นักธรรม

ห้องสมุด "นักธรรม" => หนังสือ => ข้อความที่เริ่มโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 27/09/2012, 18:19

หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 27/09/2012, 18:19
                  ชื่อหนังสือ    ท่องพุทธาลัย (3)

                       พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์

.
ISBN   :  *
ผู้เขียน   :  *
ผู้แปล   :  ศุภนิมิต แปลและเรียบเรียง
ขนาดรูปเล่ม   :  185 x 130 มม.
จำนวน   :  170 หน้า
ชนิดกระดาษ   :  ปอนด์
สำนักพิมพ์   :  สำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เดือน/ปีที่พิมพ์   :  *
ราคา   :  XX บาท
สนใจติดต่อ   :  สำนักพิมพ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิต 23 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 44 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 โทรศัพท์             02-8830620      ,             086-3962500     
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 : สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 27/09/2012, 18:34
                       ระหว่างพุทธาลัย
                  กับการเวียนว่ายในวัฏสงสาร
                 เราท่านกำหนดการไปได้เอง

       ได้โปรดอ่านทบทวนหลาย ๆ ครั้ง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ

                           สารบัญ

ตอนที่ ๑๐.....

สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร

ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

ตอนที่ ๑๑ .....

ด่านจิ่งหยางสามพันแปดร้อยผลบุญญา

ในอักษรซ่อนตถตาฟ้าดินหญิงชาย

ตอนที่ ๑๒.....
ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง สอบย้อนทางสุขสมใจ
แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

ตอนที่ ๑๓.....

อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม

พลังหยางสมบูรณ์งาม เบ่งบานเป็นดอกบัว

ตอนที่ ๑๔.....

ใจหมดจด พุทธภูมิหมดจด

ปรารถนายิ่งใหญ่ เวไนยฯได้กล่อมกลาย
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร ฯ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 28/09/2012, 16:38
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง


@   พุทธะแดน แสนใสสด        ตนกำหนด ประภัสสร
ทะเลสาบ       ภาพสะท้อน      หัวสิงขร   พายเรือธรรม
เริงเล่นไป       ไม่ทำตาม       แนวดีงาม  ไม่รักษา
สงฆ์จงมั่น       พิจารณา         ท่องนาวา  แห่งจิตตน

(ซีฟังจิ้งถู่จื้อซินซิว                หูอิ้งอู่เอวี้ยฟั่นฉือโจว
เฟิงขวงเจี้ยสื่อปู้จุนจวี่             เซิงเหยินจื้ออุ่นซิ่งไห่อิ๋ว)
เราคือ

     สงฆ์วิปลาสทะเลสาบซีหู เทียนหยานอาจารย์เจ้า สนองรับพระแม่บัญชา สู่แดนบูรพา มายังพุทธตำหนัก น้อมเคียมคัล ธรรมมารดาแล้ว

@     จึงหันหา  เมธาศิษย์        ประชิดแล้ว กาลบัดนี้
แพร่แปรใจ        ให้เร็วรี่           อย่าถือดี    ทิฐิตน

(ไจ้เมี่ยนเสียนถู                     เทียนสืออี่จี๋
เซวียนฮว่าซู่เอียน                   ม่อจื๋อจี่เจี้ยน)

@     เร่งรุดหน้า หาสัมพันธ์       มีต่อกัน บอกเหตุผล
อย่ามัวหลง       เร่งเพียรตน       บรรลุพ้น เป็นเซียนกัน

(ไคว่ไคว่เซี่ยงเฉียน                 เจ่าสวินโหย่วเอวี๋ยน
ซื่อจืออินกั่ว                          เซวี่ยนอีซิวเซียน)

@     โลกมนุษย์ ดุจภาพลวง      ชื่อลาภหน่วง ถูกตวงต้ม
มุ่งทางธรรม ก่อนจะล้ม              บัวพ้นตม   เรียนรู้นา

(ฝูฮ่วนเหยินซื่อ                      หมิงลี่เอ๋าเจียน
เซิ่นเจ่าเซี่ยงเต้า                    เสวียน่าเหอเหลียน)

@     ไม่เปื้อนสี ธุลีเศษ           หอมงามเจตน์ บ่ผิดหนา
ประจักษ์จิต      เดิมแท้มา        สุขหรรษา สราญนาน

(อี้เฉินปู้หยั่น                        ชิงเซียงอู๋เตียน
เจิ้งเก้อเอวี๋ยนไหล                 ไคว่เล่อเหมียนเหมียน)
ฮา  ฮา

@     กาลยุคสาม        ธรรมสู่เหย้า        ชาวประชา
เกาะรัตนา                 ก่อรากฐาน          เซียนสร้างสรรค์
เคยต่างอยู่                จะรู้ร่วม              รวมใจกัน
ด้วยจิตญาณ              วิถีธรรม              ดำเนินตาม

(เต้าเจี่ยงซู่หมินอี้งซันฉี              เป๋าเต่าเผิงไหลลี่เซียนจี
เหมินฮู่ซันซาเจียงเจี๋ยเหอ           หลิงไถซินฝ่าเหยินเหยินอี)       
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร ฯ 2
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 28/09/2012, 17:18
                     ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง


@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

@     คนเที่ยงตรง        กัลยาณชน        ไม่ปนปลอม
ความดีหลอม               ชั่วกำจัด           อัศจรรย์
พิชิตตน                     อดทนสู้            รู้หลักล้ำ
ช่วยแพร่ธรรม              นำใครใคร          ให้กลับคืน

(เจิ้งเหยินจวินจื่ออู๋ซวีเอว้ย         เซียนซั่นเจวี๋ยเอ้อจุ้ยเชิงฉี
เค่อจี่ไน่เหลาอู้เทียนหลี่             ไต้เทียนเซวียนฮว่าตู้เหยินกุย)

@     ไม่ย่นย่อ            ต่อฝนฟ้า           เวลาไหน
มุ่งธรรมไป                 เรือไม่หยุด        รุดหน้ายื่น
หลักการธรรม              จำเดิมนิ่ง          จริงไม่ฝืน
อริยกิจ                     ยิ่งยั่งยืน            ด้วยธรรมดา

(จิ้นก่วนดฟิงอวี่เจอยื่อเอวี้ย          ฝ่าฉวยอีหยานผิงเต้าฉือ
เจินหลี่เปิ่นไหลจุ้ยผิงสือ             เซิ่งเอี้ยเกิ้งไจ้ผิงฝันเอว๋ย)

@     งามสามโลก        ปรกโปรดใหญ่        หนึ่งใจทุ่ม
ทุกคนอุ้ม                    จิตมุ่งมั่น               ทะยานฟ้า
รับภาระ                      รู้วาระ                  ถอย - ขึ้นหน้า
รู้พิจารณา                   สละ - เอา             เข้าแก่นใจ

(ซันเทียนต้าซื่ออี้ซินปั้น              เก้อเก้อเจียเป้าชงเทียนจื้อ
ซื่อสือต้าอู้จือจิ้นทุ้ย                   ฉวีเส่ออี๋เนี่ยนเหลียงซินจือ)

@     อย่าเห็นผิด        จิตตนใหญ่            ไปจากธรรม
สัจจะนำ                    สู่องค์ธรรมฯ           กำเนิดต้น
เบิกนัยน์ตา                ปัญญาฉาย            ไม่มืดมน
น่าเศร้าล้น                 ฝังตนจอด              บอดเพียรธรรม

(ม่ออินจื้อซื่อหลีจงเต้า               กุยเกินเยิ่นจู่อี้เจินหลี่
ซินเอี่ยนเจิงเลี่ยงฮุ่ยเติงเอี้ยว        หมังซิวจื้อไหมจุ้ยเข่อเปย)

@     เสมอต้น           จนปลายแน่            ใจแท้มั่น
ปณิธาน                    บรรลุบุญ               หนุนนำข้าม
ถึงจุดหมาย               ไปตามฟ้า              อย่าเหยียดหยาม
ร่วมช่วยงาน               ธรรมกาลรุด           จุดประกาย

(เจียนเหิงจงเฉิงก้วนสื่อจง           ลี่เอวี้ยนเหลี่ยวเอวี้ยนอิ้งเอวี๋ยนจี
ซุ่นเทียนสิงเต้าเจวี๋ยอู๋ชั่ว             ถงจู้เทียนผันฟากวงฮุย)
ฮา   ฮา
   

        แต่โบราณกาลมา คัดเลือก ร่อนตะแกรง แบ่งแยกหินกับหยก หล่อหลอมจนไฟกลายสีเขียว
        เคี่ยวกรำนานนับอสงไขย ทั้งตัด  หั่น  ขัด  ฝน  จนเข้าสู่ในหมู่เซียนได้
        ทั้งเหตุ - ผลและต้น - ปลาย ให้เป็นไปตามนั้น กฏแห่งกรรมเท่ากันไม่ลำเอียง  หญิงชายแบ่งกันไปตามดี  เลว  บุญ  บาปห่างกันดั่งชั้นเมฆกับโคลนตม

"เห็นจิตญาณล้ำค่า ณ หนึ่งจุด
บำเพ็ญหยุดหลุดพ้นพญายม
ไม่ยึดหมายในบุญที่สั่งสม
ใจว่างข่มรับเก้าเก้าแปดเอ็ดภัย

(เจี้ยนซิ่งกุ้ยเตี่ยนอี         ซิวเซินเจวี๋ยหมิงจวิน
จีซั่นอู้จื๋อเต๋อ                เสียนซินจิ๋วจิ๋วทุน)

        บำเพ็ญแต่ขาดปัจจัยสาม คือ ความซื่อตรงจงรัก กตัญญู มโนธรรม จะต้องถูกเผาผลาญเคี่ยวกรำที่สามด่าน หนทางนรกสวรรค์ ต่างกัน ณ จุดนั้น หรือสู่วิถีเปรต หรือสู่พุทธเกษตร บาปบุญสูงต่ำ ต่างกันราวฟ้าดิน ทุกข์สุขสองทางต่างวิ่งไป แต่ละด่านทำการให้ขึ้น - ตก มากมายให้ต่างเคี่ยวกรำ ที่ซ่อมแซมยังว่า ได้รับโทษไซร์แสนทรมาน โทษหนักเบาไม่เท่ากัน หักลบผิดบาปกับความดี หรือที่ผิดหนักหนา ต้องพาส่งนรกพบพญายม รวมความว่าผู้บำเพ็ญอย่าได้แย่งชิงกับใครแม้ไพเฟื้อง เซียนพุทธะโปรดว่า ปุถุชนพึงทำตาม กล่าวไว้พอประมาณในจารึกการท่องเที่ยวนี้

ฮา   ฮา   พัก
                 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร..3
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 12/10/2012, 10:55
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระอาจารย์   :  จารึกการท่องเที่ยวเก้าครั้งที่ผ่านมา เรียบเรียงพิมพ์เล่มแพร่หลายในสาธุชน จนเป็นที่สะเทือนขวัญ ดังคำพังเพยที่ว่า "บัดนั้นเองกระดาษลั่วหยางขึ้นราคา ไม่พอกับความต้องการ"   (อี้สือลั่วหยางจื่อกุ้ย กงปู๋อิ้งฉิว) 
มีผลเตือนใจให้พุทธบุตรไม่น้อย มุ่งสู่บำเพ็ญจริง นี่เป็นด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนโปรดประทาน หวังศิษย์รักจงพยายามต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ให้บทบันทึก "ท่องพุทธาลัย" สำเร็จได้ตามกำหนด แพร่หลายในโลก กวาดล้างมารภัย อุ้มชูความเที่ยงตรง ธำรงรักษาสัทธรรม เพื่อหวังให้ธรรมจักรวาลปราศจากมาร และสะอาดใสในเร็ววัน

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์น้อมรับพระโอวาทจากพระอาจารย์ ขอบพระคุณที่พระอาจารย์โปรดเมตตา ส่งเสริมอุ้มชูศิษย์ ให้มีโอกาศรับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระแม่องค์ธรรม โปรดประทานสายทองทางสว่าง  อีกหวังว่าผู้มีบุญสัมพันธ์ได้พบหนังสือนี้ จะรักคุณค่าแห่งพุทธสัมพันธ์อันได้มามิง่าย ตั้งใจให้เข้าถึง รู้แจ้ง อ่านแล้วอ่านซ้ำจนหลายครั้ง ก็จะเห็นความวิเศษแยบยลได้เอง

พระอาจารย์   :  หนังสือนี้แต่โบราณกาลมา ยากนักหนาจะได้พบ หากมิใช่กาลอันควรจะมิโปรดให้ เป็นกระจกวิเศษใสของการบำเพ็ญ แม้มิใช่บุญสัมพันธ์ก็มิอาจพบพาน  ศิษย์เมธีแห่งธรรมกาลยุคขาวของเรา จะต้องเผยแผ่ไปให้เต็มที่ ประกาศและบรรยาย เอาสัจธรรมในหนังสือเป็นเข็มทิศในการบำเพ็ญ
"เห็นเมธา        พิจารณาเจริญด้วย
เห็นมิใช่เมธา     นำมาหักห้ามตน"

(เจี้ยนเสียนซือฉี  เจี้ยนปู้เสียนอิ๋นอี่จื้อเจี้ย)


        อีกทั้งเอาตนเป็นบรรทัดฐาน ตั้งหลักชัย เป็นประภาคารท่ามกลางทะเลทุกข์ของคนในโลก เพื่อนำเรือคนเดิมที่หลงทางให้ล่องตามหลักธรรม พร้อมกับคืนสู่วิสุทธิแดนดิน

อู้เอวี๋ยน   :  พระอาจารย์ต้องเหนื่อยยากพร่ำสอน ใครที่มีเลือดเนื้อ จิตใจดีงาม สดับความนี้แล้ว มิซาบซึ้งสะเทือนใจคงแทบไม่มี

พระอาจารย์   :  กาลเวลาคับขันแล้ว ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว อย่าได้เสียเวลาอันมีค่าต่อไปเลย ควรรักษาบุญวาระวิเศษ อุทิศแรงกายแรงใจทั้งหมด เพื่องานโปรดธรรมครั้งนี้ ตั้งปณิธาน บรรลุปณิธาน ร่วมช่วยธรรมจักรวาล วันข้างหน้า อาจารย์กับศิษย์พบกัน สุขสันต์พร้อมหน้า จะยินดีเป็นที่สุด

อู้เอวี๋ยน   :  ในเล่มที่แล้ว เราท่องเที่ยวไปเพียงสามปากด่าน ของด่านจื่อหยางกวน  คือเสินหยางเตี้ยน  ซิงหยางเตี้ยน  และปี้หยางเตี้ยน คืนนี้ พระอาจารย์จะนำศิษย์ไปเที่ยวต่อที่ใดหรือขอรับ

พระอาจารย์   :  คืนนี้ จะพาท่องด่านย่อยตันหยาง (ตันหยางเตี้ยน) ของด่านเหอหยาง (เหอหยางกวน) บัดนี้เวลาเนิ่นนานช้าแล้ว ขอท่านจอมทับพิทักษ์ธรรมช่วยคุ้มครองพระตำหนัก อู้เอวี๋ยนชำระใจ ตามอาจารย์ขึ้นฐานบัว เราออกเดินทางกันเถิด.....กล่าวจบฐานบัวลอยขึ้น มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว ดวงจันทร์วับแวมอยู่ในกลุ่มเมฆบาง ๆ ขอบฟ้ามีดาวประปราย ไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย ในความเวิ้งว้างเงียบสงัด มีแต่เสียงลมพัดผ่านหู ชั่วบัดดล ฐานบัวลอยข้าม ด่านจื่อหยาง  ท่ามกลางแสงขมุกขมัวนั้น ปรากฏเงาของปราสาทโบราณตระหง่านอยู่ พระอาจารย์ให้ฐานบัวค่อย ๆ ลดลงเห็นเทวมาตย์ห้าหกท่านรีบตรงมาคารวะต้อนรับพระอาจารย์.....
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 4
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 19/10/2012, 18:41
                   ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

เทวมาตย์   : 
ผู้น้อยได้รับพระบัญชาจากพระธรรมาจารย์เทียนฝู่ (เทียนฝูจู่ซือ) ให้มาต้อนรับ ตำหนักตันหยาง (ตันหยางเตี้ยน) ห่างจากนี้ไม่ไกล ทูลเชิฐพุทธบาทมาเยือน

พระอาจารย์   :  ทุกท่านมิต้องมากพิธีรีตอง น้ำพระทัยไมตรีจากพระบรรพจารย์ท่าน มิกล้ารับ รบกวนท่านเทวมาตย์นำทาง

อู้เอวี๋ยน   :  อู้เอวี๋ยนกราบพบเทวมาตย์ทุกท่าน คืนนี้ติดตามพระอาจารย์มากราบเยี่ยมเยือนตำหนักท่าน ขอได้รับการชี้แนะ

เทวมาตย์   :  มิต้องเกรงใจ เชิญตามข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าสู่ด่าน ดังนั้นแล้ว เหล่าเทวมาตย์นำหน้า ชั่วขณะก็พากันมาถึงหน้าด่าน ประตูด่านสูงตระหง่าน กำแพงโดยรอบนั้นดูอย่างกับกำแพงป้อมปราการ เหนือประตูด่านมีอักษรสามตัว ความว่า "ด่านเหอหยาง" (เหอหยางกวน) กลอนคู่สองข้างประตูความว่า

"ยกย่องเชิดชูหรือถูกลดขั้น     ดูช่างแตกต่างดั่งดินฟ้านั้น

สูงส่งขึ้นลงตกต่ำห่างกัน        อริยะสามัญสองฟากหากห่าง"

( เปาเปี่ยนเหลี่ยงตวนเทียนตี้เอวี่ยน   เจี้ยงเซิงเซียงตุ้ยเซิ้งฝันเฟิล)


        เทวมาตย์นำหน้าพาทั้งหมดดำเนินถึงภายในด่าน ภายในด่าน มองดูซ้ายขวา ประตูด่านใหญ่โตโอฬาร ถนนกว้างใหญ่ยาวเหยียดตลอดเหนือใต้ รินถนนข้างหน้า มีสิ่งปลูกสร้างลักษณะหอสูงเรือนเหลามากมาย ข้าง ๆ ยังมีบ้านธรรมดาเป็นหลัง ๆ เรียงรายอยู่ มีแสงสลัว ๆ ลอดออกจากหน้าต่าง ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมามากมาย ล้วนเป็นใบหน้าเมตตามีธรรม  อู้เอวี๋ยนติดตามพระอาจารย์เดินไปชมไปไม่ถึงครึ่งลี้ พลันได้เห็นปราสาทหลังหนึ่งใหญ่โตมหึมา สง่าตระหง่านท่ามกลางเมฆ ขื่อขานชั้นเชิงสลักลายวิจิตรพิศดาร งดงามยิ่งนัก เหนือประตูใหญ่ด้านหน้า มีแผ่นป้ายใหญ่จารึกอักษรสามตัวว่า"ตำหนักตันหยาง" (ตันหยางเตี้ยน) สีทองเรืองรองระยับ เสากลมใหญ่ซ้ายขวาประตู มีกลอนคู่ยาวเหยียดหลายบท เป็นหนังสือเขียนหวัด ลายเส้นศิลปะดั่งลีลาหงส์มังกรร่อนรำงามแกร่ง อู้เอวี๋ยนกำลังจะหยุดยืนชม พลันเห็นพระบรรพจารย์เทียนฝู่ออกมาต้อนรับเองถึงหน้าพระตำหนัก คารวะต่อกันกับพระอาจารย์แล้ว เคียงกันผ่านประตูสามชั้นจนถึงพระตำหนักใน พระบรรพจารย์โปรดบัญชา ให้ฝ่ายพิธีการจัดน้ำอมฤตเครื่องเสวย ถวายการรับรอง

พระอาจารย์   :  งานหลักหนักหนาอยู่ ข้าพเจ้ามาลบกวนการรับรองเช่นนี้ มิกล้ารับจริง ๆ

พระบรรพจารย์   :  มารยาทไม่ครบถ้วน เครื่องเสวยพื้น ๆ ธรรมดา มินับได้ว่านบนอบโดยแท้ เห็นอยู่ว่า บัดนี้ ใกล้วันเวลาเก็บงานสมบูรณ์ผล หมื่นพันพุทธะบรรพจารย์เช้าค่ำมิว่างเว้น กอบกู้ฉุดช่วยมวลเวไนยฯ คืนนี้ยินดียิ่งนัก เมื่อได้ทราบว่า บรรพจารย์ท่านสนองรับอนุตตรพระโองการ นำศิษย์มาดูข้อเท็จจริงที่ตำหนัก ข้าพเจ้าก็จะได้มีส่วนช่วยหนังสือท่องเที่ยวนี้บ้างเล็กน้อย

อู้เอวี๋ยน   :  ผู้น้อยผู้บำเพ็ญชาวโลก น้อมกราบพระบรรพจารย์ ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ฮา ฮา มิต้องมากจริยา โอ... เป็นจริงดังว่า "อาจารย์วิเศษศรี ย่อมมีศิษย์ยอดเยี่ยม" ศิษย์ผู้นี้มีรากฐานไม่ธรรมดาจริง ๆมิน่าเล่า จึงได้รับการเชิดชูจากพระบรรพจารย์นำจิตญาณมาท่องเที่ยวบันทึก

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ได้โปรดชมเชย ขอพระองค์ได้โปรดสั่งสอนด้วย

พระอาจารย์   :  เรียนเชิญพระบรรพจารย์ โปรดแนะนำหน้าที่รับผิดชอบงานในตำหนักของท่านพอสังเขป เพื่อความกระจ่างแก่ชาวโลกด้วย
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 5
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 20/10/2012, 10:04
                  ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระบรรพจารย์   : 
หน้าที่รับผิดชอบของด่านนี้ อยู่ที่สอบถาม "ศีลวัตรของผู้บำเพ็ญ" (ซิวเต้ากุยเจี้ย) ญาณเดิมในสามโลก จะกลับคืนสู่ถ่ำฟ้าวิสุทธิแดนดินนั้น ทุกคนจำเป็นจะต้องผ่านด่านการตรวจสอบจากสามด่านเก้าตำหนักว่าไม่ผิดเพี้ยนเสียก่อน จากนั้นจึงจะกลับขึ้นไปได้ ญาณเดิมจะต้อง
ผ่านด่านแรกคือ จื่อหยางกวน
ตำหนักที่หนึ่ง เสินหยางเตี้ยน สอบถามชื่อสกุล ภูมิลำเนาเดิม เหตุและผลกรรมที่ทำมา ผ่านจากตำหนักที่หนึ่งมาถึง
ตำหนักที่สอง ชิงหยางเตี้ยน สอบถามอนุตตรพระโองการ เทียนมิ่งหมิงซือ พระวิสุทธิอาจารย์ ผู้แนะนำรับรอง อิ๋นเป่าซือ ถูกต้องแล้วจึงไปสู่
ตำหนักที่สาม ปี้หยางเตี้ยน สอบถามการบุญหลังจากได้รับวิถีธรรมแล้ว จากนั้น จึงส่งมายังตำหนักนี้ คือ
ด่านเหอหยาง  ตำหนักตันหยาง (เหอหยางกวน ตันหยางเตี้ยน) ตรวจสอบศีลวัตรปฏิบัติอีกที 
ตำหนักนี้มีเทวมาตย์ลาดตระเวนตรวจสอบสามสิบองค์ เทวบดีผู้ตรวจการทำหน้าที่กำชับชี้นำอีกหกสิบสี่องค์ ธรรมราชผู้สอดส่องตรวจสอบอีกแปดองค์จัดตั้งห้องด่าน

ห้องแมลงล้างจิตปุถุชน (เฟยฉงเหลี่ยวฝันเสี่ยวกวนซื่อ) ประกอบอีกเก้าห้องด่าน

ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่ (หมอซินจื้อซินซื่อ) หนึ่งห้อง และห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) อีกห้องหนึ่ง เอาไว้รับญาณเดิมที่ทุศีลผิดระเบียบ จัดการลงโทษหรืออบรมให้สำนึกขอขมากรรม นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง หอแดง (หงโหลว) แปดห้อง เอาไว้เป็นที่พักรับรองญาณเดิมที่รักษาศีลวัตรเมื่ออยู่ในโลก และมีกุศลผลบุญมาก ห้องนี้ชื่อว่า หอชูบุญ (เปาซั่นเกอ

อู้เอวี๋ยน   : 
กราบเรียนถามพระบรรพจารย์ ญาณเดิมที่มาถึงตำหนักของพระองค์ ทำอย่างไรจึงจะสอบผ่านได้ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  สาธุ สำหรับคำถามนี้ เมื่อมีชีวิต จะบวชบำเพ็ญในศาสนาใด ล้วนมีศีลวัตรที่จะต้องทำตาม แม้แต่ละศาสนาจะมีข้อห้ามไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่สรุปแล้วเป็นหลักใหญ่ ๆ สามข้อ คือ ใจบริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์ การกระทำบริสุทธิ์ (ซินชิง เซินชิง สิงชิง) หากบริสุทธิ์ได้ทั้งสามอย่าง ก็จะผ่านตำหนักสอบของเราไปได้ แต่หากสามบริสุทธิ์ไม่ครบถ้วน ก็ยากจะผ่านจากตำหนักนี้ได้ ผู้ผิดต่อศีลวัตรเบาหน่อย ตัดสินให้เข้าขอขมากรรมสำนึกใน "ห้องขอขมากรรมสำนึก"  ผิดต่อศีลวัตรหนักหน่อย จะถูกตัดสินให้เข้าสถานลงโทษรับโทษทัณฑ์

อู้เอวี๋ยน   :   
กราบขอพระบรรพจารย์ ได้โปรดอธิบายความหมายของใจ กาย การกระทำ ที่ไม่สมบูรณ์ด้วยขอรับ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 : สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 6
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 20/10/2012, 10:40
                      ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระบรรพจารย์   : 

1. ที่ว่าใจไม่บริสุทธิ์นั้น ปากกินเจแต่ใจไม่เจ
ในใจแฝงความโลภ  โกรธ  หลง  มิจฉาดำริ  ฟุ้งซ่าน  เพ้อฝัน  ไม่ถูกต้องตรงต่อหลักธรรม หรือท้อทุกข์  หมดอาอัย  คึกคะนอง  พลุ่งพล่าน  ทิฐิดื้อรั้น  แบ่งแยกตอบโต้... เหล่านี้ล้วนอยู่ในข่าย อธิบายอีกหน่อย กินเจไม่ใช่ปากกินอาหารเจเท่านั้น หากพูดจาหลอกล่อเอาใจ  นินทาว่าร้าย  ระบือข่าวลือผิด ๆ เอาความนัยของฟ้ามาทำให้คนหลงผิด  พูดร้ายทำร้ายคน  พูดพล่อยหลอกลวงเขา  หรือสูบบุหรี่  ดื่มเหล้า  เคี้ยวหมาก ล้วนไม่เจ หากปากเจแต่ใจไม่เจ จะพาตัวตกต่ำสู่สถานไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ผู้มีจิตยบริสุทธิ์ จึงหมายถึงปากกินเจ และใจก็ถือเจด้วย

2. ที่ว่ากายไม่บริสุทธิ์ คือ กิริยาอาการผิดจริยา สองขาพาตัวไปสถานมิจฉาชีพ อบายมุข ทำตัวผิดต่อทางธรรม ไม่ชำระกายให้สะอาดก่อนจุดธูปบูชาพระ เสื้อผ้าไม่สุภาพ  ไม่สวมใส่หรือปกปิดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่สถานธรรม  ห้องบูชาพระ  ศาลา  โรงเจ  สถานที่ของทางศาสนา ไม่สำรวมกิริยา  พูดจา  หัวเราะคิกคักเสียงดัง  เดินเพ่นพ่าน  หญิงชายใกล้ชิดปะปนกัน ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามไม่เจริญตาเจริญใจ ขณะจุดธูปบูชาพระกราบพระไม่นบนอบไม่ตั้งใจ ตบเบาะ ชำเลืองมอง กราบเป็นพิธี ลุกลี้ลุกลน กระโดกกระเดก เหล่านี้เป็นต้น ล้วนถือว่า"กายไม่บริสุทธิ์"

3. การกระทำไม่บริสุทธิ์ คือ ด่าทอลมฝน กล่าวโทษขัดเคืองฟ้าดิน ด่าว่าผู้คน ละเลยเพิกเฉยต่อผู้ใหญ่ ทำความสกปรกเลอะเทอะแก่สถานที่หรือแม่น้ำลำคลอง ไม่สำรวมใต้ฟ้าใต้ตะวันเดือน หลอกเขาเอาเงินแอบอ้างสร้างบุญ วางแผนลวงล่อทำร้ายให้เขาเสียหาย เย่อหยิ่งจองหอง ยโสโอหัง ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ เริงกาม ลักขโมย หยิบฉวย จาบจ้วง แย่งชิง ใช้เงินกองกุศลโดยพละการ เหล่านี้เป็นต้น
การกระทำทุกอย่างที่ผิดต่อธรรมะ ผิดต่อคุณธรรมความดี ความถูกต้อง ล้วนเป็น "การกระทำไม่บริสุทธิ์"

อู้เอวี๋ยน   : 
ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ได้โปรดฯ แสดงรายละเอียด ชาวโลกได้สดับดังนี้แล้ว จะไม่สำรวมระวังได้หรือ ขณะนั้น เห็นเทวการท่านหนึ่งเข้ามากราบรายงาน

เทวการ   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก บัดนี้ เทวบดีผู้ตรวจการจากจื่อหยางกวน ได้นำวิญญาณคนเดิมยี่สิบกว่าคนมารับการตรวจสอบที่ตำหนัก จะดำเนินการอย่างไร ขอพระองค์ได้โปรด...

พระบรรพจารย์   :  ให้จัดเตรียมการ เชิญพระบรรพจารย์กับอู้เอวี๋ยน พร้อมกันไปหาข้อมูลที่ตำหนัก กล่าวจบ พระบรรพจารย์ทั้งสองกับอู้เอวี๋ยนก็ออกจากหอโถงภายใน ตรงไปที่ตำหนักใหญ่ตันหยาง ขึ้นบัลลังก์พิจารณา ชั่วครู่ เทวบดีผู้ตรวจการก็นำวิญญาณคนเดิมเข้าตำหนักมา ทั้งหมดคุกเข่ากราบทันที

[/b]วิญญาณทั้งหมด   :  [/b]น้อมกราบพระบรรพจารย์ พระอาจารย์

พระบรรพจารย์   :  ทุกท่านมิต้องมากพิธี  วันนี้ ทุกท่านมารับการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของศีลวัตรในการบำเพ็ญที่ตำหนักนี้ ตำหนักนี้สูงส่งยุติธรรมโปร่งใส บาป บุญ ชมเชย ลงโทษชัดเจนทุกอย่าง ปราศจากจิตพิศมัยใจลำเอียง ธรรมราชผู้ตรวจสอบ เชิญเริ่มได้ ณ บัดนี้
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 7
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 21/10/2012, 13:51
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

ธรรมราช   :  รับพระบัญชา
ญาณเดิมทุกท่าน เมื่อเข้ารับการตรวจสอบ ขอให้รายงานตัวชื่อสกุลอะไร เมื่อมีชีวิต ถือบวชบำเพ็ญทางธรรมใด อีกทั้งให้เล่าการรักษาศีลวัตรตามความเป็นจริง หากกล่าวตามความเป็นจริง จะรับไว้พิจารณา หากดื้อร้ายปิดบังอำพราง โทษเป็นทวีคูณ บัดนี้ญาณเดิมคนแรก เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ

ญาณเดิม ก   :  ผู้น้อยเบื้องล่างแซ่อู๋... เมื่อมีชีวิตอยู่บำเพ็ญในศาสนาเต๋า สังกัดเทวราชตำหนักห้า (อู๋ฝู่อ๋วงเอี๋ย) ผู้น้อยได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากพระเทวราชเจ้า เนื่องจากพระองค์โปรดแสดงพระบุญญาธิการ รักษาโรคเรื้อรังที่ผู้น้อยหาหมอเท่าไรรก็ไม่หายถึงสามปีให้หายได้ ทำให้ผู้น้อยสำนึกพระคุณ จึงตั้งใจรับใช้เทวราชเจ้าสงเคราะห์ชาวโลก ต่อมายังได้รับโปรดจากเทวราชเจ้ารับเป็นบุตรบุญธรรม ดังนั้น ผู้น้อยจึงทุ่มเทเวลา กำลังทั้งหมด รับใช้งานศาลเจ้า กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความศรัทธาจริงใจ อีกทั้งยังผลักดันงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก จึงได้สั่งสมกุศลบุญไว้บ้างตายแล้วได้ผ่านการตรวจสอบจากด่าน จื่อหยางกวน สามตำหนักปากทางแล้วมาถึงที่นี่ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ธรรมราชาผู้ตรวจสอบ เชิญยืนยันหลักฐานในนสมุดบันทึก ที่อู๋เซิงกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่

ธรรมราช   :  กราบทูลองค์เจ้าตำหนัก ตามทีึ่บันทึกไว้ที่อู๋เซิงกล่าวรายงานนั้นเป็นความจริง เป็นคนศรัทธา ไหว้พระ ไหว้เจ้า นิสัยจิตใจดีงาม รู้จักสำรวมบำเพ็ญ มีจริยะดีต่อใคร ๆ นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญฝึกฝนจริง ข้อบกพร่องจุดเดียววคือ หนทางที่เขาปฏิบัติบำเพ็ญอยู่เป็นศาลเจ้าเทวราชที่เน้นหนักอยู่แต่การสงเคราะห์ชาวโลก ไม่ได้เน้นหนักหรือให้ความสำคัญต่อการถือศีลกินเจ ขอพระองค์ได้โปรดพิจารณาเห็นสมควร

พระบรรพจารย์   :  อืมม์ ครั้งมีชีวิตอยู่ อู๋เซิงมุ่งธรรมเต็มกำลังใจ หาได้ยาก แต่เนื่องจากทางธรรมที่นำพา มิได้อบรมให้ถือศีลกินเจ เราก็จะไม่เอาโทษแก่ท่าน แต่ท่านขาดคุณสมบัติ "กายบริสุทธิ์" (เซินชิง) ตั้องตัดสินให้ไปสู่ สถานขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) รับการอบรมสิบวันจนภาวะกายบริสุทธิ์ดีแล้ว จึงจะส่งไปที่ หอชูบุญ (เปาชั่นเกอ) เพื่อรอการจัดส่งต่อไปยังตำหนัก จิ่งหยาง (จิ่งหยางเตี้ยน)

ญาณเดิม ก  : 
กราบขอบพระคุณพระบรรจารย์ เมื่อผู้น้อยมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุที่จะต้องจัดพิธีปลอบขวัญทหาร อีกทั้งต้องทำกำารเซ่นไหว้ทหารนายกองห้าค่าย ซึ่งจะต้องใช้ชีวิตสัตว์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยเพื่อแสดงความเคารพโดยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดศีล

พระบรรพจารย์   :  หวังให้ชาวโลกอย่าได้หลับหูหลับตาเชื่อประเพณีพิธีการแต่อย่างเดียว กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้เป็นอันขาด อย่างนั้นไม่เพียงสร้างบาปเวรไว้ เอาเลือดเนื้อเขาบูชาพระ ยังเป็นการลบหลู่ล่วงเกินที่สุด เซียนพุทธะมีแต่เมตตากรุณา จะรับการสักการะจากคาวชีวิตเลือดเนื้ออย่างนี้ได้อย่างไร หากเปลี่ยนเป็นธูปหอม ผลไม้ ดอกไม้ อาหาร พืชผัก บวกกับจิตใจศรัทธาแท้จริง ก็จะซาบซึ้งถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาได้เอง มิฉะนั้นแล้ว ใช้วิธีการผิดศีล สร้างปาณาติบาตไว้ไม่รู้ตัว จะไม่เป็นการทำคุณบูชาดทษเสียเปล่าอย่างไร

ธรรมราช   :  เชิญอู๋เซิงติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยังห้อง "ขอขมากรรมสำนึก" เพื่อชำระกายกรรมที่ยังไม่บริสุทธิ์ทั้งหมด ญาณเดิมท่านที่สองเชิญเข้ารับการตรวจสอบ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 8
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 21/10/2012, 14:44
                       ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

ญาณเดิม ข   : 
ศิษย์ผู้น้อยน้อมกราบพระบรรพจารย์ เมื่อมีชีวิตอยู่ ผู้น้อยบำเพ็ญอยู่กับเทวสถานหลวนถัง ผู้น้อยแซ่ไซ่ ในชีวิต ได้รับโปรดอบรมกล่อมเกลาจากพระองค์ปู่เจ้าอริยคุณเอินจู่กง หรือพระนามว่า ท้าวสักกะกวนอริยมหาราชเจ้า (กวนเซิ่งตี้จวิน) ผู้น้อยศึกษาหลักธรรมถ่องแท้ว่า อันที่จริงนั้น ห้าศาสนาใหญ่ล้วนมาจากต้นรากเดียวกัน ปกติ นอกจากจะศึกษาพระโอวาท เจริญธรรมตามรอยพระอริยเจ้าแล้ว ยังแบ่งเวลาออกสร้างสาธารณประโยชน์ บริการประชาชนและสังคมเสมอ ชีวิตประจำวัน จะสมาคมกับใคร ก็ได้รักษาทำตามพระโอวาท ถ่อมตนเกรงใจ มีจริยธรรม ไม่ห่างจากสัจจะมโนธรรมเป็นที่ตั้ง ผู้น้อยเข้าสู่เทวสถาน สามปีให้หลัง ก็ได้ถวายปณิธานกินเจตลอดชีวิต ทุกวันเฉลิมอริยชันษาของพระองค์ปู่เจ้าอริยคุณเอินจู่กง จัดงานประชุมธรรม จะต้องเข้าร่วมปล่อยชีวิตสัตว์ (ฟั่งเซิง) อธิษฐานภวานาทำเช่นนี้มาสิบกว่าปีด้วยชีวิตที่มีความสุขกายสบายใจ สุดท้ายได้ละสังขารมา โดยมิได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด ที่กล่าวมาข้างต้นคือ การปฏิบัติบำเพ็ญมาของศิษย์ผู้น้อย ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดพิจารณา

พระบรรพจารย์   :  ธรรมราชผู้ตรวจสอบ คำพูดของศิษย์แซ่ไซ่ เป็นจริงไฉน

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ข้อความที่บันทึกไว้ในสมุด กับที่ศิษย์แซ่ไซ่กล่าวมา ข้อใหญ่ใจความสอดคล้องกัน แต่มีข้อบกพร่องที่เมื่ออารมณ์ไม่ดี มีอะไรไม่พอใจ มักจะพูดจาโทษฟ้าว่าคน ขอพระองค์ได้โปรดพิจารณาในจุดนี้ด้วย

พระบรรพจารย์   :  สาธุ ศิษย์แซ่ไซ่ สมกับเป็นศิษย์ที่ดีของพระองค์ท้าวสักกะฯ (เอินจู่กง) เทิดทูนธรรมะด้วยศรัทธาแท้จริง ทั้งกินเจ ละเว้นการฆ่า ทำการปล่อยชีวิตสัตว์ สร้างกุศลคุณความดี เป็นผู้ฝึกฝนบำเพ็ญจริงคนหนึ่งเหมือนกัน เสียดายที่ไม่อาจสำนึกรู้แท้ต่อการศึกษากฏแห่งกรรมอันลึกซึ้ง โทษฟ้าว่าคนนี่คือปากกับใจไม่บริสุทธิ์ ตัดสินให้สำนึกตนใน "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" สิบวัน หวังว่าจะเข้าใจถ่องแท้ต่อวัฏจักรของกฏแห่งกรรม นั่นคือ ทำเองย่อมได้รับผลเอง มิใช่ฟ้าไม่ยุติธรรม

พระอาจารย์   :  หลักธรรมที่พระบรรพจารย์ได้โปรด เป็นสิ่งที่คนทั่วไปมักทำผิดกันบ่อย ๆ ดั่งคำพังเพยว่า

"ไม่สมหวังตั้งใจในชีวาตม์
สิบพลาดเสียหายไปแปดเก้า

(เหยินเซิงปู้หยูอี้ ซื่อสือฉังปาจิ่ว)

        ปราชญ์เมิ่งจื่อ กล่าวไว้ว่า "ฟ้าจะมอบภาระใหญ่ให้ผู้นั้น ก่อนอื่นจะต้องทรมานใจเขา ให้เหนื่อยหนักเอ็นกระดูก ให้อดอยากเนื้อหนัง ให้กายนั้นขาดแคลน เพื่อสั่นคลอนจิตใจอดทนของเขา เพื่อเพิ่มพูนสิ่งอันเขาไม่สามารถ"
คน บางครั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สมปรารถนา อารมณ์อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มเร่าร้อน ท้อแท้โศกเศร้า แต่ขออย่าแสดงอารมณ์ไม่ดีไปตามใจ โทษฟ้าว่าใคร ๆ แต่ควรจะอดทน ยอมเหนื่อย ยอมรับความขัดเคืองโดยไม่เปลี่ยนใจที่มุ่งมั่นทางธรรม ประคองรักษาอารมณ์ราบเรียบมั่นคง ต่อการถูกทดสอบด้วยตนทำเอง ยิ่งจะต้องสำแดงความวิริยะกล้าหาญเอาชนะ จึงจะบรรลุผล ดุจแกะสลักหยกงาม ดุจหล่อหลอมเหล็กกล้าได้

ธรรมราช   :  สาธุ พระบรรพพุทธา (อมพระพุทธะจี้กง) พร่ำเตือนกล่อมเกลาชาวโลกตามโอกาสทันที หวังให้ชาวโลกสำนึกรู้พระทัยฟ้า จึงจะไม่ผิดต่อบรรพพุทธาที่ทุ่มเทพระทัย ศิษย์แซ่ไซ่ เชิญตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยัง "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" เถิด ญาณเดิมท่านที่สาม เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ

ญาณเดิม ค   :  ศิษย์ผู้น้อยแซ่หลิน กราบคาวระบรรพจารย์ เมื่อมีชีวิต ข้าพเจ้าคือศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ได้รับจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์ รู้หนทางสว่าง จึงละเว้นความชั่วทุกประการ สร้างบุญกุศลทุกทาง ปกตินอกจากบูชาพระแล้ว ยังเข้าศึกษาธรรมในชั้นต่าง ๆ  ติดตามเตี่ยนฉวนซือออกบุกเบิกแพร่ธรรมเสมอ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนทั้งหลาย สุภาพ เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ จริงใจ เมื่อมีโอกาสให้ได้สร้างบุญ ก็จะทำเต็มกำลัง ก้าวหน้าทางธรรมไม่หน่าย แม้จะเข้าไม่ถึงภาวะจิตใจใจสว่าง แต่บอกกับตนเองได้ว่า เป็นผู้บำเพ็ญที่ยืนหยัดอยู่บนฐานของความจริงแท้ ที่กราบทูลรายงานทั้งหมด ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดพิจารณา

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ศิษย์แซ่หลินกล่าวมา นสอดคล้องกับที่บันทึกไว้ในสมุด แต่มีข้อกระทำผิดใหญ่หลวงเรื่องหนึ่ง ด้วยในใจคิดว่า พุทธระเบียบในวิถีอนุตตรธรรม มีระดับสูงส่ง เป็นพิธีการมาตรฐานทำให้เมินหน้าต่อพิธีการของศาสนาอื่น ๆ เสียสิ้น อีกทั้งใกล้บ้านมีศาลเจ้าประทับทรงสงเคราะห์ผู้คน ทุกครั้งที่ศิษย์แซ่หลินได้เห็น แม้จะไม่มีคำพูดลบหลู่ ใส่ใคล้ แต่ความรังเกียจในใจแสดงออกทางใบหน้า อีกประการหนึ่ง มักจะคิดว่า มืออุ้มลัญจกร (เหอถง) ใช้ไหว้แต่เฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับพรหมโลก หากใช้ไหว้ระดับเทวโลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับเทวโลกจะรับไหว้ไม่ได้ (มิอาจรับได้) บางข้อดังกล่าวเป็นทัศนคติผิด ๆ ขอพระองค์เจ้าตำหนักได้โปรดพิจารณา 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่10 สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 9
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 24/10/2012, 18:42
                     ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

พระบรรพจารย์   : 
ขอแสดงความยินดีที่ศิษย์แซ่หลินได้บำเพ็ญมาสามชาติ ชาตินี้ได้พบพระวิสุทธิอาจารย์โปรดประทานหนทางตรง ตรวจสอบแล้วท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญจริงคนหนึ่ง แต่ด้วยใจไม่อาจยอมรับผู้บำเพ็ญตามบุญปัจจัยในศาสนาอื่น นี่คือ มิรู้แจ้งใจว่าธรรมปฏิบัติทั้งหลายเสมอภาค อยู่ที่การจริงใจนำพาเป็นความหมายแท้จริงด้วยอุบายอันชอบด้วยเมตตากรุณาธรรม ที่ผิดเพราะถือดี  ยึดมั่นในทางธรรมเฉพาะของตน แม้จะยังไม่ได้ก่อวจีีกรรม กายกรรม แต่จิตไม่บริสุทธิ์ จึงตัดสินให้เข้ารับการอบรมที่ "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" ยี่สิบวัน หวังว่าคงจะสำนึกรู้ให้ดี ๆ อีกทั้งขจัดจิตใจยึดมั่นให้ได้ถึงที่สุด การประทับทรงของอดีตนักรบ และศาสนพิธีจากธรรมกาลยุคแดง แม้รูปแบบจะแตกต่างจากธรรมปฏิบัติของธรรมกาลยุคขาว แต่เป็นการอบรมตามจริตวิสัยของผู้คน คุณประโยชน์เพื่อการฉุดช่วยกล่อมเกลาตามเหตุปัจจัย ยังคงสำคัญเช่นเดียวกัน จะดูแคลนไม่ได้ เช่นนี้ เปรียบได้กับความแตกต่างของสถานศึกษาที่สอนระดับอนุบาล ประถม มัธยม เตรียมอุดม และมหาวิทยาลัย แต่ความหมายของการให้ศึกษา ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน จะเอาความเป็นมหาวิทยาลัย มาดูถูกโรงเรียนระดับประถมศึกษาได้หรือ หวังผู้บำเพ็ญจะได้เข้าใจเหตุเป็นมานี้ อย่าทำผิดด้วยคิดว่า "ของข้าสูงส่งที่สุด" แล้วมีจิตใจดูถูกศาสนาอื่น

พระอาจารย์   : 
นัยน์ตาฟ้าเห็นกระจ่างสว่างชัด แม้ความคิดซ่อนเร้น จิตใต้สำนึกก็ทะลุปรุโปร่ง ไม่พ้นได้แม้เส้นใย

หวังว่าชาวโลกจะอาศัยหลักสัจธรรม
นานวันเข้้า จิตใจย่อมใสบริสุทธิ์ได้เอง
บำเพ็ญ สำคัญที่บำเพ็ญจริง
บำเพ็ญจริง อยู่ที่ทำตามหลักสัจธรรม
หลักสัจธรรมอยู่ที่การก่อเกิดความสมบูรณ์กลมกลืน  เสมอภาค ที่สุพดแห่งความดี  ความจริงแท้  ความงามแท้
ผู้บำเพ็ญทำใจให้ราบเรียบตามนี้ ก็จะอยู่ในโลกโลกีย์โดยไม่แปดเปื้อนโลกีย์ได้เอง

ธรรมราช   :  ศิษย์แซ่หลิน เชิญตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยัง "ห้องขัดฝนใจกลับตัวใหม่" เถิด ญาณเดิม ง. เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ

ญาณเดิม ง. ศิษย์ผู้น้อยแซ่หวง กราบคารวะพระบรรพจารย์ เมื่อครั้งมีชีวิต ผู้น้อยบำเพ็ญแห่งวิถีอนุตตรธรรมแห่งธรรมกาลยุคขาว สำนึกรู้ความเป็นจริงของชีวิต ประคองรักษาธรรมะไว้ไม่ถดถอย  อีกทั้งจัดตั้งสถานธรรมในครัวเรือน ฉุดช่วยนำพาผู้มีบุญสัมพันธ์เต็มที่ ใส่ใจความสง่างามเรียบร้อยของสถานธรรมมาก ทุกวันจะต้องกวาดถูให้หมดจด ข้างตำหนักพระ ผู้น้อยจัดห้องบรรยายไว้  กำหนดวัน เชิญอาจารย์มาเปิดชั้นเรียนบรรยาย จัดชั้นเรียนจริยระเบียบ และศึกษาไตรรัตน์เป็นประจำ ต่อการปฏิบัติบำเพ็ญของตนเอง ผู้น้อยเคร่งครัดต่อตนเองมาก อะลุ้มอล่วยต่อคนทั้งหลาย  เคารพนบนอบต่ออาวุโส อุ้มชูผู้น้อย  กินเจกันตลอดชีวิตทั้งครอบครัว  หมั่นให้ทานทั้งสามเป็นประจำ  ไม่โลภ  ไม่เอาของใคร  รักษาตนบริสุทธิ์  ตลอดชีวิตทำตามการอบรมสอนสั่งของอริยเมธา ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย  ดังที่กล่าว คือความเป็นมาคร่าว ๆ ในการปฏิบัติบำเพ็ญเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่  กราบทูลพระบรรพจารย์ได้โปรดพิจารณา

พระบรรพจารย์   :  ธรรมราชผู้ตรวจสอบ ที่บันทึกไว้สอดคล้องกับที่ศิษย์แซ่หวงรายงานไหม?.

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ทุกอย่างถูกต้องเป็นความจริง

พระบรรพจารย์   :  สาธุ  สาธุ  ศิษย์แซ่หวง รักษาระเบียบวินัย  รักษาศีล  เป็นแบบอย่างที่ดีของชาวโลก น่านับถือ ให้เทวมาตย์ผู้นำทางพาไปพักผ่อนที่"หอชูบุญ" แล้วจึงไปตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งที่ตำหนัก จิ่งหยัง

ธรรมราช   : 
เชิญศิษย์แซ่หวงติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางไป ญาณที่ห้า เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 10 สอบผ่านด่านตันหยางได้ ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร 10
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 27/10/2012, 12:55
                      ตอนที่ 10

                 สอบผ่านด่านตันหยางได้
                 ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
                ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
                ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง

@     ฝันโลกนี้        ทุกกรณี        มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง           ชื่อลาภไว้     ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ              งานกู้โลก      ปรกปราบปราม
กำหนดความ           คนประเสริฐ    เลิศรู้การ

(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง          จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่               เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ) 

ญาณเดิม จ.   : 
ศิษย์ผู้น้อยแซ่หลิว  กราบคารวะพระบรรพจารย์ เมื่อมีชีวิต ศิษย์ก็บำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรมเช่นกัน ได้รับการจุดเบิกทางสว่างจากพระวิสุทธิอาจารย์ เนื่องด้วยศิษย์เรียนสูง ฝีปากดี ได้รับการส่งเสริมจากอาวุโสเข้าร่วมชั้นเรียนฝึกบรรยายธรรม อีกทั้งพยายามค้นคว้าคัมภีร์ธรรมห้าศาสนา สุดพท้ายเป๋นอรรถาจารย์ได้รับความสำเร็จคนหนึ่ง ชั่วชีวิตของศิืษย์ ออกเดินทางประกาศสัจธรรมไม่ว่าใกล้ไกล ลมฝนไม่อาจขวางกั้น อีกทั้งตนเองยิ่งทำตัวเป็นแบบอย่างส่งเสริมญาติธรรมให้เปลี่ยนร้ายกลายดีกันไม่น้อย ให้เห็นสัจธรรม จัดตั้งสถานธรรมมากมาย เนื่องด้วย ผู้น้อยมีสภาพเป็นอรรถาจารย์ (เจี่ยงซือ) ปกติจึงทำตนอยู่ในกรอบ ไม่กล้าละเลยศีลวัตร น้อมกราบทูลรายงานพอสังเขปดังกลา่าว

ธรรมราช   :  กราบทูลพระองค์เจ้าตำหนัก ที่ศิษย์แซ่หลิวกราบทูลมา ถูกต้องตรงต่อบันทึก เป็นบุคลากรปากเสียงแทนฟ้าที่หาได้ยากคนหนึ่ง แต่เห็นความสำคัญต่อหน้าที่เจี่ยงซือเท่านั้น เหตุนี้ ขณะถ่ายทอดวิถีธรรม หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดประทับทิพยญาณมา หรือโปรดประทานพระโอวาทในกระบะทราย เจี่ยงซื่อท่านนี้เข้าใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน จึงอยู่ว่าข้าง ๆ ตำหนักพูดคุยสนทนาธรรมกับญาติธรรมไป ไม่ใส่ใจในระเบียบนอกความรับผิดชอบ จุดนี้ ขอพระองค์โปรดพิจารณาตัดสิน

พระบรรพจารย์   :  สาธุ ฟ้าดินมิอาจเอ่ยวาจา อาศัยคนบอกกล่าว ศิษย์หลิวแพร่ธรรมแทนฟ้า ก่อเกิดคุณประโยชน์ ก่อเกิดสัจวาจา น่าเคารพแท้ ในหน้าที่อริยะแม้จะไม่บกพร้่อง แต่นอกหน้าที่บกพร่องต่อศีลวัตรโดยมิได้เจตนา เราจึงจะไม่ลงโทษ แต่ตจัดสินให้เข้า "ห้องขอขมากรรมสำนึก" ขอขมากรรมสำนึกอยู่ยี่สิบวันแล้วค่อยว่ากัน

ธรรมราช   :  ศิษย์แซ่หลิว เชิญตามเทวมาตย์ผู้นำทางไป

พระอาจารย์   :  คืนนี้ ได้รับความกรุณาจากตำหนักของท่านให้ศึกษาเพื่อการประพันธ์หนังสือท่องเที่ยว ตัวอย่างจริง ๆ ทุกข้อชี้ตรงจิตใจ เรียกได้ว่า "ทุกเข็มเห็นเลือด" (เจินเจินเจี้ยนเสี่ย) ทำให้ตื่นตระหนก บัดนี้ เวลามีไม่มากแล้ว ขอบรรพจารย์ท่านได้โปรดอนุญาตให้เราศิษย์อาจารย์อำลาไปก่อน เพื่อท่องเที่ยว "ตันหยางสถานกำราบโทษ" (ตันหยางเฉิงเจี้ยสั่ว)

พระบรรพจารย์   : 
เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็จะมอบให้เทวมาตย์ผู้นำทาง นำพาท่านกับศิษย์ไป

เทวมาตย์   :  กราบทูลเชิญพระบรรพจารย์เทียนหยานกับอู้เอวี๋ยน ตามผู้น้อยออกจากตำหนักนี้  ทั้งสามมุ่งสู่ "สถานกำราบโทษ" อย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็มาถึงบ้านหลังใหญามหึมา หน้าบ้านมีเสาหินใหญ่ตั้งตรงตระหง่านอยู่สองข้าง จารึกอักษรว่า "ตันหยางสถานกำราบ" (ตันหยางเฉิงเจี้ยสั่ว) ทั้งสามพร้อมกันดำเนินเข้าห้องใน พลันได้ยินเสียงร้องน่าเวทนาแว่วมาจากห้องด้านซ้ายดังกรอกหู

เทวมาตย์   :  เสียงร้องโอดโอยนี้คือเสียงทุกข์ทรมานจากนักโทษ ข้าพเจ้าจะนำท่านทั้งสองเข้าไปดูในห้องซ้ายมือนั้นแล้วจะเข้าใจ  ว่าแล้วทั้งสามก็ดำเนินเข้าห้องซ้ายมือ หน้าห้องมีแผ่นป้ายไม้ แสดงความว่า "หไ้องแมลงล้างจิตปุถุชน" (เฟยฉงเหลี่ยวฝันเสี่ยวกวนซื่อ) อู้เอวี๋ยนเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างห้องสอดส่องดู เห็นผู้คน (วิญญาณ) มากมายปนเป ส่วนใหญ่เสื้อผ้าขาดโทรม เปลือยเท้า ผมเผ้ารุงรัง บ้างเอามือปิดหน้าร้องไห้ โศกเศร้าเสียใจนัก เห็นแล้วขนลุกขนชัน ห้องกว้างใหญ่มาก กั้นเป็นห้องกรงขังเล็กอีกหลายสิบห้อง ใช้ลวดตาข่ายขึงกั้น สัดส่วนแคบ ๆ มืดทึบ ไม่สะดวกที่จะนั่งหรือนอน นักโทษแต่ละคนจำกัดอยู่ในแต่ละกรงขังเล็ก ๆ นั้น ภายในกรงขัง มีแมลงผึ้งมีพิษต่อยกัดนักโทษอยู่ทั่วตัวทุกคนนักโทษบางคนบวมปูดทั่วตัวด้วยพิษของผึ้ง เสียงร้องโอดโอยทำให้น่าเวทนา น่าสงสารจับใจ

เทวมาตย์   :  วิญาณที่ถูกตัดสินให้มาที่นี้ ล้วนเป็นผู้ไม่รักษาศีลวัตร หรือแอบอ้างอาศัยงานบุญหาชื่อเสียง ใช้เงินการกุศลตามใจชอบ ไม่เห็นผู้ใหญ่อยู่ในสายตา ลบหลู่นักธรรมอาวุโส หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ ชอบนินทาว่าร้าย สอดเสริมเติมแต่ง ยโสโอหังถือดี เชิดหน้าเอาชนะ ชอบเถียง ผิดต่อทางธรรม ต่ำทรามขาดคุณธรรม เหล่านี้ จะถูกลงโทษตามความผิดหนัก - เบา  มาก - น้อย ด้วยการให้ผึ้งพิษจำนวนเท่านั้นรุมต่อย หากนักโทษสำนึกผิด จริงใจแก้ไข ผึ้งพิษก็จะลดน้อยลงหรือไม่ต่อยกัดอีก แต่หากดื้อรั้นไม่สำนึกแก้ไข ผึ้งพิษก็จะเพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น

พระอาจารย์   : 

บรรลุเซียน        พุทธะได้        ไปจากคน
รับทุกข์ทน       ผลโทษตาม     ตนทำให้
ราวดินฟ้า         ต่างกันหนา      สาเหตุใด
ศีลวัตรไซร์       ให้ถือนำ          เคี่ยวกรำจริง

(เฉิงเซียนจั้วฝอเปิ่นอิ๋วเหยิน        ฟั่นกั้นโส่วฝาอี้อิ๋วเซิน
เทียนเอวียนจือเปี๋ยไจ้เหอซู่        จุนกุยโส่วเจี้ยซิวเลี่ยนเจิน)

ความผิดอันมิได้เจตนา ยังอาจขอขมาสำนึกแก้ไขให้ถูกต้องได้ แต่หากผิดทั้ง ๆ ที่รู้ กฏเกณฑ์ฟ้าน่าคร้ามเข้มงวด ยากนักจักพ้นการลงโทษไปได้  คืนนี้ท่อง ตำหนักตันหยาง เก็บข้อมูลล้ำค่าจากตัวอย่างจริงได้มากมาย หวังให้ผู้บำเพ็ญในโลกได้อ่านเป็นอุทาหรณ์ เตือนใจให้ระวังตัว บัดนี้ค่ำแล้ว ขอท่านเทวมาตย์ช่วยเป็นตัวแทน เราอาจารย์ศิษย์แสดงคารวะขอบพระคุณ เราขอลาไปเพียงนี้

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์กราบลาท่านเทวมาตย์

เทวมาตย์   :  น้อมส่งพระบรรพจารย์และศิษย์

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยน รีบขึ้นฐานบัวไป ถึงพุทธตำหนักแล้ว ญาณอุ้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม จอมทัพพิทักษ์ธรรมตามกลับเบื้องบนไป
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 31/10/2012, 17:04
                   ตอนที่ 11

                           ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

@
ในเจดีย์        คีรีศักดิ์สิทธิ์        สถิตคนจริง
วิเศษยอดยิ่ง           แฝงจริงไว้         กายธรรมเห็น
สงเคราะห์ชน          คนหลงตื่น         ฟื้นใจเป็น
รูปล้อเล่น              เร้นพุทธะ           ณ ภายใน

(หลิงซันถ่าจงโหย่วเจินเหยิน   อิ่นเอว๋ยเมี่ยวเสวียนเซี่ยนฝ่าเซิน
จี้จ้งจื่อหมีเจียเจิ้งเจวี๋ย          เตียนเซี่ยงสือฉังหัวฝอเกิน)

                                                                     เราคือ

        สงฆ์วิปลาสจี้เตียนแห่งหนันผิง

            เทียนหยานพระอาจารย์เจ้า  รับสนอง

อนุตตรพระแม่บัญชา      มาสู่เกาะเซียน  (ไต้หวัน)


        ลอยจากเมฆา     น้อมสู่ตำหนักธรรม  กราบ
อนุตตรพระแม่แล้ว     ถามศิษย์รักทั้งหลายสบายดีกัน
        วันนี้มีงาน         อริยะสมาน        จึงร่วมประพันธ์
กล่าวขานบททอง       สามคุณร่วมใจ     อย่าได้เพื้อนว่า
เจตนาฟ้า                 วิเศษล้ำหนา       จะค่อยว่าไป
                                                                          ฮา  ฮา

@ มีบุญสัมพันธ์        อนุตตรธรรม        จึงได้น้อมรับ
เพียรแท้สูงสัจจ์        รู้ชัดหมั่นย้ำ         สัมผัสเป็นจริง
เข้าถึงแยบยล          วิเศษในตน          ฟ้าดินใหญ่ยิ่ง
อุ้มชูขวัญมิ่ง            หนึ่งกำเนิดจริง     ณ ธรรมญาณใน

(เอวี๋ยนเต๋ออู๋ซั่งฝ่า    ซิวเจินฉินอู้ซัน
เสวียนทงเทียนตี้กู่     ฉุนหย่างเป้าอี้เอวี๋ยน)

@ อย่าหลงทึกทัก     สี่รูปลักษณ์เขา-      เราและอื่นใด
ธรรมแท้เข้าใจ          ชี้หนึ่งจุดให้           วิสุทธิญาณ
จิตว่างสบาย            ไร้ซึ่งพันธะ             ณ ทุกสถาน
ทุกวันพ้นผ่าน           เป็นสุขสำราญ         ดั่งเซียนน้อยนา

(ซื่อเซี่ยงอู้ซือจื๋อ       หมิงเต้าอี้จื่อฉัน
ชิงเสียนเล่อจื้อไจ้      อี๋ยื่อเสี่ยวเสินเซียน)

@ จิตใสใจสว่าง       ทุกอย่างตรงเที่ยง     ไม่เอนเอียงหนา
ส่องทั่วโลกา           จนถึงปัจจัย             ในสิ่งเนื่องนับ
ละอองโลกีย์            มิแปดเปื้อนได้          กายเนื้อมิจับ
จิตญาณงามสรรพ      สดใสสวยงาม           กลมงามเลิศเรือง

(เจี้ยนซิ่งหมิงซินเจิ้ง   เจ้าเซ่อคงอวั้นเอวี๋ยน
เซียนเฉินเซินปู้หยั่น    สื่อเต๋อซิ่งหมิงเอวี๋ยน)         
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 31/10/2012, 17:41
                          ตอนที่ 11

                           ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย


@ กุศลผลบุญ        พรั่งพร้อมล้อมไว้        ไม่อาจประมาณ
พ้นญาณทวาร        ผ่านจากหุบเขา          เจ้าแยบยลนัก
หมิงเต๋อบำเพ็ญ      เห็นชีพสว่าง             สำคัญเป็นหลัก
ชินหมินฐานราก      จื้อซั่นบรรลุ              วิสุทธิธรรม

(กงเต๋อจี้อู๋เลี่ยง       กู่เสินโท่วเพิ่นเสวียนง
ซิวเซินไจ้หมิงเต๋อ    ซินหมินต๋าจื้อซั่น)

@ วิสุทธิ์แล้วนั่น      หมื่นขวานบั่นทอน     ไม่คลอนหลุดร่วง
ฝึกฝนจิตดวง          หลอมจุดรัตนะ           สกาวสุกใส
จริงแท้วัชระ           ไม่เสื่อมแกร่งกล้า       ค่าเสียหายไป
รหัสได้ไว้              คาถากล่อมกลาย       เป็นดอกบัวบาน

(อวั้นฝู่จั๋วปู๋ซุ่ย        หมอเลี่ยนต้วนจินตัน
จินกังปู๋ไฮว่ถี่         โข่วเจวี๋ยฮว่าชิงเหลียน)

@ ทุกอิริยาบท       จะสงบนิ่ง               หรืออิงเคลื่อนไหว
ธรรมจักรได้            เวียนไปหลายรอบ    ไร้ขอบเขตถึง
หมื่นสายเผยแพร่      ล้วนแต่ดำเนิน          คือจุดหมายหนึ่ง
ร่วมช่วยคำนึง         ซึ่งผ่านพ้นด่าน          การสอบเคี่ยวกรำ

(อี๋ต้งอวี่อี๋จิ้ง          โจวจี๋หวนอู๋เปียน
อวั่นไม่อวิ้นเฉาอี      เซียซัวกั้วฉงกวน)

@ ตะวันจันทร์ฉาย    ฟ้าใสจิตญาณ        ปัญญาล้ำเลิศ
ช่วยการก่อเกิด        เส้นแวงเส้นรุ้ง        ร้อยจูงชายหญิง
ภายในแฝงเร้น         ความเป็นอริยะ       สัจจะแท้จริง
ใช้ได้ไม่สิ้น            ทุกชีวินทั่ว            ชั่วกาลนาน

(ยื่อเอวี้ยจิงอิงซุ่ย    จิงเอว่ยช่วนคุนเฉียน
ฉีจงอิ่นตี้ไจ้            อย้งจืออย่งเหมียนเหมียน)

@ ความวิเศษอยู่     ณ ประตูจิต          สถิตแยบยล
เรืองโรจน์เลิศล้น      ส่องยังหลิงซัน      ประตูญาณนั่น
เป็นบ้านเดิมฉัน        อันไม่มีเงา          เฝ้าอยู่สังขาร
สุดแสนสำราญ         เป็นนิรันดร์กาล     อิสระเรื่อยไป

(เมี่ยวไจ้เจินเสวียนกวน กวงเอี้ยวเจ้าหลิงซัน
หว่อเจียอู๋อิ่งตี้            เซียวเอี๋ยวเล่ออู๋เปียน)

@ โป๊ยก่วยเป็นหลัก    ประจักษ์ดินฟ้า    อยู่ ณ จุดนี้
รูปลักษณ์ทั้งสี่           มีอินมีหยาง        สมานคงให้
ต้นกำเนิดเิดิม            จากแรกเริ่มแปร   แผ่ขยายไป
วาระสุดท้าย              ให้คืนอนุตตรฯ     ธรรมะทั้งหมด

(ปา-กว้าฉังไจ้จือ       ซื่อเซี่ยงเหลี่ยงอี๋เหลียน
เอวี๋ยนไหลอี๋ชี่ฮว่า       เสียนกุยอู๋จี๋เอวี๋ยน)
                                                                  ไฮ  ไฮ

        ตั้งแต่โบราณกาลมา ผู้บำเพ็ญนั้นมีมากมาย แต่ผู้บรรลุได้นั้นมีน้อย ด้วยเหตุอันใด ล้วนเหตุเพราะยังมิได้ประสบวิถีธรรมจริง กุศลในการบำเพ็ญก็ยังไม่ถึงแก่นแท้นั่นเอง ผู้บำเพ็ญก่อนเก่า ล้วนจะต้องเคี่ยวกรำบำเพ็ญด้วยความทุกข์ยากลำบาก สละละทิ้งครอบครัวการงาน ตัดรัดสลัดเยื่อใยบำเพ็ญเอง ให้สำนึกรู้เอง หรือเดินทางหมื่นลี้พันลี้ แสวงหาอาจารย์ ใฝ่หาคาถาเคล็ดลับ ยากเย็นเข็ญใจทุกอย่าง อดทนจนกว่ากุศลผลบุญถึงพร้อม ศรัทธาจริงใจซาบซึ้งถึงเบื้องบน เบื้องบนจึงจะส่งเซียนพุทธะโปรดชี้จุดให้โดยไม่โจ่งแจ้ง จึงได้สมความปรารถนา               
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 3
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 31/10/2012, 18:48
                             ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย


        บัดนี้ บุญวาระธรรมกาลยุคขาว เปิดประตูปรกโปรดครั้งใหญ่ มหาปณิธานของพระศรีอริยเมตไตรยถึงกาลโอบอุ้มสามโลก ช้อนชูเก็บงานสมบูรณ์ผล ให้พุทธบุตรล้วนได้ขึ้นทะเบียนฟ้า ดังคำกล่าวว่า "มาก่อนสู่มาพอดีไม่ได้" (ไหลเต๋อเจ๋าปู้หยูไหลเต๋อเฉี่ยว) ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว สนองวาระคำกล่าวนี้พอดี เป็นบุญที่สร้างมาสามชาติโดยแท้จึงมาทันโอกาสนี้อย่างเหมาะเหม็ง แต่ทว่า คนทั่วไปมักจะพลาด "ได้รับง่ายดาย ไม่รู้คุณค่า" (เต๋อจือหยงอี้ ปู้จือเจินสี) เห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่ศึกษาค้นหาความเป็นที่อยู่ ณ ภายใน หลังจากรับธรรมะแล้ว เริ่มแรกแม้จะศรัทธา ศึกษาธรรมในพุทธสถาน แต่ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพิ่งจะรู้บ้างไม่รู้บ้างก็สรุปเสียว่า "มันก็เท่านั้นเอง" จากนั้นก็ไม่ก้าวสู่ทางธรรมอีก บางคนทนการสอบกรำต่าง ๆ ไม่ได้ นานวันระอาท้อแท้ ร่อนหลุดไปนอกทางธรรมเองโดยไม่รู้ตัว การบำเพ็ญ แท้จริงแล้วจะต้องอยู่ที่ "บุญจริงกุศลแท้" (เจินกงสือซั่น) มิใช่อาศัยแต่นามรูปว่างเปล่าภายนอก การบำเพ็ญ แท้จริงจะต้องอยู่ที่การ "เท้าหยัดยืนบนพื้นจริง" (เจี่ยวท่าสือตี้) ไม่อยู่ที่โอ้อวดเสวนา ฉะนั้น นามรูปภายนอกจึงมิใช่สิ่งอันพึงยึดหมายสำหรับผู้บำเพ็ญจริง สัทธรรม (ธรรมะของคนดี) อันวิเศษของยานระดับสูงเป็นอสังขตะ ไม่ยึดหมาย จึงมิใช่สิ่งซึ่งแสวงหาได้ภายนอก แต่อยู่ที่จิต "ย้อนมองส่องตน" (หุงกวงฝั่นเจ้า) ให้สอดส่องสำรวจจิตตนให้มาก ว่าสิ่งที่ปรากฏจากจิตหรือแฝงเร้นในจิตนั้น ถูกต้องตามหลักธรรมหรือไม่ มีคำกล่าวว่า "เดินทางไกลเริ่มไปจากจุดใกล้ ขึ้นที่สูงพึงเริ่มจากน้อมตน" (สิงเอวี่ยนจื้อเสียเอ่อ  เติงเกาปี้จื้อเปย) เป็นสุภาษิตอันมีค่ายิ่งสำหรับผู้บำเพ็ญทีเดียว ความสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้บำเพ็ญ ตั้งแต่ก่อนเก่าจนถึงปัจจุบัน เหตุผลมิได้ต่างกัน หากศรัทธาจริงใจตลอดไป  ไม่เปลี่ยนความมุ่งมั่น  ยอมเหนื่อย  ยอมรับการขับเคียว   เข้าถึงประจักษ์จริง  ก็จะไม่ยากต่อการบรรลุธรรมยังเบื้องบน หอมชื่อนิรันดร์ไว้ในโลก แต่หากเพียรธรรมไม่จริง คลุกอยู่กับใคร ๆ ไปวัน ๆ เกิดเหตุอะไรใจก็เป็นไปตามนั้น ไม่ตั้งใจศึกษาธรรม ถูกฟ้าลองใจ ถูกคนทดสอบเล็กน้อย ใจก็ขัดเคือง หน่ายหนีถดถอย สุดท้ายต้องเจ็บแค้นเสียดายตลอดไป ไม่พ้นว่ายเวียน ฉะนั้น จึงกล่าวว่า การบำเพ็ญหากไม่มี "ผลงาน (เฉิงจี) ที่เป็นจริง จะมี "ปริญญา" (เหวินผิง) ของฐานะแห่งผลได้หรือ ผู้บำเพ็ญจึงต้องเอาจริงต่อ "การบ้าน" (กงเค่อ) เป็นประจำ   ใฝ่ความก้าวหน้า ให้ทุกวิชาแตกฉานประมาณเสมอกัน ให้ทุกวิชาถึงขั้นสอบผ่าน มิฉะนั้น อาจบิดเบนได้ง่าย จนถึงกับพลาดผิด ทำลายตนเองไป ผลการเรียนที่สำคัญที่สุดของผู้บำเพ็ญคือ "คุณสมบัติ" ของความเป็นคน วิถีอนุตตรธรรมไร้รูปลักษณ์ อาศัยคนสำแดงให้ ผู้บำเพ็ญหาก"คุณสมบัติ" ความเป็นคน "สูงส่ง" ย่อมเป็นที่ยอมรับและเคารพยกย่องจากคนทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญหากรู้จักตนเอง ก็จะเป็นตัวแทนของธรรมะ ความดีเลวของบุคคล จะเป็นผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อรูปลักษณ์ของธรรมะ หากทุกคนจะแก้ไขนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีของตนได้อย่างแท้จริง  ลดละอารมณ์  อ่อนน้อมมีอัธยาศัยไมตรี  น้อมจิตน้อมใจ  กตัญญูต่อพ่อแม่ จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ปรองดองน้องพี่ คบหาเพื่อนฝูงโดยมโนธรรมสัตย์จริง  ยากจนไม่สอพลอ  ร่ำรวยไม่อวดเบ่งข่มเหงเขา ปลูกฝังวิสัยคุณสมบัติความเป็นคนอันสูงส่ง ย่อมจะทำให้ใคร ๆ เคารพยอมรับเอาเป็นตัวอย่าง เช่นนี้แล้ว การจะฉุดช่วยผู้คนตักเตือนชาวโลก ก็ย่อมจะสมความปรารถนา กุศลยุญ คุณธรรม เป็นปัจจัยสำคัญของการบรรลุอริยะเมธา ดังมีคำกล่าวว่า "เบื้องบนไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากกุศลผลบุญ ในโลกปราศจากอริยบุคคลที่ขาดมโนธรรม ความจงรักภักดี" (เทียนชั่งอู๋ฝูกงเต๋อจือเสิน  เหยินเจียนอู๋ปู้จงเชี่ยวจือเซิ่ง) ตั้งแต่โบราณมาจนถึงบัดนี้ อริยเมธีล้วนแต่ทำเพื่อกุศลประโยชน์ ก่อเกิดคุณธรรมแก่ผู้คนเป็นที่ตั้ง คุณธรรมก่อเกิดแล้ว เวรกรรมย่อมมลายหายสูญได้ เวรกรรมไม่หยุดยั้ง จะนำมาซึ่งมารทดสอบ จึงมีคำกล่าวว่า "แม้ไม่มีที่สุดแห่งคุณธรรม ที่สุดแห่งภาวะธรรมจะไม่มั่นคง" (โก่วอู๋จื้อเต๋อ  จื้อเต้าปู้หนิงเอียน) ผู้บำเพ็ญจะหวังให้ได้ดีเฉพาะตนได้อย่างไร จะไม่เผื่อแผ่ความดีแก่ชาวโลกได้หรือ ฉะนั้น หมั่นให้ทานทั้งสาม สะสมทรายก่อให้เป็นเจดีย์ จะห่วงอะไรกับกุศลผลบุญไม่สมบูรณ์ แรงไฟสุขุม เป็นความปราณีตหลักในการกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ หากแม้นคุณสมบัติของความเป็นคน ตั้งอยู่ในกรอบดีงามกุศลผลบุญมีมาก แต่ทว่าขาดแรงไฟสุขุม เจอเรื่องราวอะไร จะเลิกร้างกลางคันได้ง่าย เมื่อแรงไฟสุขุมไม่พอ ความหนักแน่นสุขุมก็จะไม่พอ จะทนต่อการทดสอบไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ถูกเขาใส่ไคล้ทำลายชื่อเสียง ก็จะเกิดโทสะ ถูกลาภสักการะยั่วใจ ก็จะเกิดความโลภ  ถูกภาระการงานทางโลกผูกพัน ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายเหล่านี้เป็นต้น เมื่อประสบพบอยู่กับสภาพใด ก็จะเกิดภาวะจิตนั้น ๆ จะค่อย ๆ ถูกสิ่งแวดล้อมจูงไป จะออกห่างจากธรรมะวิถีทางตรง จนถึงกับกุศลผลบุญที่ทำไว้หมดสิ้นไป... สะท้อนใจ เสียดายนัก บัดนี้ วิถีอนุตตรธรรมปรกโปรดลงสู่ครัวเรือน สามัญชนล้วนได้สดับธรรม เป็นโอกาสดียิ่ง อาจารย์มิอาจทนเห็นผู้บำเพ็ญได้รับวิถีธรรมแล้ว ละทิ้งวิถีธรรม จึงเฝ้าย้ำเตือน ให้ฉุดช่วยตน ฉุดช่วยคน ฉุดช่วยผู้มีบุญสัมพันธ์ เข้าสู่วิถีธรรมทางตรงอีกทั้งภาวนา ขอพระอนุตตรฯฟ้าเบื้องบน โปรดคุ้มครองผู้บำเพ็ญ จงมีใจธรรมอันแข็งแกร่งสว่างมั่นคง เช่นนี้แล้ว การปรกโปรดทั่วโลกก็จะมีหวัง กำหนดการเก็บงานสมบูรณ์ผล ย่อมรอคอยความเป็นไปได้ เอาล่ะ เวลาที่ญาณจะไปท่องเที่ยวได้มาถึงแล้ว ขอรบกวนจอมทัพพิทักษ์ตำหนักธรรม ช่วยรักษาตำหนักธรรมเข้มงวด อู้เอวี๋ยนสงบใจ เตรียมติดตามอาจารย์ออกเดินทาง

อู้เอวี๋ยน    :  กราบเรียนถามพระอาจารย์ คืนนี้ไม่ทราบจะไปท่องเที่ยวต่อที่ไหนขอรับ

พระอาจารย์   :  คืนนี้จะไปท่องเที่ยว ตำหนักจิ่งหยาง กับ ตำหนักหวังหยาง ในสังกัด ด่านเหอหยาง เวลากระชั้น รับหลับตาใน ตามอาจารย์ขึ้นพาหนะเมฆไป ตำหนักจิ่งหยาง ถึงแล้ว อู้เอวี๋ยนเปิดนันย์ตาในได้
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 2/11/2012, 16:45
                              ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

อู้เอวี๋ยน   : 
เบื้องหน้ามีตำหนักหนึ่ง สูงตระหง่านหรูหราสง่างามเยี่ยงเดียวกับ ตำหนักตันหยาง ทีเดียว หน้าตำหนักแขวนป้ายจารึกอักษรสามตัวว่า ตำหนักจิ่งหยาง (จิ่งหยางเตี้ยน) ซ้ายขวามีกลอนคู่บทยาวความว่า

"ไต่สวนมิมีที่ไม่เที่ยงตรง
โทษหนักจับส่งลงให้แก้ไข
ตกต่ำโยนลงทะเลบาปเวรไป
ยากพ้นตาข่ายกำหนดกฏเกณฑ์
สอบถามความว่าละเมิดทางธรรม
ให้ถอนหนี้กรรมสำนึกรู้เห็น
คัดเลือกคนบุญบำเพ็ญดีเด่น
อย่าได้หลอกเล่นตัวบทกฏการ"

(เสิ่นอู๋ปู๋เจิ้งจ้งสิงตั้นไก่เปี่ยนติวเนี่ยไห่หนันเถาฝาอวั่ง
เวิ่นฉี่เอวี้ยกงป๋าชูหุยโถวลู่ฉวี่กงถิงซิวซวีลวี่กุย)

พระอาจารย์   : 
ทิพยมาตย์ประจำเวรรอคอยอยู่หน้าพระตำหนักแล้ว อู้เอวี๋ยนตามมาคารวะ

ทิพยมาตย์   :  กราบเฝ้าพุทธบรรพจารย์เทียนหยานทรงอริยสำราญ  ยินดีที่นำพาอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญในโลกสนองพระบัญชามา พระบรรพจารย์รอรับอยู่ข้างในแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  กราบคารวะท่านทิพยมาตย์

ทิพยมาตย์   :  มิต้องมากจริยา เชิญตามข้าพเจ้าเข้าสู่ตำหนักใน กล่าวจบ ทั้งสามพากันดำเนินผ่านประตูกลมสามชั้นจนถึงตำหนักในพระบรรพจารย์เทียนหลี (เทียนหลีจู่ซือ) ได้ออกมาต้อนรับถึงนอกตำหนัก

พระบรรพจารย์   : 
คืนนี้ยินดีที่ได้พบ พระบรรพจารย์ กับศิษย์ท่า่นฉายรัศมีมงคล มาถึงนี่ทำให้ข้างฝาหญ้าคา (อุปมาสถานที่ต่ำต้อย) เรืองรองโดยแท้ รีบเชิญเข้าข้างใน กล่าวจบ พร้อมกันดำเนินเข้าสู่ตำหนักใน ก้าวขึ้นบันไดหยกประทับนั่งตามควรแก่ตำแหน่ง จากนั้น โปรดบัญชาฝ่ายพิธีการ ทูนน้ำชาเซียนออกถวายการต้อนรับ

พระอาจารย์   :  ไมตรีจากพระบรรพจารย์ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณเป็นเบื้องต้น ณ ที่นี้ ที่มารบกวนก็เพื่อทำหนังสือบันทึกการท่องเที่ยว ซึ่งยังจะต้องขออภัย อู้เอวี๋ยน รีบเข้ามากราบพระบาท

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์น้อมกราบพระบรรพจารย์ทรงอริยสำราญ หวังว่าพระบรรพจารย์จะโปรดชี้แนะ

พระบรรพจารย์   :  มิต้องจริยา มิต้องจริยา เชิญรีบลุกขึ้น โลกทุกวันนี้ ท่าทีหกหัวกลับ ใจคนเสียหายล้มเหลว ทิ้งคุณธรรม ตระบัดสัตย์ เลยละมโนธรรมสำนึก เหมือนกันไปหมด พระอนุตตรธรรมมารดา ทรงสะท้อนพระทัยในหญิงชายญาณเดิมที่หลงวัตถุลืมตน จึงโปรดบัญชาให้สร้างหนังสือท่องพุทธาลัยเป็นการเจาะจง แท้จริงแล้วคือ ให้เหมาะแก่วาระ  กำหนดกาล  สถานที่  และเหมาะแก่ผู้คน  มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแก้ไข  พลิกผันมิจฉาบรรยากาศของธรรมจักรวาล ฟื้นฟูแก่นแท้ดีงามแต่โบราณ  กล่อมเกลาใจคน การประพันธ์หนังสือท่องเที่ยวนี้ ภาระหนักดั่งภูเขาไท่ซันมิใช่สร้างได้ง่าย ๆ เช่นหนังสืออื่น ๆ  โชคดีที่พระบรรพจารย์เทียนหยานท่าน สูงด้วยจักษุปัญญาเฉพาะ หนุนส่งศิษย์อู้เอวี๋ยนให้แบกรับหน้าที่นี้ เป็นบุคคลที่เลือกสรรได้เป็นอย่างดีที่สุดทีเดียว หนังสือนี้ เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของธรรมกาลยุคขาวอย่างยิ่งยวด หวังว่าอู้เอวี๋ยนจะทุ่มเทสุดกำลังกายใจ ติดตามพระอาจารย์ของท่าน สะสมข้อมูล สภาพความเป็นจริงของทั้งสามโลกอย่างกว้างขวาง พร้อมด้วยหลักสัจจอนุตตรธรรม เพื่อให้เป็นแสงแห่งปัญญาแก่ธรรมจักรวาล

อู้เอวี๋ยน   :  พระบรรพจารย์ได้โปรดประทานพระโอวาทล้ำค่า ทำให้ศิษย์สำนึกลึกซึ้ง ต่อไปจะยิ่งพยายาม มิให้พระบรรพจารย์ต้องผิดพระกรุณาหวังไว้

พระอาจารย์   :  เชิญพระบรรพจารย์โปรดชี้แนะสภาพตำหนักของท่านพอสมควร เพื่อการบันทึกในหนังสือท่องเที่ยวด้วย
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 5
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 2/11/2012, 17:17
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  ตำหนักจิ่งหยาง แห่งนี้
ทำหน้าที่สอบถามลายละเอียดของกุศลกรรมภายนอกที่ญาณเดิมได้ปฏิบัติเมื่อมีชีวิตอยู่โดยเฉพาะ สถานตรวจสอบในสังกัดมี ด่านเล็กน้ำแข็งหนาว (หันปิงเสี่ยวกวน) เก้าห้อง ห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) หนึ่งห้อง ยังมี หอแดงต่างหากอีกหนึ่งหอ ชื่อว่าหอรอบุญ (อิ๋งซั่นเกอ) เจาะจงจัดการต้อนรับญาณเดิมที่สร้างสมกุศลบุญคุณธรรมภายนอกไว้สมบูรณ์ให้ได้พักผ่อน ขณะมีชีวิต ผู้ที่ปิดบังธรรมะไว้ไม่ให้ปรากฏ  เคลือบแฝงเสแสร้ง  ไขว่คว้าชื่อเสียง  แย่งชิงบุญกุศล  ให้ทานโดยยึดหมาย  ไม่สร้างบุญทานภายนอก  ขัดขวางเขาสร้างบุญ เหล่านี้จะถูกตัดสินเข้ารับการอบรมในห้องขอขมากรรมสำนึก ตามความผิดมากน้อยที่ทำมา หรือตัดสินให้เข้ารับโทษในห้องด่านเล็กน้ำแข็งหนาว วิถีอนุตตรธรรม หากผู้ใดไร้คุณธรรมอันสูงส่ง ธรรมะจะมิอาจรวมตัวมั่นคงอยู่กับผู้นั้นได้  ผู้บำเพ็ญหากทำเพื่อให้เกิด "ความดีเฉพาะตน" (ตู๋ซั่นฉีเซิน)ไม่ก่อเกิดกุศลประโยชน์เพื่อผู้อื่นแม้แต่น้อย หรือหากหมั่นสร้างบุญทานทั้งสาม แต่คิดเล็กคิดน้อยถ้วนถี่  ยึดหมายในกุศลบุญคุณความดี ไม่เข้าใจความหมายของวิถีอนุตตรธรรมอันสว่างใส  การให้ทานโดยไม่มีอะไรต้องยึดหมาย ถ้าไม่เข้าใจ ก็ยากที่จะผ่านพ้นการสอบจากด่านนี้ไปได้  จะต้องให้การอบรมศึกษาอีกต่อไป

พระอาจารย์   : 
ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดชี้แนะโดยละเอียด คืนนี้ เราสนองพระบัญชา มาเยือนตำหนักของท่านกับตำหนักหวังหยางเตี้ยน ด้วยเวลาไม่มาก ใคร่จะขอไปชมด่านเล็กน้ำแข็งหนาว ตามสภาพที่เป็นจริง ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดให้ความสะดวก

พระบรรพจารย์   :  ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะมอบหมายให้เทวมาตย์นำไป ขอเชิญพระอาจารย์กับศิษย์ตามสบาย จากนั้น พระอาจารย์กับอู้เอวี๋ยน น้อมลาพระบรรพจารย์ติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางออกจากตำหนักใน มุ่งไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ไกลนัก ก็เห็นกำแพงด่าน มีแสงไฟลอดออกมารำไร เสียงโอดโอยร้องไห้ได้ยินชัดเจน น่าเวทนา เหนือกำแพงมีป้ายแสดงว่า ด่านเล็กน้ำแข็งหนาว (หันปิงเสี่ยวกวน) สองข้างประตูมีกลอนคู่ความว่า
"ลงโทษแตกต่างบ้างเบาบ้างหนัก
กฏเกณฑ์เคร่งครัดทำเองบำเพ็ญเอง"

(สิงเฉิงโหย่วเปี๋ยฮั่วชิงฮั่วจัง เจี้ยลวี่เซินเอี๋ยนจื้อจั้วจื้อซิว)


ทั้งสามดำเนินเข้าภายในด่าน คารวะทักทายกับเทวกรผู้รักษาการณ์ด่านตามสมควร

พระอาจารย์   :  ขอท่านได้จัดญาณเดิมมารับการสัมภาษณ์เพื่อบันทึกเรื่องจริงไว้เตือนใจชาวโลกด้วย  ดังนั้นแล้ว เทวกรก็ได้นำญาณเดิมที่ถูกแช่จมอยู่ในน้ำแข็งขึ้นมาสามวิญญาณ ทุกคนซีดขาวไม่มีสีเลือดเลย เนื้อตัวแข็งทื่อ  เทวกรจัดการกรอกน้ำทิพย์ใส่ปากให้เพื่อละลายความเย็นแข็ง ทั้งสามวิญญาณสั่นสะท้านอย่างแรง แล้วจึงค่อย ๆ เป็นปกติ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยางสามพันแปดร้อยผลบุญญา 6
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/11/2012, 16:07
                          ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

เทวกร   : 
วิญญาณทั้งหมดโปรดฟัง พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานของพวกท่านกับอู้เอวี๋ยน ได้รับสนองอนุตตรพระบัญชามาจดบันทึกเหตุการณ์ เพื่อประพันธ์หนังสือ "ท่องพุทธาลัย" ท่านถามต้องตอบ อย่าได้ปิดบังอำพราง

เหล่าวิญญาณ   :  กราบคารวะพระอาจารย์ คารวะอู้เอวี๋ยนญาติธรรม

พระอาจารย์   :  ยืนขึ้นเถิด อู้เอวี๋ยนสัมภาษณ์ได้แล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  เรียนถามญาติธรรมสูงอายุท่านนี้ หน้าตาท่านดูเป็นคนใจดี ได้บำเพ็ญมีอายุมาก แต่เหตุใดจึงต้องถถูกลงโทษอยู่ในด่านนี้

ผู้สูงอายุ   :  เฮ้อ ! ผู้น้อยโชคดี เมื่อมีชีวิตได้นรับโปรดชี้ทางสว่างจากพระอาจารย์ แต่วันนี้กลับต้องได้พบพระอาจารย์อีกครั้งในสภาพที่น่าสมเพชอย่างนี้ ทั้งดีใจ เสียใจ ละอายใจเหลือเกิน

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธาอย่าได้โศกเศร้าเลย เดิมทีเจ้าเป็นอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ที่ได้รับพระโองการฟ้า เมื่อมีชีวิตอยู่ มิได้ละเลยต่อหน้าที่ ออกบุกเบิกแพร่ธรรมไปทั่ว ส่งเสริมพุทธบุตรนับไม่ถ้วนให้ได้ขึ้นธรรมนาวายุคขาว อบุญกุศลภายนอกเพียบพร้อม น่าจะผ่านการตรวจสอบจากตำหนักนี้ไปได้ แต่เหตุไฉนจึงต้องถูกตัดสินให้รับโทษอยู่ในด่านเล็กน้ำแข็งหนาว นี่ เจ้ารู้ตัวไหม?.

ผู้สูงอายุ   :  ศิษย์สำคัญว่าอาศัยการปฏิบัติที่ผ่านมาชั่วชีวิตเพื่อวิถีธรรมด้วยแก่นใจ จะต้องตรงขึ้นรับฐานะบนพุทธาลัยแน่นอน มิรู้เลยว่าพอละสังขาร เห็นแต่เจ้าที่มารอรับ อีกทั้งบอกว่า แม้ศิษย์จะบำเพ็ญจริง ปฏิบัติงานธรรม มีบุญกุศลจริง แต่ก็มีความผิด จึงถูกนำไปรับการตรวจสอบยืนยันยังด่านต่าง ๆ  เมื่อมาตรวจสอบยืนยันที่ตำหนักนี้ จึงรู้ว่าที่ศิษย์ปฏิบัติงานธรรมในโลกนั้น ดึงดันกำหนดจำนวนเงินทำบุญเมื่อรับธรรมะ ถ้าไม่ครบหรือไม่ได้มอบ ล้วนไม่ให้เข้าพิธี ทำให้พุทธบุตรมากมายพลาดจากการได้รับธรรมะ จึงถูกตัดสินจากพระบรรพจารย์ ให้เข้าห้องขอขมากรรม ไปสามสิบวัน แต่ศิษย์ยังคงถือว่าเป็นพุทธระเบียบที่กำหนดไว้ มิได้สำนึกผิดเลย ครบสามสิบวันแล้ว พระบรรพจารย์เห็นศิษย์ไม่สำนึก จึงตัดสินให้เข้ารับการกำราบในด่านนี้ ลงโทษให้หนาวเข้ากระดูกจนผิวเนื้อกล้ามเนื้อแตกแยก ให้เจ็บปวดถึงที่สุด

พระอาจารย์   :  การนี้ทำให้เห็นได้ว่า ศิษย์ยังไม่เข้าใจหลักเมตตากรุณาธรรม สนองรับบุญวาระเพื่อปรกโปรดชาวโลก แม้กุศลภายนอกของศิษย์จะเพียบพร้อม แต่ก็ผิดต่อหลักการปฏิบัติงานธรรมอย่างยิ่งโดยไม่รู้ตัว เหตุปัจจัยที่ส่งผลให้ได้รับวิถีธรรม คือ เหตุต้นผลกรรมดีจากอดีตชาติกับจิตศรัทธาขณะขอรับวิถีธรรม ส่วนเงินทำบุญจะมากน้อย มีหรือไม่นั้น ไม่ใช่เงื่อนไขตายตัว หวังว่าศิษย์ทั้งหลายจะไม่ยึดพุทธรุะเบียบตายตัว จนไม่รู้การตอบสนองอย่างเหมาะสม เบื้องบนโปรดประทานเวลานาทีอย่างเดียวกันแก่คนในโลกวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง อากาศที่ใช้หายใจ แสงอาทิตย์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้ให้อย่างแตกต่างเพราะผู้นั้นจน - รวย  บาป-บุญ  เหตุไฉนชาวโลก กลับไม่อาจเอาอย่างเมตตากรุณาธรรมเยี่ยงพระทัยฟ้า ให้เที่ยงตรงยุติธรรม สนองรับเหตุปัจจัยนั้น หวังศิษย์ทั้งหลายจะใช้ "ใจ" สัมผัสรู้

ผู้สูงอายุ   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์โปรดชี้ให้เห็น บัดนี้ศิษย์ได้รู้ความผิดของตนแล้ว โทษสมควรตายจริง ๆ ด้วยความผิดพลาดของศิษย์ ทำให้ชาวโลกเข้าใจไขว้เขวกีดกันความเจริญก้าวหน้าของธรรมกิจเป็นที่สุด ต้องได้รับโทษสถานนี้ ก็เป็นการสมควรแล้ว

อู้เอวี๋ยน   : ท่านจอมปราชญ์ขงจื่อโปรดไว้ว่า "รู้ผิดต้องแก้ไข กุศลใหญ่ไม่มีใครเกิน" (จือกั้วปี้ไก่ ซั่นม่อต้าเอวี๋ยน) เตี่ยนฉวนซือท่านนี้มีปัญญาล้ำเลิศ ยินดีที่ได้รู้ผิดตัวอย่างจริงของท่าน จะปลุกคนดีที่ปฏิบัติงานธรรมให้ลบล้างทัศนคติผิด ๆได้ เพื่อคุณประโยชน์ในการปฏิรูปธรรมจักรวาล ญาติธรรมหญิงท่านนี้  ขอเชิญ  ท่านจะเล่าเหตุแห่งการต้องโทษสถานนี้ของท่านให้ฟังได้ไหม เพื่อบันทึกในบทท่องเที่ยวไว้เตือนใจคน
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยางสามพันแปดร้อยผลบุญญา 7
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/11/2012, 17:22
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

ญาณเดิมหญิง   :  ผู้น้อยเป็นเจ้าตำหนักพระ
ขณะมีชีวิต รับผิดชอบต่องานธรรมเต็มที่ ยินดีอุทิศ เสียสละ สร้างกุศลบุญ สร้างคุณความดีไม่มีน้อยหน้าใคร นำพาใคร ๆ มากมาย สั่งสมบุญกุศลไว้ไม่น้อย การนี้ พระบรรพจารย์ก้ได้ชมเชยผู้น้อยต่อหน้ามาแล้ว แต่เนื่องด้วยผู้น้อยฟังบัญชาของท่านผู้ใหญ่ผิดไป ต่อผู้ที่มีสถานภาพไม่ขาวสะอาด  มีอาชีพชั้นต่ำ  ร่างกายไม่สมประกอบ  เคยถูกจองจำ  อาชีพฆ่าสัตว์  เหล่านี้ ไม่เพียงไม่ให้ความสงสารเห็นใจ หรือกระตุ้นเตือนนำพา เพื่อให้ละบาป บำเพ็ญบุญ ให้เขาหันมาหาสัมมาอาชีพ แต่กลับกีดกันผลักไส ไม่ยอมให้ได้รับวิถีธรรม ผิดต่อความเสมอภาค ผิดต่อจิตเมตตากรุณาดดยแท้ บุญกุศลของผู้น้อย จึงด่างพร้อยด้วยเหตุนี้ ฉะนั้น พระบรรพจารย์จึงตัดสินให้ผู้น้อยเข้าห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) ขอขมากรรมสำนึกเสียสามสิบวัน แต่จะอย่างไร ผู้น้อยก็ยังเห็นว่า ทุกอย่างทำตามบัญชาของท่านผู้ใหญ่ ไม่ยอมรับผิด รับโทษครบสามสิบวันแล้ว พระบรรพจารย์เห็นผู้น้อยไม่มีท่าทีสำนึกแก้ไขเลย จึงตัดสินให้มารับโทษที่ด่านนี้ บัดนี้ครบสิบวัน ทุกวันเหน็บหนาวเข้ากระดูก ทุกข์ทรมานสุดขั้วหัวใจจนเกินกว่าจะบรรยาย ขณะนี้ศิษย์รู้สำนึกผิดแล้ว กราบขอพระอาจารย์ได้โปรดยกโทษ หาทางช่วยศิษย์ด้วย

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธีเจ้านี้ "ฉลาดชั่วชีวิต แต่สิ้นคิดชั่วขณะ" จริง ๆ (ชงหมิงอี๋ซื่อ หมงต่งอี้สือ) เป็นผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ พึงมีจิตเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง มีวิธีที่ชอบด้วยอุบาย นำพาใคร ๆ ด้วยความเสมอภาค สอนให้ตามจริตวิสัยของผู้นั้น จะทิฐิยึดมั่นปะทะทางตันอย่างนี้ได้อย่างไร เรื่องราวของพรหมราชเจ้าเสวียนเทียนซั่งตี้ ที่วางมีดฆ่าหมู บรรลุเป็นพระพุทธะทันทีนั้น น่าจะเป็นข้ออธิบายได้เป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าความประพฤติ  ชาติตระกูล หรืออาชีพ จะต่ำต้อยเพียงไร เพียงให้มีใจใฝ่ดีจะบำเพ็ญธรรม เบื้องบนมีหรือจะไม่ยินดี แต่กลับจะปฏิเสธ หลักสำคัญของการปฏิบัติงานธรรม คือการรู้จักใช้หลักสัจธรรมให้รายรอบไม่ตายตัว มิฉะนั้นจะเป็นทิฐิยึดมั่นตื้นตันไป ดัดไม้คดงอให้ตรงเกินพอดีไป จะเกิดผลเสียตามมา หลักสำคัญของการบำเพ็ญ คือทำตามหลักสัจธรรม ไม่ใช่อิงผู้ใด สถานที่ใด มิฉะนั้น จะเป็นที่เข้าใจผิดของใครได้โดยไม่รู้ตัว อาจารย์หวังว่า ตัวอย่างนี้จะเป็นจุดชี้ให้ชาวโลกรู้ตื่นได้ ปฏิบัติงานธรรม อย่าปฏิบัติธรรมะตายตัว (สื่อเต้า)ผู้อยู่ระดับบนจะหลงผิดและทำให้ผู้อื่นหลงผิดไปด้วยไม่ได้เป้นอันขาด ผู้อยู่ระดับล่าง ก้จะตาบอดทำตามไปไม่ได้ เป็นการเอาโทษผิดใส่ตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ไม่ว่าเรื่องอะไร ล้วนจะต้องใช้สติปัญญาพิจารณาตัดสินใจ ถูกหลักจึงทำ ผิดหลักให้หยุด อย่าได้ทำตามกันไปอย่างลวกง่ายอีกเลย

ญาณเดิมหญิง   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ ได้โปรดพร่ำสอนชี้ทาง ศิษย์เข้าใจความผิดที่ผ่านมาแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  ขอแสดงความยินดีต่อญาติธรรมเจ้าตำหนักพระท่านนี้ ที่ได้กวาดเมฆหมอกออกจากญาณทวาร เชื่อว่าภาวะจิตของท่านขณะนี้ จะทำให้ขึ้นสู่พุทธาลัย ได้ธรรมฐานะในเวลาอันใกล้เป็นแน่  ญาติธรรมท่านนี้ ขอเชิญ เหนือศรีษะของท่าน เห็นรัศมีธรรมงามจำรัส จะต้องได้เป็นผู้บำเพ็ญเป็นแน่ เหตุใดจึงต้องมารับโทษที่นี่

ญาติธรรม   :  เฮ้อ !พูดแล้วเรื่องยาว ถูกลงโทษอยู่ที่นี่มายี่สิบวันแล้ว วันนี้พระอาจารย์มาโปรดที่นี่ รู้สึกสำนึกเสียใจ อับอายเหลือเกิน เมื่อมีชีวิตผู้น้อยเป็น "เจี่ยงซือ" (อาจารย์บรรยายธรรม) ประกาศสัจธรรมกล่อมเกลาผู้คน ตักเตือนคนหลงมากมายให้รู้ตื่น ก้าวขึ้นทางธรรม ได้สร้า่งสมบุญกุศลไว้ไม่น้อย มีความไม่สมบูรณ์ก็คือ ในชีวิตผู้น้อย มีทัศนคติผิดคิดว่า วิถีแห่งธรรมกาลยุคขาวจึงจะเป็นทางธรรมสูงสุด ไม่มีอะไรเหนือกว่า เป็นนาวากอบกู้โลกตามบุญวาระ จึงวางพระพุทธะอริยเจ้าแห่งธรรมกาลยุคแดงไว้ในระดับรองว่าเป็นอดีตไปแล้ว เหตุนี้ ทุกครั้งที่ผู้น้อยบรรยายธรรม จึงถ่ายทอดความเข้าใจผิดนี้ให้ผู้ฟังโดยไม่ได้เจตนา เป็นผลต่อความคิดของญาติธรรมที่ไม่มีความรู้ ก่อเกิดการโต้แย้ง ดังคำกล่าวที่ว่า "แม้ฉันจะไม่ได้ฆ่าป๋อเหยิน แต่ป๋อเหยินต้องตายเพราะฉัน" (หว่อซุยปู้ซาป๋อเหยิน ป๋อเหยินอินหว่อเอ๋อสื่อ) ทั้งนี้ ล้วนเป็นเพราะจิตใจที่มีการแบ่งแยก มีทิฐิยึดมั่นถือมั่น ด้วยใจไม่เสมอภาคของฉัน เป็นอุปสรรคเจริญธรรมของญาติธรรม เป็นบาปมหันต์โดยแท้ ธรรมราชเจ้าตรวจสอบสมุดบันทึกหลักฐานแล้วว่า โชคดีที่ผู้น้อยสร้างกุศลกรรมภานนอกไว้มาก มิฉะนั้น คงต้องถูกจับส่งลงนรกไปนานแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  เจี่ยงซือที่ประกาศสัจธรรมในโลก ควรจะเอาตัวอย่างนี้เป็นกระจกเงาจริง ๆ ระวังจากการกระทำจึงจะไม่ให้ร้ายแก่ตนและคนอื่น

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธี บุญกุศลจากวิทยาธรรมเป็นทานของเจ้ายิ่งใหญ่มาก แต่ด้วยเหตุที่ไม่สอดคล้องต่อหลักสัจธรรมทั้งหมด วันนี้จึงต้องได้รับผลเช่นนี้  เนื่องด้วยหลักสัจธรรมนั้น เป็นเอกะนิรันดร์กาลอันมิเปลี่ยนผัน ไม่แบ่งชั้นแตกต่าง มิเปลี่ยนไปอันเนื่องด้วยการผันแปรแห่งกาลเวลาและห้วงเวหา และไม่สิ้นความคงอยู่อันเนื่องจากผู้คนดูแคลน หลักสัจธรรมที่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงประกาศ กับหลักสัจธรรมที่อาจารย์เรานี้ถ่ายทอดให้ ก็มิได้แตกต่างกันแม้แต่น้อย พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นตัวแทนของหลักสัจธรรม ล้วนเป็นที่สุดแห่งความสูงส่งเลิศล้ำ ควรหรือที่จะปรามาสแบ่งแยก อีกทั้งองค์บูชาในสถานธรรมยุคขาวบัดนี้ ก็ล้วนแต่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากธรรมกาลยุคแดงหรือยุคเขียวทั้งนั้น หากคิดเช่นนั้น จะไม่ขัดแย้งในตนเองดอกหรือ อาจารย์เรานี้ ย้ำสอนมวลศิษย์ทุกแห่งหน ให้มุ่งหมายหลักสัจธรรมเป็นสรณะ อย่าได้ถูกเหตุผลผิดเพี้ยนที่เหมือนใช่แต่มิใช่มอมเมา บำเพ็ญธรรมบำเพ็ญใจ หวังให้มวลศิษย์ย้อนมองส่องตนทุกเวลา ใช้ปัญญาทำลายความโง่หลงให้สลาย ก็จะได้ความหลุดพ้นอย่างแท้จริง ยิ่งหวังว่า"เจี่ยงซือ"ผู้ประกาศสัจธรรมแทนฟ้า จะเติมเต็มความรู้ความเข้าใจ ศึกษาหลักสัจธรรม อย่าเอาความหลงไปนำทางใคร ซึ่งจะได้รับโทษตอบสนอง เสียใจก็สายเกินการ

ญาติธรรม   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ โปรดอบรมชี้ทาง ศิษย์โง่กระจ่างแล้วขอรับ

พระอาจารย์   :  คืนนี้เวลามีจำกัด การสัมภาษณ์ดูงานในด่านเล็กน้ำแข็ง (หันปิงเสี่ยวกวน) จะยุติลงเพียงนี้ ขอบคุณเทวมาตย์ทุกท่านที่เอื้ออำนวย เราอาจารย์ศิษย์ จะท่องตำหนักหวังหยาง (หวังหยางเตี้ยน) ต่อไป ช่วยกราบทูลพระบรรพจารย์ อีกทั้งฝากขอบพระคุณ

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์กราบลาเทวมาตย์ทุกพระองค์

เทวมาตย์   :  น้อมส่งพระบรรพพุทธา ขอส่งอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญ

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยนรีบหลับตาใน ติดตามอาจารย์ขึ้นพาหนะเมฆ ขึ้นได้...ตำหนักหวังหยาง (หวังหยางเตี้ยน) ถึงแล้ว อู้เอวี๋ยนเปิดนัยน์ตาในได้
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 8
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 8/11/2012, 14:47
                            ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

อู้เอวี๋ยน   : 
ตำหนักนี้ทัศนียภาพคล้ายกับตำหนักจิ่งหยางมีป้ายเหนือตำหนัก จารึกอักษรว่า "หวังหยางเตี้ยน"มีกลอนคู่ข้างประตูซ้ายขวาว่า
 "พลังเที่ยงธรรมตอกย้ำญาณใส
ขัดเกลาจนได้งดงามบำเพ็ญ
ลบรอยด่างพร้อยโลกีย์จิตเว้น
แกะสลักเคี่ยวเข็ญเกลากลมสมบูรณ์"

(เจิ้งชี่กงชงเอ๋อจู๋ฉุนหลิงชีเจิ่งปาซิงเฉิงเมี่ยวเหม่ย
ฝันฉือฝูจิ้นจี้อู๋สูอี้เชียนเตียวอวั้นจั้วฮว่ากวงเอวี๋ยน)


        พระตำหนักแห่งนี้สวยงามสงบ  ขื่อคาน  เพดาน  เสา สลักลวดลายมังกรหงส์ บรรยายกาศหอมกรุ่นละมุนมงคล บ่งบอกว่าเบิกม่านธรรมกาลยุคสามงามสดใส ขณะที่อู้เอวี๋ยนกำลังเพลินชมอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงดนตรีสวรรค์บรรเลงรอบ พระบรรพจารย์เทียนซิน (เทียนซินจู่ซือ) เจ้าตำหนักกับผู้ติดตามเจ็ดแปดองค์ ทรงดำเนินออกมาต้อนรับจากตำหนักในด้วยความยินดี ทักทายกับพระอาจารย์แล้ว พากันเข้าสู่ตำหนักใน พระตำหนักใน สวยงามวิเศษยิ่งด้วยบรรยายกาศโบราณ เทวกร ต่างสาละวนอยู่กับงานบนโต๊ะเอกสาร  ภายในตำหนัก มีป้ายใหญ่แขวนสูงจารึกอีกษรว่า"วินัยใหญ่ยิ่ง" (ต้าไจเอว๋ยเจ๋อ)ซ้ายขวามีอักษรจารึกว่า

@ เทียนมิ่งยิ่งใหญ่ใดปาน        บุญบารเหนือเกล้าเกริกไกร
คำนึกบุตรน้อยทั้งหลาย            ผ่อนภันไพร่ฟ้าบริบาล

(เทียนมิ่งหวงหวง                  ตี้เต๋อตั้งตั้ง
เนี่ยนจูชื่อจื่อ                        เจ๋อจี๋เซี่ยหมิน)

@ จึงได้เบิกยามยุคขาว        นำเจ้าแพร่ธรรมรวมศูนย์
เก็บงานวิญญาสมบูรณ์         เกื้อกูลลูกหลานนานเนา

(อวิ้นฉี่ไป๋หยาง                  หงเจ้าเจินจง
เอวี๋ยนโซวเอวี๋ยนหลิง          ฮุ่ยสีเสวียนเสวียน)

@ สามโลกร่วมได้ไตรรัตน์        ห้าศาสน์กลับคืนรากเหง้า
ทุกศาสน์กลับร่วมรวมเหล่า        สามโลกกรอบเข้าตรงทาง

(ซันซันเหออี                        อู่เจี้ยวกุยเกิน
ผิงโซวถถ่งเซ่อ                     ซันเฉาติ้งเก๋อ)

@ หลงฮว๋างานฟ้าสมโภช        อริยะสามหกร้อยพัน
เมธีสี่หมื่นแปดนั้น                  หมื่นแปดยาวนานยืนยง

(หลงฮว๋าน่าซิ่ง                     ซันลิ่วซื่อปา
อย่งเตี้ยนหวงเต้า                   อวั้นปาอู๋เจียง)

อริยพจน์อีกบทหนึ่งจารึกว่า

@ ยุคสามบำเพ็ญสัจจะ        อมตะจิตญาณใสส่ง
ปรับเปลี่ยนก่อเกิดเดิมคง      ผลบุญจรรโลงชาวธรรม

(ซันฉีซิวเจิน                     กู้ซื่อหมิงมิ่ง
จั้นฮว่าเถียวเอวี๋ยน              กงไจ้ฉวินหลุน)

@ ซันกัง อู่ฉัง ทางธรรม        วิถีฉุดนำคนแท้
อนุตตรธรรมนำแน่                 เกื้อกุลบุญแผ่ให้ทำ

(ซันกังอู่ฉัง                        เค่อจิ้นเหยินเต้า
เทียนเต้าสุยเฉิง                  เจวี๋ยกงจิ่นเชา)

@ สงเคราะห์เหมาะหมายให้คุณ        ประชาได้หนุนอุ่นหนำ
ฟูฟื้นคินวัฒน์ใสงาม                        ฟ้าโปรดฤกษ์ยามวิชญาฯ

(จี้ซื่อโหย่วหมิน                           เจ้าซิ่งเสียนเฮิง
ฟู่กู่ฉุนเฟิง                                   เฉิงเทียนเหวินอวิ้น)

หมายเหตุ  :

ซันกัง  หมายถึง
การปกครองในสามระดับ ได้แก่
1. การปกครองระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย (จวิน - เฉิน)
2. การปกครองระหว่างพ่อกับลูก (ฟู่ - จื่อ)
3. การปกครองระหว่างสามีกับภรรยา (ฟู - ฟู่)

อู่ฉัง หมายถึงเบญจธรรมสามัญในจิตใจของคนทั่วไป ได้แก่
1. เมตตาธรรม   (เหยิน)
2. มโนธรรมสำนึก   (อี้)
3. จริยธรรม   (หลี่)
4. ปัญญาธรรม   (จื้อ)
5. สัตยธรรม   ซิ่น)

@ คุมใจใสด้วยคุณธรรม        จริยงดงามเอื้อหนา
หมั่นสู้กุศลแผ่พา                 กลมใสวิญญาเรืองรอง

(เค่อหมิงจวิ้นเต๋อ                ฝูตู๋ฉีเซิน
ฉินไจ้เจวี๋ยซั่น                    ซิ่งกวงเอวี๋ยนหมิง)

พระบรรพจารย์   :  ขอเชิญบรรพพุทธาอาจารย์ - ศิษย์  ประทับและเชิญนั่ง  ฝ่ายจริยพิธีถวายผลไม้  ถวายน้ำชา  คืนนี้ มิใช่ง่ายที่ท่านได้มาเยือน ข้าพเจ้าตั้งใจเต็มที่ ช่วยงานบันทึกแม้เพียงน้อยนิด     
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 9
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 8/11/2012, 15:54
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระอาจารย์   : 
เรารับสนองพระโองการฯ บันทึก"ท่องพุทธาลัย"สิ่งใดที่รบกวน ขอบรรพจารย์ท่านได้โปรดอภัย  อู้เอวี๋ยน รีบเข้ามากราบคารวะพระบรรพจารย์

อู้เอวี๋ยน   : ขอพระบรรพจารย์ทรงอริยสำราญ ศิษย์ผู้โง่เขลาขอพระองค์ทรงชี้แนะ

พระบรรพจารย์   :  อู้เอวี๋ยน เชิญยืนขึ้นเถิด มิต้องมากจริยา บัดนี้ จะชี้แจงหน้าที่การงานของตำหนักนี้พอสังเขป  ตำหนักนี้ดูแลพิจารณา "กุศลภายใน (กุศลจิต)" ไม่เหมือนตำหนักอื่น ๆ ที่มีสถานลงโทษ ก้ด้วยญาณเดิมที่จะมาถึงตำหนักนี้ ล้วนผ่านการตรวจสอบต่าง ๆมาแล้ว จิตญาณเริ่มเข้าสู่ภาวะกลมงาม ดังนั้น  จุดสำคัญของตำหนักนี้คือ นอกจากจะพิจารณาชัดเจนต่อกุศลภายในแล้ว ยังได้จัด "หนึ่งหอเจ็ดห้อง" เอาไว้แก้ไขข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้บำเพ็ญขณะเมื่อมีชีวิต คุณประโยชน์ที่ให้ไม่เหมือนกันดังนี้ :

1. ห้องบำบัดรักษา (อีเหลียวซื่อ)
ญาณเดิมที่เคยเจ็บป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายเมื่ออยู่ในโลกหรือประสบภัย ญาณสังขารเสียหาย ล้วนจะได้รับการรักษาจากแพทย์ชาวฟ้า ฟูฟื้นญาณสังขารดังเดิม

2. ห้องจริยศึกษา  (เสวียหลี่ถัง) ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก แม้กาย  วาจา  โสต  นัยน์ตา จะถูกต้องตามจริยา แต่หากยังมีข้อบกพร่องแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะต้องเข้ารับการทบทวนศึกษาเพื่อความงามพร้อมในห้องศึกษานี้

3. ห้องบำเพ็ญกาย (ซิวเซินถัง) ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก กิริยาอาการสำรวมดี ดำเนินธรรมงามพร้อมด้วยบุคลิกพลังธรรม แต่หากยังมีตำหนิหลงเหลือ ก็จะต้องเข้ารับการบำเพ็ญให้ข้อตำหนิหมดไป

4. ห้องพิจารณาจิต  (ซันซิ่งถัง)ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก เน้นหนักแต่การสร้างกุศลคุณธรรม บำเพ็ญฝึกฝนกาย แต่พิจารณาจิตภาวะน้อยไป ยึดขั้วปลายเดียว จะต้องเข้ารับการศึกษาจิตภาวะในห้องนี้ จนกระทั่งสำนึกรู้เข้าสู่ผล กลมกลืนทั้งชีวิตและจิตญาณ

5. ห้องเติมกุศล  (ปู่กงซื่อ)ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก แม้เพียรสร้างกุศลแก่ชีวิต แต่ยังไม่บรรลุยอดสุดจุดสุขุม หรือวิธีฝึกฝนผิดไปไม่เกิดคุณ ล้วนจะต้องซ่อมบำเพ็ญ แก้ไขให้ถูกต้องที่ห้องนี้

6. ห้องอุเบกขา  (เหยิ่นยู่ซื่อ) อุเบกขา เป็นหนึ่งในหมื่นธรรมขันธ์จากปารมิตาหกของชาวพุทธ  ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลกบำเพ็ญจริง แต่จิตใจยังมิได้บำเพ็ญสมบูรณ์ อุเบกขาไม่พอ จะต้องซ่อมบำเพ็ญในห้องนี้

7. ห้องเปลี่ยนอาภรณ์  (เกิงอีซื่อ) เมื่อญาณเดิมได้ผ่านการฝึกฝนบำเพ็ญจากห้องทั้งหกข้างต้นมาแล้ว ล้วนจะต้องมาชำระญาณภาวะให้หใดจดในห้องนี้ จะได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่หมดสดใส อิสระสุขสบายนับแต่นั้น

8. หอเลี้ยงดูจิตสงบ  (จิ้งหย่างโหลว)ญาณเดิมย้ายจากห้องเปลี่ยนอาภรณ์มาสู่หอนี้ เลี้ยงดูจิตสงบ รอเวลาย้ายไปตำหนักเจิ้นหยาง ของ ด่านจิ่วหยาง เพื่อมุ่งหน้าหนทางฟ้าของเขาต่อไป

อู้เอวี๋ยน   :  มิกล้ากราบทูลถามพระบรรพจารย์ ตำหนักของพระองค์ทำหน้าที่ "พิจารณากุศลภายในชัดแจ้ง" (เน่ยกงจิ้วหมิง) นั่นหมายถึงสามพันกุศลแปดร้อยผล (ซันเซียงกงปาไป่กว่อ) หรือมิใช่ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ถูกต้อง

อู้เอวี๋ยน   : 
กราบทูลถามพระบรรพจารย์อีกว่า "สามพันกุศลแปดร้อยผล" นั้น บำเพ็ญง่ายหรือไม่ บำเพ็ญอย่างไรขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ผู้ยั่งยืนใจอยู่ในธรรมจะบำเพ็ญง่าย  ไม่ยั่งยืนใจอยู่ในธรรมจะบำเพ็ญยาก ผู้บำเพ็ญธรรม หยัดยืนดำเนินธรรม  สละทรัพย์  ปลูกฝังคุณธรรม  เห็นกุศลคุณความดีดั่งมณีรัตนะ  จะไม่แย่งชิงทางโลก  ไม่เปรียบเทียบกับใคร จิตใจสุขสงบ  สมถะ  ประคองรักษาพลานุภาพเที่ยงธรรม  ไม่ร้อนรนพลุ่งพล่าน  ไม่ลำพองระเริง  ไม่เหลิงลุ่มหลง  ไม่ทิฐิดึงดัน  ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่ง  ยืน  เดิน  นอน  ทุกขณะ  ไม่ห่างจากธรรมะความเป็นกลางอันควร  อยู่กับโลกโลกีย์ด้วยความสำรวมระวังตน  แม้ขณะอยู่ลำพัง  เอาอย่างความหอมเย็นของดอกบัว เหนือความหอมอื่นใด  อยู่ในโคลนตมโลกีย์ได้โดยไม่แปดเปื้อน  ล้มลุกคลุกคลานคับแค้นอย่างไร ก็ให้รักษากายใจเช่นนี้  เหตุการณ์ผันแปรบีบบังคับอย่างไร  ก็ให้รักษากายใจเช่นนี้  ทำได้ดังนี้ไซร์ ไม่ยากที่จะบรรลุธรรม สามพันกุศล (ซันเซียนกง)  ที่ว่า กุศล นั้นหมายถึง สามกุศลบริสุทธิ์ สามกุศลบริสุทธิ์ (ซันซิงกง) ให้ชื่อว่า 1. หยกใสบริสุทธิ์ (อวี้ซิง) 2. สูงใสบริสุทธิ์ (ซั่งซิง) 3. ทิพย์ใสบริสุทธิ์ (ไท่ซิง)

     หยกใสบริสุทธิ์ 
เกิดจากการบำเพ็ญกายธาตุสุขุม ไม่รั่วไหล  สงบเยือกเย็นเป็นปกติ งามล้ำค่าดุจหยกใส ไม่แปดเปื้อน ไม่ด่างพร้อย

     สูงใสบริสุทธิ์ เกิดจากการบำเพ็ญพลังธาตุสุขุม สำรวมวาจา  อารมณ์  ให้พลังธาตุเป็นปกติ

     ทิพย์ใสบริสุทธิ์ เกิดจากการบำเพ็ญจิต  บำเพ็ญวิญญาณ  ธาตุสุขุม  สำรวมความคิด  จิตใจ  ประสาทรับรู้ให้อยู่ในสภาวธรรม เป็นปกติ

     การบำเพ็ญกายธาตุจนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยกายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอีซิงกง)
     การบำเพ็ญพลังธาตุจนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยพลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อีซิงกง)
     การบำเพ็ญจิต  บำเพ็ญวิญญาณธาตุ จนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยจิตวิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอีซิงกง)  เมื่อสภาวะ"สามกุศลบริสุทธิ์"สมบูรณ์อยู่ในผู้ใด ผู้นั้นจะเป็นอิสระจากทุกสิ่งอย่างทั้งหลายทั้งปวง จิตญาณจะเบิกบานกว้างไกล อยู่ในจักรวาลโลกที่เรียกว่า"สามพันมหาพันสัพพโลก"  (ซันเซียนต้าเซียนซื่อเจี้ย)  แปดร้อยผล (ปาไป่กว่อ) ที่ว่า "ผล" นั้นคือ เมล็ดใน แก่นแท้ปฏิสนธิ  แก่นแท้กรุณาธรรม  กายสังขารของคน เกิดจากคนสองคนคือ เหยิน ในกายคน มีแก่นแท้ปฏิสนธิชีวิต มีแก่นแท้กรุณาธรรม  เรียกว่า เหยิน  ในเหยิน มีคน  ในคน มีเหยิน  สองคน (อินหยาง) ประกอบกัน ก่อกำเนิดเหยิน  เหยิน จึงหมายถึงคน  คน จึงหมายถึงเหยิน  แก่นแท้กรุณาธรรม

อู้เอวี๋ยน   :  หลักธรรมที่พระบรรพจารย์ได้โปรดนี้ ลึกซึ้งยิ่งนัก แต่ศิษย์ผู้โง่เขลา ไม่อาจเข้าใจความหมายแยบยลได้ทั้งหมด ขอพระองค์ได้โปรดอรรถาความอีกสักหน่อยเถิดขอรับ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญาในอักษรซ่อนตถตาฟ้าดินหญิงชาย
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 13/11/2012, 08:20
                            ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  ดีมาก ที่ว่า สามพันกุศลแปดร้อยผล
นั้น มิใช่เจาะจงอยู่ที่ตัวเลข ผู้บำเพ็ญยุคนี้ มักจะติดอยู่กับตัวเลขที่ให้ได้กุศลผลบุญจำนวนสามพันแปดร้อย หรือยึดหมายในอักษรคำพูด ทำให้เป็นอุปสรรคในการตีความ สามพัน นั้น หมายถึง มหาสัพพโลก นอกจากโลกมนุษย์แล้ว ยังมีโลกอื่น ๆ อีกมากมาย ยังมีโลกทิพย์  โลกวิญญาณ  โลกอื่น ๆ  มีคำสรรเสริญผู้เจริญธรรมว่า "คุณธรรมบารมี สถิตเสมอด้วยโลกในใต้หล้า" (เต๋อเพ่ยเทียนเซี่ย) มีคำนิยามคุณแห่งธรรมะว่า "ธรรมะจรรโลงตรงผ่าน จากบุพกาลถึงปัจจุบัน" (เต้าก้วนกู่จิน) ล้วนหมายถึง "สามพันกุศล (ชันเซียนกง) นี้ ความหมายนั้นก็คือ "การ "ให้" อันไม่อาจประมาณ  การ "ให้" โดยไม่ยึดหมายเจาะจง โดยมิได้หวังผลตอบแทน  การ "ให้" มหาเมตตากรุณาที่ปรกแผ่แก่สรรพชีวิต พลังแห่งกุศลบุญคุณธรรมนั้น จะประจุเต็มอยู่ในมหาสัพพโลก จึงไม่มีความกว้างไกลใดที่มิอาจปรกแผ่  ไม่มีความเล็กละเอียดใดที่ซอกซอนเข้าไปไม่ถึง" 

อู้เอวี๋ยน   : 
มิกล้ากราบทูลถามพระบรรพจารย์ ชีวิตคนในโลกไม่เกินร้อยปี  แม้ว่าจะสร้างกุศลทุกขณะเวลา กุศลที่สั่งสมได้ก็ไม่อาจมากมายถึงขณะนั้น ถ้าเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไรขอรับ กุศลจึงจะพร้อมสมบูรณ์

พระบรรพจารย์   :  นั่นคือยึดหมายกุศลเป็นตัวเลข คำว่า"กุศลมิอาจประมาณ มิอาจประมาณกุศล" (กงเจ๋ออู๋เลี่ยง อู๋เลี่ยงกงเตอ) เป็นการชี้นำู้คนให้รู้ว่า กุศล นั้น นับเป็นจำนวนไม่ได้ เก็บกุศลเป็นจำนวนไม่ได้ กุศลอยู่ที่การฟื้นฟูจิตดีงาม สำแดงจิตภาวะเดิมที สำแดงจิตภาพที่ให้คุณถึงที่สุด จุงมีคำกล่าวข้างต้นว่า "กุศลบริสุทธิ์ด้วยภาวะกายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอีชิงกง) กุศลบริสุทธิ์ด้วยภาวะพลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อีชิงกง) กุศลบริสุทธิ์ด้วยจิต ด้วยภาวะวิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอีชิงกง)  กายธาตุ  พลังธาตุ  วิญญาณธาตุ หากคืนสู่ภาวะความเป็นหนึ่ง เป็นเอกะอยู่ได้ พลังวิเศษย่อมรวมศูนย์ เป็นสูญตา จึงได้ชื่อว่า
หยกใสบริสุทธิ์ (กาย)   (อวี้ชิง)
สูงใสบริสุทธิ์   (พลัง)   (ซั่งชิง)
ทิพยใสบริสุทธิ์ (จิตญาณ)  (ไท่ชิง)

     สามใสบริสุทธิ์นี้ เป็นภาวะล่วงพ้นสามโลก ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังชั้นบรรยากาศ เหตุนี้ พุทธะเซียนจึงเตือนสาธุชนให้บำเพ็ญกุศล เป้าหมายสูงสุดก็คือ บรรลุสามพันกุศลบริสุทธิ์นี้"

อู้เอวี๋ยน   :  ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดอรรถาความคำว่า "กายธาตุเป็นหนึ่ง  พลังธาตุเป็นหนึ่ง  วิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง" กับวิธีการปฏิบัติด้วยขอรับ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 11
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 13/11/2012, 09:59
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย


พระบรรพจารย์   :  กายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอี) คือ
การฝึกฝน หล่อหลวมกายธาตุที่แตกซ่าน กลับคืนสู่ความเป็นหนึ่งเดียว หนึ่งคือธรรมะ  ธรรมะคือหลัก  กายธาตุคืออะไร ในคัมภีร์ต่าง ๆ กล่าวไว้มากมาย จนทำให้ผู้บำเพ็ญปฏิบัติตามไม่ถูก วันนี้อาศัยอริยสัมพันธ์งาน "ท่องพุทธาลัย" จะอธิบายพอประมาณ กายธาตุ คือ อารมณ์บินดี  โกรธ  เศร้า  สุข  รัก  เกลียด  อยาก  กับความผูกพันธ์พอใจในรูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัส  ธรรมารมณ์ การฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุ ก็คือ ให้ปรับอารมณ์  ความพอใจผูกพันเหล่านี้ โน้มนำเข้าหาหลักสัจธรรม  รู้เท่าทันความเป็นจริง  ชีวิตหากไม่มีอารมณ์ความพอใจผูกพัน ก็จะไม่อาจสืบสายชีวิตได้ต่อไป ดังคำที่ว่า "ผู้ตัดเยื่อใยสัมพันธ์ ไม่อาจถ่ายทอดสายธรรมทางตรงให้" (จะขาดธรรมทายาท)  (ต้วนฉิงเจ่อปู้เข่อฉวนจือเจิ้งเต้า) 
        จุดหมายของการฝึกฝนหล่อเลี้ยงจิตญาณ มิใช่ควบคุมผู้บำเพ็ญให้ตัดสายสัมพันธ์อารมณ์ความพอใจ แต่ให้ปรับอารมณ์ความพอใจให้เป็นกลาง  ให้สมานสุขุมอยู่ในความถูกต้องพอดี เป็นกลางสมานคือ "สภาวะธรรม" เช่น คำที่ว่า "ธรรมะอยู่กับชีวิตประจำวัน" (ชีวิตประจำวัน จะต้องรับมือกับการก่อเกิดอารมณ์หลากหลาย) (เต้าไจ้ยื่อฉังเซิงหังจือจง) การฝึกฝนหล่อหลอมกายธาตุนั้น จึงมิใช่เจาะจงให้นั่งนิ่งกำหนดลมหายใจ
มิใช่กำหนดเคลื่อนลมปราณ แต่ให้ทุกเวลาทุกขณะจิตฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุไว้ มิให้แตกซ่านเสียหาย โดยทั่วไป ทุกขณะจิตของความคิดคำนึง ล้วนมีอารมณ์ ความพอใจ  ไม่พอใจ  ผูกพัน  เป็นตัวผลักดัน

ศาสนาปราชญ์ จึงสอนให้ วาจาตรง  ดำเนินตรง  ใจตรง  กายตรง  ผิดจริยา อย่าคิด  อย่าพูด  อย่าทำ  อย่ามอง  สอนให้สยบใจตน  ฟื้นฟูจริยธรรม  เหล่านี้ล้วนเป็นการฝึกฝน  หล่อหลอมกายธาตุแห่งตน

ศาสนาพุทธ  ให้รักษาศีลห้า

ศาสนาเต๋า ของท่านเหลาจื้อ  สอนให้ชำระใจ  ละตัณหา  ฟังดูต่างกันแต่ให้คุณวิเศษตรงกัน  /b]  วิธีเบื้องต้นในการฝึกฝนหล่อหลอมกายธาตุ กล่าวไว้ต่างกัน แต่จุดมั่งหมายล้วนเพื่อชี้นำให้จิตควบคุมอารมณ์ ให้เหมาะสมกับความเป็นธรรมะ  เมื่อผู้บำเพ็ญนำพาอารมณ์ที่มีภาวะแฝงเร้นหรือโลดแล่นออกมาจากใจ ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมได้ ก็เท่ากับได้ฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุให้รวมสู่ความเป็นหนึ่งแล้ว ภาวะนั้น จะสวยใสเหมือนเนื้อหยกขาวสะอาด จึงได้ชื่อว่า "หยกใสบริสุทธิ์" (อวี้ชิง)

พลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อี) ก็มีหลักเดียวกัน พลังธาตุ หมายถึง
แรงของอารมณ์  ความรู้สึกที่สำแดงออก จุดหมายของการฝึกฝน หล่อหลอมพลังธาตุก็คือ ทำให้อารมณ์ความผูกพัน  อารมณ์ความรู้สึก ปรับตัวเป็นกลาง  สมานสุขุม  พลังงานของธรรมะในมหาจักรวาล เคลื่อนโคจรอินหยาง เป็นวงรอบ หนุนเนื่องซึ่งกันเป็นนิรันดร์ ลม  ฝน  สายฟ้า  น้ำค้าง  น้ำแข็ง  หมอกในธรรมชาติ  กับ อารมณ์ยินดี  โกรธ  เศร้า  สุข  รัก  เกลียด  อยาก ในคนล้วนเปลี่ยนแปลงเป็นไปด้วยพลังธาตุทั้งสิ้น "ฝนชื่นรื่นลม" (เฟิงเถียวอวี่ซุ่น) หมายถึง ลมฟ้าอากาศเป็นไปตามครรลองธรรม หาไม่แล้วจะวิปริตเกิดเภทภัย  หน้าฝนกลับฝนแล้ง ผิดครรลองธรรมไปเสียสิ้น ผู้บำเพ็ญจะอนุมานได้จากการนี้ อารมณ์ความผูกพันจะเกิดหรือจะเก็บ หากเป็นไปอย่างเหมาะควร ก็จะสงบสบายใจไม่วูบวาบ นานวันก็จะเข้าสู่ภาวะที่คัมภีร์วิสุทธิสูตร (ชิงจิ้งจิง) กล่าวไว้ว่า "ตอนรับปกติ  สงบปกติ" (อยู่กับธรรมชาติ  สงบกับธรรมชาติ) (ฉังอิ้งฉังจิ้ง) เป็นภาวะฝึกฝน หล่อหลอมพลังธาตุให้คืนสู่ความเป็นหนึ่งเดียว ก็ด้วยความเบานั้นย่อมลอยสูง กุศลบริสุทธิ์ของกายธาตุจึงได้ชื่อว่า "สูงใสบริสุทธิ์" (ชั่งชิง) 

วิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอี้) คือบำเพ็ญจนเข้าถึงสัมมาญาณอันรู้แท้ พุทธธรรมเรียกว่า "โพธิ (ผูถี)  ปัญญา  (ปอเหย่อ)  ปรัชญาธรรมเรียกว่า "ชีวิตจิตจากฟ้า" (เทียนมิ่งจือชั่ง) คนยุคนี้เรียกว่า "วิจารณญาณ" (หลี่จื้อ)
วิจารณญาณนี้ทุกคนต่างมี ไม่มีใครที่ไม่มี วิจารณญาณนั้นปราศจากรูปลักษณ์  บางครั้งแฝง  บางครั้งสำแดง  หากค้นพบความมีอยู่นั้นก็คือภาวะของ "ใจสว่าง" (หมิงซิน) หากสำแดงคุณหมดสิ้นเต็มที่ ก็คือ ภาวะเห็น "จิตใส" (เจี้ยนซิ่ง) บำเพ็ญธรรมบำเพ็ญจิต บำเพ็ญจิต อยู่ที่ปลูกฝังเลี้ยงดูจิตญาณให้ตรงต่อหลักสัจธรรม จึงมีคำกล่าวว่า "บำเพ็ญใจกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ" (ซิวซินอย่างซิ่ง) ฝึกฝน  หล่อหลอมวิญญาณธาตุก็คือเช่นนี้

     หวังว่าชาวโลกที่เคยชินกับการนั่งกรรมฐานทำสมาธิ จะเข้าใจเป็นจริงต่อสัมมาญาณ (รู้แท้ ถูกต้อง) เข้าใจเป็นจริงต่อการฝึกฝน  หล่อหลอมกายธาตุฝึกฝน  หล่อหลอมพลังธาตุ  และเข้าใจความหมายของการฝึกฝน หล่อหลอมวิญญาณธาตุให้ถ่องแท้ เช่นนี้แล้ว ในชีวิตประจำวัน ก็จะไม่มีอะไรผูกโยง ฝึกฝนหล่อหลอมเป็นธรรมชาติสบาย ๆ จะนั่ง  นอน  เดิน  ยืน  ล้วนเป็นฌานสมาธิ

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ ได้โปรดแสดงธรรมแยบยลอันมิเคยได้สดับมาก่อน กลมกลิ้งได้ดั่งอัญมณี ทุกถ้อยคำไพเราะเสนาะโสตนัก ผู้บำเพ็ญชาวโลกวาสนามิเบา ขอพระบรรพจารย์ ได้โปรดอรรถาความหมายของคำว่า"แปดร้อยผล" (ปาไป๋กว่อ) ต่อไปด้วยขอรับ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 11 ด่านจิ่งหยาง สามพันแปดร้อยผลบุญญา 12
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 23/11/2012, 04:11
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  สาธุ ผู้บำเพ็ญพึงเป็นผู้รู้ "รู้หนึ่งให้ถึงสาม" (อีอวี๋ฝั่นซัน) สัมผัส ก. ให้รู้ ข. ตามไป  แปดร้อยนั้นเป็นคำอุปมา มิใช่หมายถึงจำนวนตัวเลข แท้จริงหมายถึง ภาวะสมบูรณ์ของผลภายใน ก็คือฟ้ากับดิน (จิตญาณกับกายสังขาร)
มั่นคงบนฐานของความเป็นหนึ่งเดียว กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ อารมณ์รับรู้ สั่งสม สำแดงเข้าสู่ภาวะเที่ยงตรง ผู้บำเพ็ญหากแม้นไม่อาจสมานอยูในธรรมได้ทุกขณะจิต จิตญาณกับกายสังขารก็จะล้มลุก สับสน วุ่นวาย หากฝึกฝนหล่อหลอมได้นั่นก็คือ (กว่อ) ผลของต้นธรรมในตน การจะให้กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ อารมณ์รับรู้สั่งสม สำแดง เข้าสู่ภาวะเที่ยงตรงนั้นได้จะต้องก่อเกิดมหาเมตตาจิตโดยมิได้เจาะจงยึดหมาย จะต้องก่อเกิดมหากรุณาร่วมตัวตน เห็นเป็นหนึ่งเดียว (มิได้เจาะจงยึดหมายนามเฉพาะรูปใด)  (อี๋ซื่อถงเหยิน) มีภาวะจิตใจรักชาวโลกเยี่ยงเดียวกับมหาโพธิสัตว์ มิฉะนั้น หากเพียงยึดหมายในกุศลในบารมีธรรม ก็ยากจะตกผลแห่งสัมมาปฏิบัติแน่นอน ฉะนั้น ผู้บำเพ็ญจนได้แปดร้อยผลสมบูรณ์นั้น ล้วนจะต้องมีมหาปณิธาน  จะต้องให้ทานโดยมิได้ยึดหมายเจาะจง ภาวะสมบูรณ์ของผลภายในไม่ห่างจากกุศลผลบุญที่สร้างภายนอก  กุศลผลบุญภายนอกก็มิให้ห่างจากภาวะสมบูรณ์ของผลภายใน  ทั้งภายในภายนอกเอื้ออำนวยแก่กัน เป็นหนึ่งเดียวกันจึงจะเข้าถึงภาวะวิสุทธิ์ ดังพุทธพจน์ที่ว่า "สมบูรณ์ผล (รู้ตื่น) ทั้งบำเพ็ญและปฏิบัติ"  ผเจวี๋ยสิงเอวี๋ยนหมั่น) "เข้าถึงจิต คือเข้าถึงพุทธะ (จี๋ซินซื่อฝอ) เข้าใจหลักธรรมนี้ไหม ปฏิบัติตามหลักธรรมที่กล่าวมา นานวันยิ่งปราณีตลุ้มลึก "สามพันกุศลสมบูรณ์ แปดร้อยผลกลมเต็ม" ก็จะพ้นจากการควบคุมของสามโลก เป็นอิสระเหนือโลก

พระอาจารย์   :  วิเศษแท้ วิเศษแท้ พระบรรพจารย์เทียนซิน โปรดแสดงธรรมปลุกใจคนหลงได้ดีพร้อม งามพร้อมยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญที่ได้อ่านหนังสือนี้ เป็นผู้มีบุญสั่งสมมาสามชาติทีเดียว คืนนี้ได้เวลาแล้ว เราอาจารย์ศิษย์ขอกราบลา

พระบรรพจารย์   : 
เวลามีจำกัด มิกล้ารั้งเชิญ จริยาขาดพร่องไป ขอได้โปรดอภัย ลั่นระฆัง  เรียงรายน้อมส่งพระบรรพจารย์เทียนหยาน

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยนรีบขึ้นพาหนะเมฆ หลับตา ขึ้นได้... พุทธตำหนักถึงแล้ว ญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 6/12/2012, 12:06
                                   ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

@  ฟ้ากาลล่วงผ่าน        ถึงยุคเก็บงาน        อันสมบูรณ์ผล
ธรรมชาติประดน            พระองค์เบิกนำ       วาระความนัย
บรรพวิถี                     วันนี้สังขตะ            สัจจะสืบสาย
พุทธบุตรได้                 เสร็จสิ้นปณิธาน      กลับบ้านบวชใจ


(เทียนสือเฝิงจื้อโซวเอี๋ยนฉี        หยานเค่าสินเซิ่งเตี่ยนเอวี๋ยนจี
กู่เต้าจินฉวนเจินหลี่ก้วน            ฝอจื่อเหลี่ยวเอวี้ยนเจียกุยอี)
                                                                              เราคือ

บรรพพุทธา (ฟ้า) ธรรมชาติ   เทียนหยานกู่ฝอ

พระศาสดาโลกสากล           น้อมรับ
บัญชาฟ้า   เหินสู่ดินแดนบูรพา    ค่อยลงจากยอดเมฆา
น้อมเข้ามายังพุทธตำหนัก     ก่อนอื่นน้อมกราบ
พระแม่ฯเมตตา     จึงถามเหล่าเมถาสบายดี

        เทียนมิ่ง อนุตตรพระโงการฟ้า น่าคร้ามยำเกรง จะอยู่เย็นเป็นสุข หากน้อมรับทำตามพระฯบัญชา  บัดนี้ ฟ้าโปรดประทานฐานบัวทองให้ จงเพียรใจมุ่งหน้าต่างรับรู้สัจจา เปิดจักษุใส ได้เห็นแยบยล ทางธรรมสุดท้ายได้มาถึง หมื่นศาสตร์พากันฟูเฟื่อง ต่างเรืองฤทธิ์บุญญา นำพาเมธีคนดีกัน ยึดหลักสัจธรรมนำพาต้นราก ใจมิต้องวิบัติสับสน หากมุ่งศาสตร์บันดาลดล ทุกคนตาบอดจะไม่รอดลงเหวไป

@ จิตใสใจสว่าง เห็นญาณตน        เป็นต้นเดิม ที่มีอยู่
ด้วยจิตรู้ ธรรมชาติ                          ไม่เขียนวาด ดัดอาการ
คุมจิต  สำรวมนำ                            เรียกว่าธรรม ท่านกล่าวขาน
เทียนมิ่ง  โองการฟ้าฯ ประจุร่าง ญาณทวาร เปิดแยบยล


(หมิงซินเจี้ยนซิ่งซื่อเปิ่นไหล              อู๋โหย่วจั้วจั้วเทียนหยานไฮว๋
ไซว่ซิ่งเอวี้ยเต้าหนีซันอวี่                  เทียนมิ่งก้วนเซินเมี่ยวเสวียนไค)

@ พวกทางใน  ใช้เวทวิทย์          สื่อรู้จิต  ฤทธิ์นั้นร้าย
สำแดงตน ด้วยคุณไสยฯ                   สนองใจ คนต้องการ
จิตงามโรจน์ ญาณจากฟ้า                 ไม่ปรากฏ สำแดงหาญ
บำเพ็ญจน กายแหลกลาญ                เราเรียกขาน ว่าคน "เซ่อ"


(จูปันเสินทงไกว้ลี่ไฮ่                      ซู่หลิวต้งจิ้งอิ้งเหยินไฉ
เทียนเหลียงเปิ่นเจวี๋ยปู้เสี่ยนโล่ว         ซิวผ้อโย่วอีอี้หมิงไต

@ ทุกคนมี ญาณบรรพต              เรืองโรจน์อยู่ คู่ตนแท้
จะเดินยืน นั่งนอนแผ่                       ใครกันแน่ บงการเจ้า
เกิดถลำ ทำผิดไป                         สะท้านใจ กายสั่นเทา
ก็ตนเอง จิตญาณเรา                      ถูกรุกเร้า ด้วยบาปเวร


(เหยินเหยินโหย่วจั้วหลิงซันไถ          สิงจู้จั้วอั้วเสยจู๋ไจ่
เซาโหย่วซั่วซื่อจิงคุ่ยตัง                  เอวี๋ยนไหลจู่องโซ่วอวั้งไจ

@ ใจสบาย ไม่ผิดหลัก              ประจักษ์เห็น "เช่นนั้นเอง"
แสงญาณเปล่ง                            ขันธ์ห้าว่าง วางยึดหมาย
นำจิตอยู่ คู่ฟ้าดิน                          หว่างมรรคา ไม่ใกล้ไกล
ฟูมฟักถ้วน สรรพสิ่งได้                    ธาตุห้าไซร์ ลำดับงาม


(ซินอันหลี่เต๋อกวนจื้อไจ้                อู่อวิ้นเจ้าผ้ออู๋กว้าไอ้
โซวฟั่งจ้งเจี๋ยเฉียนคุนเจิ้ง              อวั้นอู้อวี้เอียนอู่สิงไผ)

@ กรุณามโนงาม จริยะ            ปัญญา สัตย์จริงนั่น
คุณสัมพันธ์ ระหว่างกัน                  บำเพ็ญมั่น เป็นสุขสม
ตาดู หูฟัง งามคารม                     อาการ ปัญญาคม
สำรวมสม สถานภาพ                    กำราบใจ ไม่กระเจิง


(เหยินอี่หลี่จื้ออวี่ซิ่นไจ                 เหยินหลุนซิวฉีเล่ออู๋อย๋า
ซื่อทิงเอี๋ยนต้งเหอหลี่จื้อ               อันเฟิ่นโสวจี่อวั้งซินไหม)

@ พร่ำสอนสั่ง ดั่งย่ายาย          ใจห่วงย้ำ กำชับว่า
หมื่นปัจจัย ปล่อยวางหนา             ฝุ่นโลกา อย่าพอกพูน
ชีวิตคน ทุกหนแห่ง                     ล้วนแหล่งธรรม
กระจ่างใส เห็นในธรรม                 แยบยลงาม ในตถตา


(ผอซินขูโข่วติงหนิงไจ้                อวั้นเแวี๋ยนฟั่งเซี่ยทัวเฉินไอ
เหยินเซิงซู่ซู่เจียโหย่วเต้า            อู้โท่วเมี่ยวเซี่ยงเจี้ยนหยูไหล)

        ยุคนี้ศาสตร์ลี้ลับ ดวงแก้ว แร่ธาตุอัศจรรย์ เสริมอายุวัฒนะ คงกระพันชาตรี เพิ่มพลังน้ำ - ไฟในตัว กำหนดลมปราณ...ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ เหล่านี้ กำลังเป็นที่ชื่นชอบของคนมากมายในธรรมกาลยุคขาว สาเหตุก็คือ บ้างละทิ้งหลักธรรมตามปกติเพื่อใฝ่หาอภิญญา บ้างดูเบาไตรรัตน์ ใฝ่ใจสิ่งแปลกใหม่ จึงมีผู้สำแดงกันออกมา พาคนให้หลงตามไปไม่น้อย น่าเสียดายยิ่งนัก อาจารย์จึงอาศัยอริยสัมพันธ์จากการสร้างหนังสือฝากความหวังไปยังศิษย์เมธีผู้นำแบบอย่าง ให้อุ้มชูรักษาสัทธรรมเที่ยงแท้ ร่วมช่วยธรรมกาลนี้ ถึงแม้การทำสมาธิวิปัสสนา นั่งฌาน จะเป็นแนวทางหนึ่งในหมื่นวิธีของการปฏิบัติ ที่สุดของจุดหมายก็เพื่อให้คุมจิต ให้สำแดงการรู้แจ้งของจิตดีงาม ศิษย์จึงอย่าได้ยึดหมายลุ่มหลงการนั่งนิ่ง จึงจะเป็นการปฏิบัติบำเพ็ญกุศลจิตชีวิตจริง พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบห้า ธรรมฉายา "ผู้เฒ่าทะเลเหนือ" (เป่ยไห่เหล่าเหยิน) ได้จารึกหลักการนี้ไว้ใน "ไขหลักจิต" (หลี่ซิ่งซื่ออี๋) เป็นการเฉพาะ มีผู้ถามว่า "ศาสตร์ลี้ลับ ดวงแก้ว แร่ธาตุอัศจรรย์ เสริมอายุวัฒนะ คงกระพันชาตรี เพิ่มพลังน้ำ - ไฟในตัว กำหนดลมปราณ...อีกมากมายเหล่านี้ ถูกต้องเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร" ซึ่งได้ไขข้อข้องใจไปว่า "วิธีการข้างต้น ถูกต้องเป็นจริงกว่ามิจฉาศาสตร์อื่น ๆ แต่หากพิจารณากับสามศาสนามหาอริยะแล้ว ก็จะมีข้อปฏิเสธ พึงรู้ว่า ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีวันสูญหายไป นับประสาอะไรกับเนื้อกาย จะคงกระพันชาตรีไปถึงไหน..."

พระอาจารย์   : 
ถึงเวลาที่จะไปบันทึกท่องพุทธาลัยแล้ว รบกวนขุนพลพิทักษ์ฯ รักษาพระตำหนักฯด้วย  อู้เอวี๋ยนสงบใจ รีบขึ้นฐานบัว เราออกเดินทางชั่วขณะ ฐานบัวเหินข้ามพันลี้ ผ่านด่านจื่อหยาง กับ ด่านเหอหยาง ครู่เดียว มาถึงตำหนักแห่งหนึ่ง ฐานบัวค่อย ๆ ลดลง เห็นเหล่าเทพกรเรียงรายต้อนรับอยู่สองฟาก เสียงกลองระฆังดังขึ้นพร้อมกัน...

เทพกร   :  ข้าพเจ้าทั้งหลาย น้อมรอคอยบรรพพุทธาท่านกับศิษย์อยู่นานแล้ว ทูลเชิญด้านใน
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 2
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 2/01/2013, 14:59
                            ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระอาจารย์   : 
ท่านเทพกรต่างเหนื่อยนักแล้ว ได้รับการต้อนรับเช่นนี้ ไม่กล้ารับจริง ๆ ท่านผู้นี้คือศิษย์อู้เอวี๋ยน ขอท่านได้โปรดชี้แนะให้มาก

อู้เอวี๋ยน   :  กราบคารวะเทพกรทุกท่าน... ...คารวะถ้วนทั่วแล้ว พากันดำเนินไปช้า ๆ ตรงเข้าประตูด้านใน เมื่อไปถึงก้ได้เห็น ทัศยภาพบริเวณด่านนี้กับด่านไหน ๆ ก็คล้ายกัน ข้างหน้ามีแผ่นป้ายใหญ่แขวนไว้เหนือประตู จารึกอักษร "จิ่วหยางกวน" สามตัว สีสันเรืองรอง ซ้ายขวามีกลอนคู่ ความว่า"ธรรมะกระจ่างดังนี้        ขั้นตอนดั่งนี้ทางผ่าน
หลงผิดให้ต้องเป็นนั้น              คร่ำด่านต้องให้เป็นไป
(เต้าหมิงหยูซื่อกั้วเฉิงหยูซื่อ     หลี่เม่ยสื่อหยานกวนตู้สื่อหยาน)

    เข้าประตูด่านแล้ว ตรงไปข้างหน้าไม่ถึงครึ่งลี้ มองเห็นปราสาทไกลออกไปหลังหนึ่ง สวยงสมเลิศหรู ดูน่าคร้ามเกรงยิ่งนัก เทพกรห้าหกท่านรอต้อนรับอยู่ที่นั่นแล้ว...

เทพกร   :  กราบคารวะบรรพจารย์ทรงอริยสำราญ องค์เจ้าตำหนักขอเชิญท่านกับศิษย์ ดังนั้นจึงพร้อมกันเข้าสู่ตำหนัก อู้เอวี๋ยนเหลียวซ้ายแลขวาเห็นอุทยานด้านใน ดอกไม้บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ สีสันตระการตา ส่วนสนามหญ้าก็งามนัก เขียวชอุ่มดูนุ่มเนียนดั่งพรม สดสวยสุดพรรณา หันกลับมาดูห้องโถงยิ่งงามสง่าน่าสบายน่าคร้าม สะอาดสะอ้านสวยใส กว้างใหญ่โอ่โถง มีแผ่นป้ายใหญ่อยู่บนขื่อกลาง จารึกอักษรว่า
"เก้าระดับ        แบ่งแยกชัด        เก้าผลบุญ
หนึ่งขั้นสูง            ขึ้นก้าวถึง           หนึ่งขั้นสูง"
(จิ๋วผิ่นเฟินชิงจิ๋วผิ่นกว๋อ           อี้เจียซั่งจิ้นอี้เจียเกา)

เมื่อทั้งหมดดำเนินต่อมา ก็ได้เห็นบรรพจารย์เทียนจู้ ออกมาต้อนรับ

พระบรรพจารย์   :  ยินดี ยินดี บรรพพุทธากับศิษย์สนองพระโองการฟ้า เหนื่อยยากเพื่อฉุดช่วยเศษขันธ์ เก็บหลักฐานข้อมูลยืนยัน ประพันธ์ปลุกคนหลับหลง คืนนี้เป็นเกียรติแก่ตำหนักนี้ มีโอกาสปฏิบัติเล็กน้อยเพื่องานแพร่ธรรม... ขอเชิญ...

พระอาจารย์   :  ท่านยุ่งกับงาน เรายังมาคารวะรบกวน ขอท่านได้โปรดอภัย

พระบรรพจารย์   :  ที่ไหนกัน บรรพจารย์ท่านกับศิษย์ไม่เกรงเหนื่อยยากเพื่อสร้างหนังสือ เป็นคุณธรรมน่าเคารพ จะว่ารบกวนได้อย่างไร

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์ผู้น้อยกราบคารวะ ขอพระบรรพจารย์อริยสำราญ

พระบรรพจารย์   :  อู้เอวี๋ยน มิต้องมากจริยา ทานเหนื่อยยากมาก รีบยืนขึ้นเถิด  จากนั้น พระอาจารย์กับอู้เอวี๋ยน ก็ดำเนินตามพระบรรพจารย์เทียนจู้สู่ตำหนักใน เทพกรถวายน้ำชา ผลไม้เซียน ต่างประทับนั่งและนั่งตามลำดับ

พระอาจารย์   :  หวังวอนบรรพจารย์ท่านชี้แนะหน้าที่ของตำหนักท่าน เพื่อบันทึกข้อมูล 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 3
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 4/01/2013, 12:56
                             ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระบรรพจารย์   :  ตำหนักนี้ชื่อว่า เจิ้นหยางเตี้ยน เป็นด่านแรกของจิ่วหยังกวน มีหน้าที่พิจารณาผลบุญ (กงกว๋อเจียวลุ่น)
มีห้องรื่นใจ      (ซุ่นซินซือ)
มีศิลาจาลึกใส   (โท่วหมิงเปย)
มีเจดีย์ยุคขาว    (ไป๋หยางถ่า)

     และอื่น ๆ  เพื่อพิจารณาผลบุญแท้ภายนอกภายในของผู้บำเพ็ญ  พิจารณาผลบุญ จุดประสงค์เพื่อให้ญาณผู้บำเพ็ญถ่องแท้ต่อหลัก "คุมจิตวิสัยได้คือธรรม" (ไซว่ซิ่งจือเอว้ยเต้า) ซึ่งผลบุญภายนอกภายใน เป็นสองด้านในองค์เดียวกันอันมิอาจแยกจาก การรักษาศีล ฝึกจิตใจ คุมใจ ดำรงรักษาจิตวิสัย รู้ชอบสำนึกแท้ ปัญญาวิจารณญาณแจ่มชัด เหล่านี้ล้วนเป็น ผลบุญภายใน ส่วนทรัพย์ วิทยาธรรม กับแรงกายเป็นทาน สามฐานนำ*  จตุธรรมดำรง* กับคุณธรรมแปด*  เชิดชูความดีต่าง ๆ นั้นคือ ผลบุญภายนอก ที่ศาสนาปราชญ์ว่า "ดีเฉพาะตน ดีแก่คนทั้งหลาย" (ตู๋ซั่นฉีเซิน เจียนซั่นเทียนเซี่ย) เป็นการพิจารณาผลบุญ ที่แสดงให้เห็นได้อย่างเหมาะสมนัก ส่วนปลงเห็นสรรพสิ่ง เข้าถึงสัจธรรม เจตนาศรัทธาแท้ใจเที่ยงตรง บำเพ็ญตน (เก๋ฮฮู้ จื้อจือ เฉิงอี้ เจิ้งซิน ซิวเซิน) นั้น อยู่ในขอบข่ายของผลบุญภายใน  สำหรับบ้าน (ครอบครัว) พร้อมสมบูรณ์ ปกครองบ้านเมืองเป็นระเบียบ โลกราบเรียบสงบสุข (ฉีเจีย ฉือกั๋ว ผิงเทียนเซี่ย) เป็นเป้าหมายของผลบุญภายนอก

พระอาจารย์   :  ขอบพระคุณบรรพจารย์ที่ได้โปรดชี้แจงหลักของงานในตำหนักนี้ คิดถึงรากฐานของคนในยุคสุดท้ายนี้ ปัญญาถูกเวรกรรมบดบัง ถ้ามิใช่ยึดหมายในผลบุญภายนอก โลภอยากลาภสักการะ ก็จะหลงอยู่ในผลบุญภายใน เอาแต่นั่งนิ่งภาวนา ขอบรรพจารย์ท่านอาศัยบุญโอกาสพิเศษนี้ บอกเล่าการจะผ่านด่านนี้ได้ควรเป็นเช่นไร ให้ผู้บำเพ็ญได้ส่องเห็นทำตามด้วยเถิด

หมายเหตุ *   : 
สามฐานนำ   (ซันกัง)  ระหว่างประมุขกับทวยราช บิดากับบุตร  สามีกับภรรยา
จตุธรรมดำรง  (ซื่อเอว๋ย) จริยะ  มโนธรรม  สุจริตธรรม  ละอายต่อบาป
คุณธรรมแปด  (ปาเต๋อ)  กตัญญู  พี่น้องปรองดอง  จงรัก  สัตย์จริง  จริยะ  มโนธรรม  สุจริต  ละอายต่อบาป
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 4
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 17/02/2013, 13:24
                          ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระบรรพจารย์  : 
เมื่อท่านต้องการ ข้าพเจ้าก็จะไม่คำนึงถึงความตื้นเขิล ขะขยายให้ฟังพอสังเขป เพิ่มสาระแก่หนังสือเป็นโคมส่องผู้บำเพ็ญ ที่กล่าวว่า
"ผลบุญภายในกลม ผลบุญภายนอกสมบูรณ์"
(เน่ยกว่อเอวี๋ยน ไอว้กงหมั่น)

"ทางโลกทางธรรมราบรื่น รู้แจ้ง ดำเนินจริง เพียบพร้อม"
(เซิ่งฝันหยูซิน เจวี๋ยสิงเอวี๋ยนหมั่น) นั้น จะบรรลุอรหันต์ ผ่านด่านนี้ได้แน่นอน แต่ช่วงปลายนี้ วิถียุคสุดท้าย คนราบรื่นไม่ฝืนขัดดั่งนี้มีน้อย ดังนั้น ด่านนี้จึงเอาผลบุญจากหลักธรรมของความเป็นคน การบำเพ็ญฝึกฝนมาเป็นจุดพิจารณา  ผู้บำ้เพ็ญหากรักษาทำตามระเบียบแบบแผนของศาสนาที่ตนร่วมอยู่ได้ไม่เสียหายทั้งทางโลกทางธรรม สร้างกุศลให้มากก็จะผ่านด่านนี้ไปสู่แดนวิสุทธิ์ของถ้ำเซียนต่าง ๆ รับการอบรมเพื่อประจักษ์พุทธวิสัยเดิมทีอันสง่างามในหมื่นคุณธรรม ในส่วนที่ว่า จะบำเพ็ญภายนอกภายในนั้น แต่ละศาสนาล้วนมีคำสอนชัดเจนกันอยู่แล้ว ศาสนาปราชญ์ ว่า"กระจ่างต่อคุณธรรมชีวิตสว่าง" (หมิงหมิงเต๋อ)  "ปลงเห็นสรรพสิ่ง เข้าถึงสัจธรรม" (เก้ออู้จื้อจือ) ศาสนาเต๋า ว่า "ใสสงบอยู่กับสภาวะธรรมชาติปกติ" (ซิงจิ้งฉังอิ้ง)ศาสนาคริสต์ ว่า "ความรักแผ่ไพศาล" (ป๋อไอ้) ศาสนาอิสลาม ว่า "ใสสะอาดจริงแท้" (ซิงเจิน) ล้วนเป็นประทีปของการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรธรรมจึงมีความปราณีตหลายชั้นคือ หนึ่ง  เอาชนะตน (เค่อจี่)  สอง  ปรับตน  (ไก่กั้ว)  สาม  พิจารณาตน (สิ่งฉา)  สี่  แผ่เมตตา  (ปู้ฉือ)เอาชนะตน จะต้องมีวินัยบัญญัติแน่นอน แต่ยังไม่แนบแน่น หากยังไม่เข้าใจลุ่มลึกต่อการปลงเห็นสรรพสิ่ง เข้าถึงสัจธรรม(ไม่ยึดหมาย จิตใจบริสุทธิ์อิสระ) ยังจะต้องไม่หลอกตน ไม่ยกโทษแก่ตน(ไม่เข้าข้างตน) เพราะถ้าหลอกตน จะอธิบายธรรมตามจริตตน ไม่ใช่ธรรมะก็จะเห็นว่าเป็นธรรมะ เช่นนี้ จะไม่อาจบำเพ็ญผลบุญภายในจิตตนได้ ท่านจอมปราชญ์ว่า "เอาชนะตนฟื้นฟูจริยธรรม ทั่วหล้าพากันคืนสู่กรุณาธรรม"(เค่อจี่ฟู่หลี่ เทียนเซี่ยกุยเหยิน) จึงรู้ว่าการเอาชนะตนจำเป็นต่อการบำเพ็ญผลบุญภายในจึงพึงศรัทธาจริงแท้  ศรัทธาจริงแท้จึงจะสว่าง (เฉิงเจ๋อหมิง) สว่างด้วยศรัทธาจริงแท้จากตน (จื้อเฉิงหมิง) ชีวิตจากฟ้า เรียกว่าจิตญาณ (จิตวิสัยฟ้า) (เทียนมิ่งจือเอว้ยซิ่ง) แน่นอน ศีลบัญญัติของพุทธะ อย่างน้อยจะต้องให้คนรักษาศีลห้าเคร่งครัด นั่นคือ ให้เอาชนะตน
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 5
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/02/2013, 11:38
                          ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระบรรพจารย์  : 
หากย้อนมองส่องเห็นความคิดตนทุกขณะ กำจัดอุปสรรคทีขัดขวางจิตเจริญธรรมได้ ก็คือ ส่องเห็นขันธ์ห้าล้วนว่างเปล่า ดังนี้ จิตดีงามก็จะสำแดงชัด เข้าถึงการบำเพ็ญภายใน เหตุจากความเคยชินในอดีตชาติย้อมเข้ม แม้จะรู้วินัยบัญญัติ แต่โรคเก่าก็ยังกำเริบใหม่ จึงต้องขอขมาสำนึกแก้ไขเสมอ ขอขมากรรมสำนึก ประหนึ่งมีดคมตัดบั่นความเคยชินนั้น ศาสนาปราชญ์ จึงมีคำว่า "สำรวจตน ฟ้องร้องตน" (สิ่งเซินจื่อซ่ง) ศาสนาพุทธ ว่า "ตื่นใจรู้ตัวทุกขณะ" (ฉังเจวี๋ย) ศาสนาเต๋า ว่า "ส่องเห็นตนทุกขณะ" (ฉังเจ้า) ล้วนเป็นพระโอวาทตัดฟุ้งซ่านหั่นนิวรณ์ ความเคยชินเดิมไม้กำจัด ปฏิกูลใหม่ไม่ชำระ จิตใจใสสว่างแต่เดิมจะยิ่งถูกบดบัง ฉะนั้น ผู้บำเพ็ญผลบุยภายใน ใคร่ได้เมล็ดเนื้อในไว้เพาะพันธุ์บุญ จะต้องกำจัดของเก่า ไม่ให้สิ่งหนึ่งใดบดบัง แท้จริงสรรพสิ่งไม่อาจบดบังได้ ล้วนด้วยใจตนขาดพิจารณา ขาดการใส่ใจ จึงบดบังตน ดังนั้นทุกขณะจิตพึงพิจารณาใส่ใจตน ใจเหิมเกริมนั้น เป็นกันทั่ว ระหว่างบำเพ็ญจะเกิดความคิดลังเล สงสัย จะลำพองใจ เช่น ....แม้ข้าจะเทียบไม่ได้กับบรรพอริยะ แต่ก็ดีกว่าใคร ๆ ไม่มีสิ่งซึ่งพึงละอาย... นี่คือ ไม่สำรวมให้ลุ่มลึก คนประเภทนี้ เห็นผู้บำเพ็ญเคร่งครัดว่าคร่ำครึ เห็นผู้ปฏิบัติจริงจังว่าทรมานเกินเหตุ ไม่เหมาะกับยุคสมัยและสังคมปัจจุบัน เห็นว่าประพฤติตนเป็นคนดีก้พอแล้ว ทำไมจะต้องให้เหมือนบรมครูขงจื้อ อริยราชเจ้าเหลาจื้อ หรือเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ไม่กล้าเคร่งครัดต่อตนเองเช่นนี้ เมื่อเห็นใครด้อยกว่าก็จะพอใจ ยิ่งกว่านั้น ยังปลงอนิจจังวิจารณ์เขาเสียอีกว่า "คนเหลวไหลในโลกมากมายแท้ เรานี่สิ ที่แน่กว่าเขา" ดังนั้น เมื่อมองดูผู้อื่น ก็จะกลายเป็นจับผิด มองดูตนเองก้จะซ่อนร้ายฉายความดี (อิ่นเอ้อหยางซั่น) คนที่รู้ไม่จริงประเภทนี้มีมาก บรมครูขงจื่อจึงว่า "คนที่ดูเหมือนใช่ แต่มิใช่" (ซื่อซื่อเอ๋อเฟยเจ่อ) "สำคัญตนว่ากระจ่าง แต่แท้จริงนั้นมืด" (จื้อหมิงเอ๋อสืออั้น) พุทธะว่า เป็นบุคคลประเภท "ไม่ถึงที่สุด" (ปู๋จิ้วจิ้ง) พระอริยเจ้าพร่ำสอน พระยูไลเหนื่อยยากเทศนา ก็คือเพื่อคนเหล่านี้ บรมครูจอมปราชญ์จึงว่า "หยุดลงตรงจิตวิสุทธิ์ " (จื่ออวี๋จื้อซั่น)  พระพุทธะว่า "รู้แจ้งถึงที่สุด" จิ้วจิ้งอี้) ล้วนเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดผิดของคนเหล่านี้ อย่าละเลยตน อย่ากล่าวเท็จว่าล่วงรู้ บรมครูจอมปราชญ์กล่าวอีกว่า จง "รอบรู้ ซักถาม ตรึกคิด รู้ชัด ปฏิบัติจริง" (ป๋อเสวีย เสิ่นเวิ่น เซิ่นซือ หมิงเปื้อน ตู่สิง) ท่านจอมปราชย์เมิ่งจื่อว่า "ธัญพืชไม่สุกแก่ มิสู้เมล็ดหญ้า กรุณาธรรม ก็อยู่ที่ความสุกแก่เท่านั้น" (อู๋กู่ปู้โสว ปู้หยูถีไป้ ฝูเหยินอี้ไจ้ฮูโสวจือเอ๋ออี่)กล่าวอีกว่า "มีแก่ใจแต่ไม่ใช้ (คิดได้แต่ไม่ปฏิบัติ) จะได้แต่ทอดถอนใจ พิจารณาเสมอ จึงรู้เห็นเป็นจริงเสมอ" (โหย่วซินป๋อย้ง อิ่นเอว่ยทั่นสี) การบำเพ็ญภายนอกก็คือ "ดีต่อตน ดีแก่ท่าน" เอาใต้หล้าเป็นหน้าที่ตน โลกสุขจึงสุข  เช่นมหาปณิธานของพุทธะโพธิสัตว์ที่โปรดสงเคราะห์ฉุดช่วยด้วยเมตตา ถ้าจะพูดถึงโครงสร้างของสังคมยุคนี้ คือ การทำกุศล สวัสดิการสังคม ธำรงความเที่ยงธรรม เผยแพร่สัจธรรม ประกาศหลักธรรม เป็นต้น ศาสนาปราชญ์มีคำว่า "ความปรรถนาจงอย่ามีการบั่นทอนคุณความดี ถ้าเช่นนี้ มิจำต้องมีการสงเคราะห์" (เอวี้ยนอู๋ฟา ซั่นอู๋ซือเหลษ) ศาสนาพุทธ มีคำว่า "(ถ้าหากมี) มหากรุณาร่วมตัวตน มหาเมตตา (ก็จะ) มิพึงนำพาด้วยบุญสัมพันธ์ (ก็จะ) ให้ทานโดยไม่เจาะจง" (ถงถี่ต้าเปย อู๋เอวี้ยนต้าฉือ อู๋เซี่ยงปู้ซือ) ศาสนาเต๋ามีคำว่า "ทำความดีมิสำแดง สั่งสมคุณธรรมแฝงเสมอ" (เอว๋ยซั่นปู้จัง ฉังจีอินเต๋อ)ผู้บำเพ็ญสร้างผลบุญภายนอกด้วยทานทั้งสาม พึงจำ "อย่าเจาะจง อย่ายึดหมาย อย่าจำใจ อย่ามีตัวกู" (อู้อี้ อู้กู้ อู้ปี้ อู่หว่อ) จงเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยจิตวิสัยดีงามต่อบุญสัมพันธ์ ก็จะเข้าถึงมหากุศลพร้อมด้วยผลบุญคุณธรรม หากมิฉะนั้น บวกลบคูณหารต้องการสิ่งตอบสนอง สุดท้ายอานิสงส์จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของการเวียนว่าย

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณมหาเมตตากรุณาจากบรรพจารย์ อธิบายคุณวิเศษวิถีจิตของศาสนาต่าง ๆ ยืนยันการสร้างผลบุญชัดเจนแท้จริง ชื้ให้เห็นทางสร้างผลบุญภายนอกภายในร่วมกัน บัดนี้ ล่วงเวลามาขอบรรพจารย์ท่านได้โปรดอนุญาตพาไปชมตัวอย่างจริง สถานที่จริง เพื่อการบันทึก
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 6
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 20/02/2013, 11:22
                          ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระบรรพจารย์  : 
ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเทพกรผู้ติดตาม นำพาไปชมแต่ละห้องเถิด พระอาจารย์กับอู้เอวี๋ยนคารวะกราบลาบรรพจารย์ ตืดตามเทพกรไป ครู่หนึ่งมาถึงกำแพงใหญ่ มีเสียงจ้อกแจ้กดังผ่านออกมา

อู้เอวี๋ยน  :  เรียนถามท่านเทพกร นี่คือที่ใด ไฉนมีเสียงอึงมี่เช่นนี้

เทพกร  :  ภายในกำแพง จัดห้องรื่นใจสิบกว่าแห่ง เสียงขรมเหล่านั้นคือญาณเดิมที่มาที่นี่ เป็นเสียงดื่มกินเสพสุขสนุกสนาน ญาณเดิมที่มาถึงด่านนี้ ล้วนมีผลบุญกันมามาก เป็นได้หรือไม่ว่า ข้อห้ามในศาสนาของเขาเหล่านี้ มิพึงรักษาต่อไปแล้ว จึงเสพสุขดื่มกินกันเต็มแปร้อย่างนี้ได้

เทพกร  :  หามิได้ ห้องรื่นใจ (ซุนซินซื่อ)นี้ มีไว้ทดสอบจิตมุ่งมั่นของญาณเดิม ด้วยใจคนผันแปร พลิกคว่ำพลิกหงายไม่แน่นอน ในเมื่อชำระกายเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว แต่พอมาถึง "ห้องรื่นใจ" ยังทนความยั่วยวนจากสุรานารี ยังระงับอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นจากข้าวของเงินทองไม่ได้ ถ้าเข้าไม่ถึงภาวะ "รู้คิดตามธรรมชาติ โดยปราศจากมลทิน ถูกจูงใจแต่ไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจเป็นปกติอยู่อย่างนั้น" (ซือจือจื้อหยานอู๋เสีย อิ้วจือจื้อหยานอู่อวั้ง) ก็จะไม่อาจรู้ชัด ตัดหลง ไม่อาจเอาชนะตน ไม่อาจรักษาความเที่ยงตรงได้ ก้จะหลงเข้าค่ายกลโลกีย์ด่านี้มีศิลาจารึกใส (โทว่หมิงเปย)บันทึกความคิด การกระทำทุกอย่างเพื่อให้สำนึกผิด ถ้าไม่สำนึก จะต้องถูกคุมตัวไปรับโทษที่เจดีย์ยุคขาว(ไป๋หยางถ่า) เชิญเข้าไปดูเพื่อบันทึกไว้

อู้เอวี๋ยน  :  ข้างหน้ามี หอแดง มากมาย ภายนอกสวยงามสดุดตา แต่ละหอประดับธง มีชื่อหอบันเทิงเริงรมย์เหมือนชื่อสถานเริงรมย์ทางโลก มีเสียงหัวร่อ เสียงคะนองเพลงดังลอดออกมาไม่ขาด

เทพกร  :  อู้เอวี๋ยน เชิญท่านเดินดูได้ทุกห้อง อู้เอวี๋ยนดูห้องแรก เห็นโต๊ะเล่นพนันหลายโต๊ะ เครื่องเล่นพนันมีทุกอย่าง ญาณเดิมหลายคนลุ่มหลงในห้องนั้น หมกมุ่นอยู่กับการพนันหลายประเภท เครื่องมือการพนันบางอย่างที่ทางโลกยังไม่มี ในอากาศคลุ้งไปด้วยควันบุหรี่ ทุกคนใจจดใจจ่อ แต่ในห้องพนัน ก็ยังมีคนอีกพวกหนึ่งที่ทอดถอนใจ มองดูอย่างเฉยเมย ระอาใจ บ้างก้เข้ามาตักเตือนห้ามปรามคนเล่นพนัน ทันใด มีญาณเดิมคนหนึ่ง สีหน้าเต็มปลื้ม ถือธนบัตรปึกใหญ่เดินออกจากห้องในมาที่ประตู

อู้เอวี๋ยน  :  อาวุโสดุปลื้มมาก คงได้มาเยอะ รู้สึกอย่างไรบ้าง

อาวุโส  :  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ มิเสียแรงที่ตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลบำเพ็ญมา จึงได้สอบผ่านด่านนี้ พอผ่านการชำระกาย เปลี่ยนชุดสวมใส่ ก็ได้มาเจอสถานเริงรมย์ที่มีการพนันพร้อม เท่ากับได้ชดเชย ได้รับรางวัลที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติบำเพ็ญมา เมื่อกี้มือขึ้นได้มาไม่น้อย จะไปหาที่เล่นใหม่ ไม่เสียเวลาคุยกับท่านแล้ว
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 7
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 20/02/2013, 15:52
                          ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

อู้เอวี๋ยน  :  เฮ้อ
น่าเสียดาย บำเพ็ญมาหลายสิบปี พังทลายในวันเดียว น่าเสียดาย

ยี่สิบปีเพียรธรรมมารักษาศีลบัญญัติ
ถูกผิดรู้ชัดระมัดระวังทางตันล่อแหลม
แต่เข้าไม่ถึงซึ่งจิตตัวแท้จึงแพ้ตน
ทดสอบจึงเห็นเป็นจริงเท็จอยู่สู่สองฝั่งทาง

(เนี่ยนไจ้ซิวเต้าโส่วเจี้ยกุย        หลินเอวียนหลวี่ป๋อเปี้ยนซื่อเฟย
เอว้ยซื่อเปิ่นซินสิงเค่อจี่           อี้เจาเข่าเอี้ยนเฟินเจินเอว้ย)

เทพกร  :  สอบขัดฝืนผ่านได้ง่าย สอบราบรื่นผ่านได้ยาก คนเมื่อสมใจได้ปลื้ม จะลืมตัวตกต่ำได้ง่าย พวกเขากว่าจะผ่านด่านข้างหน้ามาได้ยากเย็น ต้องมาเสียรู้สิ่งยั่วยวนในห้องรื่นใจเสียนี่ ศิลาจารึกใส(โท่วหมิงเปย) คงเก็บภาพไว้หมดแล้ว จะออกจากด่านนี้ไปได้ยาก จึงกล่าวว่า "ผู้บำเพ็ญ การเอาชนะตนเอง เป็นสิ่งยากที่สุด" เมื่อจิตญาณยังไม่เข้าสู่ภาวะสมบูรณ์ ยังไม่ฟูฟื้นคืนภาวะเดิมที ความเคยชินไม่ดีเริงหลง ยังคงแฝงอยู่ภายใน ได้โอกาสเมื่อไร ก็จะสำแดงทันที จึงต้องรู้ "หยุด" จงอย่าได้ "พลาดเท้าไป แค้นใจชั่วกาล ันหลังอีกที ร้อยปีชีพกาย" (อี้ซือจู๋เฉิงเซียนกู่เฮิ่น   ไจ้ฮุยโถวอี๋ไป่เหนียนเซิน) ศาสนาพุทธ ว่า"ไม่กลัวความคิดเกิด กลัวแต่รู้ตัวช้า" (ปู้ฮ่วนเนี่ยนฉี่ เอว๋ยฮ่วนเจวี๋ยฉือ) ศาสนาเต๋า ว่า"อยู่กับธรรมชาติ สงบกับธรรมชาติ" (ตอบรับปกติ สงบปกติ) (ฉังอิ้งฉังจิ้ง) เป็นข้อเตือนใจของผู้บำเพ็ญ พระอาจารย์ว่า : "สามโลกสำคัญที่ใจ หมื่นธรรมสำคัญที่ญาณขันธ์" (ซันเจี้ยเอว๋ยซิน   อวั้นฝ่าเอว๋ยซื่อ) "หนึ่งความคิดเกิด ขุ่น - ใส  จม - ลอยเกิด"(อี๋เนี่ยนจือเจียน ซิงจั๋วเซิงเจี้ยง) จึงอย่าได้ไหลตามกระแส ดังนั้น ผู้บำเพ็ญเผชิญเรื่องใด ไม่อาจระวังใจ ไม่ปลงละสรรพสิ่ง ไม่อาจเข้าถึงความเป็นจริง ก็มักจะไหลตามกระแสอย่างนี้

อู้เอวี๋ยน  :  เมื่อทัศนาห้องอื่น ๆ ต่อไปความอนาถใจก็เป็นเช่นกัน อย่างเช่นในหอนางโลม หญิงงามมากมายยั่วเย้าเอาใจให้ลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มญาณเดิมที่เคยบำเพ็ญมา ใจไม่เข้มแข็งพอ จึงต่างเผยโฉมหน้าเดิม คลุกเคล้าอยู่ในหลุมพรางของสุรานารีกันเต็มที่อย่างมัวเมาไม่รู้ตัว แต่ก็มีบ้างที่นั่งสะกดใจจนเหงื่อท่วม บ้างก็อึกอัดฮึดฮัดต่อสภาพที่จำต้องเข้ามารับการทดสอบ

เทพกร  :  วิถีธรรมปรกโปรดยุคสุดท้าย โลกีย์วิสัยฝังลึก หากแรงไฟสุขุมของการบำเพ็ญไม่คงที่ จะวูบวาบไปตามสภาพดังนี้ คนอีกพวกหนึ่ง มุ่งมั่น ทุ่มเทบำเพ็ญ อยู่ ๆ บุญพาวาสนาช่วย ร่ำรวยก้องเกียรติ อย่างนี้ก็มี ที่หลงตนลืมตัว กลับไปมั่วโลกีย์ มั่วแสงสีจนต้องตกไปก็มี

อู้เอวี๋ยน  :  คิดว่าการ สอบฝืนทวน(นี่เข่า) ดีกว่า สอบราบรื่น(ซุ่นเข่า) เพราะทำให้เรารู้ตัวมากกว่า สอบฝืนทวน แม้จะต้องฝืนใจรับ แต่ได้เพิ่มความอดทน  เพิ่มประสบการณ์สร้างสรรค์ให้ สอบราบรื่น มีแต่จะทำให้หลงใหลได้ปลื้ม ลืมตัว กว่าจะตื่นใจก็สายเกินแก้เสียแล้ว
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 12 ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง ฯลฯ 8
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 23/02/2013, 07:59
                            ตอนที่ 12

                      ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
                           สอบย้อนทางสุขสมใจ
                 แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว     
                           จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว

พระอาจารย์  : 
บำเพ็ญอยู่ที่จิตสำนึกสงบ มั่นคง มีสติ มีสมาธิ ดังคำที่ว่า "ใจสงบสบาย ได้หลักธรรม" (ได้ทั้งหลักธรรม ได้ทั้งความสงบสบายใจ ไม่สะทกสะท้าน) (ซินอันหลี่เต๋อ) "ครองจิตวิสัยได้คือธรรม" (ไซว่ซิ่งจือเอว้ยเต้า) ครั้งกระโน้น พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเข่อ (เสินกวง) ขอให้พระโพธิธรรมโปรด"วาง" ใจให้ ผู้บำเพ็ญ หากไม่มีสิ่งอันละอายต่อฟ้าดิน ไม่ผิดต่อใคร ๆ ฟ้ากว้างทะเลไกล ใจเป็นอิสระเสรี ปราศจากหนี้เวรภัย เป็นไทอยู่กับความสุขที่มิพึงอาศัยสุรา นารี อบายใด ๆ ย้อมใจ จะได้ไม่ต้องตกเป็น "ทาส" สุขสมชมโลกีย์ มีความมืดอันเจ็บปวดรออยู่ปลายทาง จากนั้น ทั้งหมดพากันออกจากห้องรื่นใจ (ซุ่นซินซื่อ) มุ่งไปเจดีย์ขาว (ไป่หยางถ่า) เจดีย์องค์ใหญ่สูงหลายสิบวา ยอดเจดีย์ปักธงเหลือง ผืนธงปักอักษรสีทองตัวใหญ่ว่า"ปรกโปรดสามโลก" (ซันเฉาผู่ตู้) ธงโบกสะบัดอยู่สูงลิ่ว รอบเจดีย์มีประตูหลายช่อง กว้างช่องละวากว่า หน้าประตูมีเทวารักษาการ สวมใส่เป็นระเบียบ คาดดาบยาวอยู่กับเอว เดินยามไปมา มีป้ายแผ่นใหญ่เหนือช่องประตูว่า "เจดีย์ยุคขาว" (ไป่หยางถ่า) มีกลอนอยู่สองข้างประตู ความว่า"ปฏิรูปสามโลก บันทึกทะเบียนกรอบใหม่ เคารพอาจารย์ เทิดทูนธรรมะ เสมอต้นเสมอปลาย" (ฉงเจิ้งซันเฉาลิ่งจู้เก๋อผัน จุนซือจ้งเต้าสื่อจงหยูอี) เทวารักษาการน้อมคารวะพระอาจารย์ ทักทายอู้เอวี๋ยนแล้วพากันเข้าสู่มหาเจดีย์

อู้เอวี๋ยน  :  ภายในเจดีย์ พลังอินน่าสยองขวัญ ไม่มีแสงสว่าง มีเสียงครวญครางเบา ๆ ดังมาน่าขนพอง ภายในความมืดนั้น พอมองเห็นลาง ๆ ว่ากว้างหลายสิบวา กั้นเป็นกรงเหล็กมากมาย วิญญาณบาปที่ถูกขังอยู่ภายใน ผมเผ้ารุงรัง ฟุบหน้าคร่ำครวญ

เทพกร  :  ผู้ถูกคุมขังในนี้ ล้วนมีสถานภาพสูงส่งทางธรรมเมื่อครั้งมีชีวิต เริ่มแรกนั้นขยันอดทนต่องานธรรม สุดท้ายใฝ่ผลประโยชน์ ปิดกั้นคนดี คิด พูด ทำ ตามใจตน  หรือบ้างก็เสียหายไปกัยลาภยศ อิสตรี อวดดี ลำพอง ตั้งตัวเป็นใหญ่เฉพาะ เมื่อหักลบผลบุญผลบาปแล้ว บุญมากกว่า อีกทั้งเคยรู้แจ้งทางธรรม จึงได้ผ่านด่านต่าง ๆ ข้างหน้ามาได้ แต่มาถึงห้องรื่นใจสันดานเก่ากำเริบ จึงตกหลุมพรางการ "สอบราบรื่น"ถูกศิลาจารึกใสบันทึกไว้ อีกทั้งไม่เกิดจิตสำนึกทันที จึงถูกพระบรรพจารย์ตัดสินให้มารับทุกข์ในเจดีย์นี้  อย่างนี้ที่เรียกว่า สุขสุดยอด เศร้าสุดใจ(สุขสนุกถึงที่สุด จะเกิดโศกสลด) (เล่อจี๋เซิงเปย)

อู้เอวี๋ยน  :  เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่ทราบว่า นักธรรมชั้นผู้นำเหล่านี้ เมื่อไรจะออกจากเจดีย์ เห็นเดือนตะวันได้

เทพกร  :  ครบกำหนดโทษก็จะให้ออก แล้วกลับเข้าทดสอบที่ห้องรื่นใจอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดสอบอารมณ์ว่า "ไม่เกิดมิจฉาอารมณ์ความคิด ยั่วยวนจิตไม่ฟุ้งซ่าน" เมื่อกลับมาส่องที่ศิลาจารึกใสจะสว่างว่าง ปราศจากภาพน่าละอาย ดังนี้ ก็จะผ่านด่านไปได้

อู้เอวี๋ยน  :  ขอเรียนถาม ศิลาจารึกใส คืออย่างไร

เทพกร  :  หลักการก็เหมือนกระจกส่องเวรกรรม ในนรก (เนี่ยจิ้งไถ)มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ แต่เป็นพลังอินหยางของฟ้าดินรวมกัน จิตใจผู้บำเพ็ญมีจุดด่าง ล้วนยากจะรอดพ้นจากการบันทึก บันทึกได้ แม้กระทั่งความคิดจิตใจอันปราศจากรูปลักษณ์ร่องรอย

อู้เอวี๋ยน  :  มิน่าเล่า เสินซิ่ว (ธยานจารย์สมัยพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง)จึงกล่าวว่า
"กายคือต้นโพธิ        ใจดั่งบานกระจกใส
หมั่นเช็ดถูทุกเวลาไป   อย่าให้จับด้วยฝุ่นธุลี"

(เซินซุ่ผูถี่ซู่   ซินหยูหมิงจิ้งไถ
สือสือฉินฝูซื่อ อู้สื่อเหย่อเฉินไอ)

หวังว่าผู้บำเพ็ญทุกคน ไม่เพียงทำได้ดังนี้ ยิ่งจะต้องบรรลุความรู้แจ้งกระจ่างใส เข้าถึงภาวะที่พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง กล่าวไว้ว่า
"โพธิเดิมทีไม่มีต้น        ฝุ่นธุลีจะจับลงที่ตรงไหน"

(เปิ่นไหลอู๋อี๋อู้        เหอชู่เหย่อเฉินไอ)

พระอาจารย์  :  คืนนี้ ขอบคุณท่านเทพกรนำชม หมดเวลาแล้วมิอาจอยู่ยั้ง  ช่วยขอบพระคุณพระบรรพจารย์อย่างสูง เราขอลากลับ

เทพกร  :  มิกล้ารั้งท่าน น้อมส่ง...

อู้เอวี๋ยน  :  กราบลา ขอบพระคุณท่านเทพกร

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยน ขึ้นฐานบัว หลับตา ไป ถึงตำหนักพระ อู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่าง เหนื่อยยากแก่ขุนพลพิทักษ์ธรรมคุ้มครองตำหนักพระเรากลับ 
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 13 อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม ฯลฯ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 26/02/2013, 11:47
                          ตอนที่ 13

                           อาภรณ์ม่วงฟ้า
                    แปรได้มาจากแปดคุณธรรม
                        พลังหยางสมบูรณ์งาม
                          เบ่งบานเป็นดอกบัว

@  หลิง
ญาณศักดิ์สิทธิ์ จิตบรรพต อยู่ไม่ไกล กลับใจได้ก้าวขึ้น
  อิ่น แฝงเร้น ปิดบังฝืน กวาดสิ้นไป สว่างใส ได้จากตน
  จี้ สงเคราะห์ช่วย ด้วยใจจริง ไม่มีสิ่ง ยึดหมายผล
  เตียน ล้มลุกกล่น คนทั่วไป ที่เหลือไว้ ศุกลพราว

(หลิงซันปู้เอวี่ยนหุยโส่วเติง   อิ่นปี้เส่าจิ้นจื้อหมิงหมิง
จี้เฉินจือซินอู๋จื๋อจู้             เตียนเต่าอวั้นเอวี๋ยนตู๋ชิงชิง)

                                                                         เราคือ
เทียนหยาน อาจารย์เจ้า              บรรพพุทธา
กระจ่างจิต อิสระไท                 ได้รับบัญชาจาก
ฟ้าเบื้องบ ลงสู่บูรพาแดน   แสดงความบททองอีกครั้ง
เมื่อย่างเข้าสู่พุทธตำหนัก            กราบคารวะ
อนุตตรพระบัลลังก์         ยกพู่กัน จำนรรจ์เขียน

        ธรรมอริยะ ขงจื่อ เมิ่งจื่อ ถ่ายทอดหลักไตรรัตน์วิถีจิตเดิมแท้ ยุคขาวประกาศเผยแพร่ มหากรุณาฯ บรรพจารย์ทั่วโลก ร่วมสนานเอกภาพครั้งใหญ่ วิถึธรรมยุคท้ายได้มาถึง ใจคนดื้อดึง บูชาหลงสิ่งงมงายไม่รู้ความ สัจธรรมขาดการถ่ายทอด เอาแต่สิ่งลวงหลอกล่อจูง ธรรมจักรวาลวุ่นวาย เจ้าถือ "เทียนมิ่ง" ไว้ ไม่เปิดไขกลับปิดประตู ผู้บำเพ็ญแม้ศรัทธา แต่นัยน์ตาปัญญายังไม่พร้อม ถูกสอบถูกเคี่ยวต้ม ทุกข์ระทมน่าสงสาร จึงหวังหนังสือเล่มนี้ เสร็จสมบูรณ์ที่เร็ววัน แพร่หลายกันทั่วหล้า เพื่อช่วยเปิดวิเศษทวารา ช่วยประคองรักษาธรรมจักรวาล
                                                                            ไฮ ไฮ
@วิถีอนุตตรธรรม แยบยลลึกล้ำ สืบสานเรื่อยมา
หลักจิตศรัทธา ไม่ห่างหายจาก ไปจากใจงาม
สามอริยกษัตริย์ ห้าอริยมหาราช แห่งจีนโบราณ
อาศัยความแยบยลดังว่า ปรกรักษ์ปวงประชา พาใจได้เที่ยงตรง

(เทียนเต้าเสวียนเอ้าไต้ไต้ฉวน   เจินหลี่ปู้หลีเหลียงซินเอวี๋ยน
ซันหวงอู่ตั้ปิ๋งฉือเมี่ยว             อันจื้อเหยินซื่อเต๋อเจิ้งตวน)

@  อริยกษัตริย์เหวิน - อู่ กับเจ้าปู่โจวกง
สูงส่งด้วยเอกะ       ธรรมปฏิเวธ
จอมปราชญ์ขงจื่อ - เมิ่งจื่อ สัมฤทธิ์คุมจิต เข้าถึงดวงธรรม
ตถาคตเจ้านำ เวียนธรรมจักร พรักพร้อมมหาปิฏก
ชูดอกไม้เป็นนัย ไม่กล่าววาจา หาเอ่ยได้ไม่

(เหวินอู่โจวกงเต้าอี๋ก้วน     ข่งเมิ่งจี๋เฉิงไซว่ซิ่งตัน
ซื่อจุนฝ่าหลุนต้าจั้งหมั่น     เหนี่ยนฮวาเอว๋ยเซี่ยวปู้เข่อเอี๋ยน)
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 13 อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม ฯลฯ 2
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 27/02/2013, 16:31
                         ตอนที่ 13

                           อาภรณ์ม่วงฟ้า
                    แปรได้มาจากแปดคุณธรรม
                        พลังหยางสมบูรณ์งาม
                          เบ่งบานเป็นดอกบัว

@
พงศาบรรพจารย์ สืบสานยี่สิบแปดสมัย ครบชุดชมภูประเทศฐาน พระโพธิธรรมปฐมธรรมาจารย์ ผันนำกลับมาแผ่นดินจีน ด้วยคัมภีร์ไร้อักษร ใครฤาแจ้งใจ "ฮุ่ยเข่อ" (เสินกวง) รับไว้ด้วยญาณวิปัสนา

(เอ้อปาจู่ซือซีฟังเฉวียน        ผูถีชูจู่ตงถู่หวน
อู่จื้อเจินจิงเสยเหยินเจวี๋ย       ฮุ่ยเข่ออิ้นซินไจ้อีอัน)

@ ฮุ่ยเหนิงว่า        จิตแท้จริง        ปราศจากสิ่งใด
หมั่นเช็ดถูไป                   เสินซิ่วท่าน      ว่าเช่นนั้น
ใจคือพุทธะ                    มหายาน         ท่านขานไข
จะบรรลุเฉพาะตน              เป็นอรหันต์      ได้อย่างไร 
(จะต้องบรรลุตนบรรลุท่าน ฉุดช่วยไปด้วยกัน)

(เปิ่นอู่อี๋อู้ฮุ่ยเหนิงเจวี๋ย        ฉินอี่ฝูซื่อเสินซิ่วเซวียน
จี๋ซินซื่อฝอเซิงต้าเฉิง          ฉีเข่อตู๋ซั่นจั้วหลัวฮั่น)

@ ญาณโปร่งใส        ในธรรมธาตุ        จักรวาล
อิสระ                             ไม่อาจประมาณ    ทุกแห่งหน
ไม่รู้จิตญาณตน                   ป่วยการค้น        พุทธธรรม
ใคร่รู้หนึ่งนำ                       พึงเร่งหา          ประตูญาณ

(ซิ่งจุนฝ่าเจี้ยไท่ชวีชวน          อู๋สั่วปู๋ไจ้ซุ่นถู่กวน
ปู๋ซื่อจื้อซินเสวียอวั้นฝ่า          อึ้ฝูซื่อซู่สวินเสวียนกวน)

@ วิเศษทวาร        บรรพจารย์           ท่านรู้แจ้ง
หนึ่งนิ้วชี้                       ทันที                 มิเคลือบแคลง
มิพึงแสวง                      พลันพ้นหาก         จากทางหลง
แต่โบราณ                     ทางธรรมใหญ่        ไม่เผยง่าย
ต้องอาศัย                     พุทธสัมพันธ์          ผันสี่ยาก*

(เสวียนกวนเปิ่นซื่อจู่เซี่ยวฉู่        อี้จื่อต้าเจวี๋ยชูเมี่ยวฝัน
จื้อกู่ต้าเต้าโหย่วเฟ่ยอิ่น            ซื่อหนันเอวี้ยนผ้อเค่าฝอเอวี๋ยน)

หมายเหตุ : สี่ยาก (ซื่อหนัน)  
ยากที่จะเกิดในใจกลางโลก (ดินแดนอริยธรรมเก่าแก่)
ยากนักจักได้เกิดกายเป็นคน
ยากนักจักประสบบุญวาระวิถีอนุตตรธรรมปรกโปรด
ยากนักจักประสบบุญวาระได้กราบพระวิสุทธิอาจารย์
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 13 อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม ฯลฯ 3
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 1/03/2013, 11:29
                        ตอนที่ 13

                           อาภรณ์ม่วงฟ้า
                    แปรได้มาจากแปดคุณธรรม
                        พลังหยางสมบูรณ์งาม
                          เบ่งบานเป็นดอกบัว

@
บัดนี้        เบิกดิถี        ฟ้าปรกให้
ในครัวเรือน         รับได้          ต่างยินดี
ธรรมวิถี             กาลสุดท้าย   ให้ปราชญ์สนองรับ
เก็บหมื่นศาสน์      ให้มุษยธรรม  งามครบครัน

(หยูจินต้าไคผู่ตู้เทียน            เต้าเจี้ยงหั่วไจ๋เหยินเหยินฮวน
ม่อฝ่าหยูจงไหลอิ้งอวิ้น          ผิงโซวอวั้นเจี้ยวเหยินเต้าเฉวียน)

@ วิสุทธิอาจารย์        ชี้หลักญาณ        แยบยลให้
คุมจิตเป็นธรรม                   รู้ตื่นนำ             เบิกบานใจ
สามฐานนำเบญจธรรม แปดเที่ยงตรง*               จงรักษา
สิบอกุศล*                      ละทิ้งสิ้น             เรียนถวิลอริยเมธา

(ซิ่งหลี่เสวียนเมี่ยวหมิงซือจื่อ          ไซว่ซิ่งเอว้ยเต้าเหลียงเจวี๋ยควน
ซันกังอู่ฉังปาเจิ้งโส่ว                    สือเอ้อเจียชี่เสวียเซิ่งเสียน)

@ ทุกศาสนา        หลักธรรมงาม        ด้วยหนึ่งกลม
อย่าเที่ยวข่ม                  แยกแบ่งแจง         แข่งกล่าวขาน
รับลัญจกร                    ร่วมยินดี              ที่พบพาน
ร่วมช่วยกัน                   ธรรมกาล             งานเบื้องบน

(เก้อเจี้ยวเจินหลี่เปิ่นอี้เอวี่ยน            ม่อเข่อเฟินเปี๋ยฮู่เจิงกัน
เอ๋อหว่อเหอถงซิ่งเซียงฮุ่ย               ก้งถงหนู่ลี่จู้เทียนผัน)

@ ธรรมกาลนี้        เบิกแพร่ธรรม        งามทุกที่
ฉุดช่วยคน                      ยืนอีกที             ที่ล้มหาย
อนุตตรพระโองการฯ           วิสุทธิอาจารย์        ดำรงได้   
ธำรงชูสัทธรรมไว้              ปฏิรูปใหม่            ธรรมกาล

(ชู่ชู่ไคหวงป๋าหลี่ฮว่า                   อ่วนจิ้วจี้เต่าเจิ้งเหยินหวน
สือปาหมิงซือเที้ยนมิ่งไจ้               เอว๋ยฮู่เจิ้งฝ่าเจิ่งเทียนผัน
                                                                               ฮา ฮา
บัดนี้ ได้เวลาบันทึกหนังสือ จะไม่กล่าวต่อไป

หมายเหตุ  :
แปดเที่ยงตรง  (ปาเจิ้ง)

เห็นชอบ  ดำริชอบ  วาจาชอบ  ทำการชอบ  เลี้ยงชีพชอบ  เพียรชอบ  ระลึกชอบ  ตั้งมั่นชอบ

สิบอกุศล หรือ อกุศลกรรมบถสิบ (สือเอ้อ)
กายกรรมสาม  ได้แก่ ฆ่าสัตว์  ลักขโมย  ประพฤติผิดในกาม
วจีกรรมสี่       ได้แก่ พูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดหยาบคาย  พูดเพ้อเจ้อ
มโนกรรม       ได้แก่ โลภ โกรธ หลง

     อู้เอวี๋ยนสงบใจ รบกวนขุนพลพิทักษ์ธรรม พิทักษ์ตำหนักพระ เราจะออกเดินทาง จบคำ ฐานบัวก็ลอยขึ้นแหวกอากาศไป ชั่วพริบตา ล่วงข้ามด่านจื่อหยาง และด่านเหอหยาง ผ่านจิ่วหยางกวน ตำหนักเจิ้นหยาง มาถึงตำหนักหนึ่ง ฐานบัวจึงค่อย ๆ ลดระดับลง จากนั้น ศิษย์กับอาจารย์พากันมุ่งสู่ประตูตำหนักอันใหญ่โตโอฬาร สวยงามเลิศหรูด้วยลักษณะเดียวกันกับตำหนักเจิ้นหยาง มีป้ายใหญ่เหนือประตูอักษรว่า "ตำหนักจื่อหยาง" (จื่อหยางเตี้ยน) ลายเส้นอักษรแกร่งคม สะท้อนแสงทองระยับ มีกลอนคู่อยู่สองข้างประตู ความว่า
"อาภรณ์ม่วงฟ้า  แปรได้มาจากแปดคุณธรรม
พลังหยางสมบูรณ์งาม เบ่งบานเป็นดอกบัว"
(จื่ออีเอวี๋ยนไหลปาเต๋อฮว่า  หยางชี่เอวี๋ยนหมั่นเจี๋ยเหลียนฮวา)

     ขณะที่อู้เอวี๋ยนทัศนา ภายในตำหนักมีเทวมาตย์ห้าหกท่านออกมาต้อนรับ เสียงกลองระฆังดังขึ้นพร้อมกัน พระอาจารย์กับเหล่าเทวมาตย์ต่างทักทายอู้เอวี๋ยนคารวะ

เทวมาตย์  :  เจ้าตำหนักเรียนเชิญท่านทั้งสอง

พระอาจารย์  :  รบกวนนำหน้า ...ผ่านสวนดอกไม้ภายใน บุปผชาติหลากหลาย เสียงนกร้องกังวาลใส ทำให้ใจเบิกบาน  ...ข้างหน้าบรรพจารย์เทียนเหยิน กำลังลงบันไดหน้ามาต้อนรับ
หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3 ตอนที่ 13 อาภรณ์ม่วงฟ้า แปรได้มาจากแปดคุณธรรม ฯลฯ 4
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 2/03/2013, 01:45
                        ตอนที่ 13

                           อาภรณ์ม่วงฟ้า
                    แปรได้มาจากแปดคุณธรรม
                        พลังหยางสมบูรณ์งาม
                          เบ่งบานเป็นดอกบัว

พระบรรพจารย์  :
พุทธะท่านกับศิษย์พร้อมกันมาเยือน มิได้ต้อนรับแต่ไกล โปรดอภัยอย่างยิ่ง

พระอาจารย์  : ไฉนบรรพจารย์ท่านจึงกล่าวเช่นนี้ ท่านยุ่งอยู่กับงาน ไม่สบายใจที่มารบกวน ข้าพเจ้าอาจารย์กับศิษย์ สนองพระโองการมา ขอท่านให้ความสะดวก

พระบรรพจารย์  : มิกล้า ๆ ท่านเทิดทูนเทียนมิ่ง จาริกทุกเขตฟ้า มิห่วงว่าเหนื่อยยาก บันทึกหนังสือปรับแปรคนให้ใจตรงเพื่อระงับพิบัติภัย ปฏิรูปธรรมจักรวาล ทุกเขตฟ้าจะต้องยินดีด้วยอยู่แล้ว

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์กราบคารวะพระบรรพจารย์ ขอจงทรงอริยสำราญ

พระบรรพจารย์  : มิต้องจริยา รีบลุกขึ้นมา เราเข้าสู่ภายในค่อยสนทนา เมื่อเข้าสู่ภายใน ประทับแล้วนั่งตามลำดับแล้ว เซียนผู้รับรอง ทูนน้ำชา ผลไม้ทิพย์ออกมา น้ำชาทิพย์มีสีเขียวหยก หอมติดจมูก ผลไม้ทิพย์ก็วิเศษนัก

พระบรรพจารย์  : ทั้งสองท่านเหนื่อยากกับทางไกล เชิญรับน้ำชาและผลไม้เถิด

พระอาจารย์  : ขอบพระทัยท่านห่วงใย คืนนี้มารบกวน ขอท่านได้โปรดแนะนำหน้าที่การงานของตำหนักนี้ เพื่อการบันทึกข้อมูลด้วย

พระบรรพจารย์  : เมื่อญาณเดิมผ่านการยืนยัน ผ่านการอบรมจนมาถึงด่านนี้ เรียกได้ว่า เคี่ยวเกือบได้ที่แล้ว การบำเพ็ญอนุตตรธรรมนั้น จะต้องเริ่มจากมนุษยธรรม มนุษญะรรมงามพร้อม อนุตตรธรรมย่อมสำเร็จได้ เป็นหลักธรรมเที่ยงแท้แน่นอน กตัญญู พี่น้องปรองดอง ซื่อตรงจงรักฯ ถือความสัตย์ จริยธรรม มโนธรรมสำนึก สุจริต ละอายต่อบาป คุณธรรมแปด คุณสัมพันธ์ของคนพึงมี เป็นรากฐานของการทำตัววางตนในโลก การสร้างกุศลคุณความดีของผู้บำเพ็ญทุกรูปแบบ ไม่พ้นจากคุณธรรมแปดนี้ ทำตามคุณธรรมแปด จึงจะเข้าถึงวิสุทธิธรรมเช่น ท่านอดีตจอมทัพงักฮุยเอวี้ยอู่มู่ เป็นยอดของจงรักภักดี อริยกษัตริย์ซุ่น ยอดกตัญญู  กวนอริยมหาราชเจ้า (กวนเซิ้งตี้จวิน) ยอดมโนธรรมแบบอย่างของคุณธรรม สำแดงคุณได้เพียบพร้อมสมบูรณ์ระบือนามเป็นที่เคารพชั่วกาลนาน ตำหนักนี้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณธรรมแปด (ปาเต๋อ) เพื่อส่งไปยังตำหนักจิ่วหยาง (จิ่วหยางเตี้ยน) ลงทะเบียนเป็นเซียน จากนั้น ส่งต่อไปเสวยสถานภาพยังแดนวิสุทธิ์ที่เหมาะสมตามลำดับ

อู้เอวี๋ยน  : กราบเรียนถามพระบรรพจารย์ ชาวโลกมักพูดถึงคุณธรรมแปด แต่จะปฏิบัติได้สมบูรณ์นั้นมันไม่ง่าย มิทราบว่าจะบำเพ็ญเช่นไร

พระบรรพจารย์  : หากหนึ่งข้อของคุณธรรมบรรลุขั้นสูงสุดได้ คุณธรรมข้ออื่น ๆ ก็จะสูงส่งสมบูรณ์ตามไป เอาหนึ่งคุณธรรมเป็นหลัก คุณธรรมข้ออื่น ๆ จะเอื้อคุณหนุนนำร่วมกันสำเร็จ

อู้เอวี๋ยน  :
ขอบพระทัยพระบรรพจารย์ท่าน ศิษย์เข้าใจแล้ว คุณธรรมแปดเอื้อคุณหนุนเนื่องกัน ดังนั้น ประมุขบ้านเมืองก่อนกาล จึงเลือกสรรค์ขุนนางจงรักฯ จากความเป็นลูกกตัญญู ขาดสัจจะ มโนธรรม สุจริต จะเป็นพวกไม่รู้ละอาย ศิษย์กราบเรียนถามอีกหน่อยขอรับ...

พระบรรพจารย์  : อู้เอวี๋ยน มิต้องเกรงใจ ว่ามา