collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: หน้ากากอนามัย จำเป็นสำหรับชีวิตในเมือง  (อ่าน 1238 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 ***หน้ากากอนามัย จำเป็นสำหรับชีวิตในเมือง***

หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าขายดีขึ้นมาทันทีในหมู่คนไทย เมื่อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่กระจายไปในกลุ่มคนจำนวนมากขึ้น แต่หน้ากากอนามัยไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว และหลายคนเชื่อว่าหน้ากากอนามั...ยช่วยป้องกันได้ ขณะที่บางคนอาจสงสัยว่าจะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว

-หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นได้ดี สามารถป้องกันของเหลวซึมผ่านได้ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจาม ซึ่งหน้ากากอนามัยประเภทนี้ อาจสามารถป้องกันผู้สวมใส่จากเชื้อโรคได้ในจำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา แต่หากเป็นเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในระดับไมครอน อาจจะไม่สามารถป้องกันได้ และไม่ควรมีการนำมาใช้ซ้ำ ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน โดยมีราคาชิ้นละประมาณ 5 บาท

-หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เน้นใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม แต่อาจไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้เช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยกระดาษ และสามารถซักทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยราคาประมาณชิ้นละ 5-10 บาท

-หน้ากากอนามัยชนิด N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน และมีอายุการใช้งานนานประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ทุกวัน ราคาชิ้นละประมาณ 30-50 บาท

-สำหรับหน้ากากป้องกันมลพิษ สามารถป้องกันฝุ่นละออง ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทว่าไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ฉะนั้นจึงไม่เหมาะที่จะนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมใหม่อย่าง เครื่องกรองอากาศแบบสอดจมูก ซึ่งฉีกไปจากหน้ากากอนามัยรูปแบบเดิม เพราะมีขนาดเล็กที่สามารถสอดเข้ากับรูจมูกได้โดยตรง แถมผู้ผลิตยังให้ข้อมูลว่ามีระบบฟิลเตอร์นาโน (Nano Filter) ที่สามารถกรองฝุ่นละอองและยับยั้งเชื้อโรคในอากาศชนิดต่างๆ ได้ทั้งเชื้อราและเชื้อไวรัส โดยมีราคาประมาณ 3 ชิ้น 50 บาท และอายุการใช้งานนานประมาณ 40-50 ชั่วโมง ซึ่ง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ถ้าจะใช้ป้องกันเชื้อโรคอาจได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเชื้อโรคยังสามารถเข้าทางปากได้ ทางที่ดีจึงควรปิดทั้งปากและจมูก

ที่สำคัญการสวมใส่หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ สามารถช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอจามได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นผู้ที่ป่วยหรือไม่สบายจึงควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นอย่างยิ่ง และควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน ไม่ควรใช้ซ้ำของเดิม และก่อนการสวมใส่หรือถอดหน้ากากอนามัยนั้นควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เนื่องจากมือของเราสัมผัสกับสิ่งต่างๆ มากมาย จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจำนวนมาก

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หน้ากากอนามัยประเภทไหนป้องกันเชื้อโรคขนาดเล็กได้กี่ไมครอน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ชี้ว่าควรจะมีหน่วยงานกลางตรวจสอบและให้การรับรองด้วย เช่นเดียวกับยาทากันยุง ที่ต้องตรวจสอบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันยุงเข้าใกล้ได้ในระยะกี่เมตร และนานกี่ชั่วโมง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โรคไข้หวัดใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มของโรคติดเชื้อที่เกิดจากการหายใจเอาอนุภาคที่ติดเชื้อเข้าไป โดยอนุภาคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อนี้มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน และเมื่อผู้ป่วยไอหรือจามออกมาอนุภาคมักกระจายไปในระยะไม่เกิน 3 ฟุต (Droplet precautions) ฉะนั้นเชื้อไวรัสส่วนใหญ่จึงมักปนเปื้อนมากกับละอองน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ป่วย ซึ่งหน้ากากอนามัยทั่วไปสามารถป้องกันละอองเหล่านี้ได้

ส่วนโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่เกิดจากการหายใจเอาอนุภาคที่ติดเชื้อเข้าไป โดยอนุภาคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อนี้มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน เช่น วัณโรค และ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน (ซาร์ส) อนุภาคเหล่านี้สามารถฟุ้งกระจายไปได้ไกลและอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน (Airborne precautions) ซึ่งหน้ากากแบบ N95 จะสามารถช่วยป้องกันได้ แต่หน้ากากอนามัยทั่วไปอาจไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคในกลุ่มนี้ได้.

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์       ขอบคุณค่ะ

Tags: