collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: "ชู'ในหลวง" 'ทรงแก้น้ำท่วมยั่งยืน  (อ่าน 2397 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              " ชู'ในหลวง" 'ทรงแก้น้ำท่วมยั่งยืน

         สื่อเทศเชิดชูพระอัจฉริยภาพในหลวงโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน สำนักข่าวเอพี เสนอรายงานกึ่งวิเคราะห์ชิ้นหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน เกี่ยวกับพระอัจฉริยะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมองการณ์ไกลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ก่อนหน้าจะเกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดใน 50 ปี พระองค์ทรงเตือนหลายครั้งเรื่องการพัฒนามากเกินไป รวมทั้งมีพระราชดำริหลายประการเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการหนุนของน้ำทะเลในแต่ละปี นอกเหนือจากการรับมือกับฤดูน้ำหลาก 
         ความพ่ายแพ้ของประเทศไทยต่อน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ประชาชนเกือบ 400 รายเสียชีวิต พลเมืองนับแสนต้องกลายเป็นผู้อพยพ เป็นบทเรียนที่แสนแพงจากการละเลยคำเตือนของพระองค์ รวมทั้งการฝืนควบคุมพลังธรรมชาติที่มีศักยภาพเหนือกว่ากำลังของมนุษย์ทั้งมวล  นักวิเคราะห์จากต่างประเทศตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดที่มีความสามารถในการประสานงาน และวางแผนการจัดการน้ำให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทัดเทียมพระองค์ แม้ในเวลานี้ที่เมืองหลวงของไทยกำลังดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับมวลน้ำที่ไหลหลั่งมา พระองค์ยังทรงแนะนำแนวทางการผันน้ำจากทางตอนเหนือลงสู่ทะเลโดยตรง ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่พระสุรเสียงของพระองค์ก็ไม่อาจดลใจให้ภาครัฐดำเนินการตามที่ 
         พระองค์ทรงเป็นนักพัฒนา ทรงมีผลงานด้านการจัดการน้ำโครงการแรกเมื่อปี 2506 ณ วังไกลกังวล ที่ทรงสร้างเขื่อนกั้นน้ำจืดเพื่อป้องกันน้ำทะเลปนเปื้อนในแหล่งน้ำจืดนั้นได้ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของโครงการในพระราชดำริมากกว่า 4,300 โครงการ โดย 40% ของโครงการเหล่านั้นเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำ
         นายเดวิด เบลค ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำแห่งมหาวิทยาลัยอีสต์ แองเกลีย ประเทศอังกฤษ ซึ่งทำวิจัยเกี่ยวกับโครงการจัดการน้ำในประเทศไทย กล่าวว่า "นโยบายด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากพระราชดำริ โครงการในพระราชดำริ และการดำเนินการตามแนวพระราชดำริ ที่พระองค์ทรงทุ่มเทเวลากว่า 40 ปี ในการดำเนินการ"
         นายโดมินิค เฟาล์เดอร์ บรรณาธิการอาวุโสหนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กำลังจะตีพิมพ์ กล่าวว่า ในเวลานั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจในเอเชียเติบโตอย่างรวดเร็ว พระราชดำรัสของพระองค์เกี่ยวกับน้ำท่วม การแก้ปัญหาจราจรติดตัด และความทุกข์ยากต่างๆ เป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เปรียบได้ดั่งยาขมที่ทุกคนไม่ต้องการรับประทาน
         พระองค์ทรงตั้งชื่อโครงการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ว่า "แก้มลิง" โดยอธิบายจากพฤติกรรมของลิงที่พระองค์ทรงเลี้ยงครั้งยังทรงพระเยาว์ ที่เก็บอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้มให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะกลืนลงคอในภายหลัง โครงการแก้มลิงของพระองค์สามารถผันน้ำจากทางตอนเหนือที่จ่อเข้าท่วมกรุงเทพฯ ไปยังแก้มลิง ก่อนจะไหลลงทะเลหรือเข้าสู่ระบบชลประทานอย่างรวดเร็ว ในโครงการตามพระราชดำริยังครอบคลุมถึงการสร้างแหล่งเก็บน้ำ เช่น บ่อ ลำคลอง และประตูน้ำ การปรับปรุงระบบการระบายน้ำในกรุงเทพฯ จนทำให้กรุงเทพฯ หลังทศวรรษที่ 2543 ไม่เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมนานกว่า 1 ทศวรรษ
        นายเบลค กล่าวด้วยว่า โครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำรินั้น หมายถึงการที่ชุมชนโดยรอบกรุงเทพฯ ต้องยอมจมน้ำเพื่อรักษาพื้นที่ใจกลางเมืองหลวงเอาไว้ และบางครั้งหน่วยราชการก็ผันน้ำเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรแทนที่จะเป็นแหล่งเก็บน้ำ นอกจากนั้นอุปสรรคอีกประการหนึ่งต่อโครงการแก้มลิงคือ พื้นที่ซึ่งถูกใช้เป็นแก้มลิงเพื่อรองรับน้ำในทางตะวันตก ตะวันออก และตอนเหนือของกรุงเทพฯ ได้พ่ายแพ้ต่อการหลั่งไหลของกระแสทุนจนกลายเป็นพื้นที่สร้างศูนย์อุตสาหกรรม ที่พักอาศัย สนามกอล์ฟ และท่าอากาศยานนานาชาติ
         ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน พระองค์ที่ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งประเทศ ส่งเสริมให้เรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ
        นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงสร้างนวัตกรรมที่ดูประหลาดๆ เช่น การใช้ผักตบชวาในการบำบัดน้ำเสีย โดยให้ผักตบชวากักเก็บของเสียออกจากน้ำ ก่อนที่จะใช้ต้นผักตบที่แก่แล้วนำมาหมักเป็นปุ๋ย หรือผลิตเป็นเชื้อเพลิง รวมทั้งการใช้เส้นใยผักตบชวามาสานเป็นงานหัตถกรรม หรือการประดิษฐ์กังหันชัยพัฒนา เพื่อบำบัดน้ำเสีย และต่อมาได้ขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรระหว่างประเทศ พระองค์นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในโลกที่ทรงครอบครองสิทธิบัตรจากการสร้างนวัตกรรมจากพระราชดำริ   

 ที่มา  :  หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554           ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: "ชู'ในหลวง" 'ทรงแก้น้ำท่วมยั่งยืน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 3/11/2011, 09:23 »
         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานถุงยังชีพพระราชทานแก่ราษฎร ณ โรงเรียนวัดตลิ่งชัน และโรงเรียนวัดมะกอก จำนวน 2,000 ครอบครัว และที่โรงเรียนเลิงบัว และจุดอพยพราษฎร บ้านปลาปัด อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม อีก 2,000 ครอบครัว (2พย.54)

         ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเปิดโรงครัวพระราชทาน เพื่อเลี้ยงอาหารแก่ราษฎรเขตบางพลัด และพระราชทานถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย ตามโครงการ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" ณ สถานีรถไฟลพบุรี, วัดดอนโพธิ์ และสถานีอนามัยตำบลดอนโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี รวม 700 ถุง พร้อมทั้ง นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานไปช่วยเหลือดูแลปัญหาสุขภาพแก่ผู้ประสบภัย ( 2พย.54 )

        สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระราชทานอาหารกล่องแก่เขตคลองสามวา 1,000 กล่อง รวมถึงชุมชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณวังทวีวัฒนา, บริเวณชุมชนหลังสถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ และชุมชนประตูน้ำฉิมพลี พร้อมกับจัดให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทาน ไปตรวจรักษาผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย และพระราชทานอาหารแก่ผู้ประสบประสบภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ อำเภอบางบัวทองด้วย  ( 2 พย.54 )

        พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปยังสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต ทรงเปิดโครงการ "รถอาหารเพื่อนพึ่ง ภาฯ มาหาท่าน" และโครงการ "ที่พักพิงฟื้นฟูดูแลจิตใจ" เพื่อลดความอดอยากของผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะผู้อยู่ห่างไกลยากจะเข้าถึง พระภิกษุผู้พิการ และผู้สูงอายุ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย เป็นผู้ผลิตอาหารปรุงสุก คาดว่าจะสามารถจะผลิตได้ถึงวันละ 1 แสนชุด และบริษัทสิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด สนับสนุนน้ำดื่มให้อย่างเพียงพอ  ( 2 พย. 54 )

ออฟไลน์ haistkiz55

  • มิตรนักธรรม
Re: "ชู'ในหลวง" 'ทรงแก้น้ำท่วมยั่งยืน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 2/12/2013, 18:29 »
อ่านแล้วเศร้าเลยครับ ไม่รู้เป็นไร ฮ่าๆ

Tags: