งนี้ ตระกูลแซ่หวังของเราไม่กำเนิดอริยบุคคลได้บ้างก็ให้มันรู้ไป" ฉันจึงตั้งความมุ่งมั่นจะเริ่มเรียนรู้ความเป็นอริยะให้ได้ คนรอบข้างยิ้มเยาะฉันว่า"จะตามทันหรือ (อายุมากไม่ได้เล่าเรียน) ฉันตอบว่า"ตามไม่ทันก็จะตาม ได้กี่ก้าวก็ยังดี"
ฉันได้ยินเขาอรรถาคัมภีร์ทางสายกลาง (จง-อยง ) ประโยคหนึ่งว่า ""ผู้มีความกตัญญูนั้นสามารถยิ่งต่อการสืบสานจิตมุ่งมั่น สามารถยิ่งต่อการสาธยายปฏิปทาท่าน"" นั่นคือทำตามบรรพบุรุษตน ฉันว่าน่าจะขยายขอบข่ายไปถึง"ท่าน"อื่น ๆ ที่เป็นแบบอย่างด้วย ฉันได้ยินเรื่องราวที่"หยังเจี่ยวไอ สละชีวิตทั้งหมดให้" (ประวัติพิมพ์อยู่ในหนังสือ"ใครกำหนด"ชุดที่สี่ หน้า๗๑ ในเรื่องกัลยาณมิตร ) ฉันสืบสานจิตมุ่งมั่นนั้นไปช่วย นักบุญหยังป๋อ สหายธรรม ให้พ้นจากถูกจองจำ
ฉันสาธยายเรื่องราวนี้ทำตามความจริงใจนี้ฉันจึงเปลี่ยนจากโง่เขลาเป็นสว่างปัญญา จิตมุ่งมั่นของอริยปราชญ์ใครจะสืบสานไม่ได้หรือไร สืบสานจิตมุ่งมั่นของอริยปราชญ์พระองค์ใด จะไม่ใช่ลูกกตัญญูหรือ (สืบสานทุกพระองค์ได้ไม่จำกัด)
โลกยุคปัจจุบันพระพุทธสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกสากลโลกล้วนอยู่ในโลกมนุษย์ มิได้หมายความว่ามาเกิดกาย แต่หมายความว่า"ใครจริงจังประกบอยู่กับจิตมุ่งมั่นเยี่ยงพระองค์ใดแสงญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั้นก็จะประกบอยู่ในจิตญาณหรือมาถึงผู้นั้นอย่างจริงจัง ไม่ว่าพุทธะ อริยะ ปราชญ์ เมธี โพธิสัตว์
เมื่อมีเหตุอันใดเราก็จะเรียนรู้ได้จากท่านนั้น พระองค์นั้น เหมือนเราเป็นตัวแทนแต่ละท่าน แต่ละพระองค์ ปราชญ์เมิ่งจื่อกล่าวไว้ว่า "ทุกคนล้วนเป็นอริยกษัตริย์เหยา - ซุ่น ได้) ก็คือบอกให้ทุกคนประกบญาณจริงจัง (ดั่งช่วงชิง)กับจิตมุ่งมั่นของอริยปราชญ์ สามัญชนไม่รู้จักจะช่วงชิงจิตมุ่งมั่นดังนี้ จึงต้องเป็นสามัญชนอยู่ตลอดกาล
ลองถามตนเอง ทั้งหมดนี้ มีสักกี่ข้อ ที่เราทำได้
:} หมายเหตุท้ายเล่ม
ท่านเจิ้งจื่อตง ผู้รวบรวมคติพจน์ของท่านนักบุญหวังเฟิ่งอี๋ ด้วยความซาบซึ้งเคารพรักยิ่ง เจริญรอยตามปฏิปทาอรรถาธรรมสืบต่อ สร้างโรงเรียนสงเคราะห์ สร้างสถานอภิบาลผู้สูงวัย ท่านพูดเสมอว่า""จะอยู่กับธรรมะ ตายกับธรรมะ"" ปีหมินกั๋วที่ ๖๒ เดือน ๘ ท่านป่วยถูกสหายธรรมนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ถามว่า "ท่านไม่สบายตรงใหน" ท่านตอบเรียบ ๆ อารมณ์ดีตามปกติว่า""ตั้งแต่ป่วยมา ไม่เพียงไม่รู้สึกว่าไม่สบาย ยังกลับมีความสุขจริง ๆ "" ว่าแล้วก็หัวเราะเบิกบาน ท่านตายกับธรรมะ ไม่มีใครโศรกเศร้าอาดูร สภาพของท่านเหมือนคนแก่ใจดีที่หลับสบาย