collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: FW : เก๋ากี่ ผลไม้ที่มีต้นกำเนิดจาก ดินแดนสวรรค์  (อ่าน 2721 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
 
    :) เก๋ากี่  ผลไม้ที่มีต้นกำเนิดจาก ดินแดนสวรรค์ ที่ นิตยสารไทม์ ระบุว่า เป็น สุดยอดผลไม้แห่งปี และเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตในหมู่ ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดสุดยอดผลไม้ “ เก๋ากี่ ” หรือ “ แฮปปี้ เบอร์รี่ ” หรือ “ โกจิ เบอร์รี่ ”
   ตลอดช่วงหลายปีมานี้ "โกจิเบอร์รี่" เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้นเมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วน ผสมหลักในอาหารเสริมและเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชั่นนอลดริงก์ อันที่จริงแล้ว นอกจากนี้ผลโกจิเบอร์รี่ยังได้รับการยกย่องจาก นิตยสารไทม์ว่า เป็นสุดยอดผลไม้แห่งปีและเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตในหมู่ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น มาดอนน่า,แคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ และกวิเน็ต พัทโธรว์ จนได้รับการขนานนามให้เป็น "แฮปปี้เบอร์รี่"
   เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทําไมดาวจรัสฟ้าแห่งวงการมายาฮอลลีวู้ดหลายๆ คนถึงไม่ยอม แก่ลงเลย ไม่ว่าจะเจอสักกี่ปีก็เหมือนหยุดอายุผิวให้คงอ่อนเยาว์ กระจ่างใสได้ ตลอดเวลา เคล็ดลับของพวกเธออยู่ที่ผลไม้สีแดงลูกเล็กๆ ที่เรียกว่า “ เก๋ากี่ ”หรือ “ แฮปปี้ เบอร์รี่ ” หรือ “ โกจิ เบอร์รี่ ” ที่เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋วเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าของ "สารแอนติออกซิแดนท์"
    :) เก๋ากี่ หรือ ลีเซียม บาร์บารุ่ม (Lycium Barbarum) คือ ผลของต้น เก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ตระกูลเบอร์รีสีแดง มีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่ส ุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด
จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง รสหวาน
   :) เก๋ากี้ที่ดีต้องมีเม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อหนา อ่อนนิ่ม รสหวาน การเก็บรักษา
ควรเก็บไว้ในที่แห้ง อย่าให้ชื้น จะทำให้เสื่อมคุณภาพ หรือขึ้นรา
ส่วนมากเรารู้จักเก๋ากี้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารเสียมากกว่า ส่วนที่ใช้
เมล็ด ราก ก้านใบ และใบอ่อน ส่วนที่ใช้กันมากคือเมล็ด
    :) “ เก๋ากี่ ” เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ที่มีถิ่นฐานอยู่ในแถบ เทือกเขาหิมาลัย
จึงไม่ใช่เรื่อง แปลกหากคุณไม่เคยได้ยินชื่อของโกจิเบอร์รี่มาก่อน
เพราะถึงแม้ว่าผลไม้ดังกล่าวจะเป็นยาโบราณที่สําคัญ
ที่ใช้ในประเทศเอเชียมาหลายชั่วอายุคนก็ตาม
แต่ความลับด้านประโยชน์ทางโภชนาการของผลดังกล่าวยังคงเป็นความลับที่ชาวโลกส่วนมากยังไม่ทราบย้อนไป 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล นักสมุนไพร ชาวหิมาลายันได้ค้นพบความลับที่มีค่ามากที่สุดคือผลโกจิเบอร์รี่ท้องถิ่นซึ่งต่อมาได้รับการถ่ายทอดสู่นักปรุงยาชาวจีน ทิเบต และอินเดีย
    :)  จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr.Earl Mindellค้นพบว่าผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี
สารแอนติออกซิแดนท์ในปริมาณมากถึง 25,300(ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีสารแอนติ-ออกซิแดนท์เป็นลําดับที่ 2 มีเพียง 5,700 ORACเท่านั้น) โดยสารออกซิแดนท์ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อแก่ตัวลงเป็นสาเหตุสําคัญของความแก่ก่อนวัยอันควร
สารสำคัญที่พบ :-
v       กรดอะมิโน 18 ชนิด
v       สังกะสี,
v       เหล็ก,
v       ทองแดง,
v       แคลเซียม,
v       เจอมันเนียม,
v       เซเรเนียม และ
v       ฟอสฟอรัส
v       มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีต
v       มีวิตามิน ซี เอ และบี 2
v       มีแอนติอ็อกซิแดนต์คาโรตีนอยด์ จำนวนมากเช่น ไทอามีนเบต้าแคโรทีนและซีซานทีน
v       มีพอลิแซ็กคาไรด์ 22 ชนิด โดยมี 4 ชนิดที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกายเมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมและนำพาคำสั่งต่างๆซึ่งเซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกันผลลัพธ์คือระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้นและร่างกายใช้เพื่อซ่อมแซมส่วน
ที่สึกหรอเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีมีอายุยืนยาว
     :) สรรพคุณ
v       แก้ไอ วิงเวียนศรีษะ
v       ยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
v       แก้อาการอ่อนเพลีย
v       บำรุงไต ปอด เลือด ตับ และสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน
v       แก้โรคไตพร่อง
v       ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณ ชะลอความชรา ลดน้ำหนัก
v       เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
v       ลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน
v       ลดความดันโลหิต
v       ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด
v       ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
v       ช่วยสร้างเม็ดเลือดแข็งแรง
v       ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว
v       เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์
v       ป้องกันอาการค ลื่นไส้ของหญิงมีครรภ์
v       ลดอาการอักเสบและโรคไขข้ออักเสบ
v       เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ กระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง
v       ปรับปรุงระบบการย่อย
v       ป้องกันโรคภูมิแพ้
v       ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ
v       ช่วยในการนอนหลับ
v       ช่วยในเรื่องความจำ
v       ทำให้รู้สึกสดชื่น
  :) การใช้ เป็นเครื่องปรุงอาหารได้ เช่น
v       ตุ๋นกับเนื้อสัตว์เป็นอาหารบำรุง
v       โดยทั่วไปใช้เก๋ากี้ประมาณครั้งละ 6-12 กรัม ต้มรับประทานน้ำ ดื่มแทนน้ำชา
v       ทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน ดองเหล้า หรือต้มจนเปื่อยกรองเอากากออก
v       ทำเป็นขนมรับประทานเป็นของว่าง เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งในยุคนี้มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ สามารถเปลี่ยนเก๋ากี้ ให้กลายมาเป็นน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น รสชาติอร่อยกลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อยู่ในรูปน้ำผลไม้เสริมสร้างและบำรุงสุขภาพเห็นหลายเว็บ ขายน้ำโกจิเบอร์รี่ ซึ่งขอบอกว่าราคาแพงมากแพง จนน่าตกใจเลย เพราะ
ว่าแท้ที่จริงก็คือเก๋ากี้ เราก็สามารถทำกินเองที่บ้านได้ โดยเม็ดของเก๋ากี้เองก็มีหลายพันธุ์
    :) แต่ขอแนะนำให้รับประทานพันธุ์ที่เป็นสีแดงครับสารอาหารเยอะกว่าเพราะว่าเก๋ากี้มีปลูกทั่วไปในประเทศจีน แต่ที่ปลูกในมณฑลหนิงเซี่ย กานซู่ เหอเป่ยส่านซี นั้นทีสรรพคุณดีที่สุดซึ่งโกจินี้ อเมริกาได้ส่งนักวิจัยไปศึกษาถึงประเทศจีนเลยว่ามีประโยชน์อย่างไร
 

ออฟไลน์ tik

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
โอ้มายก๊อต... สุดยอดเลยยยย :)

Tags: