collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เคารพฟ้าดิน : จิตหนึ่งเคารพต่อฟ้า ขอฝนสัมฤทธิ์ผล  (อ่าน 4333 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

     ในสมัยราชวงศ์หมิง กษัตริย์ซีจง ช่วงปีเทียนฉี่ ได้เกิดภัยแล้งที่อำเภอจิ้งหลิง มณฑลเจียงซู เมื่อเกิดทุพภิกขภัยจากฟ้าขึ้น ประชาราษฏรต่างร้องครวญทุกข์ต่อฟ้า  นายอำเภอจึงบวงสรวงเทวดาฟ้าดินเพื่อขอฝนขจัดภัยแล้ง แต่ฝนยังคงไม่ตก คืนนั้นนายอำเภอฝันเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งบอกเขาว่า " พรุ่งนี้เช้าจะมีผู้เฒ่าท่านหนึ่งเดินทางเข้ามเมือง ขอเพียงเจ้าจริงใจไปเชิญเขามาขอฝน จะต้องเห็นผลแน่นอน การที่เขาสามารถขอฝนได้ เพราะความวิเศษอยู่ที่ร่มที่เขาติดตัวมาด้วย เจ้าน่าจะลองดู "  วันรุ่งขึ้นนายอำเภอรอจนพบผู้เฒ่าที่พกร่ม จึงเชิญเขามาขอฝนเพื่อทุกคน จะว่าไปก็แปลก หลังจากผู้เฒ่าท่านนี้อธิษฐานวอนขอฝนต่อฟ้าเบื้องบน เม็ดฝนก็ตกลงมาจริง ๆ จึงคลี่คลายภัยแล้งในครั้งนี้ได้ นายอำเภอแปลกใจมากจึงเรียนถามผู้เฒ่าท่านนี้ว่า " ท่านผู้เฒ่า ท่านสั่งสมบุญกุศลอะไรไว้ถึงศักดิ์สิทธิ์ปานนี้ และร่มของท่านคันนี้มีความเป็นมาอย่างไร " ท่านผู้เฒ่าตอบว่า " ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก ทุกวันขึ้นหนึ่งค่ำ  และสิบห้าค่ำ เราจะต้องถือศีลกินเจ บำเพ็ญพรหมจรรย์ กราบไหว้บูชาฟ้าดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เวลาปัสสาวะอุจจาระจะต้องใช่ร่มบังตัวเอาไว้ เพราะเกรงว่าตัวเองจะสร้างความแปดเปื้อนให้กับแสงสว่างทั้งสาม อันได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว "  นายอำเภอได้ยินแล้วรู้สึกสรรเสริญในใจว่า  ที่แท้ผู้เฒ่าท่านนี้ ปกติมีความเคารพเทิดทูนฟ้าดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้ จึงสามารถสื่อถึงฟ้าเบื้องบนให้บันดาลได้ถึงเพียงนี้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

        นานมาแล้วที่อำเภอผู่เถียน มณฝูเจี้ยนแห่งหนึ่ง มีครอบครัวของตระกูลหลินอยู่ ท่านยายหลินเป็นคนที่ชอบสร้างคุณงามความดีอยู่เสมอ มักชอบทำขนม "สาคู" เลี้ยงคนทั่วๆ ไป นานวันเข้าก็มีชื่อเสียงเลื่องลือออกไป เหตุนี้เองทำให้มีเทพยดาองค์หนึ่งแปลงกายเป็นนักพรตผู้บำเพ็ญเพียร มาขอสาคูวันละเจ็ดถึงแปดชาม ท่านยายก็ดีอกดีใจที่จัเชิญผู้บำเพ็ญท่านนี้ทุกครั้ง โดยไม่เคยที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ
        สามปีต่อมา มีอยุ่วันหนึ่ง อยู่ ๆ นักพรตก็กล่าวกับท่านยายว่า "ข้าได้กินขนมสาคูบ้านท่านมาสามปีแล้ว ไม่มีสิ่งของอะไรที่มีค่าจะตอบแทนท่านยาย จึงรุ้สึกละอายใจ มีแต่คำพูดเท่านั้นที่จะตอบแทน หวังว่าท่านจะเชื่อ ก็คือที่หลังบ้านของท่านยายมีที่ที่ดีฝังศพได้ หลังจากฝังศพแล้ว ลูกหลานรุ่นที่หนึ่งจะสอบติดได้เป็นขุนนางเก้าคน ต่อจากนั้น ทุก ๆ รุ่นจะได้เป็นขุนนางอีกมากมายดั่งจำนวนเมล็ดงาหนึ่งลิตร"
        ต่อมา หลังจากที่ท่านยายแซ่หลินตาย ลูกหลานของท่านยายก็ได้ทำตามคำแนะนำของนักพรต โดยนำศพไปฝัง ณ ที่แห่งนั้น จริงดังว่าลูกหลานรุ่นที่หนึ่งสอบติดได้เป็นขุนนางเก้าคน ต่อจากนั้นลูกหลานทุกรุ่นก็มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง สอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางได้ ซึ่งเป็นไปตามคำพูดที่นักพรตได้กล่าวไว้ ตั้งแต่นั้นมามณฑลฝูเจี้ยนจึงได้รับการกล่าวขานกันต่อ ๆ มาว่า "บนแผ่นป้ายประกาศ ไม่เคยที่จะไม่มีตระกูลหลิน" จนกระทั่งถึงยุคปลายราชวงศ์ชิงก็ยังคงเป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์
 แสดงให้เห็นว่า ความสุจริตใจอย่างที่สุดของท่านยายที่เสียสละทำทานโดยไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการคิดเล็กคิดน้อย มีความจริงใจซาบซึ้งถึงฟ้าเบื้องบน ผลบุญคุณธรรมปกแผ่ถึงลูกหลานรุ่นหลังต่อมานั่นเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

        ที่ตงไห่ มีลูกสะใภ้กตัญญูผู้หนึ่ง นางเป็นลูกสาวสกุลโต้ว พ่อสามีได้ถึงแก่กรรมไปก่อน นางจึงปรนนิบัติแม่สามีด้วยความจริงใจ ต่อมาสามีนางเคราะห์ร้ายมาด่วนจากไปอีกคน นางครองความเป็นหม้ายประพฤติตนอยู่ในธรรม ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ขณะนั้นเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน อาหารมีจำกัด นางจึงให้แม่สามีทานข้าว ส่วนนางทานแต่น้ำข้าวและผักที่เก็บได้ตามป่า ผู้เป็นแม่สามีเห็นเช่นนั้นไม่อาจทนเห็นลูกสะใภ้ต้องมาลำบากจึงกล่าวว่า "ตัวเราแก่แล้ว เป็นภาระทำให้เจ้าลำบาก" จึงตัดสินใจผูกคอตาย นางทำเช่นนี้ เพื่อหวังไม่ให้ลูกสะใภ้ต้องลำบาก
        อนิจจา เรื่องนี้จึงทำให้น้องสาวสามี ซึ่งอิจฉาพี่สะใภ้มาโดยตลอด ปกติก็ไม่พอใจที่แม่รักเอ็นดูพี่สะใภ้ ได้โอกาสจึงไปฟ้องทางการว่าพี่สะใภ้ฆ่าแม่ของนาง นางโต้วถูกทรมานจากทางการจนทนไม่ไหวยอมรับข้อกล่าวหาว่าตัวเองเป็นผู้ฆ่าแม่สามี   ขณะนั้นมีชายชื่ออวี๋ติ้งกั๋ว เป็นคนทำงานในที่คุมขัง มีใจเที่ยงธรรมรู้ว่าหญิงสกุลโต้วผู้นี้เป็นลูกสะใภ้กตัญญู ย่อมไม่ทำสิ่งอกตัญญูเช่นนี้น่าจะถูกปรักปรำ จึงได้พยายามคัดค้านจนสุดความสามารถ แต่เจ้าเมืองไม่ยอมรับฟัง ในที่สุดนางโต้วก็ถูกตัดสินประหารชีวิต
        สามปีจากนั้น  เมืองนี้เกิดภัยแล้งติดต่อกันมาตลอด ชาวเมืองทุกข์ร้อนไปทั่ว และแล้วทางราชสำนักส่งเจ้าเมืองคนใหม่มาแทนชายแซ่อวี๋ เห็นเป็นโอกาสจึงได้ไปขอเข้าพบท่านเจ้าเมือง เล่าเรื่องนางโต้วให้ฟัง "เป็นไปได้ว่า ฟ้าลงโทษที่นางโต้วถูกใส่ความ จึงเกิดภัยแล้งเช่นนี้" ชายชรากล่าว
       สุดท้ายเจ้าเมืองคนใหม่ก็เดินทางไปที่สุสานนางโต้ว จุดธูปไหว้ขอขมาด้วยความจริงใจ ไม่นานฝนก็เทกระหน่ำลงมา ความแห้งแล้งสามปีที่ผ่านมาถูกชะล้างไปจนหมดสิ้น   เห็นได้ว่าฟ้านั้นทรงไว้ซึ่งความเมตตา และยุติธรรม หลักธรรมข้อนี้เราจะไม่รู้ไม่ได้ อาศัยเหตุการณ์เรื่องราวต่าง ๆ แสดงถึงความเที่ยงธรรมแห่งฟ้า

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”