| ฟ้าดินให้ความสำคัญในกตัญญู | โปรดจงรู้กตัญญูนั้นมาก่อน |
| เพียงหนึ่งคำความกตัญญูห่วงอาทร | ทั้งครอบครัวแน่นอนเป็นสุขใจ |
| ผู้มีความกตัญญูจักก่อเกิด | ให้กำเนิดบุตรกตัญญูดั่งใจหมาย |
| บุตรหลานที่กตัญญูรู้ปลอบใจ | เขาจักได้ปัญญาบารมี |
| กตัญญูคือก้าวแรกแห่งคุณงาม | กตัญญูคือมนุษยธรรมคือวิถี |
| บุตรกตัญญูเมื่อลาลับดับชีวี | จากโลกนี้อวตารเป็นเทพเซียน |
| แต่บุราณเหล่าขุนนางผู้ซื่อสัตย์ | ล้วนเคร่งครัดกตัญญูมากหนักหนา |
| เหล่าขุนนางที่กษัตริย์คัดขึ้นมา | คัดจากบุตรกตัญญุตาสุจริตธรรม |
| จงทุ่มเทลงแรงทั้งกายใจ | ปฏิบัติในกตัญญูต่อแม่พ่อ |
| กตัญญูแค่เลี้ยงดูพอไหมหนอ | หาใช่พอแค่อาภรณ์หรือการกิน |
| ความสูงส่งแห่งกตัญญูอยู่ที่ใด | กตัญญูจากใจอันจริงแท้ |
| กตัญญูยามท่านสอนตักเตือนแล | อย่าเอาแต่โต้เถียงไม่ฟังคำ |
| อนาถใจชาวโลกหาแจ้งใจ | ความหมายในกตัญญูหารู้แจ้ง |
| หากกลับใจเมื่อกตัญญูนำสำแดง | เมื่อจิตแฝงกายดับกลับเมืองแมน |
| มวลปัจจัยกิจใดใดไม่ราบรื่น | ใช่เหตุอื่นเพราะว่าไม่กตัญญู |
| ไตร่ตรองคิดพินิจก็จักรู้ | กตัญญูนั้นซาบซึ้งถึงเบื้องบน |
| กตัญญูสูงค่าหาใดเปรียบ | หามีสิ่งใดเทียบกตัญญูได้ |
| กตัญญูหาใช่แบ่งว่าเป็นใคร | ทั้งหญิงชายล้วนทำได้ทัดเทียมกัน |
| วาสนาเกียรติยศฐามาจากไหน | เกิดขึ้นได้จากกตัญญูคำคำนี้ |
| ฟ้าเบื้องบนโปรดเอ็นดูบุตรผู้มี | กตัญญูบุพการีเป็นพิเศษ |
| อันว่ามวลมนุษย์สุดประเสริฐ | สามารถเทิดกตัญญูแม่พ่อไซร้ |
| กตัญญูเคารพท่านเปรียบว่าได้ | เคารพในฟ้าเบื้องบนเฉกเช่นกัน |
| ในวาจาของบุตรกตัญญู | จักพรั่งพรูกตัญญูเป็นนิจหนา |
| อันสะใภ้กตัญญูมีสีหน้า | กตัญญูทุกคราหน้าเปื้อนยิ้ม |
| ต่อพ่อแม่สามีที่เคียงอยู่ | จงปฏิบัติกตัญญูอย่างเต็มที่ |
| จักได้ชื่อสรรเสริญว่าเมธี | อีกทั้งมีนามกล่าวขานกตัญญู |
| ลูกผู้หญิงได้ชื่อเป็นกุลสตรี | เริ่มต้นที่กตัญญูรู้ฝึกฝน |
| พึ่งพาสามคุณธรรมสี่ในสากล | อันดับต้นก็คือกตัญญู |
| ในชุมชนคนที่มีกตัญญู | จักได้รับการเชิดชูและยกย่อง |
| กตัญญูในครอบครัวจึงปรองดอง | พี่และน้องเฒ่าเยาว์วัยได้ปรีดา |
| บุตรกตัญญูยามพบใครจักเอ่ยคำ | จักโน้มนำกตัญญูสู่ใครเขา |
| กตัญญูฟื้นแบบแผนอันก่อนเก่า | ยกระดับคนเราให้สูงส่ง |
| บุตรผู้มีกตัญญูยามยังชนม์ | ค่าของคนจึงสูงส่งมีคุณค่า |
| แม้วายชนม์ลาลับดับชีวา | นามว่าบุตรกตัญญุตาสืบชั่วนาน |
| การจัดการเรื่องราวทุกสิ่งอย่าง | กตัญญูคือพลังอันยิ่งใหญ่ |
| กตัญญูจักสามารถช่วยดลใจ | สะเทือนให้ซาบซึ้งได้ทั่วฟ้าดิน |
| คัมภีร์ความกตัญญูเอื้อนเตือนเอ่ย | จงแผ่เผยบทกตัญญูสู่ชนหนา |
| กตัญญูต่อบิดรแลมารดา | ทั้งวงศาบรรพชนจงกตัญญู |
| ที่พ่อแม่ให้กำเนิดเกิดลูกมา | ก็ด้วยเหตุกตัญญุตาเป็นที่ตั้ง |
| หากบุตรที่กำเนิดรู้เชื่อฟัง | จึงพร้องทั้งกตัญญูรู้ในคุณ |
| เกิดเป็นคนหากสามารถกตัญญู | รู้เชิดชูกตัญญูต่อพ่อแม่ |
| อนุชนรุ่นหลังเอาเยี่ยงแล | เป็นแน่แท้เจริญตามกตัญญู |
| แม้นผู้ใดไม่รู้ไม่เชิดชู | กตัญญูต่อพ่อแม่พระในบ้าน |
| ไม่กตัญญูเมื่อจนยากอย่าเอ่ยขาน | โทษว่านั่นเพราะฟ้าท่านไม่เมตตา |
| บุตรกตัญญูมีสีหน้าเป็นเช่นไร | เปี่ยมด้วยไอแห่งสันติและโอบอ้อม |
| เมื่อกตัญญูและปรองดองอีกนอบน้อม | ทุกคนย่อมได้ความสุขสำราญใจ |
| พึงกตัญญูยามพ่อแม่ยังชีพอยู่ | แต่ไม่รู้กตัญญูต่อท่านหนา |
| รอจนสิ้นบิดรและมารดา | จึงสำนึกโศกาจะสายเกิน |
| กตัญญูอยู่ที่ใจกตัญญู | หาใช่อยู่ที่รูปลักษณ์หรือเปลือกนอก |
| กตัญญูหาใช่อยู่ที่เอื้อนบอก | ล้นเปลือกนอกคุณค่าอยู่ที่กระทำ |
| บุตรกตัญญูหากปกครองมวลประชา | ประเทศชาติราษฎร์ประชาจะร่มเย็น |
| อันพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ผล | ด้วยเหตุดลจากกตัญญูเป็นจุดหมาย |
| เพียงหนึ่งคำกตัญญูโลกจักได้ | สันติสุขเกิดไซร้เอกภาพ |
| กตัญญูมิใช่อยู่ที่ยศถา | มีฐานะจนยากหรือเศรษฐี |
| แค่เพียงรู้เข้าใจบุพการี | กล่าวมานี้ก็คือบุตรกตัญญู |
| อันพี่น้องปรองดองสมานฉัน | กล่าวได้นั่นกตัญญูเช่นกันหนา |
| รู้อดทนรู้ผ่อนปรนรู้สละ | จงนำพากตัญญูพร้อมสมบูรณ์ |
| กตัญญูมักพบจากความทุกข์ยาก | จากลำบากกตัญญูจึงจริงไซร้ |
| กตัญญูมีใบหน้ายิ้มละมัย | จงมอบให้พ่อแม่เสมอไป |
| ยามพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าคือโอกาส | ลูกสามารถกตัญญูท่านทั้งสอง |
| หากท่านนั้นตกพุ่มหม้ายเหงาเศร้าหมอง | ยิ่งจะต้องกตัญญูทวีคุณ |
| จงรีบเร่งปฏิบัติกตัญญู | ของจงรู้วันเวลาผ่านเร็วหนา |
| กตัญญูคือหน้าที่บุตรธิดา | อายุขัยเบื้องฟ้าผู้กำหนด |
| กตัญญูยามท่านนั้นยังอยู่ | จึงชื่อว่ากตัญญูแท้จริงหนา |
| กตัญญูยามท่านสิ้นชีวา | กตัญญูหรือมีค่ามีความหมาย |
| นำเอาความกตัญญูมอบสืบสาน | อยู่ในบ้านเป็นมรกดอย่าให้สูญ |
| คุณสมบัติแห่งกตัญญูอุ่นละมุน | กตัญญูอบอุ่นชุ่มชื่นใจ |
| ดั่งลูกแพะคุกเข่าดื่มนมแม่ | เพราะลูกแพะกตัญญูรู้คุณค่า |
| อีกอีกาป้อนอาหารยามแม่ชรา | จึงกล่าวว่าอีการู้พระคุณ |
| แต่หากคนผู้ได้ชื่อสัตว์ประเสริฐ | แต่ไม่รู้ทูนเทิดกตัญญู |
| มิอาจเทียบเดรัจฉานน่าอดสู | มิอาจสู้เดรัจฉานอนาถใจ |
| สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย | กตัญญูจัดไว้อันดับต้น |
| กตัญญูหากเปรียบดั่งสายชล | ก็คือต้นคือรากฐานคือที่มา |
| ประพฤติงามเจริญตามปวงพุทธะ | กล่าวได้ว่าได้ปฏิบัติกตัญญู |
| เก้าชั้นฟ้าพุทธานุภาพพาขึ้นสู่ | ล้วนอาศัยกตัญญูพาล่วงพ้น |
| ขอสาธุเมื่อเอ่ยถึงกตัญญู | โปรดจงรู้กตัญญูนั้นยิ่งใหญ่ |
| กตัญญูหาได้มีขอบเขตไม่ | อานุภาพมากมายกตัญญู |
| ในคัมภีร์บทนี้ที่กล่าวไว้ | ไม่หนีไกลจากกตัญญูคำนี้หนา |
| แม้นละห่างจากไกลกตัญญุตา | คุณสัมพันธ์ในโลกาจักวุ่นวาย |
| แม้นมาดว่าสามารถสวดได้สิบจบ | เท่าท่องครบพันคำกตัญญุตา |
| แม้นว่าท่องได้ร้อยจบดังที่ว่า | เท่ากับสวดกตัญญุตาถึงหมื่นคำ |
| สวดพันจบหมื่นขบกตัญญู | หมั่นสำนึกระลึกรู้พร่ำสวดหนา |
| จักช่วยปลดเภทภัยเคราะห์นานา | ด้วยคัมภีร์ร้อยกตัญญุตาบทนี้เอย |