อีสป... นักเล่านิทานเปรียบเทียบ (Aesop Fables)
อีสป (Aesop) ซึ่งตามประวัติเล่าว่าเป็นทาสอยู่ในกรีก (Greece) เมื่อประมาณ 2,500 ปี มาแล้ว เป็นชายที่มีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้ว และค่อนข้างพิกลพิการ แต่เป็นผู้เฉลียวฉลาดหลักแหลม นิทานเปรียบเทียบ (Aesop s Fables) ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียงมาก แม้ไทนยเราก็ยอมรับเอา "นิทานอีสป" ของเขามาใช้เป็นหนังสือแบบเรียนสำหรับเด็กเล็ก ๆ ต่อมาในช่วงระยะที่เขาได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากความเป็นทาสโดยนายของเขาแล้ว อีสปได้เข้ามาอยู่ในราชสำนักของพระเจ้าครีซัส (Creesus) กษัตริย์แห่งประเทศลีดเดีย ( Lydia) เขาทำให้ชาวเมืองเดลฟีโกรธแค้นขนาดหนัก ถึงกับช่วยกันผลักเขาตกหน้าผาถึงแก่สิ้นชีวิตลง
ที่น่าแปลกก็คือ อีสปไม่เคยเขียนนิทานเลย เขาเป็นแต่เล่าด้วยปากคำของเขา แล้วประชาชนที่ได้รับฟังก็จำเอามาเล่าสู่ต่อ ๆ กันมาจนทุกวันนี้ และเมื่อเขาถึงแก่กรรมลงไม่นานนัก นักเขียนชาวกรีกจึงได้รวบรวมนิทานของเขานำมาเขียนเป็นหนังสือ เรื่องของเขาถูกลืมเลือนไปนับเป็นเวลาร้อย ๆ ปีทีเดียว จนกระทั่งมีผู้ไปค้นพบเข้าเมื่อปี ค.ศ. 1844 ในวิหารวัดเขาเอธอส (Mount Athos) จากนั้นจึงได้มีการนำมาเผยแพร่และอ่านกันเกือบทั่วโลก บทธรรมะ สอนใจของเขาทุกเรื่องเป็น "อมตะ" มาตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งนับเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2,500 ปีทีเดียว รูปแกะสลักของอีสปรูปนี้ สลักด้วยหินอ่อนอยู่ที่หมู่บ้าน อัลบานิในกรุงโรม ภาพนี้จำลองจากรูปปั้น อันแท้จริงของกรีก ซึ่งแกะสลักโดยฝีมือของลิซิปุส ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราชสมัยที่ อีสปยังมีชีวิตอยู่ ชีวประวัติอันแท้จริงของอีสปในสมัยกรีก เมื่อศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราชนั้น ไม่มีใครรู้ละเอียดนัก แต่ก็เชื่อกันว่า อีสปเกิดที่กรุงเทรซ และ ถึงแก่กรรมในปี 564 ก่อนคริสต์ศักราช
มดง่าม กับ จักจั่น
ในฤดูหนาว..วันหนึ่ง พวกมดง่าม ช่วยกันขนข้าวที่เปียกชื้นออกมาผึ่งแดด จักจั่นหิวโซตัวหนึ่ง ผ่านมาเห็นเข้าก็ออกปากร้องขอข้าวจากพวกมดง่ามเป็นอาหาร มดง่ามตัวหนึ่งจึงว่า " ทำไมเจ้าจึงไม่สะสมอาหารไว้ในฤดูร้อนอย่างพวกเราเล่า ?" จักจั่นตอบอย่างหน้าด้าน ๆ ว่า "ข้าไม่มีเวลา เพราะข้ามัวแต่ฝึกร้องเพลงอยู่น่ะซี" มดง่ามทั้งหลายก็พากันหัวเราะด้วยความขบขัน แล้วมดง่ามตัวหนึ่งก็พูดว่า "ดีแล้ว ! ...เมื่อเจ้ามัวฝึกร้องเพลงในฤดูร้อน ฤดูหนาวนี้ เจ้าก็เชิญฝึกเต้นระบำไปก่อนนะ อย่าได้มาเอ่ยปากขอข้าวจากพวกเราเลย"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : คนเกียจคร้านไม่คิดขวนขวายหา หรือ สะสมไว้แต่เมื่อแรกย่อมถึงคราวขัดสนได้