collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ตะคริวกับเกลือ...  (อ่าน 1663 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ตะคริวกับเกลือ...
« เมื่อ: 10/10/2012, 06:40 »
                    ตะคริวกับเกลือ 

ตะคริวเป็นอาการหดตัวของกร้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว มักเกิดที่น่องและต้นขา เมื่อคลำที่กล้ามเนื้อบริเวณที่บวดจะรู้สึกเป็นก้อนแข็งแต่จะบรรเทาปวดลงเมื่อเหยียดขาและนวดเบา ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว หรือทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นดีขึ้น

ตะคริวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คุณอาจออกกำลังกายมากเกินไป โดยที่กล้ามเนื้อไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนหรือเกิดจากการไหลเวียนของหลอดเลือดไม่สะดวก เนื่องจากท่านั่งหรือยืนที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก หรือในผู้สูงอายุที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว

นอกจากนี้ยามอาการเย็นก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ และในรายที่ขาดแคลเซียมต่ำในเลือดหรือร่างกายที่มีการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกายอย่างมากในขณะท้องเสีย อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก ๆ

สาเหตุ อาจแบ่งออกได้ ดังนี้

1.ขาดเกลือ

2.ขาดแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น โปแตสเซี่ยม หรือ แมกนีเซี่ยม

3.กล้ามเนื้อบาดเจ็บ หรือ ใช้งานมากไป

4.การขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ อันเนื่องมาจากการเกร็งอยู่นาน ๆ ทำให้ตัดทางเดินของเลือดในคนที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (arteriosclerosis) เช่น คนสูงอายุ ก็มีโอกาสเป็นตะคริวได้บ่อยขึ้น และอาจเป็นขณะที่เดินนาน ๆ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปที่ขาไม่ดี

5.การหายใจเข้า-ออกมากไป เมื่อไม่มีความจำเป็นจะทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้แคลเซี่ยมได้ ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (119) ก็อาจเป็นตะคริวได้บ่อย เช่น คนที่เป็นโรคจิต โรคประสาท อาจหายใจหอบโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้มือหงิกงอ (ซึ่งก็เป็นตะคริวอีกแบบหนึ่ง )

ในนักกีฬา อาจพบว่า บางครั้ง บางคนหายใจมากไปเกินกว่าร่างกายต้องการ เช่น เมื่อวิ่งไปนาน ๆ เกิดอาการเหนื่อย หากตื่นเต้นไปหรือไม่รู้จักหายใจให้ถูก แทนที่จะหายใจ ลึก ๆ ยาว ๆ กลับ ทำตื้น ๆ สั้น ๆ กระชั้นถี่ แบบนี้จะทำให้เกิดภาวะตะคริวได้ง่ายเช่นเดียวกัน ต่อไป เราจะได้พูดกันในประเด็นสำคัญๆ เรื่องของเกลือ

เราท่านมีความเข้าใจผิดๆ กันอยู่มากในเรื่องเกี่ยวกับเกลือ มักเข้าใจว่า ถ้าใครเป็นตะคริว ต้องเป็นจากขาดเกลือ จึงได้เห็น การรักษาตะคริวโดยให้กินเกลือกันอย่างแพร่หลาย

ความจริงที่มีผู้พิสูจน์แล้วคือ คนทั่วไปมักไม่ขาดเกลือ ออกจะมีเหลือเฟือ เสียด้วยซ้ำไปและมีผู้ที่ได้ประสบการณ์ ผ่านมา กับตัวเอง เช่น คุณหมอเก๊ป เมอร์กิ้น เมื่อครั้งที่เขากินเกลือเม็ดและใส่เกลือในอาหารเป็นบ้าเป็นหลัง (เพราะตำราแพทย์ ยุคนั้น บอกให้ทำ ) ปรากฏว่า ตะคริวเกิดประดังมาเป็นว่าเล่น และเมื่อเขางดกินเค็ม (เพราะฉลาดขึ้น ) กลับไม่เห็นที่จะเป็นตะคริวอีกเลย

เหตุผล ท่านเฉลยไว้ว่า การที่เรากินเกลือเสมอมา ทำให้ร่างกายรู้จักแต่ขับถ่ายเกลือ (ที่เหลือเฟือเหลือใช้และให้โทษ) ออกไป เมื่อไรที่ลดการกินเกลือทันทีทันใด (ซึ่งคงเกิดได้ทุกบ่อย ) จะทำให้ระดับเกลือในร่างกาย ลดต่ำลงไปฮวบฮาบ ซึ่งเป็นที่ ทราบกันดีว่า ระดับเกลือต่ำทำให้เป็นตะคริว

เรื่องของแร่ธาตุอื่น ๆ ความที่เกลือเข้ามาเป็นพระเอกเสียจนเราไม่รู้จักกับ ผู้แสดงคนอื่นๆ ทั้งที่ร่างกายเราประกอบด้วยแร่ธาตุสำคัญๆ นับสิบ ประการสิ่งที่เราควรรู้ในเรื่องการทำงานของกล้ามเนื้อคือ โปแตสเซี่ยม และแมกนีเซี่ยม เป็นตัวใหญ่ ยังมีตัวเล็ก ตัวน้อยอีกมากมาย แต่อย่าเพิ่งไปสนใจมันเลยในตอนนี้

- โปแตสเซี่ยม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายความร้อนที่เกิดขึ้น ในระหว่างการทำงาน เวลาวิ่งมีความร้อนเกิดขึ้นมากมาย มหาศาล โปแตสเซี่ยม จึงถูกใช้งานหมดไปได้อย่างมาก

- แมกนีเซี่ยม ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยประสานงานกับแคลเซี่ยม แม้จะไม่เสียไปมากอย่างโปแตสเซี่ยม แต่ก็ขาดไม่ได้

ดังนั้น แร่ธาตุ ที่เราควรให้ความสนใจ คือ โปแตสเซี่ยม เนื่องจากมีการเสียไปในระหว่างออกกำลัง จึงต้องกินเข้า ไปชดเชยกันอาหารที่อุดมด้วยโปแตสเซี่ยม คือ ผลไม้ ถั่ว และผัก ควรจะกินอาหารทั้ง 3 อย่างให้ได้ปริมาณเพียงพอ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ท่านจะไม่ขาดธาตุโปแตสเซี่ยมและจากงานวิจัยก็พบอีกว่ากล้วยหอม เป็นอาหารที่มีทั้ง แมกนีเซียมและโปแตสเซียมอยู่ในปริมาณที่สูง รวมทั้งให้พลังงานด้วย จากที่เราเห็นแต่ก่อน นักกีฬาจักรยานทั้งระดับสมัครเล่นและระดับโปร เค้าจะทานกล้วยหอมตอนที่แข่ง เพราะทั้งได้พลังงานแล้ว ยังช่วยลดการเป็นตะคริวอีกด้วย

ที่มา : thaimtb.com   ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    เกลือสารอาหารแห่งชีวิต

        ในยุคกลาง อันเป็นยุคที่ผลึกเกลือมีค่าดั่งทอง มีเหมืองเกลือเกิดขึ้นมากมายทั่วภูมิภาคยุโรป ผลึกขาวราคาแพงกลายมามีบทบาทสำคัญหลายประการ ดังจะเห็นได้จากร่องรอยหลงเหลือในภาษา อย่างคำที่เราคุ้นเคยกันไม่ว่าจะเป็น salary-เงินเดือน sauce-น้ำซอส sausage-ไส้กรอก รวมทั้ง salad-สลัด ซึ่งล้วนมีรากศัพท์มาจากคำว่า sal-เกลือ ในภาษาละติน หรือแม้แต่หลายเมืองในยุโรปก็ปรากฏคำว่าเกลือในชื่อ ย้ำเตือนให้เห็นว่าเกลือนั้นสำคัญมากเพียงไรในอดีต

    เจ้าผลึกขาวรสเค็มในโลกนี้มีหลายชนิด แต่ที่ใกล้ตัวและมีบทบาทกับเรามากที่สุดเห็นจะไม่พ้นการรวมตัวของโซเดียมและคลอไรด์ (NaCl) ซึ่งกลายมาเป็นเกลือแกงปรุงอาหารสีขาวแสนคุ้นเคย

    นอกจากคุณสมบัติในการเติมแต่งรสชาติอาหารแล้ว สารอาหารที่ชื่อว่าโซเดียมนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพ อันเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน ในชื่อเรียกว่า “เกลือบำบัด” (Salt Therapy หรือ Speleotherapy) อีกด้วย

                 กว่าจะเป็น “เกลือบำบัด”
    บทบาทของเกลือกับการแพทย์นั้นมีหลักฐานว่าฮิปโปเครตีส (Hippocrates) ปรัชญาเมธีผู้โด่งดังได้รู้จักการสูดดมไอเกลือเพื่อรักษาโรคทางเดินหายใจมาตั้งแต่สมัยกรีกแล้ว ส่วนในเอเชียมีตำราเภสัชวิทยาโบราณอายุกว่า 4,700 ปีของจีน “เปงเจากันมู” (Peng Tzao Kan Mu) ระบุไว้ว่ายุคนั้นมีการใช้เกลือแพร่หลายมากกว่า 40 ชนิด ทั้งเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และเป็นเงินตราแลกเปลี่ยน

               เกลือบำบัดยุคใหม่
    ในปีค.ศ. 1843 เฟลิกซ์ บ็อกซโควสกี้ นายแพทย์ชาวโปแลนด์สังเกตพบว่า อุบัติการณ์โรคระบบทางเดินหายใจ เกิดขึ้นกับคนงานเหมืองเกลือน้อยมาก จึงริเริ่มนำผู้ป่วยทั้งโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้ลงไปสูดดมไอเกลือในเหมืองหรือถ้ำเกลือใต้ดิน จนพบว่าช่วยบำบัดโรคอย่างได้ผล ความสำเร็จนี้จึงถูกบันทึกในตำรา กระตุ้นให้ถ้ำเกลือบำบัดกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
    และเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นายแพทย์ชาวเยอรมัน คาร์ล เฮอร์มันน์ สแปนนาเกล ได้พบว่าผู้ป่วยทางเดินหายใจซึ่งลี้ภัยอยู่ในถ้ำเกลือมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งย้ำเตือนประโยชน์ของถ้ำเกลือต่อสุขภาพอย่างชัดเจน
    จากพัฒนาการแต่ละช่วงเวลาเหล่านี้ ปัจจุบันเกลือบำบัดจึงกลายมาเป็นบริการมาตรฐานในสปาหลายแห่งทั่วทั้งยุโรปและอเมริกา

           เกลือบำบัด ในเมืองไทย 
    เกลือบำบัดถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในเมืองไทย โดยถ้ำเกลือแห่งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2009 ในยุคที่ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ระบาด หากใครนึกหน้าตาไม่ออกล่ะก็ ลองจินตนาการถึงช่องฟรีซของตู้เย็นที่มีน้ำแข็งเกาะหนาแน่น ภาพที่คุณเห็นนั่นล่ะค่ะ ถ้ำเกลือจำลอง
    ถ้ำเกลือจำลองนี้ทำขึ้นจากเกลือสินเธาว์บริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับใช้ในทางการแพทย์ หรือเรียกว่าฟาร์มาซอลท์ (Pharma salt) เป็นห้องปลอดเชื้อที่มีประจุลบความเข้มข้นสูง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20-26 องศาเซลเซียส และมีความชื้นระหว่างร้อยละ 40-50 มีหัวใจสำคัญคือ เครื่องสร้างบรรยากาศระดับอณู อันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับสร้างบรรยากาศเสมือนในถ้ำเกลือจริง
    โดยเครื่องสร้างบรรยากาศระดับอณูนี้ จะพ่นละอองเกลือขนาดจิ๋วเพียง 1-5 ไมครอนให้เราสูดดม อณูเกลือจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ทุกส่วนในระบบทางเดินหายใจ จากนั้นจะสกัดแยกสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กต่างๆ ให้หลุดออก ก่อนถูกกำจัดทิ้งผ่านการไอ จาม รวมทั้งทางเสมหะ เหมือนเป็นการดีท็อกซ์ระบบทางเดินหายใจ ให้สะอาดและทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบอื่นๆ ในร่างกายทำงานได้ตามปกติ รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกันด้วย

ที่มา  : นิตยสาร HEALTH CUISINE  ขอบคุณค่ะ

Tags: