คัมภีร์หลุนอวี่ 1 ชุมนุมคติพจน์
คำนำ
ประเทศจีน นับเป็นประเทศที่มีหลากหลายเผ่าพันธ์ จากการบันทึกและการพิสูจน์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้ทราบได้ว่าเมื่อห้าพันปีก่อนพื้นที่ของประเทศจีนประกอบด้วยเผ่าพันธ์มากมายที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ เชื้อชาติดั้งเดิมของประเทศจีน เราเรียกว่า ชนเผ่าฮว๋าเซี่ยส่วนที่อาศัยอยู่รอบทั้งสี่ด้านนั้นเป็นเผ่าที่ล้าหลังกว่า ได้แก่ ตงอี๋ หนันหมัน ซหรง เป่ยตี๋ ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกรวมหลายเผ่าพันธ์ที่มีชื่อ ?. และอารยธรรมแตกต่างกันเอาไว้ด้วยกันในแต่ละเผ่า เมื่อได้ผ่านช่วงเวลาของการพัฒนาไประยะใหญ่ จนถึงประมาณช่วงเริ่มต้นยุคชุนชิว จึงเริ่มมีรัฐใหญ่ ๆ ที่ทำการรวมดินแดนต่าง ๆ โดยรัฐใหญ่เหล่านี้ ถือเผ่าฮว๋าเซี่ยเป็นหลัก ถึงกระนั้นเผ่าฮว๋าเซี่ยในยุคชุนชิว ก้ไม่ใช่เผ่าฮว๋าเซี่ยในอดีตอีกต่อไป แต่เป็นคำเรียกรวมของเผ่าพันธ์ทั้งหมด ที่รวมอยู่ในบ้านเมืองยุคกระแสแห่งการครอบรวมอาณาเขตก่อนคริสตศักราชสองร้อยยี่สิบเอ็ดปี
ฉินสื่ิอฮวั๋ง (จิ๋นซีฮ่องเต้) ได้สยบหกรัฐรวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่น สถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้นเป็นประเทศ รวบรวมหลายเชื้อชาติเผ่าพันธ์เข้าด้วยกัน จากนั้นอีกสองพันกว่าปี แต่ละเชื้อชาติเผ่าพันธ์ที่รวมตัวกันแล้วเหล่านี้ ก็ได้สร้างให้เกิดประวัติศาสตร์อันเจิดจรัสของประเทศจีนขึ้น
เชื้อชาติเผ่าพันธ์ต่าง ๆ ของจีน ต่างก็มีชื่อเรียกเฉพาะตน จนถึงปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้นห้าสิบหกเผ่าพันธ์ หลังจากยุคของตงฮั่น คำว่า "จงฮว๋า" (จีน) ถูกใช้เป็นคำเรียกรวมของทุก ๆ เผ่าพันธ์ ของประเทศจีนเรื่อยมา
ก่อนคริสตศักราชเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดปี โจวโยวหวัง กษัตริย์องค์สุดท้ายในราชวงศ์โจวตะวันตกที่โด่งดัง ได้จุดคบเพลิงแกล้งขุนนาง ในที่สุดจึงถูกทหารของตนละเลย ทำให้ต้องสวรรคตที่เชิงเขาหลีซัน เป็นการจบฉากของยุคบรรพกาลสามราชวงศ์ของประเทศจีน หลังจากนั้น ชาวฮว๋าเซี่ยก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาวุ่นวายต่อเนื่องเป็นเวลาถึงห้าร้อยกว่าปี ในบันทึกประวัติศาสตร์สื่อจี้ ได้บรรยายสถานการณ์ในขณะนั้นไว้ว่า "ในยุคชุนชิว มีการฆ่าเจ้ารัฐสามสิบหกคน มีรํฐที่ล่มสลายไปห้าสิบสองรัฐ และเจ้ารัฐก็ไม่อาจรักษาแผ่นดินของตนจนต้องหลบหนีไปนั้นมีนับไม่ถ้วน"
ในยุคชุนชิว (ก่อนคริสตศักราชเจ็ดร้อยยี่สิบสอง ถึงก่อนคริสตศักราชสี่ร้อยแปดสิบเอ็ดปี) ราชสำนักราชวงศ์โจวเริ่มเสื่อมถอย เป็นยุคที่เจ้ารัฐต่างทำสงครามชิงความเป็นใหญ่ เพื่อยึดครองแผ่นดินกันไปทั่ว ยุคสมัยที่โกลาหลนี้ นอกจากทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการหลอมรวมของชนเผ่าต่าง ๆ ขึ้น ยังเป็นยุคที่ศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ของประเทศจีนได้พัฒนาไปอย่างมากมาย
โจวอุ่หวัง ล้มล้างกษัตริย์โจ้ว ล้มซึ่งราชวงศ์เอินชังที่ใช้ระบบทาส อีกทั้งได้เริ่มทำการปฏิวัติระบบปกครองและระบบที่ดิน ราชวงศ์โจวตะวันตกมีระบบการสืบสันตติวงศ์ มีการกำหนดที่ดินศักดินาและเจ้ารัฐผู้ปกครองท้องถิ่น ช่วงหลังของราชวงศ์โจวตะวันตก สังคมและเสรษฐกิจพัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้บุกเบิกขุนเขาป่าไม้ลำธาร จนถึงยุคของกษัตริย์โจวลี่หวัง ทางการได้ทำการควบคุมป่าไม้ขุนเขาลำธารในเขตที่ดินกษัตริย์ ไม่ให้เจ้าของที่ดินในท้องที่มีกรรมสิทธิ์ในการใช้ ไม่ให้ประชาชนได้เข้าไปตัดไม้ล่าสัตว์ นโยบายนี้ของกษัตริย์โจวลี่หวัง ทำให้ผู้คนบังเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง ขณะนั้น เจ้ากงได้ตักเตือนว่าอย่าได้ทำเช่นนี้ เพราะจำทำให้ประชาชนไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้ โจวลี่หวังไม่เพียงแต่ไม่เชื่อฟัง ยังได้ส่งคนจับตาผู้ที่ไม่เห็นชอบด้วย เมื่อพบใครกล่าวติเตือน ก็ให้นำตัวไปประหารทันที ทำให้คนที่อยู่ในเมืองหลวงไม่กล้าพูดจา แม้การบอกทางก็ใช้เพียงสายตาเท่านั้น ก่อนคริสตศักราชแปดร้อยสี่สิบเอ็ดปี จึงได้เกิดการก่อจราจลต่อต้านโจวลี่หวัง จนกระทั่งโจวลี่หวังหลบหนีไปยังเมืองจื้อ (อำเภอฮั่ว มณฑลซันซีในปัจจุบัน)
หลังจากที่โจวเซวียนหวังขึ้นครองราชย์ สถานการณ์บ้านเมืองที่ตกต่ำ ทำให้ชนเผ่าที่อยู่ล้อมรอบราชวงศ์โจว ได้เข้ามารุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สังคมวุ่นวายไม่มีความสงบ ในระยะเวลาที่โจวเซวียนหวังครองราชย์อยู่สี่สิบหกปี มีการทำสงครามกับชนเผ่ารอบด้านอยู่ตลอด ซ้ำยังมีนโยบายการเรียกภาษีสงคราม ที่ได้รับการคัดค้านจากขุนนาง นโยบายนี้ ทำให้เกษตรกรหนีไป ทิ้งที่ดินให้มีแต่วัชพืชรกร้างเป็นจำนวนมาก
หลังจากเซวียนหวังสิ้นพระชนม์ โยวหวังก็ขึ้นครองราชย์ ในตอนนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่กวงจง อันนับเป็นภัยพิบัติร้ายแรง โยวหวังใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ มีความโลภอยากไม่สิ้นสุด ไม่เพียงแต่มีการขูดรีดประชาชน ยังมีการปล้นชิงเอาทรัพย์สมบัติของราชนิกูลและผู้ปกครองที่ดินต่าง ๆ จนลามเป็นปัญหาในระดับผู้ปกครองอย่างรุนแรง การแย่งชิงสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังก์ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการแตกแยกภายในวังหลวง ยังทำให้เซินโหว ซึ่งเป็นบิดาของมเหสีเซินไม่พอใจ กระทั่งก่อนคริสตศักราชเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดปี เซินโหว ได้ร่วมมือกับพวกเฉวี่ยนหรง (ชนเผ่าใหญ่ทางเหนือ) เข้าตีราชวงศ์โจว และฆ่าโยวหวัง ที่ซั่นซีเมืองหลิงถง (ในอดีตเรียกว่าหลี่ซัน) เจ้ารัฐทั้งหลายร่วมกันอันเชิญรัชทายาทที่เกิดจากมเหสีเซิน นามว่าอี๋จิ้ว ขึ้นเป็น โจวผิงหวัง เป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาตงโจว หรือ ยุคชุนชิว ขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์
การดำรงชีวิต สังคม การปกครอง ในสมัยชุนชิวนั้น ในบันทึกประวัติศาสตร์สื่อจี้กล่าวไว้ว่า "ราชสำนักโจวเสื่อมถอย เจ้ารัฐอาศัยแข็งกลืนอ่อน ฉี ฉู่ ฉิน จิ้น เป็นรัฐใหญ่ การเมืองถูกกำหนดโดยเจ้ารัฐทั้งหลาย" พูดโดยรูปธรรมแล้ว สามารถใช้เหตุการณ์ "เซี่ยงหรงหยุดสงคราม" ก่อนคริสตศักราชห้าร้อยสี่สิบหกปี เป็นเส้นแบ่งช่วงเวลาของชุนชิวยุคต้นกัลยุคปลาย ในช่วงยุคต้นเป็นช่วงที่ราชสำนักอ่อนแอ รัฐใหญ่ชิงอำนาจ ชาวฮว๋าเซี่ยได้มีการขัดแย้งและควบรวมกับชนเผ่าน้อยรอบด้าน
ในชุนชิวยุคหลัง รัฐอู๋กับรัฐเยวี่ยเข้มแข็งมากขึ้น ได้ขึ้นเหนือเพื่อชิงความเป็นใหญ่ แต่ว่าโดยภาพรวมแล้ว การเคารพกษัตริย์ป้องกันเผ่าอื่น ที่มีมาในอดีตได้เสื่อมไป เข้าสู่ช่วงปลายของการแย่งชิงความเป็นใหญ่ ชาวฮว๋าเซี่ยได้หล่อหลอมรวมกับชนเผ่าอื่นไป เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และการปกครองภายในมากขึ้นทุกขณะ ในระบอบการปกครอง ได้เกิดการที่มีอำมาตย์หรือขุนนางประจำตระกูลเป็นผู้กุมอำนาจปรากฏขึ้น จุดศูนย์ถ่วงของวัฒนธรรมและการศึกษาก็เริ่มลงมาสู่สังคมชั้นล่าง ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ จึงเป็นพื้นฐานที่ทำให้ยุคจั้นกว๋อ เกิดการปฏิวัติยุคสมัยที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น