นักธรรม

ห้องสมุด "นักธรรม" => หนังสือ => ข้อความที่เริ่มโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 22/03/2012, 21:36

หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 22/03/2012, 21:36
     
    ISBN :
คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยว
สารเทวนาคราช
.

ผู้เขียน 
กลุ่มน้ำใจ, น้ำเต้า แปลและเรียบเรียง

ขนาดรูปเล่ม
A5

จำนวน
xxx หน้า

ชนิดกระดาษ
กระดาษปอนด์ ขาว

จัดทำโดย
สำนักพิพม์เมตตาธรรม

ออกแบบโดย
โครงการส่งเสริมการผลิตและแลกเปลี่ยนหนังสือธรรมะ
น้ำเต้า(แบบปก)

พิมพ์ที่
-

เดือน/ปีที่พิมพ์ 
พิมพ์ครั้งที่ 1 / ธันวาคม  2540

ราคา 
xxx บาท

สนใจติดต่อ 
พุทธสถานฉินเสียน     
คุณศิริทิพย์  (หยังจิงหลี่)
163 ซอยลาดพร้าว 81 ถนนลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ กทม. 10310
โทร : 02-539-8517, 539-8684, 539-8788

พุทธสถานเทียนจง
18/54 - 55  ซอยล้อมสมบูรณ์ ถนนรัชดาภิเษก-บุคคโลตัดใหม่ แขวงบุคคโล  เขตธนบุรี  กทม. 10600
โทร : 02-476-5934, 476 - 8586

พุทธสถานฉินเสียน
เลขที่  163  ลาดพร้าว 81 ถ. ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตบางกะปิ  กทม.
โทร  02-539-8517, 539-8684, 539-8788
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : จริงหรือ ?.
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 22/03/2012, 21:58
จริงหรือ ?.

        เรื่องการทอดจิตท่องนรกสวรรค์เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในนรกหรือบนสวรรค์ บางอย่างไม่มีบนโลกมนุษย์ ความแตกต่างของเวลาก็ต่างกัน ข้าวของเครื่องใช้ก็ต่างกัน บนโลกมุษย์เป็นแบบหนึ่ง ส่วนนรกสวรรค์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง บางครั้งสร้างความสับสนจนก่อให้เกิดความรู้สึกว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง เป็นการพรรณาปรุงแต่งขึ้น ถ้าลองพิจารณาดูว่าแม้แต่คนเราที่อยู่บนโลกใบนี้เพียงอยู่กันคนละซีก ก็มีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ข้างของเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตก็แตกต่างกัน ตามแต่ลักษณะสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ  ภูมิของนรกสวรรค์ก็เช่นกัน การเป็นอยู่จึงเป็นไปตามลักษณะเฉพาะของภพนั้น ๆ

        เรื่องราวที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่นักธรรมรุ่นอาวุโส คุณสวี ผู้มีประสบการณ์เฉพาะตนเริ่มมีมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ จนกระทั่งมีโอกาสรับรู้เรื่องราวของสารคำขอ  หลงเทียนเปี่ยว  เมื่อคุณสวีได้เข้าใจความสำคัญของสารคำขอ หลงเทียนเปี่ยว  จึงออกเสาะแสวงหาจนพบ ถึงวันนี้ท่านได้ศึกษาบำเพ็ญ จนเป็นแบบอย่างของผู้บำเพ็ญดีอีกท่านหนึ่ง รายละเอียดและความเป็นมา มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้

        หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประจักษ์หลักฐานและเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับกราบรับรู้วิถีอนุตตรธรรมแล้วควรอย่างบิ่งที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อจะได้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปของกาลเวลาและความสำคัญของชีวิต รู้ถึงความหมายที่แท้จริงในการเกิดมาได้ร่างเป็นคน จะได้พบทางที่ดีสามารถพาตนพ้นจากแรงกรรม พ้นเวียนว่ายตายเกิด

คณะผู้จัดทำ                 
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ชีวิตวัยเด็ก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 31/03/2012, 11:31
ชีวิตวัยเด็ก

        ตอนที่เป็นเด็กเล็ก ๆ คุณสวีอาศัยอยู่ที่ เจียอี้ ครอบครัวมีฐานะยากจน  อีกทั้งตอนเป็นเด็กสุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง เอาแต่ร้องไห้งอแงไม่ยอมดื่มนมดื่นน้ำข้าวแทนนม สร้างความไม่สบายใจให้กับพ่อแม่ เพราะเกรงว่าคุณสวีจะมีชีวิตไม่ยืนยาว จึงตัดสินใจส่งไปอยู่กับคุณป้า ซึ่งคุณป้าของคุณสวีเป็นคนถือศีลกินเจอยู่ในโรงเจมานานหลายปี ประกอบกับคุณป้าไม่มีลูกจึงได้รับเอาคุณสวีมาเลี้ยงดู และให้การเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเปรียบดั่งลูกของตน เวลาล่วงเลยไป 8 ปีคุณสวีโตขึ้นถึงเกณฑ์ที่จะต้องเข้าโรงเรียน พ่อแม่จึงมารับกลับบ้านเพื่อเข้าโรงเรียนเหมือนเด็กทั่วไป ถึงแม้คุณสวีจะอายุ 8 ขวบแล้วแต่ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสายังสมบูรณ์มาก ไม่เคยขอเงินพ่อแม่ไปซื้อขนมกินแบบเด็กทั่วไป

        ในวัยเด็ก เมื่อครั้งหนึ่งคุณสวีไม่สบาย คุณแม่ได้พาคุณสวีไปหาหมอที่โรงพยาบาลเหยินเต๋อ ภายในโรงพยาบาลมีเจ้าหน้าที่และคนป่วยเดินไปมามากมาย คุณแม่พาคุณสวีมาถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จัดให้นั่งรถเข็ญและพาเข้าไปหาหมอ เมื่อคุณหมอตรวจแล้วจะฉีดยาให้ ตอนนั้น เมื่อคุณสวีเห็นการเตรียมขั้นตอยการฉีดยา มีทั้งขวดยาและโดยเฉพาะเข็มฉีดยา ซึ่งเป็นธรรมดาของเด็ก ๆ เมื่อเห็นเข็มฉีดยาก็ต้องกลัวและร้องไห้เสียงดัง เมื่อคุณแม่รับยาที่จะนำไปทานที่บ้านเรียบร้อยแล้วจึงพาคุณสวีกลับบ้าน ในระหว่างที่จะกลับบ้าน คุณสวีได้มองเห็นบางสิ่งที่ปรากฏขึ้นในทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นแสงรุ้ง เกิดขึ้นบนท้องฟ้า มีเทพฮก ลก ซิ่ว ยืนอยู่ตรงกลางข้าง ๆ มีกุมารนอยอิ๋งเป่าในมือถือพัดใบลานอันใหญ่ ๆ โบกพัดไปมาช้า ๆ

คุณสวี     :  ในใจคิด สมัยก่อนดูการแสดงงิ้วที่เขาแสดงกันบนเวที วันนี้กลับเห็นงิ้วที่แสดงบนท้องฟ้าช่างเก่งเสียจริง ๆ

        เมื่อเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ในเวลานั้นเหมือนมีกลิ่นหอมโชยมาจนรู้สึกได้ มีกลิ่นหอมที่บรรยายไม่ถูก ขณะเดียวกันนั้นเทพทั้งสามองค์ก็ได้ลอยมาอยู่ตรงหน้าคุณสวี คุณสวีได้แต่จ้องหน้าเทพทั้งสามองค์ ซึ่งท่านก็จ้องดูคุณสวี ก้ไม่รู้ความหมายแต่อย่างไร ได้แต่จ้องมองดูเท่านั้น สุดท้ายสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็ค่อย ๆ เลื่อนไกลออกไปจนลับหาย คงเหลือแต่กลิ่นหอมที่ยังโชยอยู่ สร้างความรู้สึกเบาสบายให้คุณสวีมากขึ้น  เมื่อคุณแม่พาคุณสวีกลับถึงบ้าน คุณสวีรีบกระโดดลงจากรถจนคุณแม่ตกใจ

คุณแม่     :  เธอยังไม่ค่อยสบายนะ
คุณสวี     :  เมื่อสักครู่คุณแม่เห็นหรือเปล่า มีคนแก่สามคนเล่นงิ้วอยู่บนท้องฟ้าเก่งมากเลย
คุณแม่     :  แม่ไม่เห็นมีอะไรเลย เพียงแต่ได้กลิ่นอะไรหอม ๆ โชยมาเท่านั้นอย่างอื่นนั้นแม่ไม่เห็นอะไรเลย
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : การตายคืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 1/04/2012, 08:41
การตายคืออะไร

        ในเทศกาลเช้งเม้งวันไหว้บรรพบุรุษ เป็นครั้งแรกที่คุณพ่อได้พาคุณสวีไปกราบไหว้บรรพชน ณ สุสานเมืองเจียอี้ หลันจี๋ ในวันน้นมีคนมากมายพากันมาไหว้บรรพชนของตนที่นำมาฝังไว้ในสุสาน  ทั่วบริเวณสุสานเต็มไปด้วยป้ายหินสลักมีชื่อของผู้ตายจารึกอยู่ ทุกแผ่นปักอยู่บนเนินดิน บ้างก็มีคนกำลังตัดหญ้าขึ้นสูง บ้างก็ปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณป้ายชื่อนั้น บ้างก็จัดอาหารคาวหวาน กระดาษเงินและเสื้อผ้ากระดาษกราบไหว้ป้ายชื่อเหล่านั้น

คุณสวี   :  คุณพ่อครับ ทำไมที่นี่ถึงเป็นอย่างนี้
คุณพ่อ   :  ที่นี่เป็นที่ฝังคนที่ตายไปแล้ว
คุณสวี   :  คนตายเป็นอย่างไรหรือครับ
คุณพ่อ   :  คนเราเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยหรืออายุมากขึ้นก็ต้องตาย เมื่อตายแล้วก็ต้องเอามาฝังที่นี่
คุณสวี   :  คนเราทุกคนต้องตายอย่างนั้นหรือ
คุณพ่อ   :  ใช่สิ
คุณสวี   :  แล้วทำไมผมยังไม่ตาย
คุณพ่อ   :  ลูกยังไม่แก่ ยังไม่ป่วย ยังแข็งแรงจึงยังไม่ตาย
คุณสวี   :  แล้วคุณพ่อคุณแม่ และพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนต่างต้องตายกันหมดหรือเปล่า
คุณพ่อ   :  เมื่อมีเกิดก็ต้องมีตาย วันนี้พาลูกมาไหว้คุณย่า ท่านตายและมาฝังที่นี่ 8 ปีแล้ว หลายปีที่ผ่านมาพ่อมาไหว้ท่านคนเดียว วันนี้เป็นครั้งแรกที่พ่อไม่ได้มาคนเดียว พาลูกมาไหว้ด้วย
คุณสวี   :  วันนี้อากาศร้อนจริง ๆ อย่างนี้คนที่อยู้ใต้ดินไม่รู้สึกร้อนบ้างหรือ
คุณพ่อ   :  คนที่ตายแล้วจะไม่รู้สึกร้อนแล้ว
คุณสวี   :  พวกเขาตายแล้วคนในบ้านไม่รู้สึกเสียใจบ้างหรือ
คุณพ่อ   :  เสียใจสิ
คุณสวี   :  เมื่อคนในบ้าน พ่อแม่ สมาชิกในครอบครัวตายลง คนอื่น ๆ ในครอบครัวก็ไม่มีความสุขอย่างพร้อมหน้ากันสิ
คุณพ่อ   :  แน่นอน ทุกคนเสียใจ ที่ไม่อาจจะเจอหน้ากันอีก

        ตอนนั้นคุณสวีมีความคิดว่า ถ้าคุณสวีตายไป คุณพ่อคงจะเสียใจแน่ ทำไมคนจะต้องตาย ทำไมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หหรือ  ในขณะที่คุณพ่อกำลังพาคุณสวีเข้าไปในบริเวณสุสาน คุณสวีไม่กล้าเข้าไป เพราะดินที่เหยียบลงไปนั้น ทำให้รู้สึกคัน ๆ แล้วยังรู้สึกว่าถ้าเราเหยียบลงไป คนตายที่อยู่ข้างล่างจะไส้ทะลักออกมา เพราะเหตุนี้คุณสวีจึงไม่กล้าเดินตามคุณพ่อเข้าไปในบริเวณสุสาน

คุณสวี   :  คุณพ่อครับ ผมจะรักษาร่างกายให้แข็งแรงตลอดเวลา

        ในใจตอนนั้นคุณสวีมีความคิดว่า "เมื่อเราโตแล้วจะเอาเครื่องมือมาขุดคนตายขึ้นมา และจะถามพวกเขาว่าทำไมถึงตาย  และจะให้พวกเขากลับไปบ้านไปอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าอย่างมีความสุข"  ความรู้สึกในใจของคุณสวีตอนนี้มีแต่ความโศกเศ้า เพราะไม่รู้ว่าความตายคืออะไร ตั้งแต่กลับจากสุสานครั้งนั้นมีความคิดว่า คนเราต่างต้องผ่านความตาย จนทำให้คุณสวีไม่กล้าออกไปข้างนอก และมีอาการเศร้าซึมจนคุณแม่สังเกตเห็นได้ชัด

คุณแม่   :  ลูกแแม่ ปกติเจ้าชอบออกไปวิ่งเล่นข้างนอก แต่ทำไมหมู่นี้แม่ไม่เห็นเจ้าออกไปวิ่งเล่นเหมือนดังก่อนเลย
คุณสวี   :  ผมกลัวว่าเมื่อออกไปวิ่งเล่นข้างนอกแล้วไม่ระวังให้ดีอาจจะต้องตาย

        ในใจของคุณสวีตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม คิดแต่ปัญหาของการเกิดตาย ปัญหานี้ฝังอยู่ในจิตใจของคุณสวีตลอดมาโดยหาคำตอบใด ๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ยิ่งทำให้อาการเศร้าซึมของคุณสวีทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : เริ่มถอดจิต
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 3/04/2012, 09:37
เริ่มถอดจิต

        ค่ำคืนนี้ คุณสวีนอนหลับอยู่บนที่นอนพลันก็รู้สึกเหมือนตนเองนั้นลุกขึ้น แต่การลุกขึ้นมานี้ คุณสวีกลับกลายมีร่างกายเป็นเด็ก เมื่อหันกลับไปดูบนที่นอนก็เห็นว่าตนเองยังนอนอยู่ บนที่นอนนั้น

คุณสวี   :  หรือว่าเราตายแล้ว

        สิ้นความคิด คุณสวีรีบกุลีกุจอกลับเข้าร่างตนเองที่นอนอยู่บนที่นอน ค่ำคืนหนึ่ง คุณสวีมีความรู้สึกว่า ได้ออกจากร่างไป แต่ครั้งนี้ได้เดินออกมาข้างนอกเห็นคนมากมาย  บางคนถือหัวเดิน  บางคนอุ้มขาเดิน  บางคนอุ้มแขนเดิน  ต่างคนต่างเดินไปมาไม่มีใครสนใจใคร จนกระทั้งคุณสวีเดินมาหยุดอยู่หน้าศาลเจ้าหลักเมืองประจำเมืองเจียอี้ บริเวณในศาลมีเทพมากมายตรงกลางมีเจ้าหลักเมืองซึ่งถือเป็นประธานของศาลนี้ รายรอบข้างมีเทพมากมายทั้งเจ้าชายโกเมน มีทั้งทหาร ยมบาลที่เฝ้าอยู่แดนมนุษย์ จากการที่ตอนเล็ก ๆ คุณสวีได้อาศัยอยู่ในโรงเจ กับคุณป้าจึงมีความคุ้ยเคยกับเทพเจ้าต่าง ๆ จึงรีบคุกเข่าลงหวังจะกราบแสดงความเคารพด้วยอาการนอบน้อม พลันก็มีเสียงดังกังวานขึ้นว่า "บารมีธรรมและบุญกุศลของท่านใหญ่ยิ่งนักเรามิอาจรับการคารวะจากท่านได้"  คุณสวีเมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น  ฉับพลันนั้นเทพทุกองค์ในศาลต่างลุกขึ้นยืน ทหารยมบาลทั้งสองฝากก็ลุกขึ้นยืนทำให้โซ่ตรวนที่อยู่ในมือของท่าน ดังกระทบกัน  ในใจของคุณสวีเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นจับขั้วหัวใจ  ขาทั้งสองข้างหมดเรี่ยวแรง เข่าอ่อนทรุดลงทันที จากนั้นรีบคลานออกมาด้วยความกลัว ด้านหลังของคุณสวีมีเทพทั้งหลายเดินตามมาอีก  ภายนอกประตูใหญ่ปรากฏเทพ 2 พระองค์ องค์หนึ่งหน้าดำหนวดเครารุงรังในมือถือแส้เป็นท่อน ๆ  อีกองค์หนึ่งสีทองในมือถือดาบเดินมาข้างหน้าคุณสวี เมื่อคุณสวีมองดูอีกที เห็นเท้าของท่านใหญ่มากจึงนึกในใจ "ถ้าเหยียบลงมามีหวังแบนแน่ ๆ" ตอนนี้ขาคุณสวีหมดแรงที่จะคลานไปไหนได้ เมื่อเทพทั้ง 2 พระองค์เดินมาถึงหน้าของคุณสวีต่างก็แสดงความเคารพ ในใจคุณสวีตอนนี้มีแต่ความกลัวจึงรีบคลานออกไป เมื่อคลานออกมาจากที่นั่นแล้วก็ตกใจตื่นปรากฏว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอน

        พอรุ่งเช้า คุณสวีเดินไปตามทางที่เดินเมื่อคืน เดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นศาลเจ้าหลักเมืองจริง ๆ เมื่อก้าวเข้าไปในศาลก็เห็นเทพทั้ง 2 พระองค์เป็นภาพวาดใหญ่อยู่บนประตูบานใหญ่ เหมือนอย่างที่เห็นเมื่อคืน เดินเลยเข้าไปภายในศาลเจ้าเห็นรูปปั้นมากมาย คุณสวีเตรียมจะทำความเคารพแต่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ปรากฏขึ้น

        คุณสวี   :  เทพเหล่านี้บอกว่า บารมีธรรมและบุญกุศลเราใหญ่ ท่านมิอาจรับการคารวะได้ อย่ากระนั้นเลยเราไหว้ท่านมือเดียวก็แล้วกัน ด้วยความคิดแบบเด็ก คุณสวีจึงยกมือขึ้นข้างเดียวแล้วทำความเคารพแทนการพนมมือพร้อมกันสองข้าง หลังจากนั้นคุณสวีเดินเลยเข้าไปด้านหลัง ได้พบรูปปั้นพระอรหันต์ทั้ง  18  องค์  ประดิษฐานอยู่เรียงราย เมื่อคุณสวีพิจารณาพระอรหันต์ทั้ง 18 องค์ ในใจก็เกิดความคิดว่า "ถ้าเราขึ้นไปยืนแทนที่ก็คงจะดี"  สิ้นความคิด คุณสวีก็เห็นพระอรหันต์องค์หนึ่งหัวเราะ พอมองดูอีกทีก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น รูปลักษณ์ของพระอรหันต์องค์นั้นอยู่ในปางสมาธิ เมื่อคุณสวีกลับถึงบ้าน จึงหัดท่านั้งแบบพระอรหันต์องค์นั้น 
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ท่องนรก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 14/04/2012, 06:43
ท่องนรก

        กลางดึกคืนหนึ่ง คุณสวีมีความรู้สึกว่าจิตได้ออกจากร่างเดิมไปไกล จนมาถึงที่แห่งหนึ่งด้านหน้ามีสะพานบริเณนั้นมืดมาก พอก้มลงมองแม่น้ำนั้นก็ดำมืดไปหมด แม้จะยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือตัวเอง สะพานนี้มีสภาพทรุดโทรมมาก  ในใจคุณสวีตอนนี้ได้แต่คิดว่าจะข้ามไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นมีพระองค์หนึ่งใส่ชุดจีวรมือถือไม้เท้าใหญ่ ๆ พระองค์นั้นก็คือ  พระโพธิสัตว์ครรภ์ธรณีตี้จั้งอ๋วงกู่ฝอ  พระองค์มิได้ตรัสแม้แต่คำเดียวเพียงแต่เอามือชี้ไปที่สะ
พาน คุณสวีจึงตัดสินใจเดินข้ามสะพานไปอย่างช้า ๆ ครั้นคุณสวีหันกลับมามองด้านหลังก็มองไม่เห็นพระองค์แล้ว  เมื่อคุณสวีข้ามสะพานแล้ว เดินไปได้ไม่นานก็เห็นท้องนากว้างใหญ่ ในท้องนานั้นมีทางเดินเล็ก ๆ คุณสวีจึงเดินไปตามทางนั้น โดยไม่รู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งมองเห็นธารน้ำแห่งหนึ่ง บริเวณนั้นเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอยู่ เพราะความที่คุณสวีไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใดจึงเดินเข้าไปถามคุณลุงคนหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น

คุณสวี   :  คุณลุงครับที่นี่ที่ไหนกันครับ
คุณลุง   :  แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร พลังหยางความสว่างในตัวของเจ้ามีมาก
คุณสวี   :  ข้าพเจ้าไม่รู้และไม่เข้าใจ แล้วที่นี่ที่ไหนกันละครับ
คุณลุง   :  ที่นี่เป็นทางสามแพร่ง ดินแดนแห่งพลังอิน โลกแห่งวิญญาณ
       
         ตอนนั้นเบื้องหน้าของคุณสวีมีกำแพงเมืองและประตูบานใหญ่ บนโลกมนุษย์ในช่วงเดือนเจ็ดเป็นเทศกาลสารทที่พวกวิญญาณจะได้รับการปล่อยออกมารับส่วนบุญ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าขณะนี้คุณสวีเห็นวิญญาณมากมายเดินไปมาเข้าออก ไม่ใช่เดือนเจ็ดเท่านั้นเสียแล้ว ที่นี่เขาเปิดให้เข้าออกทุกวันเลย  เมื่อคุณสวีเห็นเช่นนั้น จึงเดินผ่านประตูเข้าไป คุณสวีมองเห็นวิญญาณมากมาย  วิญญาณหัววัว  วิญญาณหัวม้า  บ้างก็ถูกโซ่ตรวนล่ามไว้ เดินไปมา  บ้างก็แบกโซ่ตรวน  บ้างก็มือถูกล็อคไว้  โดยมีเจ้าหน้าที่เดินคุมอยู่ด้านหลัง ในมือผู้คุมมีอาวุธสามง่ามหรือไม่ก็ไม้ตะบองคอยทิ่มแทง หรือตีวิญญาณเหล่านั้น  บ้างก็ถูกสุนัขไล่กัด ให้เข้าไป  บ้างก็ถูกวัวขวิด  บ้างก็เดินเข้าไปเฉย ๆ  บ้างก็มีคานหามแบกพาเข้าไป  ในใจคุณสวีคิดว่า เมื่อคนเข้าไปได้เขาก็น่าจะเข้าไปได้เชนกัน พลันก็มีเสียงจากเจ้าหน้าที่ดังขึ้น

เจ้าหน้าที่   :  ท่านจะไปไหน
คุณสวี       :  ข้าพเจ้าจะเข้าไปข้างใน
เจ้าหน้าที่   :  ท่านเข้าไปไม่ได้ ในตัวท่านเต็มไปด้วยพลังหยางความสว่าง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร ที่นี่ประตูเมืองผีไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ท่านเข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้อีก

        ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ก็มีชายคนหนึ่งแต่งกายเหมือนผู้พิพากษา ในมือถือพู่กันสีแดงและสมุดเล่มใหญ่เดินตรงเข้ามา แล้วกล่าวกับคุณสวี

ผู้พิพากษา   :  ท่านแซกุง  ข้าได้รับคำสั่งจากท่านพญายมทั้งสิบขุมมาเชิญท่าน
คุณสวี        :  ข้าพเจ้าแซ่เจ้า  มิใช่แซ่กุง

        ด้วยความไม่เข้าใจและกำลังสับสน เมื่อได้รับการเชื้อเชิญจึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี คุณสวีจึงเดินตามผู้พิพากษาไป ระหว่างที่เดินไปนั้น คุณสวีสังเกตเห็นวิญญาณที่เดินมาจะมาหยุดที่ด่าน จากนั้นทุกคนจะได้รับการแจกป้ายสีต่าง ๆ กัน บางคนได้สีแดง  เมื่อได้รับป้ายไปแล้วในตัวคน ๆ นั้นจะมีประกายสีแดงไปทั้งตัว  ใครที่ได้สีเหลืองก็จะมีประกายสีเหลือง  ใครได้สีดำ ก็จะมีสีดำทั้งตัว

        พวกที่ได้ป้ายสีดำ  ต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่คนเหล่านี้ทำแต่สิ่งไม่ดี จิตใจแข็งกระด้าง
        พวกที่ได้ป้ายสีแดง  ต่างมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เพราะตอนมีชีวิตอยู่คนเหล่านี้ทำแต่บุญกุศล จิตใจมีเมตตา
        พวกที่ได้ป้ายสีเหลือง  ต่างเป็นผู้ที่ได้บำเพ็ญธรรมมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น

        อาคารที่คนมีป้ายสีเหลืองได้พักอาศัยอยู่นั้น จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธะมาเมตตาบรรยายธรรมอยู่เสมอ อยากฟังธรรมบทไหน ก็จะได้ฟังธรรมบทนั้น  ถัดไปมีคนกลุ่มหนึ่งบนศรีษะมีจุดเหมือนหยดน้ำขาว ๆ

คุณสวี        :  พวกนั้นสีไหนกัน แปลกกว่าพวกอื่น
ผู้พิพากษา   :  กลุ่มคนเหล่านั้น ตอนมีชีวิตอยู่มีโอกาสได้รับวิถีธรรมจากอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม แต่ไม่ได้ศึกษาบำเพ็ญปฏิบัติอย่างจริงจัง ไม่มีบุญกุศล แต่ไม่ได้ทำผิดบาปหนัก  ฉะนั้นพลังแห่งชีวิตดวงธรรมญาณจึงไม่สามารถรวมตัวกันได้ จึงกลายเป็นหยดน้ำเป็นจุด ๆ ไม่มีแสงรัศมี
คุณสวี       :  เมื่อพวกเขาไม่มีผิดบาปแล้วทำไมต้องลงมาที่นี่ด้วยล่ะ
ผู้พิพากษา   :  พวกเขามาที่นี่โดยไม่ต้องผ่านนรกทั้งสิบขุม แต่ตรงไปยังหอธรรม เพื่อรอฟังการบรรยายธรรมจากพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์โดยตรง   
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ฉุดช่วยวิญญาณ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 16/04/2012, 10:11
ฉุดช่วยวิญญาณ

        จากนั้นคุณสวีได้เดินทางมาถึงด่านแห่งหนึ่ง ข้างหน้าเป็นเหวลึก อีกข้างหนึ่งเป็นไหล่เขา มีช่องทางเดินแค่สองคนเดินสวนได้ซึ่งดูแคบมาก คุณสวีก็เดินไปตามทางกับผู้พิพากษาจนกระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น

วิญญาณผี   :  ช่วยด้วย ๆ ๆ ๆ

        เมื่อเสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้นคุณสวีจึงหันไปมองดู ปรากฏว่าเบื้องหน้าเป็นลานกว้างมีวิญญาณผีมากมาย และมีเจ้าหน้าที่ถือไม้สามง่ามคอยทำโทษวิญญาณที่ถูกงูทองเหลือง  สุนัขปากเหล็กไล่กัดเหล่านั้น วิญญาณที่ถูกสุนัขปากเหล็กกัดหรืองูทองเหลืองฉก ต่างก็ส่งเสียงร้องโหยหวนแสดงถึงความเจ็บปวดเป็นที่สุด ภาพที่ปรากฏสุดจะเวทนายิ่งนัก

ผู้พิพากษา   :  ท่านแซกุง ที่นี่เป็นด่านสุนัขปากเหล็กและงูทองเหลือง  ขณะที่ท่านผู้พิพากษากำลังชี้แจงให้คุณสวีเข้าใจถึงสถานที่อยู่ มีวิญญาณกลุ่มใหญ่ต่างกำลังวิ่งรุดกันเข้ามา

วิญญาณผี   :  ช่วยด้วย ๆ ช่วยด้วย ๆ

คุณสวี   :  ท่านผู้พิพากษา ทางที่เรายืนอยู่ก็แคบ พวกเขากำลังวิ่งมาทางนี้ แล้วเขาจะเบียดเราตกลงไปในเหวไหม ทันใดวิญญาณเหล่านั้นต่างวิ่งมาหยุดต่อหน้าคุณสวี

ผู้พิพากษา   :  พวกเจ้าทำผิผดแล้วยังไม่สำนึก ยังกล้าหนีออกมาอีก รู้ไหมมีโทษสถานใด

วิญญาณผี   :  ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย

คุณสวี   :  พวกคุณทำไมต้องร้องให้พวกเราช่วยด้วย

วิญญาณผี   :  ถ้าพวกเราถูกจับไปครั้งนี้จะไม่ใช่แต่โทษเก่าเท่านั้น แต่จะต้องรับโทษเพิ่มขึ้นอีก จะต้องรับการทรมานด้วยการตัดสินถูกควั่นหัวใจและอื่น ๆ ซึ่งล้วนแต่เจ็บปวดและทรมานทั้งสิ้น ท่านต้องช่วยพวกเราด้วย

คุณสวี   :  ข้าพเจ้ายังช่วยตัวเองไม่ได้เลย แล้วจะช่วยพวกท่านได้อย่างไรล่ะ

ผู้พิพากษา   :  เรียนท่านแซกุง  วิญญาณผีเหล่านี้ตอนมีชีวิตอยู่ไม่รู้จักประพฤติตนเป็นคนดี เอาแต่สร้างกรรมชั่ว บ้างก็ค้าประเวณี  บ้างก็เปิดบ่อนการพนันบ้างก็ปล้นจี้ฆ่าคนอื่น  พวกเขาจึงต้องรับกรรมที่เคยได้ทำไว้ แต่วันนี้ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงได้ใจกล้าวิ่งหนีออกมา ถ้าถูกจับได้ครั้งนี้จะต้องรับโทษสถานหนัก 

        เมื่อคุณสวีได้ยินเช่นนั้นในใจเกดิความคิดว่า ครั้งเมื่อยังเป็นเด็กได้ตามคุณพ่อไปไหว้คุณย่าที่สุสาน ความคิดตอนนั้นตั้งใจที่จะขุดคนตายขึ้นมา เพื่อให้เขาเหล่านั้นกลับไปอยู่กับครอบครัว เวลานี้คนตายเหล่านั้นคุกเข่าขอความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้าแล้ว ทันใดนั้นคุณสวีจึงตัดสินใจกระโดดลงไปในเหวที่มีสุนัขปากเหล็กและงูทองเหลือง คุณสวีหวังจะได้รับโทษแทนวิญญาณเหล่านั้น แต่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น พลันมีดอกบัวสีขาวดอกใหญ่บานขึ้นมาปิดปากเหวไว้ ทำให้คุณสวีไม่ตกลงไปก้นเหว แต่กลับค้างอยู่ในดอกบัว วิญญาณเหล่านั้นเมื่อเห็นต่างรีบกระโดดตามลงไปในดอกบัวสีขาวดอกใหญ่ จากนั้นก็เกิดเสียงดังมากแล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ แต่วิญญาณเหล่านั้นได้หายไปพร้อมกับดอกบัวสีขาวดอกใหญ่เสียแล้ว

เจ้าหน้าที่   :  แย่แล้ว

ผู้พิพากษา   :  วิญญาณเหล่านั้นหนีไปเกิดหมดแล้ว

คุณสวี   :  ท่านจับข้าพเจ้าโยนลงไปแทนวิญญาณเหล่านั้นก็แล้วกัน

        เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ผู้พิพากษาจึงพาคุณสวีไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ณ ที่นั้น คุณสวีได้พบกับพวกพยายมฉิน ก่วง ฮ๋วง ท่านกำลังพิจารณาคดีของวิญญาณตนหนึ่งอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปรายงานเรื่องวิญญาณผีได้หนีไปเกิดให้ทราบ ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งกำลังจับวิญญาณผีตนหนึ่งโยนลงไปบนพื้น ก่อนหน้านั้นบนพื้นว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย แม่เมื่อโยนวิญญาณลงไปกลับมีกระทะทองแดงใบหใญ่ปรากฏขึ้น วิญญาณผีที่ถูกโยนลงไปได้รับความทุกข์ทรมานร้องเสียงโหยหวนแล้วก็ไหม้เกรียมในที่สุด  ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง มีคำสั่งให้หยุดการพิจารณาคดีไว้ก่อน แล้วหันมาถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  ตั้งแต่อดีตไม่เคยปรากฏเหตุการณ์วิญญาณผีหนีออกไปจากขุมนรกได้ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น

ผู้พิพากษา   :  เรียนท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง  วันนี้ประหลาดนัก พวกวิญญาณเหล่านนั้นล้วนใจกล้า หนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แล้วไปขอให้ท่านแซกุงช่วย แต่คิดไม่ถึงพอท่านแซกุงกระโดดลงไปในขุมนรก ปรากฏมีดอกบัวดอกใหญ่มารองรับท่าน พวกวิญญาณผีได้โอกาสจึงรีบกระโดดตามลงไป จากนั้นทุกอย่างก็อันตรธานหายไปหมด

คุณสวี   :  ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ว่าเมื่อตอนยังเล็กอยู่ ข้าพเจ้าเคยตั้งใจไว้ว่าจะช่วยให้คนที่ตายแล้วกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็กไม่สามารถทำได้ วันนี้เห็นวิญญาณเหล่านั้นต่างคุกเข่าขอความช่วยเหลือ ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าโอกาสนี้จะทำให้ความตั้งใจของข้าพเจ้าเป็นจริงได้ จึงกระโดดลงไปหวังจะรับโทษแทนวิญญาณผีเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  นี่อาจจะเป็นบัญชาของฟ้า เอาล่ะ แล้วเราจะรายงานต่อท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ทันที  ท่านแซกุงเชิญท่านนั่งรอสักครู่  ขณะนั้น ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง เรียกยมทูตมาสั่งงาน

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  เจ้าทั้งสองรีบไปยังโลกมนุษย์ ขณะนี้จะมีวิญญาณมากจากโลกมนุษย์ให้รีบไปรับมา เดี๋ยวจะเลยเวลา

คุณสวี   :  ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง  ขอข้าพเจ้าตามไปด้วยจะได้ไหม

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  เราอนุญาต
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : บทสวดหมีเล่อเจินจิง
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 17/04/2012, 06:43
บทสวดหมีเล่อเจินจิง

        เมื่อคุณสวีได้รับอนุญาตจากท่านฉินก่วงฮ๋วง ได้ติดตามยมทูตขาว - ดำ  ออกมารับวิญญาณคนตาย ในเวลานั้นยมทูตทั้งสองได้เดินทางมาถึงเมืองไถจง เป็นเวลาประมาณทุ่มเศษ ๆ คุณสวีมองไปเห็นชาวบ้านบริเวณนั้นนั่งสนทนากันอยู่ สักพักหนึ่งชาวบ้านต่างได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังกระทบกัน จึงต่างแยกย้ายกลับเข้าไปในบ้านของตน  ยมทูตขาว - ดำ ได้มายืนอยู่หน้ากระต๊อบหลังหนึ่ง ทั้งสองท่านยืนอยู่นานจนกระทั่งคุณสวีรู้สึกอึดอัด คุณสวีจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูภายในบ้าน เห็นคนแก่ท่านหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ข้าง ๆ เตียงนั้นมีลูกชายอยู่ด้วย เขากำลังสวดมนต์ให้คนแก่ท่านนั้นฟัง ท่านยมทูตทั้งสองยืนนิ่งไม่ไหวติง

ยมทูตขาว   :  ทำไมท่านไม่เข้าไปรับวิญญาณล่ะ

ยมทูตดำ   :  ชายหนุ่มคนนั้นกำลังสวดมนต์ บทหมี เล่อ เจิน จิง  อยู่และท่านดูบนศรีษะของหนุ่มคนนั้นสิ มีแสงรัศมีปรากฏอยู่ ท่าน ฉิน ก่วง ฮ๋วง เคยกำชับไว้ว่าคนสวดมนต์แสดงว่าเป็นคนบุญ โดยเฉพาะผู้ที่บนศรีษะมีแสงรัศมี แสดงว่าเขาได้รับถ่ายทอดวิถีธรรมจากอาจารย์ถ่ายทอดธรรมแล้ว เรารอให้เขาสวดมนต์เสร็จก่อน แล้วเราค่อยเอาวิญญาณไป

        ท่านยมทูตทั้งสองต่างยืนรอจนกระทั่งลูกชายของหญิงชราท่านนั้นสวดมนต์จบ แต่ก็เลยเวลาที่จะรับวิญญาณไปแล้ว จึงไม่สามารถรับวิญญาณกลับไปได้ ท่านทั้งสองจึงเดินทางกลับโดยที่ไม่มีวิญญาณกลับไปด้วย

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  ทำไมไม่นำวิญญาณกลับมา

ยมทูตทั้งสอง   :  เรียนท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง เราทั้งสองได้ทำหน้าที่ไปรับวิญญาณของผู้ตายกลับมา แต่ลูกชายของผู้ตายกำลังสวดมนต์บทหมี เล่อ เจิน จิงผู้น้อยจึงเฝ้ายืนรออยู่ภายนอกจนกระทั่งเลยเวลารับวิญญาณ จึงไม่สามารถรับวิญญาณกลับมาได้ อีกทั้งบนศรีษะของชายผู้นั้นมีแสงรัศมี ผู้น้อยจึงไม่กล้าผลีผลามนำวิญญาณนั้นกลับมา เกรงจะผิดกฏเบื้องบนขอรับ

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  ถ้าเป็นเช่นนั้น พรุ่งนี้เจ้าทั้งสองไปรับวิญญาณนั้นมาก็แล้วกัน

ยมทูตทั้งสอง   :  น้อมรับคำบัญชา

        สาเหตุจากเมื่อวานนี้ ที่ชาวบ้านได้ยินเสียงโซ่ตรวนกระทบกันเสียงดังมาก จึงทำให้ชาวบ้านละแวกนั้น รู้สึกว่าคุณยายคงจะอาการน่าเป็นห่วงเมื่อถึงเวลาเย็นชาวบ้านละแวกนั้นต่างมีรวมตัวกันที่บ้านของคุณยาย ลูกชายของคุณยายเองก็คิดเหมือนกันว่าแม่กำลังป่วยหนัก เกรงว่าอาจจะไม่พ้นคืนนี้ไปได้  เมื่อยมทูตทั้งสองมาถึงก็ได้แต่ยืนมองหน้าประตู ไม่กล้าจะทำสิ่งใด เพราะลูกชายของคุณยายกำลังสวดมนต์บทหมี เล่อ เจิน จิง  จนกระทั่งเวลาในการรับวิญญาณได้ล่วงเลยไป  จึงกลับไปยมโลกโดยไม่สามารถนำวิญญาณกลับไปได้อีก
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : บทสวดหมีเล่อเจินจิง
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 17/04/2012, 07:11
บทสวดหมีเล่อเจินจิง

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  เจ้าทั้งสองได้นำวิญญาณกลับมาด้วยหรือเปล่า

ยมทูตทั้งสอง   :  ไม่สามารถนำกลับมาได้ขอรับ เพราะลูกชายของคุณยายคนนั้นกำลังสวดมนต์บทหมี เล่อ เจิน จิง ขอรับ คำตอบที่ท่านยมทูตกราบทูลต่อท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง สร้างความสงสัยให้คุณสวีไม่น้อย

คุณสวี   :  เหตุใดคนที่สวดมนต์บทหมี เล่อ เจิน จิง หรือ คนที่บนศรีษะมีแสงรัศมี จึงไม่สามารถนำวิญญาณกลับมาได้ล่ะครับ

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  เป็นเพราะบนโลกมนุษย์มีการถ่ายทอดวิถีธรรม คนที่ได้รับถ่ายทอดวิถีธรรม ชื่อของเขาเหล่านั้นได้ถูดคัดออกจากบัญชีเกิดตายในยมโลก อีกทั้งยังถวายชื่อขึ้นไปบันทึกไว้  ณ เบื้องบน

        เมื่อได้ยินคำตอบของท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง คุณสวีก็ยังไม่ปักใจเชื่อจึงขอกับท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง ตามยมทูตทั้งสองไปดูการรับวิญญาณอีกครั้ง เป็นครั้งที่สาม  อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมท่านที่ดูแลญาติธรรมอยู่ที่เมืองไถจง เกิดสงสัยว่าทำไมญาติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งเคยมาสถานธรรมบ่อย ๆ แต่หมู่นี้กลับไม่ค่อยเห็นหน้า จึงถามข่าวคราวจากญาติธรรมคนอื่น ๆ จนรู้ว่าคุณแม่ของเขาป่วยหนัก มิหนำซ้ำชาวบ้านละแวกนั้น ต่างได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังกระทบบ่อย ๆ อาจเป็นได้ที่เขากลัวคุณแม่เสียชีวิตจึงมิกล้าออกห่างคุณแม่ อาจารย์ถ่ายทอดธรรมคิดได้เช่นนั้น และพาญาติธรรมจำนวนมากพร้อมกับคนละแวกนั้น เพื่อไปพูดธรรมะในบ้านของญาติธรรมชายคนนั้น

        คืนนี้เป็นครั้งที่สาม ที่ยมทูตทั้งสองเดินทางมาเพื่อจะมารับวิญญาณของคุณยายท่านนี้ แต่คืนนี้ยมทูตทั้งสองต้องยืนห่างจากบ้านออกไปไกลกว่าวันก่อนถึงร้อยเมตร เพราะในบ้านขณะนั้นเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญ แสงของทุกคนรวมกันแล้วเจิดจ้ามาก เมื่อเลยเวลาจึงต้องกลับไปมือเปล่าอีก  พอข้ามคืนไป อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมได้นำพาคุณยายไปรับวิถีธรรมที่พุทธสถาน แต่ยมทูตทั้งสองยังมิทราบเรื่องจึงมาขอรับคำบัญชาในคืนที่สี่ เพื่อที่จะไปรับวิญญาณ

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปรับวิญญาณคุณยายท่านนั้นแล้ว เพราะเขาได้รับวิถีธรรมแล้วชื่อของเขาได้ถอนจากบัญชีเกิดตายในยมโลกและได้ไปจดบันทึกไว้ ณ เบื้องบนเป็นที่เรียบร้อย

        ถึงเวลานี้ คุณสวีเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมจากอาจารย์ถ่ายทอดธรรม แล้วสามารถถอนชื่อจากบัญชีเกิดตายในยมโลกได้
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : หลงเทียนเปี่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 18/04/2012, 11:17
หลงเทียนเปี่ยว

        ในคืนหนึ่ง คุณสวีได้ถอดจิตไปยมโลกและได้พบกับเหตุการณ์สำคัญเข้า ขณะนั้นท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง กำลังพิจารณาคดีอยู่ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากด่านตรีเทพพิทักษ์เสด็จมายังยมโลก ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง รีบพักการพิจารณาคดีไว้ก่อน แล้วรีบออกมาทำการต้อนรับในทันที ในมือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากด่านตรีเทพพิทักษ์มีสารคำขอหลงเทียนเปี่ยว จากนั้นอักษรที่เขียนในสารคำขอก็ถูกอ่านให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ
       
         สารคำขอหลงเทียนเปี่ยวที่เห็นบนโลกมนุษย์ในพุทธสถานเวลาที่มีการถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรม ดูแล้วจะมีขนาดเท่ากระดาษสมุดหนึ่งแผ่น แต่สารคำขอที่ได้รับการถวายขึ้นไปบนด่านตรีเทพพิทักษ์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ประมาณขนาดเท่าห้องหลาย ๆ ห้องรวมกัน ด้วยขนาดที่ใหญ่ เวลาที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เชิญสารคำขอของหลงเทียนเปี่ยวลงไปยังยมโลก วิญญาณต่างมองเห็นทั่วไปหมด
       
         ทันทีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากด่านตรีเทพพิทักษ์ อ่านสารคำขอหลงเทียวเปี่ยวจบลง ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง มีคำบัญชาให้นำสมุดบัญชีชื่อเกิด - ตาย พร้อมกันนั้นได้ทำการถอนรายชื่อที่มีระบุอยู่ในสารคำขอหลงเทียนเปี่ยวออกจากบัญชีเกิด - ตาย  ลักษณะของบัญชีเกิด - ตาย ในยมโลกทำขึ้นด้วยไม่ไผ่มีขนาดสูงใหญ่เท่าภูเขา

        คุณสวีเกิดความสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง

คุณสวี   :  เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :  รอสักครู่ ขอลบชื่อเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะอธิบายให้ได้เข้าใจ  ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง กำลังสาระวนอยู่กับการถอนชื่อออก พร้อมกันนั้นก็มีบัญชา
   
ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง   :   วิญญาณที่เป็นบรรพชนขอผู้ที่มีรายชื่อจากสารคำขอหลงเทียนเปี่ยว ให้พักการลงโทษตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยกเว้นพวกที่เคยสร้างบาปหนัก  ฆ่าคนวางเพลิง  วิญญาณเหล่านี้มีบาปหนัก ไม่อาจอาศัยบุญกุศลในครั้งนี้ได้  เบื้องหน้าท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง ชั่วขณะนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณบรรพชนของผู้ที่ได้รับวิถีธรรม

ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง  :  ขอแสดงความยินดีด้วย บัดนี้ลูกหลานของพวกเจ้า ได้รับวิถีธรรมแล้ว มีชื่ออยู่ในสารคำขอที่ส่งมาจากด่านตรีเทพพิทักษ์ พวกเจ้าจะได้รับการพักโทษ ให้นำดอกบัวที่แจกให้นี้ไปขอฟังธรรมกับพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ที่หอฟังธรรม ได้โอกาสดีเช่นนี้เป็นเพราะพระอนุตตรธรรมมารดาทรงเมตตา ให้มีการโปรดทั้งสามภพ   เบื้องบนโปรดเทพเทวา   เบื้องล่างโปรดวิญญาณผี   เบื้องกลางโปรดคนบุญ  ขอแสดงความยินดีอีกครั้งที่ลูกหลานของพวกเจ้าได้รับวิถีธรรม มีลูกหลานดีก็จะได้อาศัยใบบุญอย่างนี้ล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าไปเฝ้าพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ได้แล้ว
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : หอฟังธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 19/04/2012, 07:19
หอฟังธรรม

        หอแสดงธรรมของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์นั้นก้างใหญ่มาก และยังมีการแบ่งเป็นสามระดับ

        ระดับต้น   คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าไปฟังธรรมคือ มีลูกหลานได้รับวิถีธรรมแล้ว ชื่อจารึกอยู่ในสารคำขอ วิญญาณยบรรพชนที่ได้รับการพักโทษจากกรณีนี้จะมามาฟังธรรม ซึ่งบรรยายโดยพระโธิสัตว์กษิติครรภ์ แต่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
        ระดับกลาง   เมื่อลูกหลานได้รับวิถีธรรมแล้ว ตั้งใจศึกษาบำเพ็ญหนึ่งปีหรือครึ่งปี วิญญาณบรรพชนจึงได้เลื่อนมาอยู่ระดับกลาง
        ระดับสูง      เมื่อลูกหลานรับวิถีธรรมแล้ว ศึกษาจนเข้าใจปฏิบัติถือศีลกินเจ งดเว้นการทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต และเปิดพุทธสถานเป็นผู้ดูแลพุทธสถาน  วิญญาณบรรพชนก็จะได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับบน จะได้ฟังพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์บรรยายธรรมอยู่เป็นประจำ

        ในบริเวณหอฟังธรรมพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ คุณสวีได้เห็นวิญญาณกลุ่มหนึ่งนั่งก้มหน้าก้มตา สร้างความประหลาดใจยิ่งนัก ด้วยความสงสัย คุณสวีจึงเอ่ยถามวิญญาณเหล่านั้น

คุณสวี   :  พวกคุณมีโอกาสมาอยู่ที่นี่ สมควรที่จะดีใจมิใช่หรือ ทำไมถึงได้ก้มหน้าก้มตา สีหน้าเศร้าซึมอย่างนั้น

วิญญาณ   :  พวกเราล้วนดีใจที่มาอยู่ที่นี่ เพราะลูกหลานได้รับวิถีธรรม แต่ว่าลูกหลานที่ได้รับวิถีธรรมแล้วบำเพ็ญได้ไม่กี่ปีก็มีอันล้มเลิก ไม่บำเพ็ญจริง นี่คือสาเหตุที่เราเศร้าใจ

คุณสวี   :  ทำไมพวกคุณไม่ไปเข้าฝันลูกหลานล่ะ

วิญญาณ   :  การเข้าฝันแต่ละครั้ง จำจะต้องอาศัยบูยกุศลอย่างมาก เป็นการแลกกับโอกาสในการให้ลูกหลานฝันเห็นแต่กลับไม่เชื่อไม่สนใจ มิเท่ากับสูญเสียบุญกุศลโดยเปล่าประโยชน์หรือ และที่สำคัญพวกเราไม่มีโอกาสจะสร้างบุญกุศลด้วยตนเองแล้ว จะเสี่ยงก็กลัวผิดหวัง

คุณสวี   :  ถ้าเช่นนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ข้าพเจ้าจะนำไปบอกกล่าวให้คนบนโลกมนุษย์ได้ทราบ 
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ตามหาหลงเทียนเปี่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 19/04/2012, 08:14
ตามหาหลงเทียนเปี่ยว

        หลายปีผ่านมา  คุณสวีมีโอกาสเห็นเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในยมโลกมากมาย แม้กระทั่งการถอนชื่อจากบัญชีเกิดตาย ของผู้ที่มีชื่อปรากฏในสารคำขอหลงเทียนเปี่ยว ในใจของคุณสวีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาสารคำขอกับการรับวิถีธรรม  ท่านฉิน ก่วง ฮ๋วง ก็ไม่เคยอธิบายให้ชัดเจนถึงลักษณะของผู้ที่จะสามารถถ่ายทอดวิถีธรรมให้คุณสวีได้ทราบ คุณสวีจึงคิดเอาเองว่า บุคคลที่จะถ่ายทอดวิถีธรรมได้จะต้องมีบารมีแกร่งกล้า คงจะเป็นผู้ที่ออกบวชเป็นพระ
สงฆ์ ที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้คุณสวีจึงได้ออกตามหาสถานที่ถ่ายทอดวิถีธรรมทั่วเมืองเจียอี้  แต่กลับผิดหวัง หลายแห่งที่คุณสวีไปไม่มีผู้จะถ่ายทอดวิธีธรรมให้ได้

        ด้วยความพยายามคุณสวีออกค้นหาจากเมืองเจียอี้ จนออกไปถึงเมืองก่วงจื่อหลิ่ง จนผ่านเซียนเฉ่าผู จนกระทั่งถึงวัดเต้าเซียน เมื่อถึงวัดคุณสวีสอบถามพระในวัดว่าที่นี่มีเต๋าหรือเปล่า จึงเกิดความสับสนเรื่องภาษาขึ้น เพราะภาษาไต้หวัน คำว่าข้าวเปลือกก็ออกเสียงว่าเต๋า เหมือนกัน จึงต้องเสียเวลาอธิบายอยู่พักใหญ่

คุณสวี   :  เต๋า ที่ข้าพเจ้าหมายถึงก็คือ วิถีธรรมที่จะสามารถถอนชื่อข้าพเจ้าจากบัญชีเกิด - ตาย ในยมโลก แล้วไปบันทึกไว้บนสวรรค์  ด้วยความตั้งใจที่จะค้นหาผู้ที่จะถ่ายทอดวิถีธรรม คุณสวีใช้ความพยายามที่จะอธิบายให้พระลูกวัดได้เข้าใจ แต่ผลปรากฏว่า พระภิกษุเหล่านั้นล้วนไม่เข้าใจที่คุณสวีกำลังตามหา กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนค่ำ พระภิกษุที่อยู่บนวัดเกรงว่าเดินทางลงเขาในเวลามืดค่ำจะไม่สะดวก จึงพยายามชักชวนให้คุณสวีค้างคืนบนเขา รอจนสว่างแล้วค่อยลงเขา คุณสวีตอบขอบคุณในความเมตตาของพระภิกษุเหล่านั้น พร้อมกับกล่าวขึ้นว่า

คุณสวี   :  เทพภูเขาแห่งนี้คงคุ้มครองข้าพเจ้า ให้เดินทางกลับได้โดยปลอดภัย 

        เมื่อคุณสวีกล่าวลาพระภิกษุแล้ว ก็เดินทางลงจากเขาทันทีโดยมิรอให้รุ่งเช้า และเป็นจริงดังที่คุณสวีพูดไว้ ระหว่างที่เดินทางลงเขา ตามทางที่เดินมีแสงสว่างตลอดทางเหมือนแสงพระอาทิตย์อัสดง แท้ที่จริงแสงนั้นคงเกิดจากเทพภูเขาดูแลอำนวยความสะดวกให้คุณสวีเดินทางลงเขาด้วยความปลอดภัย เมื่อคุณสวีเดินลงมาถึงเมืองกวงจื่อหลิง แสงนั้นก็หายไป
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : หมอเทวดา
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/05/2012, 09:04
หมอเทวดา

        เวลาผ่านไป 18 ปี คุณสวีพ้นจากการเป็นทหารแล้วจึงได้ทำงานอยู่ที่ซินอา ในเวลาเดียวกันคุณสวีมีความรู้ด้านการรักษาโรค ซึ่งมิได้เกิดจากการเล่าเรียน แต่ความรู้นี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจากภายใน นับวันจะรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เวลารักษาโรคคุณสวีจะไม่เก็บค่ารักษา เพราะถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานความรู้ ความสามารถพิเศษนี้ให้ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอีกเป็นการสร้างบุญ เบื้องบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้คุณสวีเป็นสื่อกลางเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์จากการเจ็บป่วย จนมีอยู่คืนหนึ่งคุณสวีฝันเห็นเทพ 18 องค์ กำลังแบกบ้านหลังหนึ่งสูงประมาณ 4 ชั้น

คุณสวี   :  สิ่งที่ท่านแบกอยู่คืออะไรหรือ

เทพ 18 องค์   :  นี่ก็คือเจ้ากรรมนายเวรของท่าน

คุณสวี   :  ไม่ใช่ ข้าพเจ้าไม่เคยทำร้ายใคร ถือศีลกินเจโดยตลอด จะมีบาปกรรมมากขนาดนี้ได้อย่างไร

เทพ 18 องค์   :  ความจริงเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ท่านช่วยแบกแทนคนอื่น

คุุณสวี   :  ในเมื่อเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ข้าพเจ้าแบกแทนคนอื่น ก็เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าเอง เช่นนั้นขอให้ข้าพเจ้าแบกรับเองเถิดท่าน

เทพ 18 องค์   :  ท่านแบกเองคงไม่ไหวหรอก พระอนุตตรธรรมมารดา มีพระบัญชาให้พวกเราช่วยท่านแบก  แล้วคุณสวีก็ตื่นขึ้น คิดทบทวนเรื่องราวที่ฝันเห็นเมื่อครู่นี้
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : คืนจิตเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/05/2012, 09:22
คืนจิตเดิม

        อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนของคุณสวีเดินทางมาหา เพื่อให้คุณสวีเดินทางไปรักษาคนป่วยที่เมืองโต่วลิ่ว วันนี้เป็นเช้าวันที่ 2 เดือน 7 พอดีมีพายุเข้า คุณสวีเดินทางไปที่เมืองโต่วลิ่ว ก็ประมาณตี 1 กว่าแล้ว ในวันนั้นมีการถ่ายทอดการแข่งขันเบสบอล เมื่อจบเกมคุณสวีล้มตัวลงนอน ขณะเดียวกันนั้นวิญญาณของคุณสวีก็ออกจากร่าง แต่ออกไปในลักษณะของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง รอบตัวมีผ้าสีรุ้งพันตัวอยู่ เดินไปแต่ละก้าวจะมีดอกบัวมารองรับ และเห็นดอกไม้สวยงามแปลกประหลาดเต็มไปหมด มองเห็นทะเลกว้างใหญ่มาก บริเวณนั้นเองมีเด็กเล็ก ๆ 6 คนกำลังกวาดพื้น

เด็กน้อย   :  ศิษย์พี่ท่านกลับมาแล้ว

คุณสวี   :  พวกเธอคือใคร

เด็กน้อย   :  พี่ท่านไปแค่ชั่วโมงเดียว กลับมาลืมพวกเราหมดเลยหรือ

คุณสวี   :  ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร

เด็กน้อย   :  เอาเถอะพี่ท่าน ตอนนี้อาจารย์เจินจวิน อยู่ข้างในรอพบพี่ท่านอยู่  ระหว่างทางที่เดินเข้าไปภายใน สองข้างทางมีเทพยืนเรียงรายมากมาย ตรงกลางมีตะเกียง 3 ดวง และมีคนนั่งอยู่มีแสงเจิดจ้ามาก

คุณสวี   :  ท่านเป็นใครกัน  ทำไมข้าพเจ้ามาถึงที่นี่ได้

อาจารย์เจินจวิน   :  วันนี้เราดีใจมาก  หลังจากกล่าวจบอาจารย์เจินจวินก็เปล่งเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ เสียงหัวเราะนั้นเมื่อคุณสวีได้ยินก็เกิดหัวเราะตามท่านขึ้นบ้าง

อาจารย์เจินจวิน   :  เราก็คือเทพแห่งพระอาทิตย์  หลังจากนั้นคุณสวีก็ตื่นขึ้น
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : พบวิถีธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 7/05/2012, 09:50
พบวิถีธรรม

        ในปี 1979 เดือน 7 วันที่ 3 มีพายุพัดผ่านเกาะไต้หวัน ทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำไม่ขาดสาย จึงทำให้คุณสวีไม่สามารถออกไปรักษาผู้ป่วยได้ เพื่อนของคุณสวีเห็นว่าคุณสวีเป็นคนมีเมตตา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยการรักษาโรคโดยมิได้คิดค่าตรวจ อีกทั้งเป็นคนที่งดเว้นไม่ทานเนื้อสัตว์ เพื่อนของคุณสวีจึงตัดสินใจชักชวนให้คุณสวีมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก่อนหน้านี้เพื่อนของคุณสวีก็รู้ว่าคุณสวีเคยไปท่องนรกอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต จึงได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณสวีให้อาจารย์ถ่ายทอดธรรมทราบ เมื่ออาจารย์ถ่ายทอดธรรมรับรู้เรื่องราวของคุณสวีจากคำบอกเล่าของญาติธรรม จึงได้กราบเรียนให้ท่านธรรมอธิการทราบ เมื่อท่านธรรมอธิการรับทราบเรื่องราว จึงได้เมตตาอนุญาตให้ถ่ายทอดวิถีธรรมให้กับคุณสวีได้ คุณสวีมาพุทธสถานโดยหารู้ไม่ว่า
สิ่งที่คุณสวีตามหามานานกว่าสิบปีจะได้มาเจอวันนี้ในพุทธสถาน  ภายในพุทธสถาน อาจารย์ถ่ายทอดธรรมได้คอยการมาของคุณสวี ก่อนที่จะเริ่มพิธีถ่ายทอดธรรม อาจารย์ถ่ายทอดธรรมได้นำสารคำขอหลงเทียนเปี่ยวออกมาให้คุณสวีดู

อาจารย์ถ่ายทอดธรรม   :  คุณสวี คุณเคยเห็นสารคำขอแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า   ขณะนี้ สิ่งที่คุณสวีตามหามากว่าสิบปีด้วยความยากลำบาก ดั้นดั้นไปเสาะแสวงหาจากสถานที่ต่าง ๆ มากมายก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบ แต่วันนี้กลับได้พบโดยมิได้คาดคิด

คุณสวี   :  เคยเห็นครับ ผมเคยเห็นตอนที่ถอดจิตไปเที่ยวยมโลก แต่ที่ผมเห็นในยมโลกมีขนาดใหญ่มาก ทำไมบนโลกมนุษย์สารคำขอจึงมีขนาดเล็กกว่ามาก  บัดนี้ คุณสวีได้พบสิ่งที่ค้นหามานาน พร้อมกับได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมจากอาจารย์ถ่ายทอดธรรมแซ่หลิน  คุณสวีคุกเข่ากราบรับการถ่ายทอดด้วยความศรัทธาจริงใจ ความรู้สึกตอนนี้ของคุณสวีเต็มไปด้วยความดีใจตื้นตัน ใจตื่นเต้นเป็นที่สุด
       
        ทันที ที่พุทธประทีปจุดขึ้น พายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำได้สงบลงทันที แล้วปรากฏแสงสว่างบนท้องฟ้า  ความอึมครึม  เมฆฝนสลายตัวไปหมด พิธีถ่ายทอดธรรมเริ่มเวลาบ่ายโมง ขณะที่อาจารย์ถ่ายทอดธรรมกำลังทำพิธี คุณสวีเห็นแสงสว่างเจิดจ้า อาจารย์ถ่ายทอดธรรมแซ่หลินกลายเป็นพระอาจารย์จี้กง  คุณสวีมองดูอย่างมีสมาธิ  พระอาจารย์จี้กงเดินตรงเข้ามาใช้นิ้วมือเบิกจุดญาณทวาร ฉับพลันนั้นมีแสงพุ่งตรงออกมาจากจุดที่พระอาจารย์จี้กงชี้ อีกมือหนึ่งของพระอาจารย์ก็ตวัดมือบังไว้ แสงนั้นก็หายไปพร้อมพระอาจารย์จี้กง

        การอธิบายไตรรัตน์ก็เริ่มขึ้น คุณสวีตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มอีกครั้ง ฝนตกลงมาอย่างหนัก
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ท่องจิ่วหยังกวน
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 23/05/2012, 15:05
ท่องจิ่วหยังกวน

        หลังจากได้รับวิถีธรรมแล้ว วันหนึ่งคุณสวีออกไปรักาคนป่วย วันนั้นคุณสวีเหนื่อยมาก จึงล้มตัวลงนอน ชั่วครู่เดียวคุณสวีก็เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์หนึ่งเรียกให้คุณสวียืนขึ้น แล้วส่งเสื้อเต้าเผาชุดใหญ่ (เป็นชุดแบบอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม)  ให้ใส่พร้อมรองเ้ท้าเซียนอีกคู่หนึ่ง ั้งเสื้อและรองเท้ใหญ่เกินตัวคุณสวี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงส่งหมวกจีนเป็นเจดีย์เจ็ดชั้น เมื่อคุณสวีสวมหมวกร่างกายก็ใหญ่ขึ้นจนพอดีกับชุด อีกทั้งตัวคุณสวีเริ่มเบาและลอยได้ และมองเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิมลอยอยู่เบื้องหน้า  คุณสวีลอยตามพระโพธิสัตว์กวนอิมไปจนถึงด่านมีชื่อว่า เก้าเก้าจิ่วหยังกวน  บริเวณภายนอกมีคนยืนอยู่มากมาย คุณสวีจึงกราบทูลถามพระโพธิสัตว์กวนอิม

คุณสวี   :  พระโพธิสัตว์โปรดเมตตา ผู้น้อยมิทราบว่าเขาเหล่านั้นมาทำอะไรกันที่นี่ช่างมากมายจริง ๆ

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  เขาเหล่านั้นกำลังตรวจสอบไตรรัตน์  ที่ได้รับถ่ายทอดจากอาจารย์ถ่ายทอดธรรม

        ผู้ที่ได้รับวิถีธรรมแล้ว หากจำไตรรัตน์ไม่ได้ก็มิอาจจะผ่านเข้าไปในด่านเก้าเก้าจิ่วหยังกวน  พระโพธิสัตว์กวนอิมได้เมตตาพาคุณสวีเข้าไปในบริเวณด่านเก้าเก้าจิ่วหยังกวนโดยผ่านประตูทางทิศใต้  (หนันเีทียนเหมิน) ภายในบริเวณของด่านนี้ มีคุกสวรรค์สำหรับผู้บำเพ็ญถึง 124 แห่ง  ในบริเวณด่านยังมีกระจกสำนึกกรรมสำหรับผู้บำเพ็ญยังชำระจิตไม่สะอาด ใครทำผิดสิ่งใดไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้ากระจกสำนึกกรรม ความผิดบาปทั้งหลายก็จะปรากฏขึ้น หากพ้นสามวันไปแล้วยังไม่สามารถสำนึกตัวบาปกรรมความเคยชินไม่ดีที่เคยมีมา ผู้นั้นจะต้องแบกรับสิ้งเหล่านั้นไว้เอง หากสามารถสำนึกได้ก็จะผ่านด่านนี้ไปได้เมื่อผ่านเข้าไปภายในเรื่อย ๆ ก็จะเป็นอาคารที่ตกแต่งไว้สวยงามจำนวนมากมาย ในอาคารนั้นมีคนจำนวนมากเข้า ๆ ออก ๆ

        ด่านตรวจสอบผู้ที่หลงอยู่ในกามฉันทะ  เมื่อผ่านเข้ามาในด่านนี้ จะเกิดภาพเพศที่ตนหลงใหล หากยังยึดติดอยู่ก็จะต้องอยู่สำนึกบำเพ็ญในด่านนี้จนกว่าจะตัดสิ่งเหล่านี้ได้

        ด่านตรวจสอบผู้ที่ชอบการพนัน  ภายในด่านจะมีเครื่องเล่นการพนันมากมายหลายหลากชนิด ผู้ใดไม่มีการข้องแวะหรือชอบเล่นสิ่งเหล่านี้เลยก็จะผ่านด่านนี้ไปได้

        ด่านผึ้งหลวง   หากผู้บำเพ็ญไม่สำนึก สามวันผ่านไปแล้วก็จะต้องเข้ามาบำเพ็ญอยู่ในด่านผึ้งหลวงเพื่อฝึกจิต ถ้ามีจิตฟุ้งซ่าน จิตไม่สงบ  ผึ้งหลวงจะำหน้าที่ บินมาต่อยเป็นการฝึกจิต   
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : พบเหลาหมู่
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 23/05/2012, 16:02
พบเหลาหมู่

        เมื่อเลยด่านเก้าเก้าจิ่วหยังกวนมาแล้ว คุณสวีมองเห็นอารามใหญ่หลังหนึ่ง มีเสาต้นใหญ่ อีกทั้งมีมังกรเป็น ๆ โอบรอบเสาไว้ เหนือประตูใหญ่มีอักษรคำว่า  "อู๋จี๋กง"  อู๋จี๋กงมีความใหญ่โตมาก คุณสวีตามพระโพธิสัตว์กวนอิมเข้าไป ภายในบริเวณนั้นมีคนมากมายกำลังานผลท้ออยู่ ผลท้อที่นี่เมื่อผ่านปากเข้าไปก็จะหายไป เหลือไว้แต่รสชาติที่หอมหวาน  กลางอารามใหญ่ที่โอ่อ่า มีสิ่งศักดิ์สิทธ์พระองค์หนึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้มังกร  ในพระหัตถ์ของพระองค์มีคฑารูปหัวมังกร คุณสวีไม่สามารถมองเห็นได้เต็มตา เพราะพระวรกายของพระองค์มีแสงเจืดจ้ามาก แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสวีสังเกตเห็นได้คือ พระองค์่ท่านทรงกรรแสงอยู่ตลอดเวลา  เวลาเดียวกันนั้น พระโพธิสัตว์กวนอิมแสดงความเคารพ คุณสวีจึงทำความเคารพตามพระโพธิสัตว์กวนอิม  พระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาอธิบายให้คุณสวีฟังว่า

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือ เหลาหมู่  พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา พระเป็นผู้ให้กำเนิด ฟ้า ดิน  และสรรพสิ่งั้งหลาย รวมทั้งจิตญาณของทุก ๆ คนด้วย  เมื่อคุณสวีได้รับฟังเช่นนั้น จึงได้แสดงความเคารพ แล้วเอ่ยกับพระโพธิสัตว์กวนอิม

คุณสวี   :  ข้าน้อยเห็นคนอื่นเขาทานผลท้อกัน ข้าน้อยอยากทานบ้าง

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  อยากทานก็ต้องบอกกับเหลาหมู่  คุณสวีรีบคุกเข่าต่อหน้าเหลาหมู่ ทันใดนั้นก็มีน้ำทิพย์ได้รินมาถึงหน้าคุณสวี เมื่อคุณสวีดื่มเข้าไปก็เกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวย

คุณสวี   :  หอมหวานอร่อยอะไรเช่นนี้  ขออีกถ้วยหนึ่งจะได้ไหม

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  ำไมเจ้าถึงโลภอย่างนี้

คุณสวี   :  ขอข้าน้อยอีกถ้วยหนึ่งนะครับ  สิ้นเสียงขอร้องจากคุณสวี มีกุมารน้อยหลายองค์อุ้มไหมาหนึ่งใบ คุณสวีเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปตักน้ำในไหดื่มเข้าไปหนึ่งถ้วยด้วยความรีบร้อน แต่ต้องสำลักออกมา  ไม่เอาแล้ว !  ไม่ดื่มแล้ว !  ำไมรสชาติช่างขม เปรี้ยว ฝาด หวาน ดื่มยากเช่นนี้ ไม่รู้รสอะไรเป็นรสอะไร

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  เจ้าต้องดื่มเข้าไป  เสียงหัวเราะดังกังวาลขึ้น คุณสวีเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์หนึ่งมีลักษณะท้องโต ๆ หน้าเหมือนเด็ก สวมชุดเหมือนออกรบ หัวเราะแสดงอาการร่าเริง  ทำให้คุณสวีหัวเราะตาม เมื่อได้ยินเสียงพระองค์ท่านหัวเราะ  สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์นี้ก็คือ หมีเล่อจู่ซือ หรือ พระศรีอริยเมตไตรย  ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เสียงหัวเราะที่ร่าเริง ในมือมีถุงผ้าใบใหญ่ ท้องใหญ่ ๆ นี่เป็นเพราะลักษณะของหมีเล่อจู่ซือ ในพระภาคของพระสงฆ์ถุงย่าม  เหลาหมู่ทรงเมตตามีพระบัญชาอนุญาตให้คุณสวีไปเที่ยวชมบริเวณโดยรอบตามสถานที่ต่าง ๆ ก่อนแล้วค่อยกลับ พระโพธิสัตว์กวนอิมรับสนองพระเสาวณี นำพาคุณสวีไปเยี่ยมชมโดยรอบ จนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง บริเวณนั้นเต็มไปด้วยหมอก มองไม่เห็นแม้แต่พระโพธิสัตว์กวนอิม

        เจ้าคงมองไม่เห็นล่ะสิ ตาเนื้อของมนุษย์นั้นไม่สามารถมองอะไรบนนี้ได้หรอก  พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเมตตาใช้น้ำในแจกันพรมไม่กี่หยด ตาของคุณสวีก็มองเห็นทุกอย่าง  มีทั้งการแสดงของมังกรเขียว  นกหงส์ฟ้า  กิเลน  และนางฟ้ากำลังโปรยดอกไม้ ดูอ่อนช้อยงดงาม เป็นภาพที่สวยงามจนคุณสวีหลุดปากออกมา 

คุณสวี   :  เราน่าจะมาตั้งแต่แรก ๆ ที่ถอดจิตได้แล้ว

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  เมื่อสิ้นงานโปรดสามภพยุคปลายเมื่อไร ผู้ที่บำเพ็ญทั้งหลายก็จะได้กลับมาเบื้องบน ร่วมงานชุมนุมอริยะ หลงฮว๋าฮุ่ย ร่วมทานผลท้อ และฉลองกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย นับหมื่อพระองค์
        สุดท้าย พระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาพาคุณสวีมายัง "กงเต๋อเตี้ยน"  เมื่อประตูใหญ่เปิดออก คุณสวีกำลังก้าวเข้าไป สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือแผ่นป้ายแห่งบุญกุศล ของผู้บำเพ็ญ  บางป้ายก็ใหญ่  บางป้ายก็เล็ก  บ้างก็มีแสงสว่าง  บ้างก็เป็นจุด ๆ ดำ ๆ

คุณสวี   :  พระโพธิสัตว์กวนอิมโปรดเมตตาทำไมป้ายเหล่านี้ดูแปลก ๆ  ไม่เหมือนกัน บ้างสว่าง บ้างดำ บ้างเป็นจุดดำ ๆ

พระโพธิสัตว์กวนอิม   :  ป้ายที่ไม่มีแสง  คือผู้ได้รับวิถีธรรมแล้วไม่ศึกษาบำเพ็ญ
                            ป้ายที่มีจุดดำ ๆ คือผู้ที่รับวิถีธรรมมาแล้ว แต่ไม่บำเพ็ญจริง ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก
                            ป้ายทีมัวมัว      คือผู้ที่รับวิถีธรรมแล้วหลายปี แต่ยังไม่รู้จักถือศีลกินเจ ละเนื้อสัตว์  ไม่เปิดพุทธสถาน
                            ป้ายที่มีแสงสว่าง  คือผู้ที่รับวิถีธรรมแล้ว และตั้งใจศึกษาบำเพ็ญจริง  ถือศีลกินเจเว้นเนื้อสัตว์ เปิดพุทธสถานไว้กราบไว้ คนเหล่านี้เมื่อกลับคืนเบื้องบน  จะมีโอกาสสำเร็จมรรคผลพระโพธิสัตว์     
หัวข้อ: คุณวิเศษของหลงเทียนเปี่ยวสารเทวนาคราช : ปลายกัปยุคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งเดียว หลุดพ้น ที่ 23/05/2012, 16:19
ปลายกัปยุคสาม

        วันนี้ ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรมแล้ว หากไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจก็จะสูญเสียโอกาสที่ดี ไม่รู้คุณวิเศษของการได้รับชี้หนึ่งจุดพ้นการเกิด - ตายจากพระวิสุทธิอาจารย์ กลับเห็นชีวิตในสังคมที่มีร่างกายเพื่อมองผลประโยชน์ ยึดติดกับวัตถุเงินทอง ลาภยศทางสังคม ละเลยการศึกษาบำเพ็ญธรรม ทำให้ขาดความเข้าใจ หลงอยู่ในความทะยานอยากของตนเอง ไหลไปกับกระแสสังคม เห่อเหิมตามผู้อื่น สุดท้ายหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม ชีวิตจึงมีผิดหวัง
สูญเสีย  ความทุกข์  ทุกอยางล้วนผ่านหมุนเวียนเข้ามา ถึงเวลานั้นอยากจะหนีก็ไม่พ้น  ต้องทนทุกข์ทรมานใจเหมือนอยู่นรกอันร้อนรุ่ม จิตใจฟุ้งซ่านน่าเวทนายิ่งนัก

        วันนี้ มีเวลาไม่มากนัก ปลายกัปยุคสาม เมื่อมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเพื่อให้เข้าใจ รู้จักพาตนเองให้พ้นภัยบำเพ็ญทั้งใจให้มีโอกาสกลับคืนสู่เบื้องบน ป้ายบุญกุศลจะได้สว่างเจิดจรัส บรรพชนเจ็ดชั้นเก้าชั่วคนได้อาศัยบุญกุศล บรรลุปณิธานกลับคืนสู่สภาวะเดิมร่วมฉลองในงานชุมนุมอริยะ หลงฮว๋าฮุ่ย เข้าเฝ้าพระอนุตตรธรรมมารดาโดยพร้อมเพรียงกัน

~~~ จบเล่ม ~~~